** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

ครับพี่ ปรกใบมะขามผมพึ่งมีองค์นี้องค์แรกครับ เหรียญ 84 ปีก็เหรียญแรกครับ รอสวยๆอยู่นะครับ ส่วนใหญ่ที่มีอยู่จะเป็นรุ่นอื่น กับผงพรหมมากกว่านะครับ โดยจริงแล้วผมชอบเนื้อผงครับ ยิ่งรุ่นลึกๆ มีอะไรให้ส่องเย๊อะดีครับ ประมาณว่าติดผงนะครับ แต่ว่าจะหาปรกมะขามไว้อีกสักจำนวนนึงครับ ^^

 

*******ขอจององค์นี้ค่ะ***********

 

วันนี้พี่ๆทำไมนอนดึกกันจัง...หรือว่ารออะไรอ่ะ ผมจะได้รอเป็นเพื่อนครับ

 

รับทราบการจอง
รายการที่ 501/1 พระพรหมเกศา เนื้อผงพุทธคุณ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา ปี2532 องค์นี้ไม่เห็นเส้นเกศา เคยสอบถามทางวัดสะแก บอกว่าพิมพ์นี้ใส่เส้นเกศาทุกองค์ครับ ถ้าไม่เห็นก็คือจมในองค์พระครับ หลวงปู่ดู่อธิฐานจิตครับ รับทราบการจองรายการที่501/1 ให้คุณAimee2500<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4645591", true); </SCRIPT> ครับ ขอบคุณมากครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
รายการที่ 501 หล่อลอยองค์หลวงปู่ดู่(จิ๋ว) เนื้อเงิน วัดสะแก อยุธยา ปี2533(ไม่ทันหลวงปู่ดู่) ใช้ฉนวนเก่าที่หลวงปู่ดู่ปลุกเสกแล้ว จากนั้นทางวัดได้อาราธนา หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง อธิฐานจิตครับนับว่าบูชา 1 ได้ถึง 2 ในองค์เดียวเลยครับแถมเป็นเนื้อเงินอีกต่างหาก รับทราบการจองรายการที่501 ให้คุณchkaon<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4645257", true); </SCRIPT> ครับ ขอบคุณมากครับ
รายการที่ 502 หล่อลอยองค์หลวงปู่ดู่(จิ๋ว) เนื้อเงิน วัดสะแก อยุธยา ปี2533(ไม่ทันหลวงปู่ดู่) ใช้ฉนวนเก่าที่หลวงปู่ดู่ปลุกเสกแล้ว จากนั้นทางวัดได้อาราธนา หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง อธิฐานจิตครับนับว่าบูชา 1 ได้ถึง 2 ในองค์เดียวเลยครับแถมเป็นเนื้อเงินอีกต่างหาก รับทราบการจองรายการที่502 ให้คุณthanawut<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4645293", true); </SCRIPT> ครับ ขอบคุณมากครับ
รายการที่ 503 พระพรหมพิมพ์กลาง(หลังตรายาง) เนื้อผงพุทธคุณ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา ปี2519 องค์ขอบเต็มสมบูรณ์ครับ หลวงปู่ดู่อธิฐานจิตครับ ใช้นั่งกรรมฐานได้เลยครับพุทธคุณเต็มเปี่ยม อารธนาขึ้นคอได้เลยครับ เนื้อแท้ ดูง่าย รับทราบการจองรายการที่503 ให้คุณchongkasem<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4645303", true); </SCRIPT> ครับ ขอบคุณมากครับ
รายการที่ 504 เหรียญพรหมปัญโญ(84ปี) เนื้ออัลปาก้า หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา ปี2531 องค์นี้สวยครับ แต่ถ่ายได้เท่านี้เองครับ โค๊ด จารชัดเจน พร้อมเลี่ยมกันน้ำครับ ห่วงเดิมก็ยังอยู่ครับ รับทราบการจองรายการที่504 ให้คุณอิฐมอญ ครับ ขอบคุณมากครับ

 

พวกพี่ๆห้อยพระอะไรกันบ้างครับ นอกจากพระของหลวงปู่ ครับ

 

**พระเหนือพรหม**

จากคำถามของคุณ benyapa ในหน้า 104 ว่าพระพรหมเกศา กับ พระเหนือพรหม ต่างกันอย่างไร วันนี้ขออนุญาติมาขยายความกันให้ฟังครับ และตามเคย เพื่อนๆน้องๆสมาชิกท่านใด รู้แล้วก็ผ่านเลยไปน่ะครับ..รอๆเพื่อนสมาชิกใหม่ๆเค้าบ้าง

มีคำถามทาง Pm.มาถึงผมเยอะเหลือเกิน เกี่ยวกับพระผงของหลวงปู่ฯท่านว่ามีเยอะแยะรุ่นเหลือเกิน จำไม่ไหว ไม่รู้จะเก็บรุ่นใดดี วันนี้พยายามตั้งสมาธิ รวบรวมสติ เพื่อจะตอบให้ครอบคลุมรวมกันทั้งหมด โดยพยายามจะใช้ภาษาง่ายๆ และเช่นเคย หากผมตอบผิดพลาดไปอย่างใด ขอผู้รู้โปรดช่วยกันแก้ไข ท้วงติง กันมาบ้างน่ะขอรับ..

ในบรรดาพระเนื้อผงของท่าน มีจำนวนพิมพ์มากมายจริงๆครับ จำไม่หวาดไม่ไหว บางรุ่นก็เจอเยอะแยะ ราคาเช่าหาก็จะถูกหน่อย บางรุ่นเจอน้อย สร้างไม่เยอะ นานๆเจอครั้ง ก็จะแพงขึ้นไป ทั้งนี้เนื่องจากกรรมวิธีในการสร้างพระ ขององค์ท่านนั้นแสนจะง่ายดาย ซึ่งผมเรียกว่า "ถึงจุดสูงสุดคืนสู่สามัญ" "ขึ้นชื่อว่าของจริง.. ไร้ซึ่งพิธีรีตรอง"

กล่าวคือ ก็เพียงเอาพระรุ่นนั้นๆไม่ว่าจะเป็นพระกรุเก่าเนื้อดินเผาสมัยอยุธยา องค์ขนาดใหญ่เขื่อง หรือองค์เล็ก/ หรือพระของเกจิอาจารย์ต่างๆทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพระที่ไหน วัดอะไร ของใครก็ได้ / หรือพระเนื้อโลหะขององค์ท่านเองที่ออกมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็เอามากดกับก้อนดินน้ำมันบ้าง ดินเหนียวบ้าง แล้วก็เอาไปตากแห้ง เท่านี้ก็ได้บล๊อกพิมพ์พระแล้วครับ องค์ท่านก็เอาผงศักดิ์สิทธิ์ ที่เรามาเรียกขานภายหลังว่าผงจักรพรรดิ์บ้าง ผงพุทธคุณบ้าง ก็แล้วแต่ใครจะเรียกแบบไหน ผสมกับปูนขาวธรรมดาๆเรานี่ละครับ ก็มากดเป็นพระรุ่นนั้นๆ ไม่มีการนับจำนวนการสร้างหรอกครับ เพราะทำไปเรื่อยๆ ลูกศิษย์ พระเณรใครว่างก็ช่วยๆกันทำ จึงเป็นที่มาว่าเจอรุ่นไหนเยอะก็แสดงว่าลูกศิษย์ลูกหาช่วยกันกดมาก เจอรุ่นไหนน้อยก็แสดงมากดพิมพ์พระออกมาน้อยก็เท่านั้นล่ะครับ

อนึ่ง.เป็นที่ทราบกันดีว่า พระเนื้อผงขององค์ท่านทุกรุ่นทุกพิมพ์ นอกจากผงจักรพรรดิ์อันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์ท่านแล้ว ยังน่าจะมีเส้นเกศาขององค์ท่านผสมอยู่ด้วย ซึ่งบางองค์อาจจะไม่เห็น บางองค์อาจแสดงขึ้นมาให้เห็นชัดเจน บางองค์แตกหักจึงเห็น แต่บางองค์ถึงแตกหักก็ไม่มีให้เห็นเลยครับ จึงสรุปว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้ อยู่ที่ช่วงกดนั้นๆ หลวงปู่ฯท่านให้มาผสมด้วยหรือไม่ อันจะแตกต่างกับรุ่นที่เรียกว่า "พรหมเกศา" ทำขึ้นในปี 2532 ปีสุดท้าย ซึ่งเชื่อว่ามีทุกองค์ แสดงขึ้นมาให้เห็นบนผิวพระบ้าง จมอยู่ในเนื้อพระบ้าง เพราะพิสูจน์องค์แตกหักแล้วว่า พบทุกองค์ จึงตั้งเป็นชื่อเรียกว่า พรหมเกศา

ส่วนที่เราเรียกว่า "เนื้อโขลก" ก็หมายถึง เนื้อหาพระที่นอกเหนือจากปูนขาวธรรมดาๆแล้ว ยังมีมวลสารอื่นๆผสมเข้าไปอีก ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเจอน้อย ราคาเช่าหาก็จะแพงขึ้นไปกว่าเนื้อปูนขาวธรรมดาๆ

ถามว่าราคาเช่าหาเป็นอย่างไร ก็ต้องตอบว่า อยู่ที่การกดพระออกมา ว่าพระติดชัด สวย สมบูรณ์ เท่าไหน ขอบพระหัก บิ่น หน้าองค์พระที่ชัดหมดหรือไม่ ซึ่งนักเล่นหาเขาจะรู้ เพราะเห็นพระกันมาเยอะ เช่น บางรุ่นถึงจะแตกหัก บิ่นบางเล็กน้อย ทั่วไปอาจดูว่าไม่สวย แต่เซียนพระเค้าก็ว่าสวยแล้วครับ เพราะรุ่นนั้นพิมพ์กดมาแต่แรก ก็ไม่สวย ไม่ค่อยสมบูรณ์ แล้วอย่างนี้เป็นต้น

ราคาเช่าหาพระของในหมวดผง ที่เอาพิมพ์ที่อื่นทั่วประเทศมากดเป็นแม่พืมพ์นี้ นี่ล่ะครับ ที่ทำให้ดูเหมือนว่า พระเนื้อผงท่านมีเยอะแยะเหลือเกิน ซึ่งที่จริง ถ้าเห็นภาพรวมทั้งหมด ถือว่าไม่ยากเลยครับ ไม่แพงครับ ก็แล้วแต่ใครจะให้เช่าแค่ไหน รวมๆก็น่าจะอยู่ที่ระดับร้อยกลาง ถึงปลายๆ ถึงพันต้นๆ เท่านั้นล่ะครับ..ถือว่าพุทธคุณเกินราคามากเหลือเกิน เมื่อเปรียบเทียบกับพระใหม่ที่เค้าทำออกมา พระหลวงปู่อายุอย่างน้อยก็ 20 - 30 ปี ราคายังหลักร้อย พระใหม่ใครทำก็ไม่รู้ หาพระดูแก่ๆหน่อย วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง นักวิ่งเต้นสร้างพระอาชีพอีกครึ่งหนึ่ง เป่าพรวด โปรโมท พิมพ์ Brochure สวยๆหน่อย ก็ขายกันเป็นพันแล้ว บางที่ก็มีพระบ้าๆอุตริเพี้ยนๆเอาอะไรก็ไม่รู้ พระโคโยตี้บ้าง หมอสัก อะไรบ้าง มนุษย์บัวใต้น้ำก็ยังงมงายเสียเงินเสียทองไปเช่าหามาอีก ต้องอีกกี่ร้อยกี่พันชาติกันนี่หนอ.. คนพวกนี้..จึงพอจะได้เห็นเพียงกระพี้แห่งแสงพระธรรมบ้าง...สาธุ (อ้าว..เผลอแป๊บเดียว..นอกเรื่องไปซะแล้ว..)

พระในหมวดชุดเนื้อผงนี้ โดยทั่วไป พิมพ์ที่ถอดมาจากพระเนื้อโลหะของหลวงป่ฯ จะได้รับความนิยม และมีราคาเช่าหามากกว่าครับ โดยเฉพาะที่เป็นรูปหลวงปู่ดู่ท่าน กับองค์หลวงปู่ใหญ่ทวด

คราวนี้ที่จะมาแพงพิเศษมากหน่อย ก็คือ องค์ที่มีพระธรรมธาตุเสด็จขึ้นครับ ซึ่งก็แล้วแต่ลักษณะของพระธรรมธาตุที่เสด็จ องค์ที่เม็ดเป้งๆ สีแปลกพบเห็นน้อย เช่น เม็ดสีส้มๆ ก็จะแพงไปเลย บางที่ก็หลักหมื่น สวยจัดๆ คือ องค์พระก็กดออกมาสวย สมบูรณ์ แถมมีพระธรรมธาตุเสด็จแบบเม็ดเป้งๆ ด้วย เซียนบางท่านปัจจุบันก็ขายกันถึงสองหมื่นบาทขึ้นไปครับ

เป็นที่น่าสังเกตุอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับการขึ้นของพระธรรมธาตุ เป็นที่รู้กันในสายวงในว่า ทั่วไปก็เห็นขึ้นกันบ้างครับ แต่ก็มี่จำนวนไม่มากเท่าไร ที่เห็นพบมากจริงๆ และส่วนใหญ่ก็จะเม็ดเป้งๆทั้งนั้น จะเป็นชุดที่เรียกว่า "ได้มาจากหลวงน้าสายหยุด" ชุดนี้จะมีจำนวนเพียงแค่ 2 บาตร (บาตรขนาดเบอร์ 5 เท่านั้น) จำนวนไม่ทราบแน่นอน ขึ้นทุกองค์ครับ ชุดนี้เป็นชุดที่หลวงน้าได้จากหลวงปู่ท่านโดยตรง โดยเล่าว่า หลวงน้าสายหยุดท่านพยายามปฏิบัติมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยได้พระจากหลวงปู่ท่านสักครั้งเลย ก็เคยคิดน้อยใจอยู่ลึกๆ ว่าปฏิบัติไม่ดีพอหรือ จนวันหนึ่งหลวงปู่เรียกขึ้นไปหา แล้วก็มอบพระมาให้สองบาตรดังว่า .ซึ่งภายหลังพระชุดนี้ล่ะครับ..ที่เราเห็นการเสด็จขึ้นพระธรรมธาตุจำนวนมากมาย และเป็นแต่ชนิดเม็ดใหญ่ๆ ทั้งนั้น

ส่วนการเก็บสะสมในพระชุดหมวดผงนี้ ก็แล้วแต่บางท่านครับ บางท่านหากออกแนวนักปฏิบัติสักหน่อย ( ศิษย์ลักษณะนี้ผมจัดเกรดถือว่าเป็นระดับเกรด A ถือว่าใกล้ชิดหลวงปู่ฯมากที่สุดครับ) พวกนี้เอาองค์เดียวก็ได้ รุ่นไหนก็ได้ สวยไม่สวยก็ได้ ถือว่าพุทธคุณเท่ากันหมด หลวงปู่อยู่กับเขาตลอดเวลาเหมือนกันหมด ส่วนพวกกิเลสยังมากๆเหมือนผม ก็จะเก็บเป็นคอเลคชั่น คือ เก็บหมดน่ะครับ เพราะปัจจุบันพระเนื้อผงขององค์ท่าน ยังถือว่าราคาไม่แพงมาก ก็ยังพอเก็บกันได้อยู่ ก็เก็บหมดล่ะครับ เอาเรียงๆรุ่น แบบต่างๆ ชอบครับ..อย่างพิมพ์สมเด็จที่คุณตุ้ยลงบ่อยๆ ความจริงเฉพาะพระสมเด็จนี้ถือว่ามากที่สุดเลยครับ พิมพ์ต่างๆก็มากมาย ทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ทรงเจดีย์ เยอะแยะ ผมสังเกตุดูบางพิมพ์ก็เป็นของวัดระฆัง (เก็) แต่เอามากดเป็นแม่พิมพ์ แต่เมื่อถึงมือท่าน นำมาสร้างใหม่ ได้ผงจักรพรรดิ์อันศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งการอธิษฐานจิตจากองค์ท่าน..ก็ถือว่ากลายเป็นสุดยอดพระทั้งหมดแล้วครับ หรือยังพิมพ์สี่เหลี่ยมปิดตาใบโพธิ์ ที่คุณตุ้ยลงบ่อยๆ นั่นเห็นคุณตุ้ยขายถูกๆ องค์ละไม่กี่ร้อย อย่านึกว่ามีเยอะน่ะครับ ทั่วทั้งวงการก็มีแต่เค้าล่ะที่มี ในบรรดาพระเนื้อผงที่มีราคาถูกสุดก็จะเป็นรุ่นปิดตาเล็ก รุ่นนี้ถือว่าไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะมีมาก และพิมพ์ก็ไม่ค่อยสวยเท่าไร (นี่ว่ากันทางโลกน่ะครับ ไม่เกี่ยวกับพุทธคุณ) องค์ละไม่กี่ร้อยบาท ร้อยสองร้อยก็หาได้เยอะแยะคับ

เป็นอันว่าจบภาคแรก (ความรู้เบื้องต้น) ในภาพรวมเรื่อง หมวดพระผง แค่นี้ก่อนน่ะครับ..หน้าต่อไป ลองติดตามชมเรื่องพระเหนือผมกันต่อไป

 

งือออออออออออออออ อยากได้มั่ง สาธุค่ะ เค้าเกิดวันเสาร์ด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย งือออออออออ

 

ขอบพระคุณคุณ Jopaa ด้วยนะคะ

แหะแหะ เห็นบอกมีเป็นกล่องเลยหรอคะ สาธุค่ะ

 

แต่ว่าจะหาปรกมะขามไว้อีกสักจำนวนนึงครับ ^^<!-- google_ad_section_end -->

อิอิ หาเผื่อกันบ้างนะคะ

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลความรู้ครับพี่ รอติมตามต่อคราบบบบ

 

ขอบคุณมากครับพี่โจ (good)<!-- google_ad_section_end -->

 

** พระเหนือพรหม ** (ตอน 2.)

คราวนี้มาเข้าหมวดพระเหนือพรหม ล้วนๆ..ว่าทำไมจึงได้รับความนิยมสูงสุด และมีราคาเช่าหาแพงสุด ในบรรดาพระเนื้อผงขององค์ท่าน

ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอน1.ว่า.. พระผงรุ่นอื่นๆ เอาพระของที่อื่นมาเป็นแบบพิมพ์ทั้งนั้น มีพระเนื้อผงที่ทางวัดแกะพิมพ์เองเพียงพิมพ์เดียว และถือเป็นพระเอกลักษณ์ของหลวงปู่ฯ ก็คือ พระชุด" พระเหนือพรหม" นี่เอง โดยแบ่งเป็นทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้

1. พระเหนือพรหม (พิมพ์ใหญ่) สร้างในปี 2517
2. พระเหนือพรหม (พิมพ์กลาง) สร้างในปี 2519
3. พระเหนือพรหม (พิมพ์พรหมเกศา) หรือเรียกว่า "พิมพ์เล็ก" สร้างในปี
2532

ทั้ง 3 รุ่นนี่..ถือเป็นพระผงชุด "พระเหนือพรหม" มาตรฐาน พบเห็นได้ทั่วไป ดังนั้นคำถามที่ว่า พระพรหมเกศา ต่างกับพระเหนือพรหมอย่างไร คำตอบก็คือ ก็ชุดเดียวกันล่ะครับ เป็นชุดที่จัดอยู่ในพิมพ์เล็ก ของพระชุดเหนือพรหม

คราวนี้ก็มาเพิ่มชุดพิเศษเข้าไปอีกหน่อย ก็คือ

4. พระเหนือพรหม (พิมพ์พรหมเกศา) แต่คราวนี้ไม่ได้เป็นเนื้อผงน่ะครับ เป็นเนื้อดินเผา จะมีแต่สีแดง กับ สีขาว เท่านั้น เป็นพิมพ์ที่ลูกศิษย์ทำมาถวาย ในปี 2531 และก็พระชุดนี้ล่ะครับ ที่นำมาเป็นต้นแบบพิมพ์เป็นพระผงพรหมเกศา (พิมพ์เล็ก) ในปี 2532 ปีถัดไป รุ่นนี้ถือว่าหาค่อนข้างยากครับ มีจำนวนการสร้างไม่มากนัก

5. พระเหนือพรหม (พิมพ์ใหญ่) ปี 2525 (สร้างในคราวฉลองกรุงฯ) ชุดนี้ถือว่าเป็นชุดพิเศษ เนื้อหาพระจะเปลี่ยนไป กล่าวคือ ส่วนมากเนื้อจะเรียบสวย แน่น ขอบพระไม่หักบิ่น ด้านหลังพระส่วนใหญ่จะปั้มตรายันต์ตุ๊กตา มีจำนวนการสร้างไม่มาก รุ่นนี้ราคาเช่าหาจะค่อนข้างแพงครับ

ก็มีเท่านี้ล่ะครับสำหรับ การไล่เลียงลำดับรุ่นในพระชุด"พระเหนือพรหม"

ส่วนทำไมจึงเป็นแกะเป็นลักษณะพระอยู่บนเศียรพรหม อันนี้ถือเป็นความประทับใจของผมที่สุด และก็เป็นเหตุผลอันดับแรก ที่นำผมมาเป็นศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งจนทุกวันนี้..

จำได้ว่าตอนที่เห็นพระพิมพ์นี้แรกๆยังไม่รู้ว่าเป็นของท่านผู้ใดสร้าง แต่เห็นปั๊บ ชอบ และประทับใจเป็นที่สุด รู้ได้ทันทีเลยว่า องค์ผู้สร้างนี้ระดับภูมิจิตภูมิธรรม ต้องเป็นพระแท้พระจริงแล้ว..เพราะตัวเองเคยตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า "ทำไมคนเขาถึงนับถือพรหมกันน่ะ ทำไมไม่นับถือพระพุทธเจ้า " วัตถุมงคลที่เห็นเขาสร้างกันทั่วประเทศ ก็เห็นมีแต่รูปพรหม ๆๆๆธรรมดา ต่างกันบ้างก็มือถืออะไรอย่างนี้ นอกนั้นก็พรหมสี่หน้าจตุรทิศทั่วๆไป เมื่อรู้ภายหลังว่าเป็นของหลวงปู่ฯดู่ ก็ติดตามศึกษาประวัติ ชีวิต ธรรมมะขององค์ท่าน ยิ่งศึกษาลึกยิ่งรู้สึกว่า..นี่ไม่ปกติแล้ว นี่ช่างเหนือกว่าปกติ จนยากจะคาดเดา จนปัจจุบันก็ยังไม่ค่อยกล้าคิดว่า องค์ท่านคือ ใครกันหนอ ?..รู้ได้อย่างเดียวว่า ตนเองนี่ช่างโชคดีเสียจริง ที่ได้มารู้จักหลวงปู่ฯ ได้มาเป็นลูกศิษย์ลูกหาท่านคนหนึ่ง

การนำรูปพระพุทธเจ้าไปอยู่บนเศียรพรหม (เหนือพรหม) ซึ่งน่าจะเป็นแบบพิมพ์พระ แบบแรก และแห่งเดียวของประเทศไทย ผมถือว่านี่คือการ ปลดล๊อคพันธนาการ ที่ศิษย์คถาคตจะได้เป็นพุทธะแท้ๆเสียที ไม่ใช้พราห์มครึ่งหนึ่ง (ฮินดู) พุทธครึ่งหนึ่ง เหมือนเช่นทุกวันนี้

ก็พระพุทธองค์อุตส่าห์เสด็จหนึออกมาแล้วจากลัทธิพราห์ม เพราะพิจารณาเห็นแล้วลัทธินี้ ความเชื่อนี้ ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ ไมเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น (ลัทธิแห่งความเชื่อ และการขอฯพร ขอ..ขอ..ขอ.) จนที่สุดทรงค้นพบแล้วซึ่งทางแห่งอรัยสัจจ์ จนเสด็จตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แต่ที่อื่นๆปัจจุบันนี้..ผมก็ยังเห็นเค้าเคารพบูชารูปสักการะอื่นๆ เหนือพระพุทธเจ้ามากมาย แม้ตัวเองจะได้ชื่อว่าเป็นสงฆ์ เป็นภิกษุ ห่มผ้าหลืองอยู่ก็ดี บางทีหนักขึ้นก็ไม่เอาแล้วพระพุทธเจ้า ยกเอารูปพระพุทธลงเลย เอารูปยักษ์มาร (ราหู) เอารูปเทพอารักษ์ (เทพเฝ้าประตู ) จากรูปปูนปั้นเทพเฝ้าประตูธรรมดาๆ สร้างตามคตินิยมธรรมดาๆ ในการสร้างโบสถ์ วิหาร เจดย์ต่างๆ วันหนึ่งเหล่ามนุษย์ผู้งมงาย ผู้นิยมการขอๆๆๆๆ แต่ไม่นิยมปฏิบัติเอง รู้เอง เห็นเอง ช่วยเหลือพึ่งพาตนเอง เขาก็พากันอ้างการทรงเจ้าเข้าผี ร่วมเป็นขบวนการ ปั้นแต้ม แต่งเติมสีสรร จากรูปปั้นปูนธรรมดาๆ วันหนึ่งก็เลยกลายเป็นเทพเหนือเทพ ขึ้นมา.. ขอได้ทุกสรรพสิ่ง..โดยเฉพาะความรวย ขอได้ (ขอได้กับเฉพาะทีมงานผู้สร้าง) สร้างความงมงายได้ทั่วประเทศไทยมาแล้ว

(ถ้าจำไม่ผิด เทพองค์นี้ Rating ปัจจุบัน น่าจะถูกจัดอยู่เป็นเทพอันดับองค์ที่ 2,000 กว่าๆ จากเทพทั่วโลก อีกหน่อยคงต้องเพิ่มคำว่าท้าว..เทพองค์ล่าสุด From Thailand) ที่เวลาชนกลุ่มนั้นๆ ใครเคารพพงมงายใครขึ้นมา ก็นับถือสืบทอดกันต่อไฟ นานวันเข้าเป็นสิบเป็นร้อยปี จากปูนปั้นธรรมดาๆองค์หนึ่ง ก็กลายเป็นตัวเทพจริงขึ้นมา พร้อมนิยายความศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไปอีกเพี๊ยบ..ลัทธินี้มีเทพมากจริงๆครับ ทั่วโลก นับไม่หวาด ไม่ไหว ลูกศิษย์ลูกหาของใครของมัน ต่างอ้างองค์นู้นเก่งกว่าองค์นี้ บางทีองค์นู้นก็เป็นนิ้วขององค์นู้น บางทีก็เป็นอาวุธขององค์นั้น อวตารมาเกิด อะไรประมาณนั้น (ก็คือ บลัฟกันไป บลัพกันมา )บางคนองค์ก็มีเมีย มีลูก บางองค์ก็ทะเลาะกัน ตีกัน ยกพวกตีกันก็มี ใครชอบศึกษาศานาเปรียบเทียบ ลองศึกษา อ่านดูซิครับ สนุกดี มันดี เหมือนดูหนัง ดูละคร ไม่เครียด ไม่เหมือนธรรมะปฏิบัติใดๆ ใครนับถือมากๆ นับถือเทพองค์นั้นเป็นสรณะ สวดขอพรนานๆ มากๆ..เชื่อว่าเทพองค์นั้นต้องลงมาช่วยเขา ไม่ช่วยก็ไม่ได้ เพราะเขาบูชาเราจริง เราต้องตอบแทนช่วยเขา เพราะฉะนั้นต้องเคารพมากๆ บูชามากๆ ไม่ต้องทำอะไรก็ได้ สวดมากๆ สวดนานๆ ขอพรมากๆเดี๋ยวก็ดีเองล่ะ ไม่เกี่ยวกับกรรมใดใครก่อ ขอเพียงแต่ให้ "ขอ"อย่างเดียว..เดี๋ยวก็ดีเองล่ะ ช่วยได้ทุกอย่าง (นอกเรื่องอีกแล้ว..เรา)

ผมเคยได้กราบเรียนถามปัญหาข้อนี้กับหลวงปู่ พระป่า องค์หนึ่ง ว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ องค์ท่านตอบว่า " อ้าว..ก็เดี๋ยวนี้คนเขาไม่เอากันแล้ว พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เขาเอาจ้าว เอาผี เอายักษ์ เอามาร นู้น เป็นสรณะกันแล้ว บ้านเมืองถึงได้วุ่นวายกันทุกวันนี้ ก็ยักษ์มารมันครอบครองใจคน ครอบได้แม่กระทั่งกับพระกับเจ้า นี่คงเข้ากึ่งพุทธกาลแล้วมั่ง." จำได้ตอนนั้นผมได้ฟัง รู้สึกเศร้าใจมากเหลือเกิน..

พร้อมกันนั้น ได้เอาพระเหนือพรหมที่ผมใส่ติดตัวไปเพียงองค์เดียวให้ท่านดู ท่านดูและพิจารณาอยู่นานมาก ที่สุดยิ้มอย่างพอใจมาก ท่านตอบสั้นๆว่า "องค์ที่เขารู้ เขาก็รู้ ท่านผู้สร้างท่านฉลาดหลักแหลมล้ำลึกมาก น่าอนุโมทนาสาธุการเป็นที่สุด" ผมยังได้กราบเรียนถามต่อไปว่า แล้วตามประวัติการสร้างเขาเล่าว่า องค์หลวงปู่ฯให้สร้างตามบทชัยมงคลคาถา บทหนึ่ง รู้สึกจะเป็นบทที่ 8 ในบทพาหุง กล่าวถึง พระพุทธเจ้าทรงไปปราบท้าวพกาพรหม เพื่อลดทิฐิ มานะ ด้วยถือว่าตนเองเป็นใหญ่ที่สุด โดยพระองค์ไปซ่อนในเศียรของพรหม จนพรหมหาเท่าไรก็ไม่เจอ ที่สุดยอมแพ้ เข้าถวายตัวเป็นผู้ถึงด้วยไตรสรณคมณ์ ที่สุดสำเร็จโสดาปัตติผล ท่านกล่าวตอบว่า "เป็นจริง ทั้งไม่เป็นการดูถูก ดูแคลน คนอื่นเขา มีบทพระคาถาที่เป็นอ้างอิง เราจึงว่าท่านผู้สร้างนี้ฉลาดล้ำลึกนัก" (แปลว่าตอนที่ท่านนั่งนิ่ง พิจารณาพระองค์นี้อยู่นาน ท่านรู้หมดแล้วล่ะหน่า..)

ผมถามต่อว่าแล้วพรหมที่อยู่ใต้นี้จะให้คิดอย่างไร ท่านตอบว่า " พรหมนี้อุปมาดัง พรหมวิหาร 4 คือ ความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา หน้าทั้ง 4 หน้า จงตั้งจิตให้เป็นตามนั้น พรหมวิหารธรรมเป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้ที่จะเรียนรู้ เพื่อปฏิบัติธรรมให้ได้ชั้นสูงต่อไป ต้องมีพรหมวิหารนี้เป็นพื้นฐานจิตทีสำคัญ" ส่วนในทางโลกนั้น ผู้เข้าถึงซึ่งพรหมวิหารธรรมท้ง 4 ประการ ก็คือ คาถารวยทรัพย์ ผู้ดำรงตนเช่นนั้นได้ ย่อมเป็นผู้ไม่อด ไม่อยาก ไม่ต้องไปท่องไปสวดคาถาอื่นๆเพื่อขอให้รวยหรอก ท่องเท่าไรก็ไม่ได้ผล ก็จิตมันไม่นำ มันจะมีผลได้อย่างไร กระทำที่จิตก่อน ไม่ต้องมนต์ก็ได้ แล้วความสำเร็จจะมาเอง "จำไว้น่ะ พรหมวิหารธรรมทั้ง 4 ประการนี่ล่ะ คือ คาถารวยทรัพย์ ตัวจริง "

จำได้ว่าท่านยังได้เทศน์ต่อไปว่า พรหมมีสีหน้า แปดกรนี้ เป็นรูปเทวนิยมตามลัทธิอื่นศาสนาอื่นเขา เชื่อว่าเป็นผู้สร้างโลก ผู้กำหนดชะตาชีวิตทุกอย่าง เราชาวพุทธไม่มีเรื่องเช่นนั้น "พรหม" ในทางพุทธเรา คือ ผู้ปฏิบัติธรรมขั้นสูงที่ละกิเลสขั้นนั้นๆได้ตามกำลังที่เพียรปฏิบัติมา จนได้ขึ้นไปอยู่ในชั้นพรหม เป็นที่สงบ ราบเรียบ เย็นตาเย็นใจ การไปกราบไปไหว้รูปพรหม 4 หน้าที่เขาสร้างกันนั้น เราชาวพุทธถึงไปกราบไปไหว้ก็ไม่ผิดอะไร แต่กราบไหว้นั้น ให้น้อมจิตเป็นพรหมวิหารตามที่ว่า นั่นล่ะ คือ ดำรงจิตเป็นพุทธแท้ ดำรงจิตให้เข้าถึงซึ่งพระรัตนตรัย จำไว้ให้ดีน่ะโยม นี่ครับ..เล่าย่อๆให้ฟัง ผมได้ยินได้ฟังมาอย่างนี้..

การที่หลวงปู่ท่านฯ ให้สร้างเป็นพระอยู่เหนือผม..สำหรับผม...นัยหนึ่งก็คือสิ่งแสดงได้ถึงภูมิธรรมแห่งองค์หลวงปู่ฯท่าน อย่างถึงทีสุด..จำได้เล่าๆว่าท่านเคยพูดกว้างๆว่า "ใครเขายังไม่รู้ ทำไม่ถูกที่ถูกทาง..เขายังไม่สามารถเข้าถึงได้ เราก็ทำให้มันถูก ก็เท่านั้นล่ะ" สำหรับผม..นี่คือ..ที่สุดแห่งการซื่อสัตย์จงรักภักดี ทีสุดแห่งความเทิดทูนเคารพบูชา ที่สุดแห่งสรณะการเข้าถึงอย่างแท้จริง ต่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และนี่แหละคือ..แสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงขององค์หลวงปู่ท่าน ที่เข้าถึงจุดสูงสุด ซื่อสัตย์ต่อพระไตรสรคมณ์เป็นหนึ่งเดียว เป็นสรณังคัจฉามิ..แล้วนั่นเอง

สำหรับบรรดาศิษย์หลวงปู่ฯหลายๆท่าน ที่ผมมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกัน ก็เคยถามๆครับ ว่าทำไมถึงแขวนรุ่นพระเหนือพรหมติดตัว ก็ได้คำตอบหลายๆอย่างครับ เช่น ก็คือ เป็นพระหลักพระประจำเอกลักษณ์ของหลวงปู่ฯบ้าง แล้วก็เป็นคนชอบพระเนื้อผงด้วย /บางคนก็ว่าได้อ่านจากเวบต่างๆรุ่นนี้ประสบการ์ณเพียบ/ บางคนก็ว่าเพื่อศิริมงคลเหนือดวง เหนือชะตาชีวิต เหนือพรหมลิขิต (ที่คิดว่าชะตาชีวิตตนเองไม่ค่อยดี หรือชอบเสริมดวง)/ บางคนชอบปฏิบัติธรรม ก็ว่าเคยอ่านพบเจอว่าหลวงปู่ฯมักจะมอบให้กับเฉพาะคนที่ปฏิบัติดีๆเท่านั้น แปลว่าต้องมีอะไรดี ครับ..นี่คร่าวๆ ก็ว่ากันไป แล้วแต่ความเชื่อมั่นของแต่ละบุคคล ส่วนผมที่แขวนทุกวันนี้..ยังคงยึดหลักเพื่อเตือนสติตนเองตลอดเวลาว่า.. ขอน้อมเอาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่งอันประเสริฐสูงสุด ขอผูกขาด จองขาด เป็นทีพึ่ง ที่ระลึก ที่ปฏิบัติ ที่บูชา ไปในทุกกาลทุกชาติ..เทอญ

จบบทความเรื่อง พระเหนือพรหมแล้วครับ..


สวัสดี..

 

กราบขอ อนุญาตุ คุณตุ้ย และคุณjopaa ด้วยนะครับที่วันนี้ผมได้นำข้อมูลเรื่อง ประวัติความเป็นมาของลูกอมหรือลูกแก้วเนื้อโขลกว่าจัดสร้างเมื่อใดขนาดเท่าใดรบกวนอยากทราบความเป็นมาครับ
ผมจึงcoppy ข้อความของพี่ทั้งสองท่านไปให้อ่านครับ ที่เวบ พระสังกัจจายน์ เนื้อนวะโลหะครับ
ลองตามเข้าไปอ่านตามลิ้งค์ที่ผมพิมพ์ไว้ด้านล่างได้เลยนะครับ
ลองกดเข้าไปที่ พระสังกัจจายน์ เนื้อนวโลหะ แล้วมันจะเข้าไปในหน้านั้นเลยครับเผื่อเพื่อนๆพี่จะลองเข้าไปดู เพราะเวบนี้ก็เป็นเวบเกี่ยวกับคน ที่รักหลวงปู่ดู่ครับ ผมก็สมัครเป็นสมาชิกเหมือนกันครับ

 

ได้ความรู้มากมายเลยค่ะคุณโจ อิอิ จะเรียกพี่โจก้อเกรงใจนะคะ

 

มาไม่ทันอีกตามเคย....

 

1.หล่อพรหม เนื้อเหลือง 2522
2.เหรียญ หลวงปู่ทวด รุ่น 2 ไข่ปลาเล็ก วัดช้างให้
3.พระมหาว่านดำ 2483 วัดเขาอ้อ
ครับผม

 

สุดยอด เลยครับ เข้ามาเก็บความรู้ครับ

 

รออยู่นะคะพี่ฉันทะ เย้ เย้ เย้

 

แจ้งส่งพัสดุ EMS ครับ 29/04/2011 เวลา 08:35:04
<!-- google_ad_section_end -->คุณธนันท์ชัย EI 1220 1180 2 TH ขอบคุณมากครับ
อ.วิทยา EI 1220 1181 6 TH ขอบคุณมากครับ
คุณปัทมาสน์ EI 1220 1182 0 TH ขอบคุณมากครับ
คุณสิทธิพร EI 1220 1183 3 TH ขอบคุณมากครับ
คุณอัครพล EI 1220 1184 7 TH ขอบคุณมากครับ

 

** พระเหนือพรหม ** (ตอน 2.)

คราวนี้มาเข้าหมวดพระเหนือพรหม ล้วนๆ..ว่าทำไมจึงได้รับความนิยมสูงสุด และมีราคาเช่าหาแพงสุด ในบรรดาพระเนื้อผงขององค์ท่าน

ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอน 1. ว่า พระผงรุ่นอื่นๆ เอาพระของที่อื่นมาเป็นแบบพิมพ์ ทั้งนั้น ส่วนพระเนื้อผง ของหลวงปู่ฯ ที่ทางวัดแกะพิมพ์เอง และถือเป็นพระเอกลักษณ์ของหลวงปู่ฯ ก็คือ พระชุด" พระเหนือพรหม" นี่เอง โดยแบ่งเป็นทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้

1. พระเหนือพรหม (พิมพ์ใหญ่) สร้างในปี 2517
2. พระเหนือพรหม (พิมพ์กลาง) สร้างในปี 2519
3. พระเหนือพรหม (พิมพ์พรหมเกศา) หรือเรียกว่า "พิมพ์เล็ก" สร้างในปี
2532

ทั้ง 3 รุ่นนี่..ถือเป็นพระผงชุด "พระเหนือพรหม" มาตรฐาน พบเห็นได้ทั่วไป ดังนั้นคำถามที่ว่า พระพรหมเกศา ต่างกับพระเหนือพรหมอย่างไร คำตอบก็คือ ก็ชุดเดียวกันล่ะครับ เป็นชุดที่จัดอยู่ในพิมพ์เล็ก ของพระชุดเหนือพรหม

คราวนี้ก็มาเพิ่มชุดพิเศษเข้าไปอีกหน่อย ก็คือ

4. พระเหนือพรหม (พิมพ์พรหมเกศา) แต่คราวนี้ไม่ได้เป็นเนื้อผงน่ะครับ เป็นเนื้อดินเผา จะมีแต่สีแดง กับ สีขาว เท่านั้น เป็นพิมพ์ที่ลูกศิษย์ทำมาถวาย ในปี 2531 และก็พระชุดนี้ล่ะครับ ที่นำมาเป็นต้นแบบพิมพ์เป็นพระผงพรหมเกศา (พิมพ์เล็ก) ในปี 2532 ปีถัดไป รุ่นนี้ถือว่าหาค่อนข้างยากครับ มีจำนวนการสร้างไม่มากนัก

5. พระเหนือพรหม (พิมพ์ใหญ่) ปี 2525 (สร้างในคราวฉลองกรุงฯ) ชุดนี้ถือว่าเป็นชุดพิเศษ เนื้อหาพระจะเปลี่ยนไป กล่าวคือ ส่วนมากเนื้อจะเรียบสวย แน่น ขอบพระไม่หักบิ่น ด้านหลังพระส่วนใหญ่จะปั้มตรายันต์ตุ๊กตา มีจำนวนการสร้างไม่มาก รุ่นนี้ราคาเช่าหาจะค่อนข้างแพงครับ

ก็มีเท่านี้ล่ะครับสำหรับ การไล่เลียงลำดับรุ่นในพระชุด"พระเหนือพรหม"

ส่วนทำไมจึงเป็นแกะเป็นลักษณะพระอยู่บนเศียรพรหม อันนี้ถือเป็นความประทับใจของผมที่สุด และก็เป็นเหตุผลอันดับแรก ที่นำผมมาเป็นศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งจนทุกวันนี้

ด้วยผมถือว่า นี่คือ..ที่สุดแห่งการซื่อสัตย์จงรักภักดี ทีสุดแห่งความเคราพบูชา ที่สุดแห่งความเชื่อมั่น ที่สุดแห่งการเข้าถึงอย่างแท้จริง ต่อคุณพระรัตนตรัย และนี่แหละคือ..แสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงขององค์หลวงปู่ท่าน แสดงถึงได้ถึงภูมิธรรมขององค์ท่าน ที่เข้าถึงจุดสูงสุดแล้วนั่นเอง

ความจริงอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับ พระทำไมไปอยู่เหนือเศียรพรหมมาก เพราะนี่คือความประทับใจสุดๆของผม ดังที่เคยเกริ่นไว้ว่าจะเขียน แต่ตอนนี้เหนื่อย เมื่อยมือ แล้วก็ง่วงมากครับ..ไม่ไหวแล้ว..ขอผลัดไปคราวหน้าล่ะกัน

สวัสดี..นินทรา ราตรีสวัสครับ

โมทนาครับ