ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ตรัสรู้... สัจจะ ผู้ตัดได้ ทำได้ ย่อมรู้ได้เอง ****

    *** แก่นสารในศาสนาพุทธ ****





    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    สัจจะ ... เป็นแก่นสาร
    นอกนั้นไม่เป็นแก่นสาร

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  2. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    หมอดู หมอเดา หมออยากดัง หมออยากเด่น เห็นแล้ว........
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ไม่ถูกต้องครับ สัจจะเป็นแก่นสารก็จริง

    แต่บารมีอย่างอื่น ก็เป็นแก่นสารเช่นเดียวกัน

    การสร้างบารมี 10 ทัศ ต้องสร้างให้ครบถ้วน

    จะเน้นให้สร้างสัจจะบารมีอย่างเดียวไม่ได้

    ต้องสร้างสมบารมีให้ครบถ้วนทั้ง 10 ทัศ

    จึงจะสามารถตัดกิเลส หลุดพ้นออกจากวัฏฏะสงสารนี้ไปได้

    สัจจะเปรียบเสมือนเรือ ที่จะพาตัวเราข้ามไปสู่ฝั่งของโลกุตตระ

    ได้ก็จริงอยู่ แต่ถ้าตัวเรายังยึดติดอยู่กับเรือ ไม่ยอมก้าวขึ้นฝั่งฉันใด

    ก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากวัฏฏะสงสารนี้ไปได้ฉันนั้น

    การแสดงธรรมต้องชัดเจนแจ่มแจ้ง

    ต้องใช้ภาษาที่ทุกคนฟังเข้าใจได้ตรงกัน

    อย่าใช้ภาษาที่ตัวเองเข้าใจเพียงคนเดียว

    การมีเจตนาดี แต่ถ้าการแสดงออกทำได้ไม่ถูกต้อง

    ทำให้คนฟังเข้าใจพุทธศาสนาไปในทางที่ผิด

    แทนที่จะเป็นการช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนา

    แต่กลับจะกลายเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาไปในที่สุด

    ฝากให้คุณหนุมาน ผู้นำสาร นำกลับไปพิจารณาด้วยนะครับ


    *************************************************
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เกิดแผ่นดินไหว 6.4 ริกเตอร์ ที่อินโดนีเซีย

    [​IMG]

    จาการ์ตา 19 เม.ย. –สำนักงานธรณีวิทยาอินโดนีเซีย แจ้งว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ ที่จังหวัดสุมาตราเหนือในวันนี้แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายด้านชีวิตและทรัพย์สิน

    แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.23 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 12.23 น. วันเดียวกันตามเวลาในไทย ศูนย์กลางลึกลงไปใต้ดิน 50 กิโลเมตร ไม่มีการเตือนภัยสึนามิ เจ้าหน้าที่เผยว่า รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ในพื้นที่ดังกล่าวแต่ไม่มีแรงสั่นสะเทือนถึงขั้นรุนแรงและยังไม่ได้รับรายงานเรื่องความเสียหาย. -สำนักข่าวไทย

    2009-04-19 14:27:15

    น้ำท่วมรัฐเท็กซัสของสหรัฐ มีผู้สูญหาย 5 คน

    [​IMG]

    สหรัฐ 19 เม.ย. - รัฐเท็กซัสของสหรัฐยังคงเผชิญกับพายุพัดถล่ม ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก และมีผู้สูญหายไป 5 คน

    เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐระบุว่า มีเด็กๆ สูญหายไป 5 คน และคาดว่าทั้งหมดน่าจะเสียชีวิตแล้ว หลังจากที่รถยนต์ของพวกเขาถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดหายไป และเมื่อเวลา 19.30 น.ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นของเมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ซึ่งตรงกับเวลา 07.30 น. เมื่อเช้านี้ตามเวลาในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ได้พบรถคันดังกล่าวแล้ว หลังจากถูกกระแสน้ำพัดไปไกลราว 100 เมตร เมื่อราว 2 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงรถได้เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวและลึกเกือบ 3 เมตร โดยในรถยังมีผู้เคราะห์ร้ายติดอยู่อีก 3 คน เป็นชาย 2 คน และเด็กหญิงวัย 10 ปี อีก 1 คน. -สำนักข่าวไทย

    2009-04-19 14:24:24

    ชาวศรีลังกาหลายพันคนอพยพจากพื้นที่สู้รบ

    [​IMG]

    โคลัมโบ 19 เม.ย. – ชาวศรีลังการาว 3,000 คน อพยพออกจากพื้นที่สู้รบมาอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงของกองทัพ ท่ามกลางการยกระดับปราบปรามกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ

    กระทรวงกลาโหมศรีลังกา แถลงว่า พลเรือนพากันอพยพเป็นกลุ่มใหญ่ออกจากพื้นที่ของกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ ผ่านเส้นทางที่ปลอดภัยภายใต้ความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ (18 เม.ย.) ซึ่งการไหลทะลักของผู้อพยพระลอกนี้ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดกับจำนวนผู้อพยพกลุ่มเล็กระหว่างช่วงหยุดยิง 2 วัน ก่อนหน้านี้

    ข่าวระบุว่า กองทัพศรีลังกายังคงโหมการปราบปรามกลุ่มกบฏที่ถูกผลักดันให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ “เขตหยุดยิง” โดยทางการยืนยันว่าจะไม่ขยายระยะเวลาหยุดยิงตามที่หลายฝ่ายร้องขอ และยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันกดดันให้กลุ่มกบฏปล่อยตัวประชาชนหลายหมื่นคน ที่ใช้เป็นโล่มนุษย์ ขณะที่สหประชาชาติชี้ว่า จำนวนพลเรือนที่ตกอยู่ท่ามกลางการสู้รบอาจมีจำนวนนับแสนคน.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-19 15:27:26

    ฟิลิปปินส์ห้ามชาวเรือรับจ้างเรือสินค้าผ่านโซมาเลีย

    [​IMG]

    มะนิลา 19 เม.ย. –ประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย ของฟิลิปปินส์ออกประกาศห้ามชาวเรือทำงานให้กับเรือสินค้าที่มีเส้นทางผ่านน่านน้ำเขตโจรสลัดใกล้โซมาเลีย

    เจ้าหน้าที่ระดับสูง เปิดเผยว่าประธานาธิบดีอาร์โรโยได้ออกประกาศห้ามให้ชาวเรือรับจ้างเรือสินค้าที่มีเส้นทางผ่านน่านน้ำเขตอิทธิพลของโจรสลัด รวมทั้งสั่งการให้รื้อฟื้นมาตรการช่วยเหลือชาวเรือฟิลิปปินส์กว่าร้อยคนซึ่งยังคงตกเป็นตัวประกันของกลุ่มโจรสลัดในโซมาเลีย อย่างไรก็ดีไม่ได้เปิดเผยว่าจะบังคับใช้มาตรการดังกล่าวอย่างไร

    ด้านที่ปรึกษาของประธานาธิบดีอาร์โรโย ชี้ว่ามาตรการห้ามดังกล่าวอาจไม่เป็นผล เนื่องจากชาวเรือฟิลิปปินส์ยังคงถูกห้ามแจ้งทางการถึงเส้นทางการเดินเรือ อนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนทางการแถลงว่าชาวเรือ 17 ราย ที่ถูกจับเป็นตัวประกันตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้รับการปล่อยตัวแล้วโดยที่ยังมีชาวเรือตกอยู่ในเงื้อมมือโจรสลัดอีก 105 ราย. -สำนักข่าวไทย

    2009-04-19 15:32:48

    จีนจะสร้างศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าใหม่

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 19 เม.ย. – จีนเตรียมสร้างศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าแห่งใหม่เดือนหน้า แทนศูนย์เพาะพันธุ์เดิมในมณฑลเสฉวน ซึ่งเสียหายยับเยินจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปีก่อน

    สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าแห่งใหม่ในชื่อ “ศูนย์วิจัยและอนุรักษ์แพนด้ายักษ์แห่งประเทศจีน” จะสร้างขึ้นที่เมืองหวงเกาผิง ห่างจากศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าหว่อหลง ในอุทยานแห่งชาติหว่อหลง ราว 10 กิโลเมตร โดยอ้างถึงเจ้าหน้าที่ระบุว่า การเลือกที่ตั้งได้คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งพื้นที่นี้อยู่ไม่ไกลจากศูนย์เพาะพันธุ์เดิม และมีความเหมาะสมทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศ และปัจจัยทางภูมิศาสตร์

    แม้เบื้องต้นยังไม่ทราบชัดเจนว่าศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าจะเปิดทำการเมื่อใด แต่แหล่งข่าวชี้ว่า ศูนย์เพาะพันธุ์ที่เมืองหวงเกาผิง จะเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในโครงการขยายพันธุ์แพนด้า โดยความช่วยเหลือด้านงบประมาณ ทั้งจากทางการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และกรมป่าไม้แห่งชาติ ปัจจุบันคาดว่า มีแพนด้าอาศัยอยู่ในธรรมชาติ ราว 1,600 ตัว ส่วนใหญ่มีถิ่นอาศัยอยู่ในมณฑลเสฉวน และที่ผ่านมาสามารถขยายพันธุ์แพนด้าได้แล้ว 180 ตัว โดยมีศูนย์เพาะพันธุ์หว่อหลง เป็นกำลังหลัก.- สำนักข่าวไทย

    2009-04-19 15:34:05

    กลุ่มติดอาวุธในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือมากขึ้น

    [​IMG]

    สิงคโปร์ 19 เม.ย.- ผลการศึกษาใหม่เรียกร้องให้รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เร่งหาทางแก้ไข หลังจากพบว่ากลุ่มติดอาวุธใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือซับซ้อนมากขึ้นในการเผยแพร่แนวคิดรุนแรง หาคนเข้ากลุ่มและฝึกอาวุธ

    รายงานของคณะนานาชาติศึกษา เอส ราชารัตนัม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ในสิงคโปร์ ร่วมกับ สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย ระบุว่า หน่วยงานความมั่นคงอาจตรวจพบระเบิดแสวงเครื่องแต่ไม่พบกระบวนการบ่มเพาะแนวคิดรุนแรงที่ทำให้เกิดมือระเบิด กลุ่มติดอาวุธในภูมิภาคนี้มีความชำนาญมากขึ้นในการใช้อินเทอร์เน็ต โพสต์วิดีทัศน์สอนการทำระเบิด มีสื่อออนไลน์ของตัวเอง พยายามชักจูงความคิดของผู้คนให้หลงเชื่อว่าลัทธิของพวกตนถูกต้อง และจะเป็นฝ่ายชนะ กลุ่มเหล่านี้ไม่ได้โจมตีเฉพาะชาติตะวันตกเท่านั้น แต่ยังพยายามโน้มน้าวให้คนในประเทศต่อต้านรัฐบาลของตนเอง

    ผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ พบเว็บไซต์หัวรุนแรงมากถึง 117 เว็บ เมื่อปี 2551 เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2550 ที่พบเพียง 15 เว็บ เท่านั้น พร้อมระบุว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดำเนินการน้อยมากที่จะหยุดยั้งการแพร่ขยายการสร้างแนวคิดรุนแรงทางอินเทอร์เน็ต เมื่อเทียบกับหน่วยงานในยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ ทั้งที่ความรู้ความเข้าใจและการต่อต้านการสร้างแนวคิดรุนแรงทางอินเทอร์เน็ต คือปัจจัยหลักอย่างหนึ่งในการรับมือกับภัยก่อการร้ายในภูมิภาค รายงานเตือนด้วยว่า กลุ่มติดอาวุธมุ่งล้างสมองเยาวชนและไม่ได้ใช้แค่เว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่วัยรุ่นนิยมใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บไซต์ภาษามาเลเซีย และภาษาอินโดนีเซีย.-สำนักข่าวไทย

    2009-04-19 11:44:35

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จากหนังสือ "พ่อรักลูก" เล่มพิเศษ แจกฟรีเป็นธรรมทาน มีเนื้อหาเรื่อง เกี่ยวกับสงครามโลก ครั้งใหญ่นี้ไว้

    ซึ่งประเด็นที่จะนำลง นั้นเป็นเรื่องที่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้ฝาก ข้อความเอาไว้ ให้กับผู้ที่มีหน้าที่จะต้องทำในช่วยสงครามและภัยพิบัติครับ

    หวังว่าเนื้อความ นี้ จะกระตุ้นเตือนปลุกธาตุรู้ธาตุอภิญญาและหน้าที่ภาระกิจของหลายๆท่านให้ตื่นขึ้นจากภายในกันครับ

    เมื่อเริ่มเกิดสงคราม
    "จะเห็นว่า คนที่มีความรู้สึกว่าชีวิตของเราใกล้ความตาย ไม่มีความประมาท คือเขาจะถือว่า เป็นการฉลองชีวิตที่เกิดใหม่จากการโจมตีของข้าศึก ข้าศึกทิ้งระเบิดก็ทิ้ง ยิงกราดด้วยปืนกลก็ยิง แต่เขาปลอดภัย จึงทำบุญกันใหญ่ ข้อนี้ฉันใดบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ในเมื่อสงครามใหญ่มันเกิดขึ้นเป็นสงครามที่น่ากลัว อาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ถือว่าเป็นอาวุธที่ดีแล้วนะ ล้าสมัยไปแล้ว เครื่องบินสมัยนั้น เป็นเครื่องบินที่ดีที่สุด เวลานี้ เขาเลิกใช้แล้ว เครื่องบินสมัยใหม่ เขาดีกว่าสมัยนั้นมาก อาวุธที่ใช้ใหม่ ดีกว่าอาวุธสมัยนั้นมาก

    ทีนี้ถ้าสงครามเกิดขึ้น ข่าวคราวก็ย่อมถึงกัน เวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ถ่ายทอดจากดาวเทียม เราสามารถจะเห็นภาพได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสีย ความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล (เกิดวิปัสนาญาณ ความเบื่อหน่ายใน ร่างกาย ชีวิต ปลงในความไม่เที่ยง ในมรณะสัญญาว่าไม่มีกาล ไม่รู้แน่ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ ไม่ประมาทในชีวิต ทำให้มีคนอีกมากมายที่ได้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านทั้งหลายที่ตั้งจิตเพื่อเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้-คณานันท์) เวลานั้นบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนก็จะมี ความมั่นคงในพระพุทธศาสนามากขึ้น เพราะกลัวตาย"

    -----------------------------------------------------

    คราวนี้เป็นข้อความที่ส่งถึงกลุ่มคนที่มีหน้าที่โดยตรงเรื่องการสงเคราะห์คนในยามเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่


    "สำหรับอีกด้านหนึ่ง ท่านนักปฏิบัติที่เจริญสมาธิจิต ก็จะเร่งรัดตัวเอง ให้ทำสมาธิให้ดีขึ้น โดยหวังอย่างเดียวว่า ถ้าตายไปแล้วไม่ขอเกิดใหม่ อย่างเลวที่สุด ตายจากความเป็นคน ไปสวรรค์ก็เอา หรือถ้าดีกว่านั้นไปพรหมก็ดี ถ้าดีกว่านั้น ไปพระนิพพานก็ดี

    ท่านจะเร่งรัดตัวเอง การเร่งรัดตัวเองประเภทนี้กำลังใจจะมีสมาธิ และในที่สุดอภิญญาก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิด ก็จะใช้ผลของอภิญญาและญาณต่างๆ ที่ได้จากสมาธิ และวิปัสนาญาณเอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มีความสุข ปลอดภัย"

    ------------------------------------------------------

    ท่านที่อยู่ในเกณฑ์อภิญญาใหญ่เมื่อเกิดภัยไม่ว่าจะจากภัยธรรมชาติ ภัยสงคราม ก็ดี ท่านก็จะมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นวิปัสนาญาณ ยิ่งทำให้จิตไม่ประมาทในความตาย และปล่อยวางถอดถอนกิเลสออกจากจิตจากใจมากขึ้น

    จนจิตเกิดอภิญญาจิตและท่านเหล่านั้น ทั้งที่ท่านเป็นพระก็ดี แม่ชีก็ดี หรือแม้แต่ฆราวาส ท่านก็จะนำเอา อภิญญาที่ท่านได้ มาช่วยเหลือผู้อื่นให้ปลอดภัย จากภัยต่างๆ โดยหากเป็นสิ่งที่ไม่เกินอำนาจผลของกรรมท่านก็พึงช่วย ตามที่พระท่านบอกท่านเมตตา

    ขอให้ท่านทั้งหลายพึงตื่น ในธรรม ในหน้าที่เพื่อคุณประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติทั้งหลายด้วยเทอญ


     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะเป็นผู้นำการกระทำ ****

    เมื่อถึงเวลา...ท่านจะรู้ว่าสัจจะที่ทำได้ สำคัญเพียงใด
    จะทำสิ่งใดในโลก ก็ต้องรักษาสัจจะ....จึงเป็นแก่นสารติดตัว

    ศาสนา....อุปมาเหมือน กล่องเครื่องมือช่าง
    ธรรมต่างๆ หัวข้อธรรมต่างๆ...เหมือนเป็นเครื่องมือช่าง
    เราจึงต้องเลือกใช้....เลือกใช้เครื่องมือให้ถูกกับเหตุการณ์ที่เข้ามา
    เช่น... วันนี้พิจารณาแล้ว เราต้องอุเบกขา
    ก็นำอุเบกขามาปฏิบัติเป็นสัจจะ....คือ เราจะให้สัจจะกับตนเองว่าจะอุเบกขา มีกำหนดตั้งแต่บัดนี้ ถึงหกโมงเย็น

    ดังนั้น...เมื่อเรามีสัจจะเป็นผู้นำการกระทำในหัวข้ออุเบกขา
    กาย วาจา ใจ...ก็จะสมบูรณ์พร้อมด้วยอุเบกขา
    จึงเกิดเป็น....การกะทำเที่ยง
    เป็น อุเบกขาอย่างแท้จริง...ทั้งกาย วาจา ใจ

    นี่เป็น....ตัวอย่างการปฏิบัติด้วยสัจจะของพระพุทธเจ้า
    เป็นการปฏิบัติตามโลกุตตระธรรม...เพื่อนำให้ตนเองหลุดพ้นทุกข์

    ดินฟ้าอากาศ....จะเป็นสักขีพยานในการกระทำของเรา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2009
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผมเห็นด้วยกันคุณหนุมาน ผู้นำสาร ในข้อที่ว่าในยุคสมัยนี้

    ต้องใช้"สัจจะ" เป็นผู้นำในการกระทำ เพราะคนในยุคสมัยนี้จิตใจโลเล

    ไม่มั่นคงเหมือนคนในยุคสมัยก่อน จึงทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ

    แต่ที่ผมทักท้วงคุณหนุมาน ผู้นำสาร เป็นเรื่องของการนำเสนอต่างหาก

    การใช้ภาษาที่วกวน ตีความได้ไม่ชัดเจน ทำให้คนอ่านเข้าใจผิดได้ง่าย

    อีกทั้งการแสดงธรรมที่ ซ้ำๆ ซากๆ มากจนเกินไป แทนที่จะเป็นผลดี

    กลับจะพาให้คนที่รับฟังเกิดความเบื่อหน่าย เหมือนคนที่รับประทานอาหาร

    จนอิ่มแล้ว แม้จะพยายามให้ป้อนอาหารทีมีรสเลิศ เพิ่มเติมไปสักเท่าไร

    เขาก็ไม่สามารถ ที่จะรับประทานอาหารชนิดนั้นๆ ได้อีก

    แต่กลับจะทำให้เขารู้สึกรังเกียจอาหารชนิดนั้น ไปอีกนานเลยครับ

    การแสดงธรรมะ จึงต้องเลือกดูกาละเทศะให้เหมาะสม

    ต้องเลือกสถานที่ เลือกเวลา เลือกกลุ่มคนที่มีความสนใจในด้านธรรมะ

    แล้วแสดงธรรม ไปตามเหตุและปัจจัยนั้นๆ จึงจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่นำสัจจะธรรม

    มาประกาศต่อชาวโลกอย่างแท้จริงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2009
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <CENTER>
    ทศชาติ
    เล่มที่ ๒๘ ชื่อขุททนิกาย ชาดก ภาคที่ ๒ (เป็นสุตตันตปิฎก)

    มหานิบาตชาดก แปลว่า ชาดกที่ชุมนุมเรื่องใหญ่ หรือที่โบราณเรียกว่า ทศชาติ คือเรื่อง ๑๐ ชาติ ซึ่งในที่นี้จะออกนาม พร้อมทั้งกล่าวใจความย่อทั้งสิบเรื่อง ดังต่อไปนี้ :- ​


    </CENTER><CENTER>๑. เตมิยชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG] </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี คือการออกบวชหรือออกจากกาม เล่าเรื่องเตมิยราชกุมาร เกรงการที่จะได้ครองราชสมบัติ เพราะทรงสลดพระหฤทัยที่เห็นราชบุรุษลงโทษโจร ตามพระราชดำรัสของพระราชา เช่น เฆี่ยนพันครั้งบ้าง เอาหอกแทงบ้าง เอาหลาวเสียบบ้าง จึงใช้วิธีแสร้งทำเป็นง่อย เปลี้ย หูหนวก เป็นใบ้ไม่พูดจากับใคร แม้จะถูกทดลองต่าง ๆ ก็อดกลั้นไว้ ไม่ยอมแสดงอาการพิรุธให้ปรากฏ ทั้งนี้เพื่อจะเลี่ยงการครองราชสมบัติ พระราชาปรึกษาพวกพราหมณ์ ก็ได้รับคำแนะนำให้นำราชกุมารไปฝังเสีย. พระราชมารดาทรงคัดค้านไม่สำเร็จ ก็ทูลขอให้พระราชกุมารครองราชย์สัก ๗ วัน แต่พระราชกุมารก็ไม่ยอมพูด ต่อเมื่อ ๗ วันแล้ว สารถีนำราชกุมารขึ้นสู่รถไปเพื่อจะฝังตามรับสั่งของพระราชา ขณะที่ขุดหลุมอยู่พระราชกุมารก็เสด็จลงจากรถ ตรัสปราศรัยกับนายสารถี แจ้งความจริงให้ทราบว่า มีพระราชประสงค์จะออกบวช สารถีเลื่อมใสในคำสอนขอออกบวชด้วย จึงตรัสสั่งให้นำรถกลับไปคืนก่อน สารถีนำความไปเล่าถวายพระราชมารดา พระราชบิดาให้ทรงทราบ. ทั้งสองพระองค์พร้อมด้วยอำมาตย์ราชบริพารจึงเสด็จออกไปหา เชิญให้พระราชกุมารเสด็จกลับไปครองราชสมบัติ แต่พระราชกุมารกลับมาถวายหลักธรรมให้ยินดีในเนกขัมมะ คือ การออกจากกาม. พระชนกชนนีพร้อมด้วยบริวารทรงเลื่อมใสในคำสอน ก็เสด็จออกผนวชและบวชตาม. และได้มีพระราชาอื่นอีกเป็นอันมากสดับพระโอวาทขอออกผนวชตาม.

    <CENTER>๒. มหาชนกชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญวิริยบารมี คือความพากเพียร ใจความสำคัญ คือพระมหาชนกราชกุมารเดินทางไปทางทะเล เรือแตก คนทั้งหลายจมน้ำตายบ้าง เป็นเหยื่อของสัตว์น้ำบ้าง แต่ไม่ทรงละความอุตสาหะ ทรงว่ายน้ำโดยกำหนดทิศทางแห่งกรุงมิถิลา ในที่สุดก็ได้รอดชีวิตกลับไปถึงกรุงมิถิลาได้ครองราชสมบัติ. ชาดกเรื่องนี้เป็นที่มาแห่งภาษิตที่ว่า เป็นชายควรเพียรร่ำไป อย่าเบื่อหน่าย(ความเพียร)เสีย, เราเห็นตัวเองเป็นได้อย่างที่ปรารถนา, ขึ้นจากน้ำมาสู่บกได้.


    <CENTER>๓.สุวัณณสามชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเมตตาบารมี คือการแผ่ไมตรีจิตคิดจะให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทั่วหน้า มีเรื่องเล่าว่า สุวรรณสามเลี้ยงมารดาบิดาของตนซึ่งเสียจักษุในป่า และเนื่องจากเป็นผู้เมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น หมู่เนื้อก็เดินตามแวดล้อมไปในที่ต่างๆ วันหนึ่งถูกพระเจ้ากรุงพาราณสีชื่อปิลยักษ์ยิงเอาด้วยธนูด้วยเข้าพระทัยผิด ภายหลังเมื่อทราบว่าเป็นมาณพผู้เลี้ยงมารดาบิดา ก็สลดพระทัย จึงไปจูงมารดาบิดาของสุวรรณสามมา. มารดาบิดาของสุวรรณสามก็ตั้งสัจจกิริยา อ้างคุณความดีของสุวรรณสามขอให้พิษของศรหมดไป สุวรรณสามก็ฟื้นคืนสติ และได้สอนพระราชา แสดงคติธรรมว่า ผู้ใดเลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรม แม้เทวดาก็ย่อมรักษาผู้นั้น ย่อมมีคนสรรเสริญในโลกนี้ ละโลกนี้ไปแล้วก็บันเทิงในสวรรค์ ต่อจากนั้นเมื่อพระราชาขอให้สั่งสอนต่อไปอีก ก็สอนให้ทรงปฏิบัติธรรมปฏิบัติชอบในบุคคลทั้งปวง

    <CENTER>๔. เนมิราชชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือความตั้งใจมั่นคง. มีเรื่องเล่าว่า เนมิราชกุมารได้ขึ้นครองราชย์สืบสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดา ทรงบำเพ็ญคุณงามความดีเป็นที่รักของมหาชน และในที่สุดเมื่อทรงพระชราก็ทรงมอบราชสมบัติแก่พระราชโอรส เสด็จออกผนวชเช่นเดียวกับที่พระราชบิดาของพระองค์เคยทรงบำเพ็ญมา


    <CENTER>๕. มโหสธชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญปัญญาบารมี คือความรู้ทั่วถึงสิ่งที่ควรรู้. มีเรื่องเล่าว่า มโหสธบัณฑิตเป็นที่ปรึกษาหนุ่มของพระเจ้าวิเทหะแห่งกรุงมิถิลา ท่านมีความฉลาดรู้ สามารถแนะนำในปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องรอบคอบ เอาชนะที่ปรึกษาอื่นๆ ที่ริษยาใส่ความ ด้วยความดีไม่พยาบาทอาฆาต ครั้งหลังใช้อุบายป้องกันพระราชาจากราชศัตรู และจับราชศัตรูซึ่งเป็นกษัตริย์พระนครอื่นได้


    <CENTER>๖.ภูริทัตตชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญศีลบารมี คือการารักษาศีล. มีเรื่องเล่าว่า ภูริทัตตนาคราชไปจำศีลอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา. ยอมอดทนให้หมองูจับไปทรมานต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่สามารถจะทำลายหมองูได้ด้วยฤทธิ์ มีใจมั่นต่อศีลของตน ในที่สุดก็ได้อิสรภาพ.

    <CENTER>๗. จันทกุมารชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญขันติบารมี คือความอดทน มีเรื่องเล่าว่า จันทกุมารเป็นโอรสของพระเจ้าเอกราช เคยช่วยประชาชนให้พ้นจากคดี ซึ่งกัณฑหาลพราหมณ์ ราชปุโรหิดาจารย์รับสินบนตัดสินไม่เป็นธรรม ประชาชนก็พากันเลื่อมใสเปล่งสาธุการ ทำให้กัณฑหาลพราหมณ์ผูกอาฆาตในพระราชกุมาร. เมื่อพระเจ้าเอกราชทรงพระราชสุบิน เห็นดาวดึงสเทวโลก เมื่อตื่นบรรทมทรงใคร่จะทราบทางไปสู่เทวโลก ตรัสถามกัณฑหาลพราหมณ์ จึงเป็นโอกาสให้พราหมณ์แก้แค้น ด้วยการกราบทูลแนะให้ตัดพระเศียรพระโอรส ธิดา เป็นต้นบูชายัญ. พระเจ้าเอกราชเป็นคนเขลา ก็สั่งจับพระราชโอรส ๔ พระองค์ และคนอื่น ๆ อีก เพื่อเตรียมประหารเช่นกัน แม้ใครจะทัดทานขอร้องก็ไม่ได้ผล. ร้อนถึงท้าวสักกะ(พระอินทร์) ต้องมาข่มขู่และชี้แจงให้หายเข้าใจผิดว่า วิธีนี้ไม่ใช่ทางไปสวรรค์. มหาชนจึงรุมฆ่าพราหมณ์ประโรหิตนั้นและเนรเทศพระเจ้าเอกราช แล้วกราบทูลเชิญจันทกุมารขึ้นครองราชย์


    <CENTER>๘. นารทชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญอุเบกขาบารมี คือการวางเฉย. มีเรื่องเล่าว่า พรหมนารทะช่วยเปลื้องพระเจ้าอังคติราชให้กลับจากความเห็นผิด มามีความเห็นชอบตามเดิม (ความเห็นผิดนั้น เป็นไปในทางว่าสุขทุกข์เกิดเองไม่มีเหตุ คนเราเวียนว่ายตายเกิด หนักเข้าก็บริสุทธิ์ได้เอง ซึ่งเรียกว่าสังสารสุทธิ).


    <CENTER>๙. วิธุรชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้เสดงถึงการบำเพ็ญสัจจบารมี คือความสัตย์. มีเรื่องเล่าถึงวิธรบัณฑิต ซึ่งเป็นผู้ถวายคำแนะนำประจำราชสำนัก พระเจ้าธนัญชัยโกรัพยะเป็นผู้ที่พระราชาและประชาชนรักใคร่เคารพนับถือมาก ครั้นหนึ่งปุณณกยักษ์มาท้าพระเจ้าธนัญชัยโกรัพยะเล่นสกา ถ้าตนแพ้จักถวายมณีรัตนะอันวิเศษ ถ้าพระราชาแพ้ ก็จะพระราชทานทุกสิ่งที่ต้องการ เว้นแต่พระกายของพระองค์ ราชสมบัติ และพระมเหสี ในที่สุดพระราชาแพ้ ปุณณกยักษ์จึงทูลของตัววิธุรบัณฑิต พระราชาจะไม่พระราชทานก็เกรงเสียสัตย์ พระองค์ตีราคาวิธรบัณฑิตยิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองใดๆ ทรงหน่วงเหนี่ยวด้วยประการต่างๆ แต่ก็ตกลงกันไปไต่ถามให้วิธรบัณฑิตตัดสิน วิธุรบันฑิตก็ตัดสินให้รักษาสัตย์ คือตนเองยอมไปกับยักษ์ ความจริงยักษ์ต้องการเพียงเพื่อจะนำหัวใจของวิธรบัณฑิตไปแลกกับธิดาพญานาค ซึ่งความจริงเป็นอุบายของภริยาพญานาคผู้ใคร่จะได้สดับธรรมของวิธรบัณฑิต จึงตกลงกับสามีว่า ถ้าปุณณกยักษ์ต้องการธิดาของตน ก็ขอให้นำหัวใจของวิธรบัณฑิตมา. แม้ยักษ์จะหาวิธีทำให้ตายก็ไม่ตาย วิธรบัณฑิตกลับแสดงสาธุนรธรรม (ธรรมของคนดี) ให้ยักษ์เลื่อมใสและได้แสดงธรรมแก่พญานาค ในที่สุดก็ได้กลับมาสู่กรุงอินทปัตถ์ มีการฉลองรับขวัญกันเป็นการใหญ่.


    <CENTER>๑๐. เวสสันดรชาดก </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญทานบารมี คือการบริจาคทาน. มีเรื่องเล่าถึงพระเวสสันดรผู้ใจดีบริจาคทุกอย่างที่มีคนขอ ครั้นหนึ่งประทานช้างเผือกคู่บ้านคู่เมือง แก่พราหมณ์ชาวกาลิงคะ ซึ่งมาขอช้างไปเพื่อให้หายฝนแล้ง แต่ประชาชนโกรธขอให้เนรเทศ พระราชบิดาจึงจำพระทัยเนรเทศ ซึ่งพระนางมัทรีพร้อมด้วยพระโอรสธิดาได้ตามเสด็จไปด้วย เมื่อชูชกไปขอสองกุมาร ก็ประทานอีก ภายหลังพระเจ้าสญชัยพระราชบิดาทรงไถ่สองกุมาร และเสด็จไปรับกลับกรุง.( เรื่องนี้แสดงการเสียสละส่วนน้อยเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ คือการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า อันจะเป็นทางให้ได้บำเพ็ญประโยชน์ส่วนรวมได้ดียิ่ง มิใช่เสียสละโดยไม่มีจุดมุ่งหมายหรือเหตุผล)​
    <CENTER>ที่มาเนื้อหา พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน </CENTER><CENTER>ที่มาของรูป ส.ธรรมสภา </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>

    <CENTER></CENTER><CENTER>http://www.kmitl.ac.th/buddhist/tumma/ten.html</CENTER><!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- edit note -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2009
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำเตือนของหมอนิด + ความฝันของ Falkman

    [​IMG]

    อุบัติภัยทางธรรมชาติยังน่าห่วง

    หมอนิด กล่าวว่า ในปีนี้จะมีอุบัติภัยมากทั้งทางบก ทางทะเล ไฟป่า รัฐบาลควรตั้งงบฉุกเฉินไว้เลย ภัยทางทะเล ทางน้ำยังน่าห่วง ช่วงที่ควรระวังคือเดือน มีนาคม - พฤษภาคม 2552 อีกช่วงคือปลายปี อยากฝากให้คนไทยยึดมั่นในความดี มีศีล สมาธิ สวดมนต์ ไหว้พระ รักษาศีล จะช่วยให้รอดปลอดภัยได้มากขึ้น

    http://www.mornid.com/popitems.php?id=656

    <TABLE class=tborder id=post2047943 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] วันนี้, 03:13 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#2675 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Falkman<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2047943", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]
    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2047943 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->เืมื่อคืนฝันว่า อยู่ดีๆ น้ำทะเลขึ้นเอ่อ มาจนเกือบถึงหน้าต่าง แล้ว ตอนนั้นเห็นความกลัวสุดขีด พออีกพักน้ำทะเลขึ้นมา คลื่นซัด เข้ามามิดบ้าน แต่ว่าน้ำทะเลเข้าบ้านไม่ได้เพราะติดมุ้งลวด อิอิ

    แล้วฝันต่อเรื่องต้นสน ว่ามีการปลูกต้นสนเพื่ออะไรบางอย่าง แต่ในนี้มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงขอไม่เล่าดีกว่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ความฝัน-เทพสังหรณ์-สัญญานเตือนจากเบื้องบน.79471/page-134
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2009
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ถึงเวลาอุเบกขา ****

    จบ หมดเวลาแล้ว...เพราะเขาไม่เชื่อ
    มันทำยาก....น่าเสียดาย อยู่ที่ท่านเพียงผู้เดียว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันจันทร์ที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒
     
  11. เฮ้งตงเอี๊ยง

    เฮ้งตงเอี๊ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    668
    ค่าพลัง:
    +130
    วิสัยเก่าองค์นารายและองค์กษิติครรภ์ จะระแวงมาก
    จุดนี้ ทำให้ง่ายต่อคนภายนอกที่จะยุยงให้แตกแยก
    และยากที่จะประสานกลับคืน


    มโนธาตุไม่ลงรอยกัน ดังขมิ้นกับปูน
     
  12. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    จะเกิดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จะเป็นในช่วงชีวิตของเราที่ยังสามารถเดินและวิ่งไหว
    รึป่าวก็ไม่รู้


    และแบบว่าอยากทะลุมิติไปเจอมนุษย์ต่างดาว

    ^^
     
  13. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    อากาศก็ร้อน
    บ้านเมืองก็ร้อน
    คนก็ร้อน
    คอมพิวเตอร์ก็ยังร้อนๆ รวนๆ

    คงจะต้องอุเบกขาอย่างยิ่งยวดจริงๆ
    ช่วยกันลดโลกร้อนนะคะ
     
  14. koh55559

    koh55559 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +542
    ผมกำลังจะบวชคับ พี่ๆ มีคำแนะนำสำหรับพระใหม่มั้ยคับ...ท่านที่มีประสบการณ์แล้วผม
    ขอคำแนะนำหน่อยครับ ผมจะได้นำไปปฏิบัติตนให้ถูกต้อง วัดที่ผมไปบวชเป็นวัดป่าที่จังหวัดร้อยเอ็ดบ้านเกิดผม ผมมีโอกาสได้ไปทำบุญสงกานต์ที่ผ่านมา เงียบมากๆ เน้นปฏิบัติกรรมฐาน ค่อนข้างเคร่งครัด ผมก้อเลยชอบที่นี่มากก้อเลยตั้งใจจะไปบวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อ คุณแม่ ประมาณ 1 เดือน...คับผม...
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สตูลเร่งแก้ปัญหาคราบน้ำมันบนเกาะหลีเป๊ะหวั่นกระทบท่องเที่ยว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 เมษายน 2552 19:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    สตูล – ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลสั่งทุกหน่ายระดมสมองเร่งแก้ปัญหาคราบน้ำมันบนเกาะหลีเป๊ะหวั่นกระทบท่องเที่ยว ขณะที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมเตรียมงัด 3 มาตรการแก้ปัญหา

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.สตูล เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล เร่งหารือเพื่อหารือมาตรการในการจัดการกับคราบน้ำมันเตาที่ลอยรอบเกาะหลีเป๊ะ ต.เกาะสาหร่าย อ.เมืองสตูล จนชายหาดทรายเป็นสีดำ และที่บริเวณอ่าวพัทยาคราบน้ำมันได้ลอยห่างจากเกาะประมาณ 1 ไมล์ทะเลเป็นวงกว้างอยู่ในขณะนี้เนื่องจากกระแสลมที่พัดออกจากฝั่งทำให้อ่าวทางด้านนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

    และขณะนี้ทาง สำนักงานสิ่งแวดล้อม จ.สตูล ได้พบอุปสรรคของการลงไปสำรวจความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมคือสภาพอากาศที่ไม่อำนวย ทำให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสิ่งแวดล้อมต้องเลื่อนการออกสำรวจไป ซึ่งแนวทางการดำเนินการในการแก้ปัญหาในขณะนี้นั้น

    นายอาลี สุขสุวรรณ หัวหน้ากลุ่มงานสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล บอกว่า ได้เตรียมแผนไว้รองรับแล้ว 3 ชั้น คือ การพยายามเข้าไปอุดรอยรั่วของน้ำมันจากเรือประมงแล้วสูบออกให้หมด 2. การจัดหาวิธีการกำจัดคราบน้ำมันบนผิวน้ำ และการจัดการกับคราบน้ำมันบนชายหาดให้หมดไปและกลับมาสวยงามดังเดิม

    สำหรับการรั่วของคราบน้ำมันเตาในครั้งนี้ได้รับแจ้งจาก อุทยานแห่งชาติตะรุเตาว่า เกิดจากเรือปลาป่นที่จมเมื่อ 10 ปีก่อนบริเวณหัวแหลมของเกาะหลีเป๊ะ ห่างประมาณ 300 เมตร ซึ่งในขณะนี้ได้กลายเป็นปะการังเทียมไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตะรุเตาคาดว่า กระแสน้ำที่พัดแรงอาจส่งผลให้น้ำมันในเรือรั่วลอยขึ้นมา

    ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ด้านนายสุเมธ ชัยเลิศวณิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าไปดูแลเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะหวั่นการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบ

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000044296
     
  16. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    0.13 น. 21 เมษายน พ.ศ.2552 เร่งทำบุญกุศลกันให้เยอะๆนะจ๊ะ
     
  17. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398

    นอนน้อย ฉันน้อย พูดน้อย นั่งมาก
     
  18. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    ขออนุโมทนาด้วยนะคับ และก็ขอแนะนำหนังสือดีที่ควรศึกษาก่อนจะบวชครับ คือ หนังสือเรื่องศีลของพระ ที่รวบรวมโดยท่านจิตโต (หลวงพี่สมปอง) เป็นการบันทึกคำสอนของหลวงพ่อฤาษีฯ ในเรื่องของศีลทั้ง 227 ข้อครับ หาอ่าน online ได้ที่ http://www.thaisquare.com/Dhamma/book/silapra/content.html?0
    หรือจะไปขอเป็น hard copy ก็ลองติดต่อพี่ที่ชื่อเทพนะคับ เข้าใจว่าพี่เขาทำแจกอยู่ e-mail ไปขอได้ที่ tepparitr@yahoo.com ครับ
    -Happy Smile_
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องของมาร 5 ฝูงที่ชาวพุทธควรรู้

    [​IMG]
    ภาพธิดาพญามารรายล้อมพระพุทธเจ้า วาดโดยจิตกรชาวฝรั่งเศส

    มารมีอยู่ ๕ ฝูง คือ

    ฝูงที่ ๑ ชื่อกิเลสมาร ได้แก่ ความขุ่นมัวที่ฝังติดใจคนเราแล้ว ทำให้เราคิดแต่เรื่องร้ายๆ ซึ่งถ้าจะถามว่า เกิดจากอะไร? ก็เกิดจากการที่ใจของเราเคลื่อนออกจากศูนย์กลางกายไป แล้วเลยทำให้กิเลสได้โอกาสฝังติดใจแนบแน่น จึงทำให้ใจเกิดความคิดร้ายๆ ขึ้นมา เมื่อความคิดร้ายๆ นั้นเกิดขึ้นมาแล้ว ก็เลยทำให้เราคิด พูด ทำแต่สิ่งที่ไม่ดี เป็นการตัดรอนความดีของเราลง แล้วเราเองก็กลายเป็นเสนาหรือผู้รับใช้ของเทวบุตรมารไปอีกทอดหนึ่งด้วย

    ฝูงที่ ๒ ชื่อขันธมาร ได้แก่ร่างกายและจิตใจของเราที่ไม่สมประกอบ พิการไปด้วยเหตุอันใดอันหนึ่ง เช่นสุขภาพไม่ดี ร่างกายเสื่อมโทรม เจ็บไข้ได้ป่วย ก็เลยทำให้ขันธ์ของเราเป็นมารแก่ตัวเอง แม้ที่สุดการที่กินข้าวผิดเวลา นอนดึกๆ ดื่นๆ หรืออยู่ในอิริยาบถเดียวต่อเนื่องกันไปนานๆ เช่น นั่งนานๆ เลยทำให้ปวดเมื่อยเกินเหตุ รวมทั้งการที่ตัวเรามีประสาทสัมผัสเสื่อม ความจำเสื่อม ความคิดไม่แล่น การตัดสินใจยืดยาด ไม่เด็ดขาด เหล่านี้เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นขันธมารบั่นทอนความดีของเราลงทั้งสิ้น

    ฝูงที่ ๓ ชื่ออภิสังขารมาร ได้แก่ ผลกรรมชั่วในอดีตที่ตามมาล้างมาผลาญเรา แม้เราเลิกการกระทำเหล่านั้นแล้ว บาปกรรมก็ยังตามล้างผลาญไม่ลดละ แม้แต่ชาวบ้าน เขาก็ไม่เชื่อถือเรา ตามสาปแช่งเรา ตายแล้วยังแถมตกนรกหมกไหม้อีกด้วย พอเกิดมาใหม่ก็พิการ ใบ้ บ้า ปัญญาอ่อน

    ฝูงที่ ๔ ชื่อมัจจุมาร คือความตายที่คอยจ้องตัดรอนชีวิตอยู่ทุกขณะจิต หากประมาทเมื่อใด เพียงหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกก็ตาย ออกแล้วไม่เข้าก็ตาย ยิ่งไม่ออกไม่เข้ายิ่งตายเร็วหนักเข้าไปอีก รวมทั้งความกลัวตายที่พลอยผสมโรง ริดรอนกำลังใจด้วย

    ฝูงที่ ๕ ชื่อเทวบุตรมาร มารทั้ง ๔ ฝูงข้างต้นนี้ ล้วนอาศัยอยู่ในตัวของเราแต่ละคน แต่มีมารซึ่งอยู่นอกตัวเรา ซึ่งก็พร้อมจะเข้ามาสิงในตัวเราเมื่อไหร่ก็ได้ มันมีตัวตนจริงๆ พร้อมที่จะแสดงตัวออกมาด้วยกายหยาบก็ได้ กายละเอียดก็ได้ แม้แต่ท้องพระอรหันต์อย่างพระมหาโมคคัลลานะซึ่งทีฤทธิ์มาก มันก็ยังเข้าไปได้ง่ายๆ หากมันได้โอกาสก็พร้อมจะพิฆาตเข่นฆ่าเราทันที

    ถามว่า แล้วเราจะต้องทำอย่างไรกับมารทั้ง ๕ ฝูงนี้ มันจึงจะหมดฤทธิ์ ไม่สามารถมาขัดขวางการทำความดีของเราอีกต่อไป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในมารเธยยสูตรว่า

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ก้าวล่วงบ่วงแห่งมารแล้ว ย่อมรุ่งเรืองดุจพระอาทิตย์ฉะนั้น

    ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยศีลขันธ์อันเป็นของพระอเสขะ๑ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยสมาธิขันธ์อันเป็นของพระอเสขะ๑ เป็นผู้ประกอบแล้วด้วยปัญญาขันธ์อันเป็นของพระอเสขะ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุผู้ประกอบแล้วด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ก้าวล่วงบ่วงแห่งมารแล้ว ย่อมรุ่งเรืองดุจพระอาทิตย์ฉะนั้นฯ"

    พระผู้มีพระภาคตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า

    "ภิกษุใด เจริญศีล สมาธิ และปัญญาดีแล้ว ภิกษุนั้นก้าวล่วงบ่วงแห่งมารได้แล้ว ย่อมรุ่งเรืองดุจพระอาทิตย์ ฉะนั้น ฯ"

    (พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่ ๕ ข้อที่ ๒๓๗ มารเธยยสูตร)

    ที่มา http://www.kalyanamitra.org/board/index.php?showtopic=140

    หมายเหตุ

    อเสขะ หมายถึง ผู้ไม่ต้องศึกษา เพราะศึกษาเสร็จสิ้นแล้ว ได้แก่ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในอรหัตตผล คือ พระอรหันต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2009
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า: วันที่ฟ้าดินมืดมิด

    [​IMG]
    พระอรหันต์จี้กง

    1. ก่อนหน้า “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า” วันฟ้าดินมืดมิดสองสามวัน บรรยาการของโลกดูสงบเงียบไปทั่ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเงียบสงัดก่อนพายุฝนจะกระหน่ำมักเป็นความเงียบที่น่ากลัวเสมอ แล้วทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างเป็นแดงฉานและกลายเป็นสีเทาขาว จนกระทั่งมืดมิดลง ลมมหาประลัยทำลายสิ่งปลูกสร้าง คน และ สัตว์ทั้งหมดให้กลายเป็นจุณมหาจุณในพริบตา

    2. โลกทั้งโลกตกอยู่ในความืดมิด จนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟใดๆ ทั้งสิ้น พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทุกอย่างใช้การไม่ได้ผล ต่อจากนั้นก็เกิดพายุและลมฝน เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดไม่ขาดสาย ห่าฝนเมฆสีแดงจะเทลงมาจากฟากฟ้า โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล นานถึงสี่สิบเก้าวัน

    3. มีเพียงโคมไฟสามดวงในพุทธสถานเท่านั้นที่ให้แสงสว่างได้ รอบนอกสถานธรรม ได้ถูกห่อหุ้มปกป้องด้วยรัศมีสีม่วงโดยทั่ว เมื่อนั้นคนที่บำเพ็ญโดยแท้จริง และคนดีที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรม ก็จะได้รับการดลใจ ชักนำให้เข้ามาหลบภัยในพุทธสถาน ในที่นั้น หากมีธรรมอธิการผู้อาวุโส (เฉียนเหยิน) หรืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดธรรมอยู่ด้วยก็อาจจะช่วยชี้ธรรมให้คนเหล่านั้น คนที่มีกุศลบารมีสูงก็จะรู้แจ้งในทันที และนั่นอาจจะเป็นแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายที่จะโปรดสัตว์ในธรรมกาลยุคขาวก็ว่าได้ คนที่ไม่เคยร่วมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดมาก่อนเลย เกรงว่าจะต้องตายด้วยภัยพิบัติทันทีเลยทีเดียว ถึงแม้จะรอดพ้นไปได้แต่วิถีอนุตตรธรรมก็สิ้นสุดวาระการถ่ายทอดเสียแล้ว

    4. ส่งเสริมให้ญาติธรรมทั้งหลาย สร้างพุทธสถานกันให้มาก ๆ แม้จะมีไว้เพียงเพื่อตนเองจะได้กราบไหว้เช้าเย็นก็ยังดี เพื่อให้ทุกบ้านเป็นสถานแห่งพุทธ สมดังพุทธปณิธานโดยเร็ว เมื่อถึง “วันสุดท้ายฯ” พุทธสถานจะได้เป็นที่หลบภัยของสาธารณชนให้มาก ๆ เพราะพุทธสถานจะเป็นเสมือน “เมืองในม่านเมฆ” สำหรับผู้ใฝ่ธรรม

    5. สภาพโลกภายนอกของพุทธสถาน คือ ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก เจ้ากรรมนายเวรของคนทั้งหลายที่เป็นหนี้ติดค้างกันมาถึงหกหมื่นปีมาแล้ว จะลุกฮือกันออกมาเอาชีวิต วิญญาณทวงหนี้กัน แม้ผู้คนจะพ้นจากมหันตภัย แต่ก็อาจต้องตายด้วยเจ้ากรรมนายเวร สภาพนั้นจึงเป็นมหาโหด มหาวิปโยค เสียงร่ำไห้กู่ร้องครวญคราง เสียงผีสาง เทพพรหม ระงมก้องไปทั่วเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก

    6. เหล่าภูตสางนางไม้ในป่าเขาในบาดาล เหล่าพญามารอสูรทั้งหลายก็จะแปลงกายเป็นพระศรีอาริย์ เป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิ์สัตว์กวนอิม เป็นพระอาจารย์จี้กง หรือพระอริยเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สำแดงอิทธิปาฎิหาริย์ เรียกลมเรียกฝนเสกหว่านเมล็ดถั่วให้กลายเป็นกองทัพ ฯลฯ จะอวดอ้างศักดานุภาพว่าจะสามารถพาผู้คนให้พ้นจากลมมหาประลัย มุ่งคืนไปยังสุทธาวาสเบื้องบนได้ สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อหลอกล่อผู้ปฎิบัติธรรมโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้น ให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในศรัทธาจิตอย่างเช่นเดิมอย่าได้โลภหลงตามไปเป็นอันขาด พอขยับใจไขว้เขวแม้เพียงขณะจิตหลงติดตามไป บุญกุศลที่สร้างมาก็จะหมดไป ดังคำที่ว่า

    “ใกล้จะบรรลุธรรมยามเที่ยง แต่มาเพลี่ยงพล้ำเสียก่อนเมื่อตอนสาย”

    จะขึ้นหรือลงจึงอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อตรงนี้ ที่แอบอ้างว่าเป็นพระบรรพธรรมาจารย์ มาเก็บงานธรรมอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นเพียงมารเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่น่าแปลก ต่อเมื่อวันที่มหันตภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นแหละจะน่ากลัว เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงพระองค์ต่างมุ่งอยู่แต่งาน ช่วยคนให้พ้นจากภัยพิบัติไม่มีเวลาจะมาแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ล่อใจใครให้กราบไหว้ได้เช่นนั้น พระพุทธะตรัสไว้ว่า “แรงแห่งมารหาญกล้ากว่าพุทธะ” พระอาจารย์จี้กงก็กล่าวว่า “พระอาจารย์ปลอมมีอิทธิปาฎิหาริย์แกร่งกล้ากว่า พระอาจารย์จริงเสียอีก หวังว่าหญิงชายทั้งหลายจะได้ร่วมกันบำเพ็ญธรรม อย่าลืม อย่าลืม คนที่บำเพ็ญด้วยความจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากจะสงบใจพิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือปลอม” จะเห็นใบหน้าสีเขียวเขี้ยวโง้งของปีศาจในร่างของพุทธะได้โดยไม่ต้องเทียบเคียง

    7. วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ ช่วงที่หนึ่ง วันที่ 24, 25, 26, ของช่วง “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน” เพราช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อความหนาวเหน็บ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะทรมานมาก ช่วงที่สอง ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ 50 ถึง 70 เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสีซากศพเกลื่อนกลาด คนเคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ คนที่กินเจจะมีกำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงได้ประทานพระโอวาทคำเตือนไว้นานมาแล้วว่า “หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์” เป็นคำเตือนที่ชัดเจนแน่นอนที่สุดทีเดียว

    8. หลังการกวาดล้างแล้ว ก็จะเป็นการสร้างบ้านเมืองใหม่ มนุษย์จะเริ่มเบิกดิถี ด้วยอารยธรรมใหม่ นั่นคือมีคุณธรรมและมีคุณสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อจดจำบทเรียนที่ได้รับจากภัยพิบัติ ปรัชญาความคิดของท่านบรมครูขงจื้อและเมิ่งจื้อ จะเป็นที่เทิดทูนศรัทธาทั่วโลก ความจริงใจรักใคร่ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน จะเป็นปฎิญญาที่ทุกคนรักษาไว้ร่วมกัน

    9. พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งในศุภวาระนี้ จะทรงเปิดเผยให้เห็นฉากสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ ของพระอรหันต์แห่งธรรมกาลยุคขาวนี้ จะทรงประทานอริยฐานะตามลำดับมรรคผลบุญกุศล จากนี้โลกแห่งสันติสุขเยี่ยงสมัยพระเจ้า “เหย่าซุ่น” หรือโลกพระศรีอาริย์ก็ได้เบิกวิถี ณ บัดนี้

    (คัดลอกมาจากหนังสือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...