ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เรียนถามหน่อยครับคือผมว่าจะซื้อกระบะใหม่ซักคัน ถ้าอนาคตมันอาจจะเกิดเหตุเพศภัยจริงๆ เลือกที่เป็นรถ 4wd ดีกว่มั้ยครับ หรือจะเลือกที่ประหยัดน้ำมันจะได้เดินทางได้ไกลที่สุด ตอนนั้นคงหาปั้มเติมไม่ได้แล้ว หรือว่าไม่ต้องซื้อแล้วเพราะไม่รอดอะไรก็ช่วยเราไม่ได้ ตั้งรับอยู่กับบ้านพอ

 

ไม่เก่งเรื่องรถเลย ค่ะ แต่จะช่วยวิเคราะห์นิสส์หน่อย...

ถามตัวเองก่อน ว่า

- เชื่อเรื่อง " ภัยพิบัติ " แค่ไหน .. ถ้าไม่เชื่อ ก็ไม่ต้องทำอะไร ตั้งรับที่บ้านสถานเดียว
ถ้าเชื่อ จะทำอะไร ก็ต้อง " รีบๆด่วนๆ " ไม่ต้องรอ เพราะถึงเวลานั้นจะไม่มีใครมาเตือน

- รถที่ซื้อ จะเอาไปทำอะไร ? หาเลือกซื้อตามสเป็ค มีให้เลือกเยอะมาก
ตอนนี้ดิฉันก็ใช้ปิคอัพอยู่นะ เคยศึกษาจากหลายผู้รู้ แนะนำให้ใช้ปิคอัพขับเคลื่อนสองล้อที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อนสี่ล้อได้ เมื่อจำเป็นต้องลุยเขาลุยโคลน จะช่วยประหยัดน้ำมัน ได้มากๆ ค่ะ มีให้เลือก

ลอง search ดู จ้า (good)

 

ขอบคุณนะแนะนำดีมากครับ เพราะวันข้างหน้าไม่รู้ต้องเจออะไรบ้าง ซื้อ แบบเลือก4ล้อได้ก็ดีกว่าตอนจะใช้แล้วไม่มี เพิ่มตังอีกนอหน่อย กินน้ำมันหน่อย ก็สบายใจ

 

ผมเสนอ 4W อีซูซุ เพราะทนทานดี ประหยัดน้ำมัน หาอะไหล่ง่าย แต่ควรสำรองอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนบ่อย เช่น น้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเครื่อง กรองน้ำมันเชื้อเพลิง หลอดไฟหน้า สายพาน ถังน้ำมันสำรองขนาด 30 ลิตร 2 ถัง (ตอนน้ำท่วมบางบัวทอง นนทบุรี ปั้มน้ำมันแถวนั้นปิด ผมสำรองน้ำมันไว้ 2 ถังๆละ 25 ลิตรใช้เติมรถขนของหนีน้ำได้ทัน) และควรมีจักรยานแบบเสือภูเขา ไว้ใช้ในยามขาดแคลนเชื้อเพลิง หรือทางชำรุดเสียหายมาก จะต้องใช้จักรยานเสือภูเขาแทน เตรียมยางใน 3 - 4 เส้น(เพราะจะเจอสารพัดเศษแก้ว ตะปู หนามต่างๆ) ยางนอก 2 เส้น ยางเบรค บันได ลูกปืนสำหรับคอจักรยาน สำหรับแกนล้อ สำหรับแกน/กะโหลกบันไดจักรยาน

 

แต่ Nirvana มีความเห็นต่างจากหลายท่าน ครับ

นี่กำลังคิดจะไปออกรถ ลักซัวรี่ อีแตน ยกสูงแบบมีกระบะท้ายและหลังคา
ใช้เครื่อง คูโบต้าหรือยันม่า 11 แรงม้า นะครับ
มีที่นั่งคนขับพร้อมพวงมาลัยและเกียร์-หลังคาพร้อม
ซึ่งจริงๆแล้วจะดูเหมือน "ขี่เกวียน" มากกว่าขี่รถนะครับ

แต่ขอบอกไว้ได้เลยว่าหากภัยพิบัติมาถึงจริงๆ
เราจะไม่มีน้ำมันโซล่าใช้ เพราะโรงกลั่นทั้งหมดอยู่ชายทะเล
ซึ่งจะโดนมหาสึนามิถล่มราบไม่มีเหลือแม้แต่โรงเดียว

ทีนี้รถปิคอัพที่ขี่กันทุกวันนี้ใช้หัวฉีดคอมมอนเรล ซึ่งต้องใช้เชื้อเพลิง
มาตราฐานเท่านั้น ไม่สามารถใช้น้ำมันไบโอดีเซลที่กลั่นจากน้ำมันทอดไก่
หรือจากน้ำมันพืช/สัตว์ชนิดอื่นใดที่หาได้ในพื้นที่ทั่วไป

ดังนั้นรถปิคอัพทั้งหลายก็คงต้องนอนสงบนิ่งรอเวลาไว้ปลูกสะระแหน่อย่างแน่นอน เพราะปัญหาเชื้อเพลิง

ส่วนคูโบต้าไปโลด ครับ แม้จะไม่สบายเพราะแข็งและเด้งเหมือนขี่เกวียน
แถมวิ่งเร็วสุดคงได้แค่ 60 ก.ม./ช.ม. แต่ก็ยังดีกว่าเดิน ครับ.....อิอิอิอิ

 

จักรยานเสือภูเขาก็เป็นคำตอบที่ดีนะครับ
บทเอาเข้าจริงๆถ้าไม่อยากเดินก็ต้องนี่เลย
ปั่นไปได้หมด ไม่มีเส้นทางหรือทางขาดก็แบกไป
แต่ถึงอย่างไร การเดินเท้าไปได้ทุกที่
หากถึงเวลาจริงๆผมคงเลือกเดินเท้า

 

ฟังดูตลกแบบมีสาระครับ ชอบ ชอบ 555

 

อีแต๋นไม่ใช่ถูกครับ รุ่น 6 ล้อแลบลาย เครื่อง 14 แรง นน.บันทุกสูงสุด 6-8 ตัน ราคา 240000 บาท รุ่นเล็ก เครือง 9-11 แรง นน.บรรทุก 1-4 ตันก็ราคา 130000-160000 บาท โคตรประหยัด ลุยน้ำท่วมได้ ใช้กะน้ำมันคุณภาพต่ำไม่มีปัญหา ที่สำคัญคือดูแลรักษาง่าย ที่สำคัญเหล็กกะไม้ทั้งนั้น เคย เห็น Benz ชนกะอีแต๋น แบบ + (Benz แซงขึ้นมาชน) Benz เป็นเศษเหล็ก ไปทัวร์ยกคัน 555..

 

29 มิ.ย. 55 ความพร้อม

ถ้ามีความพร้อมของพื้นที่
เชื่อฟังผู้นำและขึ้นไปอยู่ก่อนภัยจะมา
สิ่งที่กังวลก็จะเหลือน้อยลง สิ่งที่จะเตรียมให้นำไปใช้ในพื้นที่
ไม่ต้องมาวัดดวง

เคอิสรา

 

แสงสีขาว

เห็นด้วยกับความเห็นข้างต้น ว่ารีบไปตั้งหลักในที่ปลอดภัยก่อนเกิดเหตุจะมีโอกาสรอดมากกว่า (ต้องติดตามข่าวทุกวัน)

ถ้าไปตอนเกิดเหตุแล้ว ถนนหนทาง คงหักพัง จนใช้การไม่ได้ และยังจะเจอคนเอาปืนมาจ่อหัวปล้นเอายานพาหนะ และเสบียงไปอีก

สงสัยต้องเดินเท้า น่าจะปลอดภัยนะ เพราะโจรไม่สนใจคนที่ไม่มีอะไร

 

ขออนุญาตเพิ่มเติม

หลังจากซื้อรถ
จะให้ดี ให้พร้อม
หาถังน้ำมัน 200 ลิตร อีกสัก 2 - 3 ถัง
ทะยอยซื้อน้ำมันมากักตุนเผื่อตอนฉุกเฉินไว้ก็ดี
เพราะถึงเวลา มีรถไม่มีน้ำมัน คงไม่เกิดประโยชน์
และหาถังย่อย (ถัง 20 ลิตร) สัก 5 ถัง
เอาไว้ประจำรถเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
รับรอง ไปไหนไปโลด

ปล. หวังว่าคงมีถนนให้วิ่งนะครับ:'(

 

29 มิ.ย. 55

คิดเอา คลังแสง แฝงไว้
เพศภัย ยิ่งอยู่ ใกล้ตน
ป้องกัน ให้ดี ได้พ้น
ก่อนตน จะไม่ ได้ไป

เคอิสรา

 

ยน

หากไม่ติดขัดด้านการเงิน รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ตอบโจทย์ได้หมด
๑.มีรถ ๔ ประตู นั่งสบาย(เกือบ)เหมือนรถเก๋ง หรือ ๒ ประตูมีแค๊ป
๒.มีพื้นที่บรรทุกข้าวของอุปกรณ์พอสมควร
๓.เป็นรถยกสูง ลุยน้ำสูงระดับมากกว่า ๕๐ เซนติเมตรสบายๆ
๔.ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถนำพาเราผ่าน ทางวิบาก ลื่น ลาดชันฯ
เขาจึงเรียกรถเอนกประสงค์ไงครับ ยิ่งรถสมัยนี้ออฟชั่นที่ให้มาทั้งอำนวยความสะดวก ทั้งระบบความปลอดภัย ไม่น้อยหน้าใคร รวมทั้งราคาด้วย

 

แม่นๆๆๆ แล่ว...คับ

อีกอย่างที่ "ลักซัวรี่ อีแตน" เหนือกว่ารถปิคอัพก็คือ ไม่ต้องง้อแบตเตอรี่ ครับ ไม่มีแบตฯ ก็ลงไปเอากุญแจไขสตาร์ทได้เหมือนกัน แค่ออกแรงมากหน่อย

รุ่น 11 แรงม้า นี่ใช้โซล่า 5 ลิตร วิ่งกันทั้งวันเช้ายันเย็น

รุ่นใหญ่ 14 แรง แถวกาฬสินธุ์นี่เค้าใช้บรรทุกอ้อยส่งโรงงาน
น้ำหนักบรรทุกเกือบเท่า 10 ล้อ แต่กินน้ำมันน้อยกว่ามาก วิ่งกลางคืนไม่ร้อน
ตากแดดตากฝนไม่มีบ่น ที่สำคัญไม่ต้องต่อทะเบียน คนขับก็ไม่ต้องมีใบขับขี่
ไม่ต้องเสียภาษีทางหลวงเพราะวิ่งไม่เร็วกว่ากฏหมายกำหนดอยุ่แล้ว...อิอิอิ

สรุปแล้วเดี๋ยวจะไปที่ อ.จัตรัส จ.ชัยภูมิ เห็นบอกว่ามีร้านยอดวิชาอยู่ร้านนึง
ทำส่งขายทั่วอีสาน น่ะ ครับ ถ้าดีอาจจะไปถอยมาใช้ยามยากสักคัน...

ปล. ไม่แน่ว่าอาจจะมีเวอร์ชั่นติดแอร์รออยู่แล้วก็ได้
ถ้ามีจริงเดี๋ยวจะหาเครื่องเสียงมาติดด้วย อ่ะดิ...คิคิคิคิ (smile)

 

ขับ4x4มา10กว่าปีใช้ไม่เกิน5ครั้งถ้าซื้อ4ประตูภาษีแพงมากต่อทีอานเลย..555

 

ถ้าเอาใว้หนีขี่มอไซค์ดีกว่าคันนึ่งไปซ้อน2คนสบายรถไม่ติดยกข้ามสิ่งกีดขวางสะดวก..555

 

ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงเป็นน้ำมันปิโตรเลียม ถ้าเกิดน้ำมันไม่มีขึ้นมามันคือเศษเหล็กดีๆๆนี่เอง เข็นก้อหนัก :boo:

 

"อาหาโร โลโก ปฐโม โหติ"
อาหารเป็นหนึ่งในโลก ​

​

จำได้ว่าในยุคที่เขมรกำลังจะแตก และโลกกำลังประหวั่นพรั่นพรึงว่า ประเทศไทยจะล้มเหมือนโดมิโน ตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์เหมือนประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว เขมร เวียดนาม ขณะนั้นฝรั่งมังค่าที่กลัวว่าประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศปิดไม่ให้ใครเข้าออก ก็แห่พากันมาเที่ยวถ่ายรูปวัดวา สถานโบราณสวย ๆ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้เห็นอีก

แต่ประเทศไทยก็รอดพ้นมาได้ มาในช่วงเวลานี้ ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้ระบบทุนนิยมเต็มตัว แต่ก็กำลังถูกล่าอีกเช่นกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเคยพระราชทานสัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศ Mr. Denis D. Gray and Bart McDowell จากนิตยสาร National Geographic ฉบับเดือนตุลาคมปี 2525 ในคอลัมน์ Thailand’s Working Royalty ว่า

“Our country is rich, and strategic. So that if there is any struggle in the world, people want to get this country. And there’s always a struggle in the world. We still stand here. We stand here for the good of the whole world.”

ถอดความเป็นภาษาไทยได้ว่า “ประเทศของเราเป็นประเทศที่มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ และอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ หากมีการต่อสู้ แย่งชิงเกิดขึ้นในโลก ใคร ๆ ก็อยากได้ประเทศนี้ และโลกก็มักจะมีการต่อสู้แย่งชิงกันอยู่เสมอ ๆ (ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม) ประเทศของเราจะยังคงยืนอยู่ที่นี่ จะยืนหยัดอยู่ที่นี่เพื่อประโยชน์ของคนทั้งโลก”

ในยุคสมัยนี้การแย่งชิงเกิดขึ้นเพราะโลกกำลังเข้าสู่ภาวะการ “ขาดอาหาร” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงทอดพระเนตรเห็นการณ์ไกล และรู้ว่าการแย่งชิงอาหารจะเกิดขึ้น จึ้งทรงเตือนให้คนไทย “สร้างอาหาร” แทนการ “สร้างโรงงาน” ถึงเวลาที่โลกเดือดร้อนเรื่องอาหาร โรงงานก็จะกลายเป็นขยะที่ไม่มีใครอยากได้ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “อาหารเป็นหนึ่งในโลก” ถึงที่สุดแล้วมนุษย์ทุกคนก็ต้องกลับมาหาสัจจธรรมข้อนี้

คงไม่ต้องพูดให้เสียเวลาอีกว่า สัจจธรรมข้อนี้เริ่มเห็นเด่นชัด ขณะนี้คนทั้งโลกกำลังกังวล และ กังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึง “ความมั่นคงทางอาหาร” ความแปรปรวนของอากาศ สภาพแวดล้อม ทำให้พื้นที่ที่เคยเป็นที่หาอยู่หากินของคนนับร้อยล้านคน ทั้งชายฝั่งทะเล พื้นราบ ป่าเขา หมดสภาพเป็นที่อยู่ที่หากินอีกต่อไป เพราะภัยธรรมชาติที่มนุษย์ไม่อาจคาดเดาได้ คำพูดของพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงประกาศว่า “ประเทศของเราจะยังคงยืนอยู่ที่นี่ จะยืนหยัดอยู่ที่นี่เพื่อประโยชน์ของคนทั้งโลก”

เหมือนดั่งจะรู้ว่าประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในความหวัง ที่จะช่วยโลกบรรเทาทุกข์เรื่องอาหารได้ในยามวิกฤติ และวันนี้ทุกคนต่างเล็งมาที่ประเทศไทย ทวีปเอเซีย ทวีปอาฟริกาในฐานะที่เป็นแหล่งผลิตอาหารสำคัญของโลก สำหรับประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ คนทั้งโลกจึงอยากได้ประเทศนี้เหมือนที่พระองค์ทรงตรัสไว้

แต่อาจารย์ยักษ์กลับแปลกใจในขณะที่คนทั้งโลกกำลังห่วงพะวงกับ “อาหาร” รัฐบาลไทยกลับห่วงสนามบิน ถนนหนทาง ทุ่มเงินหลายหมื่นล้านขนภูเขาจากบ้านนอกเข้ามาสร้างสนามบินในเมืองกรุง ยังคงปล่อยให้บ้านนอกที่เป็นแหล่งผลิตอาหาร ต้องทนทุกข์ทรมานกับปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง ดินถล่ม ซ้ำซากอยู่อย่างนี้ชั่วนาตาปี และเมื่อยามที่ชาวบ้านทะเลาะกับอุตสาหกรรม ก็ดูเหมือนรัฐบาลจะเข้าข้างอุตสาหกรรม เรียกร้องให้ชาวบ้านยอมเสียสละ ไม่รู้รัฐบาลคิดไม่ได้หรือไม่อยากคิดว่า การเสียสละของชาวบ้านคือการเสียสละของธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่มีค่ายิ่งต่อชีวิตลูกหลาน

การที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งในกรุงเทพฯ แบบถล่มทลายคราวนี้(พ.ศ.2552) อาจารย์ยักษ์ก็ยังไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์คิดเข้าข้างตัวเองว่า ประชาชนเอาด้วยกับทุกนโยบาย บางทีชาวบ้านอาจไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลเสมอไป การเลือกประชาธิปัตย์ แค่เป็นการ “บอยคอต” ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น ที่เห็น ๆ ประชาคมโลกเริ่ม “เบื่อ” การเมืองมากขึ้นทุกวัน ผลการเลือกตั้งในอังกฤษ ออสเตรเลียที่ไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมาก เริ่มบอกถึงความอดทนกับนักการเมืองที่เหลือน้อยลงทุกที

บางทีอีกไม่นาน ชาวบ้านทั่วโลกก็จะตั้ง “รัฐอิสระ” ของตนขึ้นมาชี้ชะตาตัวเอง อาจารย์ยักษ์เดาว่าอีกไม่นานเกินรอ ถึงตอนนั้น “นักการเมือง” ที่ไม่เคยคิดถึงประชาชนก็จะกลายเป็น “ซากดึกดำบรรพ์” ที่ไม่มีใครอยากขุดขึ้นมา

อาจารย์ยักษ์ มหา'ลัยคอกหมู
บทความจากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก 4 กันยายน 2553


ที่มา http://agrinature.opendream.in.th/article/421

 

บางคอมเม้นท์เหมือนโฆษณาขายสินค้าไปเลย

 

จริงๆด้วยครับ ....แปลกใจจัง