** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

เปรียบเทียบได้สุดยอดเลยครับ

5555 ++ เอาเข้าไป..ท่าน..ของรักของหวง ตัดใจจาก..จ้าวไดโนเสาร์..นี้ไม่ได้จริงๆ..
เล่นเอาไดโนเสาร์ ไปเข้าฟิตเนทใหม่..สงสัยกลับมาซิกแพก แข็งปั๊ง..
หวังว่าคงจะวิ่งเร็วปู๊ด..ไม่อื่ดเป็นเรือเกลือ..จนแฟนๆ..รอเกร็งจนเบื่อ..ตะคริวกินคอ<!-- google_ad_section_end -->

เอาไดโนเสาร์เข้าฟิตเนส สุดยอดจริงๆครับคุณพี่โจ(เปรียบเทียบซะเห็นภาพชัดเจนเลย)

 

หวัดดีครับก่อนนอนเลยอยากจะเล่าเรื่องปฏิหารหรือเปล่าก็ไม่รู้ ลองอ่านดูก็แล้วกันครับ เรื่องนี้เกิดกับคุณแม่ของผมเอง ปกติคุณแม่ของผมท่านต้องไปตรวจสุขภาพทุกๆ2เดือนตามคุณหมอนัด ซึ่งครั้งล่าสุดที่ผ่านมานี้เองก่อนออกเดินทางไป ผมก็ให้คุณแม่คล้องสร้อยประคำที่แขวนพระกริ่งประทานพร ซึ่งสร้อยเส้นนี้ผมใช้นั่งสวดมนตร์ตอนกลางคืน คุณแม่ผมได้บอกกับผมว่าก่อนแขวนสร้อย ได้กล่าวอธิฐานขอให้เดินทางปลอดภัย อย่าได้มีอันตรายใดๆให้เิกิดขึ้นได้ ให้เดินทางทั้งไปและกลับปลอดภัย เรื่องมันมีอยู่ตอนนี้ซิครับ ก่อนที่คุณหมอจะตรวจพยาบาลต้องเจาะเลือด เพื่อนำผลเลือดไปให้คุณหมอ ตอนที่เจาะนี่แหล่ะคุณพยาบาล นำเข็มฉีดยามาเจาะคุณแม่ผมถึง3ครั้งสลับทั้งซ้ายและก็ขวา ปรากฏว่าไม่เข้าเลยครับจนคุณพยาบาลบอกว่า ทำไมถึงแทงไม่เข้าเนี้ยเข็มจะงออยู่แล้ว คุณแม่ผมก็เจ็บแขนนะครับเพราะพยาบาลก็พยายามจะแทงเข็มให้เข้า จนทำให้แขนคุณแม่ผมช้ำเป็นรอยแทงของเข็ม คุณแม่ผมนึกขึ้นมาได้ว่าได้อธิฐานหลวงปู่ดู่ก่อนแขวนสร้อยไว้ว่าให้เดินทางปลอดภัย อย่าได้มีอันตรายได้เกิดขึ้น จึงทำให้คุณแม่ผมนึกในใจว่าขอให้เข็มเจาะเลือดได้ด้วยเถอะ ปรากฏว่าการแทงเข็มครั้งที่4กลับเจาะเข้าไปได้แบบง่่ายเฉยเลย เมื่อคุณแม่ผมกลับมาถึงบ้านก็รีบเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง คุณแม่บอกว่าปกติไปทุกทีก็ไม่เห็นมีอะไร เข็มแทงเจาะเข้าไปได้ไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้ง มีครั้งนี้แหล่ะคุณแม่ผมบอกว่าสงสัยอธิฐานขอมากไปมั๊ง ผมเองได้ฟังก็ได้แต่ยิ้มๆ(ที่ยิ้มๆเนี้ยไม่ใช้ว่าไม่เชื่อนะครับ) ตัวผมเองเชื่อและศัทธาเคารพหลวงปู่ดู่มานานแล้ว พอคุณแม่มาเล่าก็เลยได้แต่ยิ้มๆ ที่เล่ามานี้ผมเพียงแต่จะบอกว่า พระของหลวงปู่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนพิมพ์ไหน ขอเพียงแต่เ็ป็นคนดีมีศีลธรรมและมีความศัทธาเป็นที่ตั้งแล้ว ผมรับรองว่าทุกรุ่นทุกพิมพ์ทุกเนื้อของหลวงปู่ สามารถช่วยปกปักรักษาคุ้มครองเราได้หมดครับ(ซึ่งจริงๆตัวผมเองก็มีประสพการณ์เกี่ยวกับพระเครื่องหลวงปู่ดู่ครับ) ฝันดีทุกท่านครับ

 

ยินดีอย่างยิ่งครับ..........

 

อนุโมทนา สาธุ

 

สวัสดีค่ะ คุณaui2008
ต้องขอโทษที่มาตอบล่าช้า พอดีมัวแต่ยุ่งกับการเตรียมตัวจัดการ การทำบุญครบรอบของตัวเองค่ะ จริงๆ แล้วเอมี่ก็ไม่ได้มีความรู้มากหรอกค่ะ อาศัยหาอ่านและศึกษาถามไถ่จากผู้รู้ ผู้ทรงคุณวุฒิวัยวุฒิและผู้ปฎิบัติจริงจังอย่างเช่นพี่โจ แกก็ได้ให้ความเมตตาชี้แนะกับเอมี่ค่ะ
"การภาวนา กับ การสวดมนต์"ทางภาควิชาการ
ภาวนา - แปลว่าการทำให้มีขึ้น เป็นขึ้นการเจริญขึ้นในทางจิ<wbr>ตใจ; การสำรวมใจตั้งความปรารถนา (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานหน้<wbr>า620) คือคุณธรรมที่ยังไม่มีขึ้น ให้มีขึ้นด้วยการฝึกอบรมจิ<wbr>ตใจให้เจริญงอกงาม ขึ้นด้วยปัญญาและด้วยคุณธรรม เพื่อความสงบและความบริสุทธิ์ ผ่องใส เป็นต้น หมายถึง การทำจิตใจให้สงบและทำปัญญาให้<wbr>เกิดขึ้น ด้วยการฝึกฝนอบรมจิตไปตามแบบที่<wbr>ท่านกำหนดไว้ ซึ่งเรียกชื่อไปต่างๆ เช่น การบำเพ็ญกรรมฐาน การทำสมาธิ การเจริญภาวนา การเจริญจิตตภาวนา
ภาวนา ในทางปฏิบัติแบ่งไว้ ๒ แบบใหญ่ๆ คือ
๑.สมถภาวนา การอบรมจิตใจให้สงบ ซึ่งได้แก่สมถกรรมฐานนั่นเอง เรียกว่า จิตภาวนา ก็ได้
๒.วิปัสสนาภาวนา การอบรมปัญญาให้เกิด ซึ่งได้แก่วิปัสสนากรรมฐานนั่<wbr>นเอง เรียกว่า ปัญญาภาวนา ก็ได้

ภาวนาสองอย่างนี้ ในบาลีที่มาท่านเรียกว่า ภาเวตัพพธรรม และ วิชชาภาคิยธรรม. ในคัมภีร์สมัยหลัง บางทีเรียกว่า กรรมฐาน - อารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งงานเจริ<wbr>ญภาวนา, ที่ตั้งแห่งงานทำความเพียรฝึ<wbr>กอบรมจิต, วิธีฝึกอบรมจิต อีกนัยหนึ่งจัดเป็น๒เหมือนกันคื<wbr>อ
๑.จิตตภาวนา การฝึกอบรมจิตใจให้เจริ<wbr>ญงอกงามด้วยคุณธรรม มีความเข้มแข็งมั่นคง เบิกบาน สงบสุขผ่องใสพร้อมด้วยความเพี<wbr>ยรสติและสมาธิ
๒.ปัญญาภาวนา การฝึกอบรมเจริญปัญญา ให้รู้เท่าทันเข้าใจสิ่งทั้<wbr>งหลายตามความเป็นจริง จนมีจิตใจเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำด้วยกิเลสและความทุ<wbr>กข์
ภาวนา๔ (การเจริญ,การทำให้เป็นให้มีขึ้<wbr>น,การฝึกอบรม,การพัฒนา)
๑.กายภาวนา (การเจริญกาย, พัฒนากาย, การฝึกอบรมกาย ให้รู้จักติดต่อเกี่ยวข้องกับสิ<wbr>่งทั้งหลายภายนอกทางอินทรีย์ทั้<wbr>งห้าด้วยดี และปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้<wbr>นในทางที่เป็นคุณ มิให้เกิดโทษ ให้กุศลธรรมงอกงามให้อกุ<wbr>ศลธรรมเสื่อมสูญ,การพัฒนาความสั<wbr>มพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ)
๒.สีลภาวนา (การเจริญศีล, พัฒนาความประพฤติ, การฝึกอบรมศีล ให้ตั้งอยู่ในระเบียบวินัย ไม่เบียดเบียนหรือก่อความเดื<wbr>อดร้อนเสียหายอยู่ร่วมกับผู้อื่<wbr>นได้ด้วยดีเกื้อผมลแก่กัน)
๓.จิตภาวนา (การเจริญจิต, พัฒนาจิต, การฝึกอบรมจิตใจ ให้เข้มแข็งมั่นคงเจริญงอกงามด้<wbr>วยคุณธรรมทั้งหลาย เช่น มีเมตตากรุณา ขยันหมั่นเพียร อดทนมีสมาธิ และสดชื่น เบิกบาน เป็นสุขผ่องใสเป็นต้น)
๔.ปัญญาภาวนา (การเจริญปัญญา, พัฒนาปัญญา, การฝึกอบรมปัญญา ให้รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายตามเป็<wbr>นจริง รู้เท่าทันเห็นโลกและชีวิ<wbr>ตตามสภาวะ สามารถทำจิตใจให้เป็นอิสระ ทำตนให้บริสุทธิ์จากกิ<wbr>เลส และปลอดพ้นจากความทุกข์ แก้<wbr>ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ด้วยปัญญา<wbr>)
ในบาลีที่มา ท่านแสดงภาวนา ๔ นี้ ในรูปที่เป็นคุณบทของบุคคล จึงเป็น ภาวิตกาย ภาวิตศีล ภาวิตจิต ภาวิตปัญญา (ผู้ได้เจริญกาย ศีล จิต และปัญญาแล้ว) บุคคลที่มีคุณสมบัติชุดนี้ครบถ้<wbr>วนย่อมเป็นพระอรหันต์)
ภาวนา๓ (การเจริญหมายถึงการเจริ<wbr>ญกรรมฐานหรือฝึกสมาธิขั้นต่างๆ)
๑. บริกรรมภาวนา (ภาวนาขั้นบริกรรม, ฝึกสมาธิขั้นตระเตรียม ได้แก่ การถือเอานิมิตในสิ่งที่<wbr>กำหนดเป็นอารมณ์กรรมฐาน เช่น เพ่งดวงกสิณ หรือนึกถึงพุทธคุณเป็นอารมณ์ว่<wbr>าอยู่ในใจเป็นต้น กล่าวสั้นๆคือการกำหนดบริกรรมนิ<wbr>มิตนั่นเอง)ได้ในกรรมฐานทั้ง๔๐
๒. อุปจารภาวนา (ภาวนาขั้นจวนเจียน, ฝึกสมาธิขั้นเป็นอุปจาร ได้แก่ เจริญกรรมฐานต่อไป ถึงขณะที่ปฏิภาคนิมิตเกิดขึ้<wbr>นในกรรมฐานที่เพ่งวัตถุก็ดี นิวรณ์สงบไปในกรรมฐานประเภทนึ<wbr>กเป็นอารมณ์ก็ดี นับแต่ขณะนั้นไปจัดเป็นอุ<wbr>ปจารภาวนา) ขั้นนี้เป็น กามาวจรสมาธิ ได้ในกรรมฐานทั้ง ๔๐; อุปาจารภาวนาสิ้นสุดแค่โคตรภู<wbr>ขณะในฌานชวนะ
๓. อัปปนาภาวนา (ภาวนาขั้นแน่วแน่, ฝึกสมาธิขั้นเป็นอัปปนา ได้แก่ เสพปฏิภาคนิมิตที่เกิดขึ้นแล้<wbr>วนั้นสม่ำเสมอด้วยอุปจารสมาธิ จนบรรลุปฐมฌาน คือ ถัดจากโคตรภูขณะในฌานชวนะเป็นต้<wbr>นไป ต่อแต่นั้นเป็นอัปปนาภาวนา) ขั้นนี้เป็นรูปาวจรสมาธิ ได้เฉพาะในกรรมฐาน ๓๐ คือ หักอนุสสติ ๘ ข้างต้น ปฏิผมลสัญญา ๑ และจตุธาตุวัตถาน ๑ ออกเสีย คงเหลือ อสุภะ ๑๐ และกายคตาสติ ๑ (ได้ถึงปฐมฌาน) อัปปมัญญา ๓ ข้อต้น (ได้ถึงจตุตถฌาน) อัปปมัญญาข้อท้ายคืออุเบกขา ๑ กสิณ ๑๐ และ อานาปานสติ ๑ (ได้ถึงปัญจมฌาน) อรูป ๔ (ได้อรูปฌาน)
สวดมนต์ - การสวดมนต์ เป็นการทำให้จิตมีสมาธิอยู่กั<wbr>บบทสวดมนต์ และพระเบื้องหน้า (หากสวดมนต์ต่อหน้า พระพุทธต่างๆ)คำว่า “มนต์” โดยทั่วไปหมายถึง ถ้อยคำที่ขลัง หรือศักดิ์สิทธิ์ สามารถทำให้เกิดผลที่มุ่<wbr>งหมายบางอย่างด้วยอานุ<wbr>ภาพของมนต์นั้น แต่เดิมลัทธิไสยศาสตร์ได้เกิดขึ้นมาก่อนพระพุทธศาสนามีคัมภีร์<wbr>ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชื่อ “ไตรเพท” ในลัทธิของพราหมณ์ที่แนบแน่นกั<wbr>บเรื่องพิธีกรรมต่างๆ มาก เนื้อหาในคัมภีร์นี้ได้<wbr>แยกออกเป็น 3 ประเภท แต่ต่อมาได้เพิ่มอาถรรพณเวทเข้<wbr>ามาอีกเป็น 4 ประเภทคือ

1. ฤคเวท เป็นคำฉันท์ ใช้สำหรับสวดมนต์และสรรเสริ<wbr>ญเทพเจ้า
2. ยชุรเวท เป็นคำร้อยแก้ว ใช้สำหรับท่องบ่<wbr>นเวลาบวงสรวงเทพเจ้า
3. สามเวทเป็นคำฉันท์ ใช้สำหรับสวดมนต์ทำพิธีถวายน้<wbr>ำโสม
4. อาถรรพณเวท เป็นคัมภีร์ประกอบด้วยเวทมนต์<wbr>คาถา เรียกผีสางเทวดา ให้ช่วยป้องกันภัยอันตรายให้ และให้มีการแก้อาถรรพ์ ทำพิธีสาปแช่งให้เป็นอันตรายได้<wbr>ด้วย
ในศาสนานี้ผู้ที่นับถือพระวิษณุ<wbr>จะเรียกว่า “วิษณุเวท” ส่วนคำที่ท่องบูชาพระวิษณุเรี<wbr>ยกว่า มนตรา ผู้ที่นับถือพระศิวะจะ เรียกว่า “ศิวเวท” ส่วนคำท่องบูชาพระศิวะ เรียกว่า อาคม ซึ่งจะแตกต่างกับคำว่า “พุทธมนต์” อย่างสิ้นเชิง
เพราะคำว่า “พุทธมนต์” นั้นหมายถึง พระพุทธพจน์อันเป็นพระธรรมคำสั่<wbr>งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสั<wbr>มพระพุทธเจ้า ที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกบ้าง เป็นคำที่แต่งขึ้นมาภายหลังบ้าง โดยถือกันว่าพระพุทธมนต์เป็<wbr>นคำศักดิ์สิทธิ์ สามารถปัดป้องอันตรายต่างๆได้ จึงเรียกอีกอย่างว่า “พระปริตร”

เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องถ้าพูดกั<wbr>นถึง“มนตรา” จึงเป็นของพราหมณ์นิกายวิษณุเวท “อาคม” นั้นเป็นของพราหมณ์นิกายศิวเวท
พุทธมนต์ จึงเป็นสมบัติล้ำค่าและเป็<wbr>นของวิเศษของชาวพุทธอย่างแท้จริ<wbr>ง

บทสรุปสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
การสวดมนต์เป็น subset ส่วนหนึ่งของการภาวนา แต่เป็นแค่ส่วนประกอบ
การภาวนาคือ การเจิญไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เกิดมีในตน เป็นการพัฒนาชีวิตทุกด้าน คือ ด้านพฤติกรรม (เรียกว่าศีล) ด้านสมรรถนะทางจิต (เรียกว่าสมาธิ) และด้านปัญญา
เวลาบอกว่าให้ไปนั่งสมาธิภาวนา แปลว่าเน้นให้ไปเจริญสมาธิและปัญญา(สมถะและวิปัสสนา) ซึ่งอาจจะเริ่มจากการสวดมนต์เพื่อเป็นการเตรียมจิต จากที่ยังวุ่นวายเรื่องโลก ๆ ให้ค่อย ๆ สงบเข้ามาในระดับหนึ่งก่อน จึงว่าสวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน
การสวดมนต์ในที่นี้เน้นการสวดสรรเสริญพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มิใช่คาถาอาคมอะไร
ผิดถูกอย่างไรขอรบกวนกัลยาณมิตรท่านอื่นๆ แก้ไขชี้แจงเพิ่มเติมด้วยนะค่ะ

ทั้งนี้ทั้งนั้นขอขอบคุณคุณพรสิทธิ์, คุณเมธา จาก Luangpudu.com / Luangpordu.com และพี่โจมาด้วยค่ะ

 

ขอบพระคุณอย่างสูงครับคุณ Aimee2500 ว่าไปอ่านรอบแรกก็ยังงงๆ อยู่เหมือนกัน แต่พออ่าน ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปหลายๆ รอบ ก็พอจะมองเห็นภาพได้บ้างเหมือนกันครับ อย่างว่าแหละครับ ยังไม่ค่อยชิน เลยอ่านไปงงไปเอง แต่ถือว่ามีประโยชน์อย่างสูงเลยครับ สำหรับคำตอบนี้ ขอขอบพระคุณอีกครั้งนะครับ

 

แวะมารอดูจ้า

 

อนุโมทนาทั้งหมดทั้งมวลค่ะ ขอเซฟไว้ด้วยนะคะ

 

แจ้งส่งพัสดุ EMS ครับ 28/07/2011 เวลา 08:37:37
คุณชราวุฒิ EH 4690 5039 5 TH ขอบคุณมากครับ
คุณภูวดล EH 4690 5040 0 TH ขอบคุณมากครับ
คุณธนวุฒิ EH 4690 5041 3 TH ขอบคุณมากครับ
คุณวิทยา EH 4690 5042 7 TH ขอบคุณมากครับ

 

พรุ่งนี้รอลุ้นพี่ตุ้ยดีกว่า..เห็นว่าจะมีพิมพ์แปลกๆ มาลง
ลุ้นสนุกๆ....แต่ไม่ทันนะซีทำงัยดี.....55

 

ต้องขออนุญาติบอกกล่าว เพื่อนสมาชิกที่กรุณานำภาพในหลวงกับองค์หลวงปู่ดู่มาให้ชมกัน ด้วยทราบว่าเป็นไปด้วยความปราถนาดี ด้วยความศรัทธา

อย่างไรก็ดี ภาพนี้ผมเคยเห็นมาก่อน และเคยสงสัยว่าเป็นภาพจริงหรือ ซึ่งได้พยายามสอบถามจากท่านผู้รู้หลายท่าน ทุกคนยืนยันว่า หลวงปู่ฯท่านไม่เคยได้พบกับองค์ในหลวงเลย และภาพนี้ทุกคนลงมติว่า เป็นภาพที่เกิดจากการตัดต่อครับ

เรียนมาด้วยความเคราพ

 

วันนี้ได้ทำให้คนมีความสุขอีกเละ 2 คน
คือว่าได้นำพระหลวงปู่ดู่ที่สะสมมา มอบให้ พี่คนหนึ่งที่สนิทกันมาก พี่เขาดีใจมากที่รู้ว่าเป็นพระหลวงปู่ ยิ้ม..กันทั้งวัน ทั้ง 2คน ไม่รู้เพราะอะรัย ...
เป็นพระผงธรรมดาแหละครับมอบให้ที่พี่ชาย 2 คนที่มีน้ำใจให้กับผม
ผมก็ถามว่าพี่ยิ้มกันทำมัยยิ้มกันทั้งวัน.
คำตอบก็คือ.
ได้ยินชื่อเสียงหลวงปู่มานาน แต่ไม่รู้จะไปหาพระหลวงปู่ที่ไหน
นั่นงัยทำให้ผมเกิดความสุขขึ้นมาถือว่าได้ ลูกศิษย์เพิ่มอีก 2คน
บังเอิญพี่ทั้ง 2 คนมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย ก็ เลยบอกไปว่า ถ้าศรัทราหลวงปู่ หลวงปู่ช่วยได้จริงนะครับ ไม่ได้ผลพี่อย่าไปวางทิ้งไว้เฉยนะครับเอามาคืนผม เป็นงัยครับ..กล้ามาก
ที่ผมกล้าพูด...ก็เพราะเจอเหตุการณ์ต่างๆ กับหลวงปู่จนสนิทใจ
ไม่เชื่อลองไปถามนิวส์ได้ นิวส์ยังบอก แน่นอนจริงๆครับ

 

ขอบคุณพี่โจมากๆเลยครับที่ช่วยให้คำตอบ
ผมก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันในเรื่องประวัติและที่มาของภาพ
แต่ถ้า มีการตัดต่อดังภาพนี้แล้ว ผมอยากทราบว่า ผู้ที่ทำภาพนี้ขึ้นมาเขาจะบาปหรือเปล่าเนี่ย....เพราะว่านำเจตนาแฝง...... มาทำให้เกิดความศรัทรา
แบบนี้...พี่โจมีความเห็นว่าอย่างรัยครับ

 

ปัญหาอย่างหนึ่ง จากการที่ผมได้พบกับท่านต่างๆที่เริ่มรู้จักองค์หลวงปู่ดู่ ทั้งจากสื่อต่างๆที่เริ่มแพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบัน ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านข้อธรรมคำสอนของท่าน แล้วเกิดความเคารพศรัทธาขึ้นในจิตใจเป็นอย่างสูง

นอกเหนือจากข้อธรรมคำสอนแล้ว ศิษย์ใหม่ๆแต่ละท่าน ย่อมต้องการวัตถุมงคลขององค์หลวงปู่บูชาติดตัว อย่างน้อยสักองค์หนึ่งก็ยังดี

ปัญหาคือ ผู้อยากได้ ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน คนไม่รู้แหล่ง เขาก็ไม่รู้กันจริงๆ

แรกเริ่มทุกคนต้องได้ยินคำว่า พระหลวงปู่มีของเก็เยอะน่ะ ต้องระวัง บางที่ถึงท่านผู้นั้นได้รับมา ก็ยังไม่ค่อยสนิทใจอยู่ดี ว่าเป็นของแท้ ทันยุคหลวงปู่หรือไม่ เช่นนี้เป็นต้น

ปัญหาเช่นนี้ เราเจอบ่อยๆ เจอมากเหลือเกิน

เพื่อนสมาชิกท่านใด หากมีพระหลวงปู่จำนวนมากๆอยู่แล้ว แบ่งปันให้ผู้ที่เขาเคารพรักศรัทธาหลวงปู่บ้าง ย่อมได้กุศลมาก ขออนุโมทนาสาธุการยิ่ง

อย่างน้อยทีสุด หากท่านเจอศิษย์ใหม่ๆลักษณะนี้ ลองแนะนำท่านเหล่านี้เข้ามาที่หน้าเราก็ได้ครับ

เข้าพลังจิต ต่อด้วยเวบบอร์ด และพิมพ์ชื่อ "ฉันทะ" ค้นหาเลย จะได้เข้าไม่ยาก (หากคนไม่รู้วิธีเข้า เวบนี้ถือว่าเข้ายากเหมือนกัน หลายๆท่านแม้รู้แล้ว ยังเข้าหาไม่เจอ ก็มีเยอะ)

ไม่ได้หวังเลยจะขายวัตถุมงคลได้เยอะๆเลย

แต่อยากให้เขาได้วัตถุมงคลหลวงปู่แท้ๆ..สักองค์หนึ่งก็ยังดี อย่าลืมแนะนำว่า พระหลวงปู่ไม่ต้องซื้อหาแพงหรอก พระผงองค์ละ 3-4 ร้อย ก็ศักดิ์สิทธิ์เท่ากันแล้วครับ

และหากเขาคนนั้นยังไม่เคยมีพระหลวงปู่ ไม่ต้องรอประมูลก็ได้ แจ้ง Pm. มาเลย ต้องการอย่างใด

หรือหากเขามีจิตศรัทธา แต่ยังไม่ค่อยมีกะตังค์ ก็แจ้งได้เช่นกันครับ
(แต่กรณีนี้ขอเป็นพระผงปี 27 น่ะครับ คงไม่ขอเป็นเหรียญเปิดโลก หรือเศรษฐี หรอกน่ะครับ..ฮิ..ฮิ.(ตัวใครตัวมัน)


ถือเป็นการร่วมทำบุญด้วยกันส่วนหนึ่ง


เพื่อนสมาชิกท่านใด จะฝากมาแบ่งปันบ้างก็ได้ เป็นวิธีทำบุญที่ดีอย่างหนึ่งน่ะครับ

 

อ่านข้อความของพี่โจแล้ว ผมเลยลองไปค้นภาพดู
น่าจะมาจากภาพนี้ครับ
ขออนุญาติเอามาให้ดูเปรียบเทียบกัน

 

ตามพี่โจครับ เคยได้รับทราบมาตามแนวทางที่พี่โจบอกครับ
เรียนมาด้วยความเคารพ

 

เคยมีกระทู้แสดงภาพนี้ สุดท้ายเมื่อเจ้าของภาพทราบว่าอาจเป็นภาพตัดต่อก็เอาออกครับ
เรียนมาด้วยความเคารพ

 

ถูกแล้วครับ ตัดแต่งมาจากภาพในหลวง กับองค์หลวงปู่ดุลย์ อตุโล แห่งวัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ พระอาจารย์ใหญ่กรรมฐานของผมเองครับ เป็นภาพที่องค์ในหลวงท่านทรงเสด็จเยี่ยมหลวงปู่ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2522 ครับ (เก่งจริงๆ คุณ noparak รู้ได้ไงครับ)

-----------------------------------------------------------------------------------------------

เอางี้ดีกว่า..เพื่อให้หน้ากระทู้เราแสดงความกระจ่างแก่สาธารณชนต่อไป รูปองค์ในหลวงเราก็ได้แหล่งที่มาแล้ว เราลองมาหาภาพหลวงปู่เรากันดีมั๊ยครับ..ท่านคิดว่าน่าจะมาจากภาพไหน ?

-----------------------------------------------------------------------------------------------

 

เคยคิดในประเด็นนี้เหมือนกัน ว่าคนทำ เขาทำเพื่ออะไรหนอ..?

หากคิดในแง่ดี อาจเป็นไปด้วยความเคารพรัก ศรัทธาองค์หลวงปู่มาก (จนเกินเหตุ) อยากให้คนเห็นบุญบารมีหลวงปู่ จะได้นับถือท่านเยอะๆขึ้นไปอีก

หากคิดในแง่ร้าย ก็คือ ภาพนี้อัดเป็นภาพขยาย ปั้มตรายันต์ปลอมซะหน่อย วางขายตามแผงตลาดพระ หรือแผงข้างทาง ยิ่งตอนนี้หลวงปู่กำลัง Hot สุดๆขายได้แน่นอน ภาพละสัก 100 บาท 10,000 ภาพก็ล้านบาทแล้วครับ..พี่น้อง