ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    [​IMG]

    หลวงน้าได้มอบปัจจัย ร่วมสร้างสถานปฏิบัติธรรมฯ เขากะลา



    [​IMG]

    ถ่ายรูปร่วมกันหลังจากเสร็จพิธีขอขมากรรม

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  2. sutanee

    sutanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +3,248
    คงไม่ได้ไปเรียนเป็นล่ำเป็นสัน-cool day-อาจแวะไปขอคำแนะนำบ้างในบางครั้งคงไม่ต้องลงชื่อหรอกนะคะ(good)เพราะตั้งใจว่าจะไม่เรียนอะไรอีกแล้วนอกจากภายในตนเอง;aa46
     
  3. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    เมื่อวานนี้(อาทิตย์28/6/52)
    อาจารย์จักษวัชร์ ได้เดินทางแวะมากราบหลวงปู่คำเป็ง
    ที่บ้านพี่สามเหลี่ยม เจริญราษฏร์8 เวลาบ่ายสองโมง

    ได้ขอพระญาณรักษา ช่วยรักษาให้กับพี่ชายของคุณรักษ์ (แชมป์แฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง) ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกต์ซีกซ้าย ขณะทำการรักษา พี่ชายคุณรักษ์
    บอกว่า พลังของอาจารย์จักษ์ที่มากระทบรู้สึกร้อนมาก ซึ่งแตกต่างจากของผม ที่หนาวเย็นแทบสั่น

    หลังจากรักษาเสร็จ ก็ได้พูดคุยกับจารย์จัก หรือจารจุก หรือจารน้อย ว่า
    ช่วงหลังๆนี่ ทำไมต้องให้ผมกับจารจัก มีกิจกรรมร่วมกันเป็นคู่อยู่บ่อยๆ
    แต่พอนำเรื่องที่ช่วยรักษาพี่ชายคุณรักษ์ มาพิจารณา ก็ทราบว่า เป็นพลังคู่หยินหยาง
    เย็น ร้อน นั่นเอง

    และเรื่องนี้ ก็เป็นอีก story หนึ่งของระบบ เป็นการทำงานของอุปกรณ์ที่ได้รับมา ซึ่งเริ่มทำงานอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว..มีการตรวจกรรม อีกด้วยนะ แหมทันต่อสถานการณ์ขณะนี้มาก ที่มีการเปิดกรรม สแกนกรรม
    ดูดกรรม และอีกสารพัด ที่จะสามารถสื่อกับเจ้ากรรมนายเวรได้ ระบบเขาก็มาจัดให้ ผ่านอุปกรณ์นั่นแหละครับ

    เล่ามาเพื่อทราบครับ
     
  4. Blog 17

    Blog 17 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +26
    ซุปเปอร์โมเดลตัวพ่อ

    โมทนากับอาเจ็กเฉินที่พบหนทางเข้าสู่ วิชาตัวเบาเขากะลา โดยไม่รู้ตัว
    หลังจากอยู่ในวิถีมาตลอดชีวิต ตัวอย่างของซุปเปอร์โมเดลตัวพ่อ
    จะทําให้ผู้ติดตามรุ่นใหม่ของกระทู้นี้ ได้เห็นกลไกของขันธ์ห้าอย่างแท้จริง
    ในการยึดติดซึ่งหลังจากบั่นทอนตัวเอง ยังส่งผลกระทบทางด้านลบสู่คนใกล้ตัว
    จนต้องออกมาอยู่ในบ่วงของตัวเองในช่วงชีวิตที่เหลือ
    ระบบจัดให้จารย์โม่แก้ไขความบกพร่องของ ตัวอุปาทาน<มูลเหตุแห่งทุกข์>
    ให้แก่อาเจ็กเฉิน
    blog17 เชื่อว่าอาเจ้กเฉินยังต้องรับการขยายระบบ เพื่อรับหนทางในการปฏิบัติ
    ซึ่งเป็น สิ่งสัาคัญที่สุดอย่างยวดยิ่ง ในการปลดล็อคเพื่อ วิชาตัวเบาแห่งเขากะลา


    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2009
  5. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    ขอโมทนากับอาเจ็กเฉิน ที่สามารถกลับจิต
    พลิกชีวิตให้ดีขึ้น เข้าถึงสัจธรรมความเป็นจริง
    ที่ว่า ตัวเรานั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงองค์ประชุมของธาตุ๔ ขันธ์ห้า ที่เข้ามาทำงานร่วมกัน อันเป็นกลไกของมันอย่างนั้นเอง

    ระบบเริ่มให้ผมได้ไปพบเห็นผู้คนจำนวนมาก
    และให้ไปรับรู้เรื่องราวของคนต่างๆเหล่านั้น
    ด้วยวิธีการทันสมัยที่กำลัง HOT อยู่ในขณะนี้
    ก็คือการ ดูกรรม หรือสแกนกรรม หรือเปิดกรรม หรืออะไรก็ได้แล้วแต่จะเรียก
    และสิ่งที่ระบบให้ผมได้เข้าไปรู้เข้าไปเห็น
    ก็เป็นเพียงการใช้อุปกรณ์ ที่อยู่ในขันธ์ห้านั่นเอง
    ไม่มีตัวตนของใครเป็นผู้กระทำทั้งสิ้น
    จะถูก หรือจะผิด เป็นเรื่องของระบบ
    ที่จะต้องรับผิดชอบกันเอาเอง

    เมื่อต้องเข้าไป CONNECT กับผู้คน
    ที่มี ทุกข์ แตกต่างกันไป
    ก็จะเห็นได้ว่า ความทุกข์ของแต่ละคนนั้น
    เกิดขึ้นเพราะความห่วง แทบทั้งสิ้น

    ห่วงว่า ตัวเราจะเดือดร้อน จึงพยายามหาทางแก้ไข
    ห่วงว่า ครูบาอาจารย์ที่เป็นจิตวิญญาณ ยังอยู่คุ้มครองเราไหม
    ห่วงว่า ญาติพี่น้อง หรือบิดามารดา ของเราที่ตายไปแล้ว อยู่เป็นสุข หรือเป็นทุกข์

    ห่วงหลังๆนี่ เริ่มห่วงไกลตัวออกไปแล้ว

    เมื่อมีห่วงมากขึ้นๆ ห่วงมันก็จะเข้ามาร้อยรัดพันธนาการตัวเรา ให้เกิดทุกข์มากยิ่งขึ้น

    พระพุทธองค์ ทรงตรัสเมื่อคราวที่ พระมเหสี
    ประสูติพระโอรส แล้วว่า ห่วงอันยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว จึงทรงให้ชื่อพระโอรสว่า พระราหุล

    ตราบใดที่คนเรายังตัดสารพัดห่วงไม่ขาด
    การจะบรรลุ เข้าถึงการรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม
    ของชีวิต ก็จะเป็นไปอย่างค่อนข้างลำบาก

    แต่ผมเชื่อแน่ว่า ในท่ามกลางมรสุมที่เข้ามารุมเร้าชีวิต ทำให้เกิดทุกข์ อยู่เนืองๆนั้น หากเรารู้จัก ถอยออกมาจากมรสุมแห่งทุกข์นั้นได้
    เราก็จะเป็นผู้ชนะ พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ร่มพระธรรม ตามมรรคาแห่งการปฏิบัติที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้ โดยเฉพาะในเรื่องของอริยสัจ๔
    คือ มองให้เห็นและเข้าใจในทุกข์ และออกจากทุกข์ได้ในที่สุด

    ธรรมจากเขากะลา เป็นธรรม ที่ง่ายแต่รุนแรง
    เพราะฟาดเข้าตรงๆที่ขันธ์ห้า เหตุที่ต้องฟาดเข้าตรงๆที่ขันธ์ห้า ก็เพราะ ขันธ์ห้านี่แหละ คือจุดเกิดและดับแห่งทุกข์ทั้งปวง.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2009
  6. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    เมื่อวันที่ไปบ้านคุณจอห์นนี่ ได้พบคุณพีท พร้อมสร้อยประคำประมวลพลังที่ใส่อยู่ในคอ
    ผมพยายามมองตรงปลายประคำ ช่วงที่ปลายสองเส้นมาชนกันแล้วเหลือเป็นเส้นเดียว
    ตรงเม็ดที่อยู่ระหว่างเม็ดสีดำสองเม็ด ผมเห็นในภาพที่คุณพีีทใส่ประคำเส้นนี้เป็นหัวมนุษย์ต่างดาวเล็กๆแทรกอยู่ตรงกลาง ระหว่างเม็ดสีดำ ยังคิดในใจว่า คุณพีท นำหัวตุ๊กตามนุษย์ต่างดาว มาใส่ได้อย่างไร คงรื้อประคำแล้วนำมาร้อยใหม่มั๊ง
    ภาพหัวมนุษย์ต่างดาวนี้ พี่แพท แกก็เห็นเหมือนกัน แต่พอมาเห็นเส้นจริง กลับไม่ปรากฏเป็นหัวมนุษย์ต่างดาว
    ซึ่งคุณพีท ก็ยืนยันว่า ไม่ได้ไปทำอะไรเลย...แปลกแต่จริง...

    ลองดูรูปข้างล่างนี้ นะครับ



    [​IMG]














    <TABLE id=threadslist class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY id=threadbits_forum_2><TR><TD id=td_threadtitle_86674 class=alt1 title="-ขอขอบคุณ webmaster.palungjit.org ที่ตอบรับพี่สุดใจ จากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เป็นสมาชิกใหม่ในวันนี้ ...">

    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 10,276, จำนวนอ่าน: 454,590">


    </TD><TD class=alt1 align=middle></TD><TD class=alt2 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2009
  7. Blog 17

    Blog 17 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +26
    [​IMG][​IMG][​IMG] ธรรมะเขากะลาช่างมีเสน่ห์ต่อสมาชิกและผู้ติดตามใหม่จังเลย
    หลังจากเข้ามาเริ่มศึกษา หลายเสียงบอกว่า ดีจัง ดีจริง อุ้ย!เข้าใจง่ายเนอะ
    เด็กใหม่บอก โอวว!ธรรมะครั้งนี้ช่างวิเศษจริง ทัาไมอ่านง่าย เข้าใจง่าย สุดยอดเลยนะ่ท่านพี่่
    บางท่านเริ่มศึกษา แบบเป๊ปซี่ไม่ทันหายซ่าก็ปล่อยแฮนด์ซะแล้ว<ฮาา>
    บางคนศึกษายังไม่ทันครบ 7ราตรี49คืน<ฮาา> ตัวเองก็เริ่มมีขยายระบบสู่ผู้ที่กําลังโดนขันธ์ห้าสําแดงเดชอยู่ ออกแนวจะแบกไว้ทําไม? เป็นห่วงนะเว้ยถึงขยายระบบ
    ให้ฟัง<ฮา>
    หลายท่านคงสงสัยว่าฮาทําไม?
    ก็ฮาเพราะว่า กลไกขันธ์ห้ามัดตัวเค้าเอาไว้แบบดูดติด <ยิ่งกว่า ยึดติดอีก>

    อาจารย์สุดใจจะบอกว่า นี่เขาเรียกว่า อวิชชา คือความเห็นผิด เห็นว่าเป็นตัวตน เป็นของตน และทุกสรรพสิ่งเป็นของตน ท่านดังกล่าวจึงยังต้องเหนื่อย จึงยังต้องเดินทางกันอีกยาวไกลในสังสารวัฏ เพื่อหาทางละวางตัวตน หาทางเอาตัวตนออก

    ปัญหาคืออะไร?
    ง่ายคับ หลังจากพบและศึกษาทฤษฏีธรรมเขากะลา การได้รับรู้ ได้อ่านการบรรยายธรรมของผู้อาวุโสและบุคคลสําคัญของระบบ ต่อให้อ่านทุกหน้าทุกข้อความ ให้อ่านอีก111เที่ยว
    ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้อ่านหรือสมาชิกใหม่จะได้
    วิชาตัวเบาไปทันทีนะคับ

    ปฏิบัติคับ ต้องปฏิบัติอย่างเดียวเท่านั้น ปฏิบัติจนเห็นจริง จึงจะสามารถปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นได้จริงและเป็นทางเดียวที่จะออกจากวัฏฏะสงสาร ได้จริง

    เพียงเข้าใจ แล้วยังไม่ 'เห็น' จริงในสภาวะธรรมเหล่านั้น ความทุกข์ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป ยังวนเวียนหลงกลของอวิชชาอยู่ต่อไป ความเบาบางจางคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ก็จะไม่เกิดขึ้น
    จะมีแต่ ยึด ยึด ยึด และยึดเพิ่มขึ้น ยึดมากขึ้นไปเ
    รื่อยๆนั่นเอง [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2009
  8. juksawat

    juksawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    980
    ค่าพลัง:
    +3,507
    วันนี้ (29 มิย.2552) เวลา 18.26 น. ได้โอนเงินผ่านตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย เข้าบัญชี อ.สุดใจ ธนาคารกรุงเทพ เป็นค่าต้นหางนกยูง จำนวน 2 ต้น พร้อมค่าบำรุงรักษา รวมเป็นเงิน 1400 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
     
  9. Blog 17

    Blog 17 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +26
    อาจารย์บุญน้อย ':cool:แรงทุกเกียร์!!!' hello8
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2009
  10. pkanlaya

    pkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +597
    เรียนอาจารย์สุดใจ

    วันนี้ได้โอนเงินจำนวน 2,400 บาท เป็นค่าต้นไม้ดังนี้ค่ะ

    1. คุณชูศรี ต้นเหลืองปรียาธร 2 ต้น + ค่าดุแล (1,400 บาท)
    2. คุณมะลิวัลย์ ต้นหางนกยูง + ค่าดูแล 1 ต้น (700 บาท) ที่เหลืออีก 300 บาทมอบให้เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่อาจารย์เห็นสมควรค่ะ
     
  11. Bizan

    Bizan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +152
    วันนี้ได้รับประคำประมวลพลังเรียบร้อยแล้วค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ
     
  12. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866

    เหมือนขายสินค้าทาง TV.เลย.. อาจารย์

    20 สายแรกที่โทรเข้ามา เราแถมเวลาขยายระบบให้ ครึ่งชั่วโมง อย่าลังเล..
     
  13. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    สรุปยอดต้นไม้ทั้งหมด พร้อมดำเนินการ ดังนี้

    1. หางนกยูง 10 ต้น ต้นละ 500 บาท
    +Winny ขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 700 บาท
    (โอนแล้ว 700 บาท 23/06/2009)

    + Mead ขอเป็นเจ้าภาพ 2 ต้น
    รวมเป็นเงิน 1,000 บาท
    (จ่ายแล้ว1,000 บาท)

    +กรณ์กาญจน์ ภมรประวัติธนะและครอบครัว 1 ต้น (อาจารย์ไก่)
    รวมเป็นเงิน 500 บาท
    (โอนแล้ว 500 บาท 26/06/2009)

    + คุณอภิชาญ ขอเป็นเจ้าภาพ 2 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 1,400 บาท
    (โอนแล้ว 1,400 บาท 1/07/2009)

    +คุณ Resculp ขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 700 บาท

    (โอนแล้ว 700.11 บาท 25/06/2009)

    +คุณ Juksawat ขอเป็นเจ้าภาพ 2 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 1,400 บาท
    (โอนแล้ว 1,400 บาท 30/06/2009)

    +คุณมะลิวัลย์(แม่น้องอ๊าต) ขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 700 บาท
    (โอนแล้ว 700 บาท 30/06/2009)


    2. เสลา 4 ต้น ต้นละ 600 บาท
    +ดร.กัลยา ขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 800 บาท
    (รับเงินแล้ว 800 บาท 20/06/2009)


    +คุณวาสนา ชื่นสำนวน ขอเป็นเจ้าภาพจำนวน 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 800 บาท
    (โอนแล้ว 800 บาท 30/06/2009)

    +คุณโสภา วรรณอนันต์ ขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 800 บาท

    (โอนแล้ว 800 บาท 29/06/2009)

    +คุณ NewWorldขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 800 บาท
    (โอนแล้ว 800 บาท 22/06/2009)

    3. เหลืองปรียาธร 7 ต้นต้นละ 500 บาท
    +คุณโสภา วรรณอนันต์ ขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 700 บาท
    (โอนแล้ว 700 บาท 29/06/2009)

    +คุณ NewWorldขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 700 บาท
    (โอนแล้ว 700 บาท 22/06/2009)

    +คุณ ชูศรี ขอเป็นเจ้าภาพ 2 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 1,400 บาท
    (โอนแล้ว 1,400 บาท 30/06/2009)

    +กรณ์กาญจน์ ภมรประวัติธนะและครอบครัว (อาจารย์ไก่)
    รวมเป็นเงิน 500 บาท
    (โอนแล้ว 500 บาท 26/06/2009)

    -พี่เม้าท์ + อาจารย์ไก่ รวมเป็นต้นปรียาธรอีก 1 ต้น (300+200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 500 บาท
    (โอนแล้ว อ.เม้าท์ 300 บาท 24/06/2009)
    (โอนแล้ว อ.ไก่ 200 บาท 26/06/2009)

    +คุณ Dookbuabarn ขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 700 บาท
    (โอนแล้ว 700 บาท 26/06/2009)

    4. แผ่บารมี (หูกระจง) 2 ต้นต้นละ 2,500 บาท
    คุณ Sutassee ขอเป็นเจ้าภาพทั้ง 2 ต้น (รวมค่าบำรุงต้นไม้)
    รวมเป็นเงิน 5,400 บาท
    (โอนแล้ว 5,400 บาท 24/06/2009)

    5. ปาล์มหางกระรอก 4 ต้นต้นละ 800 บาท
    คุณฺ Bizan ขอเป็นเจ้าภาพจำนวน 4 ต้น (รวมค่าบำรุงต้นไม้)
    รวมเป็นเงิน 4,000 บาท
    (โอนแล้ว 4,000 บาท 23/06/2009)

    6. มะพร้าว......จำนวนหลายต้น
    ผู้ใจบุญมอบให้สถานธรรม (เพื่อนพี่วรรณ)

    7. ทองหลางด่าง 1 ต้น 800 บาท
    +คุณวาสนา ชื่นสำนวน ขอเป็นเจ้าภาพจำนวน 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 1,000 บาท
    (รับเงินแล้ว 1,000 บาท 30/06/2009)


    8. โมก 1 ต้น 500 บาท
    +คุณสมจิตร แร่เพชร ขอเป็นเจ้าภาพ 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 700 บาท
    (รับเงินแล้ว 700 บาท 22/06/2009)

    9. สาระอินเดีย...1ต้น 1,500 บาท
    พี่สุดใจ ขอเป็นเจ้าภาพจำนวน 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 1,700 บาท
    (รับเงินแล้ว 1,700 บาท 30/06/2009)


    10. ลีลาวดี 1 ต้น 1,000 บาท
    คุณไอย...ขอเป็นเจ้าภาพจำนวน 1 ต้น(รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 1,200 บาท
    (โอนแล้ว 1,200 บาท 26/06/2009)


    11. ต้นโพธิ์..
    จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เป็นเจ้าภาพ (พร้อมค่าบำรุงระบบจ่ายให้กับทางร้านแล้ว)
    (คุณ NewWorld จ่ายค่าบำรุง 200 บาท)

    12. ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูณ) 2 ต้น ต้นละ 600 บาท
    +ดร.กัลยา ขอเป็นเจ้าภาพจำนวน 1 ต้น (รวมค่าบำรุง 200 บาท)
    รวมเป็นเงิน 800 บาท
    (รับเงินแล้ว 800 บาท 20/06/2009)

    +คุณวาสนา ชื่นสำนวน ขอเป็นเจ้าภาพจำนวน 1 ต้น (รวมค่าบำรุงต้นไม้)
    รวมเป็นเงิน 800 บาท
    (รับเงินแล้ว 800 บาท 30/06/2009)

    และคุณSaisawan ร่วมช่วยเหลือจัดซื้อระบบอุปกรณ์ดูแลต้นไม้
    อาทิ..เครื่อง pump และท่อน้ำ PE พร้อมหัวฉีดน้ำแบบหมุนเหวี่ยง..ฯลฯ
    เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท
    (โอนแล้ว 5,000 บาท 22/06/2009)

    วมเป็นเงินรับโอนทั้งสิ้น 34,900.11+300 (เพิ่มเติมของ อ.กัลยา)รวม 35,200.11

    เงินผู้ร่วมสร้างสถานปฏิบัติธรรมในบัญชีเดิม 3,156 บาท


    ยอดเงินรวมทั้งสิ้น 38,356.11บาท


    ขออนุโมทนากับเจ้าภาพทุก ๆ รายการด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2009
  14. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    ขณะนี้ี้ คุณวาสนา คุณสมจิตร และทีมปลูกต้นไม้ กำลังอยู่ที่ร้านต้นไม้ที่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อดำเนินการเรื่องปรับแปลนปลูกต้นไม้ และตกลงเรื่องราคา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดกับทางร้าน ก่อนที่ทางร้านจะไปดำเนินการในต้นเดือน กรกฏาคม ที่จะถึงนี้

    และได้มีข้อมูลจากระบบแจ้งมา ดังนี้

    ระบบให้มีการปรับเปลี่ยน เรื่องการปลูกต้นไม้คือ

    ต้นโพธิ์ ที่ทางร้านจะแจ้งว่าจะมอบให้สถานปฏิบัติธรรม จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน นั้น

    ระบบแจ้งว่า

    มอบให้ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน เป็นเจ้าภาพต้นโพธิ์ต้นนี้แทน

    ในจำนวนเงินค่าต้นโพธิ์ 227 บาท

    ค่าบำรุงต้นโพธิ์เป็นเงิน 311 บาท
    (คุณ NewWorld เป็นเจ้าภาพค่าบำรุงต้นโพธิ์แล้ว 200 บาท)

    ระบบจึงได้จ่ายค่าบำรุงต้นโพธิ์เพิ่มเติมให้อีกจำนวน 111 บาท

    โดยมีคุณวาสนา เป็นตัวแทนของระบบจ่ายเงินให้ักับทางร้านต้นไม้ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา

    สำหรับทางร้านได้มีการมอบต้นไม้อื่นมาแทนต้นโพธิ์ ชื่อต้น พยุง ซึ่งราคาต้นละประมาณพันกว่าบาท ให้กับทางสถานปฏิบัติธรรมแทนต้นโพธิ์ ที่ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน ได้เป็นเจ้าภาพไปแล้ว

    ซึ่งรายละเอียด ค่าต้นไม้ ค่าบำรุง และค่าแรงทั้งหมด จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง หลังจากได้ข้อสรุปเรื่องต้นไม้ที่กำลังจะจัดปลูกในครั้งนี้

    ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่่านที่ไ้ด้มีส่วนร่วมแรง ร่วมใจ และร่วมกำลังทรัพย์ เพื่อให้เกิดสวนปฏิบัติธรรมแห่งนี้ขึ้นมา

    ขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ
     
  15. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451

    ขออนุโมทนากับทุก ๆ ข้อความที่ทีมงาน Blog 17 ได้ทำการศึกษา ได้ทดสอบ ทดลอง และปฏิบัติจนเห็นจริง จึงได้ถ่ายทอดข้อความผ่านมาด้วยความเข้าใจ ด้วยความเห็นจริงในสภาวธรรมของธรรมชาติ

    จึงนำมาบอกเล่า มาอธิบาย มาขยายความให้เพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่านได้รับทราบด้วย

    ทำให้คิดถึงคำกล่าวของพระภิกษุรูปหนึ่ง ที่กล่าวไว้บนเขากะลา เมื่อสิบปีที่ผ่านมาว่า

    ธรรมใดก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ

    เป็นประโยคสั้น ๆ แต่มีความหมายลึกซึ้งนัก

    รับฟังธรรมะมามากมาย ทฤษฎีก็รู้จนท่วมหัวแล้ว หนังสือธรรมะก็แทบจะล้นห้อง ตะเวณไปทั่วทุกสารทิศเพื่อเสาะหาผู้รู้ ผู้ปฏิบัติ ผู้ที่จะชี้ทางให้พ้นจากทุกข์

    พบพระปฏิบัติมามากมาย ได้ฟังธรรม ได้เรียนรู้ ได้เป็นศิษย์ มีครูบาอาจารย์มามากมายมหาศาล

    แต่ ....

    เมื่อไรจะลงมือปฏิบัติเสียที

    เมื่อไรจะมองเข้าไปข้างในขันธ์ห้าขันธ์นี้ จนเห็นกิเลส ตัณหา อุปาทาน ที่มันเป็นยางเหนียวเกาะเกี่ยวกันอยู่ในขันธ์ห้าเสียที

    ก็มัวแต่ออกไปหา ภายนอก ละทิ้งภายใน ที่เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะพาให้พ้นทุกข์จากอุปาทานได้นั่นเอง


    ธรรมใดก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ

    ขออนุโมทนากับทีมงาน Blog 17 ทุก ๆ ท่านด้วย ที่นำข้อคิดมาสะกิดเตือนใจเพื่อน ๆ และสมาชิกท่านอื่น ๆ

    อาจมีบางท่านได้ฉุกคิดในข้อธรรมเหล่านี้ และอาจจะเริ่มที่จะลงมือปฏิบัติกันเสียที

    ขออนุโมทนาึ
    กับทีมงาน Blog 17 ด้วยค่ะ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2009
  16. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    โอนเงินค่าต้นไม้แล้วนะครับ 1400 บาท เวลา 16.27 น. วันนี้
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,085
    วันนี้ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๘
    อย่าลืมนั่งสมาธิ UPGRADE อุปกรณ์
    เวลา ๒๓.๑๑ น. นะครับ
     
  18. กรึงไกร

    กรึงไกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +295


    ขอบคุณครับ อ.เม้าท์ ผมลืมสนิทเลย.....(good)
     
  19. Pasika

    Pasika Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +93
    มารมีจริง # 6<O:p</O:p
    ขันธมารก็คือกองกิเลสที่ขัดขวางไม่ให้เราทำความดี เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรม<O:p</O:p<O:p</O:p

    กายเป็นสิ่งที่มนุษย์ให้ความสำคัญมากที่สุดและอยู่กับตัวเราตั้งแต่เกิดจนตาย เราเฝ้าาทะนุถนอมร่างกาย
    คอยดูแลผิวพรรณให้สวยงามเต่งตึงไม่หย่อนคล้อย สรรหาอาหารเลิศรสยามหิว เวลาไม่สบายก็หายามารักษา
    ร่างกายจึงเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมนุษย์ที่สุด

    พระพุทธเจ้าทรงนำ “กาย” มาเป็นเครื่องมือเพื่อให้ใจใช้เป็นอุปกรณ์ในการฝึกจิตภาวนาในลำดับแรก ๆ ของ
    “มหาสติปัฏฐาน 4” เพื่อที่ใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่านหลุดลอยไปไหนต่อไหนนั่นเอง
    นอกจากนี้ยังเป็นการเตรียมผู้ปฏิบัติให้เข้าใจถึงธรรมชาติของกายตามลำดับขั้นตอน<O:p</O:p

    มีคำเปรียบเปรยว่า “ร่างกายเป็นรังของมาร” ให้มารพักอยู่อาศัย หากเราให้ข้าวให้อาหาร ป้อนน้ำแก่มาร
    มันก็จะค่อย ๆ เติบโต เข้าครอบครองร่างกายและใจ
    อย่างเช่น เวลาเราจะนั่งสมาธิเพื่อให้เกิดความสงบ ต้องอาศัยร่างกายนั่งสมาธิ พอนั่งได้ไม่นาน
    กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูก หรือเลือดลมในข้อที่ถูกทับเอาไว้ จะเกิดอาการเมื่อยแข้งเมื่อยขา เป็นเหน็บ เจ็บไปหมด
    ใจที่ทำหน้าที่รับรู้อาการเจ็บปวดเมื่อยล้า ก็เจ็บตามกายไปด้วย ก็จะไม่ทน ถึงขั้นเลิกนั่งในที่สุด
    แต่กับผู้ปฏิบัติธรรมที่ตั้งใจและเข้าใจ จะใช้ร่างกายที่เป็นอุปสรรคนั้น เป็นโอกาสในการวิปัสสนาธรรม
    เห็นความเป็นเช่นนั้นเองของกาย พิจารณาสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น แยกกาย และจิต มองดูกายในกาย เป็นต้น<O:p</O:p<O:p</O:p

    สัญญา จำได้ หมายรู้ สมมุติว่ามีคนต่างชาติพูดด่าว่าเรา แต่เราแปลไม่ออก เราก็เฉย ๆ ไม่ทุกข์(ฮ่า ฮ่า)<O:p</O:p<O:p</O:p
    แต่ถ้าเราเข้าใจ จำได้ มันหมายถึงอะไร เราก็จะโกรธ มันมาว่าเราอย่างนี้ได้ยังไง ก็จะมีปฏิกิริยาเกิดกับใจ โกรธ ทุกข์ เป็นต้น<O:p</O:p<O:p</O:p

    มนุษย์ใช้อายตนะทั้ง 6 เป็นประตูเพื่อเปิดออกมารับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ภายนอก แล้วมาปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ ทางใจ
    ซึ่งอารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นพื้นฐานให้มนุษย์ตัดสินใจเพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง
    เพื่อเข้าหาความสุข หรือหลีกเลียงความทุกข์


    จำเรื่องพระใบลานเปล่าได้มั๊ยคะ ที่สามเณรสอนพระโปฐิละให้ระวังอายตนะ 6 ว่า 'ท่านผู้เจริญ ในจอมปลวกแห่งหนึ่งมีช่องอยู่ 6 ช่อง
    มีเหี้ยเข้าไปอยู่ภายใน บุคคลผู้ประสงค์จะจับมัน พึงอุดช่องทั้ง 5 ทำลายช่องที่ 6 แล้วจึงจับเอา
    แม้ท่านก็จงปิดทวารทั้ง 5 จงเริ่มตั้งกรรมฐานไว้ในมโนทวาร'<O:p</O:p

    ................................................................มีต่อค่ะ<O:p</O:p
     
  20. Pasika

    Pasika Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    112
    ค่าพลัง:
    +93
    มารมีจริง # (ต่อ)<O:p</O:p

    การที่มนุษย์ติดกับอุปสรรคที่เกิดจากขันธ์ 5 นั้น หนทางที่จะล่วงพ้นไปได้ ก็โดยการพิจารณา “สติปัฏฐาน 4"<O:p</O:p
    ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน พระพุทธเจ้าทรงให้เรามีสติในการพิจารณา 4 ประการดังนี้ คือ<O:p</O:p

    ๑) พิจารณากายในกาย<O:p</O:p
    หมายถึงให้รู้ส่วนใดส่วนหนึ่งของความเป็นกาย เช่น ขณะนี้หลังงอหรือหลังตรง รู้<O:p</O:p
    เพียงเท่านี้ก็ได้ชื่อว่ามีสติเห็นองค์ประกอบหนึ่งของกายแล้ว และเมื่อรู้เช่นนั้นได้ก็ให้<O:p</O:p
    ตามรู้ตามดูต่อไป ว่าจะมีสิ่งใดให้เห็นภายในขอบเขตของกายได้อีก เช่นในกายนั่งหลัง<O:p</O:p
    ตรงหรือหลังงอนี้ กําลังต้องการลากลมเข้า หรือระบายลมออก หรือหยุดทั้งลมเข้าและ<O:p</O:p
    ลมออกสงัดนิ่งอยู่ ถ้าเพียรรู้กายในกายได้เสมอๆ ก็ย่อมเกิดสติเห็นตามจริงว่ากายไม่ใช่<O:p</O:p
    เรา ไม่ว่าจะส่วนย่อยหรือส่วนใหญ่ โดยรวม เราจะรู้สึกอย่างที่กายปรากฏให้รู้สึก<O:p</O:p
    ไม่ใช่หลงยึดว่ากายเป็นเราอย่างที่กิเลสมันบงการให้ยึด และในความไม่ยึดกายนั่นเอง<O:p</O:p
    จิตย่อมคลาย มีความผ่องใสไม่เป็นที่ตั้งของความโลภโมโทสันและความเศร้าโศกทั้งหลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๒) พิจารณาเวทนาในเวทนา<O:p</O:p
    หมายถึงให้ทราบความรู้สึกหนึ่งๆ เช่น ขณะนี้กําลังสบายหรืออึดอัด รู้เพียงเท่านี้ก็ได้<O:p</O:p
    ชื่อว่ามีสติเห็นหนึ่งในความรู้สึกแล้ว และเมื่อรู้เช่นนั้นได้ก็ให้เฝ้าตามรู้ตามดูต่อไปว่า<O:p</O:p
    จะมีสิ่งใดให้เห็นภายในขอบเขตของความรู้สึกสุขทุกข์ได้อีก ไม่จํากัดว่าต้องดูภาวะใด<O:p</O:p
    ภาวะหนึ่งของเวทนาเพียงอย่างเดียว ถ้าเพียรรู้เวทนาในเวทนาได้เสมอๆ ก็ย่อมเกิด<O:p</O:p
    สติเห็นตามจริงว่าเวทนามีอยู่หลากหลาย และเหล่าเวทนาก็ไม่ใช่เรา ไม่ว่าจะสบาย<O:p</O:p
    หรืออึดอัดเพียงใด เราจะรู้สึกอย่างที่เวทนาปรากฏให้รู้สึก ไม่ใช่หลงยึดว่าความสบาย<O:p</O:p
    เป็นของเรา กับทั้งไม่หลงยึดว่าความอึดอัดเป็นเรื่องที่ต้องรีบกําจัดทิ้งไปจากเรา และ<O:p</O:p
    ในความไม่ยึดเวทนานั่นเอง จิตย่อมคลาย มีความผ่องใสไม่เป็นที่ตั้งของความโลภ<O:p</O:p
    โมโทสันและความเศร้าโศกทั้งหลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๓) พิจารณาจิตในจิต
    หมายถึงให้รู้ภาวะของจิตในขณะหนึ่งๆ เช่น ขณะนี้กําลังสงบนิ่งหรือขัดเคืองรําคาญ รู้<O:p</O:p
    เพียงเท่านี้ก็ได้ชื่อว่ามีสติเห็นภาวะของจิตขณะหนึ่งแล้ว และเมื่อรู้เช่นนั้นได้ก็ให้เฝ้า<O:p</O:p
    ตามรู้ตามดูต่อไป ว่าจะมีสิ่งใดให้เห็นภายในขอบเขตของความเป็นจิตได้อีก ไม่จํากัด<O:p</O:p
    ว่าต้องดูภาวะใดภาวะหนึ่งของจิตเพียงอย่างเดียว ถ้าเพียรรู้จิตในจิตได้เสมอๆ ก็ย่อม<O:p</O:p
    เกิดสติเห็นตามจริงว่าจิตมีอยู่หลากหลาย และบรรดาจิตก็ไม่ใช่เรา ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะ<O:p</O:p
    สงบนิ่งหรืออยู่ในภาวะขัดเคืองรําคาญ เราจะรู้สึกอย่างที่จิตปรากฏสภาพให้รู้สึก ไม่ใช่<O:p</O:p
    หลงยึดว่าความสงบนิ่งควรเป็นสภาพดั้งเดิมของจิตเรา กับทั้งไม่หลงยึดว่า<O:p</O:p
    ความขัดเคืองรําคาญต้องไม่เกิดขึ้นกับจิตของเรา และในความไม่ยึดจิตนั่นเอง<O:p</O:p
    จิตย่อมคลาย มีความผ่องใสไม่เป็นที่ตั้งของความโลภโมโทสันและความเศร้าโศกทั้งหลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๔) พิจารณาธรรมในธรรม<O:p</O:p
    หมายถึงให้รู้สภาพธรรมต่างๆในแต่ละขณะ เช่น ขณะนี้ระลอกความคิดผุดขึ้นหรือดับลง<O:p</O:p
    รู้เพียงเท่านี้ก็ได้ชื่อว่ามีสติเห็นสภาพธรรมในแต่ละขณะแล้ว และเมื่อรู้เช่นนั้นได้ก็<O:p</O:p
    ให้เฝ้าตามรู้ตามดูต่อไป ว่าจะมีสิ่งใดให้เห็นภายในขอบเขตของสภาพธรรมต่างๆ ได้อีก<O:p</O:p
    ไม่จํากัดว่าต้องดูภาวะใดภาวะหนึ่งของสภาพธรรมเพียงอย่างเดียว ถ้าเพียรรู้ธรรมในธรรม<O:p</O:p
    ได้เสมอๆ ก็ย่อมเกิดสติเห็นตามจริงว่าธรรมมีอยู่หลากหลาย และปวงธรรมก็ไม่ใช่เรา
    </O:pไม่ว่าสิ่งที่ผุดขึ้นขณะนี้หรือสิ่งที่ลับล่วงไปแล้ว เราจะรู้สึกอย่างที่ธรรมปรากฏสภาวะให้รู้สึก<O:p</O:p
    ไม่ใช่หลงยึดว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นเป็นเรา กับทั้งไม่หลงยึดว่าสิ่งที่ลับล่วงไปแล้ว<O:p</O:p
    เคยเป็นเรา และในความไม่ยึดธรรมนั่นเอง จิตย่อมคลาย มีความผ่องใสไม่เป็นที่ตั้ง<O:p</O:p
    ของความโลภโมโทสันและความเศร้าโศกทั้งหลาย จากความรู้สึกว่ากาย เวทนา จิต ธรรมไม่ใช่เรา<O:p</O:p
    จะพัฒนาจนกลายเป็นความรู้ชัดว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเรา และเมื่อรู้ชัดอย่างต่อเนื่องย่อมคลาย<O:p</O:p
    จากอาการยึดทั้งปวง เมื่อคลายจากอาการยึดทั้งปวงย่อมลิ้มรสความว่าง ว่ายอดเยี่ยมกว่ารสทั้งปวงปานใด<O:p</O:p

    คราวหน้าเจอเรื่องกิเลสมารนะคะ อันนี้ก็สำมะคัญเชียวค่ะfly_pig
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...