สมาธิแบบไหน ไม่ก่อชาติสืบภพ (เช่น ภพพรหมโลก)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สมาธิเมื่อมีการกำหนดเจตนา
    ตั้งจิตแบบต่างๆ จะมีมโนกรรม
    ผลจากมโนกรรมที่ดีนั้นเองเป็น
    บุญทำให้เกิดชาติสืบภพต้อง
    ไปเสวย เช่น พรหมโลก เป็นต้น
    คือ เมื่อมีการกำหนดจิตแบบนั้น
    แบบนี้ ก็มีจิตสังขาร ก็มีวิญญาณ มี
    นามรูป จวบไปจนถึงชาติ ชรา มรณะ
    ตามวงจรปฏิจจสมุปบาท ไม่นิพพาน


    แล้วสมาธิแบบใด ที่ไม่ก่อสังขาร?
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สมาธิที่ไม่ก่อจิตสังขาร ไม่วนในปฏิจมุปบาท


    ไม่ต้องกำหนดจิต ไม่ตั้งเจตนาให้แก่จิต ปล่อยไปตามธรรมชาติ
    อะไรที่เกิดขึ้น ไม่เที่ยง สรรพสิ่งย่อมดับไปเองเมื่อถึงวาระ
    เกิดเอง ก็ดับเองได้ ปล่อยไปตามธรรมชาติ ทุกอย่างนะ


    ไม่ว่าจะเป็นกิเลส, ความโลภจรมา, ความโกรธ ความหลง
    เป็นอาคันตุกะขาจรนะ ปล่อยเขาไป เดี๋ยวเขาดับเอง
    ความคิดต่างๆ ไม่มีสาระนะ ปล่อยไป เขาเกิดเอง ปล่อยไป
    แล้วเขาก็ดับเอง เป็นสัจธรรมนะ อนิจจัง ไม่เที่ยงสักอย่าง


    ปล่อยไปตามธรรมะ ธรรมชาติ สัจธรรม อนิจจัง ไม่เที่ยงทั้งนั้น
    สุดท้าย ไม่มีอะไรเหลือนะ ดับหมดนะ ดับสนิทนะ สุญตานะ
    จุดนั้นแหละ "สมุทเฉทประหารเลย" ทำนิพพานให้แจ้งเลย
    ไม่ต้องรอช้านะ ฉับพลันเลย ฉับพลัน...
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    รู้จักกับจิตสังขารและจิตประภัสสรก่อนฝึกจิต


    ลูกๆ ทั้งหลาย ไม่มีใครฝึกจิตได้โดยไม่รู้จักจิตก่อนนะ
    ผู้รู้จักจิตที่แท้จริง ไม่ใช่มีง่าย จิตเป็นของละเอียดนะ
    พระพุทธเจ้าค้นพบจิต แต่พราหมณ์ทั้งหลายในยุคนั้น
    ไม่มีใครค้นพบจิตได้เลยนะ ใจไม่ละเอียดพอ ไม่พบจิตนะ

    ลูกศิษย์เซนบอกอาจารย์ว่า "ผมพบจิตแล้ว" อาจารย์ตอบว่า
    ถ้าเธอพบจิต มันจะเป็นจิตได้อย่างไร? แม้แต่ท่านหุยเคอ
    บอกท่านตั๊กม้อว่า จิตผมมีแต่ทุกข์สับสนเหลือเกิน ท่านถามว่า
    งั้นเอาจิตของเธอมาให้ดูหน่อยสิ ท่านหุยเคอว่า "ผมหาไม่เจอ"
    เท่านั้นเอง ท่านหุยเคอก็บรรลุธรรม

    จะฝึกจิต ต้องรู้จักจิตก่อนนะ ถ้าไม่รู้จักจิต แล้วจะฝึกจิตได้อย่างไร
    ที่ฝึกจิตกันนั้น ยังเป็น "จิตสังขาร" นะ มีการปรุงแต่งอยู่ ให้เป็น
    จิตโลภ, จิตโกรธ, จิตหลง, จิตฟุ้งซ่าน หรือแม้แต่จิต 121 ดวงนั้น
    ก็ล้วนเป็นจิตสังขารนะ ไม่ใช่จิตหนึ่งเดียว จิตประภัสสระ ไม่อาจใช้
    ฝึกได้ผลจริง แค่มายาภาพหลอกหลอนลูกให้เพลินเล่นเท่านั้น ยิ่งดูจิต
    จิตก็ยิ่งหลอกหลอนให้ดู ไม่จบ ไม่สิ้น ไม่หลุดพ้น ไม่นิพพานนะ

    เข้าใจเรื่องจิตประภัสสระด้วยปัญญาก่อน จึงจะเข้าสู่การฝึกจิตได้
    ถ้ายังไม่เข้าใจเรื่อง จิตคือธรรมะ ธรรมชาติ เป็นเช่นนั้นเอง (ตถาตา)
    ก็จะไปนั่งฝึกจิตให้เป็นนั่นเป็นนี่ เป็นไปอื่น มิใช่ธรรมชาติเดิมแท้
    มิใช่จิตเดิมแท้ เพราะเป็นแต่จิตสังขาร จิตปรุงแต่ง ก่อชาติสืบภพ


    นะลูกนะ
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    คำบริกรรมใดๆ ล้วนไม่ช่วยให้หลุดพ้นนะลูก


    เขาไม่ผิดที่สอนลูก และลูกไม่ผิดที่ทำตาม เป็นแค่วิบากเก่านะลูก
    แต่ก็ไม่จำเป็นต้องยึดติดนะ สิ่งใดที่ไม่ผิด แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องถูก
    การบริกรรมก็ไม่ใช่ทางหลุดพ้นนะ คำบริกรรม ทั้งหลาย ใช้แล้วทำให้
    ติดสภาวะนะ ติดสภาวะนานเข้า ก่อเป็นภพนะเกิดชาติ เกิดสังขาร ชรา
    มรณะ และทุกข์ยังรอลูกอยู่นะ ไม่หลุดพ้นนะ ไม่ช่วยให้นิพพานนะ


    ลัดตัดตรงนะลูก อย่าติดบ่วง อย่าหลงวน ลัดตัดตรงหลุดพ้นนะลูก
    จิตตรงสู่ความหลุดพ้นอย่างเดียวนะลูก ไม่ต้องไปตรงคำบริกรรม
    อื่น คำบริกรรมล้วนดีทั้งนั้น แต่ก็ไม่หลุดพ้นนะ ทำให้ลูกติดอยู่เท่านั้น
    จิตตรงสู่ความหลุดพ้นนะ ไม่ต้องเพ่งตรงไปอย่างอื่น จิตจะตรงนิพพาน
    เข้าสัมมาทิฐิได้เร็วนะ ไม่ต้องไปเพ่งอย่างอื่น หรือทำสมาธิกำหนดอะไร
    กำหนดจิตอย่างไร บริกรรมอย่างไร สิ่งนั้นถูกสร้างนะ ถูกปรุงนะ
    มีสังขารใหม่นะ ไม่หลุดพ้นนะ ไม่ต้องปรุง ไม่ต้องสร้าง ไม่ต้องกำหนด
    ไม่ต้องสำคัญมั่นหมาย ไม่ต้องบริกรรมตอกย้ำจิตให้ติดยึด ติดตรึงอยู่นะลูก
    หลุดพ้น ตรงทางนิพพานเท่านั้น ทางตรงนะลูก ไม่ต้องเดินทางอ้อม
    ลัดตัดตรง เร็วที่สุดนะลูก...
     
  5. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    สมถกรรมฐาน ไม่ใช่ สุญญาตา ไม่มีองค์ฌานนี้ มีเอกัคตารมณ์ 2 คํานี้ไม่เหมือนกัน
    สุญตา กับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 2 คํานี้ไม่เหมือนกัน
    อนัตตา กับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 2 คํานี้ไม่เหมือนกัน
    ฉะนั้นสุญตา กับ อนัตตาในแบบไตรลักษณ จะไม่เหมือนกัน
    จะเห็นคําว่าสุญญตได้ในอรูปฌาน ค่อนข้างมาก
    แต่สมถของนักปฏิบัติส่วนมากคงเน้นแค่ รูปฌาน แล้วถอยออกจากรูปฌานมาอุปจารสมาธิเพื่อพิจรณาสังขารไม่ถลําลึกไปกว่านั้น

    ไม่กําหนดรู้เห็นแล้วมันจะเห็นไตรไลกษณ์ได้ยังงัย
    สมถกรรมฐานหากเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอารมณ์เอกัคตา รโชหรณัง
    ถึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเป็นวิปัสนาญาณที่เกิดขึ้นมาเองโดยไม่มีตําราปรุงแต่งไม่ใช่สุญญตา ถ้าเห็นเป็นสุณตา ยังไม่เห็นไตรลักษณ์ จะเห็นสุญญตาแบบนี้ถ้าท่านว่าเห็นสภาวะธรรมจริงมันก็จริง จะว่าไม่จริงก็ไม่จริง จริงแบบโลกสมมุติบัญญัติ แต่ไตรลักษณ์นั้น คือจริงโดยธรรมชาติ ไม่ต้องกังวลหรอกท่าน พระพุทธเจ้าเป็นครูที่เชื่อถือได้ ชี้ทางให้เห็นไตรลักษณ์ได้ ถ้าปฏิบัติตามจริงยังงัยก็ไม่หลงหรอกครับ

    ปฏิจสมุทปาทกงล้อนี้มันเกิดตามอริยสัจสี่ ถ้าเห็นสภาวะธรรมโดยความเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป จะเข้าใจกงล้อนี้เอง แต่ถ้ายังสุดโต่ง เห็นสิ่งทั้งปวงเป๋นอนัตตา โดดๆ ไม่มีองค์ประกอบ ของ อนิจจัง ทุกขัง มันยังไม่ใช่ความรู้ถูกตามสัจจะธรรม 3 คํานี้ต้องมาพร้อมกัน
    เห็นความเป็นอนัตตาอย่างนี้คําเดียว เป็นสุดโต่ง

    กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา อัพยากตาธัมมา เป็นการอธิบายผลของกรรม

    พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาปรัชญามานั่งคิดแล้วสําเร็จ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ต่างกับการนอน หรือ เข้าฌานก็สําเร็จได้แต่มันต้องปฏิบัติให้เห็นผลต่อจากมรรค

    แต่โดยรวมผมจะตามอ่านของท่านเรื่อยๆเพราะมีมิติที่ดี แยบคายดีครับ อนุโมทนา
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    รู้ ต้องกำหนดด้วยหรือ?


    รู้ ไม่รู้ ธรรมชาติไหม? อนิจจังไหม?
    เกิดไหม ดับไหม? หรือไม่อนิจจัง
    รู้และไม่รู้ ไม่ใช่อนิจจังหรือ?
    เกิดเอง ดับเอง ไม่ได้เชียวหรือ


    ต้องกำหนดเชียวหรือ?
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เรื่อง สมาธิ ****

    สมาธิ มีมากมาย
    แต่ สมาธิที่ใช้เพื่อนำตนเองหลุดพ้นทุกข์... คือ สมาธิพิจารณา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ลึกล้ำ ท่านพูดได้ตรงใจข้าพเจ้ามาก
    สักกี่คนจะเข้าใจ
    ในสมัยพุทธกาลจึงมีพระอรหันต์หลายรูปที่บรรลุธรรมได้เพียงแค่สดับฟังธรรมครั้งเดียว
    "ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งใดสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา"
    สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

    นี่คือสิ่งที่เราควรกำหนดรู้
    นี่คือสภาวธรรมที่อธิบายสิ่งที่ท่านพูด
    หากแต่เมื่อพูดออกมาเป็นภาษามนุษย์กลับดูเหมือนเล็กน้อยเสียนี่กระไร
    แต่หาก2ประโยคนี้ดังสำเหนียกรู้และก้องอยู่ในใจ จะปานประดุจเหมือนดนตรีทิพย์ที่ท้าวสหัมบดีพรหมบรรเลงฉันนั้น

     
  9. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    ท่านรู้เห็นตามนั้นก็ตามนั้นหล่ะครับ ท่านไปกําหนดให้ทุกอย่างเป็นสุญญาตา ก็ให้เป็นสุญตาไป กินนําตาลกับกินเกลือ ก็จืดเหมือนกัน อยากได้ธาตุเหล็กธาตุไอโอดีน ก็ไม่ต้องทานเกลือ ทานนําตาล ทานนําเปล่ากันไป อยากได้ไขมันก็ทานนํากันไป อยากได้หลุดพ้นก็เพ่งกันที่ความว่างกันไป ไม่ต้องมานั่งพิจรณาร่างกาย

    สิ่งเหล่านี้มันเป็นยาทุกข์ และยาแก้ ให้มันไม่เห็นมันก็ไม่ถึง อยากให้มันถึงก็ต้องมองให้มันเห็น ที่เขาไปๆกันเพราะเขาทําให้มองเห็น พระอานนท์รู้เยอะแยะจะไปๆๆๆมันไม่ไป มันไปไม่ได้ ไปได้เพราะเห็นไตรลักษ์

    ความไม่มีปกปิดความมีอยู่ ความมีอยู่ก็ปกปิดความไม่มี
    จึงเกิดสมมุติต่างๆให้ใช้เห็นบนโลก เป็นของกลางให้เห้นว่ามันมีอยู่หรือไม่มีก็ช่าง แต่ให้เห็น ถ้าเห็นจึงเห็นความ ตั้งอยู่ ความดับไป

    ตาเห็น ใจเห็น ปัญญามันก็เห็น
    ตาไม่เห็น ใจไม่เห็น ปัญญามันก็ไม่มีสิ่งให้พิจรณาตามให้เห็น


    ทําให้มันเห็น ความเห็นแบบนี้เป็นความเห็นตรง เห็นจริง เป็นมรรค
    เมื่อเห็นจริงแล้วพิจรณาแล้วเห็นทุกข์ ก็ปล่อยวาง นี่คือผล
    ถ้ายังมาไม่เห็น ไม่มี ไม่เห้น ไม่มี แบบนี้ยังไม่เห็น เป็นบริกรรม เห็นตามเขา ไม่ได้เห้นตามเรา ไม่ใช่วิปัสนาญาน เป็นแค่บริกรรม


    ตอบไปแบบผู้ไม่รู้พูดกับผู้ไม่รู้ละครับ ผมไม่อยากพูดธรรมมะมากในห้องนี้ อยากคุยจริงๆผมว่าตั้งห้องอื่นก็ได้ครับเดี่ยวถ้าพบจะตามไปตอบให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2010
  10. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    อ้าวพอดีผมพิมอยู่ไม่ทราบว่ามี 2 ท่านมาโพสแล้วขอโทษครับ
    เอาเป็นว่าถ้าผมจะบอกผู้อื่นก็คงกล่าวว่าจะปฏิบัติเช่นไรก็ได้ที่ไม่ปกปิด ไตรลักษณ ถ้าเห็นไตรลักษณได้ ก็เป็น มรรคะได้ นั้นผมขอจบละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2010
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ผู้ขาดสมาธิพิจารณา ****

    เพราะเอาแต่ความเชื่อ
    ดึงความเชื่อของคนอื่นมาเป็นของตน
    ผลคือ ไม่หลุดพ้นจากความเชื่อ
    ตกอยู่ในความเชื่อซึ่งกันและกัน
    จึงยังไม่ได้ทำอะไร ให้ตนเองหลุดพ้นทุกข์เลย
    ที่ทำๆไป กลายเป็นทำเพราะเชื่อว่าทำแล้วจะพ้นทุกข์
    แต่ความจริง คือ กิเลสนิสัย ตัญหา มานะทิฐิ ความเชื่อไม่ได้ลดลงเลย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. free_hippy

    free_hippy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +52
    ใครจะหลุดก็หลุด ใครจะติดก็ติด

    อิสระไม่จำเป็นต้องคิด

    ปลดปล่อยไปตามจิต

    จะหลุด ฤา จะติดค่อยคิดกัน...

    ....เห็นด้วยกับทุกข้อความครับ....
     
  13. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    การฝึกแบบไม่ก่อให้เกิดสังขารคือ เมตตาเจโตวิมุติ คือการเจริญภาวนาเพื่อจะไปเป็พรหม
     
  14. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    สมาธิ ที่ไม่ยึดติดใน สมาธิ จะไม่ก่อ ภพ ชาติ
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    สังขาร ๓ และวิธีดับ

    ปัญหา กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขารคืออะไร และสังขารทั้ง ๓ นี้ดับไปเมื่อใด ?
    พระกามภูตอบ "ดูก่อนคฤหบดีลมหายใจเข้าและหายใจออก ชื่อว่ากายสังขาร...ลมหายใจเข้าหายใจออกเป็นของเกิดที่กายธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยกายฉะนั้น...จึงชื่อว่ากายสังขาร...
    "วิตกวิจารชื่อว่าวจีสังขาร...บุคคลตรึกตรองก่อนจึงเปล่งวาจาภายหลัง ฉะนั้น วิตกวิจารจึงชื่อว่า วจีสังขาร...
    "สัญญาและเวทนาชื่อว่าจิตตสังขาร...สัญญาและเวทนาเป็นของเกิดที่จิต ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิตฉะนั้น...จึงชื่อว่าจิตตสังขาร
    "ดูก่อนคฤหบดี เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ วจีสังขารดับก่อน ต่อจากนั้นกายสังขารดับต่อจากนั้นจิตตสังขารจึงดับ..."
    กามภูสูตรที่ ๒
     
  16. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอย่างไร

    ปัญหา การเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ มีได้อย่างไร?
    พระกามภูตอบ "ดูก่อนคฤหบดีภิกษุเมื่อจะเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ มิได้คิดอย่างนี้ว่าเราจักเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธหรือว่า เรากำลังเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ หรือว่าเราเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว โดยที่แท้จิตของภิกษุนั้นเป็นจิตที่ได้รับการอบรมไว้ก่อนแล้วจนกระทั้งจิตนั้นสามารถนำภิกษุนั้นเข้าสู่สภาพตถัตตา ( คือ ภาวะเช่นนั้น ภาวะไม่มีชื่อ อันหมายถึงนิพพาน)"
     
  17. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    สังขารดับตามภูมิแห่งการปฏิบัติ

    ปัญหา สังขารทั้งหลายย่อมดับไปตามลำดับตามภูมิแห่งการปฏิบัติทางจิตอย่างไร ?
    พุทธดำรัสตอบ "ดูก่อนภิกษุ... เรากล่าวความดับสนิทแห่งสังขารทั้งหลายโดยลำดับคือ
    เมื่อภิกษุเข้าปฐมฌาน วาจาย่อมดับ
    เมื่อเข้าทุติยฌาน วิตก วิจารย่อมดับ
    เมื่อตติยฌาน ปีติย่อมดับ
    เมื่อเข้าจตุตถฌาน ลมอัสสาสะ ปัสสาสะย่อมดับ
    เมื่อเข้าอากาสานัญจายตนฌาน รูปสัญญาย่อมดับ
    เมื่อเข้าวิญญาณัญจายตนฌาน อากาสานัญจายตนสัญญาย่อมดับ
    เมื่อเข้าอากิญจัญญายตฌาน วิญญาณัญจายตนสัญญาย่อมดับ
    เมื่อเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน อากิญจัญญายตนสัญญาย่อมดับ
    เมื่อเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและเวทนาย่อมดับ ราคะ โทสะ โมหะ ของพระขีณาสพย่อมดับ"
     
  18. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    คนตายกับสัญญาเวทยิตนิโรธ

    ปัญหา คนตายกับภิกษุผู้เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธมีความแตกต่างกันอย่างไร ?
    พระภามภูตอบ "ดูก่อนคฤหบดี คนที่ตายแล้วทำกาละแล้ว มีกายสังขารดับสงบ มีวจีสังขารดับสงบ มีจิตตสังขารดับสงบ มีอายุสิ้นไปไออุ่นสงบ อินทรีย์กระจัดกระจาย
    ส่วนภิกษุผู้เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ กายสังขารดับสงบ วจีสังขารดับสงบ จิตตสังขารดับสงบ แต่ยังไม่สิ้นอายุ ไออุ่นยังไม่สงบ อินทรีย์ผ่องใส..."
    กามภูสูตรที่ ๒
     
  19. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ลำดับการออกสัญญาเวทยิตนิโรธ

    ปัญหา การออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธมีได้อย่างไร ? สังขารต่างๆ เกิดขึ้นอย่างไร ? ผัสสะอะไรเกิดขึ้นก่อน ? จิตน้อมไปสู่อะไร ? อะไรเป็นอุปการะแก่สัญญาเวทยิตนิโรธ ?
    พระกามภูตอบ "ดูก่อนคฤหบดี ภิกษุเมื่อจะออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธ ไม่ได้คิดอย่างนี้ว่า เราจักออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธ หรือว่าเรากำลังออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธ หรือว่าเราออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธแล้ว โดยที่แท้ จิตของภิกษุนั้นเป็นสภาพได้รับการอบรมไว้ก่อนจนสามารถนำภิกษุนั้นเข้าสู่สภาพตถัตตาได้...
    "ดูก่อนคฤหบดีเมื่อภิกษุออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธจิตตสังขารเกิดก่อน ต่อจากนั้นกายสังขารจึงเกิดต่อจากนั้นวจีสังขารจึงเกิด...
    "ดูก่อนคฤหบดีผัสสะ ๓ อย่าง คือสุญญผัสสะอนิมิตตผัสสะ อัปปณิหิตผัสสะย่อมถูกต้องภิกษุผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ...
    จิตของภิกษุผู้ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธย่อมน้อมไปสู่วิเวก...
    ธรรม ๒ อย่าง คือ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑ ย่อมมีอุปการะมากแก่สัญญาเวทยิตนิโรธ"
     
  20. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    จุดรวมของอกุศลกรรม

    ปัญหา เมื่อกล่าวโดยรวบยอดแล้ว อกุศลธรรมและกุศลธรรมทั้งสิ้นรวมลงในอะไร ?
    พุทธดำรัสตอบ "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อจะกล่าวว่ากองอกุศลจะกล่าวให้ถูก ต้องกล่าวถึงนิวรณ์ ๕ เพราะว่ากองอกุศลทั้งสิ้นได้แก่นิวรณ์ ๕...
    "เมื่อจะกล่าวว่ากองกุศลจะกล่าวให้ถูก ต้องกล่าวถึงสติปัฏฐาน ๔ เพราะว่ากองกุศลนี้ทั้งสิ้นได้แก่สติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง..."
     

แชร์หน้านี้

Loading...