ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ขออนุโมทนาด้วยเช่นกันครับ

แต่ตามนัยยะของข้อความจากต่างมิติทั้งหลายแล้ว
พวกเขาบอกว่าเราไม่ได้ตกเป็นเหยื่อ
และไม่เคยตกเป็นเหยื่อของชะตากรรมใดๆเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันไม่มีเจ้ากรรมนายเวรใดๆเลย
ที่จะคอยมาทำร้ายหรือมาคอยจองล้างจองผลาญเราอยู่
อย่างที่เราถูกสอนให้เชื่อมา

แต่ผลของการกระทำเมื่ออดีต และเรื่องของกรรมหนะมีอยู่จริง
แต่มันเป็นอีกแบบหนึ่ง ไม่ใช่แบบที่เราเชื่อและเข้าใจหนะครับ
ซึ่งผมยังจะไม่ขอกล่าวเอาไว้ ณ.ที่นี้นะครับ

แต่สังเกตไหมหละครับ พวกเขาจะบอกอยู่เสมอว่า
เราคือผู้กุมชะตากรรมของชีวิตของเราเองทั้ง 100%
ชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต
และบาปกรรมจากอดีตชาติ หรือสิ่งภายนอกตัวเราแต่อย่างใดเลย

พวกเขาบอกอยู่เสมอว่า ให้เราเลิกเชื่อว่าเราตกเป็นเหยื่อ
หรือว่าเราด้อยพลังอำนาจที่จะกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้ซะที
และที่สำคัญ ให้เราทิ้งความกลัวต่อสิ่งต่างๆไปซะที
ซึ่งเมื่อนั้นแหละแสงสว่างจึงจะปรากฎแก่เราได้
เพราะว่าความกลัวคือฉนวนกางกั้นแสงสว่างและความรักครับ
และมันก็เป็นแค่มายาการของมิติที่สามนี้เท่านั้นด้วย
มันเป็นแต่เพียงสภาวะที่ขาดแสงสว่าง/ความรักเท่านั้นเอง

แต่ ดินแดน หรือมิติ ที่มีลักษณะทางพลังงานคล้ายนรกหนะ
มีอยู่จริง คืออยู่ในมิติที่ 4 ชั้นล่างสุด ซึ่งมิติที่ 4 นี้ก็อยู่ใน
สนามพลังออร่าของเราแต่ละคน
และในขณะเดียวกัน มันก็อยู่ในสนามพลังออร่าของโลกด้วย

ดังนั้น ในตัวเราเองนี้แหละ ที่มีทั้งมิติของนรกและสวรรค์ซ้อนทับอยู่ภายใน
และรวมถึงมิติอื่นๆที่สูงขึ้นไปกว่านั้นอีกด้วย ทุกๆมิติ
มิหนำซ้ำ ทุกการกระทำของเรา ทุกอารมณ์ความรู้สึกของเรา
ไม่ว่าจะมาจากภพชาติไหนก็ตาม ล้วนถูกบันทึกข้อมูลเอาไว้
ใน "ระบบบันทึกแห่งฟ้า" (Akashic Record System)
ทั้งหมดทั้งสิ้น

ซึ่งเจ้า "ระบบบันทึกแห่งฟ้า" นี้ ตามข้อความของครายออน
ก็จะประกอบไปด้วย 4 ส่วนด้วยกัน ซึ่งได้แก่

1. DNA ของมนุษย์เอง
2. ในคริสตัลที่อยู่ภายในลูกโลก
3. โครงข่ายพลังงานคริสตัลไลน์ (Crystalline Grid) ของโลก
4. ในระบบร่างกายของสัตว์ตระกูลปลาฬาร

ลองหากระทู้เก่าๆที่ผมเคยโพสต์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไว้อ่านดูนะครับ
............................................................................

 

ขอบคุณค่ะคุณชยุต อธิบายละเอียดยิบ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

 

-ตอนที่เราเป็นแสงสว่างสีขาวนั้น..มันรู้สึกว่า..มันไม่มีกรรมนะ..มันรู้สึกแต่ว่่า..เราแค่กลับมาแก้ไขในสิ่งที่เราทำไปเท่านั้น..และมันเหมือนว่าถ้าเรารู้สึกอยากรู้ในประสบการณ์ ในการเป็นมนุุษย์ก็แค่..รู้..ในความเป็นมนุษย์เฉยๆ..หรืออยากมีประสบการณ์ในการเป็นสัตว์..ก็แค่ไปรู้ในการเป็นสัตว์..แต่ตอนนั้น..ไอ้ตัวรู้นี่..มันรู้ของมันปุ๊บ..ปุ๊บนะ..ในเวลาเดียวกัน..เราหมายถึงตอนเราอยู่ในแสงสว่างที่่เป็นตัวรู้ของเรา..เราก็อธิบายไม่ถูก..ตอนเป็นแสงสวา่งอันนั้น..ตอนที่แตก ปุ..ปุ..ออกมามากมายนั้น..มันออกมาจากแสงจุดเล็กๆ..แล้วออกมาเหมือนดอกไม้ไฟ..แล้วดอกไม้ไฟอันนั้นก็ลอยออกมาเรื่อยๆ..และอยู่ในความว่างที่ขยายใหญ่ขึ้นเองเรื่อยๆ..เรื่อยๆไม่มีสิ้นสุดมั้งอันนั้นไม่รู้..แต่เรามีความรู้สึก..คือมันมีความรู้ในรู้มั้งที่เขาเรียก..มันรู้ว่าเราเป็นแสงสว่างอันนั้นตลอดเวลาไม่ได้เป็นอย่างอื่นเลย..มันเพียงแต่ถ้าเราอยากมีประสบการณืในสิ่งมีชวิตแบบไหนเราสามารถเข้าไปรู้ได้ตลอดเวลา..ปุ๊บรู้.กลับมา..ปุ๊บรู้กลับมาเป็นดวงสว่างอันนั้นเหมือนเดิม..ตอนเป็นรู้อันนั้น..มันเหมือนรู้ดว้ยว่า..ถ้าร่างมนุษย์ถูกตัดครึ่งแล้วใช้งานต่อไม่ได้มันก็เฉยๆและมันรู้ดว้ยว่าจะหาร่างใหม่ได้ถ้ายังต้องการมีประสบการณ์ในการเป็นมนุษย์อยู่..ถามว่าตอนนี้เราเป็นอย่างไร..ตอบว่าเป็นคนธรรมดานี่แหละ..ที่พยายามตาม..รู้..ปัจจุบันขณะ..ทุกลมหายใจเข้า-ออก..ก็เผลอบ้าง..แต่..มันรู้ได้ง่ายขึ้น..ความเข้าใจมันลึกซึ้งละเอียดยิ่งขึ้น..จนบางทีหาคำพูดที่จะเปรียบเทียบไม่ถูก..ไม่รู้จะใช้คำไหนเหมือน..คำว่าจะว่ามันเล็กก็ไม่ใช่..จะว่ามันใหญ่ก็ไม่ใช่มันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง..

 

ความกลัวเป็นฉนวนกั้นจริงๆนนนนนนนนนนนะครับ(เจอมากับตัวเอง)
ขอบคุณพี่ชยุตมากกกกกกสำหรับกระทู้"ข้อความจากต่างมิติฯ (จากแฟนคลับตัวจริง)

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านอาจารย์แลนโต้ (Master Lanto)
เรื่อง: พวกคุณคือลูกทรงกลมแห่งแสงสว่างที่สว่างไสวเรืองรอง
(You Are Glowing Orbs of Light)

ผู้รับสาส์น: Fran Zepeda
วันที่: 9 ตุลาคม 2013

ที่มา:
Ashtar Command - Spiritual Community Network
Master Lanto: You Are Glowing Orbs of Light - Channeler: Fran Zepeda



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ตอนที่ 1:


สวัสดีเพื่อนๆที่รักทั้งหลาย ฉันขอสวัสดีพวกคุณในฐานะที่พวกคุณเป็น
“แสงสว่างแห่งสรรพสิ่งทั้งปวง”และในฐานะที่เป็น “ความรัก”

วันนี้ฉันจะมาพูดถึงเรื่องของ “พลังงาน”, เรื่องของ “แสงสว่าง”
และเรื่องคุณสมบัติในการแผ่ความสว่างไสวของมันด้วย

ในตอนนี้พวกคุณกำลังแผ่ความสว่างไสวออกมามากขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็น 10 เท่าอยู่
ในทุกๆลมหายใจเข้าของพวกคุณ และในทุกๆครั้งที่พวกคุณยอมคล้อยตามกระแสพลังงาน
ที่กำลังโหมกระหน่ำพวกคุณ เพื่อความดีงามและเพื่อความรักสำหรับทุกผู้ทุกนาม อยู่ในขณะนี้

แน่นอนว่า คุณไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเลย เพราะว่ายังมีพวกคุณอีกจำนวนหลายพัน
และหลายล้านชีวิตที่กำลังร่วมอยู่ในกระบวนการตื่นรู้ครั้งยิ่งใหญ่นี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งที่เป็นมนุษย์ และที่เป็นรูปธรรมชีวิตที่อยู่บนฟากฟ้า และที่อยู่ในกาแลกซี่ด้วย

และจงรู้ไว้ด้วยว่า พวกคุณทุกๆคน ล้วนเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ของกระบวนการนี้ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
เพราะว่าพวกคุณทุกๆคน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระผู้สร้าง (the Creator) ด้วยกันหมดทั้งสิ้น
และพวกคุณทุกๆคน ก็มีความอุดมสมบูรณ์และมีความเลิศเลออันบริบูรณ์ของพระผู้สร้าง
อยู่ในตัวเองด้วยกันหมดทั้งสิ้นด้วย

และเพราะฉะนั้น ด้วยคุณสมบัติของพระผู้สร้างที่พวกคุณมีอยู่แล้วในตัวเองนี้
พวกคุณจึงสามารถที่จะใช้มันเพื่อสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้ ตามความจำเป็น,
ตามความต้องการ และตามความปราถนาของพวกคุณเอง

อย่ายอมให้ใครมาบอกพวกคุณแตกต่างไปจากนี้เด็ดขาด เพราะว่ามันไม่มีสูตรอะไรเลย
และมันก็ไม่มีข้อบัญญัติใดๆเลยทั้งสิ้นด้วย ที่รักทั้งหลาย มันไม่จำเป็นจะต้องไปรอคอย
ให้มีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้นมาก่อนเลยด้วย เพราะว่าพวกคุณกำลังทำมันอยู่แล้วแม้ในขณะนี้
เพราะว่าพวกคุณคือผู้ถือคบเพลิงอยู่ และพวกคุณก็คือคบไฟอันนั้นเองด้วย

พวกคุณคือสสารแห่งแสงสว่าง ที่กำลังนำพาทุกสิ่งทุกอย่างไปข้างหน้า เพื่อเข้าไปสู่โลกใหม่นี้อยู่
ซึ่งเป็นโลกแห่งความอุดมสมบูรณ์, โลกแห่งแสงสว่าง และโลกแห่งความรัก
ที่มีแต่พวกคุณเท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ถึงมันได้ ตามศักยภาพของตัวพวกคุณแต่ละคน


ในตอนนี้ ฉันอยากจะท่องเที่ยวไปกับพวกคุณซักประเดี๋ยวหนึ่ง
จงทิ้งสิ่งที่จะเป็นอุปสรรคขัดขวางออกไปให้หมดเสีย
จงทิ้งความคิดความเข้าใจทั้งหมดที่พวกคุณมีอยู่
ที่อาจจะทำให้พวกคุณไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ว่า
พวกคุณคือทรงกลมแห่งแสงสว่าง ที่กำลังสว่างไสวเรืองรองอยู่
ออกไปให้หมดเสีย ณ.บัดนี้, ที่นี่..และ เดี๋ยวนี้


จงจดจ่อสติไว้ที่จักระหัวใจของพวกคุณเอง แล้วสัมผัสรู้ถึงความรักที่อยู่ในนั้น
และจงจินตนาการว่าแสงสว่างอันนั้นมันสว่างไสวเรืองรองมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
และจงทำให้มันสว่างไสวมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก ด้วยการยอมรับว่าตัวพวกคุณเอง
คือลูกทรงกลมแห่งแสงสว่าง ที่กำลังเปล่งแสงสว่าง เรืองรองสว่างไสวอยู่
ที่สามารถที่จะไปส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณได้
ที่สามารถที่จะไปส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในตัวพวกคุณเองได้
และที่สามารถที่จะไปส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความสำคัญมากๆ
ที่สามารถจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนรูปแบบของโลกของพวกคุณได้ ในโอกาสนี้
ด้วยเพียงปิ๊งเดียวของจินตนาการของพวกคุณเท่านั้นเอง

ในตอนนี้ พวกคุณอาจจะรู้สึกว่า และ ดูเหมือนว่า ตัวเองคือสิ่งที่เป็นของแข็ง
และมีรูปร่างที่แน่นอนตายตัว และกำลังอยู่ในโลกที่พวกคุณกำลังอาศัยอยู่ในขณะนี้อยู่
โลกที่เต็มไปด้วยสิ่งล่อลวง และสิ่งที่จะชักนำให้ไปสู่การกระทำแบบเดิมๆอยู่มากมาย

แต่พวกเรากลับมองเห็นว่า พวกคุณกำลังปรับตัวอยู่ทุกๆนาทีอยู่
เพื่อให้สามารถรับรู้ว่าตัวเองคือ “กายแห่งแสงสว่าง” (Light Body)
ที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วได้

ซึ่งกายแห่งแสงสว่างที่ว่านี้ ก็ประกอบขึ้นมาจากสสารของพระผู้สร้าง
และเต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้าสว่างไสว และความอุดมสมบูรณ์
และความเรืองรอง ที่พวกคุณไม่อาจที่จะจินตนาการถึง
ความสวยสดงดงามที่แท้จริงของมันได้

แต่ก็พอจะพูดได้ว่า มันเป็นอะไรที่เกินกว่าความฝัน และจินตนาการของพวกคุณ
ที่มีรากฐานมาจากสิ่งที่พวกคุณเคยประสบพบมาตั้งแต่อดีตด้วยซ้ำไป

ที่รักทั้งหลาย พวกคุณไม่ได้เป็นของแข็ง
และก็ไม่ได้มีรูปร่างรูปทรงที่คงที่แล้วแต่อย่างใดเลย
เพราะว่าพวกคุณคือ รูปธรรมชีวิตที่เป็นของไหล (Fluid)
และ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสง่าผ่าเผยอย่างมาก
และพวกคุณก็เต็มไปด้วยอนุภาคของแสงสว่าง
ที่สว่างไสวเรืองรอง ซึ่งสามารถสร้างตัวมันเองขึ้นมาใหม่ได้
ในทุกลมหายใจของพวกคุณ

จงจำไว้ให้ดี ในขณะที่พวกคุณเริ่มยินยอมให้ตัวเอง
จดจำแก่นแท้ของตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้อยู่นี้
ว่าพวกคุณคือทรงกลมแห่งแสงสว่าง ที่สว่างไสวเรืองรอง
และเต็มไปด้วยศักยภาพแห่งประกายละอองทองคำบริสุทธิ์นับพันๆหยด
ที่สามารถที่จะแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายเนื้อของพวกคุณได้
ด้วยความอบอุ่น และความสว่างไสวเรืองรองของทองคำเหลวนั่นเอง

จงทำความคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ให้ดี
(ความรู้สึกที่ว่าเราคือทรงกลมแห่งแสงสว่าง – ผู้แปล)
เพราะว่ามันจะทำให้พวกคุณสามารถ
ไหลเข้าไปในโลกใหม่และผสานรวมกับโลกใหม่ของตัวเองได้

จงอย่ามองอะไรว่าเป็นของแข็งแม้แต่อย่างเดียว
แต่จงมองให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือของไหลทั้งหมด
ที่กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
และสามารถที่จะถูกหล่อหลอม
และเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นอะไรก็ได้
ตามที่พวกคุณปราถนาและต้องการ

จงทำความคุ้นเคยกับความคิดที่ว่า
พวกคุณคือผู้ที่บงการพวกมันอยู่
“จากข้างใน” ของพวกคุณเอง

และที่รักทั้งหลาย จงอย่ารอคอยให้อะไรมันเกิดขึ้นเอง
ในโลกแห่งความเป็นจริงของพวกคุณ
จงมองให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
สามารถที่จะเกิดขึ้นมาได้
จาก “แก่นแท้แห่งแสงสว่าง” (Light Essence)
ของพวกคุณเองทั้งสิ้น

แนวคิดนี้อาจจะดูแปลกประหลาดและยากต่อการเข้าใจของพวกคุณอยู่สักหน่อย
เพราะว่าพวกคุณคุ้นเคยอยู่แต่กับการมองเห็นว่าโลกของตัวเองเป็นของแข็ง
และ มีรูปร่างรูปทรงที่คงที่ตายตัวแล้ว ยกเว้นแต่ว่าจะมีอะไรบางอย่างจากภายนอก
มาทำให้มันเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น

แต่ว่า..ก็เช่นเดียวกันกับที่ “กายแห่งแสงสว่าง” (Light Body) ของพวกคุณ
กำลังค่อยๆมีความเป็นคริสตัลไลน์มากขึ้น และค่อยๆมีความเป็นของไหลมากขึ้นอยู่นี้
โลกของพวกคุณเองก็เช่นเดียวกัน ก็กำลังค่อยๆมีความเป็นคริสตัลไลน์มากขึ้น
และค่อยๆมีความเป็นของไหลมากขึ้นอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

ดังนั้น มันจึงถึงเวลาแล้ว ที่พวกคุณจะต้องรื้อโครงสร้างภายนอกของสิ่งต่างๆ
ที่พวกคุณเคยยึดติดว่า มันคือ “ของจริง” และ คือสิ่งที่มีโครงสร้างแน่นอนตายตัวแล้วนั้น ทิ้งไปเสีย
แล้วหันมาเริ่มมองดูวัตถุสิ่งของต่างๆ ว่ามันเป็นของไหลที่กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
หรือว่าคือของไหลที่ไหลไปมาอยู่ระหว่างโมเลกุลของพวกมันแทน

ซึ่งการทำเช่นนี้ จะช่วยเปิดใจของพวกคุณ
ให้ยอมรับในความเป็นของไหลโดยสมบูรณ์แบบของทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่กำลังมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทั้งภายในและภายนอกตัวพวกคุณเองได้

......................................

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากท่านอาจารย์แลนโต้ (Master Lanto)
เรื่อง: พวกคุณคือลูกทรงกลมแห่งแสงสว่างที่สว่างไสวเรืองรอง
(You Are Glowing Orbs of Light)

ผู้รับสาส์น: Fran Zepeda
วันที่: 9 ตุลาคม 2013

ที่มา:
Ashtar Command - Spiritual Community Network
Master Lanto: You Are Glowing Orbs of Light - Channeler: Fran Zepeda



(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

ตอนที่ 2:


ต่อไปนี้คือแบบฝึกหัด ที่จะสามารถช่วยพวกคุณในเรื่องนี้ได้:

ให้มองดูวัตถุสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่อยู่ตรงหน้าพวกคุณ
แล้วถาม “จิตใจ” (mind) ของตัวเองว่า เจ้าสิ่งนี้มันคืออะไร
นี่คือวิธีการเดิมๆที่พวกคุณใช้มองดูและใช้ระบุธรรมชาติของสิ่งนั้นๆ

แล้วคราวนี้ ก็ให้ใช้ “หัวใจ” ของพวกคุณเอง มองดูมัน
และสัมผัสถึงมันใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ให้ขอร้องให้หัวใจของพวกคุณ มองให้เห็นว่า
มันอยู่ในรูปแบบของของไหล
และมองให้เห็นว่ามันมีรังสีแห่งแสงสว่างจำนวนมากมาย
กำลังวิ่งอยู่รอบๆตัวมัน
และกำลังวิ่งทะลุทะลวงอยู่ภายในตัวมันด้วย

เพราะว่าเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล
ที่ทำให้มันยังคงรูปร่างเป็นวัตถุชิ้นนั้นอยู่ได้
ก็เพราะว่าการรับรู้ของพวกคุณ
เป็นผู้โอบอุ้มมันเอาไว้เท่านั้นเอง

ซึ่งการรับรู้ของพวกคุณที่ว่านี้ ก็มีรากฐานมาจาก
การที่จิตใจของพวกคุณ บอกกับพวกคุณว่า มันคืออะไร นั่นเอง

แต่ว่า..ถ้าพวกคุณมองดูมันว่ามันคือแสงสว่างแล้วหละก็
มันก็จะสามารถกลายไปเป็นอะไรก็ได้
ที่มีรูปแบบแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

แล้วคราวนี้ ก็ให้นำความรักจากหัวใจของพระผู้สร้างของพวกคุณ
ไปเติมเต็มให้กับมันเสีย และให้มองให้เห็นว่า
มันเริ่มที่จะเต้นรำไปกับแสงสว่างแล้ว
ให้มองให้เห็นแสงสว่างเรืองรองที่อยู่รอบๆตัวมัน
ให้มองให้เห็นว่ามันกำลังอยู่ในแสงสว่างใหม่โดยสิ้นเชิงแล้ว


นี่คือแบบฝึกหัดอันหนึ่ง ที่พวกคุณสามารถที่จะนำไปใช้ได้กับทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นกับอารมณ์ความรู้สึก, กับความคิด, กับปัญหา และกับความกลัวทั้งหลายก็ตาม

รวมถึง กับการรับรู้ถึงความเป็นตัวตน ของพวกคุณเองด้วย

ว่าคือรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่าง หรือว่าคือรูปธรรมชีวิตที่มีร่างกายเป็นสสารที่เป็นของแข็งนี้

มันจะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับพวกคุณ สำหรับกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น
ที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกคุณอยู่นี้ได้ เพื่อให้พวกคุณสามารถปลดปล่อยความคิดความเข้าใจ
และการรับรู้แบบเก่าๆที่มีต่อตัวตนของตัวพวกคุณเอง และที่มีต่อบทบาทของตัวพวกคุณเอง
ในโลกใบนี้ไปได้


คราวนี้ ให้เล่นสนุกกับสิ่งนี้ และให้รู้สึกว่า
ตัวเองกำลังสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ
และให้ยินดีต้อนรับวิธีการรับรู้แบบใหม่นี้
ที่ว่าสิ่งต่างๆก็คือแสงสว่าง
และพวกมันล้วนทำมาจากแสงสว่างทั้งสิ้น

ต่อจากนั้น ให้ทำความคุ้นเคยกับการมองเห็น
“ความสว่างไสว” ในทุกสิ่งทุกอย่าง
และให้รู้สึกถึง “ความสว่างไสว”
ในร่างกายเนื้อของตัวเองด้วย

เพราะว่าพวกคุณเริ่มปลดปล่อยแนวคิดที่ว่า
ตัวตนของพวกคุณ คือสสารที่เป็นของแข็ง
ที่มีรูปร่างแน่นอนตายตัวนี้ ทิ้งไปแล้ว

จากนั้น ก็ให้ทำความรู้สึกถึงความเรืองรองสว่างไสว
และ ความรัก ที่อยู่ภายในตัวของพวกคุณเอง
ซึ่งกำลังขยายตัวแผ่ออกไปเรื่อยๆ
ในทุกๆลมหายใจของพวกคุณอยู่

และให้เริ่มต้นมองให้เห็นว่า
มันไปทำอะไรกับการรับรู้ของพวกคุณ
ที่มีต่อวัตถุสิ่งของต่างๆ ที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณบ้าง

เพราะว่าพวกคุณกำลังเรียนรู้ถึงความเชื่อมโยงของทุกสรรพสิ่งอยู่
และเพราะว่าพวกคุณกำลังเรียนรู้ถึงกระบวนการสร้างสรรค์ของทุกสรรพสิ่งอยู่
ว่าสิ่งต่างๆมันจะมีตัวตนอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อพลังอำนาจของหัวใจของพวกคุณ
มีความประสงค์ที่จะให้มันมีอยู่เท่านั้น และก็ต่อเมื่อหัวใจของพวกคุณ
รับรู้ถึงมันอยู่เท่านั้นเอง

แล้วจากนั้น ก็จงยินยอมให้ตัวเองซึมซับเอาวิธีการมองดูสิ่งต่างๆแบบนี้เอาไว้
และจงเล่นสนุกกับมัน จงมองว่ามันเป็นความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
และเป็นศักยภาพที่จะเป็นไปได้อย่างหนึ่งด้วย โดยไม่ปล่อยให้จิตใจของพวกคุณ
ไประบุว่ามันคืออะไรอีกต่อไปแล้ว

ที่รักทั้งหลาย แค่พวกคุณทำได้เช่นนี้เท่านั้น พวกคุณก็จะสามารถเดินอยู่บนเส้นทาง
แห่งการเปลี่ยนรูปแบบของตัวเอง และของสิ่งแวดล้อมของตัวเอง ได้อย่างมั่นคงแล้ว
เพื่อเปลี่ยนรูปแบบพวกมันจากรูปแบบที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ของพวกมัน
ให้ไปอยู่ในรูปแบบของแสงสว่างที่ใสกระจ่างและสามารถมองเห็นได้
ที่จะมีแสงสีทุกๆแสงสี ที่มาจากมิติที่สูงกว่าแทน

ที่รักทั้งหลาย ตอนนี้ฉันจะขอลาพวกคุณไปก่อน พร้อมกับจะทิ้งแนวความคิดเหล่านี้
เอาไว้ให้กับพวกคุณ เพื่อให้มันช่วยนำพาพวกคุณเข้าไปสู่วิถีการรับรู้แบบใหม่
ถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกคุณ ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกคุณคืออะไร และคือใคร

ว่าพวกคุณคือทรงกลมแห่งแสงสว่างที่สว่างไสวเรืองรอง
ที่ประกอบขึ้นมาจากอนุภาคแห่งแสงสว่างจำนวนมากมาย
ที่สามารถจะไปเปลี่ยนรูปแบบของทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวพวกคุณได้
ด้วยเพียงแค่อาศัยเจตจำนงค์และการปล่อยให้มันเป็นไป อย่างที่มันต้องการเท่านั้น

เพราะว่าการรู้การเห็นความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกคุณเอง
คือสิ่งที่จะนำพาพวกคุณไปข้างหน้าได้ เพื่อเข้าไปสู่โลกที่มีความเป็นไปได้มากมาย
โลกที่จะอาศัยเพียงแค่ความตั้งใจของพวกคุณ ว่าพวกคุณอยากจะให้โลกของพวกคุณ
เป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรบ้าง เท่านั้นเอง

ซึ่งมันจะเป็นเช่นนี้ได้ ก็ด้วยการที่พวกคุณ จะต้องยอมจำนนต่อความเป็นไปได้ว่า
บางสิ่งบางอย่าง มันสามารถที่จะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงได้
และสามารถที่จะเกิดขึ้นอย่างปาฏิหาริย์ได้ เท่านั้นเอง

เพราะว่าพวกคุณคือผู้สร้าง และคือผู้ก่อการของโลกใหม่นี้
โลกที่พวกคุณกำลังช่วยกันสร้างมันขึ้นมาอยู่ในขณะนี้


ฉันคืออาจารย์แลนโต้ และฉันก็ขอโค้งคำนับพวกคุณ
ในความสว่างไสวเรืองรองระยิบระยับของพวกคุณ


©2013 Fran Zepeda. Permission is given to copy
and distribute this material, provided the content is posted
in its entirety and unaltered, is distributed freely,
and this notice and links are included.

franheal | healing, channeled messages, ascension (Blog)

Source:Blank (Website)


Read more: Ashtar Command - Spiritual Community Network
Follow us: AshtarCommandCrew on Facebook

………………….

 

ขอบคุณอาจารย์แลนโด
ขอบคุณคุณชยุต
ชอบ ชอบ ชอบ สวยดี 55555555

 

ขอบคุณกับข้อมูลนี้ ทำให้นึกถึงฉากในmatrix 3 ที่นีโอตาบอดและมองทุกอย่างเป็นแสงสว่าง มันช่างสวยงามจริงๆ

 

ขอบคุณครับ สำหรับสื่อข้อมูลชุดนี้ ขอความสว่างสไสวเรืองรอง จงเกิดขึ้นกับทุกสรรพสิ่งบนโลกเสรีใบนี้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ

 

ไม่เคยดูเดอะแมทริกภาค 3 เลยแต่วันนี้ตอนเช้าๆอยู่ๆเขาก็เอามาฉายเลยได้ดู ที่นีโอตาบอดแล้วเห็นทุกอย่างเป็นเหมือนแสงสว่างหมดเลย แล้วยังมาอ่านเจอเรื่องแสงสว่างอีก บังเอิญมั้ง

 

เขาเรียกกันว่า ปรากฎการณ์ Synchronicity ครับ
หรือที่แปลเป็นไทยว่า "ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ"

คือ เมื่อใครซักคน เริ่มเดินทางบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ
มาถึง จุดๆหนึ่งแล้ว เขาคนนั้น ก็จะเริ่มได้พบกับประสบการณ์นี้
มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปเลยหละครับ

คือมันจะเหมือนกับว่าเป็นความบังเอิญ
หรือเหมือนกับว่า มีใครมาจัดฉากเอาไว้ให้เรา อะไรแบบนั้นแหละครับ
ที่พอเรากำลังสนใจเรื่องอะไรซักอย่างอยู่
ก็จะมีเหตุบังเอิญให้ได้ไปเจอเรื่องนั้นๆพอดี
ผ่านทางอะไร หรือ วิธีไหนก็ตาม แต่มันจะมีมาแบบไม่คาดฝัน
แล้วก็จะไปเจออะไรที่เกี่ยวเนื่องกันอยู่อีก หรือต่อๆมาอีก แบบบังเอิญ
อย่างที่คุณเจอแล้วนี่แหละครับ

และจากนี้ไป ถ้าคุณจะรู้จักสังเกตดูความเป็นไปในชีวิตของตัวเองมากขึ้น
คุณก็จะยิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติเลยหละครับ

ซึ่งกรณีนี้ เป็นกรณีเดียวกันกับคนที่เจอเลข 11 หรือ 11:11 อยู่บ่อยๆ
ก็จะเจออยู่นั่นแหละ จนผิดสังเกต จนงง และในที่สุดก็หายงง
และหายตื่นเต้นไป เพราะว่าเจออยู่ประจำจนชินแล้วนั่นเอง

ซึ่งปรากฎการณ์เจอเลข 11:11 นี้ คนทั่วโลก จำนวนมากมาย
ก็เจอเหมือนกับเรานี่แหละ และเจอมานานราวๆ 20 ปีแล้วด้วยครับ
ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใดเลย เพราะว่ากระบวนการเลื่อนระดับขึ้น
มันเริ่มเข้มข้นขึ้นเมื่อราวๆ 20 ปีมานี้เองหละครับ

แล้วแรกๆ ที่เจอ หลายคนก็อาจจะไปเล่าให้คนอื่นฟัง
แต่คนอื่นๆ ที่เขาไม่ได้เจอด้วย เขาก็อาจจะอธิบายเหตุผลแบบอื่น
ให้พวกคุณฟัง เพื่อให้พวกคุณเลิกคิดถึงมันเสีย
หรือดีไม่ดี พวกเขาก็อาจจะหาว่าคุณเป็นบ้า หรืองงมงายด้วยซ้ำไป

แต่จะทำไงได้หละ ก็เพราะว่าพวกเขาไม่ได้เจอแบบที่คุณเจอนี่นา
และเพราะว่าเขายังไม่ถึงจุดที่จะต้องเจอแบบนั้นด้วย
ดังนั้น พวกเขาก็เลยไม่มีความเชื่อแบบที่คุณเชื่อ
ดังนั้น พวกเขาก็เลยคิดว่าคุณเป็นบ้า หรืองงมงายอย่างที่ว่านั่นแหละครับ

สรุปว่า ใครที่ได้เจอปรากฎการณ์ synchronicity แบบนี้แล้ว
ก็ขอให้สนุกกับมันเถอะนะครับ เพราะว่ามันจะนำพาคำตอบ
มาให้กับคำถามทุกๆคำถามของเรา อย่างไม่คาดฝัน

และขอบเขตของมัน ก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ด้วย
เพราะว่ามันยังอาจจะครอบคลุมไปถึงทุกๆเรื่องของชีวิตของเราด้วย
ลองเปิดใจต้อนรับมันดูนะครับ..ลองไหลไปตามกระแสพลังงานดู
ลองทำตามเหตุการณ์แห่งความบังเอิญ ที่ชักนำเราไปอยู่นี้ดู
เพราะว่ามันอาจจะมาจากเทพผู้นำทางของเรา
หรือตัวตนที่สูงส่งกว่าของเรา เป็นผู้คอยกำกับการแสดง
และคอยจัดฉาก คอยจัดคิวการแสดงต่างๆ ให้เราอยู่ก็ได้

........................................................

 

ขอบคุณครับ แต่ตอนนี้ไม่มีจุดหมายในเรื่องของจิตวิญญาณอะไรเลย แต่ทุกวันมีความสุขดีนะครับ ไม่มีคนที่ไม่ชอบสักคน แต่บางทีก็อารมณ์ร้อนไปหน่อย พยายามรักแบบไม่มีเงื่อนไขอยู่ ขอบคุณครับที่แปลให้อ่าน

 

แหนะ..พูดยังไม่ทันขาดคำเลย
พอโพสต์ข้อความข้างบนนี้เสร็จ
กะว่าจะปิดคอมฯไปนอนซะหน่อย
ก็เหลือบไปเห็นเลข 11:11 อีกแล้ว

สำหรับผมแล้ว มันบังเอิญเป็นแบบนี้
มาราวๆ 12 ปีแล้วหละครับ อิอิ..


.........................................

 

คุณ Chayutt ครับ กราบเรียนขอถามเรื่องหนึ่งหน่อยครับ พอดีผมเคยอ่านมานานมากแล้วแต่ดันลืมและก็หาไม่เจอเพราะข้อมูลมันเยอะมาก


ตอนนี้ผมจำได้แค่ว่า จักรวาลเรากำลังเคลื่อนที่จากทางช้างเผือกมุ่งหน้าไปยังกาแล็กซี่อันโดเมด้าใช่ไหมครับ ขอข้อมูลตรงนี้หน่อยครับ พอจะหาได้ไหม ขอบคุณครับ

 

ข่าวสงครามนอกโลกครับตอนนี้กำลังโจมตีกันอยู่


A War in the Heavens: In the Far Reaches of Outer & Inner Space - Waking Times

 

พวกนี้คือเสียงอะไรครับพอจะรุ้ไหม

https://www.youtube.com/watch?v=gsrjvN9BXAE

https://www.youtube.com/watch?v=yHTb4fUHUT4

 

อันนี้ผมก็ไม่ทราบจริงๆครับ
และข้อความจากต่างมิติที่ผมแปลอยู่นี่
ก็ไม่เคยพูดถึงเลย หรือว่าผมอ่านไม่เจอเองก็ไม่รู้นะครับ

แล้วก็ ข้อความจากต่างมิติแนวที่ผมแปลอยู่นี่
ก็ไม่ใช่แนวๆนั้นซะด้วยหนะครับ

แล้วก็..โลกของเรามันมีทั้งสองขั้วเสมอนั่นแหละ
ทั้งมืดทั้งสว่าง ทั้งบวกทั้งลบ
และดังนั้น พวกเราจึงต้องใช้วิจารณญาณกันให้ดี

และดังนั้น ถ้าเราเห็นใครทำไฟล์คลื่นเสียงที่มีความถี่ต่างๆ
ที่บอกว่าจะควบคุมจิตใจของเราได้ขึ้นมาจริงๆ
หรือว่าเราไปเจอคำเตือนทำนองนี้มาจริงๆ อย่างลิงค์ที่คุณแปะมานี่
มันก็เป็นสิทธิของคุณเอง ที่จะต้องเลือกเหมาเอาว่า
โอ..งั้นก็แสดงว่าไฟล์พวกนี้ทั้งหมด ทั้งโลกนี้ ล้วนไม่ดีทั้งสิ้น

หรือจะเลือกคิดว่า มันก็ต้องมีบ้างแหละสำหรับคนที่ไม่หวังดี
ที่จะทำไฟล์พวกนี้ขึ้นมาเพื่อ ลดความน่าเชื่อถือ หรือความมีประโยชน์
ของไฟล์เสียงของจริงเหล่านี้ไป อะไรแบบนั้น
ซึ่งอันนั้นก็แล้วแต่คุณนะครับ เพราะมันเป็นสิทธิโดยชอบธรรม
ที่มีมาแต่กำเนิดของมนุษย์แต่ละคน ที่จะเลือกเชื่อหรือไม่เชื่ออะไรก็ได้

......................................

 

พอดีมีคนถามถึงไฟล์เสียงคลื่นสมองระดับต่างๆ
ผมก็เลยเที่ยวไปค้นหากลับมาได้ใหม่แล้ว
เพราะว่าก่อนหน้านี้ลิงค์มันจะเป็น palungjit.org
แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็น palungjit.org แ้ล้ว

ดังนั้น ก็เลยต้องไปควานหาลิงค์กันใหม่อีกครั้งหนะครับ
ข้างล่างนี้นะครับ

รวมดนตรีบำบัดปรับจูนคลื่นสมอง - Buddhism Audio


แล้วก็นี่ด้วยครับ

เสียงดนตรีเพิ่มพลัง จักระ - Buddhism Audio

.................................

 

.
ท่านชยุตต์ เคยมีข้อความไหนบ้างไหมครับ
ที่กล่าวถึง การหลอกให้ลงมาทำภารกิจ แบบไม่เต็มใจ
หรือโดนบังคับ ล่อลวง หลอกล่อ หรือจับสลากได้งานแบบเนี้ย

ที่ถามเพราะรู้สึกว่าเราชำนาญในภารกิจหลากหลายประการจัง
(เราคิดเอาเองนะ ไม่อนุญาติให้ใครหมันไส้ด้วยหละ ขอบอก)
แต่ก็เหมือนทำไปงั้นๆ แหละ ตั้งใจบ้าง บางทีก็งอแง งี่เง่าชะมัด

คล้ายไม่เต็มใจจะทำแบบเนี้ยเลย แต่ก็หนีไม่ออก
แล้วก็ทำให้ทำอะไรบ้าๆ ออกมาบ่อยๆ ไม่สนใจใครทั้งโลก
แหกกฏทุกข้อ ไม่ขอใครช่วย ไม่ป่วยไม่เจ็บ เห็บหมัดไม่มี 555


นักบินแห่งแสง / วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด
.

 

ขอตอบตามตรงว่า ไม่เคยอ่านเจอเลยแม้แต่ครั้งเดียวครับ
แล้วก็คงจะไม่อ่านเจออีกในอนาคตด้วยหละครับ อิอิ

เพราะว่า พวกเขามีแต่บอกว่า พวกเราอาสาลงชื่อกันลงมาเกิดล้นหลามไปหมด
จนต้องคัดเลือกเอาเฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และ เหมาะสมที่สุดเท่านั้น
ให้ลงมาเกิดได้ ดังนั้น มันจึงเป็นทางเลือกเสรีของพวกเราโดยแท้ทั้ง 100% ครับ

และถ้าเกิดอาการอย่างที่ว่านั้น ผมก็เดาว่า น่าจะมาจาก ego ของเราเองหรือเปล่า
ที่ทำให้มุมมองของเราเป็นแบบนั้น เพราะว่าถ้ามองจากมุมมองของจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตา แบบไม่มีเงื่อนไขแล้ว
เราก็คงจะไม่รู้สึกแย่กับการให้ความช่วยเหลือคนอื่นหรอกกระมังครับ
ถึงแม้ว่าเราจะต้องเจอปัญหาอุปสรรคอะไรบ้างก็ตาม

แล้วก็..อีกอย่างหนึ่ง ในมิติที่สูงๆกว่าแล้ว ตั้งแต่มิติที่ 5 เป็นต้นไป
มันจะมีอยู่ ก็เฉพาะแต่สิ่งที่มีระดับความสั่นสะเทือนสูงๆเท่านั้นแหละครับ
มันจะไม่มีสิ่งใด ที่มีระดับความสั่นสะเทือนต่ำๆ ที่จะสามารถทนทานอยู่ได้หรอกนะครับ
โดยไม่ตกร่วงลงมาสู่มิติที่ต่ำกว่านั้น

เพราะว่าอะไร จะอยู่ที่ไหนได้ ระดับความสั่นสะเทือนของมัน ก็จะต้อง match กันด้วย

ดังนั้น เปล่าประโยชน์ที่จะไปพูดถึง "การหลอก" หรือ "การโกหก"
ที่จะเกิดขึ้น ในมิติที่สูงๆแบบนั้น เพราะว่าพลังงานของมัน
มีระดับความสั่นสะเทือนที่ต่ำเกินกว่าจะไปอยู่ในมิติที่สูงๆได้หนะครับ

แล้วก็เพราะว่า ความคิดของทุกสรรพชีวิตบนนั้น
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหมด ดังนั้น ใครคิดอะไร หรือไปรับรู้อะไรมา
รูปธรรมชีวิตอื่นๆ ที่อยู่ทั่วทั้งมิตินั้นๆ ก็จะรับรู้ตามไปด้วย ณ.เดี๋ยวนั้น เสมอๆ

ดังนั้น มันจึงไม่มีใครไปหลอกใครได้หรอกนะครับ..


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

..............................................................