จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ขออนุโมทนาบุญกับจิตบุญดวงที่ 95 และ จิตบุญดวงที่ 96 พร้อมทั้งครูผู้สอนทุกท่านค่ะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

 

ว้า พี่ภูยังไม่ตื่นเลย คุณเกษก็ลาไปทานข้าวเที่ยง งั้นหนูขอลาไปนอนก่อนนะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

ปล.ก่อนหลับคืนนี้ขอให้ทุกท่านนึกถึงภาพพระในจิตด้วยนะคะ นึกถึงภาพพระในจิตอยู่เสมอ ไม่ว่าจะหลับจะตื่นชีวิตมีแต่เป็นมงคลค่ะ

 

ขออนุโมทนากับจิตบุญ ดวงที่95 และครูผู้สอนทุกท่านค่ะ...สาธุ

 

ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ 96 และ ครูผู้สอนทุกท่านด้วยค่ะ..สาธุ

 

โมทนาสาธุกับจิตบุญดวงที่ ๙๕ คุณอุบลรัตน์ จิตบุญดวงที่ ๙๖ คุณอมรชัย และครูผู้สอนทุกๆท่านค่ะ

 

สาธุ๊ อนุโมทนาบุญกับครูวิทย์และทุกๆ ท่านที่ไปร่วมงานนี้ด้วยค๊า

 

ขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่สงเคราะห์ครับ (smile)

 

ขออนุโมทนาบุญกับ คุณอมรชัย จิตบุญดวงที่ ๙๖ ครูฌพ็ญ และครูจิตบุญทุกท่านค่ะ สาธุ

 

ขออนุโมทนาสาธุกับดวงจิตคุณหมอด้วย
จิตที่ฝึกมาดี จิตย่อมสงบสงัด ย่อมเป็นสงบสุข ไม่หวั่นไหวแม้นกระทั่งทุกข์มามาก ไม่หสั่นไหวแม้นกระทั่งความตายอยู่ตรงหน้า
จิตผู้ฝึกมาดี ย่อมตั้งอยู่ขันธ์๕ หรือเหนือความรู้สึกนึกคิดของตน ย่อมหยุดคิดหยุดฟุ้งซ่าน หยุดปรุงแต่งที่จะทำให้เราเกิดทุกข์เพิ่มขึ้นไป
ผู้ปฎิบัติถึงจริงๆนั้น จิตย่อมมองเห็นสรรพสิงหรือทุกสิ่งที่กำลังวิ่งมากระทบจิต จิตย่อมมองเห็นความเกิดและดับ เป็นธรรมดา จิตจึงปล่อยวางกับทุกสิ่งทั้งปวงได้ จิตย่อมพบกับความสงบสุขได้ หรือวิมุตติสุขกันได้

ผมและจิตบุญในนี้ขอเอาใจช่วยคุณหมอ และผู้ที่กำลังได้รับทุกขเวทนา หรือผู้ที่ออกจากทุกข์ยังไม่ได้ หรือจิตผู้ที่ปรารถนาพระนิพพาน ขอให้ทุกท่านมองเห็นทุกข์ ดับทุกข์หรืออกจากทุกข์ได้ มีดวงตาเห็นธรรม และได้ไปพระนิพพานก่อนสิ้นลมหายใจ ทุกผู้ทุกนามกันด้วยเทอญ

 

ขอโมทนาบุญกับ
คุณอุบลรัตน์ จบกิจจิตเกาะพระเป็น จิตบุญ 95
ศิษย์ครูแนท ครูแพท ครูเกษ ครูนก(หญิง) ครูลูกพลัง ครูละเอียด(ครูเพ็ญ)
และ
ขอโมทนาบุญกับ
คุณอมรชัย จบกิจจิตเกาะพระเป็น จิตบุญ 96
ศิษย์พระอาจารย์ชัชวาล ครูเพ็ญ​

โดยเฉพาะครูแนท เจ้าของธุรกิจโรงเรียนจิตเกาะพระ สาขาประเทศอังกฤษ
JKP International School, England branch
โดยมีครูเกษท่านเป็นผู้ปรึกษา ผู้อยู่เบื้องหลังคือครูลูกพลัง และครู(อี)แอบหรือผู้แอบดีใจ แอบอิ่มอกอิ่มใจแทน ก็คือ พี่ภูกับพี่เพ็ญ ฮ่าๆ

สายบุญตปท.(คุณแนท ณ ลอนดอน)นี้แรงเจงๆ พอๆกับสายบุญปทท.(ครูวิทย์ ณ กทม.) ตามที่หมอดูประจำกระทู้ เคยเดาไว้ไม่มีผิด ใช่มั๊ย? คุณวิทย์ คุณเกษ และในจิตบุญนี้จะมีผู้ที่เคยได้อภิญญาจะปรากฎตัวในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย โปรดติดตามชมกันต่อไป

ปล.พี่ภูขอฝากถึงคุณพี่ปรเมศว่า ท่านจะไม่เหงา ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ไม่ได้เป็นเพียงผู้เดียวดายอีกต่อไปแล้ว ท่านกำลังจะมีพวกเดียวกัน ทั้งมโน+อภิญ ฮ่าๆ

สำหรับครูเพ็ญ ได้โปรดรอสักครู่ จะมีผู้แทนสื่อพวก มตด.มาเป็นเพื่อน ในอนาคต ฮ่าๆ ส่วนครูดัชพี่ภูขอร้อง ฮ่าๆ ครูดัชทำจิตให้เข้าถึงความว่างให้มากกว่านี้อีกนิดนึงนะ ฮ่าๆ ได้เรื่องๆ พี่ภูอยากให้จบ.ท่านอื่นทำเหมือนครูดัชจัง คือจิตขยันเกาะท่านพ่อ ฮ่าๆ

สำหรับจิตบุญท่านอื่นๆ ถ้าท่านไม่ขยันเผลอสติ ไม่ขยันทำฌานตกนะ ขอให้ท่านบำเพ็ญไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่จิตยกแล้วยกเลยนะ พี่ภูบอกกล่าวกันไปแล้วว่า มันไม่ได้อยู่เพียงเท่านี้นะ พยายามทรงอิทธิบาทและทำบารมี๑๐ทัศให้เต็ม หรือรักษาอารมณ์จิตบุญ คือนอกจากทรงพรหมวิหาร ขอให้ทรงอารมณ์ฌานหรืออารมณ์พระนิพพาน ให้เป็นปรกติ แต่ถ้าจิตบุญท่านใดมีของเก่า หรืออภิญญา เดี๋ยวจะออกมาให้เห็นกัน โดยที่ท่านไม่ต้องไปเสียเวลาฝึก แค่ท่านทรงอารมณ์ฌานเป็นปกติและจิตยังเกาะพระไปเรื่อย เมื่อจิตเข้าถึงความว่างและความเป็นกลางให้มากที่สุด เดี๋ยวมันมาเอง หมดอยากเมื่อไหร่เดี๋ยวมาเอง ครูวิทย์จำให้ดีนะ ส่วนครูลูกพลังพรรคนี้ท่านจะเริ่มหายจากทางโลกแล้ว สำหรับท่านนี้ หรือว่าท่านมีดีอารั๊ยยย ฮ่าๆ เพราะจิตท่านเคยได้อรูปฌานมาตั้งแต่เก่าก่อน(ของเก่า) ลองดูมันสักตั้งนะครับครูลูกพลัง

 

โมทนาสาธุค่ะ คุณหมอ
แสงสว่างนำปัญญาอย่างแท้จริง

 

โมทนาสาธุกับ จิตบุญดวงที่ 96 คุณอมรชัย และพระอาจารย์ชัชวาล
หลายๆเยอะๆมากๆ สาธุมาเร็วไปเร็ว บารมีเต็มเหมือนคุณปุ๋มกล่าวไว้เลย
สาธุจ๊า

 

นิมิต

นิมิต ในทางพุทธศาสนามีความหมายได้หลายประการ เช่นหมายถึง อาการที่เชิญชวนให้เขาถวาย  หรือหมายถึงเครื่องหมายสำหรับให้จิตกำหนด ในการเจริญกรรมฐาน,  หรือภาพหรือสิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ในการปฏิบัติพระกรรมฐาน,  แต่นิมิตที่จะเน้นกล่าวถึงในที่นี้ก็คือ นิมิตอันเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติกรรมฐาน กล่าวคือ เป็นสิ่งที่ปรากฎหรือแสดงขึ้นเฉพาะตน ให้รับรู้ อันเกิดแต่ใจหรือสัญญาของนักปฏิบัติเป็นปัจจัยสำคัญ   ดังนั้นเมื่อได้กล่าวถึงเรื่องฌาน,สมาธิไปโดยละเอียดแล้ว จึงจำเป็นต้องกล่าวถึงนิมิต อันมักจะเป็นผลข้างเคียงหรือเครื่องเคียงที่มักเกิดร่วมด้วยเสมอๆ  และจัดได้ว่าเป็นบ่วงมารอันหนึ่ง กล่าวคือถ้าไปอยากหรือไปยึดหรือไปเชื่ออย่างแน่นแฟ้นด้วยเหตุผลกลใดก็ตามทีในนิมิต ก็จัดว่าเป็นบ่วงมารทันที ซึ่งจักผูกมัดสัตว์ไว้ไม่ให้เห็นธรรม กล่าวคือ เกิดวิปัสสนูปกิเลส จัดอยู่ทั้งในข้อโอภาส,ญาณและอธิโมกข์ฯ.   ซึ่งเมื่อเกิดกับผู้ใดแล้วก็จะน้อมเชื่อ,น้อมใจอยากด้วยอธิโมกข์จนถอดถอนไม่ออก  แม้อธิบายอย่างไรก็ไม่ยอมฟังไม่ยอมเชื่อด้วยฤทธิ์ของอธิโมกข์และเพราะตัวตนเองเป็นผู้เห็น, ตัวตนเองเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น จึงมีความน้อมเชื่ออย่างรุนแรงด้วยอัตตาโดยไม่รู้ตัว  ต้องให้เกิดปัญญาพิจารณาเห็นด้วยตนเอง จึงจะสามารถถอดถอนความเชื่อความคิดอันเห็นผิดในนิมิตได้ดี   จึงจำเป็นต้องกล่าวเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจกันไว้บ้าง เพราะจำเป็นต้องผ่านกล่าวคืออย่างไรเสียก็ต้องเกิดขึ้นในที่สุดนั่นเอง
        นิมิตอันเกิดแต่การปฏิบัติพระกรรมฐาน  ผู้เขียนขอจำแนกแตกธรรมออกเป็นไปใน ๓ ลักษณะใหญ่ ที่มักเกิดขึ้นทั่วไปเสมอๆ ในการปฏิบัติ หรือแม้แต่ในชีวิตประจำวันในผู้ที่มีความชำนาญ มีดังนี้
                รูปนิมิต หมายถึง การเห็น ภาพ อันปรากฏขึ้นเฉพาะแก่ผู้ปฏิบัตินั้นๆ อันเกิดแต่ใจหรือสัญญาของนักปฏิบัติหรือผู้เจริญกรรมฐานเป็นสำคัญ เช่น การเห็นภาพอดีต อนาคต  หรือเห็นภาพในสิ่งที่อยากเห็น เช่น เทวดา ผี นรก สวรรค์ วิมาน พระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ แม้แต่พระพุทธเจ้า หรือโอภาสการเห็นเป็นแสง, สี, ดวงไฟต่างๆ อันต่างล้วนน่าพิศวงชวนให้ตื่นตาเร้าใจ  จึงมักอธิโมกข์น้อมเชื่ออย่างงมงายด้วยอวิชชาอันมีมาแต่การเกิดเป็นธรรมดา   หรือการเห็นภาพที่ปรากฏเฉพาะขึ้นของนักปฏิบัติในสิ่งที่กำหนดเป็นอารมณ์, กสิณ หรือบริกรรมจากการปฏิบัติภาวนา และยิ่งเกิดง่ายขึ้นเมื่อมีผู้ฝึกสอนที่นักปฏิบัติเชื่อหรือศรัทธาอย่างอธิโมกข์คอยโน้มน้าวจิตให้เห็นในสิ่งต่างๆนั้น
                เสียงนิมิต  การได้ยินเป็นเสียง อันเกิดแต่ใจหรือสัญญาของนักปฏิบัติเป็นเหตุหรือเป็นสำคัญ  เช่น เป็นเสียงเตือนระวังอะไรๆ  เสียงสั่งสอน  เสียงเทพ  เสียงผีเสียงปีศาจ  เสียงระฆัง  เสียงกลอง  เสียงสวดมนต์  เสียงพูดต่างๆ  เสียงคนพูดบอกกล่าวต่างๆ  แม้แต่เสียงในใจจากผู้ที่พบปะ ฯ. แล้วย่อมน้อมเชื่ออย่างรุนแรงด้วยอธิโมกข์ เพราะอวิชชาเป็นเหตุ
                นามนิมิต  เป็นความคิดหรือความรู้ที่ผุดแสดงแวบปิ๊งขึ้นในใจ อันมักเกิดแต่ใจหรือสัญญาของนักปฏิบัติที่ไปพัวพัน  แต่มิได้เกิดแต่ปัญญาไปเห็นความจริง เช่น เกิดความคิด ที่คิดว่าเข้าใจแจ่มแจ้งในเรื่องราวที่หมกมุ่นพิจารณา หรือศึกษา หรืออยากรู้ หรือเป็นความรู้ในธรรมต่างๆนาๆที่พิจารณา ซึ่งอาจถูกหรือผิดก็ได้ แต่มักจะผิดถ้าไม่ได้เกิดแต่การพิจารณาโดยปัญญา  อย่างถูกต้อง และเมื่อบังเอิญเกิดถูกต้องขึ้นบ้าง ก็กลับเป็นบ่อเกิดของอธิโมกข์อันแรงกล้าในภายหน้า
                นิมิตเหล่านี้ มักเกิดขึ้นในภาวะของภวังคจิตที่จะกล่าวในลำดับต่อไป  จิตจึงเกิดการอธิโมกข์น้อมเชื่ออย่างรุนแรงแต่เป็นไปอย่างผิดๆหรือขาดเหตุผล  จึงยังให้เกิดวิปัสสนูปกิเลสในข้อญาณ คือมิจฉาญาณ คือไปยึดไปเข้าใจว่าความเข้าใจเหล่านั้นเป็นไปอย่างถูกต้องแน่นแฟ้นด้วยอธิโมกข์เป็นเครื่องหนุน
                บางครั้งยังเกิดนิมิตทางจมูกก็ยังมี คือ ได้กลิ่นอันเกิดแต่ใจตนเป็นเหตุ ก็ยังมีได้ เช่นเกิดจากจิตเป็นกังวลหมกมุ่น ฯ.
        อนึ่งเป็นสิ่งที่น่ารู้ไว้อย่างยิ่งว่า นิมิต นั้นเมื่อปฏิบัติไปด้วยความเชื่อจนเกิดการสั่งสม ความชำนาญขึ้น บางครั้งนิมิตนั้นก็เกิดขึ้นในวิถีจิตหรือวิถีชีวิตปกติได้เช่นกัน กล่าวคือเมื่อเคยเกิดนิมิตขึ้นในขณะปฏิบัติแล้ว ซึ่งแรกๆก็มักเกิดขึ้นจากการปฏิบัติพระกรรมฐานโดยตรง แล้วเกิดนิมิตขึ้น  จนเกิดการเห็นการใช้ในนิมิตต่างๆชำนาญขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อเกิดการสั่งสมได้ระยะหนึ่งจนเกิดความชำนาญ จึงอาจเกิดนิมิตได้แม้ในยามวิถีจิต(วิถีชีวิตที่มีการรับรู้ตามปกติ)นี่เอง เมื่อน้อมนำหรือถูกกระตุ้นเร้าขึ้น จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ดี และมักเข้าใจผิดไปยึดไปเชื่อกันว่าถูกต้องแน่นนอนเป็นอิทธิฤทธิ์หรือปาฏิหาริย์ จึงพาให้ทั้งตนเองและอีกทั้งผู้อื่นพากันไปหลงเชื่ออย่างหัวปักหัวปำ(อธิโมกข์)ในสิ่งที่เห็น หรือในสิ่งที่เข้าใจไปนั้นๆ ก็ด้วยอวิชชานั้นแล

เห็นว่ามีแต่เพียง"สติ+สัมปชัญญะ(ปัญญา)"ที่ตั้งมั่นอยู่บนจิตอันสงบนิ่ง ว่าง และเป็นกลางเท่านั้นในขันธ์5นี้.. ที่จะบอกเราได้ว่าไหนเป็น"นิมิตแท้?" ไหนเป็น"อุปาทานนิมิต?"..


ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ.. สาธุสวัสดี

 

ครูเพ็ญ ครูวิทย์ ท่านทั้งสองก็กล่าวเกินไป๊
พี่ภูก็แค่คนธรรมดาๆคนนึง นี่แหล่ะ! ใช่ว่าจะเหาะได้เสียเมื่อไหร่ ก็แค่อยากส่งแรงใจให้กันและกัน

พี่ภูขอแค่เป็นดั่งนกพิราบ(ผู้ส่งสาร์น) หรือม้าเร็ว(ผู้ส่งข่าว)และส่งไม้ให้กับครูเพ็ญอีกต่อ และพี่ภูกำลังจะมาบอกกับพวกเราว่า พระนิพพานอยู่ตรงนี้นะ แต่ครูเพ็ญเป็นเสมือนนายทวารคอยบอกวิธีหรือทางเข้าให้กับพวกท่าน หรือผู้เจริญทั้งหลาย
เพราะฉะนั้น ครูวิทย์หรือท่านอื่น อย่าได้ปั้นดินให้เป็นดาว เพราะจิตบุญมีคนชื่อดาวแล้ว ฮ่าๆ พี่ภูไม่ใช่ดินนะพวกเธอ ฮ่าๆ แต่คนที่กำลังจะดังในอนาคตกาลนั้น ได้แก่ ครูวิทย์ ครูแนท และตามติดอีกก็คือจิตบุญอภิญญา ยังมีตามติดด้วยคุณเกษ ฮ่า (เธอก็ติดร่างแหเขาไปด้วยเร๊อะ) ครูเพ็ญหรอท่านดังตั้งนานแล้ว ดูสิทุกวันนี้พี่ภูกับครูเพ็ญ ตายายสองคนนี้ก็ยังไม่ได้เจอขันธ์เป็นๆกันเลย

ต่อไปผมจะให้ครูวิทย์ สอนจิตเกาะพระออกอากาศ(SKYPE) ไม่ใช่ให้ออกทีวี หรือวีดีโอ คอนเฟอเร็นซ์ ไม่ทราบว่าท่านจะกล้าทำหรือเปล่านะ ลองถามท่านดูก่อน เผื่อพวกที่เขาอยู่ไกลจะได้ดูครูวิทย์และครูจิตบุญท่านอื่นสอนจิตเกาะกันทั่วโลกเลย เห่อๆ God Idol เอ๊ย Good Idea
แต่ถ้าเมื่อไหร่มีบ้านรากแก่นฯ จิตเกาะพระจะทำงานในเชิงรุกได้มากกว่านี้ เช่น Video Conference (แบบนายกปู) พี่ภูไม่ได้โม้ ฮ่าๆ ขอยืมคำพูดของคุณสมรักษ์หน่อย

 

​

อนุโมทนากับจิตบุญที่ ๙๕ และ ๙๖ และครูจิตบุญผู้เสียสละทุกๆท่าน

​