เตือนเรื่อง โรคระบาด !!!!!!!!!!!! - โรคที่อาจมาหลังน้ำท่วม

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 12 มกราคม 2007.

  1. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    คือเคยทำวิจัย พบว่าสารสกัดจากใบยอ (แอลกอฮอล์ปนคลอโรฟอร์ม) หยุดการโตของไวรัสไข้เลือดออก แต่ขอเงินหลวงแล้วเขาไม่อนุมัติ

    เอาผัดน้ำมันร้อนๆรับประทานไปเลย (ไฟแรงสุกเร็ว) ไม่แนะนำเป็นห่อหมกเพราะนึ่งนาน

    ไม่งั้นก็ตากแห้งและบด ฝากร้านยาไทยเข้าแคปซูลให้ ไว้ทานเวลาเป็นไข้จากไวรัสก็ได้ค่ะ จะให้ไก่กินกันไข้หวัดนกก็น่าจะดีนะคะ เคยขอคุณทักษิณทำวิจัยแค่ ๑ ล้านสมัยหวัดนกระบาดหนแรก จนตกเก้าอี้ไปแล้วยังไม่ได้เงินเลย ดูแลสุขภาพกันเองนะคะ
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-02-08 05:31:49 - Epidemic Hazard - Thailand</big>

    <code> GLIDE CODE: EP-20080208-15305-THA
    Date & Time: 2008-02-08 05:31:49 [UTC]
    Area: Thailand, Province of Phichit, Phichit Provincial Hospital,

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Yellow; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: Red; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">NOTICE!</fieldset>

    Description:

    A man in Thailand's northern province Phichit was suspected of contracting bird flu as he was found with high fever for two days after contact with dead chickens, media here reported Friday. Khanueng Limchai, 32, was admitted to the Phichit Provincial Hospital at 11 p.m. (1600 GMT) Thursday night. He had high fever for two days after he found dead chickens stuffed in a bag and took them home to feed his dogs. His wife earlier took him to a clinic and the clinic sent him to the provincial hospital on suspicion that he had contracted bird flu. His blood sample has been sent for checking. The result of blood test would be known in two days.

    Infected: 1 persons
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    เตือนภัย! ยอดเด็ก กทม.ติดโรคมือเท้าปากพุ่ง 5 เท่า

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 กุมภาพันธ์ 2551 14:11 น.






    กทม.เตือนอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยระวังโรคบาดจากเชื้อไวรัสถามหาอย่างโรคมือ เท้า ปาก โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้เลือดออก หลังจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รองผู้ว่าฯ กทม.ฝากร้านเกม อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ จัดเตรียมห้องน้ำ สบู่ล้างมือบริการลูกค้าโดยเฉพาะเด็กๆเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคเมือเท้าปากเพราะแค่เดือนมกราคมเดือนเดียวตัวเลขพุ่งสูงจากเดือนมกราคมปีที่แล้ว ถึง 5 เท่าตัวคือจาก 60 ราย เพิ่มเป็น 261 ราย

    นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยนายสิทธิสัตย์ เจียมวงศ์แพทย์ รองปลัดกทม. แถลงเตือนประชาชนให้ระวังโรคระบาดในภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง เนื่องจากตั้งแต่ปลายปี 2550 เป็นต้นมา ทำให้เกิดโรคติดต่อสำคัญ 3 โรค คือ โรคมือ เท้า ปาก โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้เลือดออก โดยในช่วงเดือน ม.ค.2551 พบผู้ป่วยด้วยโรค มือ เท้า ปาก สูงกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน ถึง 5 เท่า ในช่วงเดือน ก.ย.2550 - ธ.ค.2550 พบผู้ป่วยโรคด้วยไข้หวัดใหญ่ เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

    ส่วนโรคไข้เลือดออกซึ่งมีการระบาดตลอดทั้งปีพบว่า มีแนวโน้มการระบาดสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2551 กทม.มีความห่วงใยประชาชนจึงได้ติดตาม เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคดังกล่าว พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ แก่ประชาชน โดยสามารถรับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของกทม. 68 แห่ง อีกทั้งศูนย์บริการสาธารณสุขสาขา 72 แห่ง และโรงพยาบาลกทม.ทั้ง 9 แห่ง สำนักงานเขต 50 เขต สำหรับนอกเวลาราชการสามารถสอบถามปัญหาต่างๆ โดยโทร.สายด่วน กทม.1555 สายด่วนสำนักอนามัย 0-2245-4964 นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกันโรคแก่เด็กนักเรียน กทม.โดยกองควบคุมโรค สำนักอนามัย ได้ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข และสำนักงานเขต จัดทำโครงการอบรมสารวัตรกำจัดยุงลาย ภายใต้โครงการกรุงเทพฯเขตปลอดยุงลาย ให้แก่นักเรียนในสังกัด กทม. โดยมีการบูรณาการ เรื่อง การล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อให้เด็กรู้จักวิธีการล้างมือที่ถูกต้อง ป้องกันโรคมือ เท้า ปากและไข้หวัดใหญ่ควบคู่กันไปด้วย

    ทั้งนี้ โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส 71 พบได้บ่อยในกลุ่มเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 10 ปี เป็นโรคที่เกิดได้ตลอดปี แต่จะเพิ่มมากขึ้นในหน้าฝนซึ่งอากาศมักเย็นและชื้น โดยทั่วไปโรคนี้มีอาการไม่รุนแรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีไข้ 2-4 วัน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อคล้ายไข้หวัด ในปากมีแผลเหมือนแผลร้อนในและมีผื่นแดงเป็นจุดแดงอักเสบที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้นด้วย ต่อมาผื่นที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นตุ่มพองใส และแตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆการติดต่อส่วนใหญ่เกิดจากได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ปากโดยตรง โรคแพร่ติดต่อง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย โดยเชื้อไวรัสอาจติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย น้ำมูก ที่เกิดจากการไอ จามรดกัน น้ำจากตุ่มพองและแผล หรืออุจจาระของผู้ป่วยในระยะที่เด็กมีอาการทุเลาหรือหายป่วยแล้วประมาณ 1 เดือน

    สำหรับโรคนี้ไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกัน แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ และรักษาตัวที่บ้านประมาณ 7 วันหรือจนกว่าจะหายเป็นปกติ ระหว่างนี้ไม่ควรพาเด็กไปในสถานที่แออัด เช่น สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำ ห้างสรรพสินค้า และผู้ปกครองควรแนะนำบุตรหลานและผู้เลี้ยงดูเด็กให้รักษาความสะอาด ตัดเล็บให้สั้น หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะหลังการขับถ่ายและก่อนรับประทานอาหาร รวมทั้งการใช้ช้อนกลาง และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน และผู้เลี้ยงดูเด็กต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระเด็กป่วย หากพบว่ามีอาการระบาดของโรคมือ เท้าปากในโรงเรียนหรือศูนย์เด็กเล็กให้แจ้งสำนักอนามัย หรือศูนย์บริการสาธารณสุขกรุงเทพมหานครในพื้นที่ เพื่อพิจารณาให้ปิดโรงเรียนตามความเหมาะสมเพื่อดำเนินการทำความสะอาดให้ปราศจากโรคต่อไป

    ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นได้กับทุกเพศทุกวัย ผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าเป็นไข้หวัดอย่างเห็นได้ชัด โดยมีไข้สูง ปวดศรีษะ ไอและอ่อนเพลียมาก ปวดเมื่อยตามร่างกาย บางรายอาจมีโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปลอดภัยจากโรคไข้หวัดใหญ่ ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงสถานที่มีผู้คนแออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก รวมทั้งหมั่นล้างมือบ่อยๆ และปิดจมูกทุกครั้งที่มีการไอหรือจาม

    ขณะที่โรคไข้เลือดออก เป็นโรคที่พบได้ทุกเพศวัยและระบาดได้ตลอดปี แต่เนื่องจากในช่วงต้นปีมีภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง ฝนตกไม่เป็นไปตามฤดูกาลไข้เลือดออกอาจระบาดสูงขึ้น ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะมีอาการไข้สูง เบื่ออาหาร และอาจมีจุดแดงตามลำตัว แขน ขา ซึ่งเรียกว่าระยะไข้ ต่อมาอาจเกิดระยะช็อกซึ่งมักเกิดช่วงที่ไข้ลดลงผู้ป่วยจะซึม มือเท้าเย็น ปวดท้อง ปัสสาวะออกน้อย อาจมีเลือดออกง่ายถ้าได้รับการรักษาไม่ถูกต้องอาจตายได้ การป้องกันที่ดีที่สุด คือ ระวังอย่าให้ยุงกัด และช่วยกันกำจัดลูกน้ำยุงลาย ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง

    “อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองฝึกเด็กให้รู้จักต้องล้างมือเป็นประจำ รวมถึงอยากขอร้องให้ผู้ประกอบการเล่นอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ร้านเกมในห้างสรรพสินค้าต่างๆ จัดเตรียมห้องน้ำ สบู่ ไว้ล้างมือเพราะนี่เป็นมาตรการเบื้องต้นที่จะป้องกันเด็กๆ ให้ปลอดภัยจากโรคมือ เท้า ปาก ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่การดูแลร่างกายเป็นสิ่งจำเป็น ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อยู่ในที่แออัด ขณะที่โรคไข้เลือดออกระวังอย่าให้มีน้ำขัง ดูแลสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ดี ยิ่งในสภาวะโลกร้อนแบบนี้” นายวัลลภ กล่าว

    ด้านนางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค กทม. กล่าวว่า สำหรับสถิติโรคมือ เท้า ปาก ในปี 2549 พบว่ามีเด็กป่วยจำนวน 1,273 ราย ปี 2550 4,689 ราย ขณะที่เดือนมกราคม 2550 มีจำนวน 60 ราย แต่ปี 2551 มีจำนวน 261 รายซึ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 5 เท่าตัว ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่ปี 2549 มีผู้ป่วย 1,153 ราย ปี 2550 2,140 ราย ซึ่งช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค.2550 เมื่อเทียบรายเดือนในช่วงเดียวกันของปี 2549 ซึ่งเป็นช่วงฤดูระบาดจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า แต่ถ้าเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 2 เท่า ส่วนโรคไข้เลือดออก ปี 2549 มีจำนวน 7,604 ราย เสียชีวิต 12 ราย ปี 2550 จำนวน 7,251 ราย เสียชีวิต 11 ราย เฉพาะเดือนมกราคม 2550 จำนวน 599 ราย มกราคม 2551 มี 553 ราย แต่อย่างไรก็ตามอัตราการเสียชีวิตยังไม่เกิน 0.15 ต่อ ประชากร 1 แสนคน ทั้งนี้ ตนอยากให้ยึดหลัก 3 ป. ได้แก่ ปิด เปลี่ยน ปล่อย คือ การปิดฝาภาชนะ เช่น โอ่งน้ำให้เรียบร้อย, เปลี่ยนคือหมั่นเปลี่ยนน้ำในภาชนะไม่ให้ยุงลายไปวางไข้ได้ ส่วนปล่อย คือให้ปล่อยปลาหางนกยูงเพื่อให้กินลูกน้ำยุงลายแทนการใส่ทรายอะเบทที่เป็นสารเคมี ถ้าทำได้แค่นี้ก็จะปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกแล้ว
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-03-03 12:31:08 - Epidemic Hazard - Thailand</big>

    <code> GLIDE CODE: EP-20080303-15663-THA
    Date & Time: 2008-03-03 12:31:08 [UTC]
    Area: Thailand, Province of Chaiyaphum, ,

    Description:

    A man was suspected of having contracted bird flu after eating sick chicken and fell ill in Thailand's northeastern province Chaiyaphum. Promma Kulkasem, 57, was admitted to the Chaiyaphum Hospital Monday after falling sick with high fever and other flu-like symptoms since last Saturday. Promma said that he roasted and ate some of his chicken which died from illness and died before he himself fell ill. The patient was closely watched in the intensive care unit (ICU)and a lab test is being conducted to determine whether he had caught bird flu. Promma was the second suspected human-contracting-bird-flu case reported this year.

    Infected: 1 persons
    Damage level: Moderate (Level 2)</code>
     
  5. A dam

    A dam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    556
    ค่าพลัง:
    +1,654
    ถ้าพูดถึลวัตถุมงคลที่ทำมาเพื่อกันโรคระบาดโดยเฉพาะ ก็ต้องขอบอกเลยว่า เหรียญทำน้ำมนต์ หลวงพ่อฤาษี แต่เนื่องจากมีราคาสูงมาก จึงอยากจะแนะนำ นี่เลยครับ เหรียญของขวัญวันกิด เพราะอานุภาพพอๆกับเหรียญน้ำมนต์ ราคายังพอเช่าหากันได้ แต่อันนี้อยากจะแนะนำจริงๆเลยคือ เข็มกลัดมงกุฏเพชร (ที่วัดยังมีบูชาอยู่ 1600)เพราะพระท่านสงเคราะห์ด้านโรคระบาดมาดีมาก และที่สำคัญ มีเหรียญนี้ไม่ต้องกลัวโรคเอดส์ครับ คอนเฟริม...
     
  6. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สธ.ชี้เชื้อ “ไข้กระต่าย” รุนแรงขั้นผลิตอาวุธชีวภาพได้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 มีนาคม 2551 14:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อึ้ง! เชื้อโรค “ไข้กระต่าย” อยู่ในบัญชีผู้ก่อการร้ายนิยมนำไปผลิตอาวุธชีวภาพ ระบุ อาการคล้ายกับหลายโรค แยกแยะลำบาก ทำให้ขาดการระมัดระวังตัว เริ่มแรกเหมือนไข้หวัดใหญ่ อาจเกิดแผลอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโต รุนแรงติดเชื้อทางกระแสเลือดทำให้เสียชีวิต สธ.เตรียมรายงานองค์การอนามัยโลกเป็นโรคอุบัติใหม่ที่พบในไทย เตือนนักนิยมเลี้ยงสัตว์นอกอย่าลักลอบนำเข้า เสี่ยงเป็นช่องทางแพร่เชื้อ

    วันนี้ (17 มี.ค.) ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงโรคทูลารีเมีย (Tularemia) หรือโรคไข้กระต่าย ที่ติดต่อจากสัตว์ฟันแทะ เช่น กระต่าย กระรอก และ หนู เป็นต้น ซึ่งพบผู้ป่วยและเสียชีวิตที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นรายแรกของประเทศไทย ว่า โรคทูลารีเมียเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ฟรานซิเซลล่า ทูลารีซิส (Francisella Tularensis) เดิมพบในสัตว์ป่าและติดต่อในหมู่สัตว์ป่าด้วยกัน แต่เมื่อคนนำสัตว์ป่า เช่น กระต่าย กระรอก มาเลี้ยงมากขึ้น ทำให้โรคนี้ติดต่อจากสัตว์มาสู่คน โดยจัดเป็นโรคประจำถิ่นของทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป ที่สำคัญ เชื้อชนิดนี้เครือข่ายเฝ้าระวังการก่อการร้ายโลกขึ้นบัญชีเป็นเชื้อโรคที่ผู้ก่อการร้ายทั่วโลกนิยมนำไปผลิตเป็นอาวุธชีวภาพ เนื่องจากเชื้อสามารถติดต่อจากคนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งเมื่อมีอาการก็จะคล้ายกับโรคอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยไม่ระมัดระวังในการรักษาตัว

    “โรคไข้กระต่ายยังไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน แต่จะติดต่อจากสัตว์สู่คนทั้งทางตรงด้วยการสัมผัสสารคัดหลั่ง, การหายใจ, การกินเนื้อ และถูกเห็บ หมัดในตัวสัตว์ที่เป็นโรคกัด ซึ่งเชื้อจะใช้เวลาฟักตัวในคนประมาณ 3-5 วัน จึงจะแสดงอาการ หากติดผ่านทางผิวหนังจะเกิดแผลอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโต ติดที่บริเวณเท้าจะคล้ายโรคฝีมะม่วง ติดต่อทางเดินหายใจ อาการเริ่มแรกเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ จนสัปดาห์ที่ 2 อันตรายที่สุด จะเกิดภาวะแทรกซ้อนเป็นปวดบวม และเมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสโลหิตจะเสียชีวิต อาการโดยรวมจะแยกแยะลำบากจากกาฬโรค และถ้าติดจากการกินอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อจะทำให้ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน แต่มักไม่เสียชีวิต” นพ.ธวัช กล่าว

    นพ.ธวัช กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เสียชีวิต มีประวัติสัมผัสกระต่าย โดยที่บ้านมีการเลี้ยงกระต่ายพันธุ์ไทยจำนวนมาก เชื่อว่า จะได้รับเชื้อทั้งจากทางเดินหายใจ การสัมผัสสารคัดหลั่งทางปาก จมูก ซึ่งปัจจุบันญาติผู้เสียชีวิตที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ยังไม่มีผู้ใดป่วยเป็นโรคนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งทำให้มีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าคนอื่นๆ ในบ้าน โดยคาดว่าอีก 2 สัปดาห์ผลยืนยันทางห้องแล็ปจากประเทศสหรัฐอเมริกา จะรู้แน่ชัดว่าเป็นเชื้อสายพันธุ์ เอ หรือ บี หากเป็นชนิด เอ จะมีความรุนแรงมากกว่า

    นพ.ธวัช กล่าวต่อว่า สำหรับการควบคุมโรคในเบื้องต้นได้ประสานไปยังกรมปศุสัตว์ให้สุ่มตรวจเชื้อทั่วประเทศ รวมถึงกำชับให้สำนักงานสาธารณสุข (สสจ.) ทั่วประเทศรายงานหากพบผู้ป่วยต้องสงสัยหรือเป็นโรคนี้ เนื่องจากถือเป็นหนึ่งในโรคอุบัติใหม่ของไทยจึงต้องรายงานไปยังองค์การอนามัยโลก และต้องมีการให้ความรู้ในการป้องกันแก่ประชาชน และแพทย์ในการตรวจวินิจฉัยและวิธีการรักษา เพราะในตำราแพทย์ที่เรียนในไทยยังไม่มีโรคนี้

    นพ.ธวัช กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยรายแรกชาว จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องด้วยการส่งไปตรวจในห้องแล็ปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าก่อนหน้านี้มีผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่เป็นโรคนี้เช่นกัน แต่ไม่มีการตรวจวินิจฉัย เนื่องจากอาการโดยทั่วไปคล้ายกับโรคต่างๆ แพทย์จึงวินิจฉัยและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะตามอาการที่ตรวจพบจนหาย เพราะ โรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะสเตร็ปโตมายซิน และยาเจนต้ามายซิน แต่ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เพราะรักษาไม่ทัน ดังนั้น เมื่อมีอาการไข้แล้วกินยาลดไข้ 1 ครั้งไม่ดีขึ้น ให้ไปพบแพทย์ อย่านิ่งนอนใจ อย่ากลัวเสียเวลา หากได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ โอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเสียชีวิตจะน้อย

    นพ.ธวัช กล่าวด้วยว่า เชื้อชนิดนี้จะอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมอุณหภูมิทั่วไปและในอุณหภูมิติดลบมากๆ ซึ่งมีรายงานการวิจัยระบุว่าเมื่อนำเนื้อกระต่ายที่นิยมบริโภคกันในสหรัฐอเมริกามาแช่แข็งอุณหภูมิ – 15 องศาเซลเซียสไม่สามารถฆ่าเชื้อนี้ได้ เว้นแต่จะนำไปปรุงให้สุกอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที วิธีการป้องกันผู้เลี้ยงอย่าสัมผัสสัตว์ หรือหากจะแตะต้องควรใส่ถุงมือ ล้างมือทำความสะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์เลี่ยง และผู้เลี้ยงควรกำจัดเห็บ หมัดในสัตว์เลี้ยงให้หมด ผู้ที่เลี้ยงเชิงอุตสาหกรรมควรใส่รองเท้าบูท เสื้อกาวน์ ถุงมือ และหน้ากากในการป้องกัน ส่วนวัคซีนมีการนำมาใช้ป้องกันโรคเช่นกัน โดยในประเทศสหรัฐอเมริกาฉีดให้เฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น พรานป่า และคนเลี้ยงสัตว์จำนวนมากเท่านั้น สำหรับประเทศไทยไม่ได้นำเข้า เนื่องจากไม่ใช่โรคประจำถิ่น

    “โรคนี้ไม่ใช่โรคประจำถิ่น การควบคุมโรคจึงต้องเข้มงวดในการนำเข้าสัตว์ จึงอยากเตือนกลุ่มคนมีเงินที่อยากมีสัตว์เลี้ยงแปลกๆ นำเข้าจากต่างประเทศ อย่าแอบลักลอบนำเข้า หากต้องการเลี้ยงให้ขออนุญาตให้ถูกต้องจากกรมปศุสัตว์ เพราะตรงนี้อันตรายมากอาจทำให้เกิดโรคแปลกๆที่ติดต่อร้ายแรงในประเทศไทยได้”นพ.ธวัชกล่าว อึ้ง!เชื้อโรค “ไข้กระต่าย” อยู่ในลิสต์ยอดนิยมผู้ก่อการร้ายนำไปผลิตอาวุธชีวภาพ สธ.เตรียมรายงานองค์การอนามัยโลกเป็นโรคอุบัติใหม่ที่พบในไทย เตือนนักนิยมเลี้ยงสัตว์นอกอย่าลักลอบนำเข้า เสี่ยงเป็นช่องทางแพร่เชื้อ แนะอย่าสัมผัสสัตว์โดยตรง ล้างมือบ่อยๆ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000032377
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    เตือนภัยโรคพิษสุนัขบ้า เผยปี 50 ตาย 15 คน <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">22 มีนาคม 2551 11:32 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table align="right" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="5">[​IMG]</td> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="200"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="200"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> สาธารณสุขเผยสถิติโรคพิษสุนัขบ้าขณะนี้ พบได้ตลอดปี ในปี 2550 พบผู้เสียชีวิต 15 ราย ใน 12 จังหวัด ย้ำประชาชนอย่าวางใจแม้จะถูกลูกสุนัขกัด ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรคชี้คนไทยมีสารพัดความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังถูกกัดอย่างน้อย 8 อย่าง เช่น กินตับสุนัขที่กัด รดน้ำมนต์ หรือใช้ยาฉุนยัดแผล ยืนยันไม่สามารถป้องกันได้ การป้องกันหลังกัดมีวิธีเดียวคือต้องฉีดวัคซีน หากปล่อยให้ถึงขั้นป่วยจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต เพราะโรคนี้ยังไม่มียารักษา

    นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) หรือที่เรียกว่าโรคหมาว้อ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่าเรบี (Rabies virus) หลังถูกกัดแล้วเชื้อจะเดินทางไปตามเส้นประสาทเข้าสู่สมอง ทำให้มีอาการทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เมื่อเกิดอาการแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ โอกาสตาย 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มียารักษา ในปี 2550 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 15 ราย ใน 12 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สุพรรณบุรี สระแก้ว สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง หนองบัวลำภู บุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต แนวโน้มจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าลดลงจากปี 2549 ซึ่งมี 26 ราย ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตร้อยละ 92 อยู่ในช่วงอายุ 15-45 ปี ส่วนใหญ่ถูกลูกสุนัขวัย 3 เดือนกัด ในปี 2551 นี้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้า

    นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า เมื่อคนถูกสุนัขที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน เลีย หรือน้ำลายของสุนัขกระเด็นเข้าแผล หรือเข้าทางรอยขีดข่วน เยื่อบุตา จมูก ปาก หลังติดเชื้อจะแสดงอาการป่วยโดยเฉลี่ยประมาณ 3 สัปดาห์ถึง 4 เดือน บางรายอาจเกิดอาการหลังถูกกัดเพียง 4 วัน โดยอาการของโรคพิษสุนัขบ้า เริ่มแรกจะมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คันแผลที่ถูกกัด แสบๆ ร้อนๆ บางคนคันมากจนกลายเป็นแผลอักเสบ ผู้ป่วยชายบางรายอาจหลั่งน้ำอสุจิออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนผู้ป่วยหญิงอาจพบมีอาการปวดเสียวบริเวณหน้าท้องคล้ายจะมีประจำเดือน ต่อมามีอาการกระสับกระส่าย กลัวแสง กลัวลม กลัวน้ำ คือมีอาการอยากดื่มน้ำ แต่ดื่มแล้วจะสำลัก และแสบหลอดลมอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจึงแสดงอาการกลัวน้ำทุกครั้งที่มีผู้ยื่นขันน้ำหรือแก้วน้ำให้ดื่ม ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ กระวนกระวาย หนาวสั่น ตามักเบิกโพลงบ่อยๆ ชักเกร็ง เป็นอัมพาต และตายในที่สุด ซึ่งอาการดังกล่าวบางครั้งประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคทางจิต ฉะนั้นประชาชนอย่าชะล่าใจ หลังถูกสุนัขกัดต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

    นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อไปว่า อาการป่วยจะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อที่เข้าไป หากบาดแผลใหญ่ ลึก หรือมีหลายแผล เชื้อมีโอกาสจะเข้าไปได้มาก รวมทั้งตำแหน่งที่ถูกกัด ถ้าอยู่ใกล้สมองมาก เชื้อก็จะเข้าสู่สมองได้เร็ว ถ้าน้ำลายของสัตว์ถูกผิวหนังที่ปกติ คือไม่มีรอยข่วนหรือบาดแผล จะไม่มีโอกาสติดโรค และยังขึ้นอยู่กับอายุคนที่ถูกกัด เด็กและคนชราจะมีความต้านทานของโรคต่ำกว่าคนหนุ่มสาว และประการสุดท้ายขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อ หากติดเชื้อจากสัตว์ป่าที่ป่วยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า จะมีอันตรายสูงกว่าสัตว์เลี้ยงตามบ้าน

    ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประเมินปัญหาของโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย พบว่าสัตว์ที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อมากที่สุดร้อยละ 96 คือสุนัข รองลงมาเป็นแมว พบได้ร้อยละ 3 โดยเฉพาะลูกสุนัขทุกอายุ มีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้เช่นเดียวกับสุนัขโต เพราะลูกสุนัขได้รับเชื้อจากแม่ที่มีเชื้อผ่านทางรก แต่คนทั่วไปมักมีความเชื่อว่าสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าจะมีอาการดุร้าย ตัวแข็ง หางตกเท่านั้น แท้จริงแล้วอาการของสุนัขที่เป็นโรคนี้ มีทั้งแบบซึมและแบบดูร้าย แบบซึมสุนัขจะหลบซุกตัวในมุมมืด ถ้าถูกรบกวน อาจจะกัด ต่อมาจะเป็นอัมพาตแล้วตาย สุนัขบ้าบางตัวอาจแสดงอาการคล้ายกระดูกหรือก้างติดคอ ทำให้เจ้าของเข้าใจผิดพยายามล้วงปากสุนัขเพื่อหาเศษกระดูก ทำให้ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าโดยไม่รู้ตัว

    นายแพทย์ธวัช กล่าวต่อว่า ขณะนี้จำนวนคนตายจากโรคพิษสุนัขบ้าน้อยลง เนื่องจากรัฐบาลให้ความสนใจต่อการป้องกันและกำจัดโรคอย่างจริงจัง ประชาชนมีความรู้มากขึ้น วัคซีนมีคุณภาพ มีความปลอดภัยมากขึ้น ราคาถูก อย่างไรก็ตาม มีเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งตายจากโรคนี้ เพราะมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคนี้อย่างน้อย 8 ประการ ได้แก่ 1.เชื่อว่าโรคพิษสุนัขบ้าเป็นเฉพาะหน้าร้อนเท่านั้น 2.เชื่อว่าเมื่อถูกสุนัขกัด ต้องใช้รองเท้าตบแผล หรือใช้เกลือ ขี้ผึ้งบาล์มหรือยาฉุนยัดในแผล 3.หลังถูกกัดต้องรดน้ำมนต์จะช่วยรักษาโรคพิษสุนัขบ้าได้ 4.เมื่อถูกสุนัขกัด ให้ฆ่าสุนัขแล้วนำตับสุนัขมากิน คนก็จะไม่ป่วยเป็นโรคนี้ 5.เมื่อถูกสุนัขกัด การตัดหูตัดหางสุนัขจะช่วยให้สุนัขไม่เป็นโรคพิษสุนัขบ้า 6.คนท้องไม่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 7.โรคพิษสุนัขบ้าเป็นเฉพาะในสุนัขเท่านั้น 8.วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าฉีดรอบสะดือ 14 เข็ม หรือ 21 เข็ม ถ้าหยุดฉีดต้องเริ่มใหม่ เป็นต้น ความเชื่อเหล่านี้ ทำให้ผู้ที่ถูกสุนัขที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด ไม่ไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน ทำให้อัตราตายมี 100 เปอร์เซ็นต์

    นายแพทย์ธวัช กล่าวต่ออีกว่า การป้องกันการเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าที่ดีที่สุด คือการฉีดวัคซีนหลังถูกกัด ขณะนี้วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้ามีความปลอดภัยสูง ฉีดเพียง 5 เข็ม ไม่ต้องฉีดทุกวัน ในคนท้องก็ฉีดได้ การฉีดวัคซีนทันทีที่สัมผัสกับโรค จะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคขึ้นมา แต่หากไม่ฉีดวัคซีนป้องกัน เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจะขึ้นไปทำลายสมอง ไม่มีหนทางใดรักษาได้ ทำให้เสียชีวิตทุกราย

    สำหรับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยง เจ้าของควรนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เริ่มฉีดครั้งแรกเมื่อสุนัขอายุตั้งแต่ 2 เดือน แล้วฉีดกระตุ้นอีกครั้งใน 2-3 เดือนต่อมา และฉีดซ้ำทุกปี หรือนำสุนัขเพศเมียไปฉีดยาคุมกำเนิดถ้าไม่ต้องการให้มีลูก และหลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์ กัด เลีย โดยเฉพาะเด็กที่ชอบเล่นกับสุนัข หากถูกสุนัขกัด ให้รีบล้างแผลด้วยน้ำฟอกสบู่หลายๆ ครั้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น ทิงเจอร์ไอโอดีน แอลกอฮอล์ เป็นต้น แล้วรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>พบไวรัสหมูท้องร่วงกลายพันธุ์จากจีน เป็นเหตุตายกว่า6แสนตัว

    </TD><TD align=right width=100>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย คม ชัด ลึก<SCRIPT language=JavaScript src="http://news.sanook.com/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน อาทิตย์ ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4></TD><TD width=575>นักวิจัยจุฬาฯพบไวรัสหมูท้องร่วงกลายพันธุ์มาจากจีน เป็นครั้งแรกของโลกที่ทำให้หมูตายกว่า 6 แสนตัว ชี้อาจติดถึงคนหลังพบนักวิจัยในห้องปฏิบัติการ และคนในฟาร์มท้องร่วงเตรียมขออุจจาระตรวจ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรเผยไวรัสระบาดไม่หยุดลามจากภาคกลางถึงอีสานแล้ว

    [​IMG]จากเหตุการณ์ลูกหมูในฟาร์มทั่วประเทศไทยตายลงกว่า6 แสนตัวจากการระบาดของ โรคท้องร่วงติดต่อในสุกร หรือ โรคพีอีดี (Porcine Epidemic Diarrhea หรือ PED) นั้น ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญด้านพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า เป็นครั้งแรกของโลกที่เกิดโรคระบาดพีอีดีทำให้หมูตายนับแสนตัว นอกจากนี้ผลวิเคราะห์สารพันธุกรรมในไวรัสที่ระบาดยังพบว่า ไม่ใช่ไวรัสพีอีดีในไทย แต่เป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่แพร่มาจากประเทศจีน

    น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ ธนาวงษ์นุเวช หัวหน้าหน่วยชันสูตรโรคสัตว์และหัวหน้าหน่วยพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า โรคพีอีดีที่ทำให้หมูท้องร่วงนั้นพบในเมืองไทยมานานหลายปี เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสพีอีดี(Porcine Epidemic Diarrhea Virus หรือ PEDV) ในสกุลโคโรนาไวรัส(coronavirus) ที่พบได้ในสัตว์หลายชนิดรวมทั้งในคน ซึ่งเชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปทำลายเยื่อบุลำไส้เล็ก ส่งผลให้การดูดซึมสารอาหารน้อยลง ลูกหมูจะสูญเสียของเหลวและมีอาการขาดน้ำรุนแรงจนช็อกตาย แต่โรคพีอีดีไม่เคยระบาดรุนแรงจนทำให้ลูกหมูตายไปไม่ต่ำกว่า5 แสนตัวแบบนี้มาก่อน จึงมีการนำเชื้อพีอีดีที่ระบาดล่าสุดมาวิเคราะห์สารพันธุกรรม ทราบว่าไม่ใช่ไวรัสสายพันธุ์เดิมในเมืองไทย แต่เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศจีนเมื่อปีพ.ศ.2547

    "ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของโลกที่โรคระบาดพีอีดีทำให้ลูกหมูท้องร่วงตายกว่า 5 แสนตัวมีรายงานว่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เมื่อนำไวรัสพีอีดีจากลูกหมูที่ตายมาถอดรหัสพันธุกรรม ทำให้รู้ว่าเป็นไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ไม่เคยระบาดในไทยมาก่อน เพราะสารพันธุกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม แต่ไปเหมือนกับสายพันธุ์ที่เคยพบในจีนมาก่อนแล้ว ถือเป็นการพบไวรัสพีอีดีสายพันธุ์นี้ครั้งแรกในไทย" ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสในสุกรกล่าว

    น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า การระบาดของโรคพีอีดีนั้น ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าติดสู่คนหรือไม่ อย่างไรก็ตามเชื้อไวรัสจะติดอยู่ตามเสื้อผ้า มือ รองเท้าหรืออวัยวะของผู้ที่ไปสัมผัสตัวลูกหมูหรืออุจจาระในเล้าหมู หากผู้สัมผัสมีร่างกายอ่อนแออาจมีอาการท้องเสียหรือท้องร่วงประมาณ1 วัน จากนั้นร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันและสามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้ผู้บริโภคไม่ควรตื่นตระหนกเพราะขณะนี้กำลังศึกษาถึงการก่อโรคในสัตว์และในคนอยู่ ถึงแม้ว่าไวรัสพีอีดีจะเป็นไวรัสในวงศ์เดียวกับไวรัสซาร์สก็ตามแต่ลักษณะทางพันธุกรรมและการก่อโรคจะแตกต่างกันมาก เนื่องจากไวรัสซาร์สไปทำลายระบบหายใจทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ขณะที่ไวรัสพีอีดีหากมีการติดเชื้อสู่คนจริงก็จะมีอาการท้องร่วงแค่1-2 ครั้ง จากการสังเกตของผู้เชี่ยวชาญแล้วร่างกายมนุษย์ก็จะสร้างภูมิคุ้มกันได้เองตามธรรมชาติ

    น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ วิเคราะห์สาเหตุที่ไวรัสพีอีดีสายพันธุ์ใหม่จากจีนมาระบาดในฟาร์มสุกรเมืองไทยนั้น อาจเกิดจาก2 สาเหตุคือ1.นักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่ฟาร์มสุกรที่มาจากแหล่งเกิดโรคระบาดเดินทางมาดูงานในฟาร์มสุกรในไทย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านสุกรจากประเทศไทยที่ได้เดินทางไปดูงานยังประเทศดังกล่าว โดยไม่ได้กักโรคก่อนอย่างน้อย 3 วันเมื่อเข้าฟาร์มสุกร ทำให้เชื้อโรคที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าและร่างกายกระจายไปสู่หมูในเล้าได้ 2.การนำเข้าเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่แช่แข็ง เช่น หนังหมู เครื่องในแช่แข็ง รวมทั้งหมูมีชีวิตและน้ำเชื้อเข้าสู่ประเทศโดยไม่มีการตรวจโรคที่รัดกุมก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ระบาดไปสู่ฟาร์มหมูได้ ซึ่งตนกำลังเขียนรายงานเรื่องดังกล่าวร่วมกับคณาจารย์คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นความร่วมมือของนักวิชาการด้านสุกรในประเทศไทย รวมถึงกำลังศึกษาถึงการผลิตวัคซีนป้องกันโรคพีอีดีเพื่อใช้ในประเทศไทยและอาจส่งออกไปใช้ในประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาเช่นเดียวกันได้

    ส่วนการควบคุมโรคพีอีดีนั้น น.สพ.ดร.รุ่งโรจน์ แนะนำว่า ฟาร์มที่เกิดการระบาดครั้งแรก ต้องให้แม่สุกรเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันอย่างรวดเร็วทั้งฝูง เพื่อลดความเสียหายหรือความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยการนำลำไส้เล็กของลูกสุกรที่ป่วยในเล้าคลอดมาสับละลายน้ำให้แม่สุกรกินโดยใช้อัตราส่วน ลำไส้เล็กลูกสุกร 1 ตัวต่อแม่สุกร10-20 ตัวรวมถึงแม่พันธุ์อุ้มท้องด้วยโดยกิน 3 ครั้งทุกๆ 2 วันทั้งนี้ ต้องระวังการใช้ลูกสุกรที่อายุมากกว่า 3 สัปดาห์ เพราะอาจมีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ได้ ส่วนลูกสุกรที่ได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อจะมีอาการขาดน้ำมาก ต้องช่วยโดยการให้สารน้ำทดแทนทางช่องท้องจำพวก Dextrose (D-5-S) ตัวละประมาณ50-100 ซีซี ทั้งนี้การป้องกันและควบคุมโรคพีอีดีที่ได้ผลดีที่สุดคือความเข้มงวดของระบบป้องกันทางชีวภาพ (biosecurity) ที่จะไม่ให้มีการนำเชื้อเข้าสู่ฟาร์มได้โดยคนสัตว์และสิ่งของ เช่น อาบน้ำก่อนเข้าเล้าหมู ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ ฯลฯ

    ด้าน นายสุรชัยสุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า โรคหมูท้องร่วงระบาดจากฟาร์มหมูใน จ.ราชบุรีตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก่อนเชื้อกระจายไปยังฟาร์มหมูจังหวัดใกล้เคียงร้อยละ90 ของภาคตะวันตกและภาคตะวันออกของประเทศไทย ขณะนี่แพร่ระบาดไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้วโดยเชื้อติดไปกับรถขนอาหารสัตว์ ตนทราบมาว่าเป็นเชื้อไวรัสพีอีดีสายพันธุ์ที่เคยระบาดในประเทศจีน เมื่อคนไทยสั่งเครื่องในสัตว์แช่แข็งเข้ามาจากจีนเชื้อไวรัสตัวนี้ก็ติดตามมา จนแพร่ไปทั่วในอากาศ ผู้เลี้ยงหมูก็ไม่รู้ว่าจะป้องกันอย่างไรเพราะยังไม่มีวัคซีนสำหรับโรคพีอีดี

    ทั้งนี้ เจ้าของฟาร์มสุกรรายใหญ่ใน จ.ราชบุรี กล่าวว่า ทำฟาร์มเลี้ยงหมูมากว่า30 ปีแล้วไม่เคยมีโรคระบาดอย่างนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็มีแค่โรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยซึ่งทำให้หมูตายไปไม่กี่ตัว แต่การระบาดของโรคหมูท้องร่วงนี้ร้ายแรงมากทำให้ลูกหมูตายรุ่นละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 โดยเริ่มท้องเสียตายตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและยังคงตายต่อเนื่องจนถึงเดือนนี้ จึงมีการเพิ่มมาตรการรักษาความสะอาดและห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปในฟาร์มอย่างเด็ดขาด แต่ยังมีลูกหมูท้องเสียตายทุกวัน อาจเป็นเพราะเชื้อไวรัสกระจายอยู่ในอากาศ

    "ฟาร์มขนาดเล็กหลายแห่งในจ.ราชบุรี ปิดตัวไปแล้ว เพราะโรคนี้ยังระบาดอยู่ ตอนนี้มีรายได้จากการเอาลูกหมูท้องเสียตายไปขายให้ร้านทำอาหารสัตว์กิโลกรัมละ2 บาทคนรับซื้อจะเอาไปสับแล้วให้ปลาช่อนกิน ส่วนเรื่องคนงานอาจติดเชื้อพีอีดีจากลูกหมูนั้น ยังไม่แน่ใจเพราะถ้าคนงานท้องเสียแล้วหาย พวกเขาอาจคิดว่ากินส้มตำแล้วท้องเสียเป็นปกติก็ได้" เจ้าของฟาร์มหมูกล่าว

    ทั้งนี้ นักวิจัยจากห้องปฏิบัติการของคณะสัตวแพทย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ประจำห้องแล็บได้นำลำไส้และอุจจาระของลูกหมูที่ตายมาวิเคราะห์นั้น ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสามคนมีอาการท้องเสียเหมือนกัน จึงตั้งสมมติฐานว่าอาจเกิดจากเจ้าหน้าที่ได้รับเชื้อไวรัสโรคพีอีดีจากการสัมผัส แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่ได้เก็บอุจจาระจากเจ้าหน้าที่มาวิเคราะห์ ถ้าเป็นการติดเชื้อตัวเดียวกันจริงก็จะพบไวรัสสายพันธุ์เดียวกันในอุจจาระของคนเช่นกัน ทั้งนี้การเจาะเลือดตรวจแอนติบอดีไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากในคนก็มีไวรัสโคโรนาเช่นกันที่มีการสร้างภูมิคุ้มกันปกป้องได้ ตนขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในฟาร์มหมูที่มีโรคระบาดสังเกตว่ามีเจ้าหน้าที่ท้องเสียหรือไม่ หากพบก็ให้รีบนำอุจจาระไปพบแพทย์เพื่อส่งตรวจถือเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่จะวิจัยต่อไปว่าเชื้อไวรัสพีอีดีนั้นสามารถติดต่อมาสู่คนได้หรือไม่

    "อาการท้องเสียของเจ้าหน้าที่ในห้องแล็บอาจติดเชื้อไวรัสพีอีดีจากตัวอย่างส่งตรวจ แต่ยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะคนที่ได้รับเชื้อไวรัสพีอีดีจะท้องเสียแค่1-2 ครั้ง แล้วร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกัน หากไม่สังเกตอาจไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อจากไวรัสตัวนี้ก็ได้"นักวิจัยกล่าว

    ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ส่วนควบคุมโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ข้อมูลว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการติดต่อของไวรัสพีอีดีจากหมูสู่คนแต่อย่างใด เพราะหากมีการระบาดสู่คนจริง สำนักปศุสัตว์ประจำท้องถิ่นต้องรายงานให้ส่วนกลางทราบ</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-04-08 13:50:28 - Epidemic Hazard - Thailand</big>

    <code> GLIDE CODE: EP-20080408-16233-THA
    Date & Time: 2008-04-08 13:50:28 [UTC]
    Area: Thailand, , Statewide,

    Description:

    The Thai people must take strong security measures to curb a dengue epidemic that has killed seven people and infected another 7,400 people during the first quarter of 2008, local health authorities reported. Epidemic control teams are carrying out a campaign to eliminate mosquito larvae in stagnant water, deposits and refrigeration ducts, Health Minister Chiya Sasombud said. He added that the current outbreak of the disease is linked to climate change, because as weather is hotter, the mosquitoes carrying the virus live longer and reproduce easily. Dengue fever is transmitted to humans by the Aedes Aegypti mosquito, and mainly affect people aged 7-14. The disease's symptoms are fever, intense muscle and joint pain and inflammation of lymphatic glands. Its hemorrhagic variety is endemic to Southeast Asia. In 1998, Thailand was hit by a dengue epidemic, which took a toll of 424 deaths and 129,954 infected people.

    Number of deaths: 7 persons
    Infected: 7400 persons</code>
     
  10. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ขอให้หลวงพี่เล็กสร้างเหรียญทำน้ำมนต์
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-04-20 05:13:20 - Epidemic - Singapore</big>

    <code> GLIDE CODE: AP-20080420-16393-SGP
    Date & Time: 2008-04-20 05:13:20 [UTC]
    Area: Singapore, , Statewide,

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Red; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: White; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">!!! ALERT !!!</fieldset>

    Description:

    An outbreak of hand, foot and mouth disease (HFMD) has affected more than 2,600 people in three weeks, potentially the most serious spread of the virus in eight years, doctors said in a published report on Sunday. The majority of those afflicted in Singapore are children. Although no one has died, a 7-year-old girl was in a hospital with brain damage. "When the HFMD virus was first identified here in 1972, there were only 104 cases over three months," The Sunday Times quoted Dr Tay Chong Hai as saying. Tai, the doctor who first identified HFMD in the city-state,said outbreaks can occur when there is a lowering of "herd immunity" or not enough immune individuals in a community to protect the rest from infection. This year's spike and rapid spread could be due to more children in childcare centres, more air-conditioned spaces like malls, and possibly a more contagious strain, he said. HFMD is caused by intestinal viruses. The most common strains are the Coxsackie virus and Enterovirus 71. Adults may get the illness, but children under five are most susceptible. The EV71 strain, which has infected 16 per cent of the patients, is also more contagious, Tay said. There is no vaccine for HFMD. Symptons include a fever, sore throat and runny nose, rash, mouth ulcers, vomiting, diarrhoea and weakness. Some childcare centres have empty classrooms. "Parents of the younger kids prefer to keep their children at home because they are afraid of the disease," said Daphne Lee, the principal at one such centre.<script><!-- D(["mb","\u003c/font\u003e\n \u003cbr\u003e\n\u003cbr\u003e\n\n \n \n \n \u003cb\u003eInfected:\u003c/b\u003e 2600 persons\u003cbr\u003e\n\n \u003cb\u003eDamage level:\u003c/b\u003e Heavy (Level 3)\u003cbr\u003e\n\n \n \n \u003cbr\u003e\n \u003cbr\u003e\n Not confirmed information!\u003cbr\u003e\n \n \u003c/code\u003e\n \u003cbr\u003e\n \u003c/td\u003e\u003c/tr\u003e\n \u003ctr\u003e\u003ctd\u003e\n \u003csmall\u003e\n \u003cdiv style\u003d\"font-family:Arial,Helvetica,San Serif;font-size:8pt;font-weight:normal;color:#808080\"\u003e\u003cb\u003eUnscrubscribe AlertMail service:\u003c/b\u003e \u003ca href\u003d\"http://levlista.rsoe.hu/cgi-bin/mailman/listinfo/hisz-alertmail-eng\" target\u003d\"_blank\" onclick\u003d\"return top.js.OpenExtLink(window,event,this)\"\u003eHere\u003c/a\u003e\u003cbr\u003e\u003c/div\u003e\n \u003cdiv style\u003d\"font-family:Arial,Helvetica,San Serif;font-size:8pt;font-weight:normal;color:#808080\"\u003e\u003cb\u003eDisaster Events in WAP:\u003c/b\u003e \u003ca href\u003d\"http://hisz.rsoe.hu/wap2/\" target\u003d\"_blank\" onclick\u003d\"return top.js.OpenExtLink(window,event,this)\"\u003ehttp://hisz.rsoe.hu/wap2/\u003c/a\u003e\u003cbr\u003e\u003c/div\u003e\n \u003c/small\u003e\n \u003c/td\u003e\u003c/tr\u003e\n \u003c/table\u003e\n \u003ctable cellpadding\u003d\"3\" cellspacing\u003d\"0\" border\u003d\"0\" width\u003d\"100%\"\u003e\n \u003ctr\u003e\u003ctd colspan\u003d\"3\"\u003e\u003chr width\u003d\"100%\" size\u003d\"1\" noshade\u003e\u003c/td\u003e\u003c/tr\u003e\n\n \u003ctr valign\u003d\"top\"\u003e\n \u003ctd style\u003d\"font-family:Arial,Helvetica,San Serif;font-size:8pt;font-weight:normal;color:#808080\" align\u003d\"left\"\u003e \u003cb\u003eRSOE\u003c/b\u003e Emergency and Disaster Information Service\u003cbr\u003eHungary, Budapest\n \u003ctd\u003e\u003c/td\u003e\n \u003ctd align\u003d\"right\" style\u003d\"font-family:Arial,Helvetica,San Serif;font-size:8pt;font-weight:normal;color:#808080\"\u003eSending AlertMail: 2008-04-20 05:13:20 [UTC]\u003cbr\u003e\n \u003c/td\u003e\u003c/td\u003e\u003c/tr\u003e\n \u003c/table\u003e\n \u003cbr\u003e\u003cbr\u003e\n \u003cfont style\u003d\"font-family:Verdana, Geneva, Arial, Helvetica, sans-serif;font-size:10px\"\u003ePlease DO NOT reply to this message: replies may be treated as errors and result in your subscription being deleted. If you have trouble or other queries, send email to \u003ca href\u003d\"mailto:havaria@rsoe.hu\" target\u003d\"_blank\" onclick\u003d\"return top.js.OpenExtLink(window,event,this)\"\u003ehavaria@rsoe.hu\u003c/a\u003e RSOE EDIS is operated by the National Association of Radio-Distress Signalling and Infocommunications (RSOE), Budapest, Hungary. Because of the complexity of this system and its dependence on other systems, we cannot be responsible for delays or failures in forwarding or transmission.",1] ); //--></script>

    Infected: 2600 persons
    Damage level: Heavy (Level 3)

    โรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยระบาดหนักในสิงคโปร์
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-04-22 05:56:22 - Biological Hazard - Thailand</big>

    <code> GLIDE CODE: BH-20080422-16430-THA
    Date & Time: 2008-04-22 05:56:22 [UTC]
    Area: Thailand, Province of Nan, ,

    Description:

    More than 140 people have been taken to hospital in northern Thailand after eating fish balls thought to be made from the highly poisonous puffer fish. Villagers in Nan province were given soup containing the balls at a funeral. But they soon began vomiting, complaining of numbness in the tongue and shortness of breath. Doctors said the funeral-goers had symptoms in line with puffer fish poisoning, which can be deadly. They are being kept in hospital under observation. The fish balls were bought at a local market, adding that meat from the toxic fish is sometimes used illegally because it is cheap. Puffer fish is valued as a delicacy known as fugu in Japan, where chefs are specially trained to prepare it so it does not endanger diners. The fish contains a poison known as tetrodotoxin, a neurotoxin which paralyses a person's muscles and for which there is no antidote.

    Number of Injured persons: 140 persons
    Damage level: Moderate (Level 2)</code>
     
  13. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    เพิ่งผ่านมา อ่านเจอ
    ไม่แนะนำให้กินใบยอ แบบตากแห้งแล้วบดเป็นผง
    ขอให้ต้มกินน้ำ หรือกินทั้งใบและน้ำ หรือนึ่งกินแบบห่อหมก

    ในอดึตไม่นานนัก นักวิจัยพบว่าการกินใบขี้เหล็กจะทำให้นอนหลับดี และช่วยถ่ายท้องอ่อนๆด้วย (ทางแผนไทยท่านก็ว่าในลักษณะเดียวกัน/แต่วิธีกินท่านให้ต้มน้ำทิ้งก่อน)
    ตกลงทำขายกัน โดยเอาใบสดไม่แก่ไม่อ่อน ตากแห้งแล้วบดผงบรรจุแคปซูลขายให้กินกันเกลื่อนเมือง
    ไม่กี่ปี หมอสังเกตพบว่า มีคนเป็นโรคตับกันมากขึ้น
    พิสูจน์กันไป พิสูจน์กันมา พบว่ามาจากกินใบขี้เหล็ก
    สาธารณะสุขเลยสั่งระงับ
    นี่เป็นผลมาจากไม่ศึกษาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษให้ดีก่อน

    โบราณบันทึกแบบบอกต่ออีกข้อ
    น้ำต้มใบยอ กินเป็นยาสามารถลดอาการต่อมลูกหมากโตได้
     
  14. realing

    realing สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +0
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    แปลว่าอะไรเอ่ย [​IMG]
     
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <code> GLIDE CODE: SS-20080423-16444-USA
    Date & Time: 2008-04-23 03:40:54 [UTC]
    Area: USA, State of Minnesota, Becker County,

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Yellow; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: Red; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">!!! WARNING !!!</fieldset>

    Description:

    Two cows on a Becker County farm have died of anthrax, authorities said this week. The Minnesota Board of Animal Health said they're the state's first anthrax cases of the year. The herd will remain quarantined for 30 days from the day of its last anthrax death. The herd was not vaccinated for the disease this year. Anthrax is caused by spores in the soil. Cattle, sheep and goats are the most commonly affected species. It's not transmitted from animal to animal. In rare cases, humans can get it by handling or eating infected products. Officials say it's unusual to see anthrax so early in the year, but the cows that died were on pasture in an area where anthrax had been detected in the past.

    วัวสองตัวที่อเมริกา ตายเพราะติดเชือ แอนแทรกซ์
     
  17. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-05-07 05:20:16 - Epidemic Hazard - South Korea</big>

    <code> GLIDE CODE: EP-20080507-16631-KOR
    Date & Time: 2008-05-07 05:20:16 [UTC]
    Area: South Korea, Capital City, , Seoul

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Red; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: White; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">!!! ALERT !!!</fieldset>

    Description:

    At least five suspected H5N1 human cases have been reported to local authorities as of Wednesday morning in Seoul after the outbreak of the fatal disease was confirmed in Seoul earlier. The health authorities said five people have reported symptoms of fever or cough since Tuesday. The authorities have conducted blood tests on the five people to confirm whether they are positive to the deadly H5N1 strain, Yonhap said. The Ministry for Food, Agriculture, Forestry and Fisheries announced Tuesday that quarantine officials detected the highly virulent H5N1 strain in dead chickens from a bird vivarium located at the Gwangjin ward office in eastern Seoul. It was the first time that the highly virulent H5N1 strain hits Seoul since a new round of spread of bird flu was confirmed in late March in the country. The outbreak in the capital city has added worries that authorities are unable to contain the spread of the disease that has caused about 6 million birds to be culled so far.

    Infected: 5 persons
    Damage level: Moderate (Level 2)

    เชื่อไข้หวัดนกแพร่ในโซล เกาหลี
     
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    Situation Update No. 2
    <small>On 2008-05-07 at 19:08:29 [UTC]</small>

    Event: Epidemic
    Location: Vietnam Statewide, but especially Ho Chi Minh City

    Situation

    Vietnam's prime minister has urged health authorities to fight a hand, food and mouth disease outbreak caused by the EV71 virus which officials Wednesday said had killed at least 10 children this year. The intestinal virus, which hits children hardest, has infected around 400 children this year, mainly in southern Vietnam, said Nguyen Huy Nga, head of the Health Ministry's Preventive Medicine Department. "The virus killed at least 10 children in Vietnam in the first four months of this year," he told foreign media, adding that no precise data was available because the enterovirus is not a notifiable disease in the communist country. Prime Minister Nguyen Tan Dung has urged health officials nationwide to take urgent measures to fight the disease, the state-run Vietnam News Agency said.

    Number of Deads: 10 persons
    Infected: 400 persons

    ที่เวียตนามมีโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อย 400 ราย ตายไปแล้ว 10
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <center> [FONT=Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif]Situation Update No. 23[/FONT]
    <code><small>China - Epidemic on 2008-04-27 at 14:09:21</small></code> </center>
    Ref.no.: AP-20080427-16502-CHN

    Situation Update No. 23
    <small>On 2008-05-09 at 08:42:53 [UTC]</small>

    Event: Epidemic
    Location: China MultiState Anhui, Jiangsu, Hunan, Hubei, Shaanxi, Jiangxi, Henan, Beijing

    Situation

    Two more Chinese children have died of hand-foot-mouth disease (HFMD), driving the national death toll to34 -- even as the Health Ministry announced a decline in HFMD cases in the worst-affected city. Health authorities in east China's Anhui Province on Friday confirmed the two children had died of HFMD triggered by the potentially lethal enterovirus 71 (EV71). The deaths occurred in Bozhou, northwestern Anhui, and in Hefei, the provincial capital, said Gao Kaiyan, chief of Anhui Provincial Health Department. Gao gave no other details. The Health Ministry said on Friday that HFMD incidence of in the worst-hit city of Fuyang, also Anhui, was in decline, with discharged patients outnumbering those checking in to hospitals for the first time. The ministry said on its website that the majority of the serious cases had recovered, with no fatalities for seven consecutive days in Fuyang, which had reported the initial outbreak and 22 deaths. According to the Guidelines Regarding Prevention and Control of HFMD published on the Ministry of Health website, HFMD can be caused by a host of intestinal viruses, but EV71 and the C oxsackievirus (Cox A16) were the most common. Both EV71 and Cox A16 can cause HFMD, which usually starts with a slight fever followed by blisters and ulcers in the mouth and rashes on the hands and feet. Those sickened by EV71 often show serious symptoms. It can also lead to meningitis, encephalitis, pulmonary edema and paralysis in some children. There is no vaccine. As of Thursday, HFMD sickened 24,934 children on the Chinese mainland, of whom, 34 died. The deaths were reported in six Chinese regions of Anhui, Guangdong, Guangxi, Hainan, Hunan and Zhejiang.

    Number of Deads: 34 persons
    Infected: 25000 persons

    โรค เท้าเปื่อย ปากเปื่อย ระบาดในจีนมาก ตายไปแล้ว 34 คน แป่ว
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <big>2008-06-13 06:26:38 - Epidemic Hazard - North Korea</big>

    <code> GLIDE CODE: EP-20080613-17162-PRK
    Date & Time: 2008-06-13 06:26:38 [UTC]
    Area: North Korea, , State-wide,

    </code><fieldset style="border: 1px solid Maroon; background-color: Red; font-family: Verdana,Geneva,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: 10px; font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: bolder; color: White; text-align: center; text-decoration: blink; vertical-align: middle;">!!! ALERT !!!</fieldset>

    Description:

    North Korea has denied rumors that avian influenza or hand, foot and mouth disease (HFMD) is spreading in the country, a radio report said on Tuesday [10 Jun 2008]. The North's health authorities notified the World Health Organization (WHO) that there has been no single case of bird flu or HFMD reported to the authorities this year [2008]. The denial came in response to a report published a week ago by South Korean aid group Good Friends, claiming that a mysterious epidemic suspected to be bird flu or HFMD has been spreading in North Korean towns bordering China. The disease has already taken the lives in recent months of many North Korean infants already suffering from malnutrition caused by food shortages, the group claimed, citing unnamed North Korean doctors in the border area.

    WHO has rendered technical and monetary support to North Korea to help prevent possible bird flu outbreaks since the communist state was hit by the deadly disease in 2005. No new case has been reported since then. Jai Narain, the director for communicable diseases at WHO's South East Asia office in New Delhi, was quoted as saying that the international body is working closely with the North Korean health authorities to prevent any potential bird flu outbreak and that Pyongyang has submitted related reports to the organization on a regular basis. The France-based OIE (Office International des Epizooties, World Organisation for Animal Health) also said that the North's latest report to the office included no information or reports of any bird flu outbreaks, the radio reported. North Korea has inoculated poultry against bird flu to prevent the spread of the virus from neighboring South Korea, according to the North's state-run news media. South Korea has slaughtered over 8 million birds since early April 2008, when bird flu broke out there for the 1st time in more than a year. But no South Korean has died of bird flu. HFMD, meanwhile, has struck over 10 000 people resulting in 26 fatalities, all of them children, in recent months, according to Chinese media reports.


    Damage level: Heavy (Level 3)


    โรคปากเปื่อย เท้่าเปื่อย ระบาดในเกาหลีเหนือ
     

แชร์หน้านี้

Loading...