เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    RIMG0395.JPG RIMG0339.JPG RIMG0391.JPG

    ยันต์ นะ หน้าทองใหญ่ ของ หลวงตาเล็ก

    หรือมีชื่อ ว่า ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ยันต์พระเจ้าอมโลก ยันต์ นะโมพุทธายะใหญ่ ยันต์พุทธซ้อน ยันต์ ปฐมกัปป์ ตามชื่อเรียกที่ผมได้ยินมา สายหลวงพ่อ เดิม หลวงตาท่านบอกว่าท่านไม่ทันหลวงพ่อเดิม ( หมายความว่าไม่ได้เรียนมาจากหลวงพ่อ เดิม ) แต่ชาตะ ทันแน่นอน แต่ไม่เคยเจอกันน่ะครับ

    ปกติ ท่านจะลงตัวเดียว คือ นะ หน้าทอง ยันต์ครูท่าน ลงทางเมตตา เน้นๆ

    แต่ถ้าลงชุดใหญ่จะเป็นยันต์ตัวนี้มาตลอดครับ ผ้ายันต์ ตระกรุด ฐานพระ ท่านสำเร็จเหมือนกัน และ เรียกกันชื่อเดียวกับหลวงพ่อจง อาจารย์ของท่าน

    ยกเว้นยันต์แปลกๆต้องขอ เช่น ยันต์ปลายศีล ยันต์ จินดามณี ยันต์ เจ็ดช่อง เป็นต้น

    และลายมือท่านเป็นอย่างนี้ครับ ไม่ใช่จับยัดครับ ผมเห็นที่ไหน จำได้เหมือนลายมือตัวเอง ท่านลงให้ผมนับครั้งไม่ถ้วนแต่ต้องเงียบๆ สองคนหน่อย แต่มีคนแถวๆนี้ตัวดำๆ ขอลงให้ บ่อยเหมือนกัน ผมแอบเห็น

    ผมจะขอท่านลงหัว ลงที่แขนที่ฝังตะกรุดหลวงพ่อคูณ ขอลงซ้ำ ลงที่มือขวา ( ขอท่านให้มือนี้ทำอะไรจงสำเร็จ ) ลงที่หน้าอก ลงที่หลัง ลงที่ไหล่ ลงที่กระหม่อม ลงที่หน้าผาก ลงท้ายทอย นับครั้งไม่ถ้วน นอกนั้นขอลงตะกรุด ลงพระเครื่อง ลงผ้ายันต์ ลงแหวน ลงงา ลงมีด ลงปากกา ลงนาฬิกา ลงกระเป๋าสตางค์ ลงรูป และนับครั้งอีกไม่ถ้วนเอาไว้บูชาด้วยความเคารพเป็นของส่วนตัว ไม่เคยเอามาขาย ไม่เคยแม่แต่จะคิดมาโชว์ใครในที่สาธารณะ หรือ คิดที่จะขายแต่อย่างใด

    เอาปากกาลงบ้าง เหล็กจารลงบ้าง เอานิ้วมือลงบ้าง คนตัวดำๆ แถวนี้ก็ไปไถท่านให้ลงไปหลายชุด ผมจำได้ครับ...แหะๆ เน้น ต้องตัวดำๆน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2013
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    คนยุคนั้น ถ้าสำเร็จ ถ้าเก่ง ลองได้ครับ
     
  3. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    หลวงพ่อจงท่านบอก หวยให้ หลวงพ่อ เมี้ยน ( พระอุปัชฌาย์ของผม ) สามครั้ง ( หลวงพ่อ เมี้ยน ท่านไปลองของ หลวงพ่อจงว่าจริงหรือไม่ สามครั้ง ) ครั้งสุดท้าย ให้เลขรางวัลที่ ๑ ถูกทุกตัวครับ ไม่มีทางพลาด ตั้งแต่นั้นมา หลวงพ่อเมี้ยน ยอมหลวงพ่อ ไปเรียนวิชาด้วย

    หลวงพ่อ เมี้ยนท่านเป็นศิษย์ อีกคนของหลวงพ่อจง ใครไปถามท่าน ท่านจะบอกว่า ฉัน อาจารย์ เมี้ยน ศิษย์ หลวงพ่อ จง ไม่รู้จักซ่ะแล้ว ( ว่าศิษย์ใคร )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2013
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    ที่เอามาลงให้ดู โชว์ด้วยหลักฐาน หลวงตาเป็นยันต์ อักขระตั้งเยอะ เป็นอาจารย์สักมาก่อน เขียนยันต์ เขียนภาษาขอม เหมือน อักษรศาสตร์บัณฑิต

    แต่ท่านก็ ใช้ยันต์ตัวเดียวกับหลวงพ่อจง และ เรียกชื่อเหมือนกัน ไม่สายเดียวกันเรียกคนล่ะอย่าง เขียนคนล่ะวิธีครับ

    ซ.ต.พ.
     
  5. ส่างปา

    ส่างปา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,531
    ค่าพลัง:
    +11,165

    อนุโมทนา ครับ .....
     
  6. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG]
     
  7. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    ชาวศิวิไลย์ 1

    ชาวศิวิไลย์ : หลวงปู่ดาบส สุมโนพระอริยเจ้าแห่ง เมืองเชียงราย
    [​IMG]

    พระธรรมเทศนา ท่านพระคุณเจ้าหลวงปู่ดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต เทศนาไว้เมื่อ -วันพระที่ 12 ก.พ. พ.ศ. 2542 ขึ้น๑๕ค่ำ (นำมาเล่าสู่กันฟังตอน1)

    นะโม ตัสสะ ภควโตฯ ณโอกาศนี้จะได้กล่าวสภาวะอันเป็นไปของโลก คือยุคศรีวิไลย์ คำว่ายุคศรีวิไลย์คือเป็นชื่อของกาลเวลาชั่วระยะหนึ่ง ยุคศรีวิไลย์กาลเวลาที่จะบังเกิดตามชื่อนี้ ก็จะสิ้นระยะกาลรัชสมัยหนึ่งๆ หรือช่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งๆ ของเมืองไทย เมืองไทยซึ่งได้สร้างเมืองมา ตั้งแต่ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งเป็นองค์ปฐมแห่งพระเจ้าแผ่นดิน ในวงค์นี้คือวงค์รัตนโกสินทร์ ก็พระเจ้าแผ่นดินองค์แรก ชั่วระยะพระเจ้าแผ่นดินทรงครองราษฎสมบัติอยู่ องค์ต้นก็เรียกว่ายุคที่๑ องค์ที่๒ก็เรียกว่ายุคที่๒ องค์ที่๓ก็เรียกว่ายุคที่๓ ก็เมื่อองค์ที่๔มาสืบแทน องค์ที่๔สิ้นไปองค์ที่๕ก็มาสืบแทน สืบกันไปเรื่อยๆอย่างนี้ ชื่อว่ายุคหนึ่งนั้นมีเจ้าผู้ครองแผ่นดิน ของประเทศไทยแต่ละองค์ๆ ชื่อว่ายุคในที่นี้ก็มีหลายยุคด้วยกัน มีถึง๑๐ยุค ๑๒ยุค คือนับตั้งแต่ยุคต้น ยุคต้นเรียกว่ายุคมหากาฬ ยุคที่สองเรียกว่าภารยักษ์ ยุคที่๓ ยุคที่๔ที่๕ ก็มีชื่อเรียกกันไปตามลำดับ คือภารยักษ์ รักมิตร สถิตธรรม จำแขนขาด ราษฎโจรัญ ทันทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาวศรีวิไลย์ ไทยมหารัฐ แล้วก็จักรพรรดิราษฎร์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2013
  8. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG]

    วันที่ไปกราบศพ กราบสังขาร หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน เป็นวันที่เศร้าที่สุด ร้องไห้ในอก แต่น้ำตาไม่ตก สักเม็ด ร้องไห้ไม่ออก ความรู้สึกนั้น เพิ่งจะเสีย เสียหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เสียหลวงตาเล็ก มาหยก ๆ กลับมาต้องสูญเสีย ร่มโพธิ์ ร่มไทร ไปอีกองค์ ลูกนก ลูกกา แทบหมดที่พึ่ง
     
  9. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    ชาวศิวิไลย์ 2

    [​IMG]

    พระธรรมเทศนา ท่านพระคุณเจ้าหลวงปู่ดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต เทศนาไว้เมื่อ -วันพระที่ 12 ก.พ. พ.ศ. 2542 ขึ้น๑๕ค่ำ (นำมาเล่าสู่กันฟังตอน 2)

    ก็ท่านกล่าวกันไว้เป็นยุคๆ ดังที่ท่านพระคุณเจ้ากล่าวมานี้ ถามว่าในปัจจุบันนี้เป็นยุคอะหยั๋ง ก็มีคำตอบว่า ยุคถิ่นกาขาว ยุคถิ่นกาขาวเป็นอย่างไร ก็ได้แก่รัชสมัยพระภูมิพลอดุลยเดช องค์ปัจจุบัน ที่ครองราษฎสมบัติอยู่ในประเทศไทย อันนี้ได้แก่ถิ่นกาขาว ยุคถิ่นกาขาวก็ดูเหมือนกับว่า ถูกต้องตามรูปเรื่อง หรือความเป็นมาของแต่ละยุค แต่ละยุค ถิ่นกาขาวหรือถิ่นตาขาว อันนี้ก็คือมีคนเข้าวัดปฎิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาว รู้จักหันมาสวดมนต์ภาวนา เจริญกรรมฐานทุกชั้นทุกเพศทุกวัย อันนี้ท่านเรียกว่าถิ่นกาขาว หรือถิ่นขาวสะอาดก็ได้เหมือนกัน ขาวสะอาดก็คือ หันเข้ามาปฎิบัติในทางศีล ทางธรรมนั่นเอง เข้าวัดเข้าวา รู้จักบำเพ็ญตน เจริญศีลเจริญภาวนา ก่อนหน้านี้คือคนไทย ก็น้อยนักที่จะรู้จักหันเข้ามา เจริญศีลธรรมกรรมฐาน ไม่เคยรู้ว่าภาวนามันเป็นอย่างไร กรรมฐานมันเป็นอย่างไร ก็เพราะว่าคนนอกทั่วๆไป ไม่ได้ยินมาก่อนไม่รู้เรื่องมาก่อน แต่เข้ามาในรัชสมัยเรานี้ ดังที่ได้กล่าวก็รู้สึกว่า มีประชาชน ได้รู้จักกรรมฐานภาวนา รู้จักมานุ่งขาวห่มขาวปฎิบัติธรรม รู้จักถือศีล๘รู้จักงดเว้นปลาเนื้อ นี่ก็คือเข้าลักษณะที่เรียกว่า ถิ่นกาขาวหรือถิ่นขาวสะอาด ถิ่นขาวสะอาดก็บังเกิดขึ้นในประเทศไทยราว ๓๐-๔๐ ปีมานี้ แต่ก่อนนี้ก็ไม่ค่อยจะรู้กัน แล้วยุคนี้จะดำรงค์อยู่ หรือมีชื่อไปจนถึงรัชกาลองค์ใหม่ รัชกาลองค์ใหม่ก็จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนยุคมาเป็นยุคชาวศรีวิไลย์​
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,990
    ค่าพลัง:
    +146,269
    RIMG0404.JPG

    ของดีของท่านรุ่งรวย

    ผมเปิดกล่องเห็นแล้วอึ้ง ส่งมาตั้งเยอะ ผมจะเอาไปทำอะไรเนี่ย...แหะๆ

    ขอแต่ผง หลวงพ่อ แก้ว กับ ไม้โพธิ์จะเอาไปแกะน้ำเต้าน่ะครับ ผงจะเอามาอุด

    ที่เหลือ เดี๋ยวเอาไปถวายพระ เผื่อท่านจะทำของดีน่ะครับ หรือ คิดดูก่อนครับ
     
  11. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG]
     
  12. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    ชาวศิวิไลย์ 3

    ชาวศิวิไลย์ 3
    [​IMG]

    พระธรรมเทศนา ท่านพระคุณเจ้าหลวงปู่ดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต เทศนาไว้เมื่อ -วันพระที่ 12 ก.พ. พ.ศ. 2542 ขึ้น๑๕ค่ำ (นำมาเล่าสู่กันฟังตอน3)

    แล้วจะเป็นอย่างไรอันนี้ก็จะขอนำมาแสดงต่อไปข้างหน้า ทีนี้จะขอย้อนกล่าวถึงเรื่องการที่จะเปลื่ยนแปลงยุคหรือที่จะถึงยุคใหม่มันก็มักจะมีอะำำไรบันดลบันดาล หรือที่เรียกว่า ธรรมดาตกแต่่งให้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้เปลื่ยนแปลงเป็นยุคขึ้นมาใหม่หรือเป็นสมัยขึ้นมาใหม่ ก็เพราะว่าก่อนที่จะถึงเป็นสมัยขึ้นมาใหม่ มันจะต้องเปลื่ยนแปลง หรือมีอะไรที่ทำให้สูญเสียไป เหมือนกับคำทำนายที่กล่าวกันไว้ หรือคำพยากรณ์ หรือคำบอกเล่าที่เป็นสิ่งที่น่าหวั่นวิตกอยู่มากๆ อันจะมีมาในระยะใกล้ๆนี้ สิ่งที่ท่านพระคุณเจ้าก็ได้นำมาเล่า เมื่อศีลที่แล้วมานี้ ก็เป็นคำพยากรณ์ หรือคำบอกเล่าของท่านผู้รู้ๆหลายๆท่าน ว่าภัยพิบัติิอันจะเกิดขึ้นแก่มนุษย์โลก หรือแผ่นดินหรือโลกมนุษย์นี้ในระยะใกล้ๆนี้ คือพ.ศ.๒๕๔๐-๒๕๔๒ อีกนัยหนึ่งพ.ศ.๒๕๔๒-พ.ศ.๒๕๔๔ อันนี้กล่าวไว้ ๒ นัย ตามที่ท่านอาจารย์องค์หนึ่ง ซึ่งท่านได้ภาวนารู้เห็นในสภาวธรรมอันจะเกิดนั้น หรือเทวดามาบอกเล่ากับท่าน เรื่องภัยภิบัติิอันน่าหวาดกลัวนั้นก็คือ ทั่วโลกๆจะถึงซึ่งความวิบัติมากมาย แผ่นดินจะจมลงในมหาสมุทร หรือกลายเป็นทะเล ประเทศบางประเทศ ที่เป็นเกาะ เช่นญี่ปุ่น ใต้หวัน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อะไรเหล่านี้ ที่เป็นประเทศ เป็นเกาะๆ ท่านว่ามันจะจมหายลงไปๆ เกือบหมด ท่านว่าอย่างนั้น นี้หมายถึงเมืองนอก
     
  13. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG]
     
  14. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๗๗ (51 คน กำลังดูอยู่) ( 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 ... หน้าสุดท้าย)
    พี เสาวภา
     
  15. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    ชาวศิวิไลย์ 4

    ชาวศิวิไลย์ 4
    [​IMG]

    พระธรรมเทศนา ท่านพระคุณเจ้าหลวงปู่ดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต เทศนาไว้เมื่อ -วันพระที่ 12 ก.พ. พ.ศ. 2542 ขึ้น๑๕ค่ำ (นำมาเล่าสู่กันฟังตอน4)

    แล้วก็อีกประการหนึ่งเช่นภัยพิบัติ อันจะมาก็เกี่ยวกับสงครามโลก นี้มันเป็นสงครามอะไร อันนี้เราก็จะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ครั้งที่ ๒ ผ่านมาแล้ว แต่ครั้งที่ ๓ จะมาอีก ครั้งหนึ่งเป็นภัยพิบัติ จะต้องทำสงครามล้างพลาญ ประหัต ประหารกัน จนถึงความพินาศ อย่างใหญ่หลวงทุกสิ่งทุกอย่างที่ เกิดขึ้น วัตถุ สิ่งก่อสร้างในโลกนี้ จะสิ้นสูญลง สะแหลกสะหลายลงหมด สิ้นยุคสมัยวิทยาศาสตร์ความเจริญต่างๆเสื่อมหายไปจะหมดสิ้นลง ท่านผู้ฟังทั้งหลาย นี้ก็คือก่อนที่จะถึงยุคขึ้นมาใหม่ แล้วก็ผู้คนจะถึงซึ่งอัสสัญญี คือล้มหายตายจากภัยธรรมชาิติต่างๆ จะสู้รบตบมือ จะทำสงคราม หรือว่าแผ่นดินถล่มแผ่นดินหายยุบลง ไปใต้น้ำเป็นท้องทะเล อะไรเหล่านี้ คนมันจะสิ้นชีวิตลงไปเป็นอันมากมาย ๑๐ จะเหลือใน ๑ หรืออาจจะ ไมุ่ถึงเสียด้วยซ้ำไป คือความหมาย ๑๐ ใน๑ เปรียบหมายถึง ๑๐ นั้นจะหมดไปเหลือแค่ ๑ ถ้าเปรียบอย่างนี้แล้ว มนุษย์เราจะหล่อยหลอลงไป ผู้คนจะล้มหายตายไปจนเหลือน้อยเพราัะฉะนั้น วิทยาการต่างๆ มันจะเสื่อมถอยไปด้วย การทำสร้างสรรค์วิทยุ โทรทัศน์ อาวุธอะไรต่่างๆ เหล่านี้ ที่ทำกันขึ้นมันจะหมดไป วิทยุเราก็ไม่ได้ฟังกันแล้ว โทรทัศน์หนังอะไรเหล่านี้ก็จะไม่ได้ดูกันแล้ว หรืออะไรต่ออะไรนี้ มันจะำไม่มีกันแล้วตลอดจนวิทยาศาสตร์ การสร้างสรรค์ต่างๆก็จะหมดไป กลายเป็นคนยุคป่า ยุคเถื่อนกันอย่างนั้นละหรือ ท่านผู้ฟังทั้งหลาย แล้วท่านก็มาว่าประเทศไทย ซึ่งนับว่ามีโชคดีกว่าเปิ้นท่านว่าอย่างนั้น​
     
  16. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG][​IMG]
     
  17. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    ชาวศิวิไลย์ 5

    ชาวศิวิไลย์ 5
    [​IMG]

    พระธรรมเทศนา ท่านพระคุณเจ้าหลวงปู่ดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต เทศนาไว้เมื่อ -วันพระที่ 12 ก.พ. พ.ศ. 2542 ขึ้น๑๕ค่ำ (นำมาเล่าสู่กันฟังตอน 5 )

    ที่ว่ามีโชคดีกว่าเปิ้นก็ได้แก่ ประเทศไทย มีพระพุทธศาสนา มีผู้ปฏิบัติธรรม อยู่ในศีลในธรรมกันมากกว่าประเทศอื่น กว่าเมืองอื่นๆ รู้จักการมีศิล รู้จักให้ทาน รู้จักการเข้าวัดวา รู้จักบำเพ็ญบารมีทั้ง ๗ ประการแล้วคนประเทศอื่นก็จะเหลือน้อย อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นแหละ ที่เหลืออยู่ก็จะเป็นคนมีสติไม่สมบรูณ์ กลายเป็นคนใบ้ คนบ้า เสียสติ วิปลาสไป ที่ผู้คนต้องซึ่งถึงความวินาศ ซึ่งทำใจไม่ได้ก็กลายเป็นคนเสียสติไป ทีนี้คนไทยที่มีพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมของท่านผู้รู้ ก็รู้เท่าทันของสภาวะธรรมอันเปลี่ยนแปลงไป คือกฎอนิจจังไม่เที่ยงแล้วก็มาปลงอนิจจังไม่เที่ยง ก็ทำให้มีจิตใจเข้มแข็งขึ้นมาไม่ต้องเสียสติ แต่คนที่มีจิตใจเบาไม่เข้าวัดไม่เข้าวา ไม่รู้จักภาวนากรรมฐาน ไม่รู้จักความแก่ ความเจ็บ ความตายก็จะกลายเป็นคนที่เสียสติ มีจริตไม่สมบรูณ์ไป ข้อที่ว่าภาคใต้จะจมหายไปด้วยคลื่น ด้วยลม ด้วยน้ำ ด้วยแผ่นดินไหวอะไรเหล่านี้ แล้วจะจมหายไปเป็นบางส่วนๆ แล้วก็มาภาคกลางท่านว่า กรุงเทพฯ จะกลายเป็นทะเล เมืองที่ใกล้ กรุงเทพฯก็จะกลายเป็นทะเลไปด้วย ท่านผู้ฟังทั้งหลายนี้ วันนี้พูดถึงภาคกลางเพราะแผ่นดินจม แผ่นดินสั่นสะเทือน แผ่นดินทรุด กลายเป็นทะเลไป แล้วก็มาพูดถึง ภาคหนือ แผ่นดินไหว แล้วตลอดทั่วประเทศจะมืด ๓ วัน ๓ คืน อากาศจะวิปริต แล้วก็จะมีอะำไรที่เกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินร้อน แผ่นดินยก แล้วจะมีไฟพุ่งขึ้นจากใต้พื้นพิภพ ก็ทำให็อากาศมืดมนต์อนตระการ แปรปรวน สนั่นหวั่นไหว ภูเขาแผ่นดินจะล้ม จะละลายจะทรุดไปเป็นบางที่ๆ บางแห่งๆ อันนี้ก็เป็นคำเล่าของท่านที่เล่าไว้ และส่วนภาคอีสานก็มีบางสิ่ง ที่สำคัญก็คือ จะมีโรคระบาด อันติดตามมาทีหลัง และคนส่วนมากที่เหลืออยู่นั้น ก็ส่วนมากก็มีเป็นคนที่อยู่ในศีล ในธรรม ส่วนคนที่ไม่มีศิลไม่มีธรรมนั้น คนที่เป็นสัตว์นรกมาเกิด คนชั่ว คนร้าย ก็จะมีอันเป็น จะมีอันหมดไปจากแผ่นดิน ท่่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็คือว่าเป็นคำเล่า คำเล่าอันนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นคำที่รุนแรง จึงทำให้คนฟังแล้วไม่น่าเชื่อ ที่ว่าไม่น่าเชื่อคือที่ว่ามัีนไม่น่าจะเป็นไปได้

     
  18. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG]

    สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     
  19. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    ชาวศิวิไลย์ 6

    ชาวศิวิไลย์ 6
    [​IMG]

    พระธรรมเทศนา ท่านพระคุณเจ้าหลวงปู่ดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต เทศนาไว้เมื่อ -วันพระที่ 12 ก.พ. พ.ศ. 2542 ขึ้น๑๕ค่ำ (นำมาเล่าสู่กันฟังตอน6)

    ท่่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็คือว่าเป็นคำเล่า คำเล่าอันนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นคำที่รุนแรง จึงทำให้คนฟังแล้วไม่น่าเชื่อ ที่ว่าไม่น่าเชื่อคือที่ว่ามัีนไม่น่าจะเป็นไปได้ ตามความเห็นของพระคุณเจ้า พระคุณเจ้าก็ว่าไม่น่าเชื่อเหมือนกัน พระคุณเจ้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ก็เชื่่อเป็นบางส่วนแต่ไม่เชื่อเป็นบางส่วน ที่จะไม่เชื่อเป็นบางส่วนนั้นนะ ก็คือมันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าใน ๑๐๐ ปี๑,๐๐๐ปี ๑๐,๐๐๐ ปี ๑๐๐,๐๐๐ ปี มันไม่เคยมีในประเทศไทยเรา แต่ประเทศอื่นๆที่เขามีกัน มันก็เป็นธรรมดา อย่างภูเขาไฟระเบิดขึ้น พ่นไฟขึ้นมาจนบ้านเมืองเสียหาย ถล่มทะลาย บ้านไม่เป็นบ้าน เมืองไม่เป็นเมือง อพยพทันก็รอด หนีทันก็ทัน หนีไม่ทันก็ล้มตาย กันระเนระนาด แต่ก็เป็นธรรมดาในประเทศอื่นเมืองอื่น นี้ก็เป็นธรรมดา ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆแต่ในประเทศไทยเรานี้ไม่เคยมี ประเทศไทยเรานี้มันอาจจะมีบ้าง แต่นิดๆ หน่อย แต่จะเป็นถึงขนาดนั้นมันก็คงไม่อาจเป็นอย่างนั้น เพราะประเทศไทยเป็นเมืองที่งอกออก คือ มีท้องทะเลตื้นๆ เรียกว่าเป็นอ่าวเล็ก ไม่เหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ที่มีทะเลมหาสมุทรกว้างๆ เมืองเล็กทะเลเล็ก ทะเลตื้นอย่างนี้ คือ มันจะเป็นไปได้หรือจะจมหายไปเป็นเมืองๆ เป็นส่วนๆนั้นนะคงจะเป็นไปได้ยาก เพราะตามที่่รู้ที่เห็นมา เมืองตื้นๆอย่างนี้ มีแต่จะงอกออกไป งอกกว้างออกไปๆ เป็นหาดทราย นานไปก็มีต้นไม้ มีบ้านมีเรือน มีไร่มีนาขยายออกไป คือบ้านเมืองไทยเรานี้มันเป็นอ่าวเล็ก อ่าวตื้น มันมีแต่จะงอกออกไปแต่เมืองอื่นไม่อาจจะรู้ได้ ทีนี้มันจะถล่มทลายเป็นบางส่วนเล็กๆน้อยๆ อันนี้มันอาจจะมี เป็นคลื่นเป็นลมเป็นธรรมดา แต่จะถึงกับใหญ่โตหายไปเ็ป็นเมืองๆอย่างนี้ ก็ไม่น่าเชื่อ กรุงเทพฯจะหายไปเ็ป็นท้องทะเลอย่างนี้ ก็ไม่น่าเชื่อเพราะมันไม่เคยมี มันจะมีมันต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยๆ แต่ที่กรุงเทพฯทรุดนั้นก็ทรุดจริงอยู่ เพราะมันทรุดมานานแล้ว อันนี้มันก็ไม่มีข้อน่าคิดอะไร เพราะกรุงเทพฯนี้เป็นเมืองที่อยู่ในแหลมที่ยื่นออกไปในน้ำ แล้วก็สร้างบ้านสร้างเมืองขึ้นมาสร้างตึกที่มีน้ำหนักมาก แล้วอีกประการหนึ่ง ก็เอาน้ำในบาดาลสูบขึ้นมา สูบขึ้นมาใช้เป็นน้ำประปา มันก็ทำให้พื้นแผ่นดิน นั้นกลวง แล้วก็มีแต่น้ำความๆอย่างนี้ มันก็ยุบลงไปได้ ทรุดลงไปได้ทีละน้อยๆ ปีหนึ่งก็ยุบลงไปที่หนึ่งๆ ยิ่งมีน้ำท่วมมากอย่างนี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทรุดลงไปมาก ท่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็เป็นธรรมดา อันนี้แผ่นดินทรุดก็ทรุดจริงอยู่แต่จะทรุดหายไปเป็นเมืองๆนั้น จมหายไปทันทีทันใดนั้นคงจะไม่มีอย่างนั้น แต่ทุกวันนี้คนกรุงเทพฯเราหวนไปหาอดีตกาล เพราะอดีตกาล ไม่ค่อยเดือดร้อนเหมือนในปัจจุบันนี้ สมัยปัจจุบันนี้ มันทำให้คนกรุงเทพฯค่อนข้างรู้สึกว่าไม่ค่อยจะม่วน อากาศก็ไม่ค่อยจะดี น้ำก็ท่วมบ่อยๆ อย่างนี้ ก็แสดงว่าแผ่นดินมันต่ำลง มีฝนตกมาหน่อยหนึ่งน้ำก็ท่วม ไม่อาจที่จะแก้ไขได้ อันนี้แผ่นดินทรุดมันไม่ใช่จะทรุดไปทีเีดียว อย่างที่ท่านว่า ทีนี้การที่ค่อยๆทรุดนี้มันเป็นไปได้ ท่านผู้ฟังทั้งหลาย การที่ทรุดลงไปมันก็อาจจะมีโอกาสที่จะงอกขึ้นสูงขึ้นเหมือนกัน เราไม่อาจจะรู้ได้ เพราะโลกนี้มันไม่เที่ยง แต่ถ้่่าเป็นสมัยเจริญยุคศรีวิไลย์หรือยุคต่อๆไป มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีก็ได้ ทีนี้มาพูดถึงยุคใหม่ที่จะมาข้างหน้านั้น ตามคำทำนายของหลวงปู่วานิชย์ หรืออาจารย์หลายๆท่าน ได้ทำนายกล่าวไว้นั้นว่า ยุคศรีวิไลย์ อันจะมาเบื้องหน้านั้น ว่ากันว่าอีกตั้ง๓๐๐ปี๔๐๐ปี จะมีเพชรนิลจิลดา ผุดขึ้นมาเกลื่อนกลาดไปหมด เพชรนิลจิลดาของล้ำค่า ตลอดจนเงินทองหน่อเงินหน่อคำ เหล่านี้มันจะผุดขึ้นในแผ่นดิน มันจะมาในยุคศรีวิไลย์ จริงหรือที่ท่านว่ามานี้ มันก็เป็นเวลาที่ดูเหมือนจะไม่ตรงกับที่ท่านพระคุณเจ้าได้กล่าวมาตะกี้ข้างต้น ว่ายุคศรีวิไลย์ ไม่ใช่จะอีก ๓๐๐ ปี ๔๐๐ ปีข้างหน้า ยุคศรีวิไลย์ ที่ท่านพระคุณเจ้ากล่าวไว้นี้ มันอยู่ไม่ไกล คือมันอยู่ไม่ไกล เมื่อหมดจากพระเจ้าแผ่นดินของเรา องค์นี้แล้วมันก็จะเป็นยุคศรีวิไลย์แล้ว จะเป็นอีก ๓๐๐ ปี ๔๐๐ ปี ได้อย่างไร
     
  20. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,029
    [​IMG][​IMG]

    พระศรีวิไล หมายถึง พระ วัตถุมงคล หรือเหรียญกษาปณ์มงคล ที่มีประทับรูปด้านซ้าย พระรูปพระศรีอาริยะเมตตรัย ด้านขวาประทับพระรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...