ประวัติพระอาจารย์โต ฐิตวิริโย(ครูบาโต วัดพระบาทปางแฟน)

พระอาจารย์โต ขอเชิญร่วมสร้างพระธาตุเจดีย์จุฬามณี

พระอาจารย์กฤต ฐิตวิริโย (ครูบาโต วัดพระบาทปางแฟน) )ขอเชิญร่วมสร้างพระธาตุเจดีย์จุฬามณี

จากพระไตรปิฎกได้กล่าวอ้างอิงถึงเรื่องของเจดีย์จุฬามณีไว้ว่า พระเจดีย์นี้ประดิษฐานอยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อันเป็นที่ประทับของท่านท้าวสักกะเทวราช(พระอินทร์) มีลักษณะเป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่งดงามสร้างด้วยแก้วอินทนิล ยอดเจดีย์ทำด้วยทองคำแท้ประดับด้วยรัตนะคือแก้ว 7 ประการ ล้อมด้วยกำแพงทองประดับด้วยธงทิวสีต่างๆ อย่างงดงาม เทพยดาทั้งหลายมาบรรเลงดีดสีดนตรีบูชาพระเจดีย์อย่างไพเราะอยู่ตลอดเวลา

พระเจดีย์จุฬามณีนี้ ท่านท้าวสักกะเทวราชได้ทรงสร้างเอาไว้ให้เป็นที่สักการะของมวลหมู่เทวดาบนสรวงสวรรค์ เหตุที่ท่านท้าวสักกะเทวราชได้ทรงสร้างพระเจดีย์องค์นี้มีอยู่ว่า เมื่อครั้งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีโพธิสัตว์ พระองค์ทรงเสด็จออกผนวช ขณะข้ามแม่น้ำอโนมา ทรงตัดพระเกศาโมฬีมวยผมแล้วอธิษฐานว่า “ ถ้าเราจะได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้มวยผมนี้ลอยไปในอากาศอย่าได้ตกลงสู่พื้นดินเลย “ ครั้งนั้นท่านท้าวสักกะเทวราชได้นำผอบทองคำมารับพระเกศา แล้วนำไปไว้บนดาวดึงส์สวรรค์ และได้สร้างพระเจดีย์จุฬามณีขึ้นสำหรับบรรจุพระเกศโมฬี

ในภายหลังครั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว จึงมีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุกัน โดยโทณพราหมณ์เป็นผู้จัดแบ่ง โทณพราหมณ์มีความประสงค์อยากจะได้พระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเขี้ยวแก้วข้างขวาไว้บูชา จึงได้หยิบพระเขี้ยวแก้วนำมาซ่อนไว้ในผ้าโพกศรีษะของตน ท้าวสักกะเทวราชทรงเห็นการกระทำของโทณพราหมณ์ว่าเป็นการไม่บังควร ด้วยพระเขี้ยวแก้วนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างทุ่ด สมควรได้รับการประดิษฐานในอันบังควร ทรงเห็นว่าสมควรนำพระเขี้ยวแก้วนี้ นำไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์จุฬามณี ท้าวสักกะเทวราชจึงทรงหยิบพระเขี้ยวแก้วนั้นจากผ้าโพกศรีษะของโทณพราหมณ์มาเสีย และได้นำไปประดิษฐานไว้ในพระเจดีย์จุฬามณี อันอยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นับแต่นั้นมาเหล่าปวงเทวดาทุกแดนสวรรค์ชั้นต่างๆ ก็มาบูชานมัสการพระเจดีย์จุฬามณีอยู่ตลอดเวลา

โอกาสแห่งมหากุศลที่จะได้บังเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ ณ วัดพระบาทปางแฟน ขอทุกท่านจงได้มีส่วนร่วมสร้างกุศลตามกำลังศรัทธาได้ที่

พระอาจารย์กฤต ฐิตวิริโย
วัดพระบาทปางแฟน กม.ที่42 บ้านปางแฟน ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 50220

หรือสามารถบริจาคผ่านบัญชี

ธนาคารกสิกรไทย จำกัดสาขาสามแยกสันทราย
ชื่อบัญชี พระอาจารย์กฤต อินทรานาคะไชย (เพื่อสร้างพระเจดีย์จุฬามณี)
เลขที่บัญชี 406-2-3044-00

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 081-7914549

 

สาธุ
สาธุ
สาธุ
อนุโมทนามิ

ทานบารมีท่านสูงจนเป็นอัศจรรย์

 

ประวัติท่านพระอาจารย์ มีอีกมากค่ะ เมื่อสัปดาห์ก่อน ท่านพระอาจารย์โต ท่านมากรุงเทพ และเจนมีโอกาสได้เข้ากราบนมัสการท่าน แล้วท่านก็เมตตาเจนมาก แต่กว่าจะเจอท่านได้ ท่านก็ทดสอบเจนน่าดู ท่านก็ฝากเจนประชาสัมพันธ์งานสร้างพระเจดีย์จฬามณี ท่านบอกอนุญาติให้เผยแพร่ประวัติท่านได้ เจนจึงนำมาลงคร่าวๆ ให้ได้อ่านกันค่ะ

 

อนุโมทนากับคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->MayBuddhaBlessYou<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3000538", true); </SCRIPT> ด้วยนะครับ ที่นำประวัติพระสุปฏิปันโนมาเผยแพร่
ดูรูปของท่านแล้วขนลุกซู่ๆ ยิ่งอ่านประวัติท่านยิ่งทั้งขนลุกและน้ำตาจะไหล ตอนจะพิมพ์นี่ยังเกิดอาการขนลุกเลย นับว่ามีวาสนาความผูกพัน เพราะอย่างพระสุปฏิปันโนบางรูปเนี่ย แค่ได้ยินชื่อเท่านั้น ขนลุกชันทั้งตัวเลย ทั้งๆที่ยังไม่เคยเจอมาก่อน

ดีๆ สาธุนะครับ ผมได้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์จุฬามณีไปแล้ว 201 บาท โอนทาง Internet Banking

อีกเรื่องหนึ่งคือ ผมได้ร่วมสร้างและบำรุงวัดเกษศรีกับครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าตั้งแต่เดือน พย.ปีที่แล้ว และได้ร่วมทำทุกเดือนไม่เคยขาด ก็ถือโอกาสนี้บอกกล่าวให้อนุโมทนาด้วยเลยแล้วกัน

 

หนังสือ " ชำแหละกรรม " โดยพระอาจารย์โต ฐิตวิริโย

ท่านพระอาจารย์โต ท่านเขียนหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง เรียบเรียงโดย ม.ร.ว.ศิริกัญญา เทวกุล ท่านน่ารักมาก และท่านป้าหญิงก็เมตตาเจนมากเช่นกัน วันที่เจนไปพบท่านพระอาจารย์โต ตอนแรกเจนตั้งใจถวายปัจจัยเตรียมใส่ซองไว้ให้พระอาจารย์โตแล้ว แต่ท่านบอกให้นำออกมาซื้อหนังสือแทน ชื่อหนังสือ " ชำแหละกรรม " เจนเองซื้อมา 5 เล่มส่วนตัว และท่านให้เจนมากล่องหนึ่งว่า เอาไปช่วยขาย วันนั้น ม.ร.ว.ศิริกัญญา เทวกุล และพระอาจารย์โตท่านมอบหน้าที่ให้เจนช่วยขายและประชาสัมพันธ์ได้ ณ วันนั้นนะค่ะ คนมาก็ตั้งมากมายแต่ท่านก็มอบหน้าที่ที่เป็นบุญอย่างมากนี้ให้เจนช่วย เจนจึงบอกบุญมาให้ทุกคนได้อนโมทนา และถ้ามีไว้ก็จะเป็นบุญกับคุณอย่างมากค่ะ ปัจจัยจะนำมาสร้างพระเจดีย์จุฬามณี และสมเด็จองค์ปฐม(พระพุทธเจ้าองค์แรก) ท่านบอกเจนว่า อนุญาติให้เผยแพร่ทางเว็ปพลังจิตได้ (ท่านรู้จักเว็ปของพวกเราด้วย) มีเรื่องที่ดีมากมาย ทั้งประวัติโดยละเอียด เรื่องของกรรมต่างๆ และขออโหสิกรรม มีพระคาถาและพิธีกรรมที่สะเดาะเคราะห์เสริมโชคลาภ แก้กรรม ตำหรับพระอาจารย์โต ฐิติวิริโย ซึ่งมีทั้งผู้มีชื่อเสียง นักการเมือง นักธุรกิจ และดาราดังหลายๆ ท่าน ถวายตัวเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์โต ซึ่งท่านเมตตาทุกคน

หนังสือ “ ชำแหละกรรม “ โดยพระอาจารย์โต ฐิตวิริโย

1. ความเป็นมาของพระอาจารย์โต
2. มูลเหตุของการมองเห็นสิ่งที่ลี้ลับต่างๆ
3. พระนางจามเทวีมาหา
4. จุดเริ่มต้นของการเดินธุดงค์
5. กราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
6. พระอาจารย์เกษมอธิบายเรื่องกรรม
7. หลวงปู่ฝากเรียนวิชาเปิดโลกกับหลวงพ่อคง
8. คำสอนจากหลวงปู่ละมัย
9. นิมิตมหัศจรรย์บนภูเขาควาย
10. ฝึกวิชาธรรมกาย
11. พบหลวงปู่บนเขา
12. ความเป็นมาของวัดพระบทปางแฟน
13. ความเข้าใจเรื่องกรรมกับการแก้กรรม
14. เทพเจ้ากับพุทธศาสนา
15. บทมหาโองการเพื่อชำระล้างธาตุขันธ์
16. ตามรอยบาทพระศาสดาที่อินเดีย
17. พบสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
18. วิธีแก้ไขที่บ้านหรือที่ดินมีอาถรรพณ์
19. ความเข้าใจเรื่องกรรมกับการแก้กรรม
20. กรรมที่ส่งผลให้ลำบากทุกข์ยากเดือดร้อน
21. 21.กรรมที่เกิดจากเจตนา
22. กรรมที่ทำให้ตายโหง
23. มิติของภพภูมิ
24. แรงอธิษฐาน
25. กรรมเพราะลำเอียง
26. ทิศหก สมบัติ3
27. อาถรรพณ์
28. การดุดวงสมพงษ์
29. ความโดดเดี่ยวเดียวดาย
30. กรรมซ้ำซ้อน
31. กรรมล้างกรรม
32. ศักดิ์ศรีแห่งวิญญาณ
33. บุญลสากภัต
34. การหยิบยืม
35. กระบวนการยุติธรรม
36. โกงที่ดิน
37. โมฆะบุรุษ
38. จังหวะชีวิต
39. กิน กาม เกียรติ
40. การตอบแทนคุณ
41. ความสะดวกสบาย
42. บันไดสู่อิทธิฤทธิ
43. อภัยทาน
44. ความยากจน
45. ความเห็นผิด
46. ทำไมจึงสร้างพระแก้กรรม
47. อานิสงส์ของการสร้างและบูชาพระแก้กรรม
48. ดาราแก้กรรม
49. นักการเมืองแก้กรรม
50. ชะตาชีวิตลิขิตชีวิตคน
51. แก้กรรมประจำปีเกิดแบบพระอาจารย์โต
52. กรรมชั่วในอดีตแก้ไขได้
53. แก้กรรมทำได้หรือไม่

เป็นต้นค่ะ

สนใจหนังสือโทรศัพท์มาสั่งซื้อจากเจนได้ในราคาเล่มละ 200 บาท ค่ะ 081-7914549
หรือโอนเงินค่าหนังสือได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) สาขาสวนพลู
ชื่อบัญชี " ชำแหละกรรม" โดย ม.ร.ว. ศิริกัญญา เทวกุล
เลขที่บัญชี 212-207475-9

โอนเงินแล้วให้โทรศัพท์มาแจ้งเจนด้วยค่ะ เพราะหนังสือเจนจะเป็นคนจัดส่งให้ค่ะ


ขออนุโมทนาบุญกับทุกคนค่ะ

 

ขอบคุณมากค่ะคุณ khomeraya ขณะอ่านข้อความของคุณที่ร่วมทำบุญ ขณะนั้นขนลุกทันทีค่ะ ขณะนี้ที่กำลังพิมพ์ด้วยเช่นกัน ขนลุก แบบเป็นเอามากค่ะ คุณกับเจนคงทำบุญร่วมกันมา กับท่านครูบาโต(พระอาจารย์โต) และครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้าด้วย ขออนุโมทนาบุญเป็นอย่างสูงค่ะ ยินดีที่ได้พบญาติธรรมอย่างคุณ khomeraya ถ้ามีเรื่องราวที่ดีๆ จะเล่าให้ฟังอีกนะค่ะ เรื่องที่พบกับท่านพระอาจารย์โต อีก 7 เดือนจะมา Update เรื่องให้ทราบ เป็นเรื่องที่ท่านช่วยเป็นพิเศษ ขอให้คุณได้บุญเยอะๆ นะค่ะ อนุโมทามิ

 

สมเด็จองค์ปฐม

สมเด็จองค์ปฐม

สมเด็จองค์ปฐมคือพระพุทธเจ้าองค์แรก ทรงพระนามว่า สมเด็จพระพุทธสิกขี ในสมัยที่พระองค์ท่านเสด็จอุบัติขึ้นในโลกนั้น มนุษย์มีอายุขัย 8 หมื่นปี ทรงออกผนวชเมื่ออายุขัยได้ 4 หมื่นปี ใช้เวลา 2 หมื่นปี จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน จึงนับเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรกที่บำเพ็ญบารมีจนตรัสรู้ได้ด้วยพระองค์เอง การพบสมเด็จองค์ปฐมของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนั้นท่านเล่าว่า ในปี พ.ศ.2511 ขณะที่ท่านสอนกรรมฐาน ก็ได้ทำสมาธิ ปรากฏเห็นพระพุทธเจ้าปางนิพพานยืนสองแถวพนมมือยาวเหยียดไปข้างหน้า จึงคิดว่าเป็นอุปาทาน เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยไหว้ใคร พลันหลวงปู่ปาน(วัดบางโคนม) ก็ปรากฏกายขึ้นข้างๆ และบอกว่า

“ ไม่ใช่อุปาทานเพราะเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมา “

จากนั้นจึงได้เห็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่เสด็จผ่านมา พระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ยืนพนมมืออยู่ก่อนแล้วก้มลงแสดงความเคารพพระพุทธสิกขีที่ 1 หรือสมเด็จองค์ปฐม ทุกๆ พระองค์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่าจึงคิดจะสร้างสมเด็จองค์ปฐมเพราะยังไม่มีใครสร้าง

อนึ่ง การสร้างสมเด็จองค์ปฐมนั้นมีอานิสงส์มากมายมหาศาล เพราะพระองค์ท่านทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นองค์ต้นของพระพุทธเจ้าทั้งปวง หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าว่า

“ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารยืกล่าวว่า สมเด็จองค์ปฐมนั้นมีลาภมาก ใครได้สร้างได้บูชาจะถึงพร้อมด้วยมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ เพราะแม้แต่การสร้างพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์มีอานิสงส์มากมายอยู่แล้ว ผู้ที่สร้างและบูชาสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าลำดับต่อมาทุกๆ พระองค์ ก็อนุโมทนาหมด "

อ้างอิง หนังสือ “ ชำแหละกรรม “ โดยพระอาจารย์โต ฐิตวิริโย

 

สาธุ ดีแล้วครับ จิตถึงจิต เป็นอาการของปิติ

 

ขอบคุณพี่ธนวร จ.เชียงใหม่ ที่โอนเงินเข้าบัญชีของ ม.ร.ว ศิริกัญญา เทวกุล จำนวน 250 บาท รวมค่าจัดส่งด้วย ส่งหนังสือไปให้แล้ววันนี้ค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

 

ขอบคุณหมอพสิน สั่งหนังสือ 3 เล่ม จัดส่งไปให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณพี่รัตน์ ชัยภูมิ ส่งไปแล้วด้วยค่ะ ขอบใจน้องชายร่วมสายโลหิตที่ซื้อ 1 เล่ม ร่วมบุญกันอีก ชาติหน้าเกิดเป็นพี่น้องกันอีกนะน้องชาย ขออนุโมทนาบุญให้กับทุกคนด้วยค่ะ ขอให้ทุกคนเจริญยิ่งขึ้นไป คิดสิ่งใดขอให้สมความปราถนา จากการได้ร่วมสร้างพระเจดีย์จุฬามณี และสมเด็จองค์ปฐมจากการสละปัจจัยซื้อหนังสือนี้ บุญนี้ยิ่งใหญ่มากค่ะ ขออนุโมทนาอีกครั้งค่ะ

 

ขออนุโมทนากับคุณสรวิท ลีกีรติกุล สำหรับส่งปัจจัยร่วมซื้อหนัง 1 เล่ม ส่ง EMS ไปให้แล้วนะค่ะ พอไปที่ธนาคารเมื่อไหร่เพื่อจะโอนเงินเข้าบัญชีหนังสือ " ชำแหละกรรม " ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ไม่ว่าจะสาขาไหนก็ตาม พนักงานจะถามเสมอว่า หนังสืออะไรค่ะ มีขายตามร้านหนังสือไหม ตัวเองตอบว่าไม่มีค่ะ ต้องมีบุญจริงๆ ถึงจะได้อ่าน พนักงานที่ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง ถามเสมอว่า มีอีกไหมค่ะ ถ้าติดรถไปก็จะมีให้ แต่วันนี้เสียดายไม่ได้ติดไปด้วย เพราะไม่ึิคิดว่าจะมีคนสนใจ เพราะคนไม่ค่อยจะรู้ แต่ก็เป็นบุญของน้องพนักงานธาคารท่านนี้อีกคน ที่จะได้ทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์จุฬามณีและสมเด็จองค์ปฐมด้วย น้องเค้ายังไม่รู้รายละเอียดเรื่องนี้ เพราะบอกเพียงคร่าวๆ ว่า ใครแต่ง เรื่องราวโดยย่อเป็นเช่นใด พรุ่งนี้ต้องขับรถเอาไปให้ด้วยตนเอง ดีใจค่ะที่ได้ทำบุญด้วย แล้วจะบอกเขาว่าโชดีอย่างไรที่ได้หนังสือเล่มนี้ไป น้องคงจะดีใจและได้บุญใหญ่ด้วย ไปโอนเงินค่าหนังสือคราวหน้า ต้องติดรถไป ห้ามลืม ห้ามลืม ขออนุโมทนากับทุกคนด้วยค่ะ

 

หนังสือยังมีอีกหรือเปล่าค่ะ

 

ยังมีอยู่ค่ะ เหลืออีกไม่กี่เล่มค่ะ จะส่งไปให้ทางไปรษณีย์ เดี๋ยวจะส่ง PM ไปให้นะค่ัะ

หรือโอนเงินค่าหนังสือได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) สาขาสวนพลู
ชื่อบัญชี " ชำแหละกรรม" โดย ม.ร.ว. ศิริกัญญา เทวกุล
เลขที่บัญชี 212-207475-9

เสร็จแล้วให้ scan ใบเสร็จรับเงินส่งทาง email ได้หรือไม่ค่ะ จะได้ส่งหนังสือไปให้ค่ะ

ขอนโมทนาบุญล่วงหน้ากับคุณ Karnta ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 

ที่บ้านไม่มีเครื่องสแกนอ่ะ
ถ้าโอนเงินพรุ่งนี้แล้วแจ้งทางนี้ได้ไหมค่ะ

อยากอ่านจัง^^

 

ถ้างั้นก็เป็น Fax ได้หรือไม่ค่ะ เพราะต้องมีหลักฐานการโอนเงินเพื่อแจ้งกลับไปที่ ม.ร.ว. ศิริกัญญา เทวกุล ค่ะ น่าจะได้นะค่ะ อย่างไรแล้วถ้าโอนเงินมากรุณาโทรมาหาที่ 081-7914549 ค่ะ ต้องได้อ่านแน่นอนค่ะ หนังสือดีมาก ขออนุโมทนาค่ะ

 

ส่งหนังสือไปให้คุณ Karnta แล้วนะค่ะ เย็นวันนี้ EMS ไปแล้ว ขออนุโมทนาค่ะ

 

ข้อมูลการสร้่าง " พระเจดีย์จุฬามณี " เพิ่มเติม

พระเจดีย์จุฬามณี

เรื่องของพระเจดีย์จุฬามณีนั้นตามความเป็นมาในพระไตรปิฎกได้กล่าวเอาไว้ว่าเป็นพระเจดีย์ที่บรรจุ พระเกศาธาตุ และพระทันตะธาตุ คือพระเขี้ยวแก้ว ขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ บรรจุในผอบทองคำ ซึ่งประดิษฐานอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อันเป็นที่ประทับของท้าวสักกะเทวราช หรือพระอินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่ประดับด้วยแก้วอินทนิล ส่วนของยอดทำด้วยทองคำประดับด้วยมณีรัตนะ หรือแก้ว ๗ ประการ ล้อมรอบด้วยกำแพงทองประดับประดาอย่างสวยสดงดงาม ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกวิมานของพระอินทร์ พอถึงวันพระ บรรดาเหล่าเทพเทวาและพรหมทั้งหลายต่างพากันมานมัสการอย่างคับคั่ง ด้านทิศใต้เป็นสวนนันทวัน ทิศตะวันตก เป็นสวนจิตลดาวัน ทิศเหนือเป็นสวนมิสกวัน โดยมีพระอินทร์เฝ้ารักษาองค์พระเจดีย์ อนึ่งพระศรีอาริยะเมตไตรยมหาโพธิสัตว์ ก็ได้ทรงเสด็จมานมัสการทุกวันพระ จึงนับได้ว่าเป็นพระเจดีย์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา ในปัจจุบันผู้ที่สามารถได้อภิญญาหรือมโนมยิทธิ ก็สามารถไปกราบนมัสการองค์พระเจดีย์จุฬามณีได้

เพื่อเป็นการรำลึกและแสดงถึงความกตัญญูต่อองค์บูรพาจารย์ พระอาจารย์โต ฐิตวิริโย จึงมีดำริที่จะสร้างพระเจดีย์จุฬามณีน้อมถวายเป็นพุทธบูชา และน้อมถวายหลวงปู่เทพโลกอุดร / หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ / สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี / หลวงศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า / หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค / หลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง / หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต / ครูบาเจ้าศรีวิชัย / หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และครูบาอาจารย์ทุกรูป ดวงพระวิญญาณของบูรพกษัตราธิราชเจ้าทุกๆพระองค์ มีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนผาเมือง พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พ่อขุนเม็งราย พ่อขุนงำเมือง และดวงพระวิญญาณของวีรกษัตรี ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร พระศรีสุริโยทัย พระสุพรรณกัลยา ย่าโม รวมทั้งถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกๆพระองค์ และอุทิศเป็นมหากุศลแด่ข้าราชการทหาร ตำรวจ ครู รวมถึงบรรพชนไทยทุกคนที่รักษาผืนแผ่นดินไทยให้สงบร่มเย็น

 

ข้อเขียนของพระอาจารย์โต หลังตามรอยบาทพระศาสดา

ข้อเขียนของ พระอาจารย์โต ฐิตวิริโย เจ้าอาวาส วัดพระบาทปางแฟน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ หลังจาก ตามรอยพระบาทพระศาสดา ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 6-13 พ.ย. 52 ท่านเจ้าอาวาสประสงค์ให้ admin นำมาเสนอให้ศรัทธาประชาชนได้อ่านทั่วกัน

มีผู้กล่าวกับพระอาจารย์เสมอว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตขอให้ได้ไปตามรอยบาทพระศาสดาที่อินเดีย ไปนมัสการสังเวชนียสถาน 4 แห่งที่สำคัญที่สุด คือ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน ใครมีศรัทธา ได้กราบสักการบูชา เมื่อกายแตกดับจะไปเกิดสุคติโลกสวรรค์

แต่เมื่อพระอาจารย์ ได้ถามทุกคนที่ไปอินเดียมาทุกคนกลับตอบว่า อย่าไปเลยดีที่สุด เพราะที่สุดของของที่สุดมีที่อินเดีย เช่นอินเดียสกปรกที่สุด ขอทานมากที่สุด น่าขยะแขยงมากที่สุดเพราะมีอุจจาระเต็มถนน และอีกมากมาย มันจึงฝังในความรู้สึกทำให้ไม่อยากไปอินเดีย เพราะกลัวหดหู่ แต่เมื่อได้ไปมาแล้ว ความรู้สึกจำใจไปนั้นกลับมลายหายไปจนหมดสิ้นนั่นก็คือ

อินเดียแม้จะดูสกปรก แต่ในความสกปรกภายนอกที่เราเห็นมันก็ธรรดาเหมือนกับสถานที่ยากจนทั่วไป แต่ที่อินเดียมีมากที่เรามองกันว่าสกปรกของอาคารบ้านเรือนภายนอกนั้น คือคนอินเดีย ไม่เบียดเบียน ลักขโมยหรือจี้ปล้นกันเลย อยากได้ก็ขอ ขอไม่ให้ก็ไม่เอา ต่างจากบ้านเรามากที่ดู บ้านเรือนสะอาดหรูหรา มีแต่การเบียดเบียนช่วงชิงแก่งแย่งกัน ดูแล้วสิ่งที่ สกปรกภายนอกมันขัดล้างได้ แต่สกปรกภายในมันกำจัดยากกว่า

จึงทำให้นึกถึงพระพุทธดำรัสของพระพุทธเจ้าที่ส่งพระอริยะสาวกไปประกาศพระศาสนาว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงจาริกไป จงแสดงธรรมมี
ความงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง และงามในที่สุด พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ" ดังนั้นทำให้นึกตามพระพุทธเจ้าไปว่า ธรรมะของพระ
พุทธองค์นั้น เหมือนแกงส้ม มีทั้งเปรี้ยว เค็ม และเผ็ด จึงสังเขปได้ว่า

งามในเบื้องต้นก็คือ หน้านอกบอกความงาม เปรียบได้ดับรสเปรี้ยว ที่ใครได้สัมผัสก็แทบน้ำลายสอ จัดเป็นความหยาบในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์จึงให้ขจัดด้วยศีล เพราะศีลคือความเป็นปรกติ จะขัดเกลาความหยาบออกจากจิตใจของมนุษย์ ได้เหมือนความเปรี้ยวกรัดกร่อนความสกปรกได้นั่นเอง

งามในท่ามกลาง คือหน้าในบอกคาดี เปรียบได้กับรสเค็ม ความดีที่เราได้ทำทั้งต่อหน้าและลับหลังเปรียบได้ดั่งความเค็ม เพราะความเค็มสามารถ
รักษาและถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสียได้ ดังนั้นความดีจะทำได้ก็ต้องมีความตั้งใจมั่นคือต้องใช้สมาธิ ตั้งมั่นอยู่ในคุณความดีเหล่านั้นให้ได้โดยไม่
หลงกระแสในโลกธรรมต่างๆ

งามในที่สุดคือ หน้าที่บอกความสามารถ เหมือนรสเผ็ด คือปัญญา ความเผ็ดร้อนที่โลดแล่นไป เหมือนปัญญาที่ก่อให้เกิดความคิด ขจัดความไม่รู้
เป็นการสอนให้เรารู้จักพิจารณา ใคร่ครวญ เพราะสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยินนั้น มันไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป เปลี่ยนจากของคว่ำให้เป็นของหงาย ทำมืดให้สว่างได้ฉันนั้น

เมื่อไปอินเดียแล้วทำให้พระอาจารย์ ได้มองเห็นสัจจะธรรมข้อหนึ่งว่า ความสำเร็จของมนุษย์ นั้นมิไช่อยู่ที่การอ้อนวอนร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประ
ท่านให้ หากแต่ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง ถ้าตั้งใจทำแล้วทุกอย่างต้องสำเร็จ ในแง่หลักสัจจะธรรมก็เช่นกัน พระพุทธเจ้าท่านทรงวางแบบไว้ให้แล้ว ส่วนจะสำเร็จช้าหรือเร็ว อยู่ที่ความเพียรของผู้ปฏิบัติเอง เพราะโลกเท่าแผ่นดิน ธรรมะเท่าปลายเข็ม เพราะเรื่องของโลกมีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้น ไม่มีที่สิ้นสุด เราไปแก้ไขเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องธรรมะนั้นมีที่สิ้นสุด เพราะสามารถจบได้ที่ตัวเรา ให้เราดูตัวเอง แก้ไขตัวเราเอง เตือนตนด้วยตนเอง

อินเดีย ทำให้พระอาจารย์เข้าใจชัดเจนถึงสภาวธรรม มากขึ้น ได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เห็น ได้ฟังในเรื่องที่เคยฟังมา และเมื่อมาเปรียบเทียบจึงทำให้เข้าใจในพระพุทธเจ้ามากขึ้น เพราะพระพุทธองค์ท่านตรัสถึงสัจจะธรรม คือความจริง เป็นอยู่อย่างไร ก็จะเป็นอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนไปตามความคิดความเชื่อของคนได้ เมื่อเราได้ฟังและได้เห็นอินเดียจากคำพูดที่เขาเล่า และความจริงที่ไปมามั่นช่างคล้ายและแตกต่างกันออกไป คือที่เขาพูดว่าอย่างนั้นอย่างนี้ บางครั้งพิจารณาดูมันก็มีส่วน แต่ในความเป็นจริงนั้นเราไม่สามารถที่จะไปเปลี่ยนเขาได้เพียงแค่อยากให้เป็นไปอย่างที่ใจเราคิด แท้จริงเราควรหันกลับมาปรับใจเราเองให้ยอมรับในความเป็นอยู่แบบเขาจะสบายใจกว่าเยอะนั่นแหละ จึงจะตรงกับธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ว่า กรรมย่อมจำแนกสรรพสัตว์ให้ดีและเลวต่างกัน

ในวันนี้พระอาจารย์ขอยืนยันว่าควรไปอินเดียกัน เพื่อจะได้รู้และได้เห็นคนที่ไม่รู้เขาก็ไม่เห็น พระอาจารย์จะขอยกเรื่องกามนิตมาเล่าแทรกตรงนี้ว่า กามนิตหนุ่มน้อยคนหนึ่งได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างแรงในปัญหาการครองรัก เขาหนีออกจากบ้านรอนแรมไปเสาะแสวงหาพระพุทธเจ้า เผื่อว่าเมื่อได้เฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์จะช่วยคลายความทุกข์ใจให้ตนได้บ้าง ค่ำคืนวันหนึ่ง กามนิตได้แวะเข้าไปขออาศัยอยู่ที่โรงปั้นหม้อของช่างปั้นหม้อ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย ด้วยความอยากเฝ้าพระพุทธองค์ แต่แล้วเป็นการบังเอิญคืนวันเดียวกันนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมาทางนั้นโดยลำพังพระองค์ และได้เสด็จแวะเข้าไปพักแรมที่โรงปั้นหม้อนั้นด้วย ฝ่ายกามนิตเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาพักร่วมสถานที่กับตน ก็ขยับเข้าไปนั่งสนทนาด้วย เขานึกว่าคู่สนทนาของเขาเป็นเพียงสมณะรูปหนึ่งเท่านั้น เขาพร่ำเล่าให้สมณะรูปนั้นฟังอย่างซ้ำๆซากๆ เกือบตลอดคืนว่าตัวเขาเองมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะได้เฝ้าพระพุทธเจ้า โดยหารู้ไม่ว่า สมณะผู้ที่สนทนาด้วยนั้น คือองค์พระพุทธเจ้า ครั้นรุ่งเช้า กามนิตก็นมัสการลาพระพุทธเจ้าโดยกราบทูลแด่พระองค์ว่า ตัวเขาเองจะต้องรีบเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าให้ได้ ครั้นออกเดินทางไปยังไม่ทันไร ก็ถูกโคดุวิ่งสวนทางมาปะทะร่างของกามนิต ล้มลงขาดใจตาย นี่แหละหนอ เพราะไม่รู้จึงไม่เห็นพระพุทธองค ไม่ไช่คนสามัญธรรมดา ทรงครอง "ความเป็น "อันยิ่งใหญ่ คือ "ความเป็นพระพุทธเจ้า" ถึงอย่างนั้น กามนิตยังมองไม่เห็น ที่เขาไม่เห็น ก็เพราะเขาไม่รู้ ดังกล่าวแล้ว ยังมีปัญหาอีกมากที่เหมือนเป็นเส้นผมบังภูเขา รอคอยให้มีคนมาช่วยแก้ไข

ดังนั้นพระอาจารย์จึงขอฝากทุกท่านไว้ว่า มีหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ที่กล่าวถึงการใช้ชีวิตให้มีความสุข และปลอดภัยที่อยากให้ทุกคนนำไปใช้ก็คือ การมีสติสัมปชัญญะ หรือการรู้สึกตัวระมัดระวังตัวและความคิด หิริคือวามละอายต่อการทำชั่ว โอตตัปปะ คือเกรงกลัวต่อผลของความชั่ว ขันติ คือความอดทนอดกลั้นไม่เอนเอียงไปตามอารมณ์ที่ชอบและไม่ชอบ ถนนแห่งชีวิตของผู้นั้นย่อมปลอดภัย และมีความสุขไม่น้อย อย่าลืมว่าธรรมะคือธรรมชาตินั้นสอนเราอยู่เสมอถ้าเรารู้จักพิจารณาและไตร่ตรองตามเหตุและผล นับต่อจากนี้ไปขอให้ทุกท่านดำเนินชีวิตแบผู้นำ อย่าเดินแบบผู้ตาม ผู้นำต้องมีเหตุผล ผู้นำต้องรู้อะไรควรไม่ควร ผู้นำต้องหนักแน่นไม่หูเบาเชื่อคนง่าย

เพราะคำว่า ผู้นำ ไม่ได้มีไว้กับทุกคน
เพราะความเป็น ผู้นำ ไม่ได้มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด
เพราะการจะเป็น ผู้นำ ต้องผ่านกระบวนการฝึกฝนและเรียนรู้เพราะฉะนั้น ความสำเร็จหรือล้มเหลว อยู่ที่ตัวเราคิดและทำ ท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณพระพุทธเจ้า ที่ทรงอุบัติมาเพื่อเกื้อกูลโลก ขอบคุณพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงสานต่อพระพุทธศาสนา ขอบคุณประเทศอินเดีย ที่ทำให้รับรู้ถึงสัจธรรมที่แท้จริง ที่พระพุทธองค์สอนว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

พระอาจารย์โต ร่วมกิจกรรมสาธยายพระไตรปิฏก ประเทศอินเดีย

ประมวลภาพ พระอาจารย์โต ฐิตวิริโย เจ้าอาวาสวัดพระบาทปางแฟน ได้รับนิมนต์จาก พระอาจารย์ญานรวี จันทรากาศมนตรี ให้เข้าร่วมพิธีสาธยายพระไตรปิฏก ณ พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย พร้อมด้วยครูบาเจ้าบุญชุ่ม ญานสังวโร และครูบาเจ้าแสงหล้า วัดสายเมืองท่าขี้เหล็ก โดยมีองค์ทะไลลามะเป็นประธาน จากนั้นคณะพระอาจารย์จะเดินทางไปปฏิบัติธรรมต่อที่ โคมุขต้นกำหนิดแม่น้ำคงคา และป่าหิมพาน โดยการนิมนต์ขององค์มหาฤษี ปรมาจารย์ของพระอาจารย์ญาณรวี โดยการไปแบบจาริกธุดงค์ ระหว่างวันที่ 9-19 ธ.ค. 52

 

ภาพพระอาจารย์โต ฐิตวิริโย " ตามรอยพระศาสดา "

ประมวลภาพพระอาจารย์โต ฐิตวิริโย ตอนตามรอยพระศาสดา ที่ประเทศอินเดีย