แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย poopae191, 19 พฤษภาคม 2012.

  1. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    ดิฉันเป็นพยาบาล อยู่ฉุกเฉินก่อนหน้านี้ทำงานที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ทุกครั้งที่ดิฉันทำหัตถการกับคนไข้ไม่เคยขออโหสิเลย หลังเจาะเลือดให้น้ำเกลือทุกคนดิฉันก็จะถามว่าเจ็บไหมคะ บางคนบอกว่าไม่เป็นไร บางคนบอกว่าเจ็บ แต่ดิฉันก็จะบอกขอโทษเสมอ ไม่ว่าแค่เจาะเลือด ใส่สายสวน ใส่สายให้อาหาร ทุกคนน้ำตาไหล ในใจจะรู้สึกผิดตลอด แต่เราก็ทำดีที่สุด ทุกๆวัน เราจะเห็นคนป่วยมาโรงพยาบาล มีหนักบ้างไม่หนักบ้าง แต่ที่สำคัญญาติและผู้ป่วยหวังมาแล้วจะได้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่บางคนไม่สมหวังมาแล้วก็ต้องพลัดพราก ส่วนมากจะไม่ค่อยเห็นรอยยิ้มเท่าใดนัก
    ปกติตั้งแต่เด็กจะไม่สบายมาตลอด เป็นโรคที่เราหรือแม้กระทั้งหมอไม่รู้สาเหตุแต่สิ่งที่ทำได้แล้วโรคเราหายไปคือการทำบุญ แล้วแผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
    ช่วง1ปีที่ผ่านมาดิฉันขึ้นไปเตียงชั้น2 ข้อเท้าพลิก แทนที่จะใส่เฝือกเฉยๆ ต้องถึงกับผ่าตัดใหญ่ดมยา เพราะเอ็นหลุดออกจากเบ้าใต้ตาตุ่ม หยุดงานไป2เดือน
    หลังจากนั้นแต่งงานซื้อบ้านแล้วลาออกจากโรงพยาบาลรัฐแห่งนั้นคิดว่าจะได้รับราชการแต่เขายังไม่เรียกตัวเลยเป็นคนว่างงานประสบกับน้ำท่วมบ้าน ต้องหนีบ้านแล้วก็ว่างงาน เพื่อรอเขาเรียกเขารับราชการไม่คิดจะไปสมัครโรงพยาบาลเอกชน แต่ก็รอไม่ไหว เลยไปสมัครโรงพยาบาลเอกชน หลังทำงานไปได้สักพัก ไม่ถึงเดือน กับมีอาการแพ้แบบรุนแรงถึงขั้น anaphylaxis
    นอนอยู่โรงพยาบาล3วัน ก็กลับบ้าน แต่กลับไปบ้านก็เป็นอีก โดนฉีดยาตลอดจนแขนพรุน เลยคิดสังเวชตัวเอง ทำยังไงก็ไม่ดีขึ้นสิ่งสุดท้ายคืดทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ต้องลาออกจากงานเพราะโรคที่เราเป็นรวมทั้งเครียดมาก เลยเป็นกรดไหลย้อน ถึงขนาดหมอต้องนัดส่องกล้องที่ศิริราช

    มาทำงานpart timeประจำโรงงาน ได้สักพัก ก็มาเกิดอุบัติเหตุหลังหัก ก้นหัก ใส้แตกและที่สำคัญขณะเขารับการรักษาทุกอย่างที่เราทำกับคนไข้เข้าเราหมดเลย
    สูญเสียรถยนต์ บางทีก็รู้สึกท้อ แต่ได้กำลังใจดีจากพ่อและแม่และสามี

    ตอนนี้ก็ไม่ทำงานพักรักษาตัว

    หรือชีวิตเรานั้นไม่ใช่อาชีพพยาบาล

    ผู้มีหนทางสว่างกรุณาให้คำแนะนำด้วยคะ

    ทุกวันนี้สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาคะ เคยนึกอยากเขาทางธรรมแต่อายุยังน้อยมีภาระหลายอย่าง หรือว่าเปลี่ยนอาชีพดีรึป่าวคะ
     
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ไม่กล้าตอบยางแล้วตอบปั๊บกระทู้หายปึ๊ป งงเลย:'(
     
  3. Jt Odyssey

    Jt Odyssey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +12,591
    ความเป็นโรค สาเหตุหลักๆ นี่เกิดจากการผิดศีลข้อ 1 รวมถึง ศีลข้อ 1 ด่างพร้อย ทะลุ เบียดเบียนสัตว์ ให้เขาได้รับความเจ็บปวด ทนทุกข์ทรมาน

    แต่ผมคิดว่าคงไม่ใช่กรรมจากที่เป็นพยาบาลหรอกคับ ถ้าตอนนั้นคุณมีเจตนาจะช่วยให้คนหายหายจากโรค

    ลองสวดมนต์ นั่งสมาธิ ดีแล้ว แต่ต้องถือศีล 5 ให้มั่นคง ลองทำบุญด้วยการไถ่ชีวิตสัตว์ดูครับ ปลา กบ ปู ที่กำลังจะโดนฆ่าที่ตลาด ได้อานิสงค์ช่วยเรื่องนี้โดยเฉพาะเลย
     
  4. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    ขอบคุณคุณแจ็ค69นะคะ จำได้นะคะ ให้ดิฉันปล่อยปลาให้ดิฉันทำบุญ พอดีดิฉันตั้งกระทู้ผิดที่คะ เลยมาตั้งกฎแห่งกรรมคะ
     
  5. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872

    ขอบพระคุณมากๆคะ ดิฉันจะลองไม่ยึดติดร่างกายดูนะคะ เพราะเวลายึดติดทรมานมากคะ เด๋วปวดหลัง เด๋วปวดก้น บริเวณที่หักอะคะ
     
  6. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    ยังพิมพ์ไม่ทัยหมดเลยครับ :'(
    แหมแจ้งให้ทีมงานย้ายกระทู้ให้ก็ได้นี่ครับ :cool:
    แล้วเป็นโรคภูมแพ้อะไรหรอครับ
     
  7. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872

    ผิดศีลข้อที่1 จริงๆคะ เป็นไปได้ไหมคะว่าตาทวด และตาของดิฉันเป็นนายฮ้อยเลี้ยงควายแล้วปล่อยให้ควายตายเพราะตาผูกไว้ให้ตากแดด

    ตัวดิฉันเองชอบกินมดแดงหรือเรียกว่าแม่เป้ง และชอบตบยุง โรคภัยเลยเยอะมากๆคะ
     
  8. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    มีอีกอย่างที่ดิฉันสะท้อนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้คือ ดิฉันไส้แตกพอมาคิด ก็คิดถึงตอนที่ดิฉันเด็กช่วยยายปาดท้องปลาเพื่อเอาปลามาขาย

    ทำไมดิฉันก้นหัก เพราะดิฉันกลัวจิ้งจก เลยรีบปิดประตูหางจิ้งจกเลยขาด

    แต่ส่วนโรคอื่นๆคงทำไว้ในอดีตชาติ
     
  9. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    แพ้ไม่มีสาเหตุคะ หาตัวแพ้ไม่ได้คะ อยากขึ้นก็ขึ้นมาเลยคะ จริงๆนะคะ เป็นมากกว่าลมพิษอีกคะ กินแค่ cpmไม่ลด ต้องกินยากดภูมิ รู้สึกว่าตอนที่เป็นถึงขนาดฉีด adrenalin ไปถึงสามครั้งเลยคะ ในระยะเวลาที่เป็นหลายอาทิต เวลาหายๆก็หาย เวลาเป็นก็ขึ้นแบบน่ากลัวมากคะ
     
  10. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,962
    กินวิตามินซี2เดือนเดี๋ยวก็หาย

    แบลคมอร์ส ไบโอซี(วิตามินซี) 1000 มก.
    เป็นวิตามินซี สูตรธรรมชาติที่มีความเป็นกรดต่ำ ผสมไบโอฟลาวานอยด์เพื่อ
    ช่วย ในการดูดซึมของวิตามินซี สำหรับ ผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน แพ้อากาศ
    เลือดออกตามไรฟัน ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
    บทบาทของวิตามินซี ต่อร่างกาย
    - มีความจำเป็นต่อขบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นองค์ประกอบ
    สำคัญของหลอดเลือด เส้นเอ็น เอ็นยึด และ กระดูก
    - มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์สารสื่อสัญญาณประสาท ต่อการทำงานของ
    สมองซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ด้วย
    - มีความจำเป็นต่อการสังเคราะห์สารคาร์นิทีน ซึ่งเป็นสารสำคัญในการเปลี่ยน
    ไขมันไปเป็นพลังงาน
    - ช่วยให้ระบบภูมิต้านทานเป็นปกติ
    - เป็นสารต้านออกซิเดชั่นที่แรงตัวหนึ่ง ป้องกันโปรตีนไขมัน คาร์โบไฮเดรต
    และสารพันธุกรรม เช่น DNA และ RNA จากการถูกทำลายของสารอนุมูล-
    อิสระ ที่เกิดจากการเผาผลาญในร่างกาย และจากภายนอก เช่น มลภาวะ
    และ การสูบบุหรี่ นอกจากนี้ วิตามินซี ยังสามารถกระตุ้นให้สารต้านออกซิ-
    เดชั่นอื่นกลับมาใช้ใหม่ได้อีก เช่น วิตามิน อี เป็นต้น
    ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำเสริม
    ผู้ที่เป็นภูมิแพ้
    Blackmores Echinacea forte
    (ทานไม่เกิน 8 สัปดาห์)

    Blackmores Echinacea forte
    เป็นสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ต้านเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย Blackmores
    Echinacea Forte 3000 mg เหมาะสำหรับ ผู้ที่เป็นหรือกำลังจะเป็นหวัด หรืออยู่
    ในช่วงที่มีอาการภูมิแพ้รุนแรง ช่วยลดความรุนแรงของโรค
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2012
  11. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872

    ขอบคุณมากนะคะ:cool:
     
  12. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ไม่ได้เกิดจากตอนที่เป็นพยาบาลหรอกครับ จริงๆ ที่ทำตอนนั้น น่าจะช่วยบรรเทาตรงนี้ไปได้บ้างด้วยซ้ำ

    ผมแนะนำให้ฝึกวิปัสสนากรรมฐานครับ ส่งรายละเอียดให้ทาง PM นะครับ
     
  13. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คุณปูเป้.....
    ...พยาบาลทั้งโลก เขาทุกข์แบบคุณไหม.....
    อย่างนี้ ไม่ได้เป็นกรรมปัจจุบัน ที่เรามีอาชีพพยาบาลนี้
    อย่างนี้ เขาเรียก กรรมในอดีตส่งผล...
    ..ซึ่งคุณหรือใครๆ"ไม่มีทางรู้"
    ...เมื่อไม่รู้กรรมอะไรส่งผล...เราก็ต้องรู้ว่า มนุษย์สัตว์เทวดา ล้วนเกิดจากกรรมทั้งสิ้น...
    ...เมื่อเกิดมา เรายังไม่ได้ทำกรรมดีกรรมชั่วในปัจจุบันน้อยมากเลย แต่กรรมในอดีต ส่งผลแล้ว...ดังนั้น"เราต้องยอมรับมัน""อยู่กับมันให้ได้"
    ตัวนี้สำคัญ คือ อยู่กับกรรมให้ได้...ทนให้ได้...อย่าท้อ...เพราะพระพุทธเจ้าเอง เป็นพระพุทธเจ้าแล้วยังต้องรับกรรมเลย....
    ...เมื่ออยู่กับกรรมไม่ดีต่างๆได้แล้ว เราก็เริ่มทำกรรมดี.....
    ...อย่าไปนั่งสมาธิบ้าบอคอแตก มันผิดเพี้ยน....
    ..สมาธิภาวนา หมายถึงการภาวนาเพื่อเกิดญานหยั่งรู้แล้วไปตัดกิเลศให้หมดไปๆๆๆๆๆ ซึ่งมันยากมากๆๆๆๆๆๆๆถ้าไม่บวชหรือเป็นผ้าขาวตลอดฃีวิต...ยากส์ที่จะเกิดปัญญาจากการภาวนา...
    แต่ถ้านั่งเพื่อให้จิตสงบ จะได้มีปัญญาทางสมองคิด...อย่างนี้ พอนั่งได้ สัก5นาที10นาทีก็พอ...เสร็จแล้วคุณก็เริ่มต้นทำทาน...ทำบุญกุศลไปเรื่อยๆทุกวันหรือทุกอาทิตย์ หรือทุกเดือน ทุกปีฯลฯ รักษาเพียงศีล5 ให้ได้ทุกๆวันก็พอเพียงแล้ว....เมื่ออยู่กับกรรมในอดีตที่เราไม่รู้ได้แล้ว เดี๋ยวมันก็ค่อยๆจางไป แล้วกรรมดีในปัจจุบัน มันก็ส่งผลเอง...ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า อย่าท้อ.....
     
  14. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    พิมเองก็รู้สึกแย่เหมือนกันค่ะ ทำงานที่ร.พ.ได้เจาะท้องคนไข้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมีascites (มีน้ำในช่องท้องมาก) คนไข้ทนไม่ไหว ขอแพทย์ระบายน้ำในช่องท้องออก หมอ,นักศึกษาแพทย์หลายคนรวมทั้งพิมช่วยกันเจาะ เจาะไปหลายเข็มเพราะน้ำที่drainออกมาไหลๆแล้วก็หยุด เจาะไปแล้วไม่ทันข้ามคืนคนไข้ก็ตาย ตอนเจาะมีเลือดสดออกมาด้วยไม่รู้ว่าไปโดนเส้นเลือดหรือเปล่าค่ะ รู้สึกแย่เหมือนกัน พยายามจะช่วยคนไข้แต่เขาก็ตายอยู่ดีค่ะ ตอนแรกๆก็คิดมากเหมือนกัน ตอนนี้ไม่อยากคิดแล้วค่ะ พยายามลืมๆมันไปไม่ตามนึกถึง เพราะเรามีเจตนาดี พยายามช่วยคนไข้ค่ะ
     
  15. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872

    ขอบพระคุณมากๆนะคะ

    สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือพยายามรักษาศีล5 เพราะแค่ศีลข้อที่1ก็ยากนะคะ ถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจแต่ต้องทำให้ได้
     
  16. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    ลองทำบุญกับโรงพยาบสลสงฆ์ดูครับ

    ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุอาพาธ(พุทธะ)

    ----------------------------------------


    เรื่องพระปูติคัตตติสสเถระ


    พระเถระกายเน่า

    ได้ยินว่า กุลบุตรชาวกรุงสาวัตถีผู้หนึ่ง ฟังธรรมกถาในสำนัก

    ของพระศาสดา ถวายชีวิตในพระศาสนา ได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว

    ได้ชื่อว่า พระติสสเถระ. เมื่อกาลล่วงไป ๆ โรคเกิดขึ้นในสรีระของท่าน.

    ต่อมทั้งหลาย ประมาณเท่าเมล็ดผักกาดผุดขึ้น. มัน (โตขึ้น) โดยลำดับ

    ประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว ประมาณเท่าเมล็ดถั่วดำ ประมาณเท่าเมล็ด

    กระเบา ประมาณเท่าผลมะขามป้อม ประมาณเท่าผลมะตูม แตกแล้ว.

    สรีระทั้งสิ้น ได้เป็นช่องเล็กช่องน้อย ชื่อของท่านเกิดขึ้นแล้วว่า พระ-

    ปูติคัตตติสสเถระ (พระติสสเถระผู้มีกายเน่า). ต่อมา ในกาลเป็นส่วน

    อื่น กระดูกของท่าน แตกแล้ว. ท่านได้เป็นผู้ที่ใคร ๆ ปฏิบัติ(ดูแล)ไม่ได้(เพราะน่ารังเกียจ).

    ผ้านุ่งและผ้าห่มเปื้อนด้วยหนองและเลือด ได้เป็นเช่นกับขนมร่างแห.

    พวกภิกษุมีสัทธิวิหาริก(ลูกศิษย์)เป็นต้นไม่อาจจะปฏิบัติได้ (จึงพากัน) ทอดทิ้ง

    แล้ว. ท่านเป็นผู้ไม่มีที่พึ่งนอน ( แซ่ว ) แล้ว.

    พระพุทธเจ้าทรงพยาบาลและทรงแสดงธรรม

    ก็ธรรมดาว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่ทรงละการตรวจดูโลก

    สิ้น ๒ วาระ (คือ) ในกาลใกล้รุ่ง เมื่อทรงตรวจดูโลก ทรงตรวจดูจำเดิม

    แต่ขอบปากแห่งจักรวาล ทำพระญาณให้มุ่งต่อพระคันธกุฎี(กุฎีที่ประทับ). เมื่อทรง

    ตรวจดูเวลาเย็น ทรงตรวจดูจำเดิมแต่พระคันธกุฎี ทำพระญาณให้มุ่งต่อที่

    (ออกไป ) ภายนอก. ก็ในสมัยนั้น พระปูติคัตตติสสเถระ ปรากฏแล้ว

    ภายในข่ายคือพระญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า. พระศาสดาทรงเห็นอุปนิสัย

    แห่งพระอรหัตของติสสภิกษุ ทรงดำริว่า "ภิกษุนี้ ถูกพวกสัทธิวิหาริก

    เป็นต้น ทอดทิ้งแล้ว, บัดนี้ เธอยกเว้นเราเสีย ก็ไม่มีที่พึ่งอื่น" ดังนี้

    แล้ว จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี เหมือนเสด็จเที่ยวจาริกในวิหาร เสด็จ

    ไปสู่โรงไฟ ทรงล้างหม้อ ใส่น้ำ ยกตั้งบนเตา เมื่อทรงรอให้น้ำร้อน

    ได้ประทับยืนในโรงไฟนั่นเอง: ทรงรู้ความที่น้ำร้อนแล้ว เสด็จไป

    จับปลายเตียงที่ติสสภิกษุนอน. ในกาลนั้น พวกภิกษุ กราบทูลว่า

    "ขอพระองค์ จงเสด็จหลีกไป พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์จักจัดการเอง"

    แล้ว ( ช่วยกัน ) ยกเตียง นำไปสู่โรงไฟ. พระศาสดาทรงให้นำรางมา

    ทรงเทน้ำร้อน ( ใส่ ) แล้ว ทรงสั่งภิกษุเหล่านั้นให้ ( เปลื้อง ) เอา

    ผ้าห่มของเธอ ให้ขยำด้วยน้ำร้อน แล้วให้ผึ่งแดด ลำดับนั้น พระ-

    ศาสดา ประทับยืนอยู่ในที่ใกล้ของเธอ ทรงรดสรีระนั้นให้ชุ่มด้วยน้ำอุ่น

    ทรงถูสรีระของเธอ ให้เธออาบแล้ว . ในที่สุดแห่งการอาบของเธอ,

    ผ้าห่มนั้นแห้งแล้ว. ทีนั้น พระศาสดาทรงช่วยเธอให้นุ่งผ้าห่มนั้น ทรง

    ให้ขยำผ้ากาสาวะที่เธอนุ่งด้วยน้ำ แล้วให้ผึ่งแดด. ทีนั้น เมื่อน้ำที่กายของ

    เธอพอขาด (คือแห้ง) ผ้านุ่งนั้นก็แห้ง. เธอนุ่งผ้ากาสาวะผืนหนึ่ง

    ห่มผ้ากาสาวะผืนหนึ่ง เป็นผู้มีสรีระเบา มีจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง นอนบน

    เตียงแล้ว. พระศาสดาประทับยืน ณ ที่เหนือศีรษะของเธอ ตรัสว่า

    " ภิกษุ กายของเธอนี้ มีวิญญาณไปปราศแล้ว หาอุปการะมิได้ จักนอน

    บนแผ่นดิน เหมือนท่อนไม้"
    ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า

    ๗. อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ

    ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํว กลิงคฺรํ.

    "ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน. กายนี้

    มีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลทิ้งแล้ว, ราวกับ

    ท่อนไม้ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น."


    พระปูติคัตตติสสเถระนิพพาน

    ในเวลาจบเทศนา พระปูติคัตตติสสเถระ บรรลุพระอรหัตพร้อม

    ด้วยปฏิสัมภิทาแล้ว. แม้ชนอื่นเป็นอันมาก ก็ได้เป็นพระอริยบุคคลมี

    พระโสดาบันเป็นต้น. ฝ่ายพระเถระบรรลุพระอรหัตแล้วก็ปรินิพพาน.

    พระศาสดาโปรดให้ทำสรีรกิจของท่าน ทรงเก็บ ( อัฐิ ) ธาตุ แล้วโปรด

    ให้ทำเจดีย์ไว้.

    (ภายหลัง)พวกภิกษุ กราบทูลถามพระศาสดาว่า " พระเจ้าข้า พระปูติคัตตติสสเถระ บังเกิดในที่ไหน ?"

    พระศาสดา. เธอปรินิพพานแล้ว ภิกษุทั้งหลาย.

    พวกภิกษุ. พระเจ้าข้า กายของภิกษุผู้ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยแห่ง

    พระอรหัตเห็นปานนั้น เกิดเป็นกายเน่า เพราะเหตุอะไร ? กระดูกทั้ง-

    หลายแตกแล้ว เพราะเหตุอะไร ? อะไรเป็นเหตุถึงควานเป็นอุปนิสัยแห่ง

    พระอรหัตของท่านเล่า ?


    พระศาสดา. ภิกษุทั้งหลาย ผลนี้ทั้งหมด เกิดแล้วแก่ติสสะนั่น

    ก็เพราะกรรมที่ตัวทำไว้.


    พวกภิกษุ. ก็กรรมอะไร ? ที่ท่านทำไว้ พระเจ้าข้า.

    พระศาสดา ตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ถ้ากระนั้น พวกเธอจงฟัง"

    บุรพกรรมของพระติสสะ

    ติสสะนี้เป็นพรานนก ในกาลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระ-

    นามว่ากัสสปะ ฆ่านกเป็นอันมากบำรุงอิสรชน, ขายนกที่เหลือจากนก

    ที่ให้แก่อิสรชนเหล่านั้น. คิดว่า "นกที่เหลือจากขาย อันเราฆ่าเก็บไว้

    จักเน่าเสีย" จึงหักกระดูกแข้งและกระดูกปีกของนกเหล่านั้น ทำอย่าง

    ที่มันไม่อาจบินหนีไปได้ แล้วกองไว้. เขาขายนกเหล่านั้นในวันรุ่งขึ้น,

    ในเวลาที่ได้นกมามากมาย ก็ให้ปิ้งไว้ เพื่อประโยชน์แห่งตน. วันหนึ่ง

    เมื่อโภชนะมีรสของเขาสุกแล้ว พระขีณาสพองค์หนึ่ง เที่ยวไปเพื่อบิณฑ-

    บาต ได้ยืนอยู่ที่ประตูเรือนของเขา เขาเห็นพระเถระแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใส

    คิดว่า "สัตว์มีชีวิตมากมาย ถูกเราฆ่าตาย, ก็พระผู้เป็นเจ้ายืนอยู่ที่ประตู

    เรือนของเรา และโภชนะอันมีรสก็มีอยู่พร้อมภายในเรือน, เราจะถวาย

    บิณฑบาตแก่ท่าน " ดังนี้แล้วจึงรับบาตรของพระขีณาสพนั้น ใส่โภชนะ

    อันมีรสนั้นให้เต็มบาตรแล้ว ถวายบิณฑบาตอันมีรส แล้วไหว้พระเถระ

    ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ กล่าวว่า "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าพึงถึงที่สุด

    แห่งธรรมที่ท่านเห็นเถิด." พระเถระได้ทำอนุโมทนาว่า "จงเป็นอย่าง

    นั้น.

    ประมวลผลธรรม

    ภิกษุทั้งหลาย ผล (ทั้งหมด ) นั่นสำเร็จแล้วแก่ติสสะ ด้วย

    อำนาจแห่งกรรมที่ติสสะทำแล้วในกาลนั้นนั่นเอง; กายของติสสะเกิดเน่า

    เปื่อย, และกระดูกทั้งหลายแตก ก็ด้วยผลของการทุบกระดูกนกทั้งหลาย;

    ติสสะบรรลุพระอรหัต ก็ด้วยผลของการถวายบิณฑบาตอันมีรสแก่พระ-

    ขีณาสพ ดังนี้แล


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 พฤษภาคม 2012
  17. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ปัญญาชั้นต้นๆ นั้นเกิดไม่ยากอย่างที่ท่าน NARKA คิดหรอกครับ
    ขึ้นอยู่กับฐานบุญบารมีของผู้นั้น
    แม้ในสมัยพุทธกาล ผู้มีบารมีเต็มแล้ว เห็นธรรม ฟังธรรม เล็กๆ น้อยๆ ก็บรรลุได้
    เรามาเกิดในยุคนี้ แม้บารมีจะไม่ได้เต็ม แต่หลายๆ ท่านก็มีพื้นฐานเยอะพอสมควร เมื่อได้กัลยาณมิตร มาชี้นำ ได้พระอาจารย์แนะนำแนวทางที่ถูกต้อง ปัญญาในชั้นต้น ย่อมเกิดได้อย่างง่ายดาย

    หากจะแสดงให้เห็นอย่างง่ายๆ
    "แม้เลือดน้ำเหลือง ในร่างกายเรา เรายึดถือด้วยอุปาทาน ว่าเป็นของๆ เรา เป็นตัวเรา แม้ยุงบินมาสูบเอาไป สิ่งนั้น เรายึดถือเป็นตัวเราได้อีกหรือ"
    ผู้ที่มีจริตถึงพร้อมแล้ว พร้อมจะน้อมนำ เมื่อได้ฟังข้อความนี้ ย่อมเกิดปัญญาขึ้น และความยึดถือมั่นในอัตตาตัวคน จะคลายลงไปนิดนึง ซึ่งก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของปัญญาในชั้นต้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2012
  18. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    อนุโมทนา สาธุเจ้าคะ

    กรรมเก่าเราก็ต้องชดใช้ ต่อไปสร้างแต่ความดีก็พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2013
  19. poopae191

    poopae191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +1,872
    คิดอยู่คะว่าจะไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์์
     
  20. Julius

    Julius สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +10
    ถ้ามีโอกาสลองไปบวชชีพรามหณ์ถือศีลแปดที่วัดดูสิคะ เคยมีเรื่องทุกข์เรื่องเครียดมากมายเหมือนกัน พอลองได้ไปทำตรงนี้รู้สึกได้เลยว่าใจสงบมากขึ้น ร่างกายก้อดีพร้อมจิตใจค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...