ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

หลังคาชั้นซ้อนของพระอุโบสถ

หลังคาชั้นซ้อนของอุโบสถ/ อุโบสถวัดพระแก้วฯ ในพระบรมมหาราชวัง
​

ลายพระหัตถ์ของ สมเด็จฯ เจ้าฟ้า กรมพระยานริศฯ เรื่องอุโบสถซึ่งมีหลังคาทร<WBR>งจั่วซ้อนกัน คือ “ปราสาท” ขยายความต่อไปได้ว่า อุโบสถเป็นชื่อเรียกอาคารที่<WBR>พระสงฆ์กระทำสังฆกรรม แต่เมื่อเรียกอุโบสถโดยหมาย<WBR>ถึง “รูปทรง” ก็เรียกได้ว่า ”ปราสาทแบบเรือนชั้น"

สมเด็จฯ ทรงอธิบายว่า หลังคาทรงจั่วที่ซ้อนลดหลั่<WBR>น คิดได้จากเรือนที่ซ้อนกัน เมื่อตัดฝาเรือนออก หลังคาจั่วจึงร่นลงมาซ้อนลด<WBR>หลั่นกัน เห็นเป็น “หลังคาซ้อนชั้น” หรือเรียกอีกอย่างว่า ”หลังคาชั้นซ้อน”

​

แนวความคิดของ หลังคาชั้นซ้อน

ภาพที่ 1 เรือนซ้อนชั้นของหลังคาทรงจั่ว

ภาพที่ 1 ก. เมื่อตัดฝาเรือนออกไป ก็เห็นเพียงหลังคาทรงจั่วซ้อนกัน

ภาพที่ 2, 2 ก. ขยับให้เห็นด้านหน้ามากขึ้น
​

​

โบสถ์วัดทอง บางปะหันเป็นหลังคาชั้นซ้อน ซึ่งได้ความรู้มาจากวัดท่าใหม่อิว่าโบสถ์ที่มีหลังคาชั้นซ้อนนั้นสร้างให้กับพระราชวงศ์ ส่วนหลังคาซ้อนสามชั้นนั้นสร้างให้กับพระมหากษัตริย์ค่ะ

​

ขอขอบคุณความรู้เรื่องหลังคาชั้นซ้อนจากเฟชบุ๊คของ ศ.ดร สันติ เล็กสุขม ค่ะ​

 

หลวงเตี่ยวัดชุมพลฯแจ้งข่าวมาว่า คงจะสร้างช่อฟ้าใบระกาใหม่ไม่ได้แล้ว เพราะโครงสร้างหลังคาเสียหายหมด เท่ากับต้องเปลี่ยนหลังคาใหม่ทั้งหมด

งบเปลี่ยนหลังคาประมาณ 2 ล้าน ซึ่งเงิน 2 ล้านที่ประเมินนี้เป็นงบที่ประเมินใหม่ ไม่รวมค่าช่อฟ้าใบระกา ซึ่งช่อฟ้าใบระกาได้ค่าไม้สักแล้ว ขณะนี้กำลังบอกบุญเรื่องค่าแรงแกะสลักและสร้าง

ทีนี้หลังคาโบสถ์วัดชุมพลต้องเปลี่ยนทั้งหลัง เจ้าอาวาสท่านร่วมมือร่วมใจเต็มที่ ขณะนี้เริ่มมีคณะนาฏศิลป์ ลืมถามหลวงเตี่ยว่าเป็นคณะนาฏศิลป์ของกรมศิลปากรหรือไม่ ร่วมใจถวายปัจจัยทำบุญสร้างโครงสร้างหลังคาใหม่มา 1 ล้านบาทแล้ว

หลวงเตี่ยถามว่าโยมสนใจจะจัดผ้าป่่ามาวัดไหม ทางสายธาตุมีข้อกังวลใจจึงเรียนตอบหลวงเตี่ยไปดังนี้

ความกังวลใจที่หนึ่ง เท่าที่โยมสังเกตมาตลอดที่เริ่มมาวัดชุมพลฯได้ร่วมสองปี เห็นแต่คนมีสี มียศ มีชื่อเสียง เช่นนายทหาร คุณชินกร ไกรลาศ คุณไวรุศมุณี มาถวายทั้งนั้น แต่ละครั้งก็จัดถวายอย่างอลังการ โยมไม่กล้าไปทำบุญที่วัดชุมพลฯเพราะคิดว่าคงทำแล้วไม่อลังการเท่าเขา

หลวงเตี่ยตอบมาว่า ถ้าหลวงเตี่ยต้องการโยมที่มีเงินเยอะๆมาทำบุญ หลวงเตี่ยไปตามสอง "เยา" น้องสาวอดีตนายกคนสันกำแพงแล้ว หลวงเตี่ยกับสอง"เยา"เป็นคนเชียงใหม่เหมือนกันดวย สอง"เยา"เขาเคยมาแล้วบอกว่าจะบริจาค 12 ล้าน แล้วก็มีเหตุที่มาไม่ได้เพราะรัฐบาบพี่ชายเขามีปัญหาใหญ่ โยมรู้ไหมวัดนี้ต้องการคนที่มีศรัทธาแท้ไม่ใช่ต้องการเงิน คนมีเงินเยอะ บาปก็เยอะตามไปด้วยก็มี ได้เงินเขามาต้องมารับบาปของเขาด้วย สู้คนมีเงินน้อยแต่ไม่มีบาปไม่ได้ ตั้งใจทำบุญเล็กๆแต่พอทำจริงเทพพรหมท่านช่วยได้ทำบุญใหญ่แบบคาดไม่ถึงก็เยอะแยะ (คำตอบนี้ทำให้ทางสายธาตุน้ำตาไหล มันปลื้มใจที่พระท่านชวนเราไปทำบุญ ขับรถจากทางด่วนแจ้งวัฒนะ ถึงทางลงเข้าแยกรัชดาภิเษก น้ำตาไหลตลอด ปลื้มใจ)

ความกังวลในที่สอง ตั้งแต่เล็กจนโต โยมยังไม่เคยเป็นผู้นำศรัทธาสักที จะให้โยมตั้งกองผ้าป่า โยมทำไม่เป็น

หลวงเตี่ยตอบว่า วันเสาร์ที่จะถึงนี้มีคณะกองผ้าป่ามาทำบุญ โยมมาดูเขาว่าเขาทำอย่างไร จะได้ทำเป็น



ดังนั้นเสาร์นี้ทางสายธาตุจะไปวัดชุมพลฯ บางปะอินเพื่อดูแบบอย่างการจัดกองผ้าป่าถวายเพื่อซ่อมแซมหลังคาโบสถ์วัดชุมพลฯนะคะ ได้เรื่องอย่างไรแล้วจะมาบอกบุญค่ะ ทางสายธาตุจะทำบุญตามกำลังของคนเล็กๆค่ะ ใครอยากร่วมบุญเชิญที่วัดชุมพลฯ หรือจะร่วมบุญกับทางสายธาตุ โปรดรอทางสายธาตุบอกรายละเอียดให้ทราบกันอีกทีนะคะ

ปลื้มใจ

 

เพลง พระนเรศวรมหาราช

เพลง พระนเรศวรมหาราช เนื้อร้อง/ทำนอง /ขับร้อง/ กัญญนัทธ์ ศิริ<!-- google_ad_section_end -->

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->

​

ภาพโดย พระอาจารย์ พระมหาฤทธิชัย กัลยาโน

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.922771/[/MUSIC]​

เพลง พระนเรศวรมหาราช

เนื้อร้อง / ทำนอง/ ขับร้อง กัญญนัทธ์ ศิริ

สงวน ลิขสิทธ์ 22 ม.ค 2552

 

เขียนโพสไปตั้งเยอะ หายไปหมดเลย

คือกำลังจะบอกท่านผู้อ่านว่า กระทู้นี้มันข้อมูลเยอะมากเกินไป คนโพสรู้สึกตึง กำลังจะหาเวลาไปพัฒนาตัวเองทั้งทางโลกและทางธรรม เช่นเรียนภาษาจีน และไปปฎิบัติธรรมให้มากขึ้น

ข้อมูลที่เก็บๆไว้จะค่อยๆทยอยๆปล่อยออกมา เรื่องวัดโปรดสัตว์เป็นต้น คนอ่านจะได้ไม่หนักอึ้ง ข้อมูลเยอะเกินไป อ่านไม่ไหว ๕๕๕๕

ทางสายธาตุเป็นคนแบบนี้เอง จะทำอะไร อยากรู้เรื่องอะไร จะมุมานะทำให้ได้ ในส่วนที่เคยตั้งจิตกับเทพไว้ว่าจะทำถวายให้เพราะรับทราบทางจิตว่าท่านให้ทำ ตนเองคิดว่าได้ทำงานถวายไปแล้ว ส่วนงานจะสมบูรณ์หรือไม่ ก็คิดว่าเต็มความสามารถของมนุษย์คนหนึ่งจะทำแล้ว

ขอโพสกระทู้แบบเบาบางแล้วนะคะ จะดึงตัวเองออกจากกองข้อมูลสักระยะ เพื่อพัฒนาด้านภาษา ด้านงาน และด้านจิตญาน ให้ดีกว่านี้ ไม่ทิ้งกระทู้เพราะบอกแล้วว่าจะโพสจนกว่า วัดวรเชษฐ์ จะได้รับการยอมรับว่าเป็นวัดป่าแก้ว และถ้าได้รับพระราชทานให้เป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร เมื่อใดแล้วก็จะลาขาดจากกระทู้ในเวปนี้ค่ะ

ทุกอย่างบนโลกใบนี้ตั้งอยู่บนกฏแห่งไตรลักษณ์ ตรึกอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา การเข้ามาในเวปนี้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2552 ก็ย่อมมีการดำรงอยู่ในเวปนี้ชั่วระยะหนึ่ง ระยะหนึ่งที่ว่านี้ไม่ทราบว่านานแค่ไหนค่ะ ขณะนี้คืออยู่ในขั้นดำรงอยู่ ซึ่งรอวันออกในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า

พระนเรศวรมหาราชทรงอยู่คู่คนไทยไปอีกนานเท่านานค่ะ ทางสายธาตุเชื่อว่าเพราะพระองค์ท่านรักแผ่นดินนี้มาก พระองค์ทรงรักไพร่ฟ้าในแผ่นดินนี้มาก ทรงเสียสละมาก พวกเราจึงควรสรรเสริญท่าน พิจารณจริยวัตรของท่านแล้วนำมาใส่เกล้าใส่กระหม่อมทำตาม พระองค์ท่านทรงพรหมวิหารธรรมขั้นสูงมากค่ะ

ขอพระองค์ทรงพระบารมีอันยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้ เพื่อพระองค์ทรงสถิตย์เป็นขวัญแผ่นดินตราบชั่วกัลปวสาน

 

ขออนุโมทนา ครับ

ชอบเพลงสมเด็จพระนเรศวร เวอร์ชั่นของคุณโมเย มาก ต้องขอบคุณคุณ
ทางสายธาตุที่ช่วยนำมาโพสลงในกระทู้นี้ครับ

 

ของคุณพี่โมเยออกแนวหวานๆ ไพเราะครับ แต่ผมก็ชอบแบบของพี่แอ๊ดคาราบาวนะครับ ได้อารมณ์แบบแมนๆดีนะครับ

 

น้องไก่เหลือง ฟังเพลง ของคาราบาวแล้ว
อยากกลับไปจับดาบออกรบอีกแล้วใช่ไหมคะ ฮึกเหิม แบบแมนๆ
เพลงของคาราบาว ปลุกหัวใจของนักรบให้ฮีกเหิมได้ดีมากๆ ค่ะ


ของเวอร์ชั่นพี่โมเย ฟังเอง นั่งร้องไห้เอง หนะค่ะ
ที่จริงก็ยากแมนกับเขาบ้าง คงเท่ห์ดีค่ะ ^_ู^


เล่่าสู่กันฟังว่า
มีครั้งหนึ่ง ญาติธรรม ที่รู้จักกันครั้งแรก เขาฟังเพลงพระนเรศวร ของพี่โมเย

เขาเป็นผู้หญิงนะคะ เขาฟังแล้ว ร้องไห้ มือทำท่ากำดาบแน่น
เขาวิ่งออกไปนอกห้อง แล้วตะโกน ออกมาดัง

ประมาณ ว่า อ๊ากกกกกกกกกกกก แล้วเขาก็ก้มหน้านั่งร้องไห้ ตาแข็งมองตรงมือกำแน่นสองข้าง (โปรดใช้วิจารณ์ญาณ)

สงสารเขาเหลือเกินค่ะ
ดวงจิตของเขาอีกส่วนหนึ่งยังคงอยู่ ณ ตรงนั้น
-----------------------------------------------------------

มีวันหนึ่งพี่โมเย อยากกินขนมเค้กกล้วยหอม เจ้าที่ขายในตลาดวโรรส
เขาทำอร่อยมาก ก้อนสี่เหลี่ยม หอมกล้วย จริงๆ ซื้อกินมาตั้งแต่เด็ก

วันหนึ่งอยากกินมากเลย เลยขับรถไปที่ตลาดวโรรส
อนิจจา มองหา เข่าอ่อน เค้ก กล้วยหอม
ที่เราชอบกินเจ้าเดิม เมื่อสิบปีก่อน
เขาเลิกขายแล้ว ยังจำได้ในรสหอม หวาน กลมกล่อมที่สุด
จิตใจเนี่ยเศร้ามาก


แต่วันนั้น วินาที นั้น ก็ได้เกิด การเรียนรู้ธรรมขึ้นมาทันทีค่ะ

 

อนุโมทนากับการเรียนรู้ธรรมของคุณพี่ครับ

ส่วนคนที่ฟังเพลงของคุณพี่แล้วออกอาการ ผมว่าคงเป็นอย่างที่คุณพี่ว่าละครับ หรือไม่งั้นก็คือ สัญญาเดิมถูกกระตุ้น

มีผู้ใหญ่ที่ผมเคารพท่านหนึ่ง ดูหนังสมเด็จพระสุริโยทัยแล้วร้องไห้ใหญ่เลยครับ

ก็คงเป็นอาการแบบเดียวกัน

 

สาธุ ขอนุโมทนากับคุณโมเย และคุณไก่เหลืองหางขาว ครับ
อันที่จริงก็เคยชอบแบบเฮฟวี่อย่างคาราบาวเค้า ต่อมารสนิยมก็เปลี่ยนไป
เป็นธรรมดา อนิจจังนะครับ

 

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<!-- google_ad_section_start -->

สองบรรทัดด้านล่างเป็นภาษาขอมโบราณ ถามเขามาค่ะได้คำตอบแล้ว
เอาคาถาหัวใจเจ้าสัวมาฝาก

คาถาเงินล้าน ฉบับเจ้าสัววัดอัมพวัน (ตั้งชื่อเองเล่นๆค่ะ)


อิ ติ มะ มะ มี มา มะ นะ อุ นะ

มา มี มา มะ มะ นะ มะ พะ ทะ<!-- google_ad_section_end -->
​

http://palungjit.org/threads/รูปจาร...ห์บุรี-ใครอ่านภาษาบาลีใต้ภาพได้บ้างคะ.261914/​

 

สวัสดีตอนเช้าวันที่ 14 ต.ค.2553 ครับ กับเพื่อนๆสมาชิกและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน และต้องขอแสดงความยินดีและต้อนรับเพื่อนร่วมโลกชาวชิลี ที่ติดอยู่ในเหมืองใต้ดินจำนวน 33 คน และได้รับการช่วยเหลือกลับขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวานนี้
13 ต.ค. ซึ่งถือเป็นวัน ดีเดย์ ในการช่วยเหลือ ขณะโพสข่าวนี้การช่วยเหลืออาจจะยังไม่สมบูรณ์เรียบร้อย ท่านที่ติดตามข่าวนี้อยู่คงได้รับทราบผลแล้ว ท่านใดที่ทราบข่าวล่าสุดช่วยอัพเดทกันด้วยนะครับ

มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ขอคัดลอกจากไทยโพสต์ มาฝากกันครับ...

... ๓๓/๑๓ น่าจะเป็นตัวเลขอีกตัวหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในทะเบียน "ประวัติศาสตร์โลก" นะครับ ๓๓ คือจำนวนคนงานที่ติดอยู่ใต้เหมืองทองแดงและทองคำที่ถล่มฝังลึก ๗๐๐ เมตร ย่านทะเลทรายเมือง Santiago ของชิลี ตั้งแต่วันที่ ๕ ส.ค. ๕๓ ส่วน ๑๓ คือวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ ที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยช่วยชีวิตคนงาน "คนแรก" ขึ้นมาได้ผ่านหลุมกว้าง ๒๖ นิ้ว ที่เจาะลงไปทะลุอุโมงค์ และใช้แคปซูล "ฟินิกซ์" ลำเลียงขึ้นมาทีละคน..ทีละคน
ครับ...ก็บันทึกไว้ตรงนี้ เผื่ออีก ๓๐๐ ปีข้างหน้ามีคนมาอ่านพบจะได้ทราบว่า ณ กาลครั้งหนึ่ง เลข ๑ เลข ๓ เลข ๗ และเลข ๕ ได้มาประชุมกัน ด้วยกิจกรรมหนึ่งร่วมกันอันเป็นทั้งเหตุการณ์วิบัติ และอุบัติ ณ ดินแดนทะเลทรายแห่งนี้
คล้ายจำลอง "นรก-สวรรค์" ให้พลันประจักษ์ต่อสายตามนุษย์บนภาคพื้นดิน โดยมี ๓๓ ชีวิตคนงานที่พล่านอยู่ในนรกใต้พิภพเป็นตัวผ่านพุ่งพลังศรัทธาด้วยสัตยาธิษฐานเป็นพร จากผองมนุษย์-สู่เพื่อนมนุษย์ที่หมกไหม้ ซึ่งก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ถ้าใจมุ่งมั่นศรัทธาต่อสิ่งใดแล้ว
ต่อให้เป็นนรกที่ลึกสุดขอบ สิ่งนั้นสำเร็จได้ ถ้ามนุษย์ใช้ "จิตบริสุทธิ์" ฉุดชำแรกขึ้นมา!
เห็นมั้ยล่ะ....จาก ๕ สิงหา ยัน ๑๓ ตุลา เพียง ๗๐ วัน "นรกใต้พิภพ" ที่ปิด ก็พลันเปิด ๓๓ ชีวิตเคลื่อนจากนรกใต้บาดาล สู่สวรรค์ชั้นบนดิน ท่ามกลางความยินดีของมนุษยชาติทั้งมวล...


แหล่งที่มา :
http://www.thaipost.net/news/141010/28712

 

ฝันเห็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งใส่ชุดออกศึกเต็มอัตรา เสื้อของพระองค์เดินดิ้นทอง ครั้งนี้พระภูษาออกสีเทาๆดำๆแบบผ้าโบราณ คือดำก็ดำไม่สนิทเหมือนผ้าปัจจุบัน เพราะเป็นผ้าย้อม มีเกาะหนังสวมที่บ่า ผูกพระมาลาแน่นหนาไว้ที่ใต้คาง ผูกแน่นจนเนื้อเป็นรอย ไม่มีเสื้อเกราะ พระหัตถ์ถือดาบ พระพักตร์เคร่งขรีมมาก ผิวกร้านดำกรำแดด สีผิวหน้าไม่สม่ำเสมอจากการกรำแดดอย่างหนัก ที่เห็นเหมือนทรงอยู่ระหว่างบัญชาการรบ กำลังกรำงานศึก ทรงมีพระมัสสุที่เพิ่งขึ้นยังไม่ยาว ไม่เหมือนครั้งแรกเห็นพระองค์มีพระมัสสุยาวแล้วไว้ให้โค้งขึ้น ทรงภูษาสีน้ำเงิน ไม่สวมเกราะหนังที่บ่า เสื้อเดินดิ้นทองที่ปลายแขน และส่วนปลายกางเกงสามส่วนนั้น

ครั้งนี้เห็นในเวลาเกือบรุ่งเช้าแล้ว เช้าวันนี้วันที่ 14 ตุลาคม 2553 เห็นกษัตริย์พระองค์นี้เป็นครั้งที่สองนับจากครั้งแรกคือวันที่ 1 มีนาคม 2552 จะใช่พระองค์หรือไม่ใช่ไม่ทราบค่ะ ครั้งแรกที่เห็นคือทรงนุ่มนวลอ่อนโยนเมื่อทรงได้พบหน้าพระนางที่เรือนไทยหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ครั้งนี้เห็นพระองค์ท่านทรงดุดันและจริงจัง การเห็นทั้งสองครั้งรับรู้ถึงกระแสที่ต่างกัน ...

ทางสายธาตุไม่บังอาจคิดว่าจะเป็นพระองค์ใด ทำไมทรงดุดันจริงจัง มีเหตุอะไรหรือ

โปรดพิจารณาในการอ่าน พี่จงรักภักดี น้องโมเย คุณไก่ฯ หากเห็นว่าเป็นข้อความที่ไม่สมควรโพส โปรดบอกได้เลยนะคะ บังเอิญทางสายธาตุจับกระแสไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรกับบ้านเมืองหรือไม่ หากมีคนที่มีญานวิปัสสนาดีกว่า เขาอาจจะรู้มากกว่านี้

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ คุณพี่ทางสายธาตุ

การที่ได้ฝันถึงกษัตริย์ เป็นสิ่งที่มงคลยิ่งค่ะ

อาจจะต้อง รอให้พี่ดอกไม้เมืองบน มาตอบให้นะคะ โมเยว่า ^_ูู^

 

วัดวรเชษฐ์ยามย่ำสนธยา

ทางสายธาตุจะแวะไปคุยกับท่านพระครูทองหล่อ วัดโปรดสัตว์ถึงเรื่องราวตำนานเก่าแก่ที่คนโบราณเล่าสืบๆกันมา ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ จะสนทนากับท่านเท่าที่เวลาจะอำนวย แล้วค่อยไปวัดชุมพลให้ทันเพลและถวายผ้าป่า แล้วจึงจะเล่าเรื่องของวัดโปรดสัตว์ในภายหลัง

เพลงที่ทำจากความศรัทธาของทุกหัวใจ ฟังเพราะทุกเพลงเลยค่ะ น้องโมเย คุณแอ๊ด คาราบาว สุนทราภรณ์ แม้แต่ไวพจน์ เพชรสุพรรณที่แต่งเพลงแหล่ถวาย และคนอื่นๆอีก เช่นเคยเข้าเวปรังสิมันต์ เขาก็แต่งเพลงถวายพระนเรศวรเช่นกัน ทุกเพลงเพราะเพราะว่าหัวใจคนแต่งเพลงหอมค่ะ หอมด้วยศีล หอมด้วยความดี หอมด้วยความจงรักภักดี หอมด้วยจิตสว่างผ่องใส

วันนี้ขอโพสภาพในสต๊อกเป็นวัดวรเชษฐ์ยามย่ำค่ำคืนวันเสาร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๓ วัดวรเชษฐ์งดงามไปอีกแบบค่ะ

ป้ายหนังสือสีแดง พระอาจารย์วัลลภบอกว่าวันที่มาติด เขาพาชาวบ้านและชายฉกรรจ์มาร่วม 50 คน มาตะโกนตามที่เขียนบนป้าย อยู่หน้าหอสวดมนต์นเรศวร แต่พระอาจารย์วัลลภบอกว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์ท่านให้พระทั้งสามองค์คือหลวงพ่อสิงห์ทน หลวงพี่วัลลภ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ อดทนอย่าโต้ตอบแล้วทุกอย่างจะดีเอง อย่าโต้ตอบโดยเด็ดขาด

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ท่านได้ปกป้องหลวงเตี่ย หลวงพี่แดง หลวงพี่สญชัยที่วัดชุมพลฯด้วย แล้วจะเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรค่ะ

 

วัดวรเชษฐ์

เกิดอะไรขึ้นที่วัดรึครับพี่ทางสายธาตุ ผมไม่ค่อยได้ไปเลยช่วงหลังติดงานมาก (แล้วก็ผมไม่ได้เป็นพระอะครับ ช่วงนี้เพิ่งได้โมเด็มมาใหม่หลังจากเสียไปนาน ผมก็ไม่รู้สถานะทำไมเปลี่ยนสีเป็นพระ)

 

อาจจะไปโดนปุ่มในแฟ้มด้านซ้ายมือของแผงควบคุม หมวดเป็นสมาชิกกลุ่ม
ให้เอาตัวเลือกในวงกลมออกค่ะ

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=3>The following groups are available for you to join</TD></TR><TR><TD class=thead>User Group</TD><TD class=thead>Joining Conditions</TD><TD class=thead>เข้าร่วมกลุ่ม</TD></TR><TR><TD class=alt1>นักบวช



</TD><TD class=alt1>Anyone is free to join this usergroup </TD><TD class=alt1><LABEL for=rb_join_21><INPUT id=rb_join_21 value=21 type=radio name=usergroupid>เข้าร่วมกลุ่ม</LABEL> </TD></TR><TR><TD class=tfoot colSpan=4 align=middle><INPUT class=button value=เข้าร่วมกลุ่ม type=submit>

คิดว่าทำตามนี้นะคะ แล้วท่านพระราชมนูก็จะได้ลาสิกขาบทหมดสถานะนักบวชในเวปนี้แล้วค่ะ ^_^​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ตอนนี้วัดวรเชษฐ์มีปัญหาเรื่องการปกครองสงฆ์อยู่ค่ะ

ขณะนี้เจ้าอาวาสได้รับแต่งตั้งมาเป็นองค์ที่ 3 แล้วในระยะสองปีที่ผ่านมา และองค์นี้ค่อนข้างแร๊งแรง

แม้จุดประสงค์ของสงฆ์ทั้งสองคณะ(คณะเจ้าอาวาส รับแต่งตั้งมาจากเจ้าคณะอำเภอ กับคณะหลวงพ่อสิงห์ทน) คือเปิดเผยว่าวัดวรเชษฐ์คือสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเหมือนๆกัน

แต่ฝ่ายสงฆ์คณะของที่แต่งตั้งมา ขณะนี้เจ้าคณะอำเภอเองก็ยังอยู่ในระหว่างสอบสวนฏีกาหาความจริงเรื่องการใช้ที่ดินของวัดวรเชษฐ์หาผลประโยชน์เข้าตน และสัปดาห์นี้จะสรุปข้ออาบัติแล้วโดยเจ้าคุณวัดประยูรฯเพื่อถวายสมเด็จพระมหาธีราจารย์อีกที

ฝ่ายหลวงพ่อสิงห์ทน ก็ถูกกล่าวหาโดยฝ่ายคณะสงฆ์ปกครองว่า เข้ามาอาศัยวัดโดยไม่มีใครนิมนต์เพื่อเข้ามาหาผลประโยชน์เข้าสู่ตนเองเช่นกัน

คราวนี้ญาติโยมก็มองตาปริบๆ ใครถูกใครผิดยังไง จึงต้องรอผลการสอบสวนให้แน่ชัด จะได้โปร่งใส และโปร่งใจญาติโยมที่มาทำบุญด้วย

คุณสมเกียรติ กาญจนชาติบอกว่าคณะกรรมาธิการศาสนาเขาสรุปแล้วเรื่องที่ดินวัด ตอนนี้รอพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ตัดสินลงมา

ส่วนเรื่องการบิดเบือนประวัติศาสตร์นั้นก็เป็นจริง คณะกรรมาธิการศาสนาของ ส.ว. ก็รวบรวมไว้หมดแล้ว รอเวลาจัดการเรื่องราวให้ถูกต้อง

ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะแย่ คนไทยไม่รู้ประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เพราะคนของรัฐเองบิดเบือนประวัติศาสตร์ชาติเสียเอง

ขออภัยนะคะที่โพสค่อนข้างจะการเมืองการสงฆ์และการปกครอง อันเป็นเรื่องเกินตัวแต่ถือว่าเล่าสู่กันฟังถึงสถานการณ์ปัจจุบันของวัดวรเชษฐ์ค่ะ

 

ช่วงนี้งานรัดตัวค่ะ คำสั่งด่วนต้องเดินทางไปสิงคโปร์อีกสามวัน ไม่อยู่เมืองไทยอีกแล้ว ชีพจรลงเท้าค่ะ

ที่นี้วันเสาร์ค่ือวันพรุ่งนี้ ทางสายธาตุจะเข้าไปวัดโปรดสัตว์กับวัดชุมพลฯ วันอาทิตย์จะทยอยโพสข้อมูลวัดโปรดสัตว์ เริ่มตั้งแต่ประวัติการตั้งวัดก่อน หลังกลับจาก ตปท แล้ว จะโพสเรื่องเล่าจากปากคำหลวงทวดทองบ่อ (ท่านอายุ ๙๒ เป็นหลวงทวด) เรื่องจารึกวัดโปรดสัตว์ โคลงดั้นทวาทศมาส ตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับสมเด็จพระนเรศวรกับวัดโปรดสัตว์ นะคะ

ปกติชีวิตทางสายธาตุอยู่ติดที่มากๆเลยค่ะ ไปต่างประเทศติดๆกันแบบนี้ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่วงนี้ชีพจรเคลื่อนไปอยู่ที่เท้ามังค่ะ

ป.ล. พี่จงรักภักดีได้ช่วยประสานงานด้านการทหารให้คุณสมเกียรติกับแม่ทัพน้อยภาคที่1ได้ร่วมมือกันดำเนินการ เรื่องเขตทหารที่ไปครอบครองเนินดินถวายพระเพลิง ขอให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด สาธุ เพราะ เมื่อวันเสาร์ที่ ๙ ตุลาคม ทางสายธาตุยังเห็นนักศึกษาวิชาทหาร (ร.ด.) ไปซ้อมยิงปืนกันที่เนินดินอยู่เลย ทางสายธาตุรู้สึกลึกๆว่าไม่เหมาะสมแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองดูค่ะ

 

ขอเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่างในเรื่องที่คุณทางสายธาตุได้กล่าวถึงเรื่องการฝึกยิงปืนของนักศึกษาวิชาทหารหรือที่เรียกกันว่า ร.ด.ที่บริเวณใกล้เคียงวัดวรเชษฐ
พื้นที่ที่เป็นปัญหานี้อยู่ในความรับผิดชอบของ จังหวัดทหารบกสระบุรี ซึ่งเป็นหน่วยตามสายการบังคับบัญชาของกองทัพภาคที่ 1 จึงเห็นสมควรที่จะได้แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อที่ท่านจะได้พิจารณาดำเนินการแก้ไขตามที่เห็นสมควรต่อไป ผมได้เรียนสั้นๆให้ท่านได้ทราบถึงความเป็นมาและความสำคัญของวัดวรเชษฐ โดยไม่ได้ลงไปในรายละเอียดด้วยพิจารณาเห็นว่าเรื่องที่สำคัญๆหลายๆเรื่องกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการในระดับสูงอยู่แล้ว อีกทั้งตัวผมเองก็ไม่รู้ในข้อเท็จจริงมากนัก น่าจะให้ผู้ที่รู้จริงได้มาเพิ่มเติมในภายหลังจะเหมาะสมกว่า ผมจึงได้ทำหน้าที่เป็นผู้เปิดประเด็นกับท่านแม่ทัพน้อยที่ 1 (ขอย้ำว่าท่านแม่ทัพน้อยที่ 1 นะครับ ไม่ใช่ทานแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นคนละคนกันนะครับ แต่ท่านก็เป็นนายพลโท ทั้งสองท่านครับ)
ผมได้เรียนเน้นต่อท่านในเรื่องความเหมาะสมหรือไม่ที่มีสนามยิงปืนและการยิงปืนในบริเวณสถานที่บริเวณนั้น สังเกตได้ว่าท่านได้ให้ความสนใจในทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เป็นความรับผิดชอบของทางราชการทหารคือเรื่องการยิงปืน
ท่านรับที่จะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยรีบด่วน ผมพิจารณาเห็นว่าหากทางเราจะรีบเสนอข่าวและข้อมูลในทุกๆด้านที่เรามีอยู่ตลอดจนการดำเนินการที่ได้ดำเนินการไปแล้วส่งไปให้ท่านน่าจะเกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อยจึงได้หารือกับคุณทางสายธาตุ คุณโมเย และท้ายที่สุดคุณสมเกียรติซึ่งเป็นผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดได้รับที่จะส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องไปให้เพื่อเป็นข้อมูล ต้องขอขอบคุณคุณสมเกียรติมาณโอกาสนี้ด้วย
สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเรื่องการฝึกยิงปืนในบริเวณนั้น เพราะเท่าที่ได้ดูด้วยตนเอง เห็นว่าเนินดินกันกระสุนไม่สูงพออาจเกิดการกระเด็นกระดอน,การแฉลบ ของกระสุนปืนที่ศัพท์ทางการยิงปืนเรียกว่าการริโคเช่ท์(ricochet)อาจเกิดอันตรายต่อประชาชนทั่วไปหรือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมวัดวรเชษฐได้(ส่วนเรื่องความสำคัญพิเศษของเนินดินนั้น ผมต้องขออภัยที่จะไม่นำมากล่าวถึงในจังหวะนี้นะครับ เพื่อนสมาชิกและท่านผู้อ่านสามารถหารายละเอียดได้จากที่คุณทางสายธาตุได้โพสไว้แล้ว )

 

อาณาจักรอโยธยา ที่ถูกลืม

เป็นอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา ชื่ออาณาจักรอโยธยา

อโยธยา

อโยธยา เป็นเมืองเก่าแก่ก่อนอยุธยา มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรปรวน เปลี่ยนแปลง และแตกดับไปเป็นธรรมดาโลก แล้วจึงมีอยุธยาเกิดขึ้นสืบต่อมา

พระราชพงศาวดารเหนือ กล่าวถึงอาณาจักรหนึ่งมีความเก่าแก่ยิ่งกว่ากรุงศรีอยุธยา และเคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน ในสถานที่แห่งเดียวกัน คือเมืองอโยธยา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเมืองใหญ่ไม่น้อยด้วยมีบันทึกอ้างอิงหลายแห่งด้วยกัน จากคำให้การชาวกรุงเก่า กล่าวว่า พระเจ้าอู่ทองผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยานขึ้นใหม่นั้น ทรงเป็นกษัตริย์อค์ที่ ๑๖ ของอโยธยา
ณ ภาพสลักนูน บนผนังภายในเทวสถานนครวัตอันสลักขึ้นระหว่างปี พ.ศ. ๑๖๕๐ - ๑๗๒๕ รูปกองทัพไทยกษัตริย์ประทับนั่งบนหลังช้าง ทหารเดินเท้าสวมเกราะทำด้วยหวาย มีตัวอักษรจารึกว่า "ห้องสยาม" ชาวสยามก็คือชาวอโยธยานั่นเอง

อโยธยาสมัยโบราณมีอำนาจอันเกรียงไกร ได้ทิ้งร่องรอยศิลปะวัตถุไว้เกลื่อนทั่วอยุธยา ตลอดจนภาคกลางของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ละโว้ และสุพรรณบุรี ซึ่งยังคงเหลือร่องรอยมากมาย เป็นประจักษ์พยานพอเพียงว่า อาณาจักรอโยธยา เคยเป็นเพชรน้ำเอก จรัสแสงรุ่งโรจน์ที่สุดในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับอาณาจักรพุกาม และอาณาจักรขอมที่ขนาบอยู่สองข้าง


พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ บันทึกไว้ในตอนต้นว่า.......
"แรกสถาปนาพ่ระพุทธเจ้า เจ้าพแนงเชิง"
พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใหม่ ๒๖ ปี มีพระพุทธลักษณะพระพักตร์สี่เหลี่ยม เป็นแบบอู่ทองรุ่นหลังกว่าพระปราธานวัดธรรมิกราชมากที่เดียว กรุงอโยธยาจะต้องร้างในระหว่าง พ.ศ. ๑๘๖๗ - พ.ศ. ๑๘๙๓ อาจจะหลังจากการสถาปานาพระพุทธรูปองค์ใหญ่วัดพนัญเชิงไปหลายปีก็ได้ จนถึง พ.ศ. ๑๘๙๓ พระเจ้าอู่ทองจึงเสด็จลงมาสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใหม่ ซึ่งขณะนั้นเมืองอโยธยาอันรุ่งโรจน์มานับหลายร้อยปี ได้ดับรัศมีไปหมดสิ้น กลายเป็นเมืองร้างอย่างสมบูรณ์ (น ณ ปากน้ำ - คอมเม้นท์)

หลักฐานศิลปะวัตถุที่แสดงความเป็นอโยธยา คือ
พระเจดีย์ ๘ เหลี่ยมแบบละโว้ สมัยนางจามเทวี ที่วัดกู่กุฎ หรือวัดจามเทวี ลำพูน

เจดีย์ ๘ เหลี่ยม ทรงสูงแบบอโยธยา สุพรรณภูมิ ก่อด้วยอิฐไม่สอปูน ฝีมือประณึตที่วัดสุวรรณาวาส ข้างวัดราชประดิษฐาน อยุธยา

เจดีย์วัดพระแก้วเมืองสรรค์ ชัยนาท เป็นเจดีย์แบบอโยธยาสุพรรณภูมิ รับอิทธิพลจากเจดีย์ทวาราวดีตอนปลาย เจดีย์แบบนี้งแบบให้เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา

เจดีย์วัดขุนเมืองใจ สมัยทวาราวดีตอนปลาย หรืออโยธยาตอนต้น ใตวเกาะอยุธยา ไม่สอปูน

เจดีย์ ๘ เหลี่ยม มีซุ้มประดิษฐานพระยืน ๘ ทิศ อยู่ในกลางบึงพระราม อยุธยา เป็นเจดีย์สมัยอโยธยาตอนต้น เป็นเจดีย์รุ่นเก่า ก่อด้วยอิฐไม่สอปูน

ใบเสมาสมัยอโยธยาตอนปลาย มีลวดลายขมวดแบบธรรมชาติประดับมาเอวเสมาคอดเข้า ทำด้วยหินทรายแดง อยู่วัดพระจันทร์ลอย นครหลวง อยุธยา

เจดีย์สมัยอโยธยาสพรรณภูมิ ที่วัดมหาธาตุ ลพบุรี ก่อด้วยอิฐไม่สอสปูน เสาคู่ เป็นเสา ๘ เหลี่ยมอย่างเก่า ส่งอิทธพลให้แก่ศิลปะสสุโขทัย

วัดมหาธาตุลพบุรี และเจดีย์แบบอโยธยาสุพรรณภูมิ

เจดีย์ช้างล้อม วัดมเหยงคณ์ อยุธยา สมัยอโยธยาตอนปลาย
ลายปูนปั้นรูปพระยืน ๗ องค์เป็นแถว ที่เจดีย์อโยธยาสุพรรณภูมิ ก่ออิฐไม่สอปูน เป็นศิลปะอโยธยาตอนกลาง อยู่ที่วัดมหาธาตุ ลพบุรี

ลายปูนปั้นผนังด้านหน้าพระอุโบสถวัดไลย์ จังหวัดลพบุรี ศิลปะสมัยลพบุรี ฆรืออโยธยาสุพรรณภูมิ สมัยกลาง พระอุโบสถเป็นแบบอู่ทอง

เจดีย์แบบลังกา สมัยอโยธยาตอนปลาย เป็นแบบลังกาแท้ ตัวระฆังเตี้ยจรดดิน ที่วัดพลับพลาไชย อยู่ข้างวัดราชบูรณะ ในอยุธยา

ใบเสมาสมัยอโยธยาสุพรรณภูมิ ทำด้วยหินทรายสีขาว วัดบางลี่เจริญธรรม ราชบุรี เป็นแบบสมัยอโยธยาตอนปลาย ใบเสมาทรงสูง มีลวดลายตกแต่ง ละเอียดและสวยงามมากใบเสมาสมัยลพบุรีตอนปลาย หรืออโยธยาสมัยกลาง ลักษณะป้อม ๆ ทำด้วยหินทรายสีแดง อยู่ที่วัดถ้ำเขางู ราชบุรี
ใบเสมาอโยธยาตอนปลาย วัดบางลี่เจริญธรรม ราชบุรี ทำด้วยหินทรายสีขาว เป็นแบบอันงดงามที่สุดของใบเสมารุ่นนี้
หลักฐานต่าง ๆเหล่านี้ แสดงถึงความมีความ เป็นอโยธยา ที่เป็นรุ่นพี่ รุ่นพ่อของอยุธยา

ศิลปะวัตถุ อันอ้างอิงว่าสถาปนาในสมัยอโยธยา คือ วัดธรรมิกราช วัดโปรดสัตว์ วัดกุฎีดาว วัดมเหยงคณ์ แต่วละแห่งล้วนใหญ่โตมโหฬารยิ่งนัก ยังไม่มีวัดแห่งใดในสมัยอยุธยาสมัยต่อมา จะใหญ่เท่าเทียม ทั้งเทคโนโลยีการก่อสร้าง ความประณีตในการประกอบศิลปะ ก็อยู่ในขั้นรุ่งเรืองอย่างสุดขีด

อโยธยา ได้สถาปนาเมืองละโว้เป็นเมืองลูกหลวง ก่อนที่จะเป็นเมืองลูกหลวงพระเจ้าจันทโชติเคยเสด็จขึ้นไปครองเองละโว้เมื่อปี พ.ศ. ๑๓๘๖ ต่อมาพระราชโอรของพระองค์คือพระนารายณ์ได้ขึ้นไปสร้างพระปรางค์เมืองละโว้ เมื่อได้ตรวจเทคิคการก่อสร้างด้วยเทคนิคโบราณแบบก่ออิฐไม่ใช้ปูนสอ ข้างในเป็นโพรง พระเจดีย์ทรงสูงเป็นศิลปะแบบอู่ทองตอนปลาย หรืออาจจะเป็นสมัยลพบุรีตอนปลายก็ได้ทั้งสองอย่าง ด้วยสองสมัยนี้อยู่ร่วมกันย่อมส่งอิทธิพลาทางศิลปะถึงกันอย่างใกล้ชิด ศิลปะอโยธยา เป็นศิลปะอันปูรากฐานให้แก่ศิลปะอยุธยาโดยตรง และอโยธยาเองนั้นก็รับวัฒนธรรมสืบช่วงมาจากทวาราวดีอีกต่อหนึ่ง

วัดต่างๆ อันสถาปนาขึ้นในสมัยอยุธยา(กรุงศรีอยุธยา)ตอนต้น วางระเบียบหันหน้าสู่ทิศตะวันออก เช่น วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพระราม และวัดพุทไธสวรรค์ แต่ว่าวัดเก่าแก่บนตัวเกาะอยุธยา ซึ่งเป็นวัดที่มีมาก่อนกรุงศรีอยุธยา มิได้ถือระเบียบว่าวัดจะต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เช่น

วัดธรรมิกราช พระวิหารใหญ่เดิมหันหน้าไปทางทิศตะวันตก สู่ลำน้าเจ้าพระยา

วัดโลกยสุธา พระวิหารใหญ่ตั้งขวางตัวเกาะอยุธยา เป็นวัดสร้างขึ้นในสมัยอโยธยาตอนปลาย

วัดราชประดิษฐาน พระอุโบสถหันออกสู่ทิศเหนือ คือสายน้ำลพบุรีเดิม

วัดหน้าพระเมรุ หันหน้าออกสู่สายน้ำลพบุรีทางด้านทิศใต้
และวัดใหญ่ ๆในสมัยอยุธยาตอนต้น ล้วนนิยมสร้างพระปรางค์เป็นหลักของวัด แต่วัดเก่าสมัยอโยธยามักทำเป็นเจดีย์กลมแบบลังกา มีสิงห์ล้อม เช่นที่อยู่นอกตัวเกาะอยุธยา มี วัดโคกช้าง วัดหน้าพระเมรุ วัดจงกลม วัดกะซ้าย และวัดอโยธยา เป็นต้น

ในจารึกศิลาเข้ากบ เมืองพระบาง (นครสวรรค์) จารึกว่า
"สีหลที่ปรอดพระพุทธศรีอารยไมตรี เฝ้าบุรีราชบรมอโยทยา ศรีรามเทพนคร พิสรอรพิรุณาศ ตรงป่าตาลพระ"
เดิมเมืองนี้มีชื่อว่าเมืองราม ดังปรากฎในหนังสือชินการมาลีปกรณ์ว่า

"พระนางจัมมเทวี เป็นอัครมเหสีของเจ้าประเทศราชในเมืองรามัญ"

นายศรีศักดิ์ วัลลิโภดม กล่าวว่า.....
ตำนานมูลศาสนา เป็นตำนานที่มีความเชื่อถือได้มากกว่าตำนานอื่น เพราะมีข้อความตอนที่กล่าวถึงพระสุมณะเถระ เดินทางจากกรุงสุโขทัยขึ้นไปสั่งสอนพุทธศาสนาในลานนาไทย ตรงกันกับข้อความในจารึกหลักที่ ๖๒ ศิลาจารึกวัดพระยืนเมืองลำพูน
ในตอนต้นของตำนานกล่าวถึงเรื่องกาลของอาณาจักหริภุญไชย มีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า เมื่อพระฤาษีวาสุเทพสร้างนคาลำพูน หรือหริภุญไชยเสร็จแล้ว ก็ส่งทูตไปเชิญพระนางจามเทวี ซึ่งเป็นพระธิดาพระเจ้าจักรพรรดิผู้ครองกรุงละโว้มาเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองหริภุญไชย พระนามจามเทวีทรงมีพระสวามีอยู่แล้ว พระบิดาทรงตั้งให้เป็นพระมหาอุปราชครองอยู่เมืองราม เมืองรามในที่นี้ฟ้องกันกับนครราม หรืออโยธา ตามที่ปรากฎในศิลาจารึก เหตุการณ์ในสมัยพระนางจามเทวีตามตำนานนั้น เป็นสมัยพุทธศตวรรษที่ท ๑๓ ในระยะนี้ เมืองรามคือ อโยธยา มีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงของกรุงละโว้ หรือลพบุรี "

พ.ศ. ๑๖๒๔ พระนารายณ์เสด็จจากเมืองละโว้ลงไปครองเมืองวัดเดิม เรียกนามเมืองใหม่ว่า เมืองอโยธยา
ในแว่นแคว้นละโว้ เดิมมีท่าเรือค้าขายอยู่ที่เมืองอโยธยา ฝั่งลำน้ำแม่สัก แล้วจึงเลื่อนออกมาตั้งที่เมืองเสนาราชนคร ที่ปากแม่น้ำแม่เบี้ยใต้วัดพะแนงเชิง เมื่อภายหลัง พ.ศ. ๑๘๒๖ นั้น แว่นแคว้นละโว้ได้เข้ารวมอยู่ในราชอาณาจักรสุโขทัย รัชกาลพ่อขุนรามคำแหงมหาราช


ทางสายธาตุเคยอ่านข้อมูลของนักวิชาการบางคนึ่ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตุว่าวัดใหญ่ชัยมงคลก็อยู่ในข่ายสันนิษฐานว่าสร้างมาก่อนสมัยอยุธยา เพราะเจดีย์องค์เล็กข้างในที่มีเจดีย์องค์ใหญ่พอกไว้สร้างแบบเดียวกับพระประโทนเจดีย์ จึงน่าจะร่วมยุคสมัยอโยธยาเหมือนกัน