พอใจรูม

แล้วเรา...ก็กอดคอกันสนุก...สุขหรรษากันอยู่ 2 คน
ขอบคุณ ซึ้งใจที่นู่พิมพ์ไม่ปล่อยให้พี่ใจ่ใจ๋สนุกหรรษาอยู่คนเดียวนะคะ จุฟ จุฟ...
ขอบคุณที่มีน้ำใจ..มาโดยตลอด...จ้า ๆ ๆ ๆ ๆ

https://www.facebook.com/pporjai.apichai

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=743589919132704&set=pcb.743592549132441&type=3&theater

 

ไม่ได้อยู่กันสองคนนะค่ะ หนูก็แวะมาอ่านค่ะ
มารายงานตัวค่ะ

 

ครบพอดีเลยจ๊ะ...5555

 

:z14rat_wtingrabbit_run_away;43;aa1;aa30;aa44;aa51;aa53;aa55

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachment.php?attachmentid=1394186[/MUSIC]
ขอให้รักเหมือนเดิม

 

พี่ใจ...คนเก่งร้องเพลงเพราะ เพลงนี้พี่ใจสามารถมากค่ะ
ร้องเพลงบูโดกัน ให้เป็นแบบสุนทราภรณ์ได้ 555
อะจึ้ย ๆ ...แหะๆ

 

ความสามารถพิเศษ ห้ามลอกเลียนแบบ บุษยาร้องเพลงน้องอิน บูโดกันง่ะ น้อง ๆ วัยรุ่นห้องลูกกรุงชอบอยู่น่ะ น้องเขาคงคิดว่าคุณแม่มาร้องเพลงให้ฟังน่ะจ๊ะ
"..........."
วันเกิดเพื่อนๆ

แจง 1 มค

แคป 11 กพ
ฝน 19 กพ

จัน 3 มี ค

สุริยา 22 เมษา
ต้อย 26 เมษา

เพ็ญ ศศิ 10 พค
แอ๊ด 29 พค

ป้อม 26 มิย

ต๋อม 2 กค
จิ๋ม 5 กค
อุ๊ 13 กค
ตา 23 กค

อ้อ 1 สค
เตือน 7 สค
ต๋อย 10 สค
อ้อย (ภาวิณี) 19 สค
อ้อย(กมลวรรณ) 29 สค
อิม 31 สค

หนุ่ยสุณีย์ 3 กย

ไก่. 25 ตุลา

แต้ว 7 พย
เปรี้ยว. 11 พย
น้อย 16 พย
ติ่ง 30 พย

หมี 10 ธค
หนุ่ย 25 ธค
.....
เบอร์โทร เพื่อนๆ

ตา. 081-8546351
อิม. 081-3609879
แคป. 089-7883333
จัน. 081-5341686
น้อย. 089-8166779
ต้อย. 086-7184398
แต้ว. 081-4085973
อุ๊. 085-6356666
หนุ่ย . 084-9401737
ป้อม 089-845-3488
เปรี้ยว. 089-7227716
แจง. 081-9997145
อ้อย(ภาวิณี) 081-4703737
ไก่. 081-8903808
ครูฉวีวรรณ081-932-8120
ฝน 081-274-6220
ติ่ง 082-378-2909
ต๋อย. 087 243 5118
จิ๋มหมิม. 081 7017324
รัศมี 081- 381 3409
แอ๊ด 081-7257119
ต๋อม 081 9556366
ครูหนุ่ย 0814709894
อ้อย(กมลวรรณ)093-2829969
ตุ๋ยพรจิตต์ 089-4923025
เพ็ญ ศศิ 084 2859558
.................

 

ผลจาก ชาติก่อนเคยเป็นเจ้าหน้าที่จัดไม้ดอกเครื่องบูชา ในคราวจัดงานบุญงานกุศล เอาใจใส่อย่างดีเยี่ยม คอยเสาะแสวงหาดอกไม้ที่สวยงามมาจัดเป็นเครื่องบูชาอย่างสม่ำเสมอ
;aa1

ชาตินี้ จึงเกิดมาเป็นคนสวยงาม เป็นความสวยงามที่ยืนยงคงทน กระชุ่มกระชวยเสมอ แม้เวลาจะผ่านพ้นไป แม้วัยอายุจะสูงขึ้นก็ตาม
;43
จาก...เวปลานธรรมจักร

<TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE height=426 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR align=middle><TD class=tdpic style="TEXT-ALIGN: left" height=20></TD></TR></TBODY></TABLE>



</TD></TR><TR><TD class=modifydate align=left colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

ขอพักพิงให้หายเหนื่อย ในบ้านหลังนี้ แป๊บนึงค่ะ​

​

 

​

 

(k)ดีใจจังเอย เอิง เอย น้อง ๆ ทั้ง 3 คนมาช่วยพี่ใจ่ใจ๋สุข สนุก หรรษา และนำธรรมะดี ๆ มาฝาก..ขอบคุณนะคะ..

 

ดอกไม้ของนู๋น่าน สวยถูกจายซะเจงๆจ๊ะ

 

<TABLE class=border_dot border=0 cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD class=bold_black>แค่ทำงานบ้านก็ป้องกันมะเร็งได้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>

​

พวกผู้เชี่ยวชาญรู้มานานแล้วว่า การออกกำลังช่วยป้องกันโรคมะเร็งทรวงอก อาจจะเนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนของฮอร์โมนและการเผาผลาญอาหาร แต่ยังไม่ค่อยกระจ่างนักว่า การออกกำลังอย่างไหนถึงจะช่วยป้องกันโรคร้ายได้มากที่สุด


ดร.เวสลี่ วอกเกอร์ แห่งสถานวิจัยโรคมะเร็ง กล่าวว่า "เรารู้กันแล้วว่า ผู้หญิงที่รักษาน้ำหนักตัวปกติเอาไว้ได้ จะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง แต่ในการศึกษาครั้งนี้แสดงว่า การออกกำลังก็ช่วยได้เช่นกัน แม้แต่ของง่ายๆ และไม่ได้แพงอะไรเลย เช่น การทำงานบ้านก็ยังช่วยได้"

ผู้หญิงที่หมั่นทำงานบ้านจะพลอยได้ประโยชน์ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้ แถมการกวาดถู และทำงานบ้าน ยังให้ผลดีกว่าการออกกำลังเสียด้วย

การศึกษาวิจัยด้วยงบอุดหนุนของสำนักวิจัยโรคมะเร็งของอังกฤษ พบว่าแม่บ้านตามชาติในยุโรป 9 ชาติ เรือนไม่ต่ำกว่า 200,000 คน จะหมดเวลาไปกับงานบ้าน ตั้งแต่ทำครัว ทำความสะอาด และซักรีดเสื้อผ้า อาทิตย์ละสัก 16-17 ชม. งานบ้านยังช่วยปกป้องจากโรคร้ายได้มากกว่าการเล่นกีฬาเสียอีก ถ้าหากเป็นสตรีวัยมีบุตร จะป้องกันโรคได้มากถึงร้อยละ 30 และกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ก็จะป้องกันได้ร้อยละ 20






ขอบคุณข้อมูลข่าวจากhttp://portal.tv5.co.th/



</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>โลกธรรม 8 ประการ
โดย พระเทพสังวรญาณ

1. เกิดมาเป็นคน ทุกตัวทุกตน ไม่พ้นจลา
ยังไม่สำเร็จ ลุเลสราคา กิเลสพันห้า ตัณหาร้อยแปด

2. ย่อมมีหวั่นไหว วนเวียนเปลี่ยนไป จิตใจวอกแวก
ด้วยโลกธรรม ประจำมีแปด เป็นเครื่องติดแฝด เราท่านทั้งหลาย

3. ความดีมียศ ร่ำรวยสวยสด มีกฏถึงกาย
กิริยาพาที ถือคดีมากมาย เหิมฮึกนึกฝ่าย แต่รายทางดี

4. วางท่าวางทาง ทำเป็นข้อกาง อวดอ้างพาที
เห็นเขาต่ำกว่า พูดจาข่มขี่ ถือยศศักดิ์ศรี อวดดีร่ำไป

5. ถึงคราวเคราะห์โฉด เป็นแต่คำโจทย์ เรื่องยังเหลวไหล
ว่าจะต้องพัก หรือยักย้ายไป แต่เท่านี้ไซร้ ยังไม่แน่นอน

6. ยังแสดงกิริยา ยังเปลี่ยนสีหน้า ผิดกว่าแต่ก่อน
ดูเหงาดูหงิม เยื้อนยิ้มสุนทร ไม่แหวแง่งอน เหมือนก่อนเคยมา

7. มันเป็นอย่างไร อันความดีใจ เสียใจนี้หนา
จึงทำให้คน เล่นกลตีหน้า จริตกิริยา ยังท่าเปลี่ยนที

8. เห็นจะเป็นสิ่ง ความรู้ไม่จริง ตามสิ่งเป็นมี
แห่งธรรมดา โลกาเรานี้ ว่ามันเป็นที่ วนเวียนเปลี่ยนไป

9. ได้รับความสุข บัดเดี๋ยวกลับทุกข์ ไม่สุขหัวใจ
เดี๋ยวได้รับยศ เดี๋ยวยศปลดไป บางทีก็ได้ ลาภใหญ่มากมา

10. บางทีลาภหาย เรื่องมันกลับกลาย ไม่ได้ลาภา
บางทีเขาชม นิยมเรานา เดี๋ยวกลับนินทา ว่าร้ายไม่ดี

11. นี่แหละอย่าหวัง เรื่องอนิจจัง ยั่งยืนไม่มี
เกิดมาเป็นคน ยากจนเศรษฐี ไพร่หรือผู้ดี เรานี้เหมือนกัน

12. บรรดาบัณฑิต พิจารณ์พินิจ ทุกสิ่งทุกอัน
เห็นจริงเห็นแจ้ง ในสิ่งนั้นนั้น ว่าเป็นโลกธรรม ไม่เที่ยงถาวร



.............................................

ที่มา :: โลกธรรม 8 ประการ
โดย พระครูสมุห์สนิท วัดเทพศิรินทร์
ปัจจุบันคือ พระเทพสังวรญาณ
วัดศีลขันธาราม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

จาก ธรรมะดิลิเวอร์รี่
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR>
<TR><TD> </TD></TR>
<TR><TD></TD></TR>
</TBODY></TABLE>
From: http://variety.teenee.com/foodforbrain/6563.html<!-- End main-->

คำนินทาและสรรเสริญ​

นี่มันไม่ได้สร้างคนให้ดี หรือไม่ได้สร้างคนให้เลวเพราะเรามีความดี? ใครเขานินทาว่าเลว นินทาเท่าไรก็ช่างมันก็ไม่รู้จักเลว สมมติว่า
เรามีสตางค์อยู่ในกระเป๋าเต็มกระเป๋า มีคนๆหนึ่งเขานินทาว่าไอ้บ้านี่ หรืออีบ้านี่ไม่มีจะกินหรอกจนจะตาย ต้องหาขอทานเขากินทุก
เวลา แต่ความจริงเราเป็นมหาเศรษฐี แล้วเราจะจนตามคำนินทาของเขาหรือเปล่า เป็นอันว่าเราก็ไม่จนตามคำเขาพูด สตางค์มันก็เต็มกระเป๋าตามปกติ การนินทาก็ไม่มีความหมาย พอเราแต่งตัวภาคภูมิเขาก็บอกคนนี้
เป็นมหาเศรษฐีมา แต่ความจริงสตางค์ในกระเป๋าไม่มีหิวเกือบตายแล้วเขาสรรเสริญว่าเราเป็นคนรวยนี่ เราจะรวยได้ไหม
มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหมองค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงแนะนำให้วางนินทาและสรรเสริญทั้ง 2? ประการเสีย
ใครเขาจะว่าอย่างไรก็ช่าง ดูใจของเราว่ามันดีหรือมันชั่ว ดูใจของเราว่ามี พรหมวิหาร 4 หรือเปล่า ศีล บริสุทธิ์ไหม จิตว่างจาก
นิวรณ์ จิตเราเกาะอยู่ใน ขันธ์ห้า ไหม จิตยังหวั่นไหวต่อนินทาและสรรเสริญไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้นเราเลว? ถ้ามีความรู้สึกว่านินทา
สรรเสริญไม่มีความหมาย ร่างกายไม่มีความหมายเกิดแล้วตายทรงอยู่ก็เป็นทุกข์ เราไม่มีความปรารถนาอย่างอื่น เราต้องการตัดขันธ์
ห้า คือร่างกาย คือหนึ่ง ตัดความเห็นสภาพความสวยสดงดงามของรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสระหว่างเพศว่าเป็นของไม่ดีแล้วเรา
ล่ะมันกอดส้มมันกกส้วมมันดีทีไหน ทรัพย์สินมันจำเป็นจะต้องหากิน หาใช้ แต่อย่ามัวเมาเกินไป คิดว่ามันจะอยู่กับเราตลอดกาล
ตลอดสมัย มีชีวิตจะต้องกินก็ต้องหา ก็คิดว่าหากินชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ชาติหน้าต่อไปไม่หาอีก ตัดไปเลยโลภะความความโลภ
และคดโกงลงเสีย และก็ตัดโทสะความโกรธ คือไม่ยินดียินร้ายในคำนินทาและสรรเสริญใครเขาจะว่าก็ช่างเถอะ มันธรรมดามันจะพูด
ก็พูดของมันไป อยากจะนินทาก็นินทาไป อยากจะสรรเสริญก็สรรเสริญไป เราไม่ดีไม่ชั่วไปตามคำ ไม่โกรธ และต่อไปข้างหน้าตัด
ความหลง หลงคิดว่าจะไม่ตาย รวมความแล้วคิดตัดง่ายๆ ว่า
ร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เราอยู่ไม่นานเดี๋ยวมันก็ตาย
ขืนหลงใหลใฝ่ฝันมันเข้าจะเป็นทุกข์ ความสุขของเราก็คือพระนิพพาน เราต้องการพระนิพพาน มีบุคคลคนหนึ่งพูดให้ท่านทั้ง
หลายฟังว่า การเจริญพระกรรมฐานเห็นผี เห็นเทวดา เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นพระพุทธเจ้านั้น เป็นความรูข้ องเดียรถียร์ ข้อนี้อาตมา
ก็แปลกใจ เพราะว่าความรู้นี้เป็นความรู้ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสมณโคดม เป็นผู้สอน และพระ
พุทธเจ้าเองก็ทรงยืนยันว่า พระองค์เองก็รู้ก็เห็นพระพุทธเจ้าในอดีตที่ผ่านไปแล้ว อาตมาเคยอ่านใน พระธรรมบท และเคยอ่านใน
พระไตรปิฏก พบหลายตอนที่พระพุทธเจ้าทรงยืนยันว่า ท่านพบพระพุทธเจ้าและรู้เรื่องราวของพระพุทธเจ้าในสมัยก่อนๆ เช่นใน

โอวาทปาติโมกข์ ท่านกล่าวว่า สัพพปาปัสสะ อกรณัง จงไม่ทำความชั่วทั้งหมด กุสลัสสูปสัมปทา จงทำแต่ความดี สจิตต
ปริโยทปนัง จงทำจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส เอตัง พุทธานะสงสนัง พระพุทธเจ้าทุกองค์ตรัสอย่างนี้เหมือนกันหมด นี่
แสดงว่าพระองค์ทรงรู้เรื่องราวของพระพุทธเจ้าในอดีตที่แล้วมาแล้วและในตอนบางตอนทรงอ้างว่า พระพุทธเจ้าองค์นั้น พระ
พุทธเจ้าองค์นี้?? นี่แสดงว่า การปฏิบัติ สมถวิปัสสนา ในพระพุทธศาสนาสามารถจะเห็นผี เห็นเทวดาเห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นพระ
พุทธเจ้าได้ ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่จิตของบุคคลผู้ใดที่ปฏิบัติ ถ้าจิตสะอาดมากที่สุด มากตั้งแต่ โคตรภูญาณ ของ พระโสดาบัน ขึ้นไป
ถ้าสะอาดถึงตอนนี้ก็สามารถจะเห็นนิพพาน ได้ ถ้าจิตต่ำกว่า โคตรภูญาณ ลงมาไม่สามารถจะเห็นได้? ขณะใดที่ผลอกุศลที่เป็น
กรรมชั่วให้ผล อกุศลแปลว่าไม่ฉลาด แปลว่าโง่กุศลเขาแปลว่าฉลาด ถ้าคนฉลาดเขาไม่ทำความชั่ว คนที่ทำความชั่วคือคนโง่ ทีนี้
ผลของความโง่มาให้ผลก็มีผลเป็นทุกข์ เราเคยสั่งสมบารมีมามาก ทำความดีมามากพูดตามส่วน ถ้าบารมีเราบำเพ็ญมาแล้ว ถ้าเรา
จะตัดสินใจไปนิพพานชาตินี้เราก็ไปได้แต่ทว่าทำไมไม่ตัดสินใจ ก็เพราะว่ากรรมที่เป็นอกุศลมันบังหน้า พอกรรมที่เป็นอกุศลยังหน้า
มันมองไม่เห็นทาง พอกรรมที่เป็นอกุศลถอยหลังไปปั๊บอ้อ มันง่ายนี่หว่า ใช่ไหม เมื่อก่อนนี้เขาบอก อย่าฆ่าสัตว์ไอ้หนูเอ๊ย มันผิดศีล
ใช่ไหม มันไม่ฟังทุกอย่าง พอความดีกรรมที่เป็นกุศล ชาติก่อน เข้ามาถึงใจ ศีล 5 นี่เป็นเรื่องเล็กแล้วใช่ไหม มันเบากว่าเก่าเยอะ?
เมื่อก่อนนี้ไม่ได้เลย ใช่ไหม นี่จิตใจพิสูจน์เองได้ พอเริ่มกรรมดีให้ผล ตอนนี้แหละ พอมีคนแนะนิดเดียว จิตที่มีความดีเก่ามันจะรวม
ตัวและความดีใหม่ก็เข้าไปผสม จึงมีความเข้าใจเกิดขึ้นมา อ้ออย่างนี้นี่เอง
ไอ้จิตก็เหมือนเด็กๆ นะ เด็กถ้าเราพาเดินไปจุดไหน มันก็ไปจุดนั้นไปที่อื่นไม่ได้อารมณ์ก็เหมือนกันอารมณ์ที่ตั้งไว้ จุดเดียวที่พระ
นิพพานเวลาที่อยู่ต้องใคร่ครวญต้องคิดค่อยๆ เกลา ว่าการไปนิพพานได้ต้องตัดความโลภ ความโลภคือการโกงชาวบ้านเขาใช่ไหม
ไอ้การโกงเขานี่หรือว่าลักขโมยเขานี่เป็นความโลภ ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างเราได้มาด้วยสัมมาอาชีวะ รับราชการได้เงินเดือนค้าขายมี
กำไร ของดีบอกของดี ของเลวบอกว่าของเลว แต่เรื่องราคาเราขายตามปกติ มันก็ต้องมีกำไร ถือว่าได้มาโดยสัมมาอาชีวะไม่ใช่
โลภะหรือความโลภใช่ไหม จิตเราตั้งไว้ว่า ความโลภจะไม่มีในจิตของเรา? ไอ้การตัดความโลภในจิตมันต้องตัดเป็นการให้ทาน
ถ้าการให้นึกไว้ว่าเราจะไม่มีความโลภนี่ ยังไม่พอ มันจะต้องมีจิตที่คิดจะสงเคราะห์คนให้มีความสุข คนก็ดี สัตว์ก็ดีที่มีความทุกข์อยู่
เราจะสงเคราะห์ให้เขามีความสุข เรื่องทรัพย์เมื่อเรามีทรัพย์เราจะให้ทรัพย์ ถ้าทรัพย์ไม่มีเราจะให้กำลังกาย ถ้าเขาต้องการ
กำลังกาย ถ้าเราไม่มีกำลังกายไม่ไหว เราให้กำลังปัญญา ถ้าทั้ง 3 อย่างนี้ยังไม่มีโอกาสสำหรับเรา เราก็ตั้งใจว่าเราจะ
สงเคราะห์ ไอ้จิตที่คิดสงเคราะห์ เขาเรียกวา่ จาคานุสสติกรรมฐาน อารมณ์ตั้งไว้อย่างนี้เป็นปกติมันจะทำลายความโลภทุกๆ
วินาทีคนที่ให้ทานได้นี่ต้องมีความรัก ถ้ารู้จักกัน เคยสังคมกัน เขาทำความดีเรามีความรัก เราก็ให้เพราะความรักใช่ไหม ถ้าไม่เคย
รู้จักกันไม่เคยรักกันมาก่อน ไม่ใช่ความรักความผูกพันนะ รักด้วยเมตตาจิต คนไม่เคยมีความรักไม่รู้จักกันมาก่อนต้องสงสาร มันอดจะ
ตาย โอ้ย แดดมันร้อนจะตาย หมวกก็ไม่มี ผ้าก็ไม่มีคลุมหัว สงสาร เอ้าหมวกขาดๆ ให้คลุมหัวหน่อย อย่างนี้มันสงสาร หิวแทบตาย
เอ้า มากินข้าวที่บ้านฉัน ไม่อย่างนั้น ข้าวมีน้อยแบ่งไปก้อนนี้ให้ด้วยสงสารคนที่จะให้ทานได้ต้อง
1. ความรักเป็นเหตุ 2. ความสงสารเป็นเหตุ ไอ้ตัวรักตัวสงสารเป็นตัวตัดโทสะเสร็จ โทสะที่จะสลายไปได้เพราะความรักและ
ความสงสาร คนที่คิดจะให้ทานมันได้ทั้งโลภะและโทสะ ไอ้นั่งคิดเฉยๆ ไม่ให้นั้นไม่ได้นะ ถึงจังหวะเราให้ได้เราให้ ใช่ไหม อย่าให้
เกินวิสัยให้แล้วเดือดร้อน เราไม่มีจะกิน มีเงิน 10 บาทค่าอาหาร ตอนเย็น พอคนมา ให้หมด ตอนเย็นไม่มีจะกินวันนี้เดือดร้อน อย่าง
นี้พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญกำลังใจของเรานี้ต้องทรงพรหมวิหาร 4 ไว้เป็นปกติ ทรงศีลเป็นปกติและก็ยังยั้งกำลังใจอย่าหวั่นไหวใน
โลกธรรม โลกธรรมคือได้ลาภ เสื่อมลาภได้ยศเลื่อนยศ นินทาสรรเสริญ สุขทุกข์อะไรมันจะมาอย่างไรก็ถือว่าช่างมันๆๆไว้เสมอ ถ้า
หวั่นไหวไปตามมัน คนนั้นเขานินทาเรา คนนี้เขาสรรเสริญเราตัวนี้แหละจะพาลงนรก
อารมณ์ใจที่จะทรงกำลังใจไม่หวั่นไหวในโลกธรรม 8 ประการ

ก็ต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ หนึ่ง เมตตา ความรัก สอง กรุณา ความสงสาร สองประการนี้ทำให้ศีลบริบูรณ์ การให้ทานก็ให้ปกติดีจิต
ชุ่มชื่น ศีลก็บริสุทธิ์ สมาธิก็ทรงตัวและปัญญาก็แจ่มใส กำลังใจไม่หวั่นไหวในโลกธรรมเพราะมี มุทิตา ใครได้ดีพลอยยินดีด้วย
อุเบกขา วางเฉยจากอารมณ์ที่เราไม่ชอบใจ ใครเขาว่าอย่างไรมาก็ช่าง วางเฉย ตัวนี้แหละทำให้ปลอดภัย ท่านทั้งหลายจงระวังไว้
อย่าถือว่าทำความดีมากแล้วอันนี้ไม่ควรการที่เรามาปฏิบัติพระกรรมฐานอย่างนี้ เพราะว่ามีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม
ในพระอริยสงฆ์ เราเคารพด้วยความจริงใจ ถือว่าจิตทรงฌานใน พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จิตเรามั่นคงอย่างนี้เท่า
กับเรามีความมั่นใจว่าชีวิตนี้เราต้องตายแน่ เมื่อตายเราไม่ยอมไปอบายภูมิ อย่างน้อยเราก็ต้องไปสู่สุคติต้องเป็นเทวดาหรือ
พรหม แต่เราไม่ตอ้งการเราต้องการพระนิพพาน ถ้าจิตคิดอย่างนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มี มรณานุสสติกรรมฐาน มี อุปสมานุสสติ
กรรมฐาน ด้วย อุปสมานุสสติกรรมฐาน หมายถึงว่านึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ มรณานุสสติกรรมฐาน นึกถึงความตายเป็น
อารมณ์หมายความว่าคิดว่ามันจะต้องตายแน่ชีวิตนี้มันทรงอยู่ไม่นาน ถ้าตายเมื่อไรไปนิพพานเมื่อนั้นการเจริญพระกรรมฐาน เป็น
ปรมัตถปฏิบัติ ถ้าบารมีก็เป็น ปรมัตถบารมี เพราะว่าเป็นการปฏิบัติสุงสุดในพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าต้องการจุดนี้ จุดเจริญพระ
กรรมฐาน? ฉะนั้นการเจริญกรรมฐานเราต้องลืมให้มันหมดลืมประเดี๋ยวเดียวนะอย่าลืมตลอดชีวิต กลับไปบ้านนึกถึงภารกิจต่างๆ ที่
เราทำ แต่พร้อมกันนั้นก็ต้องคิดไว้ด้วยว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราจะควบคุมเราจะทรงมันไว้ เพราะมีชีวิตต้องกินต้องใช้ แต่ว่ามันก็มี
ความทุกข์ ถ้าเราตายไปแล้ว สิ่งทั้งหลายจะไปอยู่กับใครก็ช่างมันเราไม่ต้องการมันอีก การเกิดเป็นมนุษย์วุ่นวายแบบนี้เราไม่ต้องการ
เป็นเทวดาหรือพรหมมันพักความวุ่นวายเพียงชั่วคราว เดี๋ยวก็ย่องเข้ามาใหม่ เราก็ไม่ต้องการจุดที่เราต้องการความสุขจริงๆ ก็คือพระ
นิพพาน ต้องการไว้นะจุดนี้นะ

 

(k) ชอบดอกกุหลาบนู่พิมพ์...สวยจัง...ดูแล้วรู้สึกสดชื่นเจง ๆ

 

มาทายนิสัยจากสีร่มกัน ดีกว่า........

​

ถ้าเลือกร่มสีแดง แสดงว่าการที่คุณจะเลือกใครสักคนมาเป็นคนรัก คุณจะไม่เลือกเพียงเพราะว่าเค้ามีนิสัยใจคอตามที่คุณต้องการหรือเข้ากับคุณได้เท่านั้น แต่คุณยังคำนึงถึงรูปร่างหน้าตาอีกด้วยจะต้องหน้าตาดีอย่างที่คุณปรารถนา เรื่องรูปร่างก็สำคัญ คุณจะพิจารณาคนที่รูปร่างดี แข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะสีแดงเป็นสีแห่งความร้อนแรง คุณยังให้ความสำคัญกับเรื่องบนเตียงด้วย ผู้ชายที่คุณชื่นชอบจะต้องตอบสนองความต้องการของคุณได้ดีเลิศ
ชอบร่มสีเขียว แสดงว่าคุณจะชอบผู้ชายที่มีลักษณะความเป็นผู้นำโดยเด่นกว่าคนอื่นๆ พูดจาเก่ง ดี มีหลักการ สามารถโน้มน้าวจิตใจผู้คนรอบข้างได้ แถมยังต้องเป็นคนมีจิตใจดี มีน้ำใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นในยามที่ได้รับการร้องขอ นอกจากนี้ชายหนุ่มคนนั้นก็จะต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนอื่นได้ง่ายด้วย เพื่อทดแทนที่คุณเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยาก และขาดความมั่นใจในตัวเอง
ชอบร่มสีม่วง ชายหนุ่มที่จะมาเป็นแฟนสาวร่มสีม่วงจะต้องสมบูรณ์เพียบพร้อมในทุกด้าน หน้าตาอาจจะไม่ต้องหล่อเหลาปานพระเอกหนัง แต่จะต้องเป็นคนมีรสนิยมดี แต่งตัวดีมีระดับ ประมาณว่าควงไปไหนไม่อายเค้า แต่คุณสมบัติที่คุณจะเลือกเป็นอันดับแรกก็คือ จะต้องมีฐานะดี หรือหากไม่ถึงกับร่ำรวยคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ก็ต้องพอมีพอใช้ไม่ขัดสน ส่วนผู้ชายประเภทจ๊นจนต้องอยู่ด้วยกันแบบกัดก้อนเกลือกิน...คุณไม่ชายตามองหรอก..
ชอบร่มสีน้ำเงิน จะเป็นคนที่ปลื้มและคลั่งไคล้ผู้ชายที่เก่ง มีความรู้ ความสามารถสูง คุณชอบคนที่ทำอะไรก็ตามที่คุณไม่สามารถทำได้ รู้ในสิ่งที่คุณไม่รู้ เป็นที่ยอมรับของคนอื่น คุณจะรู้สึกว่าเค้าเป็นคนที่น่าสนใจ น่าค้นหามาก ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ เป็นเรื่องรอง คุณไม่สนใจว่าเค้าจะหล่อหรือไม่ เอาแค่ไปวัดไปวาได้ก็พอ คุณไม่สนใจว่าเค้าจะเป็นคนโรแมนติกหรือไม่ แค่ขอให้เค้าเก่งเป็นพอ
ชอบร่มสีดำ สีดำเป็นสีแห่งความหนักแน่น จริงจัง คุณจึงชอบชายหนุ่มที่จริงจังกับชีวิต ตั้งใจจริงกับสิ่งที่กระทำอยู่ไม่ว่าอะไรก็ตาม และผู้ชายคนนั้นจะต้องเข้มแข็ง กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว กล้าพูดกล้าทำทุกสิ่ง สามารถปกป้องคุ้มครองคุณได้
ว่าแต่วันนี้...คุณจะหยิบร่มสีไหนติดมือไปดี...??

ข้อมูล : Forward Mail ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต
<!-- 5840 --><!-- 5863 --><!-- 5840 --><!-- 5863 --><!-- 5840 --><!-- 5863 --><!-- 5840 --><!-- 5863 --><!-- 5840 --><!-- 5863 -->
<!-- /Reader --><!-- VDO Clip --><!--/ VDO Clip --><!-- Begin Gallery Content --><!-- End Gallery Content -->
<!-- Tags -->

 

กุหลาบ สด...ชื่นจังเลยค่ะ

​