Subliminal Messages การซ่อนข้อความหรือความหมายในที่ต่างๆ???

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 21 พฤศจิกายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นักคณิตศาสตร์โบราณคำนวณวันโลกหายนะ ปลายปี2011

    [​IMG]

    เมื่อ ค.ศ. 1593 นักคณิตศาสตร์ และนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้ใช้หลักวิชา “ลอการิธึ่ม” คำนวณว่า อีก 417 ปีข้างหน้า ทั้งโลกต้องเผชิญหน้ากับหายนะครั้งใหญ่ จะมีคนตายทุกเดือน ๆ ละ 230,000 คน
    นักดาราศาสตร์ผู้นี้คือ จอห์น นาปิแอร์ ได้ฟันธงว่าโลกของเราตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นไป ต้องเผชิญกับมหาภัยโรคระบาด ร้ายแรง มีคนตายเป็นเบือ นั่นคือโรคไข้หวัดหมู หรือที่รู้จักในปัจจุบันคือ ไวรัส เอช 1 เอน 1 (H1 N1)
    นักวิทยาศาสตร์ จอห์น พยากรณ์ เอาไว้ เมื่อ 417 ปีก่อน หรือประมาณ 8 ชั่ว อายุคน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า ได้เกิดโรคระบาด ไข้หวัดหมูแพร่มายังคน ตั้งแต่ต้นปี 2009 เป็นต้นมา
    จอห์น นาปิแอร์ ไม่เพียงเป็น นักคณิตศาสตร์ระดับอัจฉริยะ แล้วเขายังเป็น นักเทววิทยาเชี่ยวชาญทางด้านวิชา โหราศาสตร์ อีกด้วย งานพยากรณ์เรื่องไข้หวัดหมู จอห์นได้รับ แรงบันดาลใจจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูล จากคัมภีร์ ไบเบิลภาคสุดท้าย ภาควาระสุดท้าย ของโลก
    เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ นักวิทยาศาสตร์ จอห์น ทำงานในสำนักงานตนเองที่เมือง เอดินเบอระห์, สก็อตแลนด์ ในช่วงวัยกลางคน เขาเริ่มศึกษาวิจัยเกี่ยวกับชีวิตของหมู เก็บข้อมูลการกินอยู่ นิสัย พฤติกรรม ทั้งนี้ได้ หาข้อมูลเกี่ยวกับหมูที่มีบันทึกเอาไว้ในที่ต่างๆ ย้อนหลังไป 1,000 ปี จึงมีข้อสรุปที่น่าตื่น ตะลึงว่า หมูนี่เอง คือพาหนะของโรค ซึ่งจะ คร่าชีวิตคนล้มตายมากที่สุด กว่าโรคชนิดใด ๆ เท่าที่มนุษย์เคยพานพบมา
    จอห์น พบข้อมูลสำคัญว่า หมูมีการ เปลี่ยนแปลงยีนพันธุกรรม ในอัตราที่รวดเร็ว มาก การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้เอง ทำให้วันหนึ่ง หมูจะกลายเป็นพาหะของ ไวรัสชนิดหนึ่ง สามารถฆ่าคนทั้งโลกได้ เป็นล้านคน
    จอห์นได้ใช้หลักวิชาคณิตศาสตร์ ที่เรียกว่า หลักลอการิธึ่ม หรือเลขกำลังของฐาน ทำให้ฐานะมีค่าตามที่กำหนดไว้คำนวณ ตัวเลขการเปลี่ยนแปลงยีนพันพันธุกรรม ของหมู ตัวเลขออกมา 417 ปี ข้างหน้า
    เมื่อนำ ค.ศ. 1593 ปีที่จอห์นค้นพบ ตัวเลขหายนะ เผ่าพันธุ์มนุษย์อีก 417 ปีข้าง หน้ามาบวกรวมกัน ได้ตัวเลข 2010 หรือ ค.ศ. 2010 พ.ศ. 2553 ซึ่งชาวโลกทุกคนต่าง รับรู้ดีว่า ได้เกิดโรคไข้หวัดหมูขึ้นมาจริง
    ในรายละเอียดที่จอห์นคำนวณ เอาไว้ เขาได้ระบุว่าในปี 2009 ในปี 2009 ไวรัสไข้หวัด หมูจะแพร่ระบาดจากหมูมาสู่คน เมื่อไวรัสฟักตัว ในคนได้ระยะหนึ่ง มันจะกลายพันธุ์เป็นไวรัส แพร่จากคนสู่คนได้ และเป็นการแพร่โรคร้าย จากคนสู่คนโดยลมหายใจ
    แต่เป็นที่น่าดีใจว่า หลังจากไข้หวัด “หมู แพร่ระบาดมายังคนได้ไม่ถึง 9 เดือน นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน สามารถผลิต วัคซีนป้องกันไข้หวัดหมูได้สำเร็จ และตัดวงจรไม่ได้ ไวรัสตัวนี้ได้กลายพันธุ์ ขณะที่อยู่ในร่างกาย คนต่อไปได้
    จึงไม่มีข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ค้น พบไวรัส เอช 1 เอน 1คนแรกในโลก คือจอห์น นาปิแอร์ ซึ่งชาวโลกได้รับรู้ว่า ไข้หวัดหมูระบาด มาสู่คนเป็นครั้งแรก ที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่งในประเทศเม็กซิโก เมื่อต้นปี ค.ศ.2009 ที่ผ่านมา “ดร.หลุยส์ ชาวร์ทซ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดแห่งศูนย์ควบคุมโรค เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์จเจีย สหรัฐอเมริกากล่าว
    “ผมได้มีโอกาสได้อ่านผลงานวิจัย ของท่าน จอห์น ซึ่งถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี งานวิจัยชิ้นนี้ ทุกอย่างตรงเผง ไม่มีข้อผิดพลาด แม้แต่น้อยเลย”
    ในรายงานวิจัย จอห์น นาปิแอร์ เขียนไว้ว่า...ไวรัสไข้หวัดหมู จะกลายพันธุ์ รุนแรงขึ้นแข็งกล้าขึ้นในแต่ละเดือน ที่ผ่านไป หลังจากเข้าสู่ร่างกายคนได้”
    การกลายพันธุ์จะถึงจุดสุดขีดใน เดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 ถึงเวลานั้นจะมีผู้คน ล้มตายทั่วโลก เดือนละ 230,000 คน เฉพาะ ในสหรัฐอเมริกา แต่หากรวมทั้งโลก ตกเดือนละ 11 ล้านคน
    ในงานวิจัยกึ่งงานพยากรณ์ เหตุการณ์ จอห์น นาปิแอร์ ระบุอีกว่า... จนกระทั่งถึงเดือน กันยายน ค.ศ. 2010 นักวิทยาศาสตร์จะค้นพบวัคซีนใช้ต่อต้าน กับไวรัสตัวนี้ได้สำเร็จ ซึ่งก็เป็นจริงตาม คำทำนายนี้ทุกประการ
    แต่คำพยากรณ์ของจอห์น นาปิแอร์ ยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้ เขาระบุว่าโลกจะ เผชิญกับมหาภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่าง ร้ายแรงที่สุดในปลายปี 2011 นี้
    หมอดูคู่กับหมอเดาก็จริงอยู่ แต่นี่ จอห์น นาปิแอร์เป็นทั้งนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักเทววิทยา เป็นวิทยาศาสตร์ เพียว ๆ คุณล่ะ...จะเชื่อเรื่องวาระสุดท้าย ของโลกหรือไม่?
    เครดิต คุณ Lukhgai
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แผนที่ แผนที่โลกใหม่ หลังน้ำท่วมโลก เป็นไปได้จริงหรือ?
    [​IMG]
    เรื่องที่กลายเป็นประเด็นสาธารณะ และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางที่สุดใน พ.ศ.นี้ คงหนีไม่พ้นเรื่อง “น้ำท่วมโลก” ที่จะกลายเป็น “วันสิ้นโลก” ตามที่มีผู้เคยทำนายทายทักไว้ว่า จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ.2012 ผนวกกับในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มนุษย์โลกได้เผชิญกับสัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ๆ ก็ยิ่งทำให้คนตื่นตระหนกกับ “วันสิ้นโลก” มากขึ้นเป็นเท่าตัว ฉะนั้นแล้ว จึงไม่แปลก หากคนจะกลับมาพูดถึงเรื่อง “แผนที่โลกใหม่” (Future Map of the World) ที่เคยมีผู้ทำนายเอาไว้ล่วงหน้า ว่าจะเหลือประเทศใดบ้างหลังผ่านเหตุการณ์ภัยพิบัติของโลก ในปี ค.ศ.2012 ไปแล้ว
    [​IMG]
    และผู้ที่ทำนายเรื่อง “แผนที่โลกใหม่” ไว้ก็คือ นายกอร์ดอน ไมเคิล สคัลเลียน ชายชาวอเมริกัน ซึ่งเคยเกือบเสียชีวิตไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับฟื้นขึ้นมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลังจากนั้น เขาก็อ้างว่าได้รับพรสวรรค์เรื่องการหยั่งรู้อนาคต และยังเคยทำนายเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ถูกต้องหลายครั้ง เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอสแองเจอลิส แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.1992 (พ.ศ.2535), เหตุการณ์แผ่นดินไหวในแลนเดอร์ส (Landers) และ บิ๊กแบร์ (Big Bear) แคลิฟอร์เนีย เมื่อ 17 มกราคม ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) รวมทั้งแผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 มกราคม ค.ศ.1995 (พ.ศ.2538) เป็นต้น
    สำหรับเรื่อง “น้ำท่วมโลก” นั้น นายกอร์ดอน บอกว่า ตนได้มองเห็นตัวเองอยู่สูงขึ้นไปในอวกาศ แล้วมองกลับลงมาบนโลกเห็นแผนที่ใหม่ของโลก จนเมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี เขาก็ยังเห็นภาพเดิม ๆ อีก จึงได้สร้างแผนที่โลกใหม่ หรือ Future Map Of The World ขึ้นมา เมื่อปี ค.ศ.1978 (พ.ศ.2521) และจัดพิมพ์ในปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) โดยระบุว่า จะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติใหญ่ ๆ ในโลกระหว่างปี ค.ศ.1998-2012 (พ.ศ.2541-2555) ทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด รวมไปถึงเหตุการณ์น้ำท่วมโลก จนทำให้หลายประเทศหายไปจากแผนที่โลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศที่เป็นเกาะอยู่แล้วจะจมน้ำทั้งหมด และมีประชากรหลงเหลือเพียงแค่ 10% เท่านั้น
    และเมื่อพิจารณา “แผนที่โลกใหม่” ของนายกอร์ดอนแล้ว จะเห็นได้ว่า แต่ละทวีปเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดย
    [​IMG]
    ทวีปเอเซีย หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
    ทวีปเอเชีย
    ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เพราะอยู่ในแนว “วงแหวนแห่งไฟ” และเขตรอยต่อของเปลือกโลก นายกอร์ดอน ทำนายไว้ว่า จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่ประเทศฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ไล่ขึ้นไปถึงทะเลแบริ่งที่เป็นช่องแคบอยู่ระหว่างรัฐอะแลสกา กับประเทศรัสเซีย ทำให้เกาะของประเทศญี่ปุ่นจมทั้งหมด เหลือเพียง 2-3 เกาะเล็ก ๆ เท่านั้น เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ที่จะถูกน้ำกลืนไปทั้งหมด
    ส่วนไต้หวัน และเกาหลีส่วนใหญ่จะจมหายไปในทะเลด้วย ขณะที่แนวฝั่งของประเทศจีนจะเลื่อนเข้าไปในแผ่นดินอีกหลายร้อยไมล์ ด้านอินโดนีเซียจะเกิดเกาะใหม่ ๆ ขึ้นมา แต่เกาะที่มีอยู่ก่อนหน้าก็จะจมหายไปด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากแผ่นเปลือกโลกที่เคลื่อนตัว ทำให้เกิดการมุดตัว ยกตัวของแผ่นดิน
    สำหรับประเทศไทย นายกอร์ดอน ทำนายไว้ว่า จะเหลือเพียงแค่ส่วนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน และภาคกลางตอนบนเท่านั้น จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ตาก จะกลายเป็นชายฝั่งทะเล ขณะที่จังหวัดที่ติดกับแม่น้ำโขง คือ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม หนองคาย จะจมทะเลไปหมด และแม่น้ำโขงจะเปลี่ยนเป็นทะเลไปด้วย
    ขณะที่ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก ภาคใต้ รวมทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ จะถูกน้ำท่วมจมหายไปจนหมดเช่นกัน
    [​IMG]
    ทวีปออสเตรเลีย หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
    ทวีปออสเตรเลีย
    ประเทศออสเตรเลียจะสูญเสียแผ่นดินไปประมาณ 25% เพราะน้ำท่วมชายฝั่งเกือลหมด และจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาที่นอกชายฝั่งที่บริเวณช่องแคบบาสส์เชื่อมกับเกาะทาสเมเนีย ส่วนประเทศนิวซีแลนด์ จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะเกิดจากการยกตัวของแผ่นดินที่เป็นผลมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ และมีแผ่นดินบางส่วนเชื่อมต่อกับประเทศออสเตรเลียด้วย
    [​IMG]
    ทวีปยุโรป หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
    ทวีปยุโรป
    ประเทศฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์กจะถูกน้ำท่วม เหลือเพียงเกาะเล็ก ๆ น้อย ๆ นับร้อยเกาะ ขณะที่สหราชอาณาจักร ตั้งแต่สกอตแลนด์จนถึงช่องแคบจะจมหายไปในทะเลทั้งหมด เหลือเพียง 2-3 เกาะเล็ก ๆ เท่านั้น
    ประเทศรัสเซียจะแยกตัวออกจากทวีปยุโรป เพราะทะเลสาบแคสเปียน ทะเลดำ ทะเลคารา ทะเลบอสติก จะมารวมเข้าไว้ด้วยกัน กลายเป็นทะเลขนาดใหญ่แห่งใหม่ ถูกแบ่งด้วยเทือกเขาอูราล ยาวไปถึงแม่น้ำเยนิเซในไซบีเรีย ตรงนี้อุณหภูมิจะอบอุ่นขึ้น กลายเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในอนาคต
    ประเทศบัลแกเรีย และโรมาเนียจะจมอยู่ใต้น้ำ เพราะทะเลดำขยายตัวไปรวมกับทะเลทางตอนเหนือ ประเทศฝรั่งเศสจมน้ำทั้งหมด เหลือแค่เกาะในกรุงปารีส และเกิดทางน้ำใหม่แยกประเทศสวิตเซอร์แลนด์ออกจากประเทศฝรั่งเศส ส่วนประเทศอิตาลี ซึ่งมีพื้นที่ต่ำอยู่แล้วจะจมน้ำทั้งหมด ยกเว้นนครรัฐวาติกันที่อยู่ที่สูงจะปลอดภัย และแผ่นดินสูง ๆ จะกลายเป็นเกาะ เกิดแผ่นดินใหม่ทอดยาวจากเกาะซิซิลิไปจนถึงเกาะซาร์ดิเนีย
    นอกจากนี้ นายกอร์ดอน ยังทำนายด้วยว่า จะเกิดสงครามศาสนาในดินแดนโปแลนด์ เรื่อยไปถึงตุรกี แต่สงครามจะยุติลงด้วยความบริสุทธิ์ของแผ่นดินโดยไฟและน้ำ ขณะที่ตุรกีด้านตะวันตกจะจมอยู่ในน้ำ เกิดแนวชายฝั่งใหม่จากเมืองอีสตันบูลถึงไซปรัส ส่วนใหญ่ของสมรภูมิในสงครามโลกครั้งที่สองจมลงสู่ใต้ทะเล ก่อให้เกิดเกาะเล็ก ๆ ขึ้น
    [​IMG]
    ทวีปแอฟริกา หลังปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
    ทวีปแอฟริกา
    ทวีปแอฟริกาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน โดยมีแม่น้ำไนล์ซึ่งกว้างกว่าเดิมมากเป็นตัวแบ่งเขต โดยแม่น้ำไนล์นี้ จะวางอยู่ในรูปตัว Y ของกลางทวีป และไหลผ่านเส้นทางใหม่ คือ ไหลจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตรงปากแม่น้ำไนล์ ผ่านประเทศซูดาน และมีต้นกำเนิดแม่น้ำอยู่ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้
    ขณะที่ทะเลแดง ซึ่งอยู่ตอนเหนือของทวีปจะขยายกว้างขึ้น ทำให้กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ และเกาะมาดากัสการ์เกือบทั้งหมดจมลงสู่ทะเล ทะเลสาบวิคทอเรียจะรวมเข้ากับทะเลสาบนยาซาไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดีย
    นอกจากนี้ ยังมีแผ่นดินใหม่เกิดขึ้นในทะเลอาหรับ บริเวณตอนใต้ของประเทศโอมาน และยังมีแผ่นดินขนาดใหญ่เกิดขึ้นบริเวณทางเหนือและตะวันตกของเมืองเคปทาวน์ด้วย
    ทวีปอเมริกาเหนือ
    อ่าวฮัดสันในประเทศแคนาดาจะขยายตัวออกกลายเป็นทะเลปิดในประเทศ พื้นดินบริเวณชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือจะต้องถอยร่นเข้ามาในแผ่นดินอีก 200 ไมล์ เพราะพื้นที่เก่าถูกน้ำท่วมไปจนหมด ส่วนชาวเมืองที่อาศัยแถบบริติชโคลัมเบีย และอะแลสกา จะต้องอพยพมาอยู่ในควิเบก ออนตาริโอ มานิโตบา ซาสแกนเซวัน แอลเบอร์ตา จะกลายเป็นศูนย์กลางผู้ที่รอดพ้นหายนะระหว่างการเปลี่ยนแปลงในตอนต้น
    ส่วนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นที่แรกของโลก โดยแผ่นทวีปอเมริกาเหนือจะเกิดการโก่งตัว เกิดหมู่เกาะแคลิฟอร์เนียขึ้นอีก 150 เกาะ ต่อมาแผ่นเปลือกโลกแผ่นหนึ่งที่มุดตัวลงไปใต้อีกแผ่นหนึ่ง จะทำให้เกิดแนวโก่งตัวและรอยแยก นำไปสู่อุทกภัย ทำให้ ฝั่งทะเลด้านตะวันตกหดลงไปทางตะวันออกสู่รัฐเนเบรสกา ไวโอมิง และโคโลราโด ส่วนทะเลสาบ เกรทเลค (ประกอบด้วยทะเลสาบสุพิเรีย, ฮูรอน, มิชิแกน, อิรี และออนแตริโอ) และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์จะเชื่อมต่อเข้ากับแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ไหลลงสู่อ่าว
    ขณะที่ประเทศเม็กซิโก น้ำจะท่วมจากชายฝั่งเข้ามาในแผ่นดิน ทำให้คาบสมุทรแคลิฟอร์เนียกลายเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ พื้นที่ส่วนใหญ่ของยูคาทาน พีนิซูลาจะหายไปในทะเล และจะเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ต่อเนื่องยาวนานถึง 25 ศตวรรษ
    ประเทศในอเมริกากลางและแคริบเบียนจะเกิดอุทกภัย จำนวนเกาะลดลง จะมีเส้นทางน้ำใหม่เกิดขึ้นจากอ่าวฮอนดูรัสไปออกที่เอลซัลวาดอร์ ส่วนคลองปานามาจะกลายเป็นคลองตัน
    ทวีปอเมริกาใต้
    เนื่องจากมีหลายประเทศอยู่ในพื้นที่ “วงแหวนแห่งไฟ” ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทวีปอเมริกาใต้มากไม่แพ้ทวีปเอเชีย โดยจะเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดในประเทศเวเนซุเอลา โคลัมเบีย และบราซิล จะเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในลุ่มน้ำอะเมซอนที่ประเทศเปรู และโบลิเวีย กลายเป็นทะเลในภายในทวีป ส่วนประเทศซานวาดอร์ เซาเปาโล ริโอดอร์จาเนโร และบางส่วนของ อุรุกวัย จะจมหายไปในทะเล
    ส่วนเมืองซัลวาดอร์ เซาเปาโล ริโอเดอร์จาเนโร ของประเทศบราซิล และบางส่วนของประเทศอุรุกวัยจะจมหายไปในทะเล ขณะที่ประเทศอาร์เจนตินาจะเกิดทะเลปิดขึ้นในตอนกลางของประเทศ และยังเกิดแผ่นดินขนาดใหญ่ทางตะวันตกของทวีป บริเวณประเทศชิลี รวมทั้งเกิดทะเลปิดขึ้นในบริเวณนั้นอีกแห่งด้วย
    ดูจากคำทำนายของนายกอร์ดอนที่ระบุไว้เป็น “แผนที่โลกใหม่” นี้ ก็คงต้องยอมรับว่า หากเป็นจริงคงจะน่ากลัวไม่น้อย แต่ ณ วันนี้ เราก็ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะนี่เป็นเพียงคำทำนายเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว โปรดใช้ดุลพินิจในการไตร่ตรองคำทำนายต่าง ๆ จะดีที่สุดค่ะ
    ขอบคุณ
    moeipit.com


    เครดิต คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Lukhgai<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4490060", true); </SCRIPT> http://palungjit.org/threads/แผนที่-แผนที่โลกใหม่-หลังน้ำท่วมโลก-เป็นไปได้จริงหรือ.283859/<!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การยับยั้ง"สงครามนิวเคลียร์"ให้หยุดลงเพียงกลางคัน (ด้วยภัยพิบัติใหญ่ 2012)


    [​IMG]

    ข้อความบางส่วนจากหนังสือชื่อ สาส์นถึงมนุษยชาติ (The Message to Mankind)โดย: BORUP'S SPIRITUAL SCHOOL (1-2) Chayutt สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)

    นี่คือสาส์นแห่งความสุข คือการเกิดใหม่ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ชาติ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้คนจำนวนหมื่น หรือจำนวนแสน แต่มันหมายถึงผู้คนหลายล้านคน ที่จะถูกยกระดับขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขั้นและมีวิถีชีวิตในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากวิถีชีวิตเดิมอย่างสิ้นเชิง วิถีชีวิตที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง วิถีชีวิตที่มนุษย์จะรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต มันคือสิ่งที่พวกท่านก็ทราบแล้วว่ามันไม่เหมือนกับที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

    นับจากนั้นไป ทุกๆคนจะต้องรู้สึกสำนึกในบุญคุณของชีวิต ตระหนักรู้ว่าชีวิตคืออะไร ใครคือผู้ที่ประทานชีวิตนี้มาให้ และนั่นจะทำให้เกิดการปรับปรุงตัวเองโดยความสมัครใจและเชื่อฟัง ชาวโลกหลายคนได้เคยอ่านเรื่องราวของดาววีนัสมาแล้ว บนดาววีนัสมีจิตสำนึกอยู่ในระดับสูงกว่าดาวเคราะห์โลก และเมื่อเรากล่าวถึงจิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกและดาววีนัส ก็ขอให้เข้าใจว่า หากพวกท่านนำเอาค่าเฉลี่ยของจิตสำนึกของมนุษย์โลกมา ก็จะได้จิตสำนึกของโลก

    จิตสำนึกของดาววีนัสอยู่ในระดับสูงกว่าของโลก หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ผู้คนบนดาววีนัสมีความเข้าใจ และดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎของพระผู้เป็นเจ้า สภาวะนี้เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่แตกต่างไป ในท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ ยังหมายถึง พวกเขาสามารถท่องอวกาศได้ พวกเขาได้รับอนุญาตให้ท่องไปในอวกาศ ในขณะที่มนุษย์โลกยังไม่ได้รับอนุญาต จึงไม่สามารถท่องไปในอวกาศได้ มนุษย์ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปได้แค่รอบๆชั้นบรรยากาศของโลกเท่านั้น แต่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปได้ไกลถึงในอวกาศ ในสภาวะทางจิตวิญญาณและศักยภาพเท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

    ชาวดาววีนัสรู้ว่าจะปฏิบัติตนให้อยู่ภายใต้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าอย่างไร แต่กฎเดียวกันนี้ก็ถูกเขียนขึ้นสำหรับมนุษย์โลก ด้วยเช่นเดียวกัน หากแม้นเพียงแต่มนุษย์โลกเคารพเชื่อฟังกฎดังกล่าวนี้ มนุษย์โลกก็จะสามารถเป็นได้เหมือนสังคมของชาวดาววีนัสโดยไม่ยากเลย แต่อย่างไรก็ตาม เพียงแค่อ่านในคัมภีร์ไบเบิ้ลของพวกท่าน เพราะมันได้เขียนเอาไว้หมดแล้วว่าควรดำเนินชีวิตอย่างไร มันอยู่ในนั้นหมดแล้ว

    สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ การทำให้กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้าบรรลุเป้าหมาย เราได้เคยกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า มนุษย์โลกได้มาถึงจุดที่ไม่สามารถควบคุมความรู้ของตนเองด้วยสภาวะของระดับจิตวิญญาณที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ มนุษย์ได้มาไกลเกินไปแล้ว เกินกว่าที่จะสามารถเดินต่อไปบนเส้นทางที่กำลังดำเนินอยู่นี้ได้อีก แบบที่มีชีวิตรอดอยู่ แต่มนุษย์ก็มีทางเลือกอิสระเป็นของตนเอง เพราะเหตุนี้มนุษย์จึงได้รับอนุญาตให้เดินมาไกลอย่างนี้ได้ และก็เพราะด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้เดินต่อไปไกลที่สุด

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้แสดงออกถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ตนเองสร้างขึ้นมาด้วยความเข้าใจผิดของมนุษย์เอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้พุ่งความเกลียดชังมาสู่มนุษย์ด้วยกันเอง มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้ต้องได้รับความเจ็บปวดเพราะความเกลียดชังที่ต่างฝ่ายต่างก็สร้างมันขึ้นมาเอง ซึ่งสิ่งนี้เองจะนำไปสู่เหตุการณ์สยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ สิ่งนี้จะนำไปสู่ สงครามนิวเคลียร์ ซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานเพิ่มมากขึ้นไปอีก

    แต่เพราะว่ากฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดรบกวนจักรวาลได้ พวกเราจึงจะไม่ไปรบกวน แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเราจะมาช่วยเหลือมนุษย์ เพราะนอกจากเหตุผลอื่นๆแล้ว พวกเรายังมีเหตุผลที่ว่า มนุษย์เองได้ร้องขอให้พวกเราช่วยเหลือ เพราะว่ามีมนุษย์มากมายบนโลกที่ยินยอมให้พวกเรามาช่วย แต่การช่วยเหลือครั้งนี้ ก็จะเกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่ยินยอมให้พวกเราช่วยเหลือด้วยความสมัครใจเท่านั้น เมื่อความสิ้นหวังมาถึงจุดสูงสุด พวกเราจะลงมาจากอวกาศ ในลักษณะที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจได้ ชาวโลกจะเห็นพวกเรา ได้ยินเสียงพวกเรา และสัมผัสพวกเราได้

    พวกเราจะหยุดสงคราม(นิวเคลียร์) ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เร็วดุจสายฟ้าฟาด มันจะเกิดขึ้นเร็วมากแค่วินาทีเดียว

    แล้วต่อจากนั้นพวกเราก็จะอพยพชาวโลก ที่เหลือรอดชีวิตอยู่บนโลกขึ้นไปอยู่ในยานอวกาศขนาดใหญ่ ที่ลอยประจำการอยู่ในภารกิจนี้จำนวนมากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างในปฏิบัติการครั้งนี้ได้ถูกคำนวณและถูกวางแผนมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หลังจากการอพยพ โลกก็จะเริ่มกลับหัวลง ตอนนั้นโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง พืนผิวโลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงด้วย ชาวโลกจะจดจำสภาพของโลกของตนเองไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาจะทำได้แค่ต้องสร้างโลกใหม่เท่านั้น การกลับหัวของโลกจะเสร็จสิ้นภายในวินาทีเดียว มันรวดเร็วอย่างนั้นเลยหละ ประดุจฟ้าแลบ

    เมื่อการกลับหัวของโลกเสร็จสิ้นลงแล้ว มันก็จะชำระสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลายที่มนุษย์โลกเป็นผู้ยัดเยียดให้กับมันออกไปจนสะอาด เพื่อให้มีสภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แล้วจากนั้นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็จะถูกนำกลับลงมายังโลกใหม่อีกครั้ง พืชพันธุ์ต่างๆก็จะงอกในไม่ช้า สรรพสัตว์และนกต่างๆก็จะปรากฏขึ้นมาใหม่ และมนุษย์โลกก็จะได้รับความช่วยเหลือครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในการสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ภายในระยะ 6 เดือน งานซ่อมแซมส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้น จนเพียงพอและเหมาะสมที่จะใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์โลกได้แล้ว ในวิถีใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

    ในขณะเดียวกันมนุษย์จะได้รับอนุญาต ให้ท่องอวกาศได้และจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองยังไม่รู้ในปัจจุบันนี้ และมนุษย์จะได้รับสิ่งของต่างๆจาก”ภายนอกโลก”ที่มนุษย์ทุกวันนี้ยากที่จะเชื่อว่ามีตัวตนอยู่จริง การกลับลงมาจากยานอวกาศของมนุษย์โลก มนุษย์จะเลือกตั้งถิ่นฐานในที่ๆตนเองพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆในโลกก็ตาม ไม่ว่าในปัจจุบันนี้จะเคยอยู่ตรงจุดไหนบนโลกนี้ก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงจนแตกต่างจากเดิมไปหมด หรือไม่ว่าจะอ้างอิงด้วยเส้นรุ้งและเส้นแวงก็ตาม ในเวลานั้นมันก็จะไม่ได้มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว

    สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์โลกแต่ละคนต่างหากดังนั้น พวกท่านจะได้เห็นว่า สถานที่บนโลกที่ท่านจะได้กลับลงมาอยู่มันช่างมีความสำคัญน้อยนิดเหลือเกิน เพราะมันใหม่ไปซะทุกอย่าง

    ที่มา
    การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

    <!-- google_ad_section_end -->
    เครดิตคุณ เกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1194<!-- google_ad_section_end -->
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที
    (สาส์นจากมนุษย์ต่างดาวถึงมนุษยชาติ)


    [​IMG]


    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2240206", true); </SCRIPT> สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)
    อะไรกำลังจะเกิดขึ้น?


    ที่โรงเรียนแห่งจิตวิญญาณ Borup แห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่จะทำให้เข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดกับมนุษยชาติ เพื่อที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นจากอะไร และจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร สาเหตุของเหตุการณ์ที่ว่านี้ คงจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่ได้ในช่วงแรกๆ เพราะว่ามนุษย์ยังไม่เข้าใจกฎแห่งชีวิต แต่เหตุการณ์นี้มันจะจบลงเมื่อถึงวันแห่งการกลับมาครั้งที่สองของเรา (My Second Coming)​


    เราได้กล่าวแล้วว่า เราคือชีวิตและสัจธรรม และเราก็ได้กล่าวแล้วว่า ใครก็ตามที่ตามเรามาจะไปถึงพระผู้เป็นเจ้า หนทางสู่พระผู้เป็นเจ้าของมนุษย์คือโดยผ่านเรา เรื่องนี้เราได้สอนเอาไว้แล้ว และเราอยากให้พวกท่านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ ผู้ใดที่ค้นหาเรา ผู้ใดที่พยายามค้นหาสัจธรรมของชีวิตโดยการฟังเสียงที่เราพร่ำสอนเอาไว้ ก็จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากกว่า​


    ตอนนี้เราจะกลับมาหามนุษย์โลกอีกครั้งด้วยตัวเราเอง ด้วยกายเนื้อที่สมบูรณ์และกองทัพสวรรค์ดั่งที่ได้กล่าวเอาไว้นานแล้ว และเมื่อนั้นดาวเคราะห์โลก (จิตสำนึกของโลกและของชาวโลก) ก็จะถูกยกระดับสูงขึ้น ดังนั้นพวกเขาก็จะเข้าใจพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นพระผู้เป็นเจ้าได้ดีขึ้น เพราะว่าตอนนี้พวกเราได้เข้ามาใกล้กันมากขึ้นแล้ว ​


    เพราะว่าเรากำลังมาหาพวกท่าน พวกท่านจะสามารถเข้าใจในพระผู้เป็นเจ้าได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เข้าใจว่าพระองค์คืออะไร และพระองค์หมายถึงอะไร มีชาวโลกมากมายที่ยังไม่เข้าใจว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง พวกเขามีลางสังหรณ์ พวกเขารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ลางสังหรณ์ที่เรากล่าวถึงหมายถึง สิ่งที่ผู้คนจำนวนมากมายรู้ไม่ค่อยชัดเจนว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น​


    มันกำลังจะส่งผลร้ายอะไรมาสู่ตนเอง ส่วนคำว่า รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ที่เรากล่าวถึง หมายถึง ผู้ที่รู้ตัวเองว่า พวกเขาได้ทำอะไรลงไป และมันจะส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาและคนอื่นๆมนุษย์ควรจะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง และมนุษย์ก็จะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง ​


    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้สามารถสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้ตราบเท่าที่ใจของมนุษย์สามารถจินตนาการสร้างมันขึ้นมาได้ เพราะว่าใครก็ตามที่สามารถจินตนาการอะไรขึ้นมาในใจของตนเองได้ ไม่ช้าไม่นานสิ่งนั้นมันก็จะกลายเป็นจริง ไม่มีอะไรที่มนุษย์สามารถคิดมันขึ้นมาได้แล้ว มันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาไม่ได้​


    อะไรก็ตามที่ใจสามารถสร้างสรรค์มันขึ้นมาได้ มันก็จะสามารถถูกสร้างขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน มันเป็นพลังแห่งความคิด ซึ่งเป็นพลังแห่งการสรรค์สร้างที่แท้จริง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกท่านคงพร้อมที่จะเข้าใจแล้วว่า สิ่งต่างๆมันถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ที่ไปถึงจุดแห่งความเจริญ ที่ไกลกว่ามนุษย์โลกมากแล้วนั้นได้อย่างไร ทำไมผู้ที่ผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมามากกว่ามนุษย์โลก จึงประสบความสำเร็จในศาสตร์ต่างๆมากกว่ามนุษย์โลกเป็นไหนๆ​


    เราได้สอนพวกท่านเกี่ยวกับกฎแห่งการจัดลำดับแล้วด้วย และพวกท่านก็มีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว พืชพันธุ์ทั้งหลายก็มีระดับของการจัดลำดับของมันเอง สรรพสัตว์ทั้งหลายก็มีของตัวเอง มนุษย์ก็มีของมนุษย์เอง การจัดลำดับเหล่านี้ขยายลึกลงไปถึงระดับจักรวาล และไปถึงรูปธรรมทรงภูมิปัญญาทั้งหลาย ที่มีระดับภูมิปัญญาสูงส่งเกินกว่าที่มนุษย์โลกจะใช้มาตรฐานใดๆที่ตัวเองมีอยู่ในปัจจุบันนี้มาประเมินได้​


    เราได้กล่าวไปแล้วว่า มีดวงดาวหลายล้านดวงที่เตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือโลก และต้องเข้าใจว่าตอนนี้ดาวเคราะห์โลกกำลังจะยกระดับขึ้นสู่สภาวะของจิตสำนึกที่สูงขึ้น จิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกใบนี้กำลังจะถูกยกระดับให้สูงขึ้น สิ่งนี้เราได้เคยสอนพวกท่านแล้ว และเรายังได้เคยกล่าวแล้วด้วยว่ากาแล็กซี่ทั้งกาแล็กซี่นี้กำลังจะถูกยกระดับขึ้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดวงดาวหลายล้านดวงจึงกำลังเตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้​


    ดวงดาวหลายๆดวงในจำนวนที่กล่าวถึงนี้ อาจจะมาช่วยเหลือโลกโดยตรง ในสถานการณ์แห่งความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่มนุษย์โลกได้ร่ำร้องขอให้พระเจ้าลงโทษตัวเองมานานแล้ว สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ที่ได้ตั้งขึ้น และได้เขียนถึงสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นนี้ และหากพวกท่านจะคิดตามเราสักเล็กน้อย พวกท่านก็จะเข้าใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่า “การกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์” (The Second Coming of Christ)​



    [​IMG]



    เราได้กล่าวไปแล้วว่าโลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที และโลกก็จะหยุดหมุนหนึ่งวินาที จากนั้นมันก็จะหมุนต่อไป จากนั้นโลกก็จะคว่ำหัวลงแบบง่ายๆ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ด้านต่างๆของโลกเปลี่ยนสลับกันไปโดยสิ้นเชิง และเราก็ได้กล่าวไปแล้วด้วยว่า ในขณะที่เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้น ชาวโลกจำนวนมากมาย จะถูกอพยพขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ซึ่งท่านก็รู้ถึงขนาดความมหึมาของยานเหล่านี้แล้ว


    แต่เราอยากจะเตือนความจำพวกท่านด้วยว่า เมื่อมนุษย์โลกกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง มันจะเหลือแต่ความว่างเปล่า และความแห้งแล้ง ปราศจากพืชพันธุ์ ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำอะไรได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ ตอนนี้เราอยากจะให้พวกท่านคิดและจินตนาการถึงเสบียงอาหารจำนวนมหาศาลที่ถูกจัดเก็บไว้รอพวกท่านอยู่แล้ว เสบียงอาหารเหล่านี้มีปริมาณเพียงพอสำหรับชาวโลกที่จะกลับลงมาบนโลก ที่จะกินได้ไปเป็นปี


    ตอนนี้ท่านคงรู้แล้วว่าทำไมเราถึงเรียกสิ่งนี้ว่า “สาส์นแห่งควาสุข”(Message of Joy) ที่มันเป็นสาส์นแห่งความสุข ก็เพราะว่ามันมีความช่วยเหลือขนาดมหึมาที่จะมาถึง ความช่วยเหลือนี้จะมาถึงได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์โลกรู้จักที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสันติและปรองดองกัน และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับกฎของพระผู้เป็นเจ้า โดยการเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่มีสัตว์หรือมนุษย์คนใดที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะบาดแผลอีกต่อไป


    เพื่อเป็นการยกระดับจิตวิญญาณของมนุษย์โลกขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น จำเป็นจะต้องมีโรงเรียนสอนด้านจิตวิญญาณให้ เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างเต็มที่ จิตสำนึกของมนุษยชาติต้องก้าวกระโดดไปสู่ความเข้าใจแบบใหม่อย่างอย่างสิ้นเชิง มันต้องเป็นไปในรูปแบบของการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณอย่างกะทันหัน ซึ่งการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณนี้ จะนำไปสู่การก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์โลก ซึ่งหมายถึงมนุษย์โลกจะบรรลุเป้าหมายทางความรู้ครั้งยิ่งใหญ่ ​


    เราสามารถกล่าวได้เลยว่า ความก้าวหน้าที่ว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ก้าวไกลเกินกว่าจินตนาการที่ไกลที่สุดของมนุษย์โลกในปัจจุบัน ที่จะสามารถจินตนาการไปถึงได้เลยทีเดียว เราได้ให้สัญญาเอาไว้แล้วว่า ในการกลับมาครั้งที่สองของเรานี้ มนุษย์จะไม่รู้จักการตาย และหลายๆคนอาจจะพูดว่า มันเป็นไปไม่ได้ ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วกาลนาน เราขอให้พวกท่านคิดตามเราอีกครั้งหนึ่ง แล้วท่านก็จะเข้าใจว่ามันเป็นไปได้​


    ร่างกายของมนุษย์โลกสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ เซลล์ใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเก่าๆที่ตายไปแล้วตลอดเวลา เซลเม็ดเลือดใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเม็ดเลือดเก่าด้วยตัวมันเอง ประดุจว่าเป็นร่างกายใหม่ (เพราะว่าเซลเก่าทั้งหมดตายไปแล้ว จึงเหลือแต่เซลใหม่ จึงเหมือนเป็นร่างกายใหม่แล้ว – Chayutt )​


    แต่ว่า การแก่ เกิดขึ้นได้เพราะมนุษย์ไม่ได้เข้าใจถึงวิถีแห่งชีวิตและกฎแห่งชีวิต ด้วยเหตุนี้ เมื่อเซลร่างกายถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนที่เซลเก่าแล้ว ได้รับผลกระทบจากการแสดงออก และการกระทำที่ผิดต่อผู้อื่นของมนุษย์เอง และการกระทำผิดต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย มันจึงทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เพราะว่ามนุษย์โลกทำผิดกฎข้อที่ร้ายแรงที่สุดข้อนี้ไป​


    หากมนุษย์หยุดรับประทานเนื้อสัตว์เมื่อใด เซลร่างกายของมนุษย์จะซ่อมแซมตัวเองในวิถีทางใหม่ ที่แตกต่างไปจากที่ในขณะรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะได้รับความรู้ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสินเชิง เกี่ยวกับโครงสร้างและส่วนประกอบภายในเซลร่างกายของมนุษย์เอง และมนุษย์จะรู้อย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกซ่อมแซมทางเคมีขึ้นมาใหม่อย่างไร ​


    ดังนั้น มนุษย์ผู้นั้นก็จะสามารถสร้างเซลร่างกายใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ง่ายๆด้วยวิธีดังกล่าวนี้ บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์บริสุทธิ์ ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะยังความอ่อนเยาว์และสดชื่นตลอดเวลา และนี่จึงเป็นสาเหตุว่าบางคนดูราวกับว่าอายุ 20 กว่าๆทั้งๆที่อายุจริง 800 – 900 ปี หรือแม้แต่แก่กว่านั้นแล้วก็ตาม​


    นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรากล้ายืนยันกับพวกท่านว่า หลังจากวันนั้นแล้ว จะปราศจากซึ่งความตาย จะไม่มีการตายทางกายภาพเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้วหลังจากวันนั้น มันขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของพวกท่านเอง ที่จะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะเหตุนี้ เราจึงกำลังจะบอกกับท่านเรื่องนี้​


    ความรู้ใหม่อันนี้ จะเผยตัวมันเองออกมาในหลายๆแง่มุม การแก่ของอายุที่เรากล่าวถึงนี้ มันเริ่มต้นจากความคิดของผู้นั้นเอง จากนั้นมันจึงออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อพลังแห่งความปรารถนาและความคิดก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล และเมื่อผู้นั้นได้ควบคุมพลังแห่งความปรารถนา และความคิดนั้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผู้นั้นก็จะสามารถบังคับให้เกิดการกระทำและสิ่งต่างๆได้เองโดยลำพัง โดยอาศัยแรงแห่งความคิดและความปรารถนาของผู้นั้นเอง นี่คือสิ่งที่มนุษย์โลกทุกวันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจ​



    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สิ่งที่เกิดคือโลกจะหยุดหมุน 1 กึ๊ก
    โดยลุงคนเชียงใหม่(ตอนนี้บวชเป็นพระอยู่ครับ)

    [​IMG]


    หลายคนไม่เชื่อและไม่เข้าใจว่า ทำไมมีคนพยายามบอกว่าน้ำจะท่วมโลก หลายคนหัวเราะท้องแข็ง ว่ามันจะเอาน้ำมาจากใหนตั้งเยอะแยะ ถึงได้ท่วมได้ต่อให้นำแข็งละลายหมดโลก ก็อย่างมากก็คงจะค่อยๆ ท่วมแล้วมันจะอันตรายตรงไหนวะอย่างมากก็อยู่เรือนแพ (มีเวลาเสมอภาคกันระหว่าง คนรวยกับคนจน คือหมดตัวเหมือนกัน)

    แต่ลองมองข้อมูลตรงนี้แล้ว เปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นนะครับทุกวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายคือ เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่จะมีนำท่วมขัง อยู่เป็นจำนวนมากมายหลายล้านล้านตัน มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โลกต้องใช้การไหลของดินชะของน้ำ เพื่อให้เกิดแบบสมดุลของมวลดินมวลน้ำตั้งหลายร้อยหลายล้านปีและค่อยๆเกิด จนโลกปรับการหมุนได้ ในระยะที่ผ่านมาโลกปรับตัวโดยการให้น้ำไหล ไปยังจุดที่สมดุลย์ไม่กวัดแกว่งจนเสียศูนย์ (แต่อีกประมาณ ไม่เกิน 2 ปี เขื่อนลำน้ำโขงของจีน และเขื่อนกั้นแม่น้ำแยงซีเกียง ของจีนก็จะเป็นเขื่อนเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำ ใหญ่มากที่สุดในโลก)

    การเสียศูนย์สมดุลย์ของโลก ในทุกมิติมีอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือด้านจิต คนที่สามารถฝึกจิตถึงระดับหนึ่ง เมื่อก้มลงแล้วลองกำหนดจิตลงมายังพื้นโลกจะสัมผัสกับดวงจิตที่ดำทะมึน รวมกันจากก้อนเล็กๆจำนวนมาก ภาพของสังคมที่เปลี่ยนไป จากจิตที่เต็มไปด้วยความ โลภ โกรธ หลง ที่มีพลังรุนแรงมากขึ้นคนจะทำชั่วง่ายขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ

    ***ล้อรถที่ถ่วงเพี้ยนไปไม่กี่กรัม ยังแกว่งตุปัดตุเป๋ ดังนั้นน้ำจำนวนขนาดที่หลายคนคิดว่าไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนมวลของโลก แต่อย่าลืมว่าล้อยางกับเหล็กถ่วงล้อรถ เทียบกันไม่ได้แต่มีผลมากมายกับระบบ***

    ..............................................................................
    เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากการปรับตัวของโลก
    ..............................................................................​

    สังเกตุนะความไม่สมดุลย์ก่อให้เกิด แผ่นดินไหว อย่างต่อเนื่องโลกพยายามปรับตัว แต่ไม่ได้ผลครับ ทำให้เกิดการสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แล้วถึงจุดหนึ่งก็ต้อง reset ตัวเองหรือทั้งระบบ 1 ครั้งคือ จนต้องหยุดหมุนหรือเปลี่ยนองศาการหมุน สิ่งที่เกิดคือโลกจะหยุดหมุน 1 กึ๊ก หลายตนคิดว่าคงไม่เป็นไร แต่ผลกระทบคือมวลน้ำทะเลที่ไหลตามความเร็วโลกนั้น ในยามที่โลกหยุดหมุน (แบบหยุดกึ๊กเลย แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงและภูเขาไฟระเบิด ก้อนหินที่ทวีปตั้งวางอยู่ ที่เกิดการบดอัดกันของก้อนหินใหญ่ๆอย่างรุนแรง) หลังจากนั้น

    **************************************************
    เหตุการณ์ ดอกที่ 1

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโลกหยุด (แผ่นดินที่เป็นของแข็งหยุด แต่น้ำทะเลกลับไม่ยอมหยุด ยังคงเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเท่าเดิม) ด้วยจำนวนการเคลื่อนที่มีเร็วเท่ากับการหมุนของโลกก่อนหยุดหมุน ทำให้น้ำทะเลกวาด (พูดเฉพาะประเทศไทยนะที่อื่นไม่ทราบ) ภาคใต้ทั้งหมด ภาคกลาง..........น้ำจากทะเลอันดามัน จะขึ้นฝั่งแถวเมาะตะมะของประเทศพม่า น้ำในอ่าวไทย.........จะถล่มเขมร ขึ้นฝั่งแบบเกือบหมดอ่าว

    เหตุการณ์ดอกที่ 2

    หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง เมื่อโลกปรับสมดุลย์ได้แล้ว น้ำก็เริ่มไหลตามความลาดชั้นของพื้นที่ ทำให้สิ่งก่อสร้างที่ทนการกวาด ในแนวจากตะวันตกสู่ตะวันออก ต้องพังลงจากน้ำที่ไหลจากเหนือลงใต้อีกระลอกหนึ่ง และภาคใต้ ก็จะถูกวาดอีกครั้งกับคลื่นยักษ์ หลังจากน้ำทะเลจะถูกปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลย์จะเหลือคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง และที่เหลือส่วนใหญ่ก็จะตายจากไปด้วยการอดน้ำ

    **************************************************

    ลุงลำดับเหตุการณ์ให้ฟังก็แล้วกัน เพื่อจะได้เตรียมตัวถูก(ไม่ต้องเชื่อ)

    1. เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เหมือนล้อรถที่เสียสมดุลย์แกว่งอย่างน่ากลัว เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟที่ดับไปแล้วจะถูกอัดบดให้เกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง

    2. โลกพยายามปรับสมดุลย์โดยอาศัยน้ำทะเลเป็นตัวช่วยจัดความสมดุลย์
    แต่ทำไม่มากนัก

    3.โลกหยุดกึ๊กหนึ่ง (เหตุการณ์ ที่สังเกตุได้คนจะล้มทั้งยืน ตึกอาคารจะพังเกลื่อนอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน)

    เสียงเตือนเหมือนวัวยักษ์ครางอือๆ อยู่ระงม ถึงตอนนี้ให้รีบหนีขึ้นที่สูงหรือภูเขาที่ไกล้ที่สุด ขอให้คนที่เตรียมพร้อมแล้ว อย่าเสียดายของที่พังลงไปแล้วขอให้เดินทางขึ้นเหนือให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ถนนหนทางยังพอเดินทางได้ ให้ไปไกล้ตอนเหนือของประเทศให้มากที่สุด

    หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะมีเสียงดังเหมือนพายุใหญ่ทั้งเมืองจะได้ยินพร้อมกัน ภาพน้ำก็จะข้ามภูเขามาถล่มเมือง เพื่อกวาดทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจมอยู่ใต้น้ำที่ไหลกรากอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนน้ำจำนวนมหาศาล

    4.หลังจากนั้น น้ำก็เริ่มไหลย้อนกลับ ไปตามความลาดชัน ทำให้สิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกกวาดหายไปกับสายน้ำ

    5.หลังจากวันนั้น ผู้ที่ยังรอดอยู่จะต้องเดินไปสุดแสนไกล เพื่อแสวงหาน้ำจืดเพื่อจะได้นำมาดื่ม

    คนที่รอด เริ่มเจอซากศพของคนตายเกลื่อนเมือง ความหิวกระหาย หนาวเย็นเริ่มทำให้คนแก่งแย่งอาหาร เครื่องนุ่งห่มกัน คนเสียสติจากการพบเห็นซากศพ และความสูญเสียเต็มทางเดิน ที่คนที่เป็นผู้รอดผ่านไป

    .............................................................................

    *** เตรียมตัวนะครับลูกๆหลานๆ****

    การเดินทางของผู้รอด จากระยะที่ 1

    1.ต้องขึ้นเหนือให้เร็วที่สุด ถนนหนทางที่เคยมีจะไม่สามารถใช้ได้ (เข็มทิศจะมีประโยชน์ตอนนี้เอง) สิ่งที่เราเคยจดจำเพื่อเป็นจุดสังเกตุในการเดินทาง จากการถูกกวาดของน้ำจำนวนมหาศาล ผู้อยู่ไกลจะไปไม่ถึง เพราะน้ำดื่มจะหมดระหว่างทางและคนเจ็บ คนเสียสติ โจรจะแก่งแย่งอาหารกัน(ดังนั้นขอให้ตัดสินใจเดินทางหลังจากเกิดแผ่นดินไหวทันที ดีที่สุดคือรถมอเตอร์ไซต์จะไปได้ไกลที่สุด)

    2. ลุงฝากถึงทุกคนที่จะต้องเดินทาง ถ้าไม่แน่ใจจะไปทางไหนขอให้ใช้จุดสังเกตุที่ตรงไป คือควันที่ลอยไปถึงขอบฟ้า (น่าจะเป็นควันที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดแถวภาคเหนือตอนล่าง)

    3. ลุงจะส่งวิทยุคลื่นสั้น(วิทยุสื่สารระบบ VHF) สำหรับติดต่อทุกคนที่กำลังมีการจัดเตรียมจุดทวนสัญญานอยู่ไว้เป็นเครื่องมือนำทางสำหรับทุกคน...........(หลานของคุณลุงคงจะมาทำแทนในเรื่องนี้เพราะคุณลุงบวชเป็นพระไปแล้ว)

    *****มีเวลาเตรียมตัว อีกไม่นานนัก******

    แตยังพอมีเวลานะ เพียงแต่เริ่มก็พอมีความหวัง ลุงไม่กล้ากล่าวเอ่ยถึงนิมิตมาก เพราะคนที่มีระดับจิตสูงกว่าลุง มีมากมายเพียงแต่ลุงเน้นฝึกอนาคตังญานเป็นหลัก ในระยะที่ผ่านมาหรือญานในส่วนอื่นๆ อ่านจะอ่อนด้อยลงไป

    *************************************************
    ขอบารมีแห่งธรรมโปรดตัดรอน กรรมที่เบียดบังความเห็นชอบของท่าน

    *************************************************
    ส่วนใหญ่ที่นำมา post ในเว็บบอร์ดพลังจิต คือเกิดจากนิมิตของลุงเอง นำมารวมกับคำพยากรณ์และบอกเล่าของครูบาอาจารย์ เพราะลุงเองเห็นเหตุการณ์เป็นเพียงบางจุดเท่านั้นเอง

    ไม่ต้องเชื่อหรอกครับ ยิ่งคนที่ไม่เคยฝึกทางจิตจนสามารถสัมผัสกับโลกในมิติอื่นๆได้ยิ่งไม่เข้าใจ และยิ่งอธิบายก็คงเหมือนเล่าให้คนในป่าฟังเรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน เขาไม่เข้าใจหรอกครับ เพราะในความรู้สึกของเขาอย่างมากก็มีพวกใส้เดือน จิ้งหรีดเท่านั้นเองที่อยู่ใต้ดิน อย่าไปพยายามทำความเข้าใจเลยครับเหนื่อยเปล่า แต่เชื่อว่าคนในเว็บพลังจิตส่วนใหญ่จะเข้าใจ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/คนไม่เข้าใจ-ว่าน้ำมาจากไหนกัน-ถึงท่วมโลกได้.65310/<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    เครดิต คุณเกษม ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- sig -->
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อนาคตของโลกกำลังถูกเปลี่ยนแปลงไปจากคำทำนายเดิม !!!

    [​IMG]

    สำหรับมนุษย์ที่กำลังหวั่นกลัว ภัยจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามคำพยากรณ์ในยุคพลังงานเก่า จงรับรู้ไว้ด้วยว่า โรงเรียนโลกใบนี้มิได้โดดเดี่ยว โดยปราศจากผู้ดูแลอย่างการคิดแบบจิตมนุษย์เลย จิตจักรวาลและรูปธรรมชั้นสูงในมิติคู่ขนาน จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้มีจิตวิญญาณอธรรม กระทำการเช่นนั้นได้อีกต่อไปแล้ว เพราะเขากำลังจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะถูกชำระในอีกไม่นาน ด้วยมหันตภัยธรรมชาติที่พวกเขาคาดไม่ถึง ซึ่งอำนาจที่เขามีอยู่จะไม่วันเอาชนะพลังอำนาจ แห่งธรรมะที่เป็นพลังงานด้านบวกได้

    บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่จักรวาลจำเป็นจะต้องปิดมิติ ด้วยการชำระจิตวิญญาณของพวกเขาอีกครั้ง เนื่องจากจักรวาลหยั่งรู้อนาคตได้ว่า บทสรุปของมันคืออะไร ถ้าไม่ใช่มหันตภัยของมนุษย์ทั้งโลกและจักรวาลอื่น จักรวาลจะปิดมิติอันเลวร้ายนี้ ด้วยความรักแท้จริงต่อมวลมนุษยชาติ ภายในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ก่อนวันสิ้นยุคพลังงานเก่าแน่นอน<!-- google_ad_section_end -->

    นับจากโลกเปลี่ยนสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสมันจะไม่เป็นจริง ไม่แม่นยำอีกต่อไป เนื่องจากมนุษย์ในยุคพลังงานใหม่ทุกคน จะถูกเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกที่แตกต่างไปจากเดิม จักรวาลยืนยันว่า สงครามอันเลวร้ายที่จะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์และทำลายโลก มันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกต่อไปแล้ว ภัยธรรมชาติที่จะทำให้โลกแตกดับ มันก็จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นดั่งคำทำนายของใครอีกต่อไปเช่นกัน

    ขณะที่สื่อคลื่นความคิดรู้ เป็นผลึกคิดรู้อยู่ในขณะนี้ มนุษย์โลกพึงรู้ว่าความเป็นไปทุกอย่างในระบบโลก ได้รับการควบคุมดูแลโดยรูปธรรมนับแสนตนในจักรวาลเรียบร้อยแล้ว

    (คัดลอกมาจากหนังสือ วันเวลาที่สิบเอ็ด รหัสแห่งหายนะโลก ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลโดย อ.ปริญญา ตันสกุล)

    เครดิต คุณเกษม ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  7. kountee

    kountee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +166
    อ่านไปอ่านมา ทำไมมันช่างเป็นการวางแผนที่เหมือนเขาวงกตเสียหนี้กระไร งงเป็นไก่ตาแตก
    เหมือนคำกล่าวที่ หมนุษย์นั้นลึกล้ำเหนือกำหนด จิตนาการสูงมากเสียเหลือเกิน

    ทำนายเองนะ...อีก 6 ปีจะได้เห็นทั้งหมด (ความจริงจะได้เห็นกันเสียที)

    ปล.รักพ่อหลวงมากที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2011
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พฤติกรรมในอดีตและปัจจุบันของมนุษย์โลก คือตัวกำหนดอนาคตของมนุษย์โลกเอง
    ความคิดและจินตนาการใดๆ ที่ยังไม่ได้ลงมือทำออกมาให้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ในโลก
    ของความเป็นจริง สิ่งนั้นย่อมเป็นได้แค่ความคิดและจินตนาการในโลกของความฝันได้เท่านั้น
    ไม่ใช่ว่าใครจะคิดอย่างไรก็ได้อย่างนั้นเสมอ
    มีแต่คนที่มีสัจจะ ทำได้จริงทุกคำพูดที่เคยลั่นวาจาไว้ พูดคำไหนก็ทำได้ตามนั้น
    คำพูดและความคิดของเขาจึงจะมีความศักดิ์สิทธิ์ มีปาฏิหารย์เกิดตามนั้นได้จริง
    คนที่ทำได้แล้ว ในความเห็นของเราก็มีพระพุทธเจ้าที่เคารพของพวกเราเป็นต้น
    ส่วนท่านๆอื่น ก็อาจจะมีได้ เพราะโลกอจินไตย ยังมีสัจธรรมอีกมากมายที่มีอยู่
    ที่เรายังไม่รู้ ที่เรายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไปรับรู้ได้

    คนที่พยายามพูดและคิด และอธิษฐาน แล้วแต่ยังไม่ได้ดังที่หวัง ก็เป็นไปได้เสมอ
    ไม่ใช่เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง แต่อาจจะเป็นเพราะคุณสมบัติของเรายังไม่เหมาะสม
    ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะทำให้เกิดปาฏิหารย์ได้ คำพูดและความคิดของเรายังไม่มี
    ความศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องไปทำให้ได้ก่อน มีศีล มีสัตย์ มีสัจจะ มีคุณธรรม มีความดีเป็น
    เนื้อหนังของตน เมื่อทำได้ ปาฏิหารย์ย่อมเกิด ถ้าพูดและคิดอะไรออกไปยังทำเหมือนกับ
    สั่งขี้มูกแล้วไซร้ สิ่งที่ได้ก็คือขี้มูกของตัวเองเท่านั้น

    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม คิดดี พูดดี ทำดี ย่อมได้ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2011
  9. teeover

    teeover สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ..ครับ
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลำดับเหตุการณ์ก่อนวันสิ้นยุค


    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 1996 บาทหลวงแอนดรู ผู้มีฌานญาณ (Mystic) แห่งสหรัฐ ได้เห็นเซนต์ไมเคิลในนิมิต เซนต์ไมเคิลได้เผยเหตุการณ์ต่างๆ ที่น่าสนใจก่อนวันสิ้นยุค

    ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดต่างๆ ซึ่งผู้จัดทำเอกสารได้เรียบเรียง โดยตั้งเป็น คำถาม แล้วใช้ คำตอบ จากเนื้อหาสาระที่ท่านบาทหลวงแอนดรูได้รับการเผยแสดงจากอัครเทวดาไมเคิล ดังต่อไปนี้

    ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นทุกวันนี้ เป็นเหตุการณ์ของวันสิ้นยุค?

    เพราะโป๊ปเป็นผู้กล่าวเช่นนั้น พระองค์ทรงเป็นพระสันตะปาปาแต่พระองค์เดียว ในประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาต (โป๊ป จอห์น พอล ที่ 2) ที่ทรงกล่าวว่า "เรากำลังมีชีวิตในช่วงเวลาแห่งพระวิวรณ์" (Apocalypse คือ การทำนายถึงมหาภัยพิบัติตอนสิ้นยุค)

    มีการกำหนดวันเวลาของวันสิ้นยุคไว้หรือเปล่า?

    ไม่มีการกำหนดว่าจะเกิดปีใด แต่ทุกอย่างจะถูกกำหนดด้วยเหตุการณ์ต่างๆ สวรรค์ไม่เคยกำหนดวันเวลา มหาวิปโยค (Tribulation) คือช่วงเวลา 3 ปีครึ่ง แห่งการครองอำนาจของแอนตี้ไครสต์ จะเกิดขึ้นทันทีหลัง ปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่

    เมื่อเร็วๆ นี้ (คือก่อนปี 1996 เล็กน้อย) แม่พระได้บอกบาทหลวงสเตฟาโน กอบบีว่า ระยะเวลาแห่ง มหาวิปโยค จะถูกทำให้สั้นลง ดังนั้น แทนที่จะกินเวลา 3 ปีครึ่ง อาจจะเป็นแค่เดือนไม่ใช่ปี ขอให้เป็นดังนั้นเถิด อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลา มหาวิปโยค เราจะหลงและลืมวันเดือนปี จะไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร เดือนอะไร และปีอะไร เพราะเวลาจะสับสนอลหม่าน จับต้นชนปลายไม่ถูก ต่างจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วราวติดปีก และดูเหมือนว่ามันไม่ใช่เวลาของเราเสียแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะสาละวนเพื่อความอยู่รอดของตนเพียงอย่างเดียว จนไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่โมงกี่ยาม หรือเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์

    ลำดับเหตุการณ์ต่างๆ จะมีอะไรบ้าง?

    โดยทั่วไปแล้ว ลำดับเหตุการณ์ต่างๆ จะนำเราไปสู่เหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใด ว่าจะลงเอยไปแบบใด ไม่ใช่เหตุการณ์นั้นๆ ในตัวของมันเอง แต่ผม (บาทหลวงแอนดรู) ผมต้องการให้พวกเธอเตรียมตัวเตรียมใจ และให้ศึกษาเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้ ตัวอย่างเช่น พวกเธอต้องเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลต่างๆ การเปลี่ยนแปลงของกระแสเงินตราสกุลสำคัญๆ พวกเธอต้องเฝ้าดูปฏิติการต่างๆ ทางการทูต ภัยพิบัติทางธรรมชาติบางอย่าง

    เหตุการณ์ที่จะต้องเฝ้ามอง สำหรับชาวอเมริกันก็คือ เมื่อเรารู้ว่าเมื่อไรจะเกิด แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในภาคกลางของสหรัฐอเมริกา แผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะทำลายเมืองหนึ่ง เพราะเกิดไฟไหม้ น่าจะเป็นเมือง Kansas ทว่าเบื้องบนไม่เคยบอกว่าจะเป็นเมืองใด ดังนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องกำหนดตายตัว แต่เมืองนั้นจะถูกทำลายในคราวเกิดแผ่นดินไหวครั้งนั้น ซึ่งคะเนว่าแผ่นดินไหวเป็นเวลา 1 วัน หรือราวๆ นั้น ซึ่งจะทำให้ระฆังของโบสถ์แถวริมฝั่งของอ่าว และเข้าไปในบริเวณเมืองฟลอริดา ดังเหง่งหง่าง อันเนื่องมาจากคลื่นสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหว

    แผ่นดินไหวใหญ่ครั้งนั้นจะก่อให้ เกิดรอยแยกในบริเวณบ่อน้ำมัน ในบริเวณอ่าว และบริเวณตรงกลางมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งอยู่บนฝั่งตะวันออก ขณะที่เกิดรอยแยกในบริเวณดังกล่าว ไม่ก่อนก็หลังประเทศคิวบาจะได้รับการยอมรับจากสหรัฐอเมริกา ให้มีสัมพันธ์ทางการทูตแบบเต็มขั้น ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองจะมี การอับปางครั้งมโหฬาร ของเรือรบในมหาสมุทรแอตแลนติก ภาคเหนือของสหรัฐ อาจจะเป็นเครื่องบินโดยสารหรือเรือสำราญท่องสมุทรแบบหรูหรา เพราะว่าเบื้องบนได้บอกว่า จะมีผู้เสียชีวิตนับพันคน จะต้องเป็นเรือโดยสารที่บรรจุคนจำนวนมากอย่างแน่นอน

    เมื่อการอับปางของเรือขนาดใหญ่เพิ่งผ่านไป ก็จะเกิดอีกเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมาในทันที คือการปฏิวัติ สงครามกลางเมืองในอิตาลี สงครามกลางเมืองนี้จะตามหลังสงครามที่ได้เริ่มแล้วในตุรกี กรีซ ยูโกสลาเวีย สโลวีเนีย ออสเตรีย และประเทศต่างๆ ในแถบบอลติก กระทั่งในจอร์เจีย รวมทั้งเลบานอน อิสราเอล ซีเรียและประเทศอื่นๆ ในแถบนั้น จะมีเพียงประเทศเดียวที่ไม่มีสงคราม คือ โรมาเนีย เมื่อสงครามได้ระเบิดขึ้นในประเทศต่างๆ เหล่านี้ อิตาลีจะถูกโจมตีภายในเวลาราว 2-3 วัน

    ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสจะถูกสังหาร และหลังจากนั้นแค่ 2 วัน ผู้นำของเยอรมนีก็จะถูกสังหารเช่นกัน เมื่อสงครามต่างๆ ปะทุขึ้น และเมื่อประเทศอิตาลีถูกโจมตีจากกองทัพแดง จะเป็นเวลาที่ สมเด็จพระสันตะปาปาทรงหลบหนี เพราะสำนักวาติกันก็จะถูกโจมตีด้วยเช่นกัน เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาทรงหนี พวกเราก็จะได้รับข่าวสารว่า พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ ดังนั้น จะไม่มีการประกาศว่าพระองค์ได้ทรงหลบหนี ข่าวที่ประกาศออกมาจะไม่ตรงต่อความเป็นจริง

    เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาทรงหนี พระองค์จะเสด็จสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์ จากเนเธอร์แลนด์จะเสด็จสู่ประเทศเบลเยียม ฝรั่งเศส และที่สุด ณ ประเทศแคนาดา พระองค์จะประทับสองสถานที่ในเวลาเดียวกัน (Bi-locate) แต่ส่วนใหญ่พระองค์จะประทับในถิ่นเนรเทศ อันเป็นส่วนหนึ่งที่ไกลโพ้นในประเทศแคนาดา การประทับของพระองค์ในแคนาดานั้น จะเป็นส่วนที่จะไม่ถูกกระทบกระเทือน ระหว่างที่แคนาดาและสหรัฐจะถูกโจมตี

    สหรัฐจะถูกโจมตีเป็นเวลาประมาณ 9 สัปดาห์ หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาได้รับการประกาศถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ สหรัฐจะถูกโจมตี และ ถูกยึดเป็นเวลา 6 เดือน ไม่เกิน 7 เดือน เมื่อสิ้นช่วงเวลาการยึดครอง 6 เดือนนี้แล้ว ก็จะมี สัญญาณเตือนครั้งใหญ่ ปรากฏมา (พระเจ้าทรงใช้สัญญาณเตือนนี้เพื่อระงับสงครามโลกครั้งที่ 3) สหรัฐจะถูกยึดพื้นที่จากกองกำลังต่างชาติเกินกว่าหนึ่งในสาม

    กำลังจากต่างชาติที่แท้จริงก็คือ นาโต (NATO) จะเป็นทั้งนาโต และ U.N. สหประชาชาติ จะโจมตีสหรัฐ... ทหารองค์การนาโตและทหารองค์การสหประชาชาติจะโจมตีพวกเรา เหมือนกับที่พวกเราได้เคยไปโจมตีมาหลายประเทศรวมทั้งยูโกสลาเวียด้วย พวกเราได้เคยไปประเทศของพวกเขา เป็นกองกำลังรักษาความสงบเพื่อยุติการสู้รบในประเทศของพวกเขานี้เอง พวกทหารนาโตและสหประชาชาติได้ไปในสมรภูมิ โดยสวมหมวกเหล็กสีน้ำเงิน หรือหมวกเบเรต์สีน้ำเงิน และทุกคนก็ต้องล่าถอย พวกทหารเหล่านั้นได้มาเพื่อจะปลดปล่อยประเทศนั้น (ยูโกสลาเวีย) จากการยึดครองของพวกเขาเอง (พวกเซิร์บ) และครั้งนี้พวกเขาก็จะโจมตีสหรัฐด้วยรูปแบบเดียวกันนั่นเอง

    ณ เวลาที่มีการบุกโจมตีนั้น สหรัฐกำลังมีสงครามเชื้อชาติอยู่พอดีจึงเป็นโอกาสดี ที่จะมีกองกำลังต่างชาติบุกเข้ามาผสมโรงด้วย สหประชาชาติจะผนึกกำลังกองทัพคอมมิวนิสต์ พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเขาเข้ามาในสหรัฐเพื่อปลดปล่อยชาวอเมริกันจากกองกำลังที่เข้ามายึด นี่คือแผนการทั้งหมดของพวกเขา

    พร้อมๆ กับที่สหรัฐถูกโจมตี ทุกๆ ประเทศก็อยู่ในภาวะสงคราม สหรัฐจะต้องเข้าไปพัวพันในสงครามต่างชาติถึง 3 ครั้ง 3 หน เมื่อพวกเขา (ชาวอเมริกัน) ถูกโจมตี นั่นคือ ปัญหาที่มีเงื่อนไข พวกเราเข้าไปพัวพันในสงครามโลกถึง 2 ครั้งแล้ว ในยูโกสลาเวียและในอิหร่าน อิรัก สงครามทั้ง 2 แห่งนี้ พวกเรายังพัวพันอยู่ในปัจจุบันนี้ ขณะนี้ เราจะต้องเข้าไปพัวพันอีกเป็นสงครามที่ 3 แล้วเราก็จะรู้ว่าเหตุการณ์จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์

    เมื่อสัญญาณเตือนปรากฏมา จะทำให้สงครามต่างๆ ยุติ (ผมจะกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาณเตือนในภายหลัง-บาทหลวงแอนดรู) แต่สำหรับขณะนี้ ทุกสิ่งจะยุติ พระคัมภีร์ระบุไว้ว่า "บรรดาดาบที่ใช้ประหัตประหารกัน จะแปลเปลี่ยนไปเป็นผาลไถนา มนุษย์ทุกคนจะวางปืน และเริ่มปฏิรูปในทันที คนเป็นล้านๆ จะละทิ้งเมือง และไปสู่ชนบท แล้วสร้างหมู่บ้านเล็กๆ มีอยู่สิ่งเดียวเท่านั้น คือ พวกเขาจะไม่เข้าใจอย่างเต็มเปี่ยมและจะไม่เห็นความจำเป็นของชุมชน ที่อุทิศตนในกิจกรรมทางศาสนาจนกว่าพวกเขาจะมีความรู้แจ้ง ซึ่งจะได้รับช่วงเวลาแห่ง ปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ และ การส่องสว่างจากพระจิตครั้งที่ 2 (การส่องสว่างจากพระจิต หลังจากที่พระเยซูเสด็จสู่สวรรค์แล้ว ก็ได้รับการส่องสว่างจากพระจิต เป็นรูปเปลวไฟลอยอยู่เหนือศีรษะ แล้วต่างก็กระตือรือร้นที่จะออกเทศนา)

    พวกเขาจะไม่เข้าใจสิ่งนี้จนกว่าจะเกิด ปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ และ การส่องสว่างจากพระจิตครั้งที่ 2 (Second Pentecost) เนื่องจากว่าเป็นการสายเกินไปเสียแล้ว ที่จะสร้างกลุ่มเพื่อกิจกรรมทางศาสนา เหตุว่าทันทีที่เกิด ปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ และ การส่องสว่างจากพระจิตครั้งที่ 2 หลังจากนั้นเพียง 2-3 สัปดาห์ แอนตี้ไครสต์ จะถีบตัวขึ้นมาเป็นผู้นำของมนุษยชาติ

    แอนตี้ไครสต์ จะประกาศก้องไปทั่วทั้งโลกว่า มันเองเป็นผู้ได้นำ ปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ และการส่องสว่าง มายังโลก เพื่อจะได้นำโลกมามอบให้มัน มันจะแนะนำบรรดาผู้นำของโลก ให้มาประชุมกันที่สหประชาชาติ เมื่อผู้นำโลกมาประชุมกันที่สหประชาชาติ แอนตี้ไครสต์ กลับไม่มาปรากฏตัวและผู้นำต่างๆ ของแอนตี้ไครสต์ก็ไม่มาปรากฏตัวเช่นกัน แหละนี่ก็เป็นสัญญาณเตือนของเบื้องบนว่า อาคารสหประชาชาติ และบางส่วนของนครนิวยอร์กกำลังจะถูกทลายลง

    คำคม Nullum magnum ingenium sine mixtura dimentiae fuit
    นุลลุม มาญุม อินเจนิอุม ซีเน มิกซฺตูรา ดิเมนสิเอ ฟูอิต
    ไม่มีใครที่ฉลาดมากๆ จนไม่มีความบ๊องผสมไปด้วย

    สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16 ทรงภาวนาเป็นเวลานาน ณ หลุมฝังศพของพระเยซู ที่กรุงเยรูซาเลม เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2009

    หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 22 พฤษภาคม 2553

    ที่มา http://www.ryt9.com/s/tpd/904447<!-- google_ad_section_end -->

    เครดิต คุณเกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1195<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. เกิดสู่ดับ

    เกิดสู่ดับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +0
    โอ้ว ยิ่งอ่านยิ่งลึกซึ้ง แต่ก้อฟังหูไว้หู เตรียมจิตใจร่างกายให้พร้อมทุกสถานการณ์
    สาธุ...นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว.
     
  12. เกิดสู่ดับ

    เกิดสู่ดับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +0
    โอ้ว อะไรกันเยอะแยะมากมาย สมองชักรับไม่ไหว
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    นิทานเซน :ความกลัดกลุ้มของตะขาบ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>23 มีนาคม 2554 12:08 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]


    <CENTER>ภาพจาก </CENTER><CENTER> </CENTER>
    มีกบตัวหนึ่งที่เฝ้าสังเกตการเดินของตะขาบตัวหนึ่งอยู่เสมอ เวลาผ่านไปนานเข้าเกิดเป็นความงุนงงสงสัยขึ้นในใจ ครุ่นคิดว่า "ตัวข้าเองมีเพียง 4 ขายังเคลื่อนไหวไปมาได้ยากลำบาก แต่ไฉนตะขาบที่มีขานับร้อยจึงเดินได้อย่างปลอดโปร่งเพียงนี้ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ยามเดินเหิน ตะขาบทราบได้อย่างไรว่าจะหยุดขาข้างไหน ขยับขาข้างไหน จากนั้นก้าวขาไหนตามออกไปกันเล่า?"

    กบจึงตัดสินใจออกไปขวางทางเดินของตะขาบเอาไว้ จากนั้นเอ่ยถามว่า "ข้าถูกเจ้าทำให้งุนงงสงสัยไปหมดแล้วว่า ในแต่ละวันเจ้าเดินเหินได้อย่างไรด้วยขาที่มากมายขนาดนี้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้"

    ตะขาบตอบว่า "ข้าเดินแบบนี้มาโดยตลอดไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนี้ แต่ในเมื่อวันนี้เจ้าถามขึ้นมา ข้าก็จะขอเวลาคิดดูสักครู่ แล้วค่อยตอบคำถามของเจ้า"

    ตะขาบยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ เพื่อขบคิดว่าที่ผ่านมาตนเองเดินอย่างไร จากนั้นเจ้าตะขาบก็พยายามขยับขาโน้นขยับขานี้แต่ไม่สำเร็จ เพียงลากขาไปข้างหน้าได้ 2-3 ก้าว พอหมดสิ้นหนทางจึงหมอบลง สุดท้ายได้แต่กล่าวกับกบขี้สงสัยว่า "ต่อไปเจ้าโปรดอย่าได้เอ่ยถามข้อสงสัยข้อนี้ของเจ้าให้ตะขาบตัวอื่นใดได้ฟังอีก ที่ผ่านมาข้าเพียงเดินไปข้างหน้าไม่เคยเกิดปัญหา แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากแล้ว ข้าไม่สามารถก้าวเดินได้ เพราะข้าไม่รู้ว่าจะขยับขาเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร ด้วยขากว่าร้อยขาที่มีอยู่นี้"

    ปัญญาเซน :เรื่องบางเรื่อง ขบคิดมากความกลับเพิ่มปัญหา การปฏิบัติเซนอย่างสมบูรณ์แบบ คือการใช้ชีวิตประจำวันตามธรรมชาติ ตามครรลองที่ควรจะเป็น



    ที่มา : หนังสือ 《菩提树下听禅的故事》, 惟真 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 中国华侨出版社, 2004.08, ISBN 7-80120-851-X

    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000036397
    <CENTER> </CENTER>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2011
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สงครามระหว่างมนุษย์ต่างดาว...
    (ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาน)


    [​IMG]
    สงคราม นรก สวรรค์ (ARMAGEDDON)

    จากการที่ผมได้รวบรวมข้อมูลเรื่องของ Nibiru/2010-2012/NWO/อิลลูมินาติ ฯลฯ เมื่อนำมาประมวลกับคำทำนายในคัมภีร์ไบเบิ้ล เรื่องสงครามวันสิ้นโลก(ARMAGEDDON) ก็พอจะสรุปได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันชนิดแยกกันไม่ออกเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือมันเป็นเรื่องของมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี(พระคริสต์) กับมนุษย์ต่างดาวฝ่ายชั่ว(ซาตาน,อิลลูมินาติ,ฟรีเมสัน ฯลฯ) ที่จะมาทำสงครามกันในโลกมนุษย์ในอนาคตอันใกล้นี้นั่นเอง โดยมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดี จะมีชัยชนะเหนือมนุษย์ต่างดาวฝ่ายชั่วได้ในที่สุด มีรายละเอียดดังนี้ครับ


    [​IMG]

    จากวันที่กำเนิดมนุษย์ จนถึงวันสิ้นสุดศตวรรษที่ 20
    เป็นเวลา 6,795 ปี
    SATAN ครอบงำหลอกล่อมนุษย์ ให้ทำชั่วทุกวิถีทาง
    มีคำถามที่เป็นที่น่าสงสัยว่า
    ทำไม พระเจ้า ทรงสร้างหรือยังปล่อยให้ SATAN ดำรงอยู่
    ทั้งที่ท่านมีอำนาจในการทำลาย
    คำตอบง่ายๆก็คือ พระเจ้า ทรงมองเห็นว่าทุกสิ่งที่ท่านสร้าง
    เป็นสิ่งที่สวยงาม และดีที่สุด หรือ พูดให้ง่ายคือ
    พระเจ้าทรงมีพระเมตตา และ รักในทุกสิ่ง
    SATAN แท้จริงก็เป็น เทวดาองค์หนึ่ง
    ที่หลงผิดคิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้อง ปล่อยให้ความริษยา เข้าครอบงำตนเอง
    ความโกรธแค้นมีทิฐิ ไม่ยอมรับและอภัยผู้อื่นนั้นเอง
    แต่พระเจ้าก็ยังทรงเมตตาเสมอ
    ทั้งๆที่ SATAN ไม่เคยที่จะคิดได้ ยังคงทำความเลวต่อไป
    ในระยะเวลาช่วง 7 ปี ก่อนถึง
    สงครามครั้งสุดท้ายระหว่าง สวรรค์-นรก

    [​IMG]
    SATAN จะมีอำนาจมากขึ้น และทำให้โลกเกิดความพินาศอย่างน่ากลัว

    [​IMG]
    จากบันทึกมีการกล่าวถึงสัตว์ร้าย 2 ตัว


    ที่มีหมายเลขประทับที่หน้าผากด้วยเลข 666
    • สัตว์ตัวแรกมี 7 หัว 10 เขา และมี อำนาจเหนือมนุษย์ทุกผู้
    • ส่วนตัวที่ 2 ได้รับอำนาจเสริมจากตัวแรก มีอำนาจให้คนทั้งโลกสยบสยบแทบเท้ามัน
    SATAN จะมีอำนาจในโลกอย่างอหังการ์นาน 7 ปี


    และจะถูกจองจำโดยพระเจ้า ไปนาน 1,000 ปี
    ซึ่งจะเข้าสู่ช่วงยุคของชาววิไล ยุคแผ่นดินโลกใหม่
    แต่หลังจากนั้น มันก็จะถูกปล่อยออกมาก่อกรรมอีก
    และคราวนี้พระเจ้าจะจับมารซาตาน โยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน
    รวมทั้งสัตว์ร้ายทั้งหลายที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะ
    จะต้องทนทุกข์ทรมานชั่วนิจนิรันดร์ และนั่นคือวาระสุดท้ายของ SATAN
    สงครามขั้นแตกหัก ARMAGEDDON หรือ APOCALYPSE หรือ JIHAD
    น่าจะเป็นการเกิด สงครามโลกครั้งที่ 3

    การทำลายล้างจะทำให้เกิดการสูญเสียของชีวิตมนุษย์
    ไปถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 2,000 ล้านคน
    ตามบันทึกมีการพูดถึง ดวงตราทั้ง 7 หรือ THE SEVEN SEALS
    เมื่อมีการเปิดผนึกดวงตราทั้ง 7 จะมีการปรากฎตัวของบุรุษลึกลับ 4 คน ขี่ม้า 4 ตัว
    ที่มีลักษณะเหมือนสัตว์ประหลาด
    มีเสียงร้องอันดังดุจสายฟ้าร้อง
    หรือที่เรียกกันว่า THE FOUR HORSEMEN OF THE APOCALYPSE
    หรือ 4 อัศวินแห่งวันโลกาวินาศ
    เหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้น ประกอบด้วย 3 สิ่งใหญ่ๆ
    คือ ดวงตราทั้ง 7 การเป่าแตรทั้ง 7 และการเทขันแห่งพระพิโรธทั้ง 7

    [​IMG]


    • เมื่อตราดวงแรก ถูกเปิดออก จะมีคนลึกลับขี่ม้าขาวออกมา ในมือถือคันธนู ทำให้โลกเกิดความทุกข์ยากไป 3 ปีครึ่ง และ SATAN ที่มีเครื่องหมาย 666 ก็จะเข้าครอบงำโลกมนุษย์อีก 3 ปีครึ่ง หลังจากนั้นจะเกิดสงครามมหาประลัย พระมาซีอา พระมะห์ดีร์ หรือพระศรีอาริยเมตไตรยก็จะเสด็จมา ทรงทำให้โลกเข้าสู่ยุคแผ่นดินโลกใหม่ ยุคของชาววิไล
    • เมื่อดวงตราที่ 2 ถูกเปิดผนึก จะมีคนลึกลับขี่ม้าสีแดงออกมา ในมือถือดาบเล่มใหญ่ คนๆนี้จะทำให้โลกเข้าสู่สงครามอันน่าสะพรึงกลัว มีคนล้มตายถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลก
    • เมื่อดวงตราที่ 3 ถูกเปิดผนึก คนลึกลับขี่มาสีดำออกมา ในมือถือตราชู ทั่วโลกจะเกิดความกันดาร อดอยาก และกลียุค เขาจะมาในคราบของนักบุญที่นำสันติสุขมาสู่โลก แต่กลับนำพาผู้คนเข้าสู่สงครามมหาประลัย
    • เมื่อดวงตราที่ 4 ถูกเปิดผนึก คนลึกลับขี่ม้าสีเขียวอมดำ ออกมา คนๆนี้ถือเป็นมัจจุราช มาคร่าชีวิตผู้คนด้วยโรคระบาด ความอดอยาก ทำให้ผู้คนล้มตายไปอีก 1 ใน 4 ของที่เหลือ
    • เมื่อดวงตราที่ 5 ถูกเปิดผนึก วิญญาณของผู้ที่ล้มตายมากมาย จะได้รับเสื้อสีขาวที่พระเจ้าทรงประทานให้ และรับสั่งให้พวกเขาทนรอเพื่อให้ดวงวิญญาณที่ต้องล้มตายครบตามจำนวน
    • เมื่อดวงตราที่ 6 ถูกเปิดผนึก จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง กลางวันกลับมืดมิด กลางคืนดวงจันทร์ทอแสงเป็นสีเลือด ทุกคนจะรู้ดีว่าวันที่พระเจ้าทรงพิโรธ ได้มาถึงแล้ว วิญญาณที่ได้รับเสื้อขาว จะถูกนำตัวไปยังน้ำพุแห่งชีวิต พวกเขาจะไม่หิวกระหายอีกต่อไป ไม่เจ็บป่วยอีกต่อไป
    • เมื่อดวงตราที่ 7 ถูกเปิดผนึก ความเงียบเข้าครอบคลุมสวรรค์ประมาณครึ่งชั่งโมง
    เทวทูตทั้ง 7 องค์ ได้รับแตร 7 อัน

    มีอยู่หนึ่งองค์ที่ถือกระถางไฟทองคำมาด้วย
    และเตรียมที่จะโยนมันลงมายังโลก เพื่อเผาผลาญคนชั่วให้สิ้นซาก
    จากนั้นเทวทูตทั้ง 7 ก็ทำการเป่าแตร

    • องค์ที่ 1 เป่าแตร ยังผลให้โลกไหม้ไป 1 ใน 3 ส่วน
    องค์ที่ 2 เป่าแตร ยังผลให้เกิดอุกาบาตตกลงในทะเลทำให้ทะเลกลายเป็นสีเลือดไป 1 ใน 3
    องค์ที่ 3 เป่าแตร ยังผลให้อุกาบาตตกลงในแน่น้ำทั้งหลาย ทำให้น้ำมีรสขม ทำให้ผู้คนล้มตายเพราะน้ำนี้
    องค์ที่ 4 เป่าแตร เป็นการเตือนว่าความพินาศจะเกิดแก่คนทั้งหลายบนโลก
    องค์ที่ 5 เป่าแตร อุกาบาตตกลงยังพื้นดินผู้คนที่บาดเจ็บจะได้รับความทรมานแต่ไม่ตายอยู่เป็นเวลา 5 เดือน แม้อยากตายก็ตายไม่ได้
    องค์ที่ 6 เป่าแตรทูตสวรรค์ที่เคยถูกส่งมายังโลกและถูกมารจับตัวไว้จะได้รับการปลดปล่อย และเตรียมตัวทำลายล้างมนุษย์ที่ชั่วช้าที่ถูกSATAN ครอบงำ
    องค์ที่ 7 เป่าแตร แผ่นดินใหม่บังเกิด พระเจ้าชนะสงคราม แต่มารหรือซาตานก็ยังล่อลวงมนุษย์ต่อไปทำให้เกิดการเทขันแห่งพระพิโรธขึ้น


    [​IMG]

    • ขันที่ 1 ผู้ที่บูชา SATAN จะเกิดแผลร้ายเป็นหนองไปทั้งตัว
    • ขันที่ 2 เทลงในทะเล สัตว์ที่อยู่ในทะเลก็ตายจนสิ้น เกิดโลกระบาดไปทั่ว
    • ขันที่ 3 ล้างพวกที่มีจิตใจใฝ่อธรรมจนหมดสิ้น
    • ขันที่ 4 เทลงไปที่ดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงอาทิตย์แผดแสงมากยิ่งขึ้น เกิดความแห้งแล้ง ทุรกันดาร อดอยาก
    • ขันที่ 5 เทใส่ บัลลังก์ ของ SATAN ทำให้อาณาจักรของมันมืดมน
    • ขันที่ 6 เทลงในแม่น้ำ ทำให้แม่น้ำเหือดแห้ง ผีโสโครก 3 ตน ปรากฎกายออกมา ปลอมตัวเป็นผู้เผยวจนะของพระเจ้า ล่อลวงให้มนูษย์ทำสงครามกันเอง
    • ขันที่ 7 เทไปในอากาศ METRATON แผดเสียงแทนพระเจ้าดังกังวารว่า "สำเร็จแล้ว" ทำให้เกิดแผ่นดินไหว มหานครต่างๆบนโลก แยกออกเป็น 3 ส่วนบรรดาเกาะใหญ่น้อยทั้งหลายจมลงสู่ใต่บาดาลเชกเช่นตอนที่อาณาจักร ATLANTIS ถูกพระเจ้าทำลายล้าง
    เมื่อเหตุการณ์ทั้งหลายจบลง


    SATAN และสัตว์ร้ายทั้งหลาย ถูกจับตัวและถูกโยนลงไปในบึงไฟ
    และถูกฆ่าตายด้วยแสงที่เปล่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า
    นกทั้งปวงรุมแทะกินเนื้อพวกมันจนแหลกเหลว
    แต่วิญญาณชั่วร้ายของมันยังคงอยู่



    [​IMG]
    แต่ถูกจับมัดและกักขังในบาดาล 1,000 ปี
    แผ่นดินสงบสุขไป 1,000 ปี ก่อนที่วิญญาณชั่วร้ายจะถูกปลดปล่อยอีกครั้ง....


    ที่มา http://www.showded.com/myprofile/mai...KULA&jnId=1417
    เครดิต คุณเกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1195
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วิกฤตพลังงานธรรมชาติคือครูที่ยิ่งใหญ่
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย </TD><TD class=date vAlign=center align=left>22 มีนาคม 2554 17:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> *สังคมไทยจะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้สำเร็จเพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลายในอนาคต อันเนื่องมาจากหายนภัยของโลกร้อนได้หรือไม่? (ต่อ)*

    ไม่มีใครอยู่เหนือวิถีธรรมชาติได้หรอก หากชาวโลกยังคงยึดอัตตาแห่งตนเป็นที่ตั้งในการสัมพันธ์กับธรรมชาติ และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ตกอยู่ในวังวนของวัตถุนิยม และบริโภคนิยมอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ปลายทางของเส้นทางแห่งอัตตานี้ ย่อมเป็นหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย หากชาวโลกไม่สามารถหวนคืนกลับสู่วิถีที่ปรองดองกับธรรมชาติได้ ธรรมชาติก็ต้องเอาคืนด้วยการปรับตัวอย่างรุนแรง เพื่อสร้างสมดุลใหม่อีกครั้ง เพราะเราจะต้องไม่ลืมสัจธรรมที่ว่า ฟ้านั้นอยู่ค้ำคน แต่คนมิได้อยู่ค้ำฟ้า!

    หากชาวโลกปรับตัวล่าช้าในการกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงโดยพลังของธรรมชาติ จะทำให้สังคมมนุษย์หลังจากนั้นไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ลองคิดดูให้ดี ฟ้าให้ธรรมชาติแก่มนุษย์มา ฟ้าประทานต้นไม้ทุกต้นให้แก่มนุษย์ โดยมีความหลากหลายเชิงพืชพรรณอย่างนับจำนวนไม่ถ้วน ฟ้าให้ต้นไม้มาเพื่อเป็นต้นแบบของการให้ สำหรับให้มนุษย์ได้เรียนรู้ความจริงจากธรรมชาติ ธรรมชาตินั้นสอนมนุษย์อยู่ตลอดเวลา แต่มนุษย์เคยเรียนรู้อะไรจากธรรมชาติบ้างเล่า?

    ต้นไม้ไม่เคยอิจฉาริษยากัน ต้นไม้ไม่เคยแก่งแย่งสถานที่กัน มีแต่เกื้อกูลกัน ต้นไม้แต่ละต้นต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องทำอวดใคร ต้นไม้ทุกต้นล้วนทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเป็นประโยชน์สูงสุดให้สรรพสิ่งก็เพียงพอแล้วโดยไม่สนใจในสายตาผู้อื่นเลยว่าจะเห็น “ความดี” ของตนหรือไม่

    ธรรมชาติคือผู้ให้ที่แท้จริง มนุษย์ต่างหาก เคยคิดให้อะไรแก่ธรรมชาติบ้างหรือไม่? เคยรู้สึกสำนึกขอบคุณธรรมชาติ ขอบคุณอากาศ ขอบคุณน้ำ ขอบคุณดิน ขอบคุณต้นไม้ทุกต้น ขอบคุณสัตว์ทุกชนิด ขอบคุณทุกสรรพสิ่งที่โอบอุ้มชีวิตของพวกตนเสมอมาบ้างหรือไม่?

    ขุนเขา แผ่นดินเป็นที่รองรับการเหยียบย่ำของผู้คนมาชั่วกาลนาน แต่มันก็มิเคยเอ่ยปากขอร้องคำสรรเสริญยกย่อง ชื่นชมจากผู้คนที่ตักตวงผลประโยชน์จากมัน

    ทะเล มหาสมุทรเป็นที่รองรับของขยะ สิ่งโสโครกปฏิกูลทั้งปวงจากชาวโลกมานมนาน แต่มันก็มิเคยพร่ำบ่นน้อยใจ และติเตียนเหล่ามนุษย์ผู้อกตัญญูทั้งหลายนี้

    ดวงอาทิตย์ให้แสงสว่าง ความอบอุ่นแก่สรรพชีวิตมาโดยอย่างเท่าเทียมกัน แต่มันก็มิเคยเอ่ยปากขอสิ่งตอบแทนจากเหล่าสรรพชีวิตทั้งหลายเลย

    ด้วยเหตุนี้ ทั้งขุนเขา แผ่นดิน ทะเล มหาสมุทร และดวงอาทิตย์จึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนผู้มีหัวใจดีงาม อันเนื่องมาจากคุณสมบัติแห่ง “ความยิ่งใหญ่ด้วยจิตใจอันเสียสละอย่างไม่มีเงื่อนไข” นี้นั่นเอง

    โลกนี้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างสรรพสิ่งต่างๆ ในลักษณะของการเกื้อกูลกันและกัน โลกไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อมนุษย์เท่านั้น โลกไม่ได้เป็นของมนุษย์เพียงผู้เดียว แต่โลกคือ รูปธรรมแห่งวิถีของธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่สร้างสรรพสิ่งให้เกื้อกูลกันเรื่อยมา

    “คลื่นซัดฝั่งทราย ฟองฟ่องขาวกระจาย ประกายสีเงินนวลตา เมฆขาวลอยมา ท้องฟ้าชวนมอง ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เสรีภาพตามครรลอง ผู้ครอง คือ ฟ้าดิน”

    โลกทัศน์ที่มองว่า โลกต้องรับใช้มนุษย์ อัตตาที่ยึดติดว่าโลกใบนี้เกิดมาเพื่อมนุษย์เท่านั้น รังแต่จะสร้างปัญหาให้แก่สังคมโดยรวม เพราะมุมมองดังกล่าวเป็นการมองอย่างแยกส่วนต่อโลก การที่ผู้คนจำนวนมากบนโลกใบนี้กำลังต่อสู้แข่งขันกันเองตั้งแต่เกิดไปจนตาย ด้วยระดับความดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มุมมองของผู้คนในยุคปัจจุบันยึดติดแน่นกับอัตตาหรือ “ตัวกูของกู” มากจนมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบข้างในลักษณะที่เห็นแก่ตัว และมุ่งตอบสนองต่ออัตตามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนำไปสู่วิกฤตต่างๆ ขึ้นมากมายอย่างที่เราเห็น

    ชีวิตนี้ความจริงแล้วมีมุมมองที่มากกว่าวัตถุด้านเดียว เพราะยังมีมุมมองเชิงจิตวิญญาณ มุมมองเชิงสังคม มุมมองของสำนึกต่อส่วนรวม และโลกดำรงอยู่ด้วย การมีมุมมองต่อชีวิตอย่างบูรณาการเช่นนี้ได้ จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะนำพาตัวเรากลับคืน และปรองดองกับวิถีธรรมชาติได้อีกครั้ง

    จงอย่าลืมว่า การที่มนุษย์มีวิวัฒนาการขึ้นมาบนดวงดาวดวงนี้ได้ โลกใบนี้ของเราต้องผ่านการวิวัฒนาการมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งอย่างยาวนานกว่าที่จักรวาลจะสร้างโลกที่เหมาะสม และเอื้อต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ องค์ความรู้ใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับวิวัฒนาการของโลก และจักรวาล รวมทั้งกลไกการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ ทำให้เราจะต้องสำนึกขอบคุณเกือบทุกๆ สิ่งที่ช่วยสร้างภาวะที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตให้แก่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นสาหร่าย ดวงจันทร์ แพลงก์ตอน แนวปะการัง เม็ดทราย ชายหาด จุลินทรีย์ สัตว์ต่างๆ ฝน น้ำ อากาศ บรรยากาศ ฯลฯ

    คำขอบคุณมากมายนับไม่ถ้วนที่เราต้องขอบคุณการสร้างสรรค์ของธรรมชาติเพื่อการดำรงอยู่ของเรา และเพื่อให้เราเรียนรู้วิถีการดำรงอยู่อย่างปรองดองร่วมกับธรรมชาติในหนทางที่สร้างสรรค์อารยธรรมของตนให้พัฒนากลมกลืน และสอดคล้องไปกับสมดุลของสรรพสิ่ง และการพึ่งพาช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างสรรพสิ่ง

    ธรรมชาติคือครูผู้ยิ่งใหญ่ ผู้สอนให้เราเห็นถึงความหมายของกลางวัน และกลางคืน ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ และความอ่อนโยนของดวงจันทร์ ความหมายของการว่ายเวียนเปลี่ยนผันของฤดูกาล พลังแห่งการกำเนิดชีวิตของทะเล ความหนักแน่นของขุนเขา ความไม่รู้หลับของเกลียวคลื่น สายธารที่ไหลมาบรรจบเป็นแม่น้ำที่หวนคืนสู่ทะเล ความรู้สึกที่ไร้กังวลของเมฆที่ลอยล่อง สิ่งเหล่านี้ธรรมชาติได้สอนเราอยู่เสมอว่า มนุษย์เราควรจะมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ เยี่ยงไร

    “หยาดน้ำค้างหยดเดียวสะท้อนโลกทั้งใบ แสงจันทร์อำไพกระจ่างอยู่ในใจข้า”

    การที่ดวงจันทร์บนท้องฟ้าทั้งดวงมาสงบนิ่งอยู่ในหยดน้ำค้างบนใบหญ้าเพียงหยดเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของธรรมชาติภายนอกกับธรรมชาติภายในตัวเรา แต่บัดนี้มนุษย์โลกกำลังทำลายความสมดุลเหล่านั้นเพียงเพื่อจะนำธรรมชาติมาขับเคลื่อนรับใช้อารยธรรมทางวัตถุของตน ด้วยความบ้าคลั่งแห่งอัตตาของมนุษย์ เรากำลังทรยศต่อธรรมชาติผู้เป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ของเราอย่างขาดสำนึกผิดชอบชั่วดี

    “ฟ้าอยู่ในคน ฤาคนอยู่ในฟ้า ใต้หล้าหนึ่งฟ้า ใจข้าหนึ่งเดียว”

    เราจะต้องรู้จักปล่อยวางอย่างสิ้นเชิง สลายตัวตนทั้งผู้รู้ และสิ่งที่ถูกรู้ มีแต่การ “รู้” อย่างบริสุทธิ์ล้วนๆ เท่านั้น ทุกอย่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเข้ากับความจริงของธรรมชาติ ทั้งตัวเราและสิ่งรอบข้างกลายเป็นหนึ่งเดียว เราเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่ง หากเรามีจิตกระจ่างที่จะมองทะลุซึ้งความวุ่นวายของระบบจนแลเห็นความเป็นหนึ่งเดียวของสรรพสิ่ง เราจะไม่เคยโดดเดี่ยวเพราะความโดดเดี่ยวถูกสร้างขึ้นมาจากอัตตาของเราเอง เพื่อแบ่งแยกจากสิ่งอื่น อัตตาเดียวกันนี้แหละที่ทำให้เราหันคมดาบใส่ผู้อื่น ก่อให้เกิดสงครามทุกรูปแบบ และสร้างความโลภที่ไม่สิ้นสุดขึ้นมา

    “ใจสบายคือใจเซน ใจเย็นเพราะใจเบา ใจเราคือใจเขา ใจไม่เอาคือใจจริง”

    ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่คนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ ควรหันมาทบทวนวิถีของตัวเอง เพื่อหวนคืนกลับมาอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเกื้อกูลกันอีกครั้ง ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนส่วนใหญ่ควรหันมายอมรับกันตรงๆ ว่า ที่ผ่านมา พวกตน “หลงทาง” เพราะไม่คำนึงถึงสิ่งใดนอกจากการสะสมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ โดยละเลยเรื่องอื่นๆ อย่างทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และจิตวิญญาณ โดยเห็นว่ามีความสำคัญน้อยกว่ามาก

    “สันโดษในริมธาร วิเวกในพงไพร กระจ่างใจในท้องฟ้า เจิดจ้าในแสงตะวัน”

    ...ฉันนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ริมคลอง ขณะที่ฝนกำลังตกพรำๆ เมื่อจิตกับกายของฉันรวมเป็นหนึ่ง ฉันก็ใช้พลังแห่งจิตนาการของฉันค่อยๆ สลายโครงกระดูก และร่างกายส่วนอื่นๆ ของฉัน จนตัวฉันกลายเป็น “หยดน้ำ” ที่ค่อยๆ ไหลซึมลงไปในแผ่นดินใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ที่ฉันกำลังบำเพ็ญสมาธิอยู่ “หยดน้ำ” นี้ค่อยๆ ไหลลงสู่ลำคลอง กลายเป็นหยดน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่กำลังไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย

    สายลมได้พัดพาหยดน้ำนั้นให้ไหลขึ้นเริงร่าอยู่บนยอดคลื่น ภายหลังจากที่ลมสงบลง ทะเลใหญ่คืนสู่ความนิ่งงันราวกับผืนกระจก “หยดน้ำ” นี้ก็ค่อยๆ ดำดิ่งลงไปสู่พื้นมหาสมุทรที่ลึกล้ำที่สุดราวกับอยู่ที่หว่างกลาง “ใจน้ำ” ของท้องมหาสมุทรนั้น

    จาก “หยดน้ำ” ณ ใจกลางท้องสมุทร ฉันค่อยๆ รู้สึกตัวว่าตัวฉันกำลังลอยสูงขึ้นๆ กลับขึ้นสู่ผิวน้ำ แสงจากดวงตะวันทำให้ตัวฉันซึ่งเป็นหยดน้ำค่อยๆ ระเหยกลายเป็นไอน้ำที่ลอยสูงขึ้นๆ จากผิวมหาสมุทรสูงขึ้นไปในอากาศ กลายเป็นก้อนเมฆที่เคลื่อนคล้อยอยู่บนท้องฟ้า ก่อนที่ตัวฉันจะค่อยๆ เริ่มรู้สึกหนักขึ้นๆ เพราะกำลังจะกลับกลายมาเป็นหยดน้ำอีกครั้ง โดยกลับกลายมาเป็นหยาดฝนที่กำลังตกลงมาจากฟากฟ้า เพื่อมาชะล้างคราบเหงื่อ คราบน้ำตาของผู้คนทั้งหลาย จากนั้นหยาดฝนที่ตกลงมากระทบผืนดิน ก็ค่อยๆ ซึมกลับลงไปในแผ่นดินอีกครั้ง ก่อนที่หยดน้ำเหล่านี้จะไหลกลับมารวมกันเป็น “ตัวตน” ของฉันอีกครั้งหนึ่ง ณ ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ริมคลองต้นนี้

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=445 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=445>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ฉันอยากจะบอกกับพวกเธอทั้งหลายซึ่งเป็นที่รักยิ่งของฉันว่า แม้ฉันจะเห็นซึ้งถึงความเป็นทุกข์ของโลกนี้ ฉันก็ไม่บังเกิดความหน่ายแหนงในการลงมาเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อช่วยโลกใบนี้ โลกใบนี้กำลังเป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส เพราะน้ำมือของมนุษย์ทั้งหลาย แต่โลกพูดออกมาไม่ได้ ฉันถึงต้องออกมาพูดแทนโลกใบนี้ให้พวกเธอได้รับรู้ว่า โลกของเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกเธอทุกคนมากเพียงใด พระแม่ธรณีของเรากำลังรอรับความช่วยเหลือจากน้ำมือของพวกเราทุกคน!

    ฉันอยากจะบอกกับพวกเธอทั้งหลายซึ่งเป็นที่รักยิ่งของฉันอีกว่า แม้ฉันจะเห็นซึ้งถึงความไม่เที่ยงของชีวิตนี้ ฉันก็ไม่บังเกิดความเบื่อหน่ายต่อการบำเพ็ญกุศลธรรมสร้างบารมี และถึงแม้ฉันจะเห็นซึ้งถึงความไม่มีตัวตนของสรรพสิ่ง ฉันก็ไม่เอือมระอาเหน็ดเหนื่อยต่อการช่วยเหลือชาวโลก สรรพชีวิตทั้งปวง และโลกใบนี้...เพราะนี่คือ ชีวิตที่ตัวฉันเลือกเอง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    Daily News - Manager Online -
     
  16. bass1579

    bass1579 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +11
    ถ้าต่างดาวมาเยือนอียิปต์จริง สัญลักษณ์"อังค์"ผมว่าน่าจะเป็นเครื่องช่วยชีวิตหรือไม่ก็เป็นอุปกรณ์การแพทย์ของต่างดาวรึป่าวครับ
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ข้อมูลทั้งหมดนี้ ก็ฟังคนอื่นเขาเล่ามา ไม่ได้รู้เอง
    แต่ในใจก็คิดว่าอียิปต์และอารยธรรมโบราณต่างๆ มีเรื่องแปลกๆล้ำหน้ามากมาย
    คงไม่ธรรมดาหรอกค่ะ ที่คนโบราณจะคิดค้นและสร้างสิ่งมหัศจรรย์ทิ้งไว้มากมาย
    ที่แม้แต่เราเองก็ยังทำไม่ได้อย่างที่พวกเค้าทำไว้

    ก็ฟังหูไว้หูค่ะ ถ้าเรามีโอกาสได้รับรู้และสัมผัสความจริงของเรื่องลึกลับเหล่านี้
    เราก็คงตอบคำถามที่เราสงสัยได้ วันนี้ยังไม่รู้ก็ได้แต่รับชมรับฟังกันไปก่อนค่ะ
    ถึงเวลาของเราเมื่อไร ทุกปริศนาทุกข้อสงสัยย่อมคลายออกมาให้เรารู้ได้เอง
    ตอนนี้ยังไม่รู้ หากคิดมากไปก็ยิ่งไม่รู้อยู่ดี ก็ใจเย็นๆ ดูความจริงของโลกเราไป
    เรื่อยๆ แล้วความจริงก็แสดงตัวออกมาเอง ถ้าไม่ตายซะก่อน ก็คงได้รู้ความจริงซักวัน
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คำทำนายเรื่องภัยพิบัติปี 2554
    จากบ้านสวนพีระมิด


    [​IMG]
    ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา บรรยาย เรื่องสภาวะโลกร้อน ค่ายบ้านสวนพีระมิด

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->itbeauty<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4513023", true); </SCRIPT> สมาชิก

    คัดลอกมาจากกระทู้ที่ท่าน อ.อุบล แห่งบ้านสวนพีระมิด ได้เมตตาแสดงความคิดเห็นไว้ค่ะ เนื้อหาดังนี้ค่ะ

    เวลาที่เหตุเกิด จะมีทั้งคนที่ตายทันที คือคนอยู่ริมทะเล ริมแม่น้ำ อยู่บนตึกสูงเกิน 3 ชั้น และ คนบาป คือผิดศีล ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม พวกนี้ไปก่อน

    อีกพวกหนึ่ง หนีแบบไม่คิดชีวิตและจะหนีไปทางเดียวกัน คือทางที่ไม่รอด ทางนี้มีคนหนีไปมากที่สุด ระหว่างหนีก็จะคิดเสียใจ ว่าเราไม่น่าประมาทเลย ทำไมเราไม่เชื่อคำเตือน อ.อุบล และ สิ่งที่เห็นเป็นข่าวเช่น ญี่ปุ่น ทำไมเราไม่มีที่อยู่ที่ปลอดภัย ทั้งที่เราก็มีเงิน เรามีความพร้อม ทำไมเราต้องมาหนี แล้วเราจะหนีไปไหน จะหนีทันไหม จะกินอะไร จะนอนไหน หนาว หิว กลัว เครียด ช๊อค

    แล้วระหว่างทาง รถจะติดเพราะแย่งกันหนี แล้วระหว่างรถติด จะมีการปล้นอาหาร ของใช้กัน ฆ่ากันเพื่อเอาตัวเองรอด ตอนนั้นไม่มีใครสงสารใคร มีแต่คนเห็นแก่ตัว ไปร่วมเส้นทางเดียวกัน จะตายเพราะฆ่าฟันกันเอง ตายเพราะสัตว์มีพิษออกมา โดยเฉพาะงู ตะขาบ จรเข้มาตามน้ำ แล้วจะมี ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เสาไฟฟ้าล้ม ไฟดับ มืดอยู่กลางทางที่หนี แล้วก็จะมีน้ำซัดมาพาไปทั้งรถทั้งคน บางคนก็ตายทันที บางคนก็บาดเจ็บพิการทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็ตายเวลาต่อมา คนที่รอดก็ประสาทเสียเพราะเห็นคนตายต่อหน้า ตอนนั้นทุกคนไม่ต้องการเงินทอง ของมีค่าต้องการแต่ให้รอดตาย ต้องการที่ปลอดภัย ต้องการคนที่พึ่งพิงได้ ต้องการคนปลอบใจ ต้องการที่อาศัย อาหาร และที่นอน(หลับ)

    เส้นทางที่จะรอด ปลอดภัย จะไม่ค่อยมีคนใช้ เพราะนรก สวรรค์ แบ่งแยกเส้นทางไว้ ให้คนจะรอดไปทางหนึ่ง ให้คนจะไม่รอดไปทางหนึ่ง ส่วนเส้นทางที่จะรอด จะมีแต่ผู้มีน้ำใจ ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างทาง จะแบ่งเสื้อผ้า อาหารหยูกยา สนทนาธรรมกัน ที่ไม่รู้จักกันก็จะเป็นเสมือนญาติกัน ระหว่างทางนั้นจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยนำทางจนพบทิศทางสู่ที่ปลอดภัย แต่ก็อาจลำบาก ถ้าหากไม่ฝึกฝน ผจญภัย เพราะสิ่งของเครื่องใช้ไม่มีเหมือนเดิม เทคโนโลยีทั้งหลาย จะหายสิ้น ทั่วแผ่นดินจะคืนสู่สามัญ ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่กันเหมือนเมื่อ 50 -100 ปี ที่ผ่านมา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา ไม่มีแก๊ส ไม่มีรถ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีคอมพิวเตอร์ ที.วี. ฯลฯ ทุกสิ่งต้องสร้างสรรค์ กันขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

    ใครเตรียมสิ่งใดไว้ แล้วยังอยู่ ก็จะได้ใช้สิ่งนั้นยังชีพไป แต่ถ้าหมดแล้วก็ไม่สามารถหาซื้อใหม่ได้ เพราะไม่มีคนมีสินค้าขายต่างมีแต่ตัวกับเสื้อผ้าที่ติดตัวเพียงชุดเดียว แต่จะมีคนพวกหนึ่งที่อยู่กับบ้าน (ต้องเป็นสถานที่ปลอดภัย) วันนั้น ไม่ออกไปไหน สิ่งของเครื่องใช้ ยังพอมีเขาก็จะได้กินได้ใช้ เท่าที่มี เท่าที่สร้างสมไว้ ปลูกไว้ เตรียมไว้ให้ยังชีพต่อไปได้ คนพวกนี้มีผลกระทบน้อยที่สุด ด้วยอานิสงส์แห่งบุญที่มั่นคงในศีล มั่นคงในพระพุทธองค์ มั่นคง ในความเชื่อ และเตรียมตัวล่วงหน้า ศรัทธาไม่เปลี่ยน

    ที่เขียนมายืดยาว เพราะถึงคราวต้องบอกแล้ว วันนี้ท่านบอกพอก่อน ขอให้ทุกท่านโชคดี ปลอดภัย อยู่ในอ้อมกอดของพระพุทธองค์...สวัสดี

    ผู้แสดงความคิดเห็น อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด วันที่ตอบ 2011-03-19 01:04:42

    http://www.baansuanpyramid.com]
    บ้านสวนพีระมิด เลขที่ 69 หมู่ 6 ต.เขาเพิ่ม อ.บ้านนา จ.นครนายก 26110
    พิกัด GPS: N14 21.465 E101 03.790
    เครดิต คุณ เกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1196
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สภาวะการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย กับมหันตภัยของโลก
    โดย Dr.G.G.Junior


    [​IMG]

    สำหรับประเทศไทย ถ้ายังอยู่ในสภาวะปัจจุบัน มีข้อมูล ความเสียหายของพื้นที่ จากภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศเริ่มตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวาระสุดท้าย เพื่อการเข้าสู่ ยุคพลังงานใหม่ (พ.ศ.2562)

    โดยเริ่มจากจังหวัดเชียงราย มีแผ่นดินยุบบางส่วน โดยเฉพาะ อ.เชียงแสน จะเสียหายจากแผ่นดินยุบ เกือบทั้งอำเภอ

    จังหวัดเชียงใหม่ เกิดรอยแยกจากรอยเลื่อนของแผ่นดิน ใต้จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดความเสียหายจากแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุด ตามแนวรอยเลื่อน แถบเทือกเขา อำเภอแม่สะเรียง ผ่านขึ้นดอยอินทนนท์ และรอยแยกเข้าที่ลุ่มตัวเมืองเชียงใหม่ ออกไปสู่อำเภอแม่ริม ไปเข้าสู่จังหวัดเชียงราย

    แถบจังหวัดพิษณุโลก พบภัยจากน้ำเป็นบางส่วน จังหวัดกำแพงเพชรพบภัยจากน้ำเล็กน้อย จังหวัดตาก ส่วนที่เกี่ยวเนื่องเลียบตามชายแดนพม่า และแม่ฮ่องสอนจะเกิดภัยแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก

    จังหวัดกาญจนบุรีเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยกยุบตามรอยเลื่อน ที่ทอดยาวไปกับเทือกเขาตะนาวศรี เกิดความร้อนผุดขึ้นบางพื้นที่ จังหวัดสุโขทัยพบภัยจากน้ำมากพอสมควร ต่ำลงมาตั้งแต่จังหวัดลพบุรี อ่างทอง อยุธยาจะกลายเป็นที่ลุ่มมากขึ้น

    กรุงเทพมหานคร ปากน้ำ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ถูกน้ำคุกคามทั้งหมด ส่วนนครปฐม ยังคงอยู่บางส่วน ในที่สูงรอยต่อกับจังหวัดกาญจนบุรีถึงสุพรรณบุรี แต่ต้องระวังที่เก็บน้ำ เช่น ถ้าเขื่อนในจังหวัดกาญจนบุรีแตก พื้นที่เหล่านี้ก็เกิดภัยจากน้ำได้เช่นกัน

    ภาคใต้ทั้งหมดจะกลายเป็นพื้นที่เกาะ ในส่วนที่เป็นเกาะปัจจุบันเช่น ภูเก็ตจะจมหายไปจนเกือบหมด เป็นไข่มุกใต้ท้องทะเล อีสานเป็นพื้นที่ปลอด จากภัยพิบัติ แต่แห้งแล้งหนัก ในส่วนพื้นดินเป็นดินทรายยิ่งโก่งตัวขึ้นก็ยิ่งแห้งแล้ง ในพื้นที่ดินแดงจะมีน้ำมากขึ้น ภาคตะวันออกนั้น ในพื้นที่อ่อนนุ่ม จะจมน้ำลงไปก่อน แล้วน้ำจะคืนให้บางส่วนทีหลัง ส่วนพื้นที่อยู่ปลายแหลม ไม่มีเหลือที่ให้มนุษย์ มีแต่สัตว์น้ำที่ครอบครองดินแดนแทน

    ที่มา http://www.universal-signal.com<!-- google_ad_section_end -->

    เครดิต คุณ เกษม http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1196
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    *** น้ำหิมาลัย ท่วมยุคโบราณ ****

    สีฟ้า : แม่น้ำใหญ่ ยุคโบราณ หายไป แผ่นเปลือกโลกดันกัน เกิดเป็นสัน สูงขึ้น แถบเขาใหญ่
    สีส้ม : น้ำหิมาลัยสมัยดบราณ ไหลเข้าท่วม จากเชียงแสน เชียงของ ไหลลง สู่ภาคกลาง เกิดเป็นภูมิประเทศใหม่ ตั้งแต่ตากลงมา ลักษณะพื้นราบเรียบ มียอดเขาโผล่ขึ้นมา

    [​IMG]

    อนาคต ให้ะวัง จะเกิดแบบสีส้มอีกครั้ง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1196
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...