ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ยอดเสียชีวิตเฮติทะลุ 200,000 คนแล้ว
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 09:19

​

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในเฮติทะลุ 2 แสนคน ขณะที่สถานการณ์ในประเทศ ประชาชนส่วนใหญ่ยังประท้วง การช่วยเหลือช้า

นายกรัฐมนตรีฌองค์ แม็กซ์ เบลเลอรีฟของเฮติแถลงเมื่อพุธว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริคเตอร์ในกรุงเปอร์โต แปรงซ์ เมื่อ 12 มกราคม หรือ สามสัปดาห์ก่อน ทะลุยอดกว่า 200,000 คนแล้ว มีผู้บาดเจ็บที่ได้รับการรักษาแล้ว 300,000 คน บ้านเรือนพังทลาย 250,000 หลัง และอาคารธุรกิจเสียหาย 30,000 แห่ง ขณะที่มีผู้ถูกตัดแขนหรือขาอย่างน้อย 4,000 จากอาการบาดเจ็บเพราะอาคารถล่มทับด้วย ตัวเลขที่เปิดเผยนี้น่าตกใจและคาดว่าจะส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้นไปอีกนานหลายปี

สำหรับเฮติที่มีปัญหาขาดแคลนทรัพยากรอยู่แล้ว การเปิดเผยรายงานยังมีขึ้นในขณะที่ประชาชนเพิ่มการประท้วงตามท้องถนนที่ยังเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แสดงความไม่พอใจต่อความช่วยเหลือที่ล่าช้า เพราะแม้มีความช่วยเหลือหลั่งไหลเข้าไปมากแต่การขาดการประสานงาน และความเสียหายเป็นบริเวณกว้างขัดขวางการแจกจ่ายน้ำและอาหารจนเพิ่มความเครียดมากขึ้นในคนนับล้านที่ต้องไร้ที่อยู่อาศัย ทำให้มีเสียงปืนดังหลายนัดในยามค่ำคืนที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

กลุ่มผู้ประท้วงรวมทั้งคน 300 คนที่ไปชุมนุมที่นอกสำนักงานนายกเทศมนตรีในย่านเพชั่นวิลล์ที่เคยเป็นย่านหรู ชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้ประท้วงยกก้อนซีเมนต์เหนือศีรษะและประกาศว่าหากตำรวจยิงใส่ จะจุดไฟเผาประท้วง มีผู้ประท้วง 200 คนเดินไปร้องขออาหารและความช่วยเหลือที่สถานฑูตสหรัฐฯ ส่วนอีก 50 คน ซึ่งบอกว่าเป็นข้าราชการที่บ้านพังทลาย ไม่ได้รับเงินเดือนจากรัฐบาล และไม่มีจะกิน ไปตะโกนประท้วงที่ด้านนอกที่ทำการชั่วคราวของประธานาธิบดีเรเน่ เปรวาล ที่กองบัญชาการตำรวจ ตะโกนตำหนิเขาผู้ออกมากล่าวต่อสาธารณชนเพียงไม่กี่ครั้งนับจากเกิดเหตุ

ทางด้านนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ร้องขอให้อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เข้าช่วยมีบทบาทนำในการประสานความช่วยเหลือจากนานาชาติของสหประชาชาติ ขณะที่องค์การอาหารโลกเปิดเผยว่าโครงการปฏิบัติการฉุกเฉินของตนในเฮติ ได้รับคำมั่นเรื่องความช่วยเหลือมูลค่ารวมกว่า230 ล้านดอลลาร์ ( ราว 7,590 ล้านบาท) จากประเทศ บริษัท และบุคคลต่างๆแล้ว

นางมาร์จอรี่ มิเชล รัฐมนตรีกิจการสตรีของเฮติ เปิดเผยด้วยว่า มีรายงานเพิ่มมากขึ้นเรื่องการข่มขืนสตรีตามแคมพ์ผู้ประสบภัย แม้ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่กล้าร้องเรียนอย่างเป็นทางการจึงได้จัดส่งทีมเจ้าหน้าที่ไปพยายามรับมือกับปัญหาแล้ว พร้อมให้คำมั่นจะสร้างห้องน้ำแยกระหว่างชายหญิงในแคมพ์ใหม่ๆที่สร้างขึ้นด้วย

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

 

จะรีบแจ้ง ให้ผู้ดูแลห้องช่วยจัดการให้ครับ

 

กรรมที่ทำให้เป็นโรคมะเร็ง และวิธีแก้กรรม​

<TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

​

<!-- Main -->โรคร้ายที่ใครๆ ก็ไม่อยากจะเป็นทั้งนั้น ทำไมจะต้องมาเป็นโรคร้ายนี้ด้วย แล้วจะทำตัวอย่างไรดีจึงจะมีความสุข ทั้งๆ ที่ต้องอยู่กับโรคนี้ไปจนหมดลมหายใจ

คนหลายร้อยล้านคนที่มีอยู่บนโลก มีอะไรคล้ายๆ กันอยู่ เพียงแต่ถูกวัฒนธรรมประเพณีขวางกันความเชื่อเอาไว้ การที่ได้เกิดโรคภัยไข้เจ็บกับใครซักคนหนึ่ง ย่อมจะมีภูมิหลังของการกระทำเป็นตัวกำหนด โรคมะเร็งนี้เกี่ยวกับเนื้อร้ายหรือเชื้อร้ายที่มีในกระแสเลือด ทางการแพทย์เขาว่าอย่างนั้น กลับมาอีกด้านเรื่องความเชื่อกฎแห่งกรรม โรคนี้เกิดจากการที่ได้เบียดเบียนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอาไว้เป็นจำนวนมาก ผลกรรมจึงย้อนรอยกลับมาส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังรักษาไม่หาย เกิดจากกรรมเก่าและกรรมใหม่ที่ได้เคยสร้างเอาไว้

ประการที่ 1 ได้เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอาไว้ ทั้งในชาติอดีต และในปัจจุบัน หรือได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการทำลายชีวิตทั้งสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ เช่นโรงฆ่าสัตว์ ผลิตยาฆ่าแมลง เป็นต้น จึงได้ส่งผลให้เกิดโรคร้ายกับร่างกายที่รักษาไม่ได้ เป็นกรรมหนัก

ประการที่ 2 เป็นผู้ที่มีจิตใจเหี้ยมโหดมาตั้งแต่ในอดีตชาติ เคยสั่งฆ่าคนและทำร้ายคนให้บาดเจ็บถึงกับปางตาย หรือพิกลพิการ

ประการที่ 3 ได้เคยทำแท้งเอาไว้หลายครั้งหลายครา

ประการที่ 4 ได้เคยเบียดเบียนเงินทองจากคนมากมาย บนความทุกข์ของคนอื่นทั้งในอดีตชาติและในชาติปัจจุบัน

วิธีแก้กรรม

ประการที่ 1 ทำบุญใหญ่ถวายภัตตาหารและถวายสังฆทาน อุทิศกุศลผลบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรและบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน เพื่อส่งกุศลผลบุญขอให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้

ประการที่ 2 ให้สร้างพระถวายให้แก่เจ้ากรรมนายเวร

ประการที่ 3 ให้เจริญภาวนาและนั่งกรรมฐาน สร้างกุศลผลบุญและระลึกถึงกรรมทั้งหลายที่ได้สร้างไว้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย สำนึกในบาปกรรมนั้น และขอให้อโหสิกรรมและยุติการจองเวรซึ่งกันและกัน

ประการที่ 4 ทำบุญกับพระที่อาพาธ หรือผู้ที่กำลังป่วยตามสถานโรงพยาบาล หรือบริจาคทรัพย์ซื้อยาเครื่องเวชภัณฑ์ถวายวัด หรือให้กับโรงพยาบาล

ที่มา http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=rb515&date=03-11-2008&group=18&gblog=7

สรุปกรรมที่ทำให้เป็นโรคมะเร็ง

อวัยวะ - กรรมในอดีต

1.มะเร็งสมอง - ฆ่าสัตว์โดยทุบหัว
2.มะเร็งช่องปาก - ฆ่าโดยเชือดคอ/ด่าว่าผู้มีศีลธรรม
3.มะเร็งเต้านม - ฆ่าสัตว์+เจ้าชู้
4.มะเร็งไทรอย์/ถุงน้ำดี - ฆ่าสัตว์+ผูกโกรธ ไม่ยอมให้อภัย
5.มะเร็งปอด - ฆ่าสัตว์+รมควัน เผาที่นา ขาย/สูบบุหรื่
6.มะเร็งกระเพาะ/ลำไส้ - ทำร้ายผู้อื่นที่ท้อง
7.มะเร็งตับ - ดื่มสุรา
8.มะเร็งมดลูก/อัณฑะ/ต่อลูกหมาก - ฆ่าสัตว์+เจ้าชู้
9.มะเร็งเม็ดเลือด/ไต/ต่อมน้ำเหลือง - ยักยอก รับสินบน คดโกง ขโมย ปลอมปนสินค้า<!-- End main-->

ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=medical&month=05-2008&date=09&group=7&gblog=2
</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>แม่นายมล<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Oct 2005
สถานที่: โคราช
อายุ: 43
ข้อความ: 596
พลังการให้คะแนน: 498







</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>สะเก็ดข่าว จากจิตจักรวาล

</CENTER>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>สะเก็ดข่าว จากจิตจักรวาล “กฎแห่งธรรม” 157

• ผู้ที่ทรยศต่อในหลวง ต่อแผ่นดินเกิด ก้าวล่วงพระองค์ ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจะจบชีวิตด้วยโรคร้าย คือ มะเร็ง ทั้งสิ้น เช่น

- มะเร็งต่อมลูกหมาก

- มะเร็งลำใส้ หรือ ใส้สึก(หรอ)นั่นเอง

- มะเร็งคอ หรือ ที่กล่องเสียง (ผู้ที่มีอาชีพเป็นทนายหรือผู้พิพากษา ที่ใช้อาชีพในทางที่ผิด พูดดำให้เป็นขาว หลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อตามที่ตนพูด)

- มะเร็งในเลือด คนที่หลอกพี่ๆ น้องๆ หรือประชาชนในชาติให้หลงใหลบูชาในตน ให้พวกเขาหลงเชื่อว่า เป็นเทพบุตร โกงเลือดเนื้อพี่น้องของตน(คอรัปชั่นต่างๆ การโกงกินเงินหลวง ที่มาจากภาษีของคนทั้งประเทศ) มันเป็นการกินเลือดกินเนื้อพี่น้องตน ต้องใช้กรรม โดยเป็นโรคเลือด ต้องเจ็บป่วยอย่างทุกข์ทรมานก่อนตาย จะช้าหรือเร็วก็ต้องจบแบบนั้น
โรคหัวใจวายจะไม่เกิดกับคนเหล่านี้ เพราะมันไม่ทรมาน

• แผ่นดินกรุงเทพฯ ก็จะใช้งานไม่ได้ ต้องย้ายเมืองหลวง เพราะแผ่นดินไม่บริสุทธิ์ เปรอะเปื้อนเลือด(ชั่วๆ) ไม่เหมาะเป็นเมืองหลวง

(คิดอะไรอยู่รู้น๊า...ปล่าวสร้างข่าวเพื่อขายที่นะตัวเอง ไม่มีเงินก้อน ให้ผ่อนก็ได้ อ๋าว.. อิอิ ล้อเล่น..)

...จบข่าว...

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สิงห์บุรี-ชาวบ้านกลัวไม่กล้ากินน้ำและผักที่ถูกฝนเหลือง​

​

ชาวบ้านไม่กล้า กินน้ำและกินพืชผัก ที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้าน กลัวจะได้รับอันตรายจากน้ำปริศนาสีเหลืองตกลงมาจากท้องฟ้า

ที่จังหวัดสิงห์บุรี ชาวบ้านในตำบลหัวป่า อำเภอพรหมบุรี หลายหลังคาเรือนหลังเจอน้ำปริศนาตกลงมาจากท้องฟ้า เป็นเม็ดคล้ายฝนมีสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็นคล้ายกำมะถัน และตกลงมาทุกวันมาหลายวันแล้ว หล่นใส่บ้านเรือนชาวบ้าน ตากเสื้อผ้า ตากปลา จอดรถไว้กลางแจ้งไม่ได้ เดือดร้อนหนักเนื่องจากพืชผักสวนครัวในบริเวณบ้าน เช่น พริก กระเพรา โหระพา ที่ปลูกไว้รับประทาน ไม่สามารถนำมาปรุงอาหารได้ เกรงจะได้รับอันตรายจากน้ำปริศนาสีเหลืองตกลงมาจากท้องฟ้า

โดยนางสดสี ปรองดอง อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านบอกว่า ที่บ้านจะปลูกผักไว้กิน ปลูกแบบธรรมชาติไม่ได้ฉีดยาฆ่าแมลง แต่พอเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นก็ไม่กล้ากิน กลัวเป็นอันตราย เพราะยังรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ส่วนช่วงนี้จะทำอาหารก็จะไปหาซื้อแทนการเก็บจากที่บ้าน

ด้านนางลิ้นจี่ ศรสำราญ อายุ 76 บอกว่า ก่อนที่จะมีน้ำปริศนาตกลงมา ป้าได้ตากกล้วยไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งไว้กินเองและขายด้วย กล้วยตากทั้งหมดก็ต้องทิ้ง ทั้งหมดกลัวจะเป็นอันตรายถ้ากินเข้าไป

ส่วนนางสุดใจ สุขาวโรทัย อายุ 76 ปี บอกว่าที่บ้านจะกินน้ำฝน แต่ตอนนี้ไม่กล้ากินน้ำที่รองน้ำฝนไว้ เพราะกลัวน้ำฝนเหลืองจะกระเด็นลงไปในโอ่ง ทุกวันนี้ก็จะซื้อน้ำกินเพราะกลัวเป็นอันตราย

ซึ่งในขณะนี้ชาวบ้านต้องการอยากจะรู้ว่าสิ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มันคืออะไร และขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งดำเนินการหาผลการตรวจสอบมาให้ชาวบ้านได้ทราบให้เร็วที่สุด

ข่าวTV ช่อง 3 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ที่มา http://www.krobkruakao.com/kkn/?a=news&s=detail&news_id=15409

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฮือฮาบ่อน้ำทิพย์ มีน้ำไหล วัดร้างอายุพันปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
อัศจรรย์ น้ำไหลออกจากบ่อน้ำโบราณ ภายในวัดร้าง ทั้งที่แห้งมานาน หลังเกจิเข้านิโรธกรรมได้ 2 คืน ชาวบ้านแห่มาดู เรียก "บ่อน้ำทิพย์" และช่วยกันบริจาคอิฐก่อสร้างเจดีย์...


เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 4 ก.พ 2553 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีบ่อน้ำโบราณมีชาวบ้านแตกตื่น ไปกันที่วัดพระบาทน้ำทิพย์ (วัดร้าง) บ้านห้วยไซ ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นเขตติดต่ออำเภอสันกำแพงเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นอำเภอสันกำแพง ยอดเขาวัดพระบาทน้ำทิพย์ หมู่ 9 ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ตั้งอยู่บนเนินเขาจากการสังเกตการณ์ ซึ่งเป็นวัดร้างมากว่าพันปี โดยมีชาวบ้านไปมุงดูจำนวนมาก ถึงความอัศจรรย์ ในครั้งนี้ เพราะบ่อน้ำแห่งนี้ อยู่ภายในวัด มีความลึกประมาณ 2 เมตรกว้างประมาณ 1 เมตร อยู่บนเนินเขา ไม่มีน้ำมาหลายสิบปีกลับไหลอีกครั้งหลังจากพระเกจิล้านนาเข้านิโรธกรรม

จากการเปิดเผยของ หลวงพ่อวีระ อคฺคจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดกู่ม่านมงคลชัย หมู่ 13 ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ ประธานบูรณวัดพระบาทน้ำทิพย์ พร้อมทั้งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 และชาวบ้านห้วยไซ ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ได้กราบอาราธนานิมนต์ ครูบาภาราดร ธีรวโส เกจิล้านนาแห่ง วัดพระธาตุทุ่งตูม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ มาเข้านิโรธกรรม ไม่ฉันอาหาร 7 วัน 7 คืน ฉันแต่น้ำในบาตร เท่านั้น โดยมีกำหนดเข้านิโรธกรรม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมาออกนิโรธกรรม วันที่ 8 ก.พ. 2553 ที่จะถึงนี้ หลังจากออกนิโรธกรรมแล้ว จะมีพิธีวางศิลาฤกษ์ สร้างพระธาตุเจดีย์ ในวันที่ 8 ก.พ 2553 เวลา 09.00 น. โดยมีหลวงพ่อพระเทพมหาเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำพูน มาเป็นประธาน วางศิลาฤกษ์ ในครั้งนี้ สิ่งที่แปลกประหลาดมาก หลังจากได้เข้านิโรธได้ 2 วัน บ่อน้ำที่อยู่ห่างจากจุดปฏิบัติธรรมของ ครูบาภาราดร ธีรวํโส ประมาณ 9 เมตร กลับมีน้ำไหลออกมา สูงจากก้นบ่อประมาณ ครึ่งเมตร ทั้งที่บ่อตั้งอยู่ยอดเขาวัด

หลวงพ่อวีระ อคฺคจิตฺโต ประธานบูรณวัดพระบาทน้ำทิพย์ กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ชาวบ้านที่มาเห็นต่างไปพูดกันปากต่อปาก ทำให้มีคนขึ้นมาวัดจำนวนมาก และ ช่วยกันบริจาคเป็นเจ้าภาพอิฐที่จะใช้ก่อเจดีย์ โดยแต่ละคนจะเขียนชื่อตัวเองที่อิฐกันทุกคน จนอิฐไม่พอต่อความต้องการ ต้องสั่งอิฐเพิ่มอีกหลายคันรถ จนโรงงานผลิตแทบไม่ทัน

นอกจากนั้น นายสมคิด ใจน้อย ผู้ใหญ่บ้านห้วยไซ หมู่ 9 ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ได้นำชาวบ้านมาพัฒนาวัดกว่าร้อยคน กล่าวว่า รู้สึกแปลกมากที่จู่ๆ บ่อน้ำที่แห้งมานาน จะมีน้ำไหลออกมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่สอง ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งแรกจำได้ว่าเกิดขึ้น เมื่อค้นพบวัด ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว จัดพิธีบวงสรวง สร้างวัดตามประเพณีทางเหนือ ปรากฏว่ามีน้ำไหลออกจากบ่อเหมือนกัน แต่อยู่ได้ประมาณ 7 วันก็แห้งไป ชาวบ้านแถวนี้เลยเรียกวัดนี้ว่า “วัดพระบาทน้ำทิพย์ “ เช้าทุกวันจะมีพระสงฆ์มาบิณฑบาต 9 รูปตั้งแต่เข้านิโรธกรรมมา


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คนที่มาจากโลกในอนาคต ปี ค.ศ. 2036 !!!


​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sutatip_b<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2933602", true); </SCRIPT> สมาชิก

เจอคนที่มาจากอนาคต ปี 2036 เขาบอกว่า new world order น่ะเหรอ เหมือน Nazi น่ะ วันนี้คุณกลัวนาซีไหม ... ไม่อยู่ในสายตา....

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พลอยรุ้ง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2934194", true); </SCRIPT> สมาชิก

อาจารย์ไก่คะ สนใจตรงที่เจอคนที่มาจากอนาคตน่ะค่ะ พอจะเฉลยให้ฟังได้ไหมคะ ว่าเจอยังไง จะได้หายสงสัยค่ะ (เค้าแว๊บผ่านมิติมาใช่ไหมคะ -ลองเดา จากที่อ่าน กท. เขากะลา เรื่องเปิดมิติค่ะ) ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sutatip_b<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2933602", true); </SCRIPT> สมาชิก

โพสต์นี้ถามมาเมื่อ 11:11 am. เวลาระบบ จึงต้องตอบค่ะ ด้วยความยินดีตอนได้ข่าวสารก็ฟังมาเฉยๆ ตอนนี้เชื่อว่า อะไรก็เป็นจริงได้ ตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้วเห็นปาฏิหาริย์ระบบเกิดขึ้นทุกวัน...

ตามเรื่องแผนที่น้ำท่วมโลกใหม่ ไปพบชื่อคนๆ หนึ่งในวีดีโอยูทูบ อยูในแถบวีดีโอตัวเลือกข้างขวา ยังไม่ได้ตามดู เพราะมาดูวีดีโอของคนเขียนแผนที่เสียก่อน เป็นวีดีโอโฟนอิน ของรายการวิทยุ ปี ๒๐๐๘ คนเขียนแผนที่จะมาออกอากาศ ชม. ๒ ปรากฏว่า ชม.แรกมีคนโทรเข้ามา บอกว่าคนชื่อนี้.. (ที่เห็นชื่อในวีดิโอ) มีตัวตนจริงๆ เคยเห็นตัวเป็นๆ รัฐบาลสหรัฐคุมตัวเข้มโดยทหารเลยสงสัยว่าเขาเป็นใคร

พอค้นชื่อ John Titor พบว่าเป็นคนเข้าเว็ปบอร์ดในอเมริกา ปี ๒๐๐๑ อ้างว่ามาจากอนาคตด้วยไทม์มะชีน ไปปี ๑๙๗๕ เพื่อมาหาชิ้นส่วนของ IBM mainframe 5100 เพื่อเอากลับไปซ่อมคอมในปีของเขา เพิ่งเสร็จภาระกิจ จึงแวะมาปี ๒๐๐๑ เพื่อทำธุระกับพ่อแม่ตนเองที่ฟลอริด้า เขาเกิดปี ๑๙๙๘ ดังนั้นในการเยี่ยมบ้านที่ฟลอริด้าจึงได้พบตัวเองตอนมีอายุ ๓ ขวบ

เขาตอบคำถามต่างๆ แต่ส่วนใหญ่คนถามผลฟุตบอลและให้เก็งสต็อค ซึ่งเขาไม่ทำ ถามภัยพิบัติ เขาไม่บอก บอกว่าไม่สามารถแทรกแซงกรรมของมนุษย์ได้ แต่บอกว่า ในปี ๒๐๑๑ มีสงครามกลางเมืองในอเมริกา(จำได้ไหมใครเคยว่าดวงการเมืองเรากับอเมริกาคล้ายกัน เพราะอยู่กันด้านตรงข้ามโลก หรือคำทำนายของหมอบางคนจะจริง) แล้วก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ เมืองใหญ่ในอเมริกาถูกทำลายหมด ยุโรปเละ ที่อื่นไม่ทราบ คนอเมริกันตายไป ๑๕๐ ล้านคน (ประชากรในเดือน ก.พ. ๒๐๑๐ มี ๓๐๘ ล้านคน) หายไปครึ่งหนึ่ง

ในปี ๒๐๓๖ อากาศเป็นพิษ สิ่งที่มีค่ามากที่สุดคือน้ำสะอาดที่ไม่มีกัมมันตรังสี ผู้คนเห็นความตายเป็นเรื่องปรกติ ไม่มีไฟฟ้า เว้นแต่แบตเตอรี่ ๑๒ โวลต์มีรถเต็มไปหมดแต่ไม่มีคนขับ ต้องปลูกอาหารกินเอง ทอผ้าใช้เอง ไม่ต้องเรียนสูงๆ แล้ว มาเรียนปลูกผัก ทอผ้า ฯลฯ

ภาพจากคนที่วาดให้สตาร์วอร์ จากอินเตอร์เน็ต เขาอยู่บ้านบนต้นไม้ ในหมู่บ้านบนต้นไม้ ในแม่น้ำในฟลอริด้า เขาบอกว่าถ้าพ่อไม่ตัดสินใจออกจากเมืองใหญ่ก็คงตายกันไปแล้ว มีหมอ แต่ไม่มียา หมอก็ถือล่วมยาเยี่ยมตามบ้านและทำคลอด ใครเจ็บก็ตายไปเป็นเรื่องธรรมดา

แทบจะไม่มีทารกเกิดเลย เพราะได้รับสารพิษกันเกือบทั้งหมด...ข่าวดีมีอินเตอร์เน็ต อย่าลืมว่าต้องใช้ไฟแบตเตอรี่ มองดวงอาทิตย์ไม่เห็น เพราะมลภาวะบังหมด<!-- google_ad_section_end -->

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ไทร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2937886", true); </SCRIPT> สมาชิก

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">พอค้นชื่อ John Titor
พบว่าเป็นคนเข้าเว็ปบอร์ดในอเมริกา ปี ๒๐๐๑ อ้างว่ามาจากอนาคตด้วยไทม์มะชีน ไปปี ๑๙๗๕ เพื่อมาหาชิ้นส่วนของ IBM mainframe 5100 เพื่อเอากลับไปซ่อมคอมในปีของเขา </TD></TR></TBODY></TABLE>
ได้ลองค้นดูเหมือนกันครับ เท่าที่อ่านดูจาก wikipedia ตามลิงก์ด้านล่างนี้ยังไม่พบว่ามีคำทำนายของเขาอันไหนที่ตรงเลยนะครับ มิหนำซ้ำดูจะมีข้อที่ชวนให้สงสัยถึงความน่าเชื่อถือของเขามากขึ้นไปอีกด้วยครับ

John Titor - Wikipedia, the free encyclopedia

ไม่ได้ต้องการจะขัดแย้งอะไรนะครับ แต่เกรงว่าการกล่าวถึงข้อมูลที่ดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก อาจจะทำให้กระทู้ดูไม่น่าเชื่อถือตามไปด้วยน่ะครับ

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sutatip_b<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2933602", true); </SCRIPT> สมาชิก

ขอบคุณที่แจ้งข่าวค่ะ ดิฉันอ่านจาก archive ของบอร์ดสนทนาเดิมทราบว่า event ไม่ตรง แต่เขาบอกว่า การเดินทางของเขาจะทำให้เวลาปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป 2-3 % แต่มันจะเล็กน้อยมากในเวลาของเขาทำให้เขาไม่สามารถเดินทางไปในเวลาใกล้จริงได้ เพราะมันจะเปลี่ยนแปลงเวลาของเขาด้วย

คุณพลอยรุ้งถาม ดิฉันก็ตอบ ดิฉันไม่ใช่ผู้สร้างข้อมูล แค่ถ่ายทอดตามสภาวะเห็นคนกังวลเรื่อง นิว เวอร์ด ออเดอร์ มีคนที่อ้างว่ามาจากอนาคตบอกว่า จิ๊บจ๊อย.. ในอนาคตเรื่องอื่นสำคัญกว่า เช่นน้ำสะอาดปลอดรังสี

อยากให้ลองฟัง โดยไม่ตัดสินว่าถูกหรือผิด แต่ลองคิดว่า ถ้าโลกข้างหน้าเป็นอย่างนั้น เพราะสิ่งที่มนุษย์กระทำในวันนี้...วันนี้ที่เราทำเราไม่ได้คิด...ทราบไหมว่าในอินเดียใต้ผู้ดีมีเงินเสริฟอาหารมื้อหรูเป็นมังสวิรัต (เขากินมังสวิรัติกันทั้งเมือง) บนใบตองอ่อน..ของเรา มาม่าหนึ่งซองก็เป็นมลภาวะ (ซองมาม่า ซองเครื่องปรุง กี่ปีกว่าจะย่อยสลาย) ชามโฟมหนึ่งใบก็เป็นมลภาวะ มนุษย์หนึ่งคนขยะได้ย่อยสลายไม่กี่ กก.ต่อวัน บัตรเติมเงิน ถุงพลาสตกใส่ข้าวเหนียวส้มตำ แก้วสเลอปปี้จาก 7/11 ถุงใส่บราวนี่ที่มหาลัย ชามโฟมใส่ยำวุ้นเส้นสะดวกซื้อ ห่อเอ็มแอนด์เอ็ม กล่องโฟมใส่้ข้าวไก่กระเพรา

พลาสติกใช้สารตั้งต้นจากเชื้อเพลิงฟอสซิล พลาสติกทำร้ายโลกทางอ้อม อันนี้แค่ตัวอย่างเดียว ขุดน้ำมันขุดก๊าซจนหมด ของตัวไม่มีไปรบกับคนอื่นเพื่อยึดครองสัมปทาน อ้างความปลอดภัย (หรือนิว เวอลด์ ออร์เดอร์มีจริง...) ทุกคนแก่งแย่งแข่งดีเพื่อพระเจ้าองค์ใหม่ ...เงิน...จนไม่สนว่าการได้มาซึ่งทรัพย์ (แล้วเอาทรัพย์ไปซื้ออำนาจ) นั้นเบียดเบียนชีวิตใคร

คิดว่ามาเล่านิทานก็แล้วกันค่ะ เพราะคุณขอมา ถ้าไม่จริงก็แค่ชวนคิด..

แจ้งเพื่อทราบ แจ้งเพื่อให้คิดกันเล่นๆ ออกกำลังสมองหน่อยจะได้ใช้อ็อกซิเจนเยอะๆ เผื่อวันหน้าต้องใส่หน้ากากรังสี เขาบอกว่าคนไม่ชอบฟังความจริงอนาคต ถ้าเรื่องที่ทราบไม่เหมือนที่เราคิด เช่นถ้าใครบอกว่าเราจะตายพรุ่งนี้ เรามักจะว่าไม่จริงหรอก ถ้าจริงส่วนใดส่วนหนึ่งของเรื่องที่ John Titor เล่าเป็นจริง.....อึ๋ย....

ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

5-02-2010, 12:36 AM
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อความจาก-กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย-เขากะลา.86674/page-642

<!-- google_ad_section_end -->

 

ขอให้ร่วมกันนั่งสมาธิ แผ่ความรัก แผ่ความเมตตา​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->MOUNTAIN<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2936085", true); </SCRIPT> สมาชิก

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ตั้งแต่เวลา ๐๕.๑๑ น. - ๐๖.๐๑ น.

ไม่ว่าท่านจะอยู่จุดไหน มุมไหน ของโลก ขอให้ร่วมกันนั่งสมาธิ แผ่ความรัก ความเมตตา ให้กับคนทั้งโลก ทั้งจักรวาล น้อมรับคลื่นพลังบริสุทธิ์ เข้าสู่ตัวเรา ฟอกธาตุขันธ์ ปรับสมดุลธาตุ ให้พร้อมใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขอพระบารมีแห่งองค์พระมหาสถามะปราบ โพธิสัตว์ ช่วยยกกรรมหนัก ให้ออกไปก่อน ให้ผลของกุศลกรรมส่งผลด่วน ส่วนผลของอกุศลกรรม ให้ยกไว้ก่อน

การทำสมาธิ ในวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ เวลา ๐๕.๑๑ น. - ๐๖.๐๑ น.

นั่งในท่าที่สบาย หายใจยาวๆช้าๆ ให้เต็มปอดเข้าและออก ๕ ครั้ง จากนั้นกำหนดให้แสงสว่าง เข้ามาที่ศีรษะ ให้ศีรษะเต็มไปด้วยแสงสว่างในสมองของเรา จะมีแต่ความคิดที่ดีงาม

ค่อยๆกำหนดแสงสว่าง มาที่ตา มาที่หู มาที่ปาก ตาของเราจะมองแต่สิ่งที่ดี หูของเราจะฟังแต่สิ่งที่ดี ปากของเราจะพูดแต่สิ่งที่ดี

กำหนดแสงสว่างมาที่แขนทั้งสองข้างของเรา แขนทั้งสองข้างของเรา เต็มไปด้วยแสงสว่าง เราจะใช้แขนกระทำในสิ่งที่ดีงาม ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นด้วยความรักและความเมตตา

กำหนดแสงสว่างลงมาที่เท้าทั้งสองของเรา เราจะก้าวเดินไปในทางที่ดี

น้อมนำแสงสว่าง มาไว้ที่กลางหัวใจ ในหัวใจของเรา เต็มไปด้วยแสงสว่าง ค่อยๆ แผ่แสงสว่างออกจากหัวใจ แผ่ออกไปให้กับคนในครอบครัว แผ่ออกไปให้กับทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ แผ่ออกไปให้ทั่วจักรวาล

ทั่วโลก ทั่วจักรวาล เต็มไปด้วยแสงสว่าง เป็นแสงแห่งความรัก ความเมตตา กระจายออกไปหาที่สุดมิได้ ขอให้โลกของเรา มีแต่สันติสุข สงบ เมื่อแสงสว่างเข้ามา ความมืดก็หายไป

(๑๔ กุมภา วันแห่งความรักสากล)

ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อความจาก-กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย-เขากะลา.86674/page-642

 

จากอาจารย์ไก่ (sutatip_b สมาชิก๗

เห็นคนกังวลเรื่อง นิว เวอร์ด ออเดอร์ มีคนที่อ้างว่ามาจากอนาคตบอกว่า จิ๊บจ๊อย.. ในอนาคตเรื่องอื่นสำคัญกว่า เช่นน้ำสะอาดปลอดรังสี

อยากฝากกลอนสบายๆให้อ่านกันเล่นๆ

รักตัวเอง เป็นเช่นไร ใครรู้บ้าง
ลองถามทาง ใจดู ว่ารู้ไหม
รักตัวเอง จริงๆเห็น เป็นเช่นไร
ฤาแน่ใจ ว่านี่รัก ยิ่งชักงง

หากยังรัก ตัวเอง ไม่เป็นอู่
รักใครอยู่ ก็ดูคล้าย กลายเป็นหลง
รักตัวเอง ไม่เป็น เลยยิ่งงง
ยังคงหลง หลับตา หาไม่เจอ

รักตัวเอง เกรงต้องรู้ ตัวเองก่อน
จึงจะถอน ความหลง ที่คงเผลอ
สว่างวับ ออกจากวง หลงละเมอ
จิตร้องเฮ้อ หลุดเสียที่ สิหนอเรา

จิตอิสระ จะปรากฏ กำหนดเห็น
จะรักเป็น เห็นอยู่ มิรู้เหงา
ใจจะใส สว่างแวว จนแพรวพราว
ไม่มีเขา ไม่มีเรา ให้เศร้าใจ

ใจเป็นกลาง คือทาง แห่งความรัก
จึงรู้จัก รักตัวเอง ไม่หวั่นไหว
รักผู้อื่น อยู่เช่นนั้น ทุกวันวาย
คือผู้ได้ สิทธิ์อยู่รอด ตลอดกาล

หากรักตัเองเป็นความตายที่รออยู่เบื้องหน้าก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอันใดอีกแล้ว
โชคดีจงเป็นของทุกๆท่านเทอญ สาธุ

 

สาธุค่ะพี่ นักวิทย์ร่ายปลายปากกา
เราก็ต้องหายใจเข้า หายใจออก เอาจิตไว้แค่นี้
แต่งานที่อาสามาทำก็ต้องทำต่อไปนะคะ

ให้ละวาง แต่ไม่ใช่ละเลย... จากคุณ juksawat เทศน์ให้ฟังเมื่อวันก่อน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฉลามไมอามีอาละวาด กัดนักโต้คลื่นตายแผลเหวอะ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 กุมภาพันธ์ 2553 12:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=331 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=331> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - ชายหาดทางเหนือของไมอามี ชายฝั่งทางตะวันออกของมลรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯยังไม่ค่อยมีคนมาเล่นน้ำหรือกีฬาทางทะเล หลังจากเมื่อวานนี้ เกิดเหตุการแปลกประหลาดเมื่อเหล่าฉลามออกมาอาละวาดและกัดนักเล่นไคท์เซิร์ฟจนเสียชีวิต.นสภาพมีแผลเหวอะไปทั่วตัว

ตำรวจไมอามีเผยว่า เจ้าหน้าที่กู้ชีพพบ สตีเฟ่น ชาร์ฟเฟอร์ วัย 38 ปี อยู่ในวงล้อมของฉลาม และร้องตะโกนขอความช่วยเหลือนอกชายหาดสจวร์ต ห่างไปทางเหนือของเมืองไมอามี จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ชีพนำพาตัวเขาขึ้นฝั่งจนได้และเร่งพานำตัวส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม เขาเสียชีวิตในเวลาต่อมาเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว โดยมีแผลตามตัวยาว 25 เซ็นติเมตร กล้ามแขนขวาถูกฉีกขาด และยังมีแผลลึกบนมือด้วย ซึ่งน่าจะมาจากการพยายามป้องกันตัวเองของเขา

เหตุระทึกขวัญดังกล่าวนับว่าแปลกประหลาด เพราะบนชายหาดที่เกิดเหตุม่เคยมีฉลามออกมาอาละวาดและทำร้ายคนคนจนตายแบบนี้มาก่อน ทำให้ต้องปิดชายหาดไปเมื่อวันพุธ(4) ก่อนจะเปิดอีกครั้งในวันพฤหัสบดี ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องฉลามขอให้ชาวฟลอริดาอยู่ในความสงบและอย่าตื่นตระหนก

นีล แฮมเมอร์สชแลก ผู้เชี่ยวชาญด้านฉลามจากคณะการทะเลและอากาศวิทยา มหาวิทยาลัยไมอามี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าสลด แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่แทบจะไม่เกิดขึ้นเลย โดยในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากการถูกฉลามเข้าทำร้ายเพียง 4 รายเท่านั้น และโดยปกติแล้ว พวกมันจะไม่กัดคน เว้นเสียแต่ว่าพวกมันถูกยั่ว

อย่งไรก็ตาม เขากล่าวว่า เหตุการณ์คราวนี้ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นอย่างไร แต่ในช่วงเวลานี้จะมีฉลามอพยพเข้ามาแถบนี้เป็นจำนวนมาก บางทีอาจเป็นเพราะชาร์ฟเฟอร์บังเอิญเข้าไปอยู่ในกลุ่มฉลาม ซึ่งรู้สึกว่าต้องป้องกันตัว เพราะเห็นกระดานโต้คลื่นของเขาเป็นสิ่งคุกคามและต้องกัดเขา

แม้ผู้เชี่ยวชาญจะขอให้ประชาชนแถบบนั้นอย่าตระหนก อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านแถบนั้นก็ยังกังวล โดยทีค เทเลอร์ หนึ่งในเพื่อนของชาร์ฟเฟอร์ กล่าวว่า ยังรู้สึกตลอดเวลาว่าพวกฉลามยังอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าฉลามพวกนี้เข้ามาล้อมคนและทำให้พวกเขาตายก็ตาม

ทั้งนี้ ไคท์บอร์ดเป็นกิจกรรมเล่นทะเล ซึ่งผู้เล่นจะอยู่บนกระดานโต้คลื่นโดยให้ว่าวขนาดใหญ่ลากไปมา
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ครับอาจารย์ไก่ ผมยังไม่ลืมพันธะสัญญาแน่นอนครับ
อนุโมทนากับอาจารย์อีกครั้งครับ

 

วันที่ 05 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7008 ข่าวสดรายวัน


"ครูบาน้อย"เข้านิโรธกรรมปี17



นายภัทร กองคำ กรรมการวัดศรีดอนมูล ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การเข้านิโรธกรรมประจำปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ 17 ของครูบาน้อย เตชปัญโญ ปีนี้กำหนดวันที่ 4-7 ก.พ.2553 รวม 3 วัน 3 คืน ในวันอธิษฐานจิตออกจากนิโรธกรรมของครูบาน้อยตรงกับวันอาทิตย์ที่ 7 ก.พ. เวลา 07.09 น. ทางวัดศรีดอนมูล ได้กำหนดให้มีกิจกรรมบำเพ็ญกุศลต่างๆ เช่น การตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 14 รูป ด้วยข้าวสารอาหารแห้ง(เจ) เวลา 09.39 น. มีพิธีสืบชะตาแบบล้านนาไทยและถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ 14 รูป ถวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์สามเณร และเวลา 15.00 น.พิธีทอดผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างโรงพยาบาลประจำตำบลชมภู ผู้ร่วมบริจาคจะได้รับเหรียญครูบาน้อยรุ่นกินไม่หมด (ฉลองอายุ 60 ปี) เลี้ยงอาหารเจสำหรับผู้มาร่วมงานทุกคน สำหรับพิธีสืบชะตาแบบล้านนาโบราณ เชื่อว่าผู้ที่ได้เข้าร่วมพิธีกรรมจะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่มีเคราะห์ ดวงชะตาไม่ดี เมื่อได้เข้าพิธีสืบชะตาแล้วก็จะเป็นการสะเดาะเคราะห์ ปัดเคราะห์ เสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น พิธีสืบชะตาหลวงแบบล้านนาไทยได้นิมนต์พระสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์สวดพระปริตรและชัยมงคลคาถา โดยครูบาน้อย เตชปัญโญ พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์ จะนั่งอธิษฐานจิตแผ่เมตตาจนเสร็จพิธี

ทั้งนี้ ครูบาน้อยจะสวดพระคาถาโองการธรณีสารใหญ่ตำรับล้านนาไทยเพื่อขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยให้ผู้เข้าร่วมพิธีทุกคน ในปีพุทธศักราชครูบาน้อยมีอายุครบ 60 ปี จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกประกอบด้วยเหรียญรูปเหมือนครูบาน้อย รุ่นนะเมตตา 60 ปีครูบาน้อยเนื้อทองคำ เนื้อเงินลงยา เนื้อเงินบริสุทธิ์ เนื้อสามกษัตริย์ เนื้อทองเนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ เนื้อรมมันปู เหรียญ 60 ปีครูบาน้อย รุ่นกินไม่หมด ด้านหน้าครูบาน้อย ด้านหลังพระอุปคุต เนื้อเงินลงยา เนื้อเงินบริสุทธิ์ เนื้อสามกษัตริย์ เนื้อนวโลหะ และเนื้อทองผสม ล็อกเกต รุ่น 60 ปีครูบาน้อยฝังตะกรุดกาสะท้อน พระอุปคุตบูชา รุ่นเหลือกินเหลือใช้ รูปเหมือนครูบาน้อยขนาดบูชา พระสีวลีขนาดบูชา อธิษฐานจิตปลุกเสกระหว่างเข้านิโรธกรรม ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร.0-5342-0277, 0-5342-1040, 08-1724-4465

หาคนเลี้ยงโฮ่งตัวดังได้แล้ว



เมื่อ 4 ก.พ. เอพีรายงานว่า สุนัขโปแลนด์ที่เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก จากกรณีติดค้างอยู่กลางทะเลน้ำแข็งที่ลอยออกจากฝั่งไปไกล 120 กิโลเมตร อยู่ในทะเลบอลติกนาน 4 วัน จนกระทั่งมีทีมกู้ภัยไปช่วย ตอนนี้มีคนมารับเลี้ยงมันแล้ว หลังมีผู้มาขอเลี้ยงสุนัข 6 ราย แต่ไม่ผ่านการพิจารณา ส่วนผู้ที่ได้รับคัดเลือก เป็นชาวประมงที่มีส่วนช่วยชีวิตสุนัขตัวนี้ พร้อมตั้งชื่อสุนัขว่า "บอลติก"

"ปราจีน"ทำฝายกักน้ำหน้าแล้ง



นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผวจ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าแล้งนี้ทางจังหวัดยังไม่ได้รับรายงานการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีเพื่อเตรียมความพร้อมได้สั่งการให้ทุกหมู่บ้านสำรวจแหล่งเก็บน้ำกลางหมู่บ้านว่าใช้ได้หรือไม่ ต้องซ่อมแซมภาชนะในการรองรับน้ำที่จะแจกจ่ายให้ใน 64 ตำบล รวม 708 หมู่บ้าน

ปีที่ผ่านมาได้เตรียมการจัดซื้อภาชนะเพื่อรองรับน้ำไปแจกจ่ายทุกอำเภอกว่า 2,600 ชุด โดยแจกตามบ้าน วัด โรงเรียนของแต่ละหมู่บ้าน เป็นการจัดระบบการแจกจ่ายน้ำไว้ใช้อย่างประหยัด นอกจากนี้ได้สั่งสำรวจจัดทำฝายประชาอาสาเล็กๆ ซึ่งชาวบ้านทำเองสำหรับกักเก็บน้ำไว้ใช้ โดยไม่ปล่อยน้ำไหลทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ ปีนี้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาน้อยมาก

นอกจากนี้จังหวัดยังประสบปัญหาเกี่ยวกับภาวะน้ำเค็มหนุนแม่น้ำปราจีนบุรี บางปีหนุนสูงถึงหน้าร.พ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ส่งผลกระทบต่อการทำน้ำประปา และการนำน้ำไปใช้เพื่อการเกษตร จึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด

ด้านด.ต.ธงชัย พืชคูณ นายก อบต.ไม้เค็ด กล่าวว่า ผลกระทบจากภัยแล้งส่งผลให้เกษตรกรที่ทำสวนผลไม้ ที่ต้องใช้น้ำมาก เมื่อก่อนยังไม่มีวิธีกักเก็บน้ำไว้ใช้ หลังจากได้ไปศึกษาดูงานจึงนำมาประยุกต์บริหารจัดการน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้งนี้

ผวา!ไฟดับ-เขื่อนแล้งผลิตป้อนไม่ทัน ผลพวงศก.ฟื้นธุรกิจใช้กระหน่ำดันม.ค.ทุบสถิติ21%



นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า การใช้ไฟฟ้าในเดือนม.ค.53 มีจำนวนเท่ากับ 12,281 ล้านหน่วย เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.52) ปรับตัวสูงขึ้น 2,132 ล้านหน่วยหรือคิดเป็น 21.01% ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดหรือนิวไฮ ในประวัติการณ์ โดยในอดีตช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่เคยเติบโตสูงสุดที่ 18%

"ปริมาณใช้ไฟฟ้าเดือนม.ค.ที่สูงมากนี้ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้สภาพอากาศโดยทั่วไปในเดือนม.ค.ยังสูงกว่าในปีที่ผ่าน ส่วนในช่วง 2-3 วันแรกของเดือนก.พ.การใช้ไฟฟ้าเติบโตถึง 17% กฟผ.คงต้องติดตามสถานการณ์ใช้ไฟอย่างใกล้ชิด เพราะหากการใช้ไฟฟ้ายังสูงขนาดนี้มีความเสี่ยงต่อภาวะไฟตกไฟดับหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น เพราะในปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนน้อยกว่าปีก่อน 10% อยู่ในเกณฑ์น้อยมาก อาจไม่สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าช่วยเสริมระบบได้อย่างเต็มที่" นายสุทัศน์กล่าว

ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้ไฟฟ้าเริ่มเห็นเป็นบวกตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยเดือนพ.ย.-ธ.ค.52 โตกว่า 10% จากช่วงต้นปี"52 ที่ติดลบกว่า 10% ทำให้ทั้งปี"52 มีปริมาณการใช้รวม 145,233 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้นเพียง 0.004% โดยกฟผ.คาดว่าการใช้ไฟฟ้าในปี"53 นี้จะสูงถึง 4.72% ซึ่งปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว เพราะการผลิตของอุตสาหกรรมและเอสเอ็มอีที่มีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าถึง 50% กลับมาใช้ไฟฟ้าเป็นปกติแล้ว

นายสุทัศน์ กล่าวต่อว่า คงต้องติดตามปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(พีก)ที่คาดการณ์ปีนี้จะอยู่ที่ 23,000 เมกะวัตต์ว่าจะสูงกว่านี้หรือไม่ จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 22,044 เมกะวัตต์ หรือคาดว่าจะสูงขึ้น 5.21% แค่เดือนม.ค.เดือนเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับม.ค.ปีนี้พีกสูงถึงที่ 21,000 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 2,300 เมกะวัตต์ เทียบเท่าโรงไฟฟ้ากว่า 3 แห่ง ปัจจุบันปริมาณสำรองไฟฟ้าอยู่ที่ระดับ 25% ไทยใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้า 70% คิดเป็น 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตไฟฟ้า ดังนั้นหากเกิดอุบัติเหตุในระบบส่งก๊าซฯขึ้นมาอีก กฟผ.กังวลว่าอาจมีปัญหาต่อระบบไฟฟ้าขึ้นมาได้

นายบรรพต แสงเขียว รองผู้ว่าการกฟผ. และโฆษกกฟผ. กล่าวว่า คงต้องติดตามการใช้ไฟฟ้าในลักษณะวันต่อวัน และเตรียมพร้อมการผลิตให้พร้อมรับกับอุบัติเหตุด้านการผลิต เพราะตัวเลขการเติบโตถึง 21% กฟผ.ไม่เคยเห็นมาก่อน และในปี"53 มีโรงไฟฟ้าที่จะเข้าระบบ 2 แห่ง คือโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ 700 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 จากลาว 920 เมกะวัตต์ เป็นการเข้าระบบมาชดเชยความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น จึงคาดว่าจะไม่ทำให้การสำรองไฟฟ้าปีนี้ต่ำไปกว่า 20%

เยอรมนีหนาวเหน็บ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


</TD></TR></TBODY></TABLE>กลุ่มคนไม่กลัวหนาวหลายร้อยคนออกมาเดินเล่นท้าลมหนาว บ้างก็เล่นสเกตอย่างสนุกสนานท่ามกลางอากาศเย็นยะเยือกที่มองไปทางไหนเห็นแต่หิมะขาวโพลน อุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศา รอบทะเลสาบวานเซ่ในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี แต่หนาวจนหิมะตกแบบนี้ทำให้การคมนาคมทั่วเมืองเป็นอัมพาตและทำให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปเสียหายหลายแสน (ภาพ-เอเอฟพี)


<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>สอบนักร้องโสม จี-ดราก้อน คดีฉาวอึ๊บแดนเซอร์

กลางเวทีคอนเสิร์ต

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>เมื่อ 5 ก.พ. เอเอฟพีรายงานคดีเขย่าวงการบันเทิงเกาหลีใต้ เมื่อหนุ่มแร็พเพอร์ จี-ดรากอน นักร้องดังของเกาหลี วงบิ๊กแบง ถูกอัยการเรียกสอบสวนนานกว่า 90 นาที ว่า เปิดการแสดงสยิวจริงๆ บนเวทีคอนเสิร์ต จัดขึ้นทางใต้ของกรุงโซลหรือไม่ หลังมีการตั้งข้อสังเกตว่า จี-ดรากอน มีเพศสัมพันธ์บนเวทีกับนักเต้นสาว เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมร้องเพลงที่มีเนื้อหาเรตเอ็กซ์ ต่อหน้าผู้ชมที่มีเยาวชนอายุน้อยจำนวนมาก

"ผมบอกไปว่า ผมไม่ได้คิดว่านั่นเป็นการแสดงที่อนาจาร" จี-ดราก้อนให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้าให้การต่ออัยการ และว่า เพลงที่ถูกว่า 2 เพลง ก็ไม่คิดว่าเป็นเรตเอ็กซ์

ตามกฎหมายของเกาหลีใต้ ความผิดในการแสดงลามกอนาจารคือจำคุก 1 ปีขึ้นไป หรือปรับ 150,000 บาท ในกรณีของจี-ดรากอน อัยการจะตัดสินใจภายใน 1 สัปดาห์ว่า จะส่งฟ้องหรือไม่


ข่าวอุบาทมั่กๆๆเลย


</TD><TD vAlign=top align=left>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21></TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>
เปรี้ยง!



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


</TD></TR></TBODY></TABLE>ภาพจากกล้องฮับเบิล สเปซ นักดาราศาสตร์เชื่อว่าเป็นการจับภาพวัตถุอวกาศ 2 ชิ้นพุ่งชนกันได้เป็นครั้งแรก ห่างจากโลก 144 ล้านกิโลเมตร เกิดเป็นฝุ่นฟุ้งกระจายคล้ายอักษร X และอาจเหมือนดาวเคราะห์น้อยที่พุ่งชนโลกจนไดโนเสาร์สูญพันธุ์ เมื่อ 3 ก.พ.







อิหร่านส่ง"หนู-เต่า"โฉบอวกาศ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
อิหร่านผงาด- นาทีที่อิหร่านยิงจรวดคาโวชการ์ 3 ที่มีแคปซูลบรรจุสิ่งมีชีวิตขึ้นสู่วงโคจรได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ทำให้ชาติตะวันตกยิ่งวิตกกันใหญ่ว่าอิหร่านจะใช้อาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีอวกาศเพื่อพัฒนาขีปนาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างรุนแรงยิ่งขึ้น (เอเอฟพี)


</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. อิหร่านถือโอกาสฉลอง 31 ปีการปฏิวัติอิหร่าน ยิงจรวดบรรทุกแคปซูลบรรจุสิ่งมีชีวิตขึ้นสู่วงโคจรนอกโลกเป็นครั้งแรก ทำให้รัฐบาลชาติตะวันตกพากันวิตกกังวล เพราะหวั่นว่า อาจเป็นการพัฒนาแสนยานุภาพและอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน

ทีวีรัฐบาลอิหร่านรายงานว่า จรวดคาโวชการ์ 3 บรรทุกแคปซูลใส่สัตว์มีชีวิต ได้แก่ หนู 1 ตัว เต่าตัวเล็กๆ และหนอนจำนวนหนึ่ง ออกไปในอวกาศ ถือเป็นการทดลองครั้งแรกที่อิหร่านส่งสิ่งมีชีวิตออกไปยังอวกาศ ซึ่งเดินทางกลับมายังโลกได้สำเร็จ แต่สถานีดังกล่าวไม่ได้รายงานว่า สัตว์มีสภาพอย่างไรบ้าง นายอาห์หมัด วาฮิดี รมว.กลาโหม กล่าวว่า ข้อมูลทางชีวภาพจากสัตว์เหล่านี้จะส่งไปให้นักวิทยาศาสตร์ประเมินผล

ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจัด ผู้นำอิหร่าน กล่าวว่า เป็นผลงานยอดเยี่ยมมากที่ส่งสิ่งมีชีวิตออกไปยังอวกาศ เพื่ออิหร่านจะได้ทดลองสัตว์เหล่านี้ หลังจากมันกลับมายังโลกแล้ว

ในภาพทีวี ผู้นำอิหร่านยังเผยโฉมจรวดรูปทรงเหมือนขวดนม สำหรับบรรทุกดาวเทียมชื่อ ซิมอร์จ แปลว่า นกฟีนิกซ์ หนัก 100 กิโลกรัม ทะยานได‰สูง 500 กิโลเมตร พร้อมประกาศว่า ต่อไปจะเพิ่มให้เป็นระยะ 700-1,000 กิโลเมตร เพราะหากได้ถึงระยะ 1,000 กิโลเมตรเมื่อใด เท่ากับถึงทุกวงโคจร

ด้านรัฐบาลฝรั่งเศส แถลงปฏิกิริยาเป็นชาติแรก ว่า เมื่อทราบข่าวการยิงดาวเทียมของอิหร่านแล้ว ทำให้วิตกต่อประชาคมโลก เพราะอิหร่านอาจพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ที่ไม่ได้ใช้ด้านพลเรือน

วันเดียวกัน ผู้นำอิหร่านยังแถลงยอมร่วมมือกับสหประชาชาติ ว่าพร้อมจะส่งออกแร่ยูเรเนียมไปให้ฝรั่งเศสและรัสเซียร้อยละ 70 ของปริมาณที่มีอยู่ตามที่ถูกร้องขอ ซึ่งนำไปเสริมสมรรถนะและใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ การส่งออกดังกล่าวจะไม่ทำให้อิหร่านมีปัญหา เพราะอิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้ร้อยละ 20 ภายใน 4-5 เดือน

ทึ่งรัก50ปี "ตา-ยาย"ตายพร้อมกัน

ลูกหลานชู-ประทับใจ ดูแลกัน-ถึงวันสิ้นลม จัดงานศพ"โรแมนติก"



ทึ่งความรักอมตะของพ่อเฒ่าวัย 88 และแม่เฒ่าวัย 83 ครองรักกันมาถึง 50 ปี ถึงวันลาโลกก็ยังจากไปวันเดียวกัน เป็นที่เลื่องลือในหมู่ลูกหลานและชาวบ้านที่รู้จัก ลูกๆ เผยเกิดมาไม่เคยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเลย ถึงช่วง 5 ปีสุดท้าย แม่เป็นเบาหวานเดินไม่ได้ พ่อก็ทำหน้าที่ดูแลเช็ดตัวทำความสะอาดอย่างไม่รังเกียจ พอแม่ลาโลกไปในดึกวันหนึ่ง พ่อก็บ่นปวดเอว แล้วไปเสียชีวิตโดยสงบที่ร.พ.ในวันเดียวกัน เผยจัดงานศพประดับประดาด้วยดอกไม้แสนโรแมนติก

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่วัดสำโรง หมู่ 1 ต.หนองหงส์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพิธีฌาปนกิจศพ นายเสงี่ยม ศรีชัย อายุ 88 ปี และนางลาภ ศรีชัย อายุ 83 ปี ซึ่งลูกหลานและญาติมิตร ตลอดจนชาวบ้าน มาร่วมงานอย่างคับคั่ง เนื่องนายเสงี่ยมและนางลาภ สองตายายที่เสียชีวิตไล่เลี่ยกันนี้ มีชีวิตรักเป็นที่ประทับใจชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากครองรักกันมานานถึง 73 ปี โดยไม่เคยทะเลาะกันเลย มีแต่ความเข้าใจ ดูแลซึ่งกันและกัน จนเป็นที่เลื่องลือตั้งแต่สมัยยังมีชีวิตอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์น่าประทับใจในความรักแท้ของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าคู่นี้ คือ ฝ่ายพ่อเฒ่าเป็นฝ่ายดูแลปรนนิบัติแม่เฒ่า นับจากล้มป่วยเดินไม่ได้ เป็นเวลานานกว่า 5 ปี หลังจากแม่เฒ่าหมดลมจากโลกไป พ่อเฒ่าก็เสียชีวิตตามไปอย่างเหลือเชื่อ โดยระหว่างสวดศพบำเพ็ญกุศล ลูกหลานตั้งศพทั้งสองที่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 1 ต.หนองหงส์

นายณรงค์ ศรีชัย อายุ 50 ปี ลูกคนที่ 5 จากจำนวนทั้งหมด 8 คน เปิดเผยว่า คอยดูแลพ่อและแม่มาโดยตลอด โดยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ร่วมกับพ่อแม่ ส่วนลูกคนอื่นๆ ไปทำงาน และมีครอบครัวแยกย้ายไปอยู่ตามที่ต่างๆ จะกลับบ้านมาดูพ่อแม่เป็นช่วงๆ เรื่องการเสียชีวิตของพ่อแม่นั้น แม่เสียชีวิตลงก่อน เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว

"แม่ป่วยเดินไม่ได้มาเป็นเวลาราว 5 ปีแล้ว นอนอยู่บนเตียงที่พ่อทำให้เป็นพิเศษ ขณะที่พ่อนอนอีกเตียงที่อยู่ใกล้กัน เวลาประมาณ 01.30 น. พ่อและผมได้ยินเสียงแม่ร้อง พ่อจึงรีบลุกขึ้นไปดู พบว่าแม่เสียชีวิตไปแล้ว หลังจากนั้นพ่อจึงให้ผมไปบอกลูกๆคนอื่น ก่อนที่จะมาช่วยกันอาบน้ำแต่งตัวให้แม่ ผมเป็นคนนั่งกอดแม่ ส่วนพ่อเป็นคนเช็ดตัวอาบน้ำและเปลี่ยนผ้าใหม่ให้แม่ด้วยตัวเอง โดยตลอดเวลาพ่อน้ำตาคลอเบ้าตลอด หลังจากนั้น พ่อนำผ้าที่แม่สวมนอนไปเก็บ และได้ยินเสียงพ่อร้องว่าแม่มากดเอวกูทำไม ทำให้พ่อเดินไม่ไหว แล้วจะคุยกับแขกที่มางานได้อย่างไร พ่อบ่นว่าปวดเอว" นายณรงค์กล่าว

นายณรงค์กล่าวต่อว่า จากนั้น พ่อก็เริ่มเป็นลม ลูกๆที่อยู่ใกล้ก็มาถึงบ้าน จึงบอกว่าให้นำพ่อไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่พ่อบอกว่า "กูไม่เป็นอะไร จะไปหาหมอทำไม กูสบายดี" แต่ลูกๆ และหลานเห็นว่าพ่อดูอาการไม่ดี จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งสง เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์บอกว่าพบว่ามีเส้นเลือดโป่งพองในลำไส้ จะต้องผ่าตัดและให้แพทย์เฉพาะทางผ่า ลูกๆจึงตัดสินใจส่งไปที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่เมื่อรถพยาบาลออกจากโรงพยาบาลทุ่งสง ไปถึงอ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง พ่อเริ่มอาการไม่ดี พยาบาลจึงแวะโรงพยาบาลป่าพะยอม พ่อจึงเสียชีวิตลงอย่างสงบที่นั่น หลังจากนั้นเราจึงนำพ่อกลับมารดน้ำศพพร้อมกับแม่ที่บ้าน ซึ่งเป็นการสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมกันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เข้าใจว่าทั้งสองเป็นคู่ชีวิตกันอย่างแท้จริง รักกันมายาวนาน ตนอายุ 50 ปีแล้ว ไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันเลย เมื่อหมดอายุขัย ก็ไปพร้อมกันอีก

ด้านน.ส.พิชญา ศรีชัย อายุ 48 ปี ลูกสาวอีกคน กล่าวว่า พ่อและแม่เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตคู่ แม่เล่าให้ฟังถึงความรักที่มีต่อกันว่า แม่แต่งงานกับพ่อตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยมีสินสอด 90 บาทเท่านั้น พ่อทำสวน ส่วนแม่ทำนา พ่อจะคอยดูแลแม่ สวนจะอยู่ใกล้บ้านมากกว่า พ่อจะรับหน้าที่หุงข้าวทำกับข้าวรอแม่ขึ้นมาจากนา แล้วมารับประทานพร้อมกัน ร่วมกันทำงานอย่างขยันขันแข็ง สร้างเนื้อสร้างตัว เป็นตัวอย่างให้ลูกมาโดยตลอด แต่ราว 5 ปีก่อน แม่ล้มป่วยลงด้วยโรคเบาหวานเดินไม่ได้ พ่อเป็นคนคอยดูแลแม่ ฉีดยาเบาหวานให้แม่ คอยเปลี่ยนผ้าเช็ดตัวให้ ก่อนเช็ดตัวมีการหยอกล้อกันอย่างน่ารัก เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวมาตบหัวแม่เบาๆ อย่างรักใคร่ และเช็ดทุกส่วนอย่างไม่เคยรังเกียจ ล้างปัสสาวะ อุจจาระ เอากระโถนไปเททิ้ง ส่วนพี่ชายจะช่วยคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน ทำกับข้าวหุงหาอาหาร ตอนเช้าพ่อจะจัดสำรับให้แม่กินก่อน และนั่งดูแลจนแม่กินเสร็จพ่อถึงจะกิน

"ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ได้มาจัดการตกแต่งต่อเติมบ้าน พ่อบอกว่า "มึงไม่ต้องทำอะไรหรอก วันหนึ่งแม่มึงตาย กูก็ไม่อยู่บ้านนี้แล้ว" เข้าใจว่าน่าจะไปอยู่บ้านลูกๆ คนอื่น แต่ไม่นึกว่าจะเป็นลางที่พ่อจะหมดอายุขัยไปพร้อมกับแม่ ด้วยความรักที่มีต่อกัน" ลูกสาวกล่าว

น.ส.พิชญากล่าวอีกว่า ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เหมือนพ่อจะรู้ล่วงหน้า ลูกหลานได้มาเยี่ยมมาหา ทั้งพ่อและแม่ต่างอารมณ์ดีกันทั้งคู่ มีการเปลี่ยนผ้าชุดใหม่ทั้งสองคน แล้วบอกว่าวันนี้จะถ่ายรูปให้สวยที่สุด จึงมีภาพที่พ่อกอดคอแม่ถ่ายรูปนั่งยิ้มอย่างน่ารัก แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน พ่อกับแม่มาเสียชีวิตลงพร้อมกัน ซึ่งหาได้ยากมากที่คนครองคู่มาเป็นเวลายาวนาน มีความรักต่อกันอย่างนี้ และยังเสียชีวิตพร้อมกัน

ด้านแม่เฒ่ารายหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนกับพ่อเฒ่าเสงี่ยมและแม่ลาภ เปิดเผยว่า ตั้งแต่สมัยก่อนพ่อเฒ่าเสงี่ยม จะมีเพลงกล่อมลูกและเป็นเพลงประจำตัวของพ่อเฒ่าเสงี่ยมที่ร้องเป็นประจำ มีเนื้อหาว่า "ลอยๆ กินหนมบัวลอยไม่ใส่น้ำตาล รักเราไม่ทันสู่ขอ พี่ปลูกเรือนหอด้วยไม้กระ ดาน" ซึ่งเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันต่างรู้กันดีว่า ทั้งคู่มีความรักต่อกันมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ดังกล่าว ลูกหลานได้จัดบรรยากาศไว้อย่างสวยงาม มีการตั้งหีบศพของพ่อเฒ่า แม่เฒ่าทั้งคู่ ท่ามกลางดงดอกไม้นานาพรรณ และน้ำตกจำลองรอบหีบศพ พร้อมไฟประดับอย่างงดงาม โดยมีภาพของทั้งคู่กอดคอกันยิ้ม ตั้งต้อนรับแขกอยู่หน้าบริเวณทางเข้างานศพอย่างน่ารัก และทางเดินไปเคารพศพ มีการติดบอร์ดภาพของทั้งคู่ในอิริยาบทต่างๆ ตลอดทาง โดยมีการเขียนหัวข้อว่า "เพราะเราคู่กันชั่วนิจนิรันดร์" สร้างความประทับใจให้กับลูกหลานและชาวบ้านที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก

วันละฮากับอาวัฒน์





ผู้หญิงใช้สมองเยอะควรนอนนานกว่าชาย



ศ.จิม ฮอร์น ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการนอนหลับ มหาวิทยาลัยลาฟเบอระ ในอังกฤษ กล่าวว่าผู้หญิงจำเป็นต้องนอนหลับนานกว่าผู้ชายเฉลี่ย 20 นาที เนื่องจากผู้หญิงมีสมองส่วนที่ควบคุมการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน หน้าที่อย่างหนึ่งของการนอนหลับคือให้สมองฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง ในช่วงหลับลึกสมองส่วนคอร์เท็กซ์ที่เกี่ยวกับความทรงจำและภาษาจะหยุดทำงานและเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูตลอดทั้งวัน ยิ่งใช้สมองมากเท่าไรยิ่งจำเป็นต้องพักหรือนอนหลับมากเท่านั้น

ผู้หญิงมีสมองที่แตกต่างและซับซ้อนมากกว่าผู้ชาย จึงทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันได้ เช่น ขับรถไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วยและกินขนมไปด้วย ขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่ทำได้ทีละอย่าง

ความต้องการนอนหลับที่แตกต่างกันยังช่วยอธิบายว่าทำไมสมองผู้ชายแก่เร็วกว่าสมองผู้หญิง "สมองผู้หญิงอายุ 75 ปี เทียบเท่ากับสมองผู้ชายอายุ 70 ปี" ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการที่สมองผู้หญิงจำเป็นต้องได้รับการผ่อนคลายและซ่อมแซมนานกว่า

การนอนที่เหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม แต่ละบุคคลก็มีความจำเป็นแตกต่างกัน แต่ทุกคนจำเป็นต้องได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ ซึ่งสังเกตจากหากนอนหลับเพียงพอแล้วจะไม่ง่วงนอนตอนกลางวัน

ผงะคู่หงส์"หย่า"ต่างนอกใจ



หงส์นั้นเป็นที่ทราบดีว่าเป็นสัตว์รักเดียวใจเดียวและจะอยู่กับคู่ของตนไปจนกว่าจะตายจาก โดยเมื่อตัวหนึ่งตายไปจะถือเป็นโศกนาฏ กรรมของสัตว์ประเภทนี้ที่มีอายุขัยเพียง 15 ปี เพราะอีกตัวจะเฉาและเศร้าสร้อยและจะอยู่ลำพังไม่หาคู่ใหม่ แต่มีหงส์พันธุ์หนึ่งที่แตกต่าง นั่นคือ "พันธุ์บีวิก" ที่มีจงอยปากสีดำและเหลือง อพยพจากอังกฤษบินหนีหนาวไปหาอาหารและขยายพันธุ์ที่สแกนดิเนเวียและรัสเซียแถบอาร์กติกทุกเดือนเมษายน ก่อนจะกลับมาอีกในเดือนตุลาคม เมื่ออากาศอบอุ่นมากขึ้นโดยจะอยู่กับคู่ของตนทั้งไปและกลับ

นักวิทยาศาสตร์เฝ้าติดตามการอพยพของหงส์บีวิกและพบปรากฏการณ์แยกทางที่เกิดขึ้นในฝูงหงส์บีวิกครั้งที่ 2 ในรอบ 40 ปี เพราะมีหงส์อยู่ 1 คู่ที่ตัวผู้กลับจากอาร์กติกพร้อมด้วยหงส์สาวตัวใหม่และไม่นานหงส์ตัวเมียก็หาคู่ใหม่ได้เช่นกัน นักวิทยาศาสตร์จึงวิตกว่า หงส์ซึ่งได้รับการยกย่องมาตลอดในฐานะแบบอย่างของคู่รักที่ซื่อสัตย์ กล้าหาญ จะทำให้คนเปลี่ยนความเชื่อนับจากนี้ไป

 

ที่คุณ Falkman ได้รายงานเกี่ยวกับปรากฎการณ์แปลกประหลาดที่มีกบย้ายฐินที่ชลบุรีจำนวนมากเล็กว่ามีเหตุผลมากที่เดียว เล็กอยู่ที่พัทยาได้ติดตามข่าวตลอดเมื่อเร็วๆ นี้จำได้ว่ามีเหตุว่าถนนสุขุมวิททรุดตัวถึงสองครั้งในเขตบางละมุงในเวลาใกล้เคียงกันเล็กยังจำได้ แล้วที่โคราชก็ทรุดตัวลึกถึง10 เมตร เล็กว่างานนี้งานใหญ่ที่คนในเขตชลบุรีต้องระวังเสียแล้ว ไม่รู้ว่าข้างใต้พื้นดินร้าวไปถึงไหนกันแล้ว การที่กบย้ายถิ่นฐานกันมากต้องมีเหตุแน่

 

นอกเหนือจากแผ่นดินไหวแล้วยังมีภูเขาไฟใต้มหาสมุทรเริ่มระเบิดอีกครับเป็น ปรากฏการณืที่เตือนว่าข้างใต้ดินไม่เสถียรเป็นอย่างมาก

และอย่างที่คุณFalkman ให้ข้อสังเกตุเอาไว้ ระวังแนวพาดจากเมืองกาญจน์ ตัดกรุงเทพ ไปออกชลบุรีเอาไว้ด้วย

ส่วนภัยอื่นที่น่าเป็นห่วงก็คือภัยแล้ง หาก เกิดขาดแคลนน้ำมากๆเข้า ก็อยู่กันยากไม่น้อย


มีข่าวภูมิภาคว่า มีอำเภอหนึ่งในต่างจังหวัดที่ อบต. มีมติให้งบอุดหนุนในชุมชนให้ขุดบ่อน้ำ จำนวน 200 บ่อในพื้นที่เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง

หากทุกอำเภอทั่วประเทศ ทำบ้าง คงจะดีไม่น้อยเลย เสียดายที่ฝนทิ้งช่วงแล้ว

 

- " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->

ข้างบนนี้คือแฟนพันธุ์แท้ :boo: มาหยอดทุกวันเลย

 

ตามนี้เลยครับ ขอเชิญไปร่วมกิจกรรมได้ไม่มีค่าใช้จ่าย

เผื่อว่าความรู้ที่ได้อาจช่วยชีวิตคุณและครอบครัวได้ในยามคับขัน


<table id="post2888572" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">Kongp<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2888572", true); </script>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Jun 2008
ข้อความ: 506
พลังการให้คะแนน: 77


</td> <td class="alt1" id="td_post_2888572" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->5 ทักษะพื้นฐานในการดำรงชีพและการเอาตัวรอด

1. การจุดไฟ

2. การทำที่พักอาศัย

3. การส่งสัญญาณ เพื่อขอความช่วยเหลือ

4. การหาอาหารและน้ำ

5. การปฐมพยาบาลเบื้องต้น

ในวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 มีไปบรรยายที่ ม.รังสิต เป็นครั้งที่ 4 ครับ เริ่มตั้งแต่ 08.00 น. ที่อาคารกีฬาและนันทนาการ

เป็นกิจกรรมของนักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต วิชาค่ายพักแรม

ท่านใดสนใจ เชิญได้เลยนะครับ แต่ว่า เนื้อหา ไม่อัดแน่น เนื่องจาก เป็นเด็กนักศึกษา เน้นบันเทิงมากกว่า

แต่สิ่งที่ผมจะพูด ก็จะพูดในเรื่องของ 5 ทักษะพื้นฐานในการดำรงชีพ

ช่วงเช้า บรรยาย

ช่วงบ่าย ปฏิบัติ หุงข้าวหม้อสนาม และ ทำอาหาร กันเอง โดยใช้เตาถ่าน

มี อาหารฉุกเฉิน อย่าง Seven Oceans ให้ลองทาน ด้วยครับ

อาหารกลางวัน หาทานเองนะครับ ขออภัยในความไม่สะดวก

เส้นทางมา มหาวิทยาลัยรังสิต

directionstoRSU<!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

"ทำใจให้สงบ จะพบความสุขที่เยือกเย็น"
​

<!-- google_ad_section_end -->

</td></tr></tbody></table>

 

[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot]ภัยธรรมชาติ ภัยจากน้ำมือมนุ็ษย์ ไม่ทราบประเทศไทยจะประสพภัยใดก่อน
ภัยธรรมชาติ ห้ามไม่ได้ แต่เตรียมการได้ สุดท้ายก็มีสูญเสีย
ภัยจากน้ำมือมนุษย์สิน่าอนาถยิ่ง
ถ้ามีศีลธรรม หิริโอตตัปปะ เมตตากรุณา และไม่เห็นกงจักรเป็นดอกบัวแล้วภัยดังกล่าวก็ไม่น่าเกิดขึ้นเลย

เลือกได้แต่เลือกผิด ...
จิตวิญญาณที่น่าสงสาร สอบตกอีกชาติหนึ่ง ....
ไม่เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร
[/FONT]

 

[FONT=&quot]เรื่องแผ่นดินไหว จับความจากเทปของพระราชพรหมยานฯ ๒๓ ธค ๓๑ บันทึกเล่มที่ ๕ [/FONT][FONT=&quot]หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวถึงแผ่นดินไหว[/FONT][FONT=&quot] ถอดความสรุปจากไฟล์เสียงในอินเตอร์เน็ต<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]ให้ฟังเป็นนิทาน เหตุที่เกิดแผ่นดินไหว ช่วงนี้มีแผ่นดินไหวหลายแห่ง รัสเซียแผ่นดินยุบ คนตายหลายหมื่น ประเทศจีนก็มี ฟิลิปปินส์ อินเดีย อเมริกา น้ำท่วมมาก บ้านเราก็ท่วมแต่คนไทยว่าไม่เป็นไร[/FONT][FONT=&quot] ๒๕๓๑ น้ำท่วมทั้งภาคกลางและภาคใต้ บ้านช่องข้าวของเสียหาย บริเวณวัดท่าซุงน้ำท่วมสองครั้ง นาและพืชไร่ที่ทำไว้ไร้ผล ทำให้ชาวบ้านจนลงไป คนน้ำท่วมช่วยใครไม่ได้ ต้องขอคนนอกมาช่วย <o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อต่างประเทศมีแผ่นดินไหว อีกหน่อยของเราก็มี เล็กๆ นั่นไม่นับ เอาแผ่นดินไหวใหญ่ พังเป็นเมืองๆ คนตาย เมื่อรัสเซียมีแผ่นดินไหว จีนก็เริ่มมีแผ่นดินไหว จีนเป้นเมืองพี่ไทยเป็นเมืองน้อง จีนเมืองพี่ดินถล่ม ไทยเป็นเมืองน้องก็มีดินถล่มได้ ถ้ายังไม่เกิดเราจะทำแบบไหน ถ้าเกิดเราจะทำแบบไหน[/FONT][FONT=&quot]<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]แผ่นดินไหวมาอย่างไร จากพระสูตรมีเหตุแปดประการ จากธรรมชาติอย่างหนึ่งเอาแค่เรื่องนี้ จำพศ.ไม่ได้ ไปอเมริกาครั้งแรกไปแวะที่ฮาวาย ดร.ปริญญา นุตาลัย ผู้ชำนาญการธรณีวิทยาไปด้วย ขับรถพาไปเที่ยว ฝรั่งจ้างให้ดร. ปริญญาหาเหตุที่เกิดแผ่นดินไหว เหตุมาจากลมพัด ลมกระแทกใต้ดินทำให้แผ่นดินไหว เรื่องนี้เขียนลงธรรมวิโมกข์ไว้แล้วแต่เล่มเล็กคงหายาก คืนนั้นก่อนนอนเห็นพระท่านมาอธิบายว่า แผ่นดินเป็นร่อง ลมมากระแทกร่องใต้แผ่นดินแผ่นดินจึงไหว ถึงไม่เข้าใจก็เชื่อท่านเพราะพระท่านไม่เคยตรัสอะไรผิด แต่ยังสงสัยอยู่ว่า ถ้าโพรงใต้ดินลมเข้าไม่ได้ไปกระแทกจนแผ่นดินไหวได้อย่างไร<o></o>

[/FONT] [FONT=&quot]เมื่อมาถึงแอลเอพบพระท่าน ขณะนั้นราวเจ็ดโมงเช้า พระท่านจึงให้ใส่กลอนเสียจะพาไปดู บอกว่ากว่าจะกลับมาถึงใกล้สิบเอ็ดโมง จับลมอารมณ์ทรงตัวก็ไปเลย ไปดูร่องในแผ่นดิน ไปชมสถานที่โพรงดิน ทีแรกคิดว่าเป็นโพรงเล็กน้อย จะว่าเป็นถ้ำๆต้องมีจุดจบ โพรงดินยาวเยียดไปทั่วโลก บางแห่งกว้างหนึ่งโยชน์หรือเจ้ดโยชนืเหมือนทะเล เส้นใหญ่ทั่วโลกชนกัน เส้นย่อยแยกซ้ายขวา กว่าเป็นกิโลเมตรบ้างกว้างกว่านั้นบ้าง[/FONT][FONT=&quot]<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]ร่องใต้ดินไม่มีน้ำเจิ่ง ไม่มีน้ำ สงสัยว่าน้ำไปไหนหมดแต่ไม่ได้ถามพระ มองพื้นดินส่วนต่ำที่เป็นพื้นดินไม่ใช่ดินแข็ง มันเป็นดินเหลวเป็นเลน เป็นเลนสีน้ำเดือดแต่เดือดหนักจริงๆ คล้ายโคลนเดือดที่นิวซีแลนดื แต่ใต้ดินเดือดหนักกว่านิวซีแลนด์ ใต้พื้นพิภพบางส่วนเป็นน้ำพ่นโชกโชนฟืดๆ ไม่มีกำหนดเวลา มองไปทางไหนก็เห็นพุ่งสูงก็มี ต่ำก็มี[/FONT][FONT=&quot]<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]น้ำที่เดือดแล้วก็ลอยตัวจับกับลม เมื่อมากๆเข้าก่อตัว มีการก่อแรง ถ้าพบกับส่วนไหนของโพรงก็จะเกิดแผ่นดินไหว อยู่ใกล้ก็แรงหน่อย อยู่ไกลก็แรงน้อยหน่อย ใหญ่ๆ ยังไม่มีมาประเทศไทย แต่เริ่มเกิดแล้วที่ประเทศจีน ประเทศไทยอยู่ไกลประเทศจีนไหม พูดให้ฟังไม่พูดให้กลัว คิดเสียว่าถ้าเกิดขึ้นจะกระโดดไปไหน อยูบนหลุมๆ ยุบก็ตกหลุม อยู่ใกล้หลุมยุบก็หล่นใส่หลุม ถามนักธรณีว่าประเทศไทยมีดินเป็นโพรงไหม มีเยอะ ที่น่ากลัวก็หลายจุด ฟังแล้วอย่าเพิ่งสะเทือน ดินเป็นโพรงนี้อยู่ลึกมาก ที่ตื้นคือชายเมืองเชียงใหม่ต่อแม่ฮ่องสอน ต่อแม่สอด ตาก บางก็ไม่ได้บางมาก ยังหนาเป็นกิโลเมตร ยังต้านทานน้ำหนักภูเขาได้อยู่[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]

[FONT=&quot]ที่กาญจนบุรีมีโพรงเชื่อมไปมะริดทวาย ไปอันใหญ่ออกมะริดทะวายไปขึ้นต่างประเทศ ลมที่เป็นไอน้ำรวมมากๆมีกำลังพัดสูงไหลไปไหลมาชนกำแพงด้านข้างด้านใดด้านหนึ่งของโพรงแผ่นดินก็ไหว สงสัยว่าร่องทั่วโลกทำไมลมไม่ไหลไปทั่วๆ พระบอกจะกระจายไปทางไหนเล่าทุกที่มีไอน้ำทั้งนั้น ลมตั้งขึ้นในมหาสมุทรยังกระแทกบ้านเรือนพังทำไมไม่ลอยไปที่โล่งๆ จึงได้เข้าใจ กำลังของมันจะพุ่งไปทางไหนลมมันก็หลีกไม่เป้น ความร้อนมากน้ำไม่มากก็เป็นโคลนเดือด ถ้ามีน้ำมากเป็นน้ำพุกระแสน้ำพุมีกำลังไอสูงมาก ใต้นี้มีน้ำเดือดพุ่งสูง พลุ่งพล่านไปทั่ว น้ำเดือดนี้ที่พลุ่งจับอากาศ[/FONT][FONT=&quot] ไอน้ำระเหยมาแล้วกลายเป็นลม ลมมีมากๆมีกำลังแรง พุ่งชนกำแพงของโพรงในดินแผ่นดินก็กระเทือน <o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot]เวลาจะหมดแล้ว ขอสรุปคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ โลกเป็นอนิจจังมันไม่เที่ยง เราอยู่ในโลกที่ไม่เที่ยงเราก็ไม่เที่ยง ทรัพย์สินที่มีอยู่ก็ไม่เที่ยง คน สัตว์ ทีรักก็ไม่อยู่กับเราตลอดกาล มีแต่ของจากเราหรือเราจากของ ถ้ายังหวังการเกิดในโลกก็ไม่มีความแน่นอนมีแต่ความทุกข์ ความสุขเกิดได้จากความแน่นอนเท่านั้น จึงขอให้พุทธบริษัทหวังนิพพาน รู้จักให้ทานตัดความโลภ รักษาศีลได้เมตตากรุณาคุ้มครองตัดความโกรธทีละน้อย สามภาวนาตัดความหลง ถือว่าเข้าถึงคำสอนขององค์มหามุนี ขอความสุขจงมีแด่ท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]