โดนขังวิญญาณ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ainteerati, 14 สิงหาคม 2010.

  1. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    เห็นหลังไวๆก็ไม่ทันผมหรอกครับ ผมมาไวไปไว คล้ายๆพวกลิงค่าง
    พระจันทร์วันข้างขึ้นก็จะมีรังสีบางอย่างสะท้อนกลับมาจากดวงอาทิตย์
    นอกเหนือจากแถบรังสีที่เราๆรู้เมื่อผ่านชั้นบรรยากาศ คล้ายๆกับว่าโลก
    ด้านที่หันหาดวงอาทิตย์เป็นหัวรถตู้ ท้ายรถตู้คือด้านที่มืด โดนแสงสะท้อน
    จากดวงจันทร์ ทำให้มีฝุ่นเล็กๆปลิวเข้ามาตามแรงดูดท้ายรถตู้นั่นล่ะ

    และคืนเดือนมืดสนิทก็สะท้อนบางอย่างที่ไม่ดีเข้ามา บางอย่างที่ว่านี้
    เป็นคล้ายๆพลังงานที่จะยกระดับจิตเราได้ ทำให้เรานั่งสมาธิได้ดีขี้นนั่นเอง
    เหมือนพระพุทธองค์มักจะแสดงธรรมวันข้างขึ้น หรือตรัสรู้วันข้างขึ้นครับ
    นั่นย่อมมีส่วนช่วยในกระแสจิตแห่งการเรียนรู้และรับรู้ของมนุษย์
     
  2. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ขอบคุณคะ คุณจิ-โป... ไม่เคยทราบมาก่อนเลยนะคะ...

    ศิลามณี พยายามทำสมาธิตามที่ คุณจิ-โป แนะนำ...ไปได้ไม่ถึงไหนคะ กำลังพยายามอยู่ ....แต่ 2-3 วันมานี้ มีอาการแปลกๆที่ศรีษะเหนือหน้าผาก... บริเวณกลางศรีษะคล้ายมีไฟฟ้าสถิตอยู่ ....มันเหมือนส่งคลื่นออกจากศรีษะเป็นพักๆ เป็นทุกๆ 3-4 นาทีเกือบทั้งวันเลย..อืมร...ขณะกำลังพิมพ์ก็ยังเป็นอยู่คะ..
     
  3. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    สงสัย จักระที่7 คุณศิลามณี ใกล้จะเปิดแล้วมั้งครับ (smile) ไม่เหมืนอผม
    ยังไม่ไปไหนเลย หุหุ
     
  4. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    สงสัยคุณศิลามณีฝึกจนกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวไปซะแล้ว สงสัญญาณคลื่น
    เป็นระยะๆ

    อาการทางกายก็เหมือนกระจกสะท้อนมาจากอาการทางจิต นั่นแสดงว่าจิตเอง
    ก็มีอาการสงบเป็นพักๆเหมือนกัน ไม่สามารถจับสภาวะได้นานๆ เราอย่าไปสนใจ
    ต่อกลางหน้าผากไม่งั้นจะกลายเป็นเหมือนนักกล้ามที่เบ่งกล้ามอวดกันว่าใครกล้าม
    สวยกว่า เพราะอาการนี้เปรียบเหมือนคนปั่นสามล้อ ถีบจักรยานย่อมต้องมีอาการน่อง
    โป่งออกมา จะมาอวดกันว่าน่องใครใหญ่กว่ากันมันก็ไม่ใช่เรื่อง แต่นั่นย่อมแสดง
    ถึงว่ามีประสบการณ์ถีบสามล้อมานาน

    ให้ดูและสังเกตุที่จิตและอารมณ์ ส่วนอาการทางกายอย่าไปสนใจทั้งสิ้น ไม่ว่ากายนั้น
    จะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายและหรือที่เป็นส่วนของสังขารขันธ์ ถ้าเราแยกออกมาดู
    พวกนี้เมื่อไหร่ ส่วนของการสงบย่อมไม่มีเพราะต้องแยกออกมารับรู้ส่วนนี้ด้วย สงบนั้น
    ต้องสงบทั้งหมด งานนั้นมีได้เพียงงานเดียว เจ้านายก็ต้องมีคนเดียว ความสงบนั้นก็มี
    อันเดียว ไม่ใช่ว่าคิดพิจารณาว่า "เอ ตอนนั้นมันสงบกว่านี้" หรือ"เอ ตอนนั้นมันอิ่มกว่านี้"

    เพราะว่าองค์แห่งฌาณนั้นมีเพียงห้าอย่าง รวมรวมให้ได้คราเดียว ไม่ใช่ ได้ปิติ1 ก็คิดว่า
    เราปิติได้มากกว่านี้ก็คิดไปอีก กลายเป็นปิติที่2 แล้วคิดไปอีกปิติที่3 เลยกลายเป็นว่า
    องค์ฌาณ5อย่างกลายเป็น 20 องค์ มันเลยแก่ไป ส่วนผสมผิดเครื่องก็สตาร์ทไม่ติด
    มันต้องจับรู้ว่านี่ปิติ ก็ตรวจต่อไปนี่สุข ตรวจต่อไป ตรวจเจอแค่ไหนก็รวมแค่นั้น อย่าโลภ
    ว่าต้องดีกว่านี้ถึงเข้าฌาณได้ ไม่ใช่นะ แค่ครบองค์จะปิติมากน้อย สุขมากน้อยไม่สำคัญ
    อย่าไปเพิ่มตามความรู้สึกเรา

    การเรียกอารมณ์แห่งบารมีมาเพื่อครบองค์ฌาณที่เป็นที่สุดแห่งหนึ่งดวงจิตมาให้ครบนั้น
    ต้องอาศัยญาณทัศนะเช่นตาทิพย์สอดส่องระลึกชาติย้อนไปเพื่อรู้สิ่งที่ทำมาแล้ว
    รับบารมีนั้นๆมา กรณีนี้จะทำเพื่อ"ตัด" ในการใช้ปัญญาพิจาณาตามหลักไตรลักษณ์
    เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสเรียกว่าอริยะตั้งแต่ชั้นสกทาคามีขึ้นไปเพราะโสดาบันนั้นเพียง
    พิจารณาตามปัญญาก็พ้นได้ไม่ต้องมีความพิเศษ เหนือนั้นขึ้นไปผมกล้ากล่าวได้ว่า
    ณ.ปัจจุบันนี้ไม่มีผู้ใดเลยเป็นพระอรหันต์ได้ด้วยปัญญาอย่างเดียว เพราะความรู้
    ความเข้าใจในพระธรรมฟั่นเฝือจากพุทธกาลเสียแล้ว ต้องอาศัยการรู้ที่เหนือกว่านั้น
    คืออย่างน้อยต้องวิชชาสามขึ้นไปถึงผ่านสกทาคามีไปได้(ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

    เพราะฉะนั้นแล้วคุณศิลามณีย่อมต้องฝึกอันแรกเพื่อได้ทิพย์ฌาณก่อน (ตาทิพย์
    นั้นมีได้แต่เทวดา..ท่านว่า) มนุษย์ได้แค่ฌาณทิพย์ ตาทิพย์ไม่ได้ นั่นคือเอาอันแรก
    ก่อน ดูให้ครบองค์ฌาณก็พอ อย่าอยากให้ดีกว่านี้ อาการทางกายอย่าสนใจครับ
     
  5. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอบคุณ คุณจิ-โปที่ชี้แนะครับ
     
  6. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ขอบคุณคะ คุณจิ-โป....

    งั้นศิลามณี ก็ทำไม่ถูกแน่นเลยคะ เพราะเล่นดูทั้งร่ายกาย อืมร์..ศิลามณี หมายถึงดูอาการชาที่ขา ดูว่ากำลังแผ่ซานออกไป พร้อมๆกับคำภาวนาไปด้วย ดูว่านิ่งแล้วหรือยัง ทำทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน ...แต่ดูเหมือนไม่ได้อะไรเลยสักอย่างคะ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2011
  7. chaiyawat

    chaiyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +148
    เห็นผู้คนจากหลายหลายมุมโลก เช่น ชาวอเมริกัน และ ชาวยุโรป กล่าวถึงมนุษย์ต่างดาว กล่าวถึงดาวอื่นโลกอื่น กล่าวถึงข้อความจากต่างดาว เรื่องเหล่านี้ในโลกทิพยญาณมีกล่าวถึงให้ฟังบ้างไหมครับ
     
  8. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196

    ในโลกวิญญาณเคยเห็นมนุษย์ต่างดาวอยู่บ้างแต่น้อยมากพอๆกับวิญญาณฝรั่ง
    แต่ผีคนไทยผีคนแขกจะเยอะกว่า กล่าวได้ว่าในโลกทิพย์นั้นเขาไม่กล่าวถึงสิ่ง
    ที่เป็นความรู้หรือวิชาเพราะความรู้มันมีเอง เช่นมองเห็นหน้าคนใจก็จะรู้ว่าเขาชื่อ
    อะไร นิสัยใจคอยังไงมีประวัติยังไง คนที่เป็นทิพย์นั้นเขาเพียง"เสพ"ต่อสภาพ
    แห่งทิพย์ อิ่มอยู่อย่างนั้นไม่ต้องทำการทำงานอะไร นอกจากชั้นต่ำมากคือเมือง
    ลับแล เขาก็ปลูกผักหญ้าพรวนดินสร้างพระไปตามเรื่องราวด้วยเพื่อให้ใจเขา
    มีความสุขสงบเท่านั้นเอง เอ คนเมืองลับแลก็ไม่นับเป็นทิพย์เต็มตัวกระมังเลย
    ยังต้องทำกิจอย่างนี้อยู่บ้าง เขาเลยอยู่ในสภาพที่ไม่ต้องสนใจอะไรเลยไม่สน
    ว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นยังไง

    ข้อนี้เองที่ทำให้มนุษย์มีข้อดีกลบเกลื่อนอ้างว่า เป็นมนุษย์ชอบศึกษาเรียนรู้
    เมื่อสบช่องทางให้เรียนทางสงบเพื่อหลุดพ้นได้ ว่านี้ดีกว่าเทวดา มนุษย์เท่านั้น
    ที่เลื่อนภพภูมิได้ง่าย
     
  9. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    สิ่งนี้เอง คือสิ่งที่เราไม่ควรรังเกียจการเป็นมนุษย์ หรือน้อยเนื้อต่ำใจ กับการเกิดมาเป็นมนุษย์ แต่จงเอาความเป็นมนุษย์ ศึกษาเล่าเรียน ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตน อันคือหนทางพ้นทุกข์เป็นสำคัญ
     
  10. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    มาถึงตรงนี้ต้องขอบคุณพี่จิ-โป มาก ๆ ที่พยายามสอน ให้ทีโอ เข้าใจ แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับเราทำให้เราเกิดวิจิกิจฉา ก็ตาม ล้วนเกิดมาจากตัวเราทำเองทั้งนั้น จะโทษใครไม่ได้เลย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้จักพอ และนำสิ่งที่ตัวเองมีอยู่มาใช้ให้ถูกต้องแล้ว ประโยชน์ก็ย่อมมีในเบื้องปลาย ตรงกับคำที่ว่า "มารไม่มี บารมีไม่เกิด" มารในใจตัวเองนั่นแหล่ะ ไม่ใช่ใคร
     
  11. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    คิดไปก็เท่านั้นทีโอ
    ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร วิจิกิจฉานั่นล่ะมารยามเราเข้าฌาณ แต่เป็นมิตรเราเมื่อเรา
    ตัดเข้าวิปัสสนา ปัญหาทั้งหลายที่เจอมาตัดเข้าไตรลักษณ์ได้ทั้งหมดนั้นคือใช้
    มารให้เป็นประโยชน์ แต่เมื่อใดเราเข้าสมาธิย่อมต้องตัดมันออกจากใจเราให้ได้


    ยามออกศึกสงครามต้องก้มหน้าทำหน้าที่มิอาจหวนกลับ
    เมื่อมาเป็นมนุษย์แล้วใยเล่าสะอื้นให้หวนนึกถึงพรหม.
     
  12. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    ได้อีก 1 ใช้ทุกสิ่งให้เป็นประโยชน์ มองประโยชน์ของสิ่งนั้นให้ออก
     
  13. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ยามออกศึกสงคราม ต้องก้มหน้าทำหน้าที่ มิอาจหวนกลับ
    เมื่อมาเป็นมนุษย์ แล้วใยเล่าสะอื้น ให้หวนนึกถึงพรหม.


    ...อ่านแล้วนึกถึงสำนวนนักปราชญ์ ..ในหนังจีนกำลังภายในเลยนิ............. ประมาณ จอหงวน , มหาบัณฑิต , อัครมหาบัณฑิต...
     
  14. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ยามออกศึกสงคราม ต้องก้มหน้าทำหน้าที่ มิอาจหวนกลับ
    เมื่อมาเป็นมนุษย์ แล้วใยเล่าสะอื้น ให้หวนนึกถึงพรหม.

    ครับก็คงงั้น คงเป็นหนังจีนเรื่องยาวมากๆ บางคนชอบถามผมดีจังเลยว่าร่างเดิม
    หนู๋เป็นอะไร อยากรู้มาก ถ้าตอบตามใจเธอก็คงจะบอกชาติดีๆว่าเทวดาชั้นนั้นๆ
    ชื่อว่า.. แต่ถ้าตอบตามใจฉันก็จะว่า ร่างเดิมเป็นงูอยู่บนต้นใม้เหนือถ้ำใกล้หน้าผา
    ก็หวนระลึกอยู่เรื่อยๆ อยากกลับไปสบายแบบเทพเหมือนคนมาทำสงครามกลับคิดถึง
    ผ้าห่มนวมที่บ้านฉะนั้น
    เกิดมาเป็นคนแล้วอย่าหันหลังกลับต้องกล้าหาญฟันฝ่า เดินหน้าต่อไป หันหลังเมื่อไร
    ถือว่าพ่ายแพ้ ยิ่งถ้ารู้ร่างเดิมชื่อเดิมชาติใกล้ๆก็จะกลายเป็นร่างทรงไปซะก็มาก
    เรียกว่าไปรู้ชาติไกลๆเป็นงูอยู่แถวๆเมืองจีนจะดีกว่า จริงๆเขาก็รู้ตัวแล้วแต่อยากให้เรา
    พูดถึงชาติที่ดีๆ ไอ้เรามันก็ประจบคนไม่เป็น พูดให้ชอบใจคนยาก เลยบอกกลอนไป
    สองประโยคเผื่อว่างๆไปนั่งแปลความหมาย ถ้าลืมไปแล้วก็แล้วไป หมดคำถามอื่นตาม
    นิสัยเทวดาเก่าที่ชอบตอบอ้อมโลก.
     
  15. noinid0209

    noinid0209 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    742
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอเป็นผู้ฟังที่ดี และนำคำสอนมาใช้แล้วกันครับ:d
     
  16. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    เอ..แล้วเขาอยากจะรู้ไปทำไมน่า... ศิลามณี ว่ารู้ไปก็เท่านั้นนะคะ ไม่เห็นทำอะไรได้สักอย่าง..ดีไม่ไม่ดีเดี๋ยวจะไปก่อปัญหา หรือ มีปัญหาเข้ามาอีก.....ที่คุณจิ-โป ว่ามานะ....ทำให้นึกถึงครูบาอาจารย์ ...ที่ท่านว่า....รู้แล้วได้อะไร ไม่รู้แล้วได้อะไร... คิกๆๆคักๆๆ ถ้ารู้...แล้วมีเพียงแค่กะตังค์เพิ่มขึ้น หรือ ว่าเหาะไปเที่ยวรอบโลกได้ก็ว่าไปอย่างคะ..

    .... แต่ศิลามณี ยังไม่เข้าใจว่าทำไม พอรู้ร่างเดิม...ชื่อเดิมชาติใกล้ๆ ถึงจะต้องเป็นร่างทรงด้วยละคะ อืมร์...พูดถึงร่างทรงนะ ...เคยมีร่างทรงทักศิลามณี ว่าในอดีตชาติของเขา กับ ศิลามณี เคยเป็นสามี ภรรยา กันนะคะ ...เลยต้องบอกร่างทรงนั้นไปว่า ขอโทษคะ... จำไม่ได้......แล้วก็หนีให้ห่างเลย.. ไม่ถามอะไรต่อ และ ไม่อยากรู้อะไรด้วย ...เรียวว่าถ้าตอนนั้นวิ่งหนีออกมาได้ โดยไม่เสียมารยาททางสังคมนะ ศิลามณี จะใส่รองเท้าน้องหมา วิ่งแนบแล้วคะ........กลัว

    แวะเข้ามาอีกรอบ .....ร่างทรงที่ดี ก็มีคะ.....แต่ท่านไม่เผยตัวออกมา ของจริงนั่งนิ่งเงียบ....ราวกับก้อนหินนิ... ของไม่จริงนี่นอกจากไม่เงียบ แล้ว ยังเต้นแรงเต้นกา แสดงอภินิหารให้ดูก็มีมาก......ครั้งก่อนเพื่อน ศิลามณี มาเที่ยวบ้าน ...เธอเล่าให้ฟังว่า เพื่อนของเธออีกคน พาไปหาครูบาอาจารย์ที่เป็นร่าง..จุดๆๆๆ ออกชื่อไม่ได้ เดี๋ยวตำรวจจับคะ.....ไปแล้วไม่เห็นสอนธรรมะอะไรเลย...มีแต่บอกว่าถ้าไม่มีกะดังค์ใช้ ให้เอากระเป๋าเงินมาให้สามีของร่างใช้ แล้วจะรวย....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2011
  17. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    อย่างนั้นแล้ว เขาผู้นั้นควรจะนึกถึงแต่บารมีที่ได้ในชาติที่ระลึกได้แค่นั้น แต่บรรยากาศโดยรอบไม่ควรนึกถึง ไม่ควรนึกถึงความสบาย ว่าเมื่อก่อนเค้าเคยสบายแบบนั้น มาบัดนี้ลำบาก เลยนึกถึงความสบายแต่เก่าก่อนว่าเคยสบายแบบนั้นแบบนี้ ทำมัยไม่เป็นแบบนั้นแบบนี้ เวลามีปัญหา ไม่ได้นั่งสมาธิ ก็นึกถึงแต่อยากจะสบาย เลยนึกถึงสมัยนั้นอยู่ตลอดน่ะเหรอคะ แต่ว่า อย่างที่พี่จิ-โป บอกว่า เวลานั่งสมาธิค่อยกำหนดรู้ชาติที่บารมีเยอะที่สุด ชาตินั้นแล้วพอออกมา ก็ปลงอารมณ์นั้นออก ว่าอารมณ์นั้น ๆ และอยู่กับปัจจุบัน อย่านึกถึงความสบายในชาตินั้น ๆ หรือแม้ความสบายในสมาธิใช่มั้ยคะ เมื่อเขาผู้นั้นนึกถึงความสบายในชาตินั้น ๆ ก็ทำให้ไม่ก้าวหน้า อารมณ์ที่เคยปลงไปแล้วนั่นเอง กลับต้องมาเก็บอารมณ์นั้นมาแล้วปลงใหม่ ใช่หรือเปล่าคะ
    เรื่องที่ว่าถ้ารู้ชาติก่อนหน้านี้แล้วเป็นร่างทรงนั้น ทีโอเข้าใจแบบนี้นะคะว่า กิเลสคนเราไม่เท่ากัน สิ่งล่อใจก็มีมาก บางครั้งตัวเองอยากรู้คำตอบก็ทำให้มองเห็นว่าตนเป็นแบบนั้นแบบนี้ แล้วทึกทักเองว่าตนเองเป็นแบบนั้นแบบนี้ ประจวบเหมาะกับเทพองค์ใด องค์หนึ่ง อยากจะสร้างบารมีร่วมด้วย เลยกลายเป็นร่างทรง ใช่หรือเปล่าคะ
     
  18. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    คนเราบางครั้งขาดกำลังใจ เลยนึกถึงความสบายเก่า ๆ ที่ตัวเองเคยได้รับ นึกไปนึกว่า เมื่อไหร่จะกลับบ้านเก่า มันก็เป็นเช่นนั้นมั้งคะ นั่นคือตัวเองยอมแพ้โดยไม่รู้ตัว กลับไปก็เป็นแบบเดิม ไม่ก้าวหน้าอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นเค้าคงจะคิดได้แล้วหล่ะค่ะ ว่าตัวเองควรทำอย่างไร ก็ต้องเดินหน้าต่อไป จะยอมแพ้แค่นั้นเองหรือจะยอมถอยเพราะเหตุผลนี้เท่านั้นหรือ เค้าคงเข้าใจแล้วค่ะ
    ความลำบากในชาติที่เป็นงู ก็ทำให้ตนคิดได้ว่า เคยก่อกรรมทำเข็นมาเลยทำให้ตนกลายเป็นงู ก็จะรู้ว่า ทำอย่างไรจะได้ไม่เกิดไปเป็นแบบนั้นอีก
    พอนึกถึงความสบาย ในสมัยที่เป็นเทวดา ก็นึกได้ว่านั่นมันเป็นความสบายแต่เก่าก่อนแค่นั้น
    แต่ตรงกลางระหว่างความสบายกับความลำบาก ใน 2 ชาตินี้ มันคือปัจจุบัน ใช่มั้ยคะ
    พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้ ให้อยู่กับปัจจุบัน เพราะเหตุผลนี้เองใช่มั้ยคะ
    เค้าคงคิดได้แล้วค่ะ
     
  19. จิ-โป

    จิ-โป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,196
    ให้รู้ชาติก่ิอนแต่ไม่ให้เข้าใจว่าเราชื่อนั้นวรรณะนั้นเช่นว่า

    คนไปรบ(อีกแล้วรบตลอด ก็สอนนักรบนี่นะทำใจซะ)
    คนไปรบนั้นมีสิทธิ์คิดถึงบ้านช่อง คิดถึงคนรักได้ คิดแล้วให้เกิดกำลังใจว่าเรารบเพื่อ
    คนที่เรารัก พ่อแม่ลูกเมียข้างหลัง กระแสความรักความอบอุ่นนั้นล่ะคือบารมีที่เกิดกับ
    นักรบที่คิดเช่นนี้ แม้ฆ่าไปพันศพ ยังไม่ต้องมารับกรรมปาณาติบาตนี้ถ้าคิดถึงกระแส
    นี้ขณะที่ความตายมาถึง

    แต่ถ้าคิดถึงที่นอนอุ่นๆ รูปรสกลิ่นเสียงของสตรีเพสเมื่อใดแล้ว เมื่อนั้นความอ่อนแอจะ
    เกาะกินใจนักรบผู้นั้น แม้ตายขณะรบก็ต้องไปรับกรรมปาณาติบาตด้วยกิเลสพาไปนั่นเอง

    การคิดและระลึกถึงชาติที่เรามีบารมีนั้น ไม่ได้คิดถึงความสบาย ไม่ได้คิดถึงสภาวะที่แผ่
    ออกด้วยแสงสว่างที่สุขุม แต่ท่านให้คิดถึงบารมีที่เคยทำ คิดถึงความเมตตาที่แผ่ออกตาม
    สภาวะแห่งแสงนั้น คิดถึงปีติและบารมีที่เกิดจากบุญแบบนั้นๆ บารมีนี้เองที่ท่านให้กำหนด

    ส่วนเรื่องร่างทรงนั้น ท่านฤาษีเกตุแก้วเคยกล่าวใว้ว่า"ถ้าเรารู้ชาติที่แล้วว่าเราเป็นใคร
    ชื่ออะไร จะเหมือนเปิดถนนตัดผ่านป่าเข้าสู่ตัวเมือง ทั้งรถ ทั้งเสือทั้งหมีย่อมใช้เดินทาง"
    นั่นคือเมื่อเรารู้โดยคนอื่นบอกนั้นคือการตัดการปล่อยวางยังไม่เกิด เมื่อตัวเองรู้แล้วว่าเรา
    เกิดเป็นเทวดาชื่อนาย ก. ย่อมมีเจ้าหนี้ของนาย ก. มาทวงหนี้ ทีนี้ล่ะจะมาเยอะจนเราใช้
    หนี้ไม่ไหว แต่ถ้าเรารู้เองมันเหมือนเราเก็บเงินใส่กระปุกพอใกล้เต็มก็มีอันต้องใช้ หรือ
    มีคนมาทวงหนี้ คนนี้มาแล้วก็ผ่านไป เก็บใหม่คนโน้นก็มาอีกก็ใช้ไป พอกระแสจิตเราจับ
    ที่จิตเดิมเราที่เป็นเทวดาได้ นั่นคือสร้างถนนแห่งการเดินทางของจิตดวงอื่นด้วย ถ้ามาแบบ
    ดีก็คือเสียงที่มาสอนธรรม และเตือนเรื่องต่างๆน่ะล่ะ ส่วนมาไม่ดีคือมาบอกว่าเราเคยเป็น
    เมียคนโน้นคนนี้ เคยเป็นสามีคนโน้นคนนี้ นี่มันจะทำให้เกิดภพชาติผูกพันยุ่งเข้าไปอีก
    ไม่ใช่ทางหลุดพ้น ก็คิดเองว่าเขาบอกเพื่อหลุดพ้นหรือผูกพันเรียกว่าปัญญา

    แต่เวลาใดที่เราตัดได้ว่าตายเป็นตาย มาทวงหนี้กรรมก็ใช้ไป ไม่กลัวที่จะใช้หนี้เมื่อนั้น
    ขณะจิตนั้นอาจนับได้ว่าผ่านชั้นโสดาบันบุคคล ย่อมมองเห็นกรรมตามสมควรเมื่อนั้นจะ
    เริ่มรู้เองว่าเราเกิดมาทำไม ชาตินี้มาธุระอะไร อะไรสมควรเป็นจุดหมายของชีวิตเรา
    ตายเป็นตายนี่ไม่ใช่ตัดแบบคิดไปเองนะ มันต้องแบบ ปวดหัวก็ปลงไม่คิด ครอบครัวทำ
    การณ์อันขัดใจก็ปลงไม่คิด เดินไปมืดๆเห็นผีมายืนยิ้มก็ปลงไม่คิด คือไม่มีอะไรมาทำ
    ให้ใจร้อนรนไปได้นั่นล่ะคือไม่กลัว

    บุคคลใดระลึกได้ว่าเราทำบุญแบบนั้นเกิดอารมณ์ปิติแบบนั้น ตายแล้วมีสภาวะด้วย
    ผลบุญแบบนั้น สภาวะอารมณ์แบบนั้นส่งผลไปเกิดเป็นแบบนั้น ย่อมนำมาซึ่งปัญญา
    เพื่อตัดภพชาติ ย่นย่อได้มากกว่าธรรมดา หลักนี้เองทำให้เกิดคติว่าเมื่อมีสภาวะจิตแบบนี้
    ตายแล้วย่อมเกิดอีก 7 ชาติบ้าง 3 ชาติบ้างก็นิพพาน ด้วยการปฏิบัติแบบนี้เอง
    ใช่ว่าจะระลึกถึงความสบายว่า ชาติโน้นนอนหนุนตักหลับสบาย ชาตินู้นนอนผ้านวมอุ่นดี
    ชาติโน้นเกิดเป็นเทวดามีสนมมากมาย แล้วระลึกเอาอารมณ์เทวดามาใช้ ไ่ม่ใช่นะ
     
  20. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ขอบคุณคะ คุณจิ-โป ..( เค้าของคุณทูนี่...เก่งจริงๆ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เอาแบบง่ายๆ เหมือนปลิกล้วยเข้าปากนะคะ ศิลามณี เอาใจช่วย )

    .....ศิลามณี ยังไม่เก่งถึงขนาดระลึกชาติได้..... แต่ถ้าคิดถึงบุญกุศลที่เคยทำมา ศิลามณี จำได้แม่น และ เห็นภาพทุกรายละเอียดเลยคะ....เมื่อไปปฏิบัติธรรมครั้งหลังสุดนะ พระอาจารย์ท่านแนะว่า ให้ทำสมุดสะสมบุญไว้เล่มหนึ่ง ให้จดทุกครั้งที่ไปทำบุญ หรือ งานบุญ จุดประสงค์ของท่านก็น่าจะเป็นดังที่คุณจิ-โปว่า...
     

แชร์หน้านี้

Loading...