Download!!!(ไฟล์PDF)(ไฟล์MP3)ทิพย์มนต์, หนังสือท่านพ่อลี (ตั้งสัจจะกับตัวเองด้วยนะครับ)

ในห้อง 'แจกฟรี' ตั้งกระทู้โดย ในนภา, 27 กันยายน 2011.

  1. praw@ti

    praw@ti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2007
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +347
    ขอรับด้วยทั้ง 2 รูปแบบครับ
    kati_en@hotmail.com

    อนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วยครับ
     
  2. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    มีผู้ใดพอจะบอกวิธีไปกระทรวงสาธารณสุขที่นนทบุรี แบบสะดวกไวๆ
    จากแถวสยามสแควร์ มาบุญครอง อนุเสาวรีย์ หรือBTS บ้างไหมครับ
    ยอมตื่นตีสี่ไปจริงๆ แต่อยากไปเร็วกลับเร็ว ไม่อยากใช้เวลาครึ่งวันกับการเดินทางจริงๆ
     
  3. ธนะสูตร

    ธนะสูตร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +2
    หลวงพ่อลี

    ขอทั้ง 2 รูปแบบ
    yibsee_j@hotmail.com
     
  4. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078

    ถามพี่นุ่ยสิโจ้ เขาอยู่ใกล้ๆ
     
  5. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    มีคาถาดีคาถานึงมาให้ชาวเว็บผู้สนใจ ลองทำไปพิจารณาท่องบ่นดูกัน
    ชื่อว่า ยอดธรรมยอดคาถา ซึ่งเป็นของ หลวงพ่อดาบส สุมโน
    พี่ท่านที่ชื่อ ณัฐกรณ์ เขาแนะนำมา
    แล้วผมจึงขอท่านมาอีกที สาธุ~
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2011
  6. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ยอดธรรมยอดคาถา หลวงพ่อดาบส สุมโน

    <hr style="color:#ffffff; background-color:#ffffff" size="1">
    [​IMG]

    เวลาจะภาวนา ให้ว่ายอดธรรม ยอดคาถานี้ก่อน
    ถ้าหลายคนว่าพร้อมกัน

    "ยโขธมฺมํ วรํตสฺส เยชนาเต ชนาวรํ โกจิตฺตํสํ ขตํมุตโต เอโสปารโม ทุกฺขํขโย"

    ยโขธมฺมํ ธรรมใดแล, เป็นธรรมไม่มีที่ภายในและที่ภายนอก, ไม่มีที่ล่วงมาแล้วและที่ยังไม่มาถึง, ไม่มีทั้งที่กำลังเป็นอยู่, เป็นธรรมกวมทั่ว (คงที่), ผ่องใสปราศจากอารมณ์ต่าง ๆ อันจักพึงติดต้อง, เป็นธรรมว่างเปล่าจากปวงสังขตะที่เกิดดับ ฯ

    วรํตสฺส ธรรมนั้นแล, เป็นธรรมพึงประจักษ์เฉพาะตน, อันบุคคลจักพึงเห็นเอง, คือพระนิพพาน เป็นที่หลุดรอด, ที่เรียกว่าฝั่ง, ล่วงวังวนเป็นที่ตั้งอยู่แห่งความตาย, อันบุคคลข้ามได้แสนยาก. เป็นธรรมธรรมประเสริฐ, อันพระตถาคตเจ้าตรัสแสดงไว้ดีแล้ว ฯ

    เยชนาเต บรรดามนุษย์ทั้งหลาย, ชนเหล่าใดที่เป็นผู้พ้นทุกข์เข้าถึงฝั่ง, ล่วงวังวนเป็นที่ตั้งอยู่แห่งความตาย, อันบุคคลข้ามได้แสนยาก ชนเหล่านั้นมีประมาณน้อย, ส่วนหมู่สัตว์คือ ชนนอกจากนี้ , ยอมเลาะเลียบไปตามชายฝั่ง, คือไปแล้วในอารมณ์ต่าง ๆ, ตามเห็นรูป รส โผฎฐัพพะ เสียง กลิ่นอยู่นั่นแหละเหมือนหลับอยู่, ก็ชนทั้งหลายเหล่าใดประพฤติตามธรรม, ในธรรมที่พระตถาคตเจ้าตรัสแสดงไว้ดีแล้ว, ชนทั้งหลายเหล่านั้นจักเป็นผู้พ้นทุกข์เข้าถึงฝั่ง, ล่วงวังวนเป็นที่ตั้งอยู่แห่งความตาย, อันบคคลข้ามได้ยากแสนยากนั้น ฯ

    ชนาวรํ ก็ชนใดทำจิตของตน, ไม่ให้มีที่ภายในและที่ภายนอก, ไม่ให้มีที่ล่วงมาแล้วและที่ยังไม่มาถึง, ไม่ให้มีทั้งที่กำลังเป็นอยู่, ไม่ให้ตามเห็นอารมณ์ต่าง ๆ, ให้ผ่องใสปราศจากอารมณ์ต่าง ๆ อันมาติดต้อง, ให้ว่างเปล่าจากปวงสังขตะที่เกิดดับ, ชนนั้นจักเป็นผู้พ้นทุกข์เข้าถึงฝั่ง, ล่วงวังวนเป็นที่ตั้งอยู่แห่งความตาย, อันบุคคลข้ามได้แสนยากนั้น ฯ หรือมิฉะนั้นชนใด, เป็นผู้กำหนดรู้อารมณ์อันใดอันหนึ่งเป็นที่ตั้ง, (มีรูปารมณ์ เป็นต้น) โดยความแยบคายแห่งจิตอยู่เฉพาะ, ชนนั้นก็จักประจักษ์แจ้งอารมณ์ต่าง ๆ, ตามความเป็นจริงที่มันไม่จริง, คือว่างเปล่า, แล้วระอาท้อถอย, เหนื่อยหน่ายคลายวาง, เป็นผู้พ้นทุกข์เข้าถึงฝั่ง, ล่วงวังวนเป็นที่ตั้งอยู่แห่งความตาย, อันบุคคลข้ามได้แสนยากนั้น ฯ

    โกจิตฺตํสํ ก็จิตของเรานี้เล่า, มันเพลินเที่ยวไปแล้วในอารมณ์ต่าง ๆ, ตามเห็นรูป รส โผฎฐัพพะ เสียง กลิ่นอยู่เหมือนหลับอยู่,

    ขตํมตฺโต ไฉนเล่า เราจักเป็นผู้พ้นทุกข์, จิตของเราจักเข้าถึงฝั่ง, ล่วงวังวนเป็นที่ตั้งอยู่แห่งความตาย, อันบุคคลข้ามได้แสนยากนั้นได้ ฯ

    เอโสปารโม เหตุนั้นกาลบัดนี้, เราจักทำจิตของเราไม่ให้มีที่ภายในและที่ภายนอก, ไม่ให้มีที่ล่วงมาแล้วและที่ยังไม่มาถึง, ไม่ให้มีทั้งที่กำลังเป็นอยู่, ไม่ให้ตามเห็นอารมณ์ต่าง ๆ, ให้ผ่องใสปราศจากอารมณ์ต่าง ๆ อันมาติดต้อง, ให้ว่างเปล่าจากปวงสังขตะที่เกิดดับ ฯ

    ทุกขํขโย เป็นผู้พ้นทุกข์เข้าถึงฝั่ง, ล่วงวังวนเป็นที่ตั้งอยู่แห่งความตาย, อันบุคคลข้ามได้แสนยากนั้น ฯ หรือมิฉะนั้น, เราจักกำหนดรู้อารมณ์อันใดอันหนึ่งเป็นที่ตั้ง, (มีรูปารมณ์ เป็นต้น) โดยความแยบคายแห่งจิตอยู่เฉพาะ, เพื่อประจักษ์แจ้งอารมณ์ต่าง ๆ, ตามความเป็นจริงที่มันไม่จริง, คือว่างเปล่า, แล้วระอาท้อถอย, เหนื่อยหน่ายคลายวาง, เป็นผู้พ้นทุกข์เข้าถึงฝั่ง, ล่วงวังวนเป็นที่ตั้งอยู่แห่งความตาย, อันบุคคลข้ามได้แสนยากนั้น, ซึ่งเป็นธรรมประเสริฐ, คือพระนิพพานเป็นที่หลุดรอด, ตามที่พระตถาคตเจ้าตรัสแสดงไว้ดีแล้ว...นั้น นั่นแล. ฯ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2011
  7. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    [​IMG]

    "บุคคลใดแม้มาเจริญ คือ สาธยายยอดธรรมยอดคาถานี้อยู่เนือง ๆ บุคคลนั้นจักสบประโยชน์ใหญ่หลวง เป็นผู้มีโชคใหญ่จักไม่เข้าถึงความตาย ความตายจักไม่แลเห็นผู้นั้น จักบรรลุคุณวิเศษอันหาค่ามิได้"

    พระดาบส สุมโน
    อาศรมไผ่มรกต อ.เมือง จ.เชียงราย

     
  8. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ภาคที่ ๑

    ความเป็นมาแห่งยอดธรรมยอดคาถา

    พระคณเจ้าดาบส สุมโน ได้แสดงธรรมคาถาเทศนา ณ ที่ถ้ำเจดีย์แก้ว หรือที่อาศรมวิเวกเจดีย์แก้ว (ถ้ำผาตบ) จังหวัดน่าน ในพรรษาศีลที่ ๖ เดือน ๑๑ เหนือ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๘ ค่ำ วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ปีมะโรง มีความสำคัญดังต่อไปนี้...

    ก่อนที่จะกำเนิดมาเป็นพระคาถา ยอดธรรม ยอดคาถานี้ขึ้นมาได้นั้น มีสาเหตุเกิดขึ้นจาก ณ บนสวรรค์คือในกาลนั้น ได้มีเทพบุตร ๒ ตน คือ ตนหนึ่งมีเครื่องทรงเศร้าหมอง อีกตนหนึ่งมีทิพย์อาสน์ร้อนเพราะใกล้จะถึงเวลาจุติ (เคลื่อน) ก็ให้บังเกิดความกลัวเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่อยากจุติจากทิพย์สมบัติในสวรรค์ ภายหลังได้รับอนุเคราะห์จาก "ธรรมโฆษเทพบุตร" ธรรมโฆษเทพบุตร จึงได้เล่าประวัติความเป็นมาแห่งตนจากการได้ดำรงไว้ซึ่งยอดธรรม ยอดคาถา ให้เทพบุตรเหล่านั้นฟัง มีความว่าดังนี้...
     
  9. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    เมื่อก่อนธรรมโฆษตนนี้ชื่อว่า "อุโปสถะเทพบุตร" เมื่อใกล้จะจุติจากสวรรค์ (เรียกว่าหมดบุญ) จึงระลึกได้ว่า เมื่อตนจะหมดบุญแล้ว จะต้องลงไปเกิดยังยมโลก เป็นสัตว์นรกอยู่ถึง ๘ แสน ๔ หมื่นกัปล์จากนรกแล้ว จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดียรฉานอีก ๙ จำพวก ๆ ละ ๕๐๐ ชาติ เมื่อพ้นวิบากจากการเกิดเป็นสัตว์เดียรฉานแล้วก็จะต้องไปเกิดเป็นมนุษย์พิกล พิการ หูหนวก ตาบอด ง่อยเปลี้ย เสียขา ไม่ครบอาการ ๓๒ อีก ๕๐๐ ชาติ เพราะกรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้แล้ว ความชั่วในปางก่อนติดตามทัน เมื่ออุโบสถะระลึกได้ดังนั้นก็ตกใจมีความกลัวเป็นกำลัง ขณะนั้นพอได้ทราบว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าขึ้นมาโปรดสัตว์ชั้นดาวดึงส์ ทรงประทับอยู่ใต้ต้นปริชาติ อุโปสถะจึงน้อมเกล้าเข้าไปขอธรรมะ เพื่อให้ระงับการจุติเสียในขณะนั้น เพื่อจะได้บำเพ็ญกุศลสืบต่อไป

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้เทศนายอดธรรม ยอดคาถา โปรดอุโปสถะเทพบุตร เมื่ออุโปสถะเทพบุตรได้ยอดธรรม ยอดคาถา โปรดอุโบสถะเทพบุตร เมื่ออุโปสถะเทพบุตรได้ยอดธรรม ยอดคาถา มาดำรงไว้ในตนจึงบันดาลให้อุโปสถะเทพบุตรกลับมีสภาพใหม่และได้นามว่า "ธรรมโฆษเทพบุตร" แต่นั้นมาและมีอายุยืน ไม่ได้จุติลงไปยังยมโลกและโลกมนุษย์ตราบเท่าทุกวันนี้.
     
  10. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ยอดธรรม ยอดคาถา มี ๑๖ คำ ดังนี้...
    "ยโขธมฺมํ วรํตสฺส เยชนาเต ชนาวรํ"

    ยอดธรรม ยอดคาถาแบ่งออกเป็น ๒ ตอน ๆ ละ ๔ บท ท่านแสดงว่าไว้
    ยะโขธัมมัง ประกอบไปด้วยพยัญชนะบทความ ๖๔ คำ
    วะรังตัสสะ " ๖๔ คำ
    เยชะนาเต " ๑๓๕ คำ
    ชะนาวะรัง " ๔๗๒ คำ
    รวมเป็นพยัญชนะบทความ ๗๓๕ คำ
     
  11. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ความเป็นมาแห่งยอดธรรม ยอดคาถา

    วรรคที่ ๒ คือ "เยชนาเต ชนาวรํ"

    สมเด็จพระอริยะเมตตรัยเจ้าให้ยอดธรรม ยอดคาถา วรรคที่ ๒ แก่ธรรมโฆษเทพบุตรในชั้นดาวดึงส์ แล้วจึงเล่าชาติกำเนิดของพระองค์ ปางเมื่อเกิดเป็นกษัตริย์ชื่อว่า "สังขะจักร" มีปราสทาทประดับไปด้วยแก้ว ๗ ประการ มีจักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว นางแก้ว คฤหบดีแก้ว
    ปรินายกแก้ว มณีแก้ว มาในวันหนึ่งจึงใคร่ได้ยินคำว่า "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์" เมื่อผู้ใดบอกข่าวคำนี้ให้ทราบข้าพเจ้าจะยกราชสมบัติทั้ง ๔ ชมภูทวีปให้ครอบครอง

    มีวันหนึ่งได้มีเณรน้อยองค์หนึ่งเดินเข้ามาในพระราชวังที่กษัตริยสังขะจักร ประทับอยู่ระหว่างทางมีชาวเมืองทั้งหลายกล่าวร้ายหาว่า เป็นบ้าบ้าง เป็นยักษ์บ้าง เป็นอมนุษย์บ้าง
     
  12. ton2499

    ton2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,036
    ค่าพลัง:
    +256
    สวัดดีครับ
    ขออนุโมทนานะครับ
    ผมขอรับด้วยนะครับ
    ผมชื่อ วงศกร พรหมเสนะ (น้องต้น)
    บ้านเลขที่81/1 วชิรา ซอย16
    ถนนทะเลหลวง ตำบลบ่อยาง
    อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา 90000

    ขอบคุณนะครับ
     
  13. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    และตามที่กล่าวร้าย เณรน้อยเข้าไปในพระราชฐาน กษัตริย์สังขะจักรจึงได้ห้ามไว้แล้ว จึงไต่ถามเณรว่า

    กษัตริย์สังขะจักร เณรเป็นยักษ์จริงหรือ หรือเป็นมนุษย์เราชาวเมืองไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

    เณร ตอบว่า เป็นมนุษย์

    กษัตริย์สังขะจักร ถามว่า เป็นลูกเต้าเหล่าใคร

    เณร ตอบว่า เป็นลูกของพระสงฆ์

    กษัตริย์สังขะจักร ได้ฟังคำที่ต้องการมานั้น จึงบังเกิดความปิติยินดี สลบไปนาน เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว จึงไต่ถามเณรต่อไปว่า พระสงฆ์เป็นลูกของใคร

    เณร ตอบว่า เป็นลูกของพระพุทธ

    กษัตริย์สังขะจักร เมื่อได้ยินคำนี้อีกก็บังเกิดความปิติยินดียิ่งขึ้น จึงสลบไปอีกเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ถามต่อไปว่า พระพุทธเป็นลูกของผู้ใด

    เณร ตอบว่า พระพุทธเป็นองค์สัมพพัญญูตรัสรู้ด้วยตนเอง

    กษัตริย์สังขะจักร ได้ยินดังนั้นก็สลบไปเป็นครั้งที่ ๓ เพราะได้ยินคำที่กล่าวจริงของเณรน้อย เป็นความต้องการตามที่ตนปรารถนา อยากจะได้ยินได้ฟังมาครบถ้วน เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วก็ขอยกเอาราชสมบัติให้เณรน้อยครอบครอง
     
  14. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ส่งทาง E-mail เด้อครับ

    ส่งทาง E-mail เด้อครับ อิอิอิ
     
  15. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    .......ตัวกษัตริย์สังขะจักรก็ออกเดินทางด้วยเท้าเข้าป่า เพื่อไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ปุพผารามวิหาร เป็นระยะทาง ๖๐ โยชน์ จนเท้าแตกเดินไม่ได้ จึงคลานไปด้วยเข่าต่อไป จนเข่าและเนื้อแตกสุก คลานไม่ได้ จึงกลิ้งไป ถัดไป จนหน้าอกแตกเป็นเลือด

    ........จึงร้อนไปถึงเทวราช พระเทวราชจึงได้นิมิตรแปลงตัวลงมาขับข้อสวนทางมา แล้วคนขับล้อก็บอกให้กษัตริย์สังขะจักรหลีกทางไป กษัตริย์สังขะจักรก็ไม่ยอมหลีกกลับบอกให้คนขับล้อว่า ท่านจงหลีกไปเถิด คนขับล้อก็ไม่ยอมหลีกแล้วก็ถามว่า ท่านจะไป ณ ที่ใด คนที่คลานก็ตอบว่า ข้าพเจ้าจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ท่านจงหลีกไปเถิด เมื่อคนขับล้อได้ยินดังนั้น จึงบอกให้กษัตริย์ผู้คลานและเลือดเต็มตัวนั้นขึ้นล้อไปด้วย จะไปส่งถึงที่ ๆ พระพุทธเจ้าประทับอยู่

    ...........ระหว่างทาง มีผู้หญิงนำเอาอาหารมาให้บริโภคเมื่อบริโภคแล้วแผลตามเนื้อตามตัวก็กลัวหาย โดยผู้ขับล้อคือ พระอินทร์ ผู้ที่นำเอาอาหารที่เป็นทิพย์มาให้บริโภคก็คือ
    พระนางสุชาดา พระมเหสีของพระอินทร์นั่นเอง ซึ่งจากนั้นได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าองค์ชื่อ " พระศิริมามิ่งโมรี" พระพุทธเจ้าศิริมามิ่งโมรี จึงเทศนาธรรมอันมีชื่อว่า "ยอดธรรม ยอดคาถา" มีเนื้อความว่า
     
  16. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ยโขธมฺมํ วรํตสฺส ซึ่งแปลเป็นภาษามนุษย์ว่าดังนี้

    ยะโขธัมมัง ธรรมใดแล เป็นธรรมที่ไม่มีภายใน ๑

    และที่ภายนอก ๑ ไม่มีที่ล่วงมาแล้ว ๑

    และที่ยังไม่มาถึง ๑ ไม่มีกำลังเป็นอยู่ ๑

    เป็นธรรมกวมทั่ว ๑ ผ่องใสปราศจากอารม์ต่าง ๆ

    อันจักถึงติดต้อง ๑ เป็นธรรมว่างเปล่า จากปวงสังขตะที่เกิดดับ ๑

    วะรังตัสสะ ธรรมนั้นแลเป็นธรรม จักพึงประจักษ์เฉพาะตน ๑

    อันบุคคลจักพึงเห็นเอง ๑ เป็นธรรมประเสริฐ ๑

    อันพระตถาคตเจ้าตรัสแสดงไว้ดีแล้ว ๑

    วรรค ๔ ตัวแรก ยะโขธัมมัง แปลได้ ๖๔ คำ

    วรรค ๔ ตัวที่สอง วะรังตัสสะ แปลได้ ๖๔ คำ

    (ประโยคที่หก ผมแก้ไขจากต้นฉบับที่พิมพ์เกินมานะครับ, ในนภา)
     
  17. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ภาคที่ ๒

    ...........เมื่อกษัตริย์สังขะจักรได้ฟังและได้นำยอดธรรม ยอดคาถา นี้มาคิดทบทวนดูคำแปลดังนี้แล้ว ก็ได้มาคิดคำนึงถึงยอดธรรม ยอดคาถาที่พระพุทธเจ้าเทศนามานี้เป็นยอดธรรม ยอดคาถา อันหาค่ามิได้จึงคิดว่าจะหาสิ่งใดมาถวายเป็นพุทธบูชายิ่งกว่านี้มิได้ อันธรรมนี้สูงสุดยิ่งกว่าศีรษะของตนเอง เมื่อเปรียบเทียบศีรษะกับยอดธรรม ยอดคาถานี้แล้ว ศีรษะของตนไม่มีอะไรจะมีค่าเทียบได้ จึงสละตัดศีรษะของตนเองถวายเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธเจ้าในกาลนั้น


    (O[]o" โอวมายก๊อดดด, ในนภา)
     
  18. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ......เมื่อกษัตริย์สังขะจักรสิ้นชีวิตแล้ว ก็ได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรโพธิสัตว์อริยเมตตรัย สถิตย์อยู่ในชั้นดุสิตสัคคาลัยพิภพ ขณะที่เล่าให้ธรรมโฆษเทพบุตรฟัง ณ บัดนั้น พระโพธิสัตว์อริยเมตตรัยจึงได้ต่อพระคาถาให้อีก ๘ คำ คือ เยชะนาวะรัง รวมเป็น ๑๖ คำ เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้ท่องบ่นในธรรมคาถาที่เพิ่มอีก ๘ คำหลังนี้ ก็จะได้ถึงความหลุดพ้นจากทุกข์นานาประการ หรือมิฉะนั้นจะได้ไปเกิดในศาสนาที่ท่านลงมาตรัสเป็นพระอริยเมตตรัยเจ้า (ศรีอารย์) นั่นเอง

    ......................................................................................................
    (รวมความยอดธรรม ยอดคาถา ๑๖ คำนี้ ทั้งหมดได้ ๗๓๕ คำ
    ซึ่งรวมอยู่ในหนังสือยอดธรรม ยอดคาถา ที่ท่านพระคุณเจ้าดาบส สุมโน
    ได้จัดให้ศรัทธา ณ ที่ถ้ำจักรพรรดิ์ (ผากั๊บ) บ้านอิม ตำบลเวียงต้า อำเภอลอง จังหวัดแพร่ นั้นแล้ว หรือทีได้นำมาจัดพิมพ์รวมไว้อยู่ในข้างหน้าเล่มนี้แล้ว
     
  19. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ภาคที่ ๓

    ............พระศรีอริยเมตตรัยเล่าให้ธรรมโฆษเทพบุตร ตอนที่จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า
    ธรรมโฆษเทพบุตรได้นำเทพบุตรทั้งหลาย เข้าไปหาพระศรีอริยเมตตรัยโพธิสัตว์ ณ ลานพระเจดีย์เกษแก้วจุฬามณี เพื่อสังสรรค์สนทนาในพระธรรมคาถาอยู่เสมอ จึงในวันพระหนึ่งธรรมโฆษเทพบุตรได้ถามถึงการตัดศีรษะถวายพระพุทธเจ้า

    ..........เพื่อเป็นพุทธบูชานั้นคงจะมีแต่พระศรีอริยเมตตรัยพระองค์เดียวไม่มีผู้ใดอีก หรืออย่างไร พระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตตรัย จึงตอบว่าหามิได้ สุระคิระสุทธิเทพบุตรก็ได้ตัดศีรษะถวายพระพุทธเจ้าที่ทรงพระนามว่า "กกุสันโธ" ด้วยเหมือนกัน
     
  20. ในนภา

    ในนภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,689
    ..........ธรรมโฆษเทพบุตรจึงใคร่ได้ฟังเรื่องราวของสุระศิระ สุทธิเทพบุตร พระศรีอริยเมตตรัยโพธิสัตว์จึงได้เล่าความเป็นมาแห่งเทพบุตรสุระศิระสุทธิ เทพบุตรให้ธรรมโฆษเทพบุตรฟังดังนี้

    ..........ปางเมื่อพระสุระศิระสุทธิเทพบุตรเป็นกษัตริย์ครองชม ภูทวีปทั้ง ๔ และกอรปไปด้วยทวีปน้อยใหญ่ ๒,๐๐๐ (สองพัน) ทวีป ทรงพระนามว่ามหาปนารถบรมจักรพรรดิ์ มีรัตนะ ๗ ประการคือ มี จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว นางแก้ว (เบญจกัลนาณี) ทรงโฉมอันเลอเลิศ ปรินายกแก้ว คฤหบดีแก้ว มณีแก้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...