สงสัยเรื่อง ตาทิพย์ กับ ตาใน หรือตาที่สาม

ไม่รู้ว่า 2 อย่างนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
เพราะน้องชายผม เขาสามารถสื่อสาร คุย ฟัง กับเทพ ผี หรือแม้แต่มารที่เกาะตามตัวคนได้

แต่ไม่รู้ว่าเขาตาทิพย์ หรือ ตาที่สาม กันแน่

 

หลังจากรับธรรมะ"อนุตรรธรรม"แล้วก็ได้พบเห็นเจ้าที่ ผีบ้าน ที่บริเวณบ้านที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าพิธีที่รับมา มีส่วนในการเปิดตาที่ ๓ หรือตาในหรือไม่ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์นี้มาก่อน และมาเตือนกับมาเยี่ยมด้วยความปรารถนาดี อยากทราบความเห็นของคนที่มีตาทิพย์ เช่นกันว่าคืออะไร...(k)({)

 

ผมก็สามารถสื่อสาร คุย ฟัง กับเทพ ผี หรือแม้แต่มารที่เกาะตามตัวคนได้ ส่วนใหญ่คือเจ้ากรรมนายเวร

แม้แต่พระเจ้าในศาสนาต่างๆ เช่น พระศิวะ อัลเลาะห์ ยะโฮวา และพระพุทธเจ้าต่างๆ ผมก็สื่อสารได้ จึงรู้ว่า
- อัลเลาะห์ คือ พระติกขะคัมมะพุทธเจ้า
- ยะโฮวา คือ พระไวโรจนะพุทธเจ้า หรือ พระศรีอริยะเมตตรัยพุทธเจ้า
- พระเยซู คือ พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ ปาง สร้างมหาทานบารมี

ทุกศาสนาแยกกันในตอนแรกเท่านั้น แต่เป็นหนึ่งเดียวกันเมื่อจิตมนุษย์พัฒนาสูงขึ้น

 

เขาคนนั้นได้อะไรไม่อยากรู้ครับ
แต่ความต่างเนี่ยรู้ คือตาทิพย์มันเห็นแบบแห้งๆเปรียบเหมือนแม่น้ำที่ใช้เรือ
พายไป-กลับต้นน้ำ+ปลายน้ำได้ธรรมดา
ส่วนตาในมันเห็นแบบอิ่มเอิบ เปรียบเหมือนแม่น้ำที่นิ่งสนิทสามารถมองเห็นเงา
ที่สะท้อนบนผิวของน้ำได้ ทั้งใช้สัญญจรไป-กลับได้เช่นกัน

เปรียบอีกอย่างก็คือ ใช้ตาทิพย์มองเห็นวิญญาณแล้วต้อง"มีใจ"นำกลับมา
พิจารณาอีกครั้งว่า เขาคือใครมาทำไม ควรเอาพิจารณาเข้าธรรมข้อไหน
ส่วนตาในนั้นพร้อมๆกับที่มองเห็นวิญญาณ วิบากกรรมของเขาและในส่วนที่
เกี่ยวกับของเรามันพรึบมาพร้อมในหัวเราเลยไม่ต้องมาคิดคำถามให้เหนื่อย
และข้อธรรรมมันผุดขึ้นมาเอง

เปรียบอีกอย่างคือในการมองในแวปเดียวนั้น ตาทิพย์ได้32บิท ตาใน64บิท
เวลาในการมองเท่ากันข้อมูลในการมองนั้นมีมาให้เรามากกว่าครับ

 

รอมานานเหมือนกันไม่มีใครตอบเรื่องนี้ได้เลยเหรอ ผมก็อยากรู้

ตาในพอรู้ แต่ตานอก ทิพย์นี้มองทะลุหรือว่าเห็นอีกภพ แล้วตาที่3ละทำอะไรได้มั้ง เห็นบางคนบอกเปิดตาที่3ได้ แต่ผมก็ไม่เห็นเขาจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมเลย

 

อธิบายตาที่สาม คือสิ่งที่เราเห็นหรือสัมผัส ความเป็นทิพย์หรือ ภพภูมิ
อื่นฯ ด้วยการรู้สึก ได้ยินเสียง(อมนุษย์) หรือ มองเห็น ในสิ่งที่คนปกติมองไม่เห็นหรือบางคนอาจจะใช้คำว่าจิตสัมผัส ก็ไม่แปลก ในสิ่งที่นอกเหนือไปจาก การมองเห็นในการใช้ตาปกติของเราทั้งสองข้าง บางคนเรียกกันว่า ตาทิพย์ ตาที่สาม จิตสัมผัส ทางใน  ตาใน  องค์ใน สัมผัสพิเศษ
ซิกเซ้น  ภาษาจิต  ภาษาเทพฯ มีสื่อ  พอจะอนุโลมรวมความหมายว่าเป็นสิ่งเดียวกัน

บางท่านหลับตาจึงจะเห็น บางท่านเห็นได้ทั้งลืมตาและหลับตา
ขึ้นอยู่กับความนิ่งของจิต และ บุญบารมีเก่าที่สร้างสะสมมา 
ตั้งแต่ในอดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ผู้เขียนนั้นได้เปิดตาที่สาม  ให้แก่คณะศิษย์
หลายท่าน  บางท่านสามารถเห็นสิ่งที่เป็นทิพย์ได้ ภายใน ๑ อาทิตย์
บางท่านใช้เวลาถึง ๑ เดือน จึงจะเห็น(ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นเหมือนกัน)
 
แล้วที่ว่าเห็นนั้นเห็นอะไรบ้าง
๑ เห็นแสงออร่า ของคน  และสิ่งของ เช่นรังสีจากพระเครื่อง
๒ เห็นแสงทองประกายทิพย์ และประกายแก้ว ของคนที่มีฌาน หรืออยู่ใน
    อารมฌ์ของฌาน หรือที่เราเรียกกันว่ากายทิพย์
๓ เห็นแสงและรัศมีแห่งบุญกุศล (เช่นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ)
๔ เห็นเทพฯและเทวดา 
๕ เห็นวิญญาณ ต่างฯ
๖ เห็น เงาสีดำ สำหรับคนที่กำลังป่วย หรือคนที่ใกล้จะสิ้นชีวิต
๗ สามารถสื่อสารกับเทพฯเทวดา และวิญญาณ ได้
  และให้เทพฯและวิญญาณ ผ่านร่างได้(ชั่วคราว)
๘ เห็นเส้นและสายเลือดภายในร่างกายทุกเส้น และสามารถเข้าไปดูได้
  
การที่มีตาที่สามนั้นมีประโยชน์มหาศาล ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกทางครับ

 

ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในชีวิตของน้องเลยก็ว่าได้
น่าสนใจมากเลยทีเดียวเชียวค่ะท่าน

 

สนใจมากค่ะในการเปิดตาที่ 3
ที่ระหว่างคิ้วตรงกลางมีเหมือนเป็นหูดหรือก้อนไขมันขนาดเท่าหัวไม้ขีดได้เคยใช้ยาหรือแกะออกเลือดจะไหลเยอะมา จะไปจี้ออกก็กลัวเพราะตำแหน่งสำคัญและเคยมีคนทักว่าตาที่ 3 จะเปิดแล้วถามว่าเปิดแล้วเป็นไงเขาบอกว่าจะเห็นผีเลยบอกว่าไม่เอายังไม่พร้อม
แต่มาอ่านของคนคมสันต์ USA แล้วเห็นตั้งหลายอย่างสิ่งดีๆและสามารถทำไปใช้ประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่นได้ด้วย

แต่ตอนนี้กำลังจะสร้างสถานปฎิบัติธรรมและกำลังเรียนครูสมาธิอยู่ จบหลักสูตรอยากไปฝึกนโนยัทธิและอยากเปิดดวงตาที่ 3 ด้วยค่ะ

อยากจะขอคำแนะนำต้องปฏิบัติตัวอย่างไรก่อนจะเปิดตาที่ 3 จะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ขอบพระคุณมากค่ะ

 

พูดถึงตรงกลางระหว่างคิ้ว ผมก็มีความรู้สึกตะหงิดตะหงิดตรงนั้นตลอดเวลาถ้ารู้สึกนิ่งหมายถึงระหว่างคิด เหม่อลอย อะไรพวกเนี้ย แล้วถ้านั่งสมาธิจะรู้สึกว่ามันเป็นรูมีอะไรสักอย่างเข้าๆออกๆตามลมหายใจ

 

ผมอยากรู้จักคุณและน้องชายคุณมามกครับ นี่เฟสผมครับ
https://www.facebook.com/supergjit?ref=tn_tnmn

 

คนขวัญอ่อน อย่าไปเอามา

ขออนุญาตครับ

มีญาติธรรมผมท่านหนึ่ง พักหลังๆก็ไปใครไปมัน นานๆเจอกันที

พักหลังๆจากถวายขันธ์เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ใหญ่(ตาคลี นครสวรรค์)แล้ว
ก็ไปเป็นศิษย์ ครูบาอาจารย์สายฤทธิ์ทางลุ่มแม่น้ำโขง

ไม่รู้ไปทำอะไรมา ไม่รู้ไปฝึกอะไรมา

ตอนไปหลี่ผี ที่ สปป ลาวตอนใต้ ก็บอกว่าเห็นเทพองค์ใหญ่ โผล่มาจากน้ำแล้ว ลอยเด่นอยู่ชั่วอึดใจ แล้วลอยหายไปในกลีบเมฆ

ตอนไปพักที่ โรงแรมดีพร้อม ในเมืองชัยภูมิ ก็ขอย้ายห้อง บอกว่า ห้อง ๓๑๕ มีผีตายท้องกลม กวนจนนอนไม่ได้

ตอนไปรีสอร์ทเขาค้อ ก็บอกว่า ผีมากจนนอนไม่ได้

ตอนสวดมนต์อยู่ที่บ้านก็ว่า ข้างบ้าน ทำภาระกิจสามีภรรยา

กลายเป็นคนเคร่งเครียดเศร้าซึม

จะไปเอาอะไรมาคิดให้ดีซะก่อนว่า จิตตนรับได้ไหม
ใจแข็งไหม ปล่อยวางได้ไหม ควบคุมได้ไหม

ไม่ใช่เห็นอะไรก็อยากได้ๆ

พอผมถามว่า ทำไมไม่เอาไปใช้ดูลอตเตอรี่

กลับมาถามผมว่าทำอย่างไร? อ้าวแล้วกัน

คนที่ฝึกเอง ได้เองนั้น ต้องผ่านความอดทน ผ่านความพยายาม ผ่านความเพียร

จึงจะเข้าใจวิธีควบคุมมัน

ท่านที่ได้มาด้วยวิธีลัด ก็ไม่ต่างอะไรกับ รถยนต์ไม่มีเบรค แถมพวงมาลัยควบคุมไม่ได้

ได้มาก็ไม่มีสติปัญญาจะเอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
เหมือนคนปฏิบัติธรรมใหม่ๆ เห็นใครก็ว่าเขาเลวไปหมด
เห็นใครก็ว่าเขาดีสู้ตนไม่ได้ ต้องให้เลยไปหน่อยจึงจะเข้าใจ

ขอบคุณครับ

ลุงมหา