+++Premium พระเครื่องราคาพิเศษ(ปิดกระทู้ชั่วคราว)

หายไปนาน เข้ามาทีละเล็กทีละน้อยละกัน

โปรโมชันประจำชุดนี้เดี๋ยวค่อยบอกนะครับ

 

รายการที่ 689 เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ทอง วัดเกาะ



ประวัติโดยย่อของท่านนะครับ ท่านเคยไปเรียนวิชาต่างๆจากครูบาอาจารย์ท่านดังต่อไปนี้ครับ
๑. หลวงพ่อพริ้ง วัดบางประกอก สำหรับหลวงปู่พริ้งนี้หลวงปู่ท่านเองก็เคยไปช่วยกดพิมพ์สร้างพระสมเด็จ และไปเรียนกรรมฐาน พร้อมอักขระเลขยันต์ต่างๆ โดยเฉพาะยันต์ เฑาะว์มหาทรหด สุดยอดแห่งยันต์มหาอุด คงกระพัน และยันต์ตัวนี้ท่านเองก็นำมาจารในวัตถุมงคลให้กับผู้ที่เคารพศรัทธาทั้งหลาย


๒. หลวงพ่อลี วัดอโศการาม อันหลวงพ่อลี วัดอโศกการามนี้หลวงปู่ทองท่านเคยบอกว่า “เคยเดินทางไปขอเรียนกรรมฐานด้วย”


๓. หลวงพ่อคล้าย(พ่อท่านคล้าย) วัดสวนขันธ์ สำหรับองค์พ่อท่านคล้ายนี้ท่านมีศรัทธามากถึงขนาดเดินทางลงไปร่ำเรียนวิชามาหลายประการ หนึ่งในนั้นคือยันต์มหาลาภ

ท่านเคยเล่าเกี่ยวกับ พ่อท่านคล้าย ให้ผมฟังว่า “นี่แก ! หลวงพ่อคล้ายนี่จิตแข็งมากนะ ตอนนั้นข้าไปเรียนวิชากับแก เลยลองถามแกว่า หลวงพ่อครับ ที่เค้าว่าหลวงพ่อมองรถหยุดนี่จริงหรือป่าวครับ ท่านว่า มันก็พูดกันไป ทันใดนั้น ท่านก็หันไปเพ่งมองรถสีขาวคันหนึ่งที่กำลังวิ่งผ่านมา เมื่อท่านเพ่งมองออกไปที่รถคันนั้นแล้วคงไม่ต้องเล่าต่อนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถคันนั้น ”


๔. หลวงพ่อวัดชะเมา นครศรีธรรมราช ท่านได้ไปเรียนวิชาการลงยันต์แบบต่างๆ โดยเฉพาะยันต์มหาลาภที่มีการลงแบบพิสดารมีความซับซ้อนและใช้ได้หลายทาง


๕. หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด


๖. สมเด็จพระสังฆราชอยู่ ญาโณทัย สำหรับองค์สมเด็จพระสังฆราชอยู่นี้ หลวงปูทองท่านเคยกล่าวถึงว่า “องค์สมเด็จพระสังฆราชอยู่นั้นโหราศาสตร์ท่านแม่นยำมาก ”


๗. หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ท่านก็ได้ไปเรียนกรรมฐาน และวิชาต่างๆ ที่ขาดไม่ได้เรียนวิชาสร้างและเสกปลัดขิก ตัวคาถานั้นสุดยอดครับได้ฟังแล้วจะอึ้ง แต่ท่านไม่ทำส่วนสาเหตุเหรอครับ ต้องไปเรียนถามท่านเอา


๘. หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ท่านว่ากว่าจะได้เรียนก็โดนหลวงพ่อแช่ม ลองวิชาเอา จนหลวงพ่อแช่ม เห็นว่ามีวิชาใช้ได้จึงยอมสอนให้ วิชาหลักๆที่ได้มาก็เป็นการลงตะกรุดแบบต่างๆและการทำกรรมฐาน ที่ขาดไม่ได้ อีกวิชาคือวิชาย่นระยะทางอันลือชื่อของหลวงพ่อแช่ม ท่านเองก็ไปเรียนมา


๙. หลวงพ่อโป๋ วัดวังแดง องค์นี้ลือชื่อกระฉ่อนทั่วอยุธยาเก่งวิชาสารพัด ทั้งยังเคยลองวิชากับฆราวาสชื่อดังของอยุธยามาแล้ว ตอนไปเรียนท่านบอกหลวงพ่อโป๋ว่า “จะมาขอเรียนวิชาสาริกาจับปากโลงครับ” หลวงพ่อโป๋ท่านก็ว่า “เออ! ถ้าแกเรียนได้ข้าก็สอนได้”หลวงปู่ทองท่านได้ไปเรียนวิชาสาลิกาจับปากโลง ท่านว่าต้องเข้าไปนอนในโลง ร้อนก็ร้อน คันก็คัน นอนแต่เช้ามืด มีหลวงพ่อโป๋ นั่งจุดตะเกียงคุมอยู่ และต้องนอนภาวนา รอจนนกมันมาเกาะ(จับ)ปากโลงจึงสำเร็จ ขลังแห่งวิชานี้แรงขนาดที่ว่า ถ้าโกรธใครแล้วยิงฟันใส่ ผู้นั้นจะถึงกับล้มทั้งยืน แม้นว่ายิงฟันใส่กอไผ่ กอไผ่ถึงกับลั่น”เปรี๊ยะ “เลยทีเดียว ดังนั้นเวลาท่านจะลงวิชานี้จะก็ต้องพิจารณาผู้ที่จะลงว่าควรหรือไม่


๑๐. หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ชื่อเสียงของท่านนั้นดังก้องฟ้าเมืองไทย ทำของขลังให้เหล่าทหารยุคอินโดจีน นำติดตัวไปในคราวออกรบสู้ศึกสงคราม จนทหารเหล่านั้นได้สมญาว่า “ทหารผี” เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเมื่อทหารเหล่านั้นโดนกระสุนปืนยิงล้มลง กระสุนนั้นก็หาระคายผิวทหารเหล่านั้นไม่ กลับลุกขึ้นมาตีรันฟันแทงสู้รบต่อ เหมือนผู้ที่ไม่รู้จักตาย(ผี ดีๆนี่เอง) หรือแม้แต่ความกล้าแข็งในพลังจิตของท่าน เรื่องนี้เคยเป็นที่กล่าวขวัญถึงท่านว่าในอดีตเคยมีผู้ที่ทราบถึงความขลังของท่านว่าเสกตะกรุดยิงไม่ออก ชายคนนี้จึงไปรับตะกรุดจากท่านจากนั้นก็นำไปลองยิงในเขตวัดนั้นเลย ปรากฏว่ายิงออกแต่ไม่ถูก จึงขึ้นมาบนกุฏิบอกท่านว่า “หลวงพ่อ ทำไมยิงออกล่ะ พร้อมกับยื่นตะกรุดดอกนั้นส่งคืนให้ท่าน ท่านก็รับไป โดยไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางอะไร และได้เป่าตะกรุดนั้นอีกครั้งพร้อมทั้งสำทับว่า เค้าว่ายิงไม่ออกน้า ” แล้วยื่นตะกรุดนั้นคืนให้ ชายคนนั้นก็แน่เหมือนกันรับตะกรุดมาแล้วนำไปลองยิงทันที คราวนี้ยิงไม่ออกจริงๆ ขลังเช่นนี้ หลวงปู่ทองท่านก็ได้เรียนมา แม้เหรียญรุ่นแรกของท่านก็ถูกลองยิงโดนชาวบ้านแถวนั้น ผลคือยิงไม่ออกเลย เข้าเรื่องดีกว่าครับ ท่านว่าตอนท่านไปเรียนกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก กำลังนั่งคุยกับท่านอยู่ หลวงพ่อจง เองก็คุยไปเอานิ้วเคาะพื้นไป ก๊อกๆ…พอเผลอๆ ร่างหลวงพ่อจงก็พลันกลายเป็นเสือลายพาดกลอนไปเลยทีเดียว ท่านว่าอภิญญาสมาบัติของหลวงพ่อจง สูงมาก


๑๑. กรมหลวงชุมพรฯ สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับกรมหลวงชุมพรนั้น มีความลึกซึ้งแน่นแฟ้นกันมาก ถึงกับท่านกรมหลวงชุมพรพาหลวงปู่ทอง(วัยเด็ก) ไปให้หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ลงกระหม่อมมาแล้ว


๑๒.หลวงพ่อชม อนังคโน วัดเขานันทาสุภาพ เท่าที่ผมเคยฟังหลวงปู่เล่าประวัติการศึกษาและปฏิบัติของท่าน ก็มีองค์นี้แหล่ะครับที่ท่านบอกว่า “เก่งที่สุด” แล้ว เก่งขนาดที่ว่า สมัยก่อนตอนท่านธุดงค์แสวงหาวิชาต่างๆ ท่านเองก็ได้ทราบถึงชื่อเสียงของ หลวงพ่อชม วัดเขานันทาสุภาพ ก็ได้ธุดงค์ไปหาพอเจอหน้ากันเท่านั้นแหล่ะ หลวงพ่อชม ทักเลยว่า “พ่อชื่อ…แม่ชื่อ…มาจาก…” และบอกต่อว่า “ไม่จำเป็นต้องธุดงค์มาไกลขนาดนี้เลย ธรรมะมันอยู่ที่ใจ “ จากนั้นมาท่านก็ได้รับแนวทางปฏิบัติ พร้อมข้อแนะนำต่างๆ แม้ภายหลังท่านกลับมาอยู่วัดเกาะ หลวงพ่อชมเอง ก็เคยเดินทางมาพักถึงกุฏิเลยทีเดียว


๑๓.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ซึ่งหลวงปู่กับท่านขุนพันฯ ก็สนิทสนมกันดี ท่านว่าสมัยก่อนทางใต้ พวกหนังมโนราห์ หรือพวกคนมีวิชามีมาก อันตรายก็มากมี ให้ระวัง โดยเฉพาะพวกมโนราห์ มีวิชาดีเอาเท้าเขียนยันต์ไว้ที่พื้นถ้าเราเดินไปเหยียบเข้าถึงกับงง งวย เดินตามไปเลยทีเดียว


๑๔.หลวงพ่อวงศ์ วัดปริวาส กับหลวงพ่อวงศ์นั้นหลวงปู่ได้ไปเรียนทั้งกรรมฐาน อักขระเลขยันต์ เรียนการทำปรอทและที่สำคัญได้ร่วมออกเดินธุดงค์ หลวงปู่ทองได้เล่าเรื่องต่างๆไว้ดังนี้(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)


ต่อ ตอนที่2 ครับ



การออกเดินธุดงค์นั้น หลวงปู่ท่านว่าได้เดินธุดงค์ไปถึงเขาพันธุรัตน์ ท่านว่า “ตอนนั้นปักกลดลงพื้นปุ๊บ มองไปข้างหน้าเห็น ฝุ่นคลุ้งมาแต่ไกลเลย ต้นหูกวางเป็นต้นๆโดนถอนทั้งรากทั้งโคนมาเลย เราก็สงสัยว่าอะไรปรากฏว่าห่างออกไปราว ๔ วา มองเห็นนางยักษ์พันธุรัตน์ เขี้ยวยาวเหมือนยักษ์ในละคร(ลิเก) เลย ทีแรกคิดว่ามีแต่ในละคร” หลวงปู่กล่าวต่อว่า “พอเค้าเข้ามาใกล้ เค้าก็ก้มกราบ ” ท่านว่า ท่านก็ให้พร “ อายุ วรรณโณ สุขัง พะลัง ” ท่านว่า “ พอให้พรแล้วเค้าก็ไป” น่าอัศจรรย์นัก


ตอนที่ 3

ต่อไปขอเล่าถึงเรื่องของครูบาอาจารย์ของหลวงปู่อีกท่านหนึ่งที่ผมไม่ค่อยได้กล่าวถึง


หลวงปู่เป็นศิษย์ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ท่านว่าสมัยนั้นมีอาจารย์ไหนดังท่านไปหมด ไปเรียนวิชาด้วย ท่านบอกว่า กับหลวงพ่ออี๋นั้น ท่านเก่งมาก จิตแกดี แต่แรกไปยังไม่ค่อยเชื่อ เค้าว่า ท่านหน่ะเสกปลัดดิ้นได้ และเก่งปลัดมาก


วันนั้นไปถึง ท่านก็ว่า "เสกอะไรไม่เสก เสกปลัด" ไม่ค่อยชอบและไม่ค่อยเชื่อ พอเจอหน้าท่านหลวงพ่ออี๋ หลวงพ่ออี๋จูงมือไปริมทะเลเลย ที่ขาดไม่ได้ปลัด 1 กระจาด พอไปถึง ริมทะเล ท่านเอากระจาดนั้นสาดลงทะเล หลวงปู่บอกว่า "ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ปลัดนั้นค่อยๆ ว่าย(คลาน) ทวนน้ำขึ้นมาบนฝั่ง " หลวงปู่ท่านกล่าวอย่างนั้นจริงๆครับ ท่านว่า แต่นั้นเลยเชื่อ ได้เรียนและได้ตำรามาด้วย


ผมได้ถามท่านว่า "ปู่ แล้วปู่ได้เรียนอะไรกะท่านบ้าง"
ปู่:เรียนการเสกปลัดหน่ะสิ แล้วก็เรียนกรรมฐาน เรียนการลงตะกรุด
แถมปู่ยังบอกด้วยว่า "ไม่ใช่หลวงพ่ออี๋จะเก่งแต่ปลัด กรรมฐานแกก็ดี จิตแกดี แกสอนวางอารมณ์ด้วย วางอารมณ์เวลาทำกรรมฐาน เวลาเสกของ เสกตะกรุด เสกปลัด"


ขอบคุณข้อมูลจาก

ประวัติหลวงปู่ทอง วัฑฒโน วัดเกาะ บางเชือกหนัง ตลิ่งชัน กทม : boochar.KeepMarket.com


เหรียญรุ่นแรกหายากมากๆๆๆครับ พลังจิตของท่านไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ให้บูชา 850 บาท สภาพเหรียญสวยมาก


ปิดรายการครับ

 

รายการที่ 690 เหรียญรุ่น 1 หลวงปู่เมตตาหลวง

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]พระญาณสิทธาจารย์ (สิงห์ สุนทโร, หลวงปู่เมตตาหลวง) [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif] [/FONT][FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]พระญาณสิทธาจารย์ (สิงห์ สุนฺทโร) หรือที่รู้กันทั่วไปในนาม หลวงปู่เมตตาหลวง ท่านมีนามเดิมว่า สิงห์ เนียมอ้ม เกิดวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2452 ปีระกา หมู่บ้านตำบลสะอาด หมู่ 3 อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น โยมบิดาชื่อ หา โยมมารดาชื่อ ปาน มีพี่น้องทั้งหมด 10 คน โดยหลวงปู่เป็นคนที่ 2[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]หลวงปู่ได้บวชเป็นเณรเมื่ออายุได้ 11 ขวบ ซึ่งเป็นการบวชหน้าไฟอุทิศให้แก่คุณตาที่ถึงแก่กรรม แต่อย่างไรก็ดี การบรรพชาในครั้งนี้ท่านตั้งใจบวชเพื่ออุทิศบุญกุศลและถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ณ วัดบ้านหนองอ้อใหญ่ ต.สะอาด อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นการบวชฝ่ายมหานิกาย หลังจากบรรพชาได้ 2 ปี พระอุปัชฌาย์ของท่านได้เห็นความตั้งใจจริง และมองการณ์ไกลต่อไปในอนาคต จึงได้บวชให้ใหม่เป็นฝ่ายธรรมยุติ ต่อมาจึงให้หลวงปู่ไปศึกษาหนังสือที่วัดศรีจันทร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งในช่วงนี้ ท่านได้ติดตามพระภิกษุรูปหนึ่ง ไปยังวัดอุ่มเม่า จ.กาฬสินธุ์ แล้วจึงกลับมายังวัดศรีจันทร์อีกครั้ง[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ในปี พ.ศ.2472 หลวงปู่จึงได้อุปสมบทที่วัดศรีจันทร์ โดยมี พระครูพิเศษสุตคุณ (ต่อมาเป็น พระครูพิศาลเจริญเขต (จันทร์ เขมิโย)) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า สุนฺทโร ด้วยความที่ท่านมีนิสัยขยันหมั่นเพียร อ่านท่องหนังสือ จึงทำให้มีผู้สนใจ รบเร้าให้พระอุปัชฌาย์พาท่านเพื่อมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็ได้รับความยินยอมตามประสงค์ พระอุปัชฌาย์ท่านจึงได้พาตัวหลวงปู่ไปถวายกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโต) เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสฯ ในขณะนั้น ซึ่งท่านก็ได้เรียนนักธรรมที่กรุงเทพฯ และสอบมาเรื่องๆ จนกระทั่งได้เปริญธรรม 6 ประโยค ในปี พ.ศ.2481 ซึ่งท่านมีอายุได้ 29 ปี จึงได้เดินทางกลับภูมิลำเนา[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]เมื่อหลวงปู่กลับไปถึง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ท่านได้รับตำแหน่งหน้าที่เป็นพระสังฆาธิการเจ้าคณะอำเภอ ซึ่งในขณะนั้น ท่านก็ได้นำวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมา นำมาสอนแก่กุลบุตรผู้สนใจ และได้ตั้งสำนักเรียนพระปริยัติธรรม ณ วัดเสี้ยวโคกลาง อ.น้ำพอง จ ขอนแก่น ซึ่งในช่วงเวลานี้ หาว่างเว้นจากการสอนท่านก็จะหามุมเงียบสงบ เจริญปฏิบัติภาวนาในป่าเขาเช่นกัน ต่อมาหลวงปู่ก็ได้พบกับหลวงปู่คำดี ปภาโส ซึ่งหลวงปู่คำดี ได้แนะวิธีเจริญปฏิบัติภาวนาให้ ท่านจึงเคารพหลวงปู่คำดีเป็นอย่างยิ่ง ครั้งต่อมาหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้ธุดงค์หาความวิเวกผ่าน จ.เลย หลวงปู่จึงได้เดินทางธุดงค์ไปพร้อมหลวงปู่ขาว ซึ่งหลวงปู่ขาวได้สอนหลวงปู่ให้สวดมนต์คาถาเมตตาหลวง ซึ่งท่านก็ได้นำมาเผยแพร่ให้ลูกศิษย์ จนกระทั่งผู้คนให้สมญานามท่านว่า หลวงปู่เมตตาหลวง เมื่อท่านอยู่ศึกษากับหลวงปู่ขาวได้เวลาสมควร จึงย้อนกลับมาปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่คำดีเช่นเดิม[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]หลังจากนั้นหลวงปู่ยังได้พบกับครูบาอาจารย์อีกหลายรูปหลายองค์ และต่อมาได้ติดตามสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) มาจำพรรษาที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ ซึ่งสมเด็จฯท่านเห็นความเหมาะสมของหลวงปู่ จึงได้แต่งตั้งท่านเป็นพระธรรมฑูต ไปแสดงพระธรรมเทศนาตามสถานที่ต่างๆ เป็นเวลา 4 ปี จึงลาออกจากตำแหน่ง [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ในช่วงที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ หลวงปู่ได้มาศึกษาอยู่กับพ่อท่านลี วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการด้วย ซึ่งภายหลัง ท่านจึงติดตามพ่อท่านลีออกธุดงค์เดินทางไปภาคอิสาน ออกวิเวกตามสถานที่ต่างๆ จนกระทั่งมาถึงดงพญาเย็น ท่านได้พักปฏิบัติธรรมอยู่ ณ ที่นั้น ซึ่งเป็นเชิงเขาที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "เขาสีเสียดอ้า" ซึ่งพ่อท่านลี มีดำริสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นองค์หนึ่งบนภูเขา จนกระทั่งมีคณะศรัทธามาสร้างพระพุทธรูปและวัดเทพพิทักษ์ปุณณารามขึ้น แต่พระพุทธรูปไม่ทันจะสร้างเสร็จพ่อท่านลีก็มรณภาพลงเสียก่อน คณะศรัทธาจึงนิมนต์หลวงปู่เมตตาหลวงขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งหลวงปู่ก็ได้จำพรรษาที่นี่ และอบรมสั่งสอนประชาชนอยู่จนกระทั่งมรณภาพ เมื่อวันที่.................[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]สิริรวมอายุได้........ปี พรรษาที่...........[/FONT]​

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ธรรมโอวาท[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]๑. [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ภาพพระธาตุ[/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif][/FONT]

<TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]แหล่งข้อมูล: ตัดทอนและเรียบเรียงจากนิตยสารโลกทิพย์[/FONT]

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

พระของท่านควรสวดคาถาดังนี้

พระคาถาเมตตาหลวง

วิธีการสวด

ให้ไหว้พระ อรหํ สัมมาสัมพุทโธ, นโม 3 จบ, พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ ฯลฯ เป็นคำเริ่มต้นก่อน

คำสวดให้เมตตาตน

อะหัง สุขิโต โหมิ, นิททุกโข โหมิ, อะเวโร โหมิ, อัพพะยาปัชโฌ โหมิ, อะนีโฆ โหมิ, สุขี อัตตานัง ปริหะรามิ ฯ

1. คำสวดแผ่เมตตา (ย่อ)

1. สัพเพสัตตา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
2. สัพเพปาณา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
3. สัพเพภูตา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
4. สัพเพปุคคะลา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
5. สัพเพอัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
6. สัพพาอิตถิโย อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
7. สัพเพปุริสา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
8. สัพเพอะริยา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
9 .สัพเพอะนะริยา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
10. สัพเพเทวา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
11. สัพเพมนุสสา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
12. สัพเพวินิปาติกา อะเวรา อัพพะยาปัชฌา อะนีฆา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ

2. คำสวดแผ่กรุณา (ย่อ)

1. สัพเพสัตตา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
2. สัพเพปาณา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
3. สัพเพภูตา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
4. สัพเพปุคคะลา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
5. สัพเพอัตตะภาวะปะริยาปันนา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
6. สัพพาอิตถิโย สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
7. สัพเพปุริสา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
8. สัพเพอะริยา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
9. สัพเพอะนะริยา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
10. สัพเพเทวา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
11. สัพเพมนุสสา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ
12. สัพเพวินิปาติกา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ

3. คำสวดแผ่มุทิตา (ย่อ)

1. สัพเพสัตตา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
2. สัพเพปาณา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
3. สัพเพภูตา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
4. สัพเพปุคคะลา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
5. สัพเพอัตตะภาวะปะริยาปันนา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
6. สัพพาอิตถิโย ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
7. สัพเพปุริสา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
8. สัพเพอะริยา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
9. สัพเพอะนะริยา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
10. สัพเพเทวา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
11. สัพเพมนุสสา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
12. สัพเพวินิปาติกา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ

4. คำสวดแผ่อุเบกขา (ย่อ)

1. สัพเพสัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

2. สัพเพปาณา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

3. สัพเพภูตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

4. สัพเพปุคคะลา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

5. สัพเพอัตตะภาวะปะริยาปันนา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

6. สัพพาอิตถิโย กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

7. สัพเพปุริสา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

8. สัพเพอะริยา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

9. สัพเพอะนะริยา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

10. สัพเพเทวา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

11. สัพเพมนุสสา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ

12. สัพเพวินิปาติกา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยานัง วาปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ



ให้บูชา 409 บาท

ปิดรายการครับ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

ประวัติหลวงปู่ทอง วัฑฒโน วัดเกาะ บางเชือกหนัง ตลิ่งชัน กทม : boochar.KeepMarket.com


เหรียญรุ่นแรกหายากมากๆๆๆครับ พลังจิตของท่านไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ให้บูชา 850 บาท สภาพเหรียญสวยมาก<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
ขอจองครับ

 

รายการที่ 690 เหรียญรุ่น 1 หลวงปู่เมตตาหลวงขอจองครับ

 

รายการที่ 691 เหรียญรุ่นสามหลวงปู่ผ่าน วัดป่าปทีปปุญญาราม

ให้บูชา 250 บาท ออกปี 2538 ครับ

ประวัติของท่านโดยละเอียด



ปิดรายการครับ

 

ที่ 691 เหรียญรุ่นสามหลวงปู่ผ่าน วัดป่าปทีปปุญญาราม<!-- google_ad_section_end -->
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ให้บูชา 250 บาท ออกปี 2538 ครับ

ประวัติของท่านโดยละเอียด

<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
ขอจองครับ

 

รายการที่ 692 เหรียญบาตรน้ำมนต์ อริยสงฆ์ผู้มาจากตำนาน หลวงปู่เณรคำ

ให้บูชา 300 บาท

ปิดรายการแล้วครับ

 

รายการที่ 692 เหรียญบาตรน้ำมนต์ อริยสงฆ์ผู้มาจากตำนาน หลวงปู่เณรคำ<!-- google_ad_section_end -->
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><IFRAME height=250 marginHeight=0 src="http://ads.palungjit.org/show.php?z=16&shape=1&rl=60" frameBorder=0 width=350 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>
ให้บูชา 300 บาท

<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
ขอจองครับ

 

รายการที่ 693 เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ครูบาเที่ยงธรรม สำนักเวฬุวัน

พระอภิญญาเหนือโลก

สหธรรมิกกับหลวงปู่สรวง บ้านละลม หลวงปู่ละมัย สวนสมุนไพร ครับ

จิต....ในโลกนี้ ถ้าไม่ฝึกมาในอดีตชาติ อำนาจมันก็ลดน้อยลง มีน้อย ส่วนอำนาจของจิตมนุษย์ ก็เป็นเหตุให้สัตว์หลายๆอย่าง กลัวมนุษย์ เพราะจิตมนุษย์มันสูงกว่าสัตว์เหล่านั้น......ถ้าจิตมีพลังสูง ก็ไม่จำเป็นต้องบอกว่า ***สูงกว่า*** เป็นสัตว์นานาชนิด มันก็ให้จิตมาเหมือนกัน แต่จิตบางอย่าง จิตบางชนิดของสัตว์เลื้อยคลาน และไม่เลื้อยคลานในน้ำและบนน้ำ ในอากาศพวกนี้ บางประเภท มันก็มีจิตสูงกว่ามนุษย์เหมือนกัน แต่ถ้าจิตของมนุษย์ที่ฝึกดีแล้ว อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ นั่นคือ จิตมีอำนาจ ถ้าจิตไม่ได้ฝึก หรือฝึกแล้วไม่ได้ ไปอยู่ไหนจิตนั้น คือ ไม่หนึ่งเดียว ถ้าจิตหนึ่งเดียว ย่อมมีอำนาจกว่าจิตหลายดวง หนึ่งเดียว คือ จิตนี้ มันจบการศึกษาแล้ว นั่นแหละ จิตมีอำนาจ เช่น เราเว้นชั่ว ทำดี ชนะใจตน จบการศึกษา เป็น "อเสขบุคคล"......นี่แหละ จิตมีอำนาจ และอำนาจ ก็จะถูกเสริมด้วยจิต คือ "จิตโลกอุดร จิตทิพยโลกาจักรวาล".....เป็นจิตผู้เหนือกาลเวลา อีกอันหนึ่ง ยิ่งขึ้นไปอีก เหนือกาลเวลา ยิ่งมีอำนาจ ถ้าอำนาจมันน้อยๆ แค่ผู้มีกาลเวลา เพราะกาล มันกำหนดหมด ถ้าเหนือกาลได้ ก็จะมีอำนาจสูงสุด เป็นจิตเหนือกาลเวลา........



ให้บูชา 400 บาท

 

รายการที่ 694 รูปหล่อรุ่น 1 หลวงปู่คำน้อย วัดภูกำพร้า

พระอภิญญาเหนือโลก




หลวงปู่คำน้อยถอดจิตไปเที่ยว สวรรค์
________________________________________
หลวงปู่คำน้อย ท่านอายุยืนมาก กว่า 238 ปี อยู่วัดถ้ำภูกำพร้า อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่ท่าน อายุได้ 100 กว่าปี ท่านก็สามารถนั่งสมาธิถอดจิต ไปเที่ยว สวรรค์ - นรก ได้

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านได้ไปถึงด่านตรีเทพพิทักษ์มหาราช แต่เข้าไปไม่ได้ มีตรีเทพเฝ้าคุมอยู่
ในขณะนั้นมีหลวงจีนใส่จีวรปะ ๆ ผ่านมา และกล่าวกับหลวงปู่คำน้อยว่า

ท่านจะเข้าไปในนี้ได้ ต้องไปเปิดประตูสวรรค์เสียก่อน
หลวงปู่คำน้อยถามว่า แล้วจะไปเปิดประตูสวรรค์ได้ที่ไหน
หลวงจีนรูปนั้นก็บอกว่า ให้ไปรอที่โลกมนุษย์ แล้วจะจัดการให้เอง

จากนั้นหลวงปู่คำน้อย ก็รอมาจนอายุ 200 ปีเศษ ก็มีอาจารย์ถ่ายทอดถอดเบิกธรรม
เดินทางไปทำพิธีถ่ายทอดธรรมะ ที่วัดถ้ำภูกำพร้า

ขณะที่กำลังทำพิธีอยู่ หลวงปู่ก็ได้เข้าไปขอเปิดประตูสวรรค์ ในระหว่างทำพิธีอยู่นั้น
หลวงปู่คำน้อย ก็เห็นหลวงจีนที่ใส่จีวรปะ ๆ องค์นั้น นำกุญแจทองมาเปิดประตูสวรรค์
ให้กับผู้ที่รับธรรมะทีละคน ( หลวงจีนที่ใส่จีวรปะ ๆ ก็คือ พระพุทธจี้กง)

หลังจากได้รับธรรมะแล้ว หลวงปู่คำน้อย ก็กลับเข้าห้อง นั่งสมาธิถอดจิตขึ้นเบื้องบน
เพื่อพิสูจน์ว่า ไตรรัตน์ที่ได้รับ สามารถผ่านด่านตรีเทพพิทักษ์มหาราช ได้จริงหรือไม่

ปรากฏว่า ผ่านเข้าไปได้จริง ๆ เมื่อท่านกลับลงมา จึงเรียกให้ลูกศิษย์ และญาติโยมทั้งหลาย
รีบมารับธรรมะกันให้หมด เพราะธรรมะนี้สูงส่ง วิเศษที่สุด


รูปหล่อนี้เป็นเนื้อนวะโลหะ หายากมากๆๆๆๆๆๆๆ


ให้บูชา 999 บาท

ปิดรายการแล้วครับ

 

รายการที่ 695 เหรียญรุ่น 1 หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ

หลวงพ่อยอดพระเมตตาอย่างสูง ที่หลวงพ่อแพให้ลูกศิษย์มาขอผงอิทธิเจทำสมเด็จแพพันราคาเป็นแสนครับ

ประวัติและประสบการณ์เชิญที่ เล่าหาไม่รู้จบ



http://www.udon108.com/board/index.php?topic=21314.1290


ให้บูชา 800 บาท ถูกกว่าลูกอมอีกครับ
ปกติแล้วเหรียญจะแพงกว่านะครับ อย่างหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ลูกอมหลักพัน เหรียญหลักแสน

ปิดรายการแล้วครับ

 

รายการที่ 694 รูปหล่อรุ่น 1 หลวงปู่คำน้อย วัดภูกำพร้า

ให้บูชา 999 บาท<!-- google_ad_section_end -->

จองครับ.......................................<!-- google_ad_section_end -->

 

รายการที่ 696 เหรียญหลวงพ่อจ้อย วัดบ้านแพน

อาจารย์อีกองค์ของหลวงพ่อพูน วัดบ้านแพนครับ

ออกปี 2522

ให้บูชา 100 บาท

 

รายการที่ 697 รูปหล่อเนื้อทองผสม หลวงปู่บุญศรี วัดใหม่ศรีสุทธาวาส

ตำนานพระอริยสงฆ์ สุดยอดอีกองค์หนึ่งครับ ประวัติโดยละเอียดของท่านรอหนังสือของพี่พีเสาวภา แล้วกันนะครับ


ให้บูชา 209 บาท

ปิดรายการครับ

 

รายการที่ 697 รูปหล่อเนื้อทองผสม หลวงปู่บุญศรี วัดใหม่ศรีสุทธาวาส<!-- google_ad_section_end -->
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ตำนานพระอริยสงฆ์ สุดยอดอีกองค์หนึ่งครับ ประวัติโดยละเอียดของท่านรอหนังสือของพี่พีเสาวภา แล้วกันนะครับ


ให้บูชา 209 บาท<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
ขอจองครับ

 

รายการที่ 698 เหรียญหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ รุ่นแรกและรุ่นเดียว เหรียญที่ 1

อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง
หลวงพ่อเพ่ง ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์รูปนี้อดีตเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดระยอง อยู่คนละฟากแม่น้ำบ้านค่ายกับวัดละหารไร่ หลวงพ่อทิมได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่าหลวงพ่อเพ่งสมัยเป็นทหารเรือ ท่านเคยเป็นบ๋อย (มาจาก Boy ใช้เป็นศัพท์สแลงแปลว่า คนรับใช้) ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาของทหารเรือไทย
พระอาจารย์สิน เจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเพ่งและหลวงพ่อทิมได้เล่าว่า หลวงพ่อนั้นท่านเป็นคนหัวดี สมองไว เก่งทางเลขผานาที การคำนวณ และเก่งทางหนังสือหนังหา เมื่อถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือจึงได้รับคัดเลือกให้ไปรับใช้ใกล้ชิดเสด็จเตี่ยหรือกรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือในยุดนั้น หลวงพ่อเพ่งเป็นผู้ที่ใฝ่ใจทางวิทยาอาคม เมื่อมีโอกาสจึงติดตามเสด็จในกรมไปเล่าเรียนวิทยาอาคมต่างๆ ด้วย
เมื่อครบกำหนดการเป็นทหารซึ่งในสมัยนั้นใช้เวลา ๓-๔ ปี ท่านก็กลับมาบ้านเกิดของท่านโดยบวชเป็นพระภิกษุมาแล้ว และมาจำพรรษาอยู่วัดละหารใหญ่ เจ้าอาวาสองค์ก่อนจึงขอให้หลวงพ่อเพ่งสอนหนังสือแก่กุลบุตรกุลธิดาแถววัดละหารใหญ่และวัดละหารไร่ นั่นเอง
หลวงพ่อสินยังเล่าต่ออีกว่าหลังจากนั้นก็มีพวกเจ้าขุนมูลนายจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมเยียนหลวงพ่อเพ่งเป็นประจำ และมาอยู่ค้างที่วัดละหารใหญ่ครั้งละหลายๆ วัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนทั่วไปรู้ว่าหลวงพ่อเพ่งมีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพันเป็นเอกนั้น ก็เพราะวันหนึ่งขณะที่พวกชาวบ้านกำลังเอามีดผ่าไม้รวกอยู่ หลวงพ่อเพ่งมาเห็นเข้าบอกว่า “ผ่าด้วยมีดมันช้า” ว่าแล้วท่านก็เอามือผ่าลำไม้รวกซึ่งผิวของมันคมกริบปานคมมีดโกน แต่ท่านใช้มือผ่าไม้รวกให้ชาวบ้านดูอย่างหน้าตาเฉย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนก็ไปขอของดีจากท่านมิได้ขาด บางครั้งขณะที่ท่านกำลังสอนหนังสือเด็กก็มีคนไปรอเพื่อขอให้ลงตะกรุดให้
ผู้เฒ่าผู้แก่แถวๆ วัดละหารไร่เล่าว่า เมื่อชาวบ้านหยิบเอาวัสดุที่เตรียมมาซึ่งมีทั้งแผ่นทองเหลือง แผ่นหม้ออลูมิเนียมตัดเป็นแผ่นๆ มาให้ท่าน หลวงพ่อเพ่งท่านจะหยิบแผ่นโลหะนั้นมาจารอักขระลงไปในแผ่นเพียงตัวเดียว คือ ตัวเฑาะว์มหาพรหม หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “ตัวเฑาะว์ใหญ่” จารเสร็จแล้วท่านก็ม้วนเป็นตะกรุด ยกขึ้นจบเหนือศีรษะ แล้วส่งให้ผู้ขอเลย โดยไม่เห็นท่านปลุกเสกอะไร แรกๆ ชาวบ้านไม่แน่ใจก็ลองเอาตะกรุดนั้นวางบนตอไม้ แล้วใช้ปืนยิงลองดู ปรากฏว่า นัดแรกดัง แชะ ด้านทุกราย! ส่วนนัดที่สองด้านบ้าง ยิงออกแต่ไม่ถูกบ้าง บางครั้งมีคนมาขอตะกรุดแต่ไม่มีโลหะมาให้ท่านลง ท่านก็บอกว่ามึงเอาซองห่อยากาแรตนั้นแหละมาลง ปรากฏว่ากระดาษอลูมิเนียมชนิดบางที่ใช้ห่อบุหรี่ตราฆ้องสมัยนั้นก็กลายเป็นตะกรุดไปอย่างวิเศษก็มี หลวงพ่อเพ่งท่านไม่ได้สร้างพระเครื่องอะไรทั้งสิ้นนอกจากตะกรุดอย่างเดียว ปัจจุบันชาวบ้านแถบนั้นจึงหวงตะกรุดหลวงพ่อเพ่งมากกว่าตะกรุดของหลวงพ่อทิมเสียอีก !
อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงอิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่งให้เป็นที่ประจักษ์ คือ เมื่อวัดละหารใหญ่มีงาน ชาวบ้านก็ล้างจานชามกันที่สระน้ำหน้าวัดทีละใบๆ หลวงเพ่งท่านมาเห็นเข้าท่านจึงบอกว่า “ล้างแบบนี้ช้าไป เอาใส่แข่งเขย่าเลย” ชาวบ้านก็ทำตามท่าน ถ้วยชามที่เป็นแก้วเป็นกระเบื้องก็ไม่แตก! เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ

เหรียญรุ่นนี้ไม่ทันหลวงพ่อเพ่งนะครับ

หลวงพ่อเพ่ง สาสโน แห่งวัดละหารใหญ่ (อยู่ใกล้ๆกับ วัดละหารไร่ ของหลวงปู่ทิม) ท่านเป็นยอดพระเกจิรุ่นเก่าของเมืองบ้านค่าย ระยองอีกท่านหนึ่ง แต่น่าเสียดายว่าในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านไม่สร้างวัตถุมงคล ที่เป็นรูปเหมือนหรือเหรียญที่เป็นตัวแทนท่าน จะมีก็แต่พวกตะกรุดเท่านั้น จนกระทั่งท่านมรณภาพ หลวงพ่อสิน ภัททาจาโร เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน(ลูกศิษย์อีกรูปหนึ่งของหลวงปู่ทิมที่ยังมีชีวิตอยู่)ได้จัดสร้างเหรียญรูปเหมือนท่านขึ้นเป็นรุ่นแรก โดยหลวงพ่อสินท่านได้เล่าให้ฟังว่า ท่านหลวงปู่ทิม เป็นผู้ที่บอกกล่าวแนะนำให้ท่านสร้างเหรียญรุ่นแรกนี้ โดยมีท่านพระอาจารย์เชย เจ้าอาวาสวัดละหารไร่องค์ปัจจุบัน เป็นผู้ที่ทำหน้าที่เป็นธุระในการสั่งทำเหรียญให้ โดยสร้างเป็นเหรียญรูปไข่เนื้ออัลปาก้า(เนื้อเดียว) มีขนาดสูงประมาณ2.3 ซ.ม. และกว้างประมาณ 1.8 ซ.ม. โดยจำนวนการสร้างประมาณ 5,000 เหรียญ สร้างในปี พ.ศ.2512 โดยประมาณ.
เหรียญรุ่นแรกนี้ทั้งหมดนี้ได้รับการปลุกเสกจาก หลวงปู่ทิม อิสริโก แห่งวัดละหารไร่ จึงถือว่าเป็นเหรียญพระเกจิอาจารย์อีกรุ่นหนึ่งที่น่าบูชาติดตัวเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันยังมีคนรู้จักน้อยมาก แม้แต่คนพื้นที่ระยองบางท่านยังไม่รู้จักเลย ถ้าเจอที่ไหนก็อย่าปล่อยให้หลุดมือเชียวนะครับ เป็นของดีราคาถูก แถมยังไม่มีของเก๊ เนื่องจากคนรู้จักน้อยครับ.
ป.ล. ข้อความและประวัติทั้งหมดเหล่านี้กระผมขอน้อมบูชาคุณ หลวงปู่เพ่ง สาสโน และ หลวงปู่ทิม อิสริโก ตลอดจนพระเกจิอาจารย์ทุกรูปของจังหวัดระยอง ที่กระผมเป็นผู้เผยแพร่ประวัติของท่าน เพื่อบูชาคุณเท่านั้นครับ


ข้อมูลจาก

http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%811%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B-%E0%B8%A5-%E0%B8%9E-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88.51831/



ให้บูชา 700 บาท เหรียญสวยมากทุกเหรียญ

 

รายการที่ 699 เหรียญหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ รุ่นแรกและรุ่นเดียว เหรียญที่ 2

ให้บูชา 700 บาท ครับ

 

รายการที่ 700 เหรียญหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ รุ่นแรกและรุ่นเดียว เหรียญที่ 3

ให้บูชา 700 บาท เหรียญสวยครับ

 

รายการที่ 701 เหรียญหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ รุ่นแรกและรุ่นเดียว เหรียญที่ 4

เหรียญสุดท้ายแล้วครับ เชื่อว่าจริงๆหลวงปู่ทิมน่าจะสื่อกับหลวงพ่อเพ่งที่เป็นศิษย์พี่ของท่านได้ จิตทิพย์ของท่านน่าจะมาอธิษฐานเหรียญด้วย

ให้บูชา 700 บาท

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก


http://www.taradpra.com/itemDetail.aspx?itemNo=434983&storeNo=3349