โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ฟังคำสอนเขามานานแต่งกลอนให้อ่านเล่นๆกัน


    ทุกข์ระทมขมขื่นหมื่นขวากหนาม
    พยายามกลืนขมลมปากหวาน
    คำคิดถึงฟั่นเฝือเหลือมานาน
    คำคนหวานสัญญาใว้ให้เศร้าใจ (คงจะจบแล้วกระมัง)

    สุดขอบเขตสัญญาว่าให้ใว้
    จำจากไกลพรัดพรากจากแล้วหนา
    รักที่ให้เข้าใจมิลืมลา
    ลูกนั้นหนาบุญน้อยด้อยค่าจริง

    จะทำบุญให้มากมิพรากอีก
    จะไม่หลีกลี้หนีหายไปไหน
    จะเฝ้าเพียรรักมากทุกวันไป
    จะเข้าใจความเป็นคน ที่เฝ้ารอ (แต่งให้จากใจเด็กคงรู้ว่าใคร..เฮ้ออ.)

    หนีไปเกิดเป็นคนซนนะเจ้า
    ทุกค่ำเช้าแม่คิดคนึงหา
    พ่อจากไปทิ้งใว้เจ้าแก้วตา
    กลับเถอะหนาแม่คอยหอมกล่อมเจ้านอน (อันนี้จากใจอีกคนที่เอาเด็กไป)

    ปลงซะนะ
     
  2. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    มะคะ ศิลามณี มาช่วยเติมข้อความให้.....คะ


    ทุกข์ระทมขมขื่นหมื่นขวากหนาม
    พยายามกลืนขมลมปากหวาน
    คำคิดถึงฟั่นเฝือเหลือมานาน
    คำคนหวานสัญญาใว้ให้เศร้าใจ (คงจะจบแล้วกระมัง)

    จบแล้ว..ละ ไม่สนลม..คนคำหวาน และ ไม่เศร้าอีกต่อไป...มีแต่ความสว่างสุกใส...

    จะทำบุญให้มากมิพรากอีก

    ศิลามณี ชอบใจข้อความนี้เป็นพิเศษ ชอบจริงๆเลย

    :z5
     
  3. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    สวัสดีคะ คุณทู วันนี้ไม่ไปไหนหรือคะ
     
  4. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    หิมพานต์


    ถัดจากเขาสุทัสสนะ หรือติดเขาสุทัสสนะ จะเป็นป่าหิมพานต์ ซึ่งป่าหิมพานต์ เป็นรอยต่อแห่งมิติ ส่วนหนึ่งของป่าหิมพานต์เป็นแดนทิพย์ ส่วนหนึ่งเป็นแดนมนุษย์ และส่วนหนึ่งเป็นแดนรอยต่อระหว่างโลกทิพย์กับโลกมนุษย์

    ในป่าหิมพานต์ จึงมีพืชพันธุ์แปลกๆ มากมาย สัตว์พันธุ์แปลกๆ มากมาย ทั้งสัตว์กึ่งเทพ สัตว์กายสิทธิ์ ก็อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ นี่เอง

    ป่าหิมพานต์ ความจริงเป็นภูเขา เรียกว่าภูเขาหิมพานต์ หรือ หิมวันตบรรพต เมื่อมองลักษณะรูปร่างแล้ว เรียกภูเขาหิมพานต์ แต่เมื่อมองในลักษณะมีต้นไม้มากแล้ว ก็คือป่าหิมพานต์

    เขาหิมพานต์ ยังประกอบด้วยยอดเขาย่อยๆ อีกมากมาย
    เขาหิมพานต์ มีสระสำคัญๆ อยู่ ๗ สระ คือ

    ๑. สระอโนดาต
    ๒. สระกรรณมุณฑะ
    ๓. สระรถการะ
    ๔. สระฉัททันต์
    ๕. สระกุณาละ
    ๖. สระมันทากินี
    ๗. สระสีหปปาตะ

    สระอโนดาต เป็นสระที่ได้ยินชื่อบ่อยที่สุด ธารน้ำทั้งหลาย ย่อมไหลลงมาที่สระอโนดาต พื้นสระอโนดาต เป็นแผ่นหินกายสิทธิ์ ชื่อมโนศิลา บริเวณที่เป็นดิน ก็เป็นดินกายสิทธิ์ชื่อหรดาล (ใช้ถูตัวได้ดี) น้ำใสแจ๋วสะอาด ท่าอาบน้ำ มีมากมาย เป็นที่สรงสนานแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย รวมถึงเหล่าผู้วิเศษผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย เช่น ฤๅษี วิทยาธร ยักษ์ นาค เทวดา เป็นต้น
    รอบสระอโนดาต มียอดเขารายรอบอยู่ ๕ ยอดเขาได้แก่

    ยอดเขาสุทัสสนะ (สุทัสสนกูฏ)
    ยอดเขาจิตตะ (จิตรกูฎ )
    ยอดเขากาฬะ (กาฬกูฎ)
    ยอดเขาคันธมาทน์ (คันธมาทนกูฏ)
    ยอดเขาไกรลาส (ไกรลาสกูฏ)

    ยอดเขาสุทัสสนะ เป็นทองคำ รูปทรงโค้งตามแนวสระอโนดาต และปลายยอดเขา มีสัณฐานโค้งงุ้มดังปากกา โอบปิดด้านบนสระอโนดาตไว้ ไม่ให้โดนแสงอาทิตย์ แสงจันทร์ตรงๆ

    ยอดเขาจิตตะ เป็นรัตนะ รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ

    ยอดเขากาฬะ เป็นแร่พลวง หินแห่งยอดเขาสีนีล รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ

    ยอดเขาคันธมาทน์ รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ ด้านบนยอดเขา เป็นพื้นราบเรียบ (เหมือนภูกระดึง) อุดมไปด้วยไม้หอมนานาพันธุ์ ทั้งไม้รากหอม ไม้แก่นหอม ไม้กระพี้หอม ไม้เปลือกหอม ไม้สะเก็ดหอม ไม้รสหอม ไม้ใบหอม ไม้ดอกหอม ไม้ผลหอม ไม้ลำต้นหอม ทั้งยังอุดมไปด้วย ไม้อันเป็นโอสถนานาประการ ในวันอุโบสถ(วันพระ) ข้างแรม ยอดเขานี้จะเรืองแสงเหมือนถ่านไฟคุ ข้างขึ้น แสงยิ่งเปล่งรัศมีโชติช่วงกว่าเดิม... ภายในเขาคันธมาทน์ มีถ้ำบนยอดเขาชื่อว่าถ้ำนันทมูล เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธเจ้า ประกอบไปด้วยถ้ำทอง ถ้ำแก้ว และถ้ำเงิน

    ยอดเขาไกรลาส เป็นภูเขาเงิน รูปทรงคล้ายยอดเขาสุทัสสนะ วิมานฉิมพลีแห่งพญาครุฑ ก็อยู่ที่เขาไกรลาสนี้

    ยอดเขาทั้ง๕ ตั้งตระหง่านรายล้อมสระอโนดาตไว้ และมีเทวดารวมถึงนาค เป็นผู้ดูแลรักษา ธารน้ำทั้งหลาย จากเขาหิมพานต์ ทุกสารทิศ จะไหลมาผ่านยอดเขา๕ลูกนี้ (ลูกใดลูกหนึ่ง) จากนั้น ก็จะไหลรวมลงสู่สระอโนดาต
    (เหตุที่ได้ชื่อว่าอโนดาต ก็เพราะ มีเงื้อมผาโค้งงุ้มดังปากกา โอบบังแสงไว้ด้านบน ทำให้แสงอาทิตย์และแสงจันทร์ ไม่สามารถส่องผ่านไปโดนน้ำตรงๆ ได้ แสงเพียงลอดเข้าด้านข้าง ในแนวเหนือใต้ ตรงระหว่างรอยต่อยอดเขากับยอดเขา เท่านั้น สระนี้ จึงได้ชื่อว่า “อโนดาต”...แปลว่า ไม่ถูกแสงส่องให้ร้อน..)

    จากสระอโนดาต... จะมีปากทางให้น้ำไหลระบายออกอยู่สี่แห่ง ทิศละแห่ง คือ

    สีหมุข... ปากแม่น้ำแดนราชสีห์ (เป็นถิ่นที่ราชสีห์อาศัยอยู่มาก)
    หัตถีมุข... ปากแม่น้ำแดนช้าง (เป็นถิ่นที่ช้างอาศัยอยู่มาก)
    อัสสมุข... ปากแม่น้ำแดนม้า (เป็นถิ่นที่ม้าอาศัยอยู่มาก)
    อุสภมุข... ปากแม่น้ำแดนโคอุสภะ (เป็นถิ่นที่โคอาศัยอยู่มาก)

    เกิดเป็นแม่น้ำใหญ่สี่สาย ไหลล่อเลี้ยงรอบนอกของเขาหิมพานต์ ก่อนลงสู่มหาสมุทร...


    ด้านทิศตะวันออก จากสระอโนดาต เลี้ยวขวาสระอโนดาตสามเลี้ยว ไม่ข้องแวะกับแม่น้ำอีกสามสาย ไหลผ่านถิ่นอมนุษย์ทางภูเขาหิมพานต์ ด้านทิศตะวันออก ลงสู่มหาสมุทร

    ด้านทิศตะวันตก จากสระอโนดาต เลี้ยวขวาสระอโนดาตสามเลี้ยว ไม่ข้องแวะกับแม่น้ำอีกสามสาย ไหลผ่านถิ่นอมนุษย์ทางภูเขาหิมพานต์ ด้านทิศตะวันตก ลงสู่มหาสมุทร

    ด้านทิศเหนือ จากสระอโนดาต เลี้ยวขวาสระอโนดาตสามเลี้ยว ไม่ข้องแวะกับแม่น้ำอีกสามสาย ไหลผ่านถิ่นอมนุษย์ทางภูเขาหิมพานต์ ด้านทิศเหนือ ลงสู่มหาสมุทร
    (ที่แม่น้ำทุกสาย ไหลวนรอบสระอโนดาตเหมือนกัน แต่ไม่ข้องแวะกัน เพราะ ไหลลอดอุโมงค์หิน ไหลลอดภูเขา ออกไป)

    ด้านทิศใต้ จากสระอโนดาต เลี้ยวขวาสระอโนดาตสามเลี้ยว แล้วไหลตรงไปทางใต้ประมาณ ๖๐ โยชน์ โผล่ออกมาใต้แผ่นหิน ตรงบริเวณหน้าผา กลายเป็นน้ำตกสูงใหญ่ยิ่ง ความสูงสายน้ำตกประมาณ ๖๐ โยชน์ สายน้ำตกอันรุนแรงนั้น ตกกระทบแผ่นหินเบื้องล่าง จนหินแตกกระจายออก ในที่สุดกลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ รองรับสายน้ำตกนั้น แอ่งน้ำนี้มีชื่อเรียกว่า “ติยัคคฬา” เมื่อน้ำมากขึ้น ได้พังทำลายหินอันโอบล้อมอยู่ออกไปได้ทางหนึ่ง เจาะกระแทกหินที่ไม่แข็ง เป็นอุโมงค์ ไหลไป จนถึงส่วนที่เป็นดิน ก็เจาะทะลุดิน เป็นอุโมงค์ และไหลลอดตามอุโมงค์ดินนั้นไป จนถึงภูเขาหินขวางอยู่ (ติรัจฉานบรรพต=ภูเขาขวาง) ภูเขานี้เรียกว่า วิชฌะ เมื่อน้ำกระทบหินเข้า ก็ไปต่อไม่ได้โดยง่าย แรงน้ำได้ดันจุดที่อ่อนแอที่สุดออกไปได้ ๕ จุด เกิดเป็นทางแยก ๕ แยก และกลายเป็นต้นน้ำสำคัญแห่งมนุษย์ ๕ สาย ด้วยกัน คือ แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา แม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำสรภู แม่น้ำมหิ และแม่น้ำทั้ง๕ นี้ นอกจากผู้ตาทิพย์แล้ว ไม่มีใครบอกได้ว่า ของจริงอยู่ที่ไหน ...
     
  5. i3lack

    i3lack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +102
    สวัสดีครับคุณ ainteerati ขอบคุณสำหรับข้อมูล ป่าหิมพานต์ท่าทางจะสวยนะครับ :cool:
     
  6. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275

    สวัสดีครับทานข้าวเที่ยงหรือยังครับ
     
  7. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1488164/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sorakran2007

    sorakran2007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +945
    อัพเดดข้อมูลที่จ้า เงียบเหงาจัง ^^
     
  9. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    สวัสดีคุณ ainteerati และคุณ sorakran2007
    มารอพี่จิ-โป

    พี่จิ-โปคะ พอดีทีโอไปอ่านประวัติของพระธาตุหริปุญชัย เค้าบอกว่ามีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า คือพระเกสา บรรจุในกระบอกไม้ไผ่ แล้วบรรจุไว้ในพระธาตุ
    แสดงว่า เค้าก็บอกหนูแล้วสิว่า ข้างในพระธาตุนั้นมีอะไร ที่หนูเห็นกระบอกไม้ไผ่ อย่างนั้นแล้ว เราเห็นแบบนั้นในตอนนั้น เป็นไปได้มั้ยที่เราเคยเกิดในสมัยนั้นด้วยคะ
     
  10. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275

    สวัสดีครับคุณto2504ที่บ้านร้อนไหมครับที่นี้ร้อนจังครับวันนี้
     
  11. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอสอบถามครับ พอดีได้อ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง เค้าบอกว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก
    อันนั้นไม่ใช่ของเรา อันนี้ไม่ใช่ของเรา เมื่อมองและพิจารณาสิ่งต่าง ๆ แล้ว จะเกิดความเบื่อ
    เมื่อเราเบื่อเราก็จะเห็นกับความจริง ผมก็เลยมีความสงสัยว่า ถ้าเราไม่นั่งสมาธิเพื่อพิจารณา
    แต่เรามองโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ปลงในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เข้าใจความเป็นไปของทุกสิ่ง
    แบบนี้ จะสามารถที่จะบรรลุได้หรือเปล่าครับ
     
  12. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    สวัสดีค่ะ ขอโทษทีค่ะคุณ ainteerati เมื่อวานเห็นข้อความแล้วไม่ได้ตอบ พอดี ดูในมือถือมันพิมพ์ไม่ได้ ไม่ทราบจะทำงัยเหมือนกัน
    เมื่อวานอากาศไม่ร้อนค่ะ ลมแรงมาก ๆ พัดต้นไม้ลู่ เล่นเอากลัวต้นมะพร้าวจะล้มทับบ้านเหมือนกันค่ะ
     
  13. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    นาคใต้เมืองโพนพิสัย

    ลักษณะของอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ด้านหัวเมืองจะมีลำห้วยหลวงไหลออกมา เรียกว่า ปากห้วยหลวง ตรงข้ามกับอำเภอโพนพิสัย คือ บ้านโดน ที่ขึ้นกับเมืองปากงึม
    ทุกวันนี้มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเมือง บาดาลที่เชื่อว่าอยู่ใต้อำเภอโพนพิสัย ว่า ในหน้าแล้งจะมีหาดทรายขึ้นกลางแม่น้ำโขง แต่บริเวณอำเภอโพนพิสัย หาดทรายนี้จะขึ้นอยู่ฝั่งลาว บริเวณบ้านโดน
    วันหนึ่งในหน้าแล้งตอนเที่ยงวัน ได้มีหญิงสาวชาวบ้านโดนคนหนึ่ง ได้ลงมาตักเพื่อไปดื่ม โดยมีกระป๋องน้ำ (หาบครุ) ลงมาที่หาดทราย เพราะบริเวณนั้นมีน้ำออกบ่อ (น้ำริน) เมื่อลงมาแล้วได้หายไป ชาวบ้านลงมาเห็นแต่กระป๋องน้ำ (หาบครุ) พ่อ แม่ ต่างก็ตามหากันแต่ไม่พบ จนครบ 7 วัน
    เมื่อไม่เห็นลูกสาว และคิดว่าลูกสาวคงจมน้ำตายแล้ว จึงได้พร้อมกับญาติพี่น้อง ชาวบ้านจัดทำบุญอุทิศให้ ในตอนกลางคืนก็มีหมอลำสมโภช
    จนเวลาต่อมาเวลาประมาณเที่ยงคืน ลูกสาวคนที่เข้าใจว่าจมน้ำตาย ก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านกำลังฟังหมอลำกันอยู่ ทำให้ญาติพี่น้องแตกตื่นกันเป็นอย่างมาก บางคนก็วิ่งหนีเพราะคิดว่าเจอผีหลอกเข้า สุดท้ายลูกสาวจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังจากที่ตั้งสติได้ และแล้วญาติพี่น้องก็เข่ามาร่วมวงนั่งฟัง หญิงสาวเล่าให้ทุกคนฟังว่า

    "วันนั้นอากาศร้อนมาก น้ำดื่มหมดโอ่ง เมื่อลงไปเพื่อจะตักน้ำ เมื่อวางกระป๋องน้ำ (หาบครุ) ปรากฏว่าเห็นมีหมู เหมือนกับว่าได้ยกเท้าหน้าเรียกให้เข้าไปหา ตนได้เดินเข้าไปหา แล้วหมูตัวนั้นก็บอกว่าให้หลับตา จะพาลงไปเมืองบาดาล พอหลับตาได้สักครู่ หมูตัวนั้นก็บอกให้ลืมตา เมื่อลืมตาขึ้นปรากฏว่าตนมาอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับเมืองมนุษย์ มีดิน มีบ้านเรือนเรียงรายกันอยู่ แต่จะมีแปลกก็ตรงที่
    ทุกคนจะนุ่งผ้าแดง และมีผ้าพันศีรษะเป็นสีแดงเหมือนกัน โดยด้านหน้าจะปล่อยให้ผ้าแดงห้อยลง เหมือนกับหัวงู

    เมื่อเดินตามชายคนนั้น (กลับร่างหมู กลายเป็นคน) ก็มีชาวบ้านถามกันว่า นำมนุษย์ลงมาทำไม (เพราะกลิ่นมนุษย์ต่างกับเมืองบาดาล) ชายคนนั้นก็บอกว่าพามาเที่ยวดูเมือง ได้เดินไปเรื่อย ๆ เมื่อแหงนหน้ามองดูท้องฟ้ากลับปรากฏว่า เป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ เหมือนสีขุ่นๆ ของน้ำ ชายคนนั้นได้บอกว่า นี่เป็นเมืองบาดาล และเป็นเมืองหน้าด่าน ส่วนตัวเมืองหลวงนั้นยังอยู่อีกไกล และชาวเมืองจะมีงานสมโภช เมื่อถึงวันออกพรรษาของเมืองมนุษย์ ซึ่งถือว่าตลอด 3 เดือน ที่เข้าพรรษานั้น เหล่าชาวเมืองที่นี่ ก็จะจำศีลปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า

    หลังจากที่เดินชมเมืองอยู่ไม่นาน ชายคนนั้นก็ได้นำขึ้นมาส่ง โดยการเดินมาทางเดิม ก็เป็นการเดินมาเรื่อย ๆ แต่ได้ขึ้นมายืนอยู่บริเวณหาดทรายเหมือนเดิม แล้วก็ได้ขึ้นมาหาพ่อ แม่ นี้"


    จากการเล่าของลูกสาว พ่อ แม่ ญาติพี่น้องจึงได้จัดงานทำบุญทำพิธีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการต้อนรับขวัญให้กับลูกสาว ต่อมาอีก 7 วัน ลูกสาวก็ได้เจ็บป่วยและเสียชีวิตในที่สุด
    (เหตุการณ์นี้สอบถามได้จากผู้เฒ่า ผู้แก่ชาวโพนพิสัย คุ้มวัดศรีเกิดได้) ......
     
  14. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เฮ้อ! เบื่อจัง วันนี้เกิดอาการเบื่อชัดเลย เบื่อจริง ๆ อยากจะบวช
    นึกอยู่ถ้าบวชก็ยังห่วงคนข้างหลังอีก เฮ้อ!
     
  15. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ทานข้าวมาแล้วหรือคะคุณ ainteerati

    วันนี้กระทู้เงียบจัง หายไปไหนกันหมดไม่รู้ค่ะ
     
  16. ainteerati

    ainteerati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,233
    ค่าพลัง:
    +2,275
    กำลังจะทานครับ...........
    .
     
  17. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เห็นคุณ ainteerati แต่งกลอน เห็นมีเรื่องรักอยู่ด้วย เลยเอาของทีโอ ให้อ่านบ้างค่ะ

    รักนี้หรือคืออะไรใครรู้บ้าง<O:p</O:p
    คือแนวทางสร้างคิดให้พิศวง<O:p</O:p
    หลงงมงายว่ารักนั้นมั่นคง<O:p</O:p
    จะยืนยงอยู่ได้ไม่วายวัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หรือรักคือเยื่อใยให้พันผูก<O:p</O:p
    ทางที่ถูกของรักสิ่งใดหนอ<O:p</O:p
    รักให้เขาแล้วเรานั้นเฝ้ารอ<O:p</O:p
    ความรักหนอเจ็บช้ำระกำทรวง<O:p</O:p
    หากว่ามีทางที่สิ้นเยื่อใย <O:p</O:p
    เจ็บช้ำใจที่ทนได้เปิดเผย<O:p</O:p
    จะรีบตัดเยื่อใยไม่ละเลย<O:p</O:p
    อนัตตานั้นเลยทางที่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2011
  18. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    บรรลุถึงพระอรหันต์และละกิเลสจะพ้น จบกิจทั้งปวงได้เหมือนกันครับ
    เพียงแต่เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วจะไม่มีฤทธิ์ที่เรียกว่าความรู้ยิ่ง เหมือนพระ
    อรหันต์ขีนาสพ เป็นได้เพียงพระอรหันต์สุขวิโกเท่านั้นเองครับ
    เพราะการทำแบบนี้คือทำไปเรื่อยๆเล่นๆไม่เคร่งเครียด ก็จะผ่านอริยะ
    ชั้นโสดาบันบุคคลได้ด้วยสุขวิโก ตรงนี้ เริ่มจากตรงนี้ฤทธิ์จะเริ่มไม่มีแล้ว
    เพราะเมื่อกสิณมาก็ปลง เมื่ออารมณ์ฌาณมาก็ปลง เรียกว่าปลงมันไปหมด
    เห็นอะไรๆเป็นอนิจจังซะหมด เลยไม่รู้อะไรเลยเรื่องเทวดา เรื่องวิญญาณ
    จนนู้นล่ะ ถึงชั้นอนาคามีจะเริ่มรู้สึกถึงเทวดา วิญญาณทั้งหลายเพราะต้องผ่าน
    ด่านนี้เพื่อปลงนี่นะ ตอนนั้นจะไม่ปฏิเสธการมีของความเป็นทิพย์แล้ว ก็สัง
    เกตุดูนะ นักวิปัสนาที่บอกสวรรค์ไม่มีเทวดาไม่มีนั่นคือยังไม่ผ่านถึงอนาคามี
    หรือเป็นนักปฏิบัติชั้นต้น เลยปฏิเสธไปหมดเพราะพระไตรปิฏกก็เขียนใว้เกือบ
    ทุกเล่มว่ามีเทวดา มีวิญญาณ

    แต่นักวิปัสสนาที่ทำไปเรื่อยๆไม่เน้นสมาธิต้องเก่งนะ วิถีจิต ขันธ์ ธาตุ
    ต้องแยกออกมาละเอียด ศึกษาอย่างละเอียดจำให้ได้ด้วย ไม่ง่ายนะ ถ้า
    ไม่ศึกษาตรงนี้จะเบนออกนอกทางไปเรื่อย เผลอๆจะกลายเป็นความรู้ใหม่
    อีกแขนงที่คิดว่าตัวเองค้นพบ (แต่จริงๆแล้วท่านเขียนใว้หมดแล้วแต่ไม่อ่าน).
     
  19. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ทีโออาจเกิดในสมัยนั้น แต่ไม่ได้เป็นคนมาเห็นเหตุการณ์ก็ได้ สมัยนั้นอาจ
    เกิดเป็นน้องๆหนูๆอยู่บ้านทำนาที่ไหนซักแห่งก็ได้นี่นา

    จำใว้ว่าสิ่งที่เราเห็นในนิมิตก็ดี ในฝันที่มีสติเหมือนจริงก็ดี อย่าคิดว่านั่นคือ
    เรา เพราะทุกอย่างมันจบไปแล้ว และบางทีเราอาจมองผ่านณาณของเทวดา
    องค์ใดๆที่มาทำให้เราเห็นอย่างนั้น บางครั้งเรามองผ่านณาณของพระผู้ใหญ่
    หนือเทวดาอาวุโส แล้วมีคนอื่นมากราบ มาเคารพเรา นั่นอาจทำให้เราเข้าใจ
    ผิดคิดว่าเรายิ่งใหญ่มาก เคยเป็นองค์นั้น องค์นี้ เป็นเหตุให้กิเลสเรากำเริบ

    อีกทั้งในบางภพที่เห็นภาพเราไปฆ่าคน ไปทำบาปกรรมหนัก ก็อาจจะเสียใจ
    จิตตก ซึมเศร้าได้ ท่านจึงบอกว่า นิมิตนั้นเห็นอะไรให้ปลงอย่างเดียว อย่า
    สร้างอัตตาจากนิมิต ท่านทำให้เรารู้ที่มาของพระเท่านั้น เราก็รู้เท่านั้นพอ ไม่
    ต้องคิดว่าเราคือคนสร้าง คือคนสมัยนั้นหรอก ไม่งั้นมีลูกเป็นโหล มีคนรักเป็น
    ล้าน เป็นร่างของนั่นนี่โน้น พอมาเจอกันแล้วใครคือตัวจริง ก็ฉันก็ร่างนี่นา

    ที่แท้มองจากตาเทวดาองค์เดียวกัน ใช้ดาวเทียมลูกเดียวกัน กรรม.
     
  20. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    ที่เสียชีวิตนี้เป็นเพราะหมดบุญกรรมพอดี หรือว่า ทางใต้บาดาลนำกลับไปครับ ถ้าเป็นอย่างหลังต่อไปมีใครมาชวนไปเที่ยวแบบนี้ปฏิเสธไปดีกว่า :)
     

แชร์หน้านี้

Loading...