พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 1 กันยายน 2012.

  1. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    แต่พอนึกเท่านี้เท่านั้น อาการทั้งหมดก็หายไปสิ้นกลายเป็นบังเกิดความสว่างโพลงขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างสุดที่จะประมาณรู้ตัวว่าได้อภิญญา 5 อย่าง มีพระธรรมของพระพุทธเจ้าเข้าประทับเมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอย่างใด ก็รู้แจ้งสว่างไสวไปหมดและยังได้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อีกด้วย..!!!!!!

    จากนั้น คุณแม่บุญเรือนก็ได้เจริญวิปัสสนาต่อไปจนกระทั่งได้เวลาตี 5 ใกล้รุ่งเช้า คิดถึงวัดสัมพันธวงศ์คิดถึงศาลาวัดที่เคยเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรม จึงได้อธิษฐานจิตขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ ก็ปรากฏว่า เมื่อหลับตาลงก็คล้ายกับหัวได้หกกลับไปเบื้องหน้าคล้ายตีลังกา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งก็ได้เข้าไปนั่งอยู่ในศาลาวัดสัมพันธวงศ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว<O:p></O:p>
    ซึ่งขณะนั้น ประตูศาลาได้ปิดใส่กุญแจอยู่ จึงได้ร้องบอกให้พระเณรที่อยู่แถวนั้นให้เปิดประตูให้
    จากนั้น พระเณรเถรชี อุบาสก อุบาสิกาต่างก็เข้ามารุมล้อม โจษจันกันไปต่างๆนานา ความได้ทราบถึงพระมหารัชชมังคลาจารย์(เทศ นิเทสโก) จึงได้เชิญคุณแม่บุญเรือนไปไต่ถาม และพระมหารัชชมังคลาจารย์ก็ขอให้คุณแม่บุญเรือนแสดงปาฏิหาริย์หายตัวมาปรากฏที่ศาลาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ซึ่งคุณแม่บุญเรือนก็ตอบรับว่า จะขอทดลองดูอีกครั้ง โดยจะขอมาในเวลาใกล้รุ่ง<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  2. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    ในคืนวันนั้นทางวัดสัมพันธวงศ์ก็เกิดการโกลาหลจัดเวรยามกันยกใหญ่ ปิดศาลาลั่นกุญแจอย่างแน่นหนามียามเฝ้าที่ประตูวัดทุกๆด้าน ประตูละ 2 คนและอีกกลุ่มหนึ่งก็เดินไปมารอบศาลาวัดกันอย่างขวักไขว่ ประมาณว่าต่อให้มดแมงสักตัวหนึ่งเดินหรือบินผ่านก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาหลายสิบคู่ที่เขม้นมองจับจ้องได้แม้แต่สักหนึ่งเดียวเลยทีเดียว

    ณ ที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน คุณแม่บุญเรือนเข้าไปปฏิบัติกรรมฐานแต่หัวค่ำ จนกระทั่งใกล้รุ่ง จึงได้อธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งอยู่ในศาลาวัดสัมพันธวงศ์อีกครั้ง มาคราวนี้ ไม่มีอาการหกคะเมนตีลังกาเหมือนครั้งแรก คือพออธิษฐานแล้วหลับตาลง พอลืมตาปุ๊บก็มานั่งอยู่ในศาลาวัดแบบเนียนๆสนิทโดยสวัสดิภาพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    จากนั้น คุณแม่บุญเรือนก็ได้ยินเสียงอุบาสก อุบาสิกาที่เฝ้ารอบศาลาวิพากษ์วิจารณ์กันจ้อกแจ้กจอแจไปหมดว่า “จะแจ้งแล้ว น่ากลัวไม่มาแล้วมั๊ง"<O:p></O:p>
    ส่วนอีกคนหนึ่งก็ว่า"ไม่มาก็ดีแล้ว ถ้ามาฉันจะต้องไปเป็นลูกศิษย์ขอเรียนวิชากับเขาอีก"<O:p></O:p>
    คุณแม่บุญเรือนซึ่งนั่งอยู่ในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ที่ปิดตาลั่นดาลล็อกกุญแจอย่างแน่นหนาพร้อมมีผู้คนยืนยามล้อมอยู่โดยรอบมาตั้งแต่เมื่อค่ำ จึงร้องสวนออกมาให้หลายๆคนแทบจะช็อคไปในบัดเดี๋ยวนั้นทีเดียวว่า
    "เอ้า..!! ใครอยากจะเป็นลูกศิษย์ฉัน เชิญทางนี้ฉันมาแล้ว..!!!!!!!!!!!"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2012
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คัมภีร์อี้จิง (I Ching) เป็นคัมภีร์โบราณของจีน มีอิทธิพลต่อความคิดและปรัชญาชีวิตของชาวจีนมากว่า ๓,๐๐๐ ปี หลักปรัชญาของเล่าจื๊อและขงจื๊ออิงอยู่กับคัมภีร์นี้อย่างแนบแน่น ขงจื๊อเคยกล่าวในวัยเจ็ดสิบว่า "หากฉันมีอายุยืนยาวต่อไป ฉันจะอุทิศเวลาห้าสิบปีสำหรับศึกษาคำพยากรณ์เหล่านี้ และด้วยเหตุนั้น ฉันย่อมสามารถหลีกจากความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่" [1] กล่าวได้ว่าอี้จิงเป็นรากฐานของอารยธรรมจีนอย่างหนึ่ง

    ต้นกำเนิดของคัมภีร์อี้จิงอาจมาจากการเสี่ยงทายโดยใช้กระดูกสัตว์เผาให้แตก เป็นลายงา แล้วผู้พยากรณ์อ่านความหมายจากลายแตกนั้นแก่ผู้ที่มาขอคำทำนาย ครั้นมาถึงสมัยพระเจ้าฟูสี เมื่อ ๖,๐๐๐ ปีที่แล้ว จึงมีการประดิษฐ์ผัง "โป๊ยก่วย" หรือตรีลักษณ์แปดทิศ ขึ้นใช้แทนการเผากระดูกสัตว์ในสมัยโบราณ ต่อมาอีก ๓,๐๐๐ ปี พระเจ้าวูหว่าง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จิว จึงได้ปรับปรุงตรีลักษณ์เป็นฉักลักษณ์ ๖๔ รูป ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน [2]

    อี้จิงแปลว่าคัมภีร์แห่งการเปลี่ยนแปลง (book of changes) เป็นระบบสัญลักษณ์ที่เกิดจากหยินและหยาง พลังคู่ของธรรมชาติ โดยหยางแสดงได้ด้วยเส้นทึบ หยินแสดงได้ด้วยเส้นขาด หยาง หมายถึง สวรรค์ (ฟ้า) ความสว่าง ผู้ชาย ดวงอาทิตย์ สิ่งที่ปรากฏชัด เป็นต้น ส่วนหยิน หมายถึง โลก (ดิน) ความมืด ผู้หญิง ดวงจันทร์ สิ่งที่ซ่อนอยู่ เป็นต้น ทั้งสองด้านของหยางและหยินทำให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ขึ้นในจักรวาล นักปราชญ์จีนโบราณได้สร้างคัมภีร์อี้จิงขึ้นเพื่อใช้เป็นคู่มือดำเนินชีวิต ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยอาศัยการเปลี่ยนไปมาระหว่างหยินกับหยางเป็นสำคัญ

    เมื่อนำหยินกับหยางมาผสมกัน ๓ เส้น จะเกิดรูปขึ้น ๘ รูป เป็นการแยกปรากฏการณ์ในธรรมชาติออกเป็น ๘ ชนิด มีรายละเอียดดังนี้ [3]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คุณนุ้ย วันรุ่นมองไม่เห็นข้อความเลยค่ะ
    นี่ใส่แว่นขยายแล้วน้า..าา สงสัยต้องเพิ่มแว่นเข้าไปอีก
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    <table border="0" cellpadding="3" cellspacing="1"><tbody><tr align="center" bgcolor="limegreen"><td>สัญลักษณ์</td><td>ชื่อ</td><td>ความหมาย</td><td>ภาพพจน์</td><td>คำอธิบาย</td></tr> <tr bgcolor="lightgreen"><td align="center">[​IMG]</td><td align="center">เฉียน</td><td>สิ่งที่สร้างสรรค์</td><td>ฟ้า (สวรรค์)</td><td>มีคุณสมบัติแห่งความแข็งแรง หมายถึงพ่อ</td></tr> <tr bgcolor="lightgreen"><td align="center">[​IMG]</td><td align="center">เตว่ย</td><td>สิ่งที่ปราโมทย์</td><td>ทะเลสาบ</td><td>มีคุณสมบัติแห่งความรื่นเริง หมายถึงลูกสาวคนที่ ๓</td></tr> <tr bgcolor="lightgreen"><td align="center">[​IMG]</td><td align="center">หลี</td><td>สิ่งที่เกาะติด</td><td>ไฟ</td><td>มีคุณสมบัติแห่งการเป็นผู้ให้แสงสว่าง หมายถึงลูกสาวคนที่ ๒</td></tr> <tr bgcolor="lightgreen"><td align="center">[​IMG]</td><td align="center">เจิ้น</td><td>สิ่งที่เร้าใจ</td><td>เสียงฟ้าร้อง</td><td>มีคุณสมบัติแห่งการเคลื่อนไหวที่เร้าใจ หมายถึงลูกชายคนแรก</td></tr> <tr bgcolor="lightgreen"><td align="center">[​IMG]</td><td align="center">ซวิ่น</td><td>สิ่งซึ่งสุภาพ</td><td>ลมหรือไม้</td><td>มีคุณสมบัติแห่งการซึมซาบและแผ่ซ่าน หมายถึงลูกสาวคนแรก</td></tr> <tr bgcolor="lightgreen"><td align="center">[​IMG]</td><td align="center">ข่าน</td><td>สิ่งที่ลึกสุดหยั่ง</td><td>น้ำ</td><td>มีคุณสมบัติแห่งอันตราย หมายถึงลูกชายคนที่ ๒</td></tr> <tr bgcolor="lightgreen"><td align="center">[​IMG]</td><td align="center">เกิ้น</td><td>การอยู่นิ่ง</td><td>ภูเขา</td><td>มีคุณสมบัติแห่งการหยุดพัก หมายถึงลูกชายคนที่ ๓</td></tr> <tr bgcolor="lightgreen"><td align="center">[​IMG]</td><td align="center">คุน</td><td>สิ่งที่พร้อมรับ</td><td>ดิน (โลก)</td><td>มีคุณสมบัติแห่งการอุทิศตัวและยอมตาม หมายถึงแม่

    </td></tr></tbody></table>
     
  6. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    ใครรู้จักคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม บ้างยกมือขึ้น
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อนำทั้ง ๘ รูปนี้มาผสมกันเป็นคู่ จะได้ฉักลักษณ์ที่เกิดจาก ๖ เส้นทั้งหมด ๖๔ รูป แต่ละรูปมีความหมายในการพยากรณ์เรื่องราวต่าง ๆ เรื่องความแม่นยำในการพยากรณ์ด้วยอี้จิงนี้ ละเอียด ศิลาน้อยกล่าวไว้ว่า

    "ความแม่นยำในการทำนาย หรือในการพยากรณ์ชีวิต โดยใช้หลัก "อี้" นี้ ถ้าจะบอกมีความแม่นยำสูงถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นการโกหกกันเกินไป เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เลยแม้แต่สักอย่างเดียว แต่เราก็อยากบอกว่าการทำนายหรือการพยากรณ์ชีวิตตามวิธีแห่งหนังสือเล่มนี้ มีความแม่นยำสูงถึง ๗๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ทีเดียว (วัดจากประสบการณ์ในการใช้ของเราที่ผ่านมา) ซึ่งด้วยความเชื่อมั่นเพียงระดับ ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ก็คิดว่าน่าจะมีคุณค่าพอแล้วที่จะเป็น "เพื่อนที่ปรึกษา" ของเราได้เป็นอย่างดี" [4]

    การใช้อี้จิงในการทำนาย ต้องเข้าใจปรัชญาความเชื่อในเรื่องโชคชะตาซึ่งแฝงอยู่ในคัมภีร์ มีหลักดังนี้

    ๑) โชคชะตามี ๒ ด้านคือ โชคดีและโชคร้าย เมื่อวงจรแห่งชีวิตมาถึงช่วงโชคดีเราก็ควรลงมือปฏิบัติหรือกระทำการต่าง ๆ ลงไปให้เต็มที่ เพื่อให้ได้รับผลดีจากโชคดีนั้น แต่ขณะเดียวกันเราต้องอยู่นิ่ง ๆ หรือไม่ก็ล่าถอยออกมาเมื่อโชคชะตากำลังตกต่ำ

    ๒) วงจรแห่งโชคชะตามนุษย์จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จากดีเป็นเลวและจากเลวกลับเป็นดี เมื่อโชคดีถึงที่สุดแล้วก็จะเริ่มเสื่อมสลายลง และเมื่อโชคร้ายถึงที่สุดแล้วโชคดีก็จะเริ่มต้นขึ้น วงจรของโชคชะตาจะหมุนไปอย่างมั่นคงเสมอในทุก ๆ คน ดุจการหมุนไปของฤดูกาลทั้ง ๔ ดังนั้นจึงไม่ควรท้อถอยเมื่อโชคร้าย และไม่ควรเหลิงเมื่อโชคดี

    ๓) ตาชั่งแห่งโชคดีและโชคร้ายมักจะเท่าเทียมกันเสมอ เมื่อเราได้รับความสุขโดยบังเอิญ ไม่ใช่เพราะความสามารถของเราเอง ความสุขนั้นก็จะติดตามมาด้วยความไร้สุขอย่างสอดคล้องและเท่าเทียมกัน และเช่นเดียวกัน โชคร้ายที่เราพบโดยบังเอิญ จะปรากฏความสุขตามมาชดเชยให้เราด้วยในวันหนึ่งข้างหน้าโดยเท่าเทียมกัน ดังนั้นจงหวังพึ่งน้ำพักน้ำแรงของตนเองให้มาก อย่าได้สิ้นหวังไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยากสักเพียงใด [5]
     
  8. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    โอเคมั้ย เค้าแก้ไขให้แร้ว เด๋วลงรูปคุณแม่ให้ดู
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ข้อแนะนำในการพยากรณ์
    ๑) ให้ตั้งคำถามในเรื่องที่อยากรู้ เช่น เรื่องความปรารถนา เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เรื่องความรัก การแต่งงาน การเงิน การเสี่ยงโชค การเดินทาง การเจรจาตกลง เรื่องคนที่รอคอยเป็นต้น
    ๒) จะถามอี้จิงเมื่อใด ที่ใดก็ได้ แต่ต้องสงบจิตใจให้เป็นสมาธิสักหน่อย อย่างคิดฟุ้งซ่าน จะได้คำตอบที่ไม่ตรงคำถาม
    ๓) อย่างถามคำถามเดียวกัน ๒ ครั้ง แต่ถามเรื่องเดียวกันในแง่มุมอื่น ๆ ได้
    ๔) อ่านคำตอบอย่างระมัดระวัง ตีความอย่างรอบคอบ ใช้คำตอบที่สอดคล้องกับคำถาม ให้ใช้สามัญสำนึกในการตีความ ไม่ต้องคิดมาก
    ๕) ถามเรื่องราวของคนอื่นได้ แต่อย่าเปิดเผยความลับของเขา
    ๖) ระดับของโชคแบ่งเป็น ๖ ระดับคือ โชคดี โชคดีมาก โชคดีมากที่สุด โชคร้าย โชคร้ายมาก และโชคร้ายมากที่สุด เป็นการสรุปอย่างคร่าว ๆ ระดับโชคดีอาจจะมีสิ่งที่ต้องระมัดระวังในบางเรื่อง หรือระดับโชคร้ายอาจจะมีข้อดีอยู่บ้าง ให้อ่านคำพยากรณ์โดยละเอียด
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คัมภีร์อี้จิงไม่ได้มีฐานะเป็นเพียงตำราพยากรณ์เล่มหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นรากฐานอันสำคัญของปรัชญาจีนโบราณ คัมภีร์นี้บางครั้งเรียกว่า "คัมภีร์แห่งปัญญา" (book of wisdom) เพราะนักปราชญ์คนสำคัญของจีนได้อิทธิพลจากคัมภีร์นี้ อย่างคำสอนของเล่าจื๊อ ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากอี้จิง จนแนวคิดปรัชญาของอี้จิงได้แทรกซึมไปทั่วคำสอนของเต๋า [6]

    นอกจากนั้นอี้จิงยังได้มีอิทธิพลต่อนักจิตวิทยาคนสำคัญคือ คาร์ล จุงที่พยายามอธิบายหลักการของอี้จิงด้วยคำของเขาคือ "ซิงโครนิซิตี" (synchronicity) เป็นความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ที่ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลกัน จุงได้เขียนคำนำไว้ในหนังสือ "The I Ching" ฉบับที่กล่าวกันว่าแปลดีที่สุดด้วยเวลานับสิบปีโดยริชาร์ด วิลเฮล์ม (Richard Wilhelm) ในความตอนท้าย ๆ จุงทำให้เรารู้จักคัมภีร์โบราณนี้มากขึ้น โดยกล่าวว่า

    "...อี้จิงไม่ได้เสนอตัวเองด้วยข้อพิสูจน์และผลการพิสูจน์ ทั้งไม่ได้คุยโวด้วยตัวเอง และไม่ง่ายที่จะเข้าใจ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ อี้จิงรอคอยอยู่จนกระทั่งถูกค้นพบ คัมภีร์นี้ไม่ได้นำเสนอข้อเท็จจริงหรือให้กำลังอำนาจ แต่สำหรับผู้รักในความรู้และปัญญา ถ้ามีบุคคลเช่นนั้น อี้จิงก็เป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับเขา..." [7]

    การทำนายด้วยอี้จิงคล้ายกับไพ่ทาโรต์ซึ่งสามารถอธิบายด้วยหลักจิตวิทยาได้ คือความหมายของเส้น การแสดงออกของหยินและหยางจะสะสมเก็บไว้ใน "ความไร้สำนึกสะสมร่วม" (collective unconcious) มาตั้งแต่โบราณ เมื่อเราใช้อี้จิงเสมือนเรากำลังปลุกจิตใต้สำนึกให้ทำงาน คำตอบที่อยากรู้จะอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ โดยจะแสดงออกมาเป็นภาษาสัญลักษณ์ [8]
     
  11. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    รูปถ่ายคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวจร้า..าา
    เราไม่ยึดติดอัตตา เรายึดติดแต่ธรรมะ
    บางทีเราก็ปล่อยวางธรรมะลง เมื่อเรารู้แล้ว เข้าถึงแล้ว
    เรายินดีในความดี เรายินดีในธรรมที่ท่านบรรลุแล้ว
     
  13. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    อยากค้นพบแบบคุณบ้าง สักวันเราคงได้รู้และเข้าถึงเช่นเดียวกัน อวยพรให้เราด้วยน๊ะ
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อยู่อย่างนี้ นั่นแหละดีแล้ว หนุกหนานจะตายไป
    เข้าๆ ออกๆ เข้านอกออกในหลายๆ รอบ
    จนไม่ต้องเข้าก็รู้ ไม่ต้องออกก็รู้ นั่นแหละดีที่สุด
     
  15. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    เคยใช้เสี่ยงทายตอนที่ไม่รุ้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ยังไงอ่ะครับ ผลการเสี่ยง ตรงอย่างน่าประหลาด ก็เลยงงๆ เมื่อก่อนก็ชอบอ่าน นิยายกำลังภายใน หรือ เต๋า เซน แต่เดี่ยวนี้ชอบอ่านหนังสือธรรมมากกว่า
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เราชอบอ่านหนังสือปรัชญา แต่ศาสตร์พวกนี้เราำไม่ค่อยอ่าน
    จะว่าไม่อ่านก็ไม่เชิง เวลาที่อยากรู้เรื่องอะไรก็จะเอามาเปิดดูแล้วทำตามสักที
    แต่ก็ไม่ได้เรียนรู้แบบเป็นเรื่องเป็นราว พอรู้บ้างเล็กน้อย เพราะเราต้องดูแลทุกอย่างในบ้าน
    ธรรมะจ๋า...ก็ไม่ชอบอ่าน ชอบอ่านแล้วคิดให้แตกด้วยสติปัญญาของตัวเอง
    เพราะพอมันแตกแล้วมันจะเข้าไปในใจ อยู่ประจำที่สัมปชัญญะเลย
     
  17. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    เมื่อวานเห้นคุณ to เข้ามา วันนี้ไม่รู้ว่าจะเข้ามาหรือปล่าว

    บางครั้งเวลาคุยกับคนอื่นเรื่องปฏิบัติทำให้เกิดความคิดดีๆเหมือนกัน

    เราชอบสร้างขั้นตอนแบบของเรา ให้เหมาะกับชีวิตประจำวันของเรา

    ก็เลยต้องเลือกว่าแต่ละวันแต่ละช่วงจะทำอะไรได้บ้าง แล้วก็คอยสำรวจตัวเองไปด้วย

    แบบค่อยๆเป้นค่อยๆไป

    แบบไหนก็ดีทั้งนั้น เพียงแต่เราทำไม่ได้ทุกแบบ ก็เลยเลือกรูปแบบที่เหมาะกับจริตของตัวเองอ่ะ
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ดีแล้วค่ะ ที่รู้จักตัวเอง รู้ว่าตัวเองชอบและไม่ชอบอะไร
    อะไรที่เหมาะและไม่เหมาะกับตัวเอง คุณโชคดีที่รู้ก่อน
    บางคนปฏิบัติไปจนตาย ยังไม่รู้เลยว่าที่ปฏิบัติอยู่เนี่ย
    ปฏิบัติไปเพื่ออะไร แล้วทำไมจึงต้องปฏิบัติ

    เราชอบยังไง เราก็ปฏิบัติอย่างนั้นนะ แต่เราก็ศึกษาทุกแนว
    เรื่องทุกแนวเนี่ย มาศึกษาภายหลัง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ
    ให้ความช่วยเหลือกัลยามิตรคนอื่นๆ บางทีเค้าถามมาเราไม่รู้อ่ะ
    เจตนาไม่ได้ต้องการรู้มากกว่าคนอื่น แต่เพราะบางครั้งอยากช่วยเค้าจริงๆ
    แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะตนเองไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ

    จะกลายเป็นเต่าแบกตำราซะแระ ตัวเองยังเอาตัวเองไม่รอด
    ริจะช่วยเหลือคนอื่นๆ

    แต่ความจริงเรามองว่า แนวทางการปฏิบัติที่หลากหลาย
    ล้วนเชื่อมโยงกัน อย่างเราปฏิบัติแนวอาณามา
    พอมาถึงวันหนึ่งมันตัน เพราะความเคยชิน สมถะไม่ก้าวหน้าแระ
    ขึ้นวิปัสสนาได้ปัญญา พอได้ปัญญาทีนี้ พิจารณาอย่างเดียวแระ
    ออกนอกอย่างเดียว กระทบอะไรน้อมเข้ามาพิจารณาหมดเลย
    จำเป็นต้องอาศัยสติปัฏฐานแระ ให้จิตไม่ส่งออกนอก ยกตัวอย่างนะ

    ทีนี้ เรากำลังมองว่าในอดีตเราปฏิบัติมาทางไหน เราจะได้เชื่อมต่อ
    ความก้าวหน้าของจิต มันจะได้ไปเร็วกว่านี้ เราไม่ได้้ต้องการฤทธิ์
    แต่เราต้องการระลึกถึงอดีตชาติ เพื่อความก้าวหน้าในทางธรรมเท่านั้นเอง
     
  19. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ตอนเป็นเด็กเราจะชอบมองดูผู้คน ว่าเค้ามีชีวิตกันยังไงโตขึ้นมาก็จะชอบคิดว่า คนเราเกิดมากันทำไม เกิดมาแล้วต้องทำอะไรมั่ง เกิดมา โตขึ้น ทำงาน มีครอบครัว แล้วก็ตาย มันง่ายๆแค่นี้จริงๆหรอ มันง่ายๆจนน่าแปลกใจ แต่ตอนนั้นไม่ได้ศึกษาธรรม ก็เลยไม่รู้ จนมาอ่านหนังสือธรรม เลยเริ่มพอเข้าใจมากขึ้น ว่า คนเราจะต้องทำอะไรมั่ง และควรมีทิศทางแบบไหน แต่ก็รู้สึกทางมันไกลเหลือเกิน และถ้าเกิดใหม่แล้วไม่ได้ปฎิบัติธรรมล่ะ จะไปทางไหนอีก ยุ่งแน่ๆเลย วนไปวนมา ชักเหนื่อยแล้วสิ
     
  20. saekue20

    saekue20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +757
    สวัสดีตอนเที่ยง มีความฝันมาเล่านิดนึง

    ฝันแรกฝันไม่ค่อยดี ครับ ฝันว่า เหมือนเห็นในละคร หรือเห็นกับตานี่แหละไม่แน่ใจ คือเห็นเขาฆ่ากัน มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาปาดคออ่านะ ผมรู้สึกเหมือนปาดคอผมเลย ผมเลยสดู้งตื่น ตื่นมานั่งพิจารณาแล้ว สวดมนต์ แผ่เมตตา อธิฐาน จากนั้นก็หลับต่อ

    ฝันที่สอง ฝันว่ามีฝายเก็บน้ำขนาดไหญ่ แต่ น้ำแล้งลดจนเหลือน้อยแล้ว จู่จู่ น้ำก็เพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วจนท่วมฝายเลย แล้วมีจุดหนึ่งน้ำวนเป็นรุลงไปแล้ว มีขบวนสัตว์ต่างต่างหลายตัวโผล่มาจากรูนั้นความรู้สึกบอกว่าเป็นสัตว์นักษัตริย์ แต่เท่าที่เห็นด้วยตามันไม่ใช่ และจำได้ว่าม้าสีขาวเผือกเป็นตัวสุดท้าย ลอยไปบนฟ้าแล้วไปลงรูอีกฝั่งหนึ่ง พอลงรูหมด น้ำก็ลดอย่างรวดเร็วจน แล้งเหมือนเดิม ประมาณนี้แหละ
     

แชร์หน้านี้

Loading...