โดนขังวิญญาณ

hello4สวัสดีคะ คุณ ainteerati, ...ขอบคุณสำหรับคำตอบ..คะ

 

เรื่องของกรรมเป็นเรื่องที่เข้าใจยากจริงๆเลย หลังสงกรานต์ผมก็ไปทำสังฆทาน
มา เมื่อวานโดนหนามตำที่เท้าเสียเลือดไปหลายหยด บุญก็ทำ พระก็แขวนห้อยคอ
ยังต้องมาเสียเลือดอีก :'(

 

สวัสดีครับ ทานข้าวกันยังครับ

 

ศิลามณี เรียบร้อยตั้งแต่ 8 โมงเช้าแล้วคะ...ดูท่า คุณainteerati คงจะยังไม่ได้ทานอะไรละมังคะ...

 

สวัสดีครับยินดีต้อนรับนะครับ ดูไม่ค่อยเป็นเหมือนกันครับ

 

ตอนเด็กๆ ศิลามณี ชอบเอาเห็บที่ตัวลูกหมา ไปจิ้มกับหนามแหลมๆ ของต้นโป๊ยเซียม...แล้วอยู่มาวันหนึ่งของเมื่อปี่ที่แล้ว .ศิลามณี ...เห็นดินสอปลายแหลมเฟี้ยวเลยนะ... ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้..แล้วอยู่ๆเจ้าดินสอนี้ก็พลัดตกลงพื้น กระเด็น กระดอน สามสี่ตลบ อีท่าไหนไม่ทราบคะ จิ้มปักลงเข้าที่ส้นเท้าของ ศิลามณี ..เจ็บเลย..นี่ไงกรรม

 

คุณainteeratiครับ วัตถุมงคลที่มีคาถากำกับสมมุติภาวนา 7 จบ
ส่วนคาถาสมมุติว่าเป็นคาถาเมตตา ภาวนา 7 คาบ
คือผมสงสัยนะครับ คำว่าคาบ กับ จบ นี้มีความหมายอย่างเดียวกันมั้ยครับ?

 

ตอนเป็นเด็กผมก็ซนมากครับ เบียดเบียนสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเยอะเหมือนกัน พอถึงตอนนี้ก็ก้มหน้ารับกรรมไป (cry)

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1462736/[/MUSIC]

 

ความหมายเดียวกันนะครับ

 

คุณainteeratiมีข่าวภัยพิบัติอัพเดทบ้างไหมครับ เห็นในกระทู้หนึ่งในห้องภัยพิบัติ บอกว่าวันที่ 5 พค.นี้ครับ เร็วจังครับ

 

หลวงพ่อบอกไว้เหมือนกันเดือนพ.ค นี้ให้เตรียมอาหารเตรียมไฟไว้ แต่ท่านไม่ได้ระบุวัน น่าจะไม่รุนแรงมากนะมีบอกว่าตึก....จะถล่มด้วยละ(บอกชื่อไม่ได้เดี๋ยวเขาว่าเอา)

 

ถ้าตึกถล่มนี่น่าจะเกี่ยวกับแผ่นดินไหวใช่ไหมครับ

 

เขากวางหดก็ต้อง วางเขากวางหดใว้บนผ้าขาวบนพานทอง
การบูชาก็ด้วยดอกใม้สีขาวเท่านั้นดอกอะไรก็ได้ทำเป็นขันห้า
หรือวางดอกใม้ข้างๆเขาเลยก็ได้ ข้อห้ามไม่มี แต่มีคาถากำกับ
ขึ้นอยู่กับอาจารย์ที่ลงครั้งแรกว่าจะลงพระคาถาอะไร เขากวางแต่ละ
อันจะมีคาถากำกับไม่เหมือนกัน ส่วนจะรู้ได้ยังไงก็ต้องถึงเวลา
แล้วจะรู้เอง

ส่วนว่าเป็นเขากวางหดแท้หรือของทำเทียม ให้ดูข้างล่างถ้ามีรอยหลุด
ออกมาเองจากขั้วคือแท้ 80% ถ้าก้นฐานแต่งมาก็ไม่แท้ครับ
แต่จากที่เห็นก็คิดว่าลงอาคมมาถือว่าใช้ได้ครับ

 

ท่านว่าสวดอิติปิโส7จบเป็น 1 คาบแล้วเป่าไป
หมายถึงสวดในใจ 7 จบใน 1 คาบของการกลั้นหายใจครับ
สูดลมหายใจเขาไปลึกๆแล้วท่องพรึ่บเดียว 7 จบ แล้วเป่าออกเพี้ยง..

ท่านจึงรวมพระคาถาทั้งหลายมาเป็นหัวใจพระพุทธเจ้า หัวใจหนุมานเป็นต้น
แล้วมาอัดใน 1 คาบกี่จบก็ว่าไปแล้วเป่าออกครับ

 

การผิดศีลมันไม่ดีอย่างนี้นี่เอง ผิดทีไรโดนหนักทุกที

 

คุณจิ-โปครับ หากท่องหัวใจคาถา อย่างเดียวโดยไม่รู้บทเต็มของคาถาได้ไหมครับ
จะเหมือนกับท่องนกแก้วนกขุนทองไหมครับ และต้องใช้อารมณ์สมาธิประมาณไหนหรือครับ

เคยมีพี่คนหนึ่งในสอนคาถาให้ 1 บท ให้ท่องจนปูนจืด คือเอาปลายนิ้วป้ายปูนแดง
ตอนปูนยังเปียกแล้วเอามาแตะลิ้นดูก่อน ปูนก็กัดลิ้น คราวนี้ก็ท่องคาถา 1 จบ
เป่าที่ปูน 1 ครั้ง เป่าจนปูนแห้งแล้วเอามาแตะลิ้นชิมดูใหม่ คราวนี้ปูนจืด ไม่กัดลิ้น
ที่ผมสงสัยคือทำไมปูนถึงมีรสจืดไม่กัดลิ้นได้ล่ะครับ เป็นเพราะคาถา
หรือเพราะเป่าจนปูนแห้งครับ ?

ขอถามเพิ่มเติมอีกนิดครับ ถ้าท่องคาถาอิติปิโสถอยหลัง 108 คาบ
หมายถึงต้องกลั้นใจ 108 ครั้ง ในแต่ละครั้งที่กลั้นใจก็ต้องท่องให้ได้ 7 จบหรือครับ
ผมคงกลั้นหายใจนานขนาดนั้นไม่ได้ คุณจิ-โป มีบทย่อของคาถาอิติปิโสถอยหลังไหมครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ บ้านในสวน
สวัสดีครับท่านจขกท. และท่านจี-โบคือผมขอรบกวนถามหน่อยครับว่าใช่เป็นของที่ทำเลียนแบบตั้งแต่สมัยก่อนหรือว่าของจริงครับ และถ้าแท้การบูชาและข้อห้ามมีอะไรบ้างครับ ขอบคุณครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>

เขากวางหดก็ต้อง วางเขากวางหดใว้บนผ้าขาวบนพานทอง
การบูชาก็ด้วยดอกใม้สีขาวเท่านั้นดอกอะไรก็ได้ทำเป็นขันห้า
หรือวางดอกใม้ข้างๆเขาเลยก็ได้ ข้อห้ามไม่มี แต่มีคาถากำกับ
ขึ้นอยู่กับอาจารย์ที่ลงครั้งแรกว่าจะลงพระคาถาอะไร เขากวางแต่ละ
อันจะมีคาถากำกับไม่เหมือนกัน ส่วนจะรู้ได้ยังไงก็ต้องถึงเวลา
แล้วจะรู้เอง

ส่วนว่าเป็นเขากวางหดแท้หรือของทำเทียม ให้ดูข้างล่างถ้ามีรอยหลุด
ออกมาเองจากขั้วคือแท้ 80% ถ้าก้นฐานแต่งมาก็ไม่แท้ครับ
แต่จากที่เห็นก็คิดว่าลงอาคมมาถือว่าใช้ได้ครับ

"ขอบคุณมากๆครับ บ้านในสวน"

 

วันนี้นอนพักผ่อนกลางวันหลังจากกลับมาจากไปธุระไม่มีอะไรทำเลยนอน มีความรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในอีกมิติหนึ่ง พยายามที่จะนึกถึงปัจจุบันแต่ก็นึกไม่ออกว่าเรานอนอยู่ที่ไหน เหมือนนอนอยู่ในรถสองแถว พอลืมตามาก็กึ่ง ๆ เพราะเพลียมาก พอหลับไปอีกก็เป็นอีกไปในอีกมิติหนึ่ง
ครั้งที่ 3 หลับไปแบบไม่พยายามแล้ว จะขอหลับแบบสบายหน่อย ก็เห็นมีผู้ชาย และคน ๆ หนึ่ง กำลังโกนผมใส่ใบบัว คนที่ถือใบบัวใส่ผมให้คนที่จะบวชนั้น เค้าบอกว่า ทำมัยอยากจะบวชแล้วไม่บอกพ่อกับแม่หล่ะ ในเมื่อตัวเองจะบวช เค้าก็บอกว่า ยังไม่บอก เหมือนเค้ามีปัญหาอะไรซักอย่างหนึ่ง จึงไม่บอก พอลืมตามาเราก็งง.. ก็หลับต่อไปอีก ได้ยินเสียผู้หญิงร้องเพลงเป็นทำนองไทยเดิม เสียงก้องกังวาล จับใจความได้ว่า เค้าบอกว่า ร่างกายของเราเกิดมาทั้งที ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์อย่าให้สูญเปล่า เกิดมาชาตินี้ต้องใช้ร่างกายนี้ให้เป็นประโยชน์ คือให้มองเห็นถึงคุณค่าของร่างกายนี้ พอดีตื่นก่อน น้ำตาเรากำลังจะไหล ซาบซึ้งกับเสียงเพลงนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าต้องการจะบอกอะไร
ก็มีเท่านี้ที่จะเล่าให้พี่จิ-โป และเพื่อน ๆ ฟัง หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเค้าต้องการบอกอะไรน่ะค่ะพี่จิ-โป อันนี้ก็ขอถามเลยแล้วกัน
แต่เท่าที่หนุพิจารณาดูนะคะ การบวชไม่ว่าจะบวชใจหรือบวชจริง ๆ ก็ตาม ถ้าพ่อแม่รับรู้ว่าเราบวช เค้าเองอาจจะปราบปลื้มใจ ถึงแม้ว่าหนูจะเป็นผู้หญิง แต่ในใจหนูปฏิบัติจริง ๆ ไม่มีอะไรที่เสียหาย และต้องอายก็ควรจะบอกพ่อกับแม่ให้เข้าใจ ใช่หรือเปล่าคะพี่จิ-โป
ส่วนเพลงนั้น เค้าอาจจะบอกหนูว่า ร่างกายของเราเกิดมาทั้งทีต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ หนูมีความรู้สึกว่า แค่ความรู้สึกภายใน และความรู้สึกภายนอก มันมีแค่เพียงร่างกายมากั้นกลางเท่านั้น ถ้าเราไม่ยึดติดในร่างกายนี้ว่าเป็นของเรา ภายในกับภายนอกก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันค่ะ

 

เรื่องปูนผมไม่รู้ครับไม่อาจพูดได้เพราะไม่รู้กลัวจะผิด

ท่องหัวใจแต่ไม่รู้ หรือรู้คาถาแต่ไม่รู้คำแปลถ้าเข้าให้ถึงมันก็ใช้ได้เหมือนกัน
หมดนั่นล่ะครับ

แต่อิติปิโสน่ะอย่าไปถอยหลังเลยครับ เราเดินหน้ายังหกล้มนับประสาอะไรให้
เดินถอยหลังจะไม่หลายท้องเลยเหรอ

การที่เราท่องพระคาถาใดๆแล้วไม่จบคาบนั้นเพราะลมหายใจเราหมดก่อนนั้น
อย่างดีมากท่านบอกเข้าฌาณเวลาขณะนั้นจะหยุด ลมหายใจก็ไม่มีก็ท่องไป
จะท่องพระไตรปิฏกจนจบเวลาก็ไม่ขยับ ลมหายใจยังไม่เคลื่อนเลยนี่อย่างดี


ส่วนอย่างพอท้วมๆท่านให้กำหนดภาพของอักขระให้ปรากฏขึ้นมาในใจทั้งหมด
หน้าแล้วท่องในใจให้มองเห็นแต่ตัวอักขระนั้นอย่าสนใจลมหายใจและร่างกาย
ให้ละอย่างสิ้นเชิง มีอย่างเดียวเท่านั้นที่เราจะเห็นก็คืออักขระพระคาถานั้นๆที่
ปรากฏในมโนจิตของเรา นี่ก็ไม่นับลมหายใจเพราะเราละวางไม่สนใจ ไม่รู้สึก
ถึงลมหายใจอย่างสิ้นเชิง เรียกว่า"เข้าถึงพระคาถา" นึกถึงพระคาถาภาพอักขระ
ก็ปรากฏมาทั้งหน้า


ส่วนอย่างเลวก็ท่องไปอ่านหนังสือไปเพราะจำม่ายล่าย อันนี้ไม่เกิดฤทธิ์ใดๆ
นี่คือการท่องพระคาถาให้เกิดฤทธิ์ ส่วนการถอดของหรือการประลองกำลัง
นั้นปากท่องพระคาถาอย่างหนึ่ง ใจท่องอย่างหนึ่งใว้รอมันจะต่อเนื่องไม่ขาด
ตอนเช่น เสกงูท่องพระคาถาอัญเชิญนาคราช ขณะที่ใจเราเห็นปรากฏร่างพญา
งูแผ่แม่เบี้ยอ้าปากแดงฉาน ใจต้องร่ายพระคาถาอื่นเช่นพระนารายณ์พันแปลง

ภาพที่เกิดจะปรากฏงูต่อสู้กับเสือถ้าเราแพ้งูเราจะสลายร่างตอนนั้นเองพระ
คาถาที่ใจเราท่องก็จะทำให้งูกลายเป็นอย่างอื่นเช่นวัวกระทิงหรือยักษ์แล้วแต่
สิ่งที่เราเตรียมใว้ พออย่างนึงแพ้ก็จะกลายเป็นอย่างนึง เรียกว่าถ้าได้คู่ต่อสู้
ที่สูสีล่ะก็มันส์ แต่สมัยนี้หาคนเก่งๆยาก
เคล็ดมันก็อย่างนี้ล่ะปากท่องอย่างใจท่องใว้อย่างพร้อมๆกัน