ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. natthapat_ms

    natthapat_ms สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอโทษครับ ผมกำลังหาซื้อหนังเรื่อง สมเด็จโต ที่หน้าปกมีรูปคุณปู พงสิทธิ์ และ คุณ พยัพ หามานานแล้ว หาไม่ได้สักที พี่พี่ท่านใด พอมี กรุณาช่วยบอกที่ครับ
     
  2. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    อ่านทศรถชาดกแล้วนะครับ ผมว่าเป็นไปได้ที่จะไม่ใช่รามายณะนะครับ เพราะแก่นของรามายณะคือ นารายณ์อวตารมาปราบนนทุก นนทุกเป็นยามเฝ้าไกรลาศ คนมาเข้าเฝ้าพระอิศวรก็เขกหัวนนทุกเล่น นนทุกขอพรต่อพระอิศวรให้มีนิ้วเพชรชี้สิ่งใดไหม้เป็นจุณ พอได้พรก็ลองกับพระอิศวรเลย ท่านก็หนีกระเจิง ร้อนถึงพระนารายณ์ ต้องแปลงเป็นนางฟ้าฟ้อนรำหลอกให้นนทุกเผลอรำตาม จนเอานิ้วชี้ตัวเอง ก่อนตายได้ร้องบอกพระนารายณ์ว่า ท่านมี4มือเอาเปรียบเราที่มี2มือ พระนารายณ์ท่านก็บอกว่า งั้นชาติหน้าข้าให้เองมี20มือ ข้ามี2มือ ข้าจะเอาชนะเองให้ได้ เพราะฉะนั้นแก่นคือ ท่านอวตารมาบำเพ็ญบารมีด้านสู้รบ ทำสงคราม ในทศรถชาดกไม่มีเนื้อความเกี่ยวกับการต่อสู้หรือสงครามเลย ผมว่าไม่น่าใช่
    อาจจะชื่อพ้องก็ได้ เหมือนนายแดง นายดำ

    นี่เป็นความเห็นเกี่ยวกับทศรถชาดกนะครับ

    แล้วจริงเราก็ไม่ได้ศึกษานะครับว่า สมัยก่อนนะมีความเชื่อเรื่องนารายณ์10ปางหรือเปล่า
    เรื่องราวที่เกิดขึ้นมีการลอกเลียนเนื้อเรื่องกันหรือเปล่า เราก็ไม่รู้

    ผมว่าฟังไว้เฉยๆแต่อย่าไปคิดขยายความดีกว่าครับ

    ความเชื่อของพี่เกษมที่เชื่อว่า ศรีราม คืออดีตชาติของพระพุทธเจ้าปัจจุบัน
    ส่วนกัลกีคือ ชาติที่พระศรีอริยะเมตไตยจะมาบำเพ็ญในฐานะพระนารายณ์

    ก็หมายความว่าพี่เข้าใจว่า นารายณ์คือตำแหน่ง 10ปางที่ฮินดูกำหนดมา ก็จะมีพระโพธิสัตว์10องค์ มาทำหน้าที่10ครั้ง ก่อนจะตรัสรู้ ประมาณนั้น ใช่ไหมครับ

    แต่ตามความเข้าใจผมนะครับ พระนารายณ์ มีหน้าที่ เป็นมหาปราบ การที่พระโพธิสัตว์ทำหน้าที่เกี่ยวกับมหาปราบ ยังไม่ถือเป็นการบำเพ็ญขั้นสุดท้าย ถือเป็นการทำหน้าที่ และสร้างบารมีไปพร้อมกัน การบำเพ็ญบารมีในขั้นสุดท้ายจะเกี่ยวเนื่องกับการชดใช้หนี้กรรม
    เป็นส่วนใหญ่ เพื่อชาติสุดท้ายที่มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า จะเป็นชาติที่บริสุทธิที่สุด

    ส่วนเทพในคณะเทพที่เป็นโพธิสัตว์ และมีบารมีสูงสุด ในทัศนะผมคือ พระศรีคเณศ ท่านเป็นเทพที่มีคนนับถือมากที่สุดในโลก

    เอาเป็นว่าแลกเปลี่ยนทัศนะก็พอนะครับ ไม่อยากให้คนอ่านความเห็นคุณเกษม เข้าใจผิด คิดว่าคุณเกษมเป็นฮินดูไปแล้ว

    ขอโทษนะครับ แซวเล่นนิดหน่อย
     
  3. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    บัณฑิตย่อมแก้ไขตนเองหมั่นติเตียนตนเองอยู่เสมอ จะไม่ยอมติเตียนผู้อื่นแม้เห็นว่าผิดจากความรู้ตนควรมองผู้อื่นนั้นเป็นบัณฑิตและเป็นผู้เกิดแก่เจ็บตายเช่นเดียวกับท่าน จะ ย่อมยังตนเองให้รอดปรอดภัย รวมถึงยังตนเองให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นอยู่เสมอ นั้นคือหนทางแห่งสติปัญญาและความฉลาดที่แท้จริง
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์นั้น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 อสงไขยกัป และเศษอีกแสนกัป จึงได้เป็นพระพุทธเจ้า ถ้าจะนับเป็นจำนวนครั้ง ที่พระโพธิสัตว์ต้องลงมาเกิดในโลกมนุษย์นี้ ก็มากมายจนนับครั้งไม่ถ้วนครับ

    การที่ผมให้ความสนใจในคำสอนของทุกศาสนานั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องนับถือไปหมดทุกศาสนานั้น แต่เป็นการเรียนรู้เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญาให้กับตนเองครับ และยิ่งเราได้ศึกษาเรียนรู้ก็จะยิ่งเข้าใจในแนวความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของคนในแต่ละศาสนาเหล่านั้นมากยิ่งขึ้น

    ที่ผมนำเรื่องพระนารายณ์ และพระอิศวรในศาสนาฮินดู มาเปรียบเทียบกับศาสนาพุทธ ก็เพื่อต้องการจะชี้ให้เห็นว่า การสร้างบารมีของเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายในอดีตนั้น ท่านต้องลงมาเกิดในโลกมนุษย์นี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพื่อต่อสู้กับความเชื่อผิดๆ ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิของเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย ในแต่ละยุคแต่ละสมัย ให้กลับมาเป็นสัมมาทิฏฐินั้น ล้วนเป็นเรื่องจริงที่มีบันทึกเอาไว้ ในแต่ละศาสนา

    ในส่วนความเชื่อของผมที่ว่า ศรีราม คืออดีตชาติของพระพุทธเจ้าปัจจุบัน ส่วนกัลกีคือ ชาติที่พระศรีอาริยเมตไตรยจะมาบำเพ็ญในฐานะพระนารายณ์ ก็เป็นความเชื่อตามข้อมูลที่ผมได้รวบรวมศึกษาค้นคว้ามาได้ ซึ่งก็เป็นสิทธิส่วนตัวของผมที่จะเชื่ออะไรก็ได้ และก็เป็นสิทธิส่วนตัวของคุณ f12345 ที่จะไม่เชื่ออะไรก็ได้ ส่วนท่านผู้อ่านคนอื่นๆ จะเชื่อหรือไม่ก็เป็นสิทธิส่วนตัวของทุกๆ ท่านเช่นเดียวกัน เราจึงไม่ควรจะไปบังคับความคิดของใคร

    การที่ผมได้หยิบยกเรื่องพระนารายณ์ 10 ปาง ขึ้นมาโพสต์ในกระทู้นี้ ก็เพื่อต้องการจะชี้ให้เห็นว่าการบำเพ็ญบารมี ของพระโพธิสัตว์นั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งอาจจะหมายถึงพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นพระสมณโคดม หรือพระศรีอาริยเมตไตรยเท่านั้น

    ศาสนาฮินดูเน้นในเรื่องการนับถือเทพเจ้า ศาสนาพุทธเน้นในเรื่องการดับทุกข์ การที่ผมได้หยิบยกเอาสองศาสนานี้ขึ้นมาเปรียบเทียบ ให้เห็นถึงบางส่วนที่มีความเชื่อที่คล้ายคลึงกัน เชื่อมโยงกันได้ อาจจะทำให้ผู้อ่านบางท่านรู้สึกไม่พอใจ แต่ผมมีเจตนาเพียงจะนำสิ่งที่ผมได้ไปศึกษาเรียนรู้มาบอกกล่าวเท่านั้น ถ้าสิ่งใดที่ผมได้นำมาโพสต์นี้ เป็นการทำร้ายจิตใจของท่าน ผมก็ต้องขออภัยทุกๆท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  5. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    เขาเรียกลูกเห็บ...หรือเปล่า

    เมื่อสองวันก่อน เกิดฝนฟ้าผ่า และลมกระโชกรุนแรง แถวดอนเมือง........

    ตอนนั้นผมนั่งอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงเปี๊ยย ๆ ดังกระทบหลังคา จึงออกไปดู

    มองเห็นเม็ดอะไรใส ๆ หล่นลงมาพร้อมสายฝน เลยหยิบเม็ดที่กระเด็น ขึ้นมาดู

    ปรากฏว่าเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นเจี๊ยบ เม็ดโตกว่าถั่วดำเล็กน้อย มองออกไปที่พื้น มี

    นับร้อยนับพันก้อน ลองไปสอบถามเพื่อนบ้าน เจอเหมือนกัน

    ยังไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ผมเห็นเขาเรียกลูกเห็บหรือไม่ เพราะพึ่งเห็นครั้งแรกในชีวิต

    และถ้าใช่แสดงว่า ขณะนี้กรุงเทพ เกิดฝนลูกเห็บแล้วอ่ะจ้า


    (ลองคลิกหาข่าวตามหนังสือพิมพ์ ยังหาไม่เจอ ฝากไว้ที่กระทู้นี้ ก็แล้วกัน)
     
  6. walaphako

    walaphako ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,165
    ค่าพลัง:
    +1,599
    ใช่แล้วค่ะ เคยเก็บได้ที่หน้าบ้าน(เขตจตุจักร) แต่นานมาแล้วค่ะ(smile)
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ที่ผ่านมา อยู่ชัยภูมิ ตอนหัวค่ำอากาศร้อนมากอบอ้าว เลยมาอาบน้ำใหม่แล้วทาแป้งตรางู เปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงขาสั้นเข้านอนในเ้ต้นท์ (เอาพัดลมเข้าไปในเต้นท์ด้วย) ร้อนมาก ถึงมากที่สุด ประมาณห้าทุ่มกว่า โหยยยยย.....พายุมาเต้นท์จะปลิวให้ได้ แต่ก็เออๆ ช่างมันอยากพัดๆ ไป นอนต่อ
    [​IMG]

    พอประมาณตีหนึ่งครึ่งฝนเริ่มตก เต้นท์ของ Falkman เป็นเต้นมี 4 หน้าต่าง หลังคา ประตู ตายแหล่ะ ปิดไม่ทัน ลุกขึ้นมาปิด อ้าวฝนเริ่มแรงขึ้น แล้วออกไปช่วยพ่อปิดเต้นท์ของพ่อ (เต้นท์ของพ่อ ปกติถ้ากางที่ปิดหลังคาดีๆ จะกันฝน แต่ช่วงนี้มันร้อนเลยเอามาคลุมๆ ไว้เฉยๆ พอฝนตกก็รีบปิด

    อากาศเริ่มหนาว เอาผ้าห่มเข้าเต้นท์ด้วย เอาพัดลมออกไปเพราะกลัวไฟช๊อต

    พอเข้าไปนอนฝนตกเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ลมเริ่มอ่อนแรง แต่ก็เออๆ นอนไปเหอะ นอนไปได้สักพัก อาจึ๋ย เสียงอะไรหว่า จ๋อม แจ๋ม พอลุกมาอ้าวเต้นท์น้ำ่ท่วม เอาไงดี ลุกไปเอาผ้ามาซับน้ำออก แล้วนอนต่อ แต่เจ้าฝนยังไม่หยุด พอนอนได้สักพัก เอ๊า น้ำมาอีกแระ ท่าไม่ดี เลยขนของออกจากเต้นท์มานอนในกระท่อม ส่วนพ่อไม่ออกมาสงสัยเต้นท์จะโอเค

    พอเช้ามา พ่อมาดูเต้นท์ของ Falkman หา...มันนอนไปได้ไงเนี่ยะน้ำเยอะขนาดนี้ อิอิ

    [​IMG]
    แต่พ่อยิ่งกว่านั้น พ่อบอกว่า เมื่อคืนทดสอบนาฬิกา เพราะมันแช่อยู่ในน้ำทั้งคืน ยังทำงานปกติ อิอิ

    ฝนตกทั้งคืน จนเช้าตื่นมา หกโมง ยังไม่ยอมจะหยุด โห เยอะมาก พอรุ่งสาย อ้าวอากาศหนาวมาก (พ่อยังบอกว่า อย่างนี้อากาศหนาวนะ ไม่ใช่อากาศเย็น) หาเสื้อหนาวแทบตาย ดีที่เอามาด้วย

    นี่กลางคืนนะ กลางวันมีอีก
    กลางวันไปอาบน้ำในลำธาร (น้ำแรงมาก) พ่อผูกเชือกไว้กับเสาแล้วหย่อนตัวไป แต่เผอิญเชือกหลุด พ่อหงายหลังลงไปในลำธาร Falkman กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากำลังจะลงไปอาบน้ำเหมือนกัน พอเห็นอย่างนั้น จิตมันไวมากเลย มันสั่งการอย่างเร็วจริงๆ กระโดดลงไปเลย (นึกว่าพ่อจะลอยตามน้ำไป เพราะเมื่อวานขันตกลงไป ตามเก็บไม่ทัน พ่อวิ่งตามเหนื่อยแฮ่กๆ)

    พอกระโดดลงไป ตายหล่ะน้ำพัดไป (เพราะผ้ากำลังพะลุงพะลังมาก) เลยถอดชิ้นไม่จำเป็นออก แล้วพยุงตัวกันในน้ำ สองพ่อลูก จะขึ้นฝั่งก็ไม่ได้ เพราะมันลื่นมาก แถมน้ำแรงด้วย (รู้เลยทำไมซึนามิ คนถึงได้ตายเพราะน้ำพัด)

    โชคดีของพวกเรามีเด็กสามคน ขี่จักรยานเล่น เรียกให้ช่วย เอาเชือกที่มีให้เด็กช่วยดึงขึ้นไป ไม่งั้นแป่วแน่ๆ

    [​IMG]

    หนุกม๊ะ [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_4272.JPG
      IMG_4272.JPG
      ขนาดไฟล์:
      118.8 KB
      เปิดดู:
      1,723
    • IMG_4276.JPG
      IMG_4276.JPG
      ขนาดไฟล์:
      65 KB
      เปิดดู:
      2,248
    • IMG_4200.JPG
      IMG_4200.JPG
      ขนาดไฟล์:
      145.8 KB
      เปิดดู:
      1,782
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ไอสไตน์พูดถึงศาสนาพุทธ

    [​IMG]

    หลายท่านเข้าใจว่า ธรรมะกับวิทยาศาสตร์เป็นคนละเรื่องกัน แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่า เป็นคนละเรื่องเดียวกัน เพียงแต่วิทยาศาสตร์สมัยนี้ ยังไม่ละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะเข้าถึงหรืออธิบายธรรมะได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • einstein_1.jpg
      einstein_1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.8 KB
      เปิดดู:
      4,095
    • 10877.jpg
      10877.jpg
      ขนาดไฟล์:
      19.5 KB
      เปิดดู:
      444
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ในอนาคตโลกจะเหลือศาสนาอยู่เพียงศาสนาเดียว"

    [​IMG]

    จากคำกล่าวของ
    อัลเบิร์ต ไอสไตล์ นี้เราก็พอจะมองเห็นกันแล้วว่าเริ่มใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะแล้ว อีกทั้งตรงกับคำทำนายของผู้มีญาณทิพย์ที่สามารถมองเห็นอนาคตได้หลายท่าน ก็กล่าวไว้เช่นนี้เหมือนกัน

    เรามาลองวิเคราะห์ถึงสาเหตุและความเป็นไปได้ ที่จะเหลืออยู่เพียงศาสนาเดียวในโลกนี้กันดูนะครับ เริ่มจากความเชื่อในทุกศาสนาที่มีความเชื่อตรงกัน อยู่อย่างหนึ่งว่า ในอนาคตจะบังเกิดมหาบุรุษท่านหนึ่ง ที่จะมาปฎิวัติเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ให้กลับมีสันติสุขอย่างแท้จริง ไม่มีการรบราฆ่าฟันกันอีกต่อไป มหาบุรุษท่านนี้จะมาปลูกฝังคุณธรรม ศีลธรรม อันดีงามให้กับมวลมนุษย์ทั้งโลก

    เริ่มจากคติความเชื่อในทางพุทธศาสนา ก็มีความเชื่อกันว่าในอนาคตอันใกล้นี้ พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จมาปกครองโลกนี้ในฐานะพระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองมนุษย์ในโลกนี้และปกครองมนุษย์ในดวงดาวอื่นๆ ในจักรวาลนี้ทั้งหมด ให้มีแต่ความสันติสุขด้วยอำนาจของพระเจ้าจักรพรรดิ และแก้ววิเศษ 7 ประการ โดยมีจักรแก้ววิเศษ เป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ให้เป็นไปได้ตามที่พระองค์ต้องการ

    จากคติความเชื่อของทางคริสต์ศาสนา ก็เชื่อว่าในไม่ช้านี้พระเมสิอาร์หรือพระเยซูคริสต์ จะเสด็จมายังโลกนี้เป็นครั้งที่ 2เสด็จมาปกครอง โลกนี้ทั้งโลกให้เป็นคริสตศาสนิกชนทั้งหมด โดยจะมาในลักษณะจอมกษัตริย์ขี่ม้าขาวและไม่ได้เสด็จมาเพียงลำพังเพียงพระองค์เดียว แต่จะนำกองทัพสรรค์ลงมาด้วย เพื่อปกครองโลกนี้ให้มีสันติสุขอันยั่งยืนไปอีก 1,000 ปี

    จากคติความเชื่อของทางศาสนาอิสลาม ก็มีความเชื่อว่าในอีกไม่ช้านี้ ศาสดาท่านหนึ่งที่หายตัวไปเมื่อหลายร้อยปีแล้ว จะเสด็จกลับมากอบกู้โลกนี้ ให้กลับคืนสู่สันติภาพ ภราดรภาพ อีกครั้งหนึ่งโดยจะทำให้ทุกคนในโลกนี้ กลายเป็นอิสลามมิกชนไปทั้งโลก จะไม่มีใครยากจนอีกต่อไป ทุกคนจะได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาทั้งหมด จะไม่มีความอดอยาก หิวโหย โรคระบาด หรือสงครามอีกต่อไป ศาสดาในความเชื่อของชาวอิสลามท่านนั้นมีพระนามว่า "มฮุดีย์"

    จากคติความเชื่อของศาสนาฮินดู ก็มีความเชื่อว่าในอีกไม่ข้านี้ พระนารายณ์ จะเสด็จอวตารลงมาปราบคนชั่วให้หมดไปจากโลกนี้ โดยการเสด็จมาครั้งนี้เป็นปางที่ 10 คือเป็นบุรุษขี่ม้าขาว นามว่า กัลกี ในมือของท่านจะถือดาบวิเศษที่มีแสงแวววับ สามารถฟาดฟันเหล่าคนชั่วให้มอดม้วยได้ในพริบตาเดียว และจะคืนสันติสุขให้กลับมาสู่มวลมนุษย์ชาติอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นอันสิ้นสุดของกลียุคอันยาวนานอีกด้วย

    ที่นี้เรามาลองวิเคราะห์กันดูว่า สาเหตุอะไรที่จะทำให้หลายศาสนาต้องหมดไป เหลืออยู่เพียงศาสนาเดียว ถ้าในอนาคตอันใกล้นี้เกิดสงครามนิวเคลียร์ สงครามชีวภาพ(เชื้อโรค) หรือต้องประสบกับภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง ทั้งแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก พายุสายฟ้า พายุเฮอริเคน พายุทอร์นาโด ภูเขาไฟระเบิด คลื่นยักษ์พัดเข้าสู่ชายฝั่งตามเมืองใหญ่ๆ ประชากรโลกจำนวนนับล้านๆคน ต้องจบชีวิตไปกับภัยพิบัติเหล่านี้

    ผู้คนทั้งหลายในเวลานั้นย่อมต้องเรียกร้องหาที่พึ่ง ให้กับชีวิตของตัวเองและครอบครัว ที่พึ่งที่ทุกคนรอคอยตามที่มีบันทึกอยู่ในทุกศาสนานั้นก็จะมีความสำคัญขึ้นในขณะนั้นทันที เมื่อบุคคลสำคัญท่านนั้นปรากฎพระองค์ขึ้นมา ต่างคนต่างก็พร้อมที่จะให้ความเคารพเชื่อฟังอย่างหมดหัวใจ ไม่มีคำโต้แย้งใดๆอีกต่อไป เพราะต่างคนต่างก็ประสบกับความทุกข์ยากแทบจะสิ้นใจตายกันแล้วในเวลานั้น และทุกคนต่างก็เชื่อว่านี่คือบุคคลสำคัญในศาสนาของพวกเขา ที่พวกเขากำลังรอคอยกันอยู่เป็นเวลายาวนาน

    เมื่อบุคคลสำคัญท่านนั้น ประกาศคำสอนใดๆ ออกมา คำสอนนั้นจึงเป็นเสมือนประกาศิต ที่ทุกคนในโลกนี้ยอมรับและประพฤติปฏิบัติตามทันที ผมจึงวิเคราะห์เอาว่า นี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ศาสนาในโลกนี้เหลืออยู่เพียงศาสนาเดียว ส่วนจะเป็นศาสนาใดนั้นผมคิดว่าทุกๆ ที่อ่านในกระทู้นี้คงมีคำตอบอยู่ในใจกันทุกคนแล้วนะครับ

    ***ข้อความทั้งหมดนี้เป็นความคิด ความเชื่อของผมเพียงคนเดียว ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ จะเชื่อก็ได้หรือไม่เชื่อก็ได้ ถ้าไม่เชื่อก็คิดว่ากำลังอ่านนิทานสนุกๆ เรื่องหนึ่งก็แล้วกันนะครับ***


    ***************************************************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** โลก ****

    โลก มีอายุยาวนานกว่าที่คิดมาก
    โลก พัฒนาเกิดอารยธรรมและล่มสลายเป็นยุคๆ

    โลก ดำรงอยู่บน "หลักสัจจะธรรม"
    คือ ผลการกระทำไม่สูญสลาย เป็นตัวกระทำที่ติดไปกับผู้กระทำ
    และมีผลย้อนกลับมาตอบแทน

    ทุกสิ่งที่เกิดมา จึงต้องอยู่บนสัจจะธรรม
    เมื่อเกิดเป็น มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ล้วนมีจิตวิญญาณ

    เมื่อตายไป แต่กิเลสนิสัยยังไม่หมดสิ้นจากจิตใจ
    ผลการกระทำ คือตัวกระทำ จึงจัดสรรให้มาเกิดเป็นสังขารใหม่

    ศาสนศาสตร์ แก่นสารของศาสนามีหนึ่งเดียว
    คือใช้ความจริง เป็นการเรียนรู้ "หลักสัจจะธรรม"
    หลักในธรรมชาติ ที่เที่ยงแท้แน่นอน

    การตั้งใจลดนิสัย
    จึงมีผลให้เกิดการกระทำใหม่ในชีวิตของตนเอง
    และ เกิดเป็นตัวกระทำที่ไม่สูญสลาย ติดตัวตลอดไปกับจิตวิญญาณของผู้กระทำ

    มนุษย์ สามารถพิจารณาได้ จึงเลือกทำดีทำชั่วได้
    มนุษย์ ต่างจากสัตว์และต้นไม้ ที่ต้องชดใช้รับผลกรรมด้วยสังขารและสันดาน
    มนุษย์เท่านั้น จึงมีโอกาสหลุดพ้นจากการเกิดใหม่ได้ ด้วยการกระทำของตนเอง

    ศาสนาที่นำพาให้สัตว์หลุดพ้น จะคอยสอนให้ฝึกฝนจิตใจตนเอง ให้ลดกิเลสนิสัยด้วยสัจจะ
    คือ สัญญาใจตนเองว่าจะทำสิ่งที่ดี ในช่วงกำหนดเวลาที่ชัดเจน

    มนุษย์ ผู้ที่ทำได้จริง ตามสัญญาใจตนเอง
    จึงเป็น ผู้มีศักยภาพเหนือมนุษย์และสัตว์ทั่วไป
    เพราะ มีตัวกระทำที่คอยช่วยเหลือ บอกเตือนตนเองให้ทำสิ่งที่ควรทำ ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
    จึงเกิดเป็นปฏิหาริย์ รอดพ้นจากผลการกระทำในอดีตได้ ในวันที่กรรมปรากฏ

    สิ่งที่กล่าวมา คือเรื่องราวของโลกุตตระธรรม
    เป็นธรรมเหนือโลก เพื่อนำพาให้สัตว์หลุดพ้นจากความทุกข์ จากการเกิดใหม่

    โลกุตตระ คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นำพาให้มนุษย์ผู้ทำหน้าที่ศาสดาทุกยุค
    ได้พบหลักสัจจะธรรม และพบสัจจะเป็นคำสั่งสอน

    ฉะนั้น การสิ้นยุคแต่ละครั้ง คือ การสิ้นยุคอารยธรรมที่เต็มไปด้วยกิเลสนิสัยที่สะสมกันมานาน
    มีผลการกระทำไม่ดีมาก จึงเกิดการปรับตัวของธรรมชาติ คือ โลก ดินฟ้าอากาศ
    เพื่อคัดสรรให้เหลือเพียงผู้ที่มีผลการกระทำความดีติดตัว
    เป็นการคัดเลือกผู้ที่มีความเชื่อตามหลักสัจจะธรรม คนเห็นประโยชน์ของสัจจะ
    ให้เข้าสู่ยุคต่อไปที่อุดมสมบูรณ์ หลังการปรับตัวของโลกเรียบร้อยแล้ว

    โลกจึงหมุนเวียนสับเปลี่ยนเป็นยุคๆ มาแสนนาน
    สำหรับผู้ที่มีความคิดขัดกับหลักสัจจะธรรม ไม่มีความเมตตา โหดร้าย
    จิตวิญญาณจะถูกส่งไปอยู่ใต้โลกที่มืดมิด ไม่เห็นแสงเดือน แสงตะวัน ไปนานแสนนาน
    จนกว่าโลกจะเปลี่ยนยุค เปลือกโลกปรับตัวครั้งใหญ่ในครั้งต่อไป
    จึงจะมีโอกาสได้ผุดขึ้นมาเกิดใหม่เริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ ในสังขารใหม่เป็นมนุษย์ สัตว์ ต้นไม้อีกครั้ง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** โลกเที่ยง ****

    ที่กว่ากันในยุคนี้ ว่า...โลกนี้ไม่เที่ยง
    เป็นการเข้าใจ ที่มองกันสั้นๆ มองแต่สิ่งที่เห็น

    แต่....ในธรรมชาติ ในสัจจะธรรม....ทุกสิ่งทุกอย่างมันเที่ยง ตามหลักสัจจะธรรม
    ผลที่เราเห็นรูปพัง แตก สลาย...ก็เพราะความเที่ยงของธรรม
    มีเหตุมาจาก...ผลของการกระทำของคนเราที่ผ่านมา ทั้งสิ้น
    เหตุที่อายุคนเราสั้นลง มีโรคมากมาย....ก็เป็นผลจากฝีมือมนุษย์ในยุคปัจจุบัน
    คนเรา ทำลายธรรมชาติ สภาพแวดล้อม...สร้างสารพิษลงดิน ลงน้ำ ลงไปสะสมในทะเลมากมาย
    สิ่งที่เรากิน เราหายใจ เราสัมผัส...ล้วนมีพิษตกค้าง...พันธุกรรมจึงเปลี่ยนไป
    มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ในยุคปัจจุบัน...จึงไม่สมบูรณ์ อายุจึงสั้น
    นี่แหละ..."หลักสัจจะธรรม"....คือ ผลการกระทำไม่ตาย
    คือ ตัวกระทำไม่ตาย...และมีผลตอบแทน
    โลกเขาเที่ยงอยู่แล้ว
    แต่คน ที่ทำตัวตรงข้าม...หลักสัจจะธรรม
    ทำตัวไม่เที่ยง ไม่มีสัจจะ
    จะลำบาก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** โลก ต่อไป ****

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์...กำลังจัดสรรให้โลก สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
    ด้วยการ...เพิ่ม เติม "น้ำ" ลงในโลก ตามสัดส่วนที่ขาดหายไป

    เหมือนโอ่งเลี้ยงปลา....ที่ปล่อยให้น้ำแห้งขอด จนปลาค่อยๆ เป็นโรค ไม่สดชื่น ทยอยตาย
    เมื่อผู้ใจบุญเดินมาเห็น...ก็ไปตักน้ำจากที่อื่นมาเต็มให้เต็มโอ่ง....โลกของปลา จึงค่อยๆดีขึ้น

    -ถาม---น้ำ... ที่นำมาเติมให้กับโลกมาจากไหน ?
    -ตอบ---มาจากแหล่งน้ำในจักรวาล คือ ทางช้างเผือก

    -ถาม---นำน้ำมาจากทางช้างเผือกได้อย่างไร ?
    -ตอบ---น้ำที่ทางช้างเผือก อยู่ในรูปน้ำแข็ง จึงอาศัย กระแสลมจักรวาล นำพา พัดมาตามลม

    -ถาม---ทำไม น้ำแข็งจากทางช้างเผือกไม่ตกทำลายพื้นโลก ?
    -ตอบ---น้ำแข็งบนทางช้างเผือก จากก้อนใหญ่เท่าภูเขา เทือกเขา จะเสียดสีมาเรื่อย จนก้อนเล็กลง และกลายเป็นเหตุการณ์
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ศาสนศาสตร์สากลโลก ****

    หลักสัจจะธรรม...เป็นหลักเดียวที่ปักไว้มั่นคง มีผลรอบครอบจักรวาล
    มีความหมาย คือ.... ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน
    สัจจะทำ...คือ การปฏิบัติตนเพื่อหลุดพ้นทุกข์
    สัจจะ....เป็นแก่นสาร เป็นผู้นำที่แท้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องเล่าของสามกษัตริย์แห่งล้านนา

    [​IMG]

    พ่อขุนงำเมืองทรงเป็นพระสหายร่วมน้ำสาบาน กับ พ่อขุนเม็งรายอดีต กษัตริย์เมืองเชียงราย และพระร่วงเจ้า แห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งทั้งสามกษัตริย์ได้ทรงกระทำสัตย์ต่อกัน ณ บริเวณแม่น้ำอิง ซึ่งปัจจุบันอยู่บริเวณกว๊านพะเยา​

    //-พญาเม็งราย เองก็ผิดสัจจะ กับพระแม่เจ้า มีชายา เป็นธิดาเจ้านครพม่า อาเพศที่เกิด สามสหาย จึงต้องกลับมาหา อาจารย์ผู้เป็นฤาษี สำนักดอยด้วน​

    ทางแก้คือ ให้สามมหาราชะ ส่งผู้มีจิตเด็ดเดี่ยว มาบวชในพรตวิถี เป็นฤาษี 28 ตน เพื่อร่ำเรียนวิชา อาคมขลัง ตั้งจิต ไปเกิดใหม่ เพื่อ ต่ออายุขัย ดวงอาณาจักร ไปอีก 700 ปี​

    โดยคุณ puling 07/02/2552 (6:10 pm)


    สามมหาราชะ ส่งผู้มีจิตเด็ดเดี่ยว ส่งนักพรตวิถีมาบวช เป็นฤาษี 28 ตน เพื่อร่ำเรียนวิชา อาคมขลัง ตั้งจิต ไปเกิดใหม่ เพื่อต่ออายุขัย ดวงอาณาจักร ไปอีก 700 ปี

    บัดนี้ก็ 700 ปีล่วงมาแล้ว นับแต่พระธาตุพนมแตก , ยอดฉัตรดอยสุเทพหัก แล้ว ฤาษี 28 ตน ที่สัจจะว่ามาต่ออายุศาสนจักร อาณาจักร มาเกิดหรือยังอ่ะ ปู่ลิง

    โดยคุณ หนูอยากรู้ 14/03/2552 (11:46 am)


    //-อิอิ ถ้าพิจารณาตามเวลา น่าจะเกิดแล้ว เพราะช่วงนี้ เป็นช่วงเหตุการณ์โลกหลายอย่าง ล้วนนับหนึ่งใหม่ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ศาสนา ส่วนจะเป็นใคร ที่ไหน ทำอะไร เพื่องานนี้บ้าง จนปัญญาลิง อิอิ

    โดยคุณ ปู่ลิง สาธุ 14/03/2552 (12:19 pm)


    เรื่องเล่าจากทวดของปู่ลิง

    //-ทวดของปู่ เคยเล่าว่า อาณาจักรล้านนา ที่พญาเม็งราย(มังราย) พ่อขุนราม พญางำเมือง ร่วมตั้งพิงค์นคร ที่วางฤกษ์ไว้จะคงอยู่ 1,100 ปีจะอยู่ได้ เพียง 700 ปี เนื่องจากมนุษย์ลิขิตของสามผู้นำ พ่อขุนราม มิอาจต้านทาน กลิ่นกายอัปสร ของชายาพญางำเมืองจนกลายเป็นนิยายรักสามเส้า

    พ่อขุนงำเมือง เป็นราชโอรสของพ่อขุนมิ่งเมือง ประสูติ เมื่อปี พ.ศ. 1781 (จ.ศ. 600) เดือน 6 ขึ้น 15 ค่ำ เมื่อพระชนมายุได้ 14 พรรษา ได้ไปศึกษาเล่าเรียน ศึกษาศาสตร์เพท ในสำนักอิสติน อยู่ภูเขาดอยด้วน เรียนอยู่ 2 ปี ครั้นพระชนมายุได้ 16 พรรษา ได้ไปศึกษาศิลปศาสตร์ ในสำนักสุกทันตฤกษ์ กรุงละโว้ (ลพบุรี) เป็นศิษย์ร่วม สำนักเดียวกับ พ่อขุนรามคำแหง พระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัย จึงสนิทสนมร่วมผูกไมตรี เป็นพระสหายตั้งแต่นั้นมา

    ปี พ.ศ. 1801 (จ.ศ. 620) พ่อขุนมิ่งเมืองสิ้นพระชนม์ จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแทน พ่อขุนงำเมือง เป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีอิทธิฤทธิ์มาก เมื่อพระองค์เสด็จ ไปทางไหน

    "แดดก็บ่อฮ้อน ฝนก็บ่ฮำ จักให้บดก็บด จักให้แดดก็แดด"

    จึงได้รับ พระนามว่า "งำเมือง" นอกจากนั้น พระองค์มีพระทัยหนักแน่นในศิลธรรม มีพระราชศรัทธา เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ไม่ชอบทำสงคราม ทรงดำเนินพระราโชบาย การปกครองบ้านเมือง ด้วยความเที่ยงธรรม พยายาม ผูกไมตรีจิตต่อเจ้าประเทศราชที่มีอำนาจเหนือคน เพื่อหลีกเลี่ยงภัยสงครามแม้กระนั้น ก็ยังถูกพ่อขุนเม็งรายยกกองทัพมาตี เมื่อปี พ.ศ. 1805 แต่ในที่สุดพ่อขุนงำเมือง ก็ยอมยกเมืองปลายแดน คือ เมืองพาน เมืองเชียงเคี่ยน เมืองเทิง เมืองเชียงของ ให้แก่พ่อขุนเม็งราย ด้วยหวังผูกไมตรีต่อกันและคิดว่าภายภาคหน้าจะขอคืน

    พ่อขุนงำเมือง ทรงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงทศพิธราชธรรมและมีเมตตาเป็นที่ประจักษ์ ดังเช่น เหตุการณ์ ในประวัติศาสตร์กล่าวถึง พ่อขุนรามคำแหง พระสหาย ได้เสด็จไปมาหาสู่กัน เสมอมิได้ขาด จนเส้นทางที่เสด็จผ่านเป็นร่องลึกเรียกว่า แม่ร่องช้าง ในปัจจุบัน

    พระร่วงเจ้าเสด็จมาเมืองพะเยา ทรงเห็นพระนางอั้วเชียงแสน พระชายา พ่อขุนงำเมือง มีรูปโฉมอันงามยิ่ง ก็บังเกิดปฏิพัทธิ์รักใคร่ และพระนาง ก็มีจิตปฏิพัทธ์เช่นกัน จึงได้ลักลอบปลอมแปลงพระองค์คล้ายกับพ่อขุนงำเมือง เข้าสู่ห้องบรรทมพระนางอั้วเชียงแสน

    พ่อขุนงำเมืองทราบเหตุ และสั่งให้อำมาตย์ ไพร่พล ทหารตามจับพระร่วงเจ้า นำไปขังได้และมีราชสาส์นเชิญพ่อขุนเม็งราย ผู้เป็นสหายมาพิจารณาเหตุการณ์ พ่อขุนเม็งรายทรงไกล่เกลี่ย ให้ทั้งสองพระองค ์เป็นมิตรไมตรีต่อกันดังเดิม โดยขอให้พระร่วงเจ้าขอขมาโทษ พ่อขุนงำเมือง ด้วยเบี้ยเก้าลุนทอง คือ เก้าแสนเก้าหมื่นเบี้ย เพื่อกำชับพระราชไมตรีต่อกันยิ่งกว่าเก่า กษัตริย์ทั้ง 3 พระองค์ได้ตั้งสัตยาธิษฐานต่อกัน ณ ริมฝั่งแม่น้ำขนภู แม่น้ำแห่งนี้จึงเรียกชื่อภายหลังว่า "แม่น้ำอิง"

    หลังจากนั้น เมื่อพ่อขุนเม็งรายทรงสร้างเมืองเชียงใหม่ ได้เชิญพ่อขุนงำเมือง และพระร่วงเจ้า ร่วมพิจารณาสร้างเมือง เมื่อสร้างเมืองเสร็จแล้ว พ่อขุนงำเมือง เสด็จกลับ โดยพ่อขุนเม็งรายทรงมอบผอบมณีรัตนะ อันเป็นสมบัติต้นวงศ์ แห่งลาวลังกราช และทรงเวนคืนเมืองพาน เมืองเชียงเคี่ยน เมืองเทิงให้และพระราชทานกุลสตรีให้อีกนางหนึ่ง

    ฝ่ายพระนางอั้วเชียงแสน ทรงทราบว่า พระราชสวามี มีพระชายาใหม่ ก็มีพระทัยโทมนัสยิ่ง รับสั่งให้เสนาอำมาตย์ จัดแจงม้าพระที่นั่ง เสด็จออกติดตามพระสวามี หมายจักประหารพระชายาใหม่ ให้สิ้นพระชนม์ แต่พระนางก็สิ้นพระชนม์เสียกลางทาง ด้วยเหตุพระทัยแตก พ่อขุนงำเมืองทรงทราบด้วยความสลดพระทัยยิ่ง จัดพระราชทานเพลิงศพ พระนางอั้วเชียงแสนตามประเพณี ต่อมาได้มอบราชกิจต่างๆ ในการปกครองบ้านเมืองให้พญาคำแดงราชบุตร แล้วเสด็จไปประทับพักผ่อนที่เมืองงาว ปี พ.ศ. 1841 พ่อขุนงำเมืองก็สิ้นพระชนม์ รวมพระชนม์มายุได้ 60 พรรษา

    โดยคุณ ปู่ลิง 07/02/2552 (6:04 pm)

    ที่มา http://www.navagaprom.com/oldsite/show1.php?id=635
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2009
  15. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    ขอปรบมือ ดัง.....ดัง.....ให้กับคุณเกษม ด้วย ความรู้แน่นจริงๆครับ
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    สามกษัตริย์...มี สัจจะ เป็นผู้นำ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** นิมิต ****

    สามคน เขาไม่ทะเลาะกัน
    เพราะ ชาติก่อนเขาเป็นฤษีเป็นเพื่อนกัน
    ต่อไปจะจัดสรร เป็นผู้นำศาสนาในอนาคต

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6682 ข่าวสดรายวัน


    แม่ฮ่องสอนลุย แก้หมอกควันเผาป่า




    แม่ฮ่องสอน - นายทวีศักดิ์ วัฒนธรรมรักษ์ รองผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้ประชุมหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า จ.แม่ฮ่องสอน มีข้อเสนอแนะดังนี้ 1.ให้มีการประชาสัมพันธ์ถึงพิษภัยของหมอกควัน 2.ให้มีแผนที่ดาวเทียมแสดง Hot Spot นำเสนอผู้ว่าฯ ทราบทุกวัน 3.ให้ส่วนราชการมีอาสาสมัครปฏิบัติหน้าที่เสริมชุดดับไฟป่า 4.ให้อบจ. อบต. จัดรถน้ำเตรียมพร้อม 5.ใช้คอลเซ็น เตอร์ 6.ให้ร่วมกันฉีดน้ำตามถนนและหลังคาบ้าน เพื่อลดปัญหาฝุ่นและหมอกควัน 7.ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้งดเผาขยะ 8.ให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น สนับสนุนงบประมาณค่าอาหารผู้ปฏิบัติงาน และสุดท้ายแม่ทัพภาค 3 ได้ฝากให้คิดว่า จะทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระ ทบจากหมอกควันได้รวมตัวกันเสนอความเดือดร้อนสู่สาธารณชน เพื่อให้ผู้ก่อความเดือดร้อนได้เกิดสำ นึก และงดเว้นการเผาได้ในที่สุด

    หน้า 30

    อีสานใต้แล้ง-เดือดร้อน2.4ล้านคน ระดมแจกน้ำทั่วโคราช-ชัยภูมิ-บุรีรัมย์-สุรินทร์



    นครราชสีมา - นายวัลลภ เทพภักดี ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา รายงานสรุปสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานใต้เขตรับผิดชอบ ว่า ขณะนี้ 4 จังหวัดคือ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติจากภัยแล้งแล้วรวม 62 อำเภอ 483 ตำบล 3,507 หมู่บ้าน

    ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา กล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์ความแห้งแล้งดังกล่าว มีราษฎรได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง 550,666 ครอบครัว เป็นจำนวน 2,490,927 คน พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้ว 15,835 ไร่ มีการให้ความช่วยเหลือแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคไปแล้ว 7,573,940 ลิตร

    สุรินทร์ - นายอำนวย จันทรัฐ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินแล้ว ทั้ง 17 อำเภอ การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยจัดให้มีจุดจ่ายน้ำกลางของหมู่บ้าน การแจกจ่ายน้ำอุปโภคและบริโภคแก่ประชา ชน มีรถบรรทุกน้ำจากส่วนราชการต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 100 คัน พร้อมแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ ออกเป็น 5 โซน ครอบคลุมพื้นที่ครบ 17 อำเภอ ที่ผ่านมาได้ออกแจกจ่ายน้ำแล้วกว่า 7 แสนลิตร

    ร้อยเอ็ด - นายดำริ วชิโรดม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า ร้อยเอ็ดปีนี้แล้งก่อนทุกปีที่ผ่านมา แหล่งน้ำธรรมชาติต่างๆ ได้แห้งขอดลงอย่างรวดเร็ว ประชาชนเริ่มประสบปัญหาได้รับความเดือดร้อนทั้งด้านน้ำกิน และน้ำใช้ รวมทั้งด้านการเกษตรเป็นจำนวนมากในหลายอำเภอ ดังนั้นจังหวัดร้อยเอ็ดได้ประกาศภัยแล้งในพื้นที่ 11 อำเภอ 109 ตำบล 1,317 หมู่บ้าน 140,061 ครัวเรือน 540,142 คน การช่วยเหลือเบื้องต้นได้มีการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรปริมาณ 60,000 ลิตร จัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภค/บริโภคปริมาณ 113,000 ลิตร และการช่วยเหลือน้ำอุปโภค/บริโภคจากหน่วยงานอื่น ๆ อาทิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ปริมาณ 30,000 ลิตร สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด ปริมาณ 25,000 ลิตร ใช้งบประมาณทั้งสิ้นเพียงจำนวน 5,000 บาท

    หน้า 30

    ระงับฝนเทียม-หวั่นพริกหอมเสียหาย



    ตราด - นายสีนวล เจาะสุนทร นายกเทศมนตรีเทศบาล ต.ท่าพริก เปิดเผยหลังการเปิดงานพริกหอมรสเด็ด มันเทศเนื้อทอง ถึงปัญหาฝนที่ตกลงมาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อพริกหอม และมันเทศเนื้อทองที่ชาวบ้านได้ปลูกไว้ ทำให้เม็ดพริกและ ต้นพริกได้รับความเสียหาย รวมทั้งมันเทศเนื้อทอง ที่อาจจะเน่าได้หากฝนยังตกอยู่อย่างต่อเนื่อง

    นายสีนวล กล่าวว่า ฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้จะเป็นทั้งฝนเทียมและฝนธรรมชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้เกษตร กรจะประสบปัญหาน้ำขาดแคลนทำให้ต้องนำน้ำมา แจกให้ชาวบ้าน แต่เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาได้เกิดฝน ตกอย่างหนักในพื้นที่ ทำให้ผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งพืชไร่ เช่น พริกหอมของตำบลท่าพริก ได้รับความเสียหาย เม็ดพริกร่วงหล่น ใบหงิกงอ และพบว่าฝนที่ตกลงมานั้นมีฝนเทียมอยู่ด้วย จึงได้เรียนให้นายอำเภอเมืองตราดให้ช่วยทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่ทำฝนเทียมว่าขอให้ระงับการทำฝนเทียมไว้ก่อน การได้รับน้ำฝนมากจะส่งผลกระทบทำให้ต้นพริกเน่า เสียหายได้ รวมทั้งมันเทศ อาจจะต้องแช่น้ำจนเน่า เหมือนเมื่อปีที่ผ่านมา ตอนนี้เกษตรกรที่ปลูกพริก และมันเทศ ได้รีบเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต เพราะเกรงว่าจะมีฝนตกลงมาอีกและทำให้ต้นพริกและมันเทศได้รับความเสีย

    หน้า 30

    เรียนรู้ยุคข้าวยากหมากแพง ผ่านนิทรรศการร้าน"ภูฟ้า"



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>จากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้ร้านภูฟ้าผสมผสาน เป็นแหล่งวัฒนธรรมใจกลางเมือง เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และบูรณาการความรู้สาขาต่างๆ ดำเนินการในรูปแบบการจัดนิทรรศการหมุนเวียนและจำหน่ายสินค้าที่ระลึกที่บอกเรื่องราวของมนุษย์ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม จากอดีตถึงปัจจุบัน เป็นนิทรรศการหมุนเวียนครั้งที่ 5 ที่ร้านภูฟ้าผสมผสาน ในชื่อว่า "ย้อนยุค ข้าวยาก หมากแพง" ศ.คุณหญิงสุชาดา กีระนันท์ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานร้านภูฟ้า แถลงข่าวเปิด งานที่ร้านภูฟ้าผสมผสาน ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

    นิทรรศการนี้จัดทำโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดท่าพูด จังหวัดนครปฐม บอก เล่าถึงความอดอยาก ขาดแคลน วิกฤตของชีวิตที่มีอยู่คู่กับสังคมไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อหาคำตอบว่า ข้าวยากหมากแพงในแต่ละยุคสมัย เกิดมา จากสาเหตุอะไร คนทั่วไปจดจำอะไรบ้างเกี่ยวกับความ ทุกข์ยาก และหาวิธีปรับตัวอย่างไรให้มีชีวิตอยู่รอดและมีความหวัง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    นอกจากนั้น ยังมีเครื่องใช้ที่เกี่ยวกับการทำนาในยุคก่อน เช่น คันไถ ถังตวงข้าว และเครื่องใช้โบราณจากยุคสง คราม เริ่มตั้งแต่ "ช่วงอดีต" เท่าที่สืบหาได้จากเอกสารโบราณ เช่น พงศาวดาร บันทึกราชการ สงครามและภัยธรรมชาติ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นาล่ม หรือไม่มีการทำนา ยังผลให้ขาดแคลนข้าว ประ ชาชนอดอยาก

    เช่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นช่วงของความเดือดร้อนแสนสาหัส ผู้สูงวัยอายุเกิน 80 ปี จำเหตุการณ์ในช่วงนั้นได้แม่นยำ ทั้งความทุกข์ของคนกรุง ทั้งภัยจากระเบิด และสินค้าราคาแพงขึ้น และความลำเค็ญจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2485 อุปกรณ์ทั้งหมดล้วนขาดแคลน ไม่ว่าข้าวปลา เสื้อผ้า ทุกอย่างขาดแคลน ไม่พอใช้ เสื้อผ้าไม่มีนุ่ง ไม้ขีดไฟแพงอย่างกับทองคำ ของจำเป็นที่จะต้องใช้ประจำวันถูกพ่อค้ากักตุนไว้หลังร้าน เราหาซื้อไม่ได้ เกิดคำว่า "ตลาดมืด" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ทั้งนี้ ความขาดแคลนทำให้ต้องมีการประดิษฐ์คิดค้นของกินของใช้มาทดแทน ทำให้เกิดสูตรอาหารใหม่ๆ เช่น แกงจืดไข่น้ำ ที่มีการทำมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเหตุการณ์ในกรุงเทพฯ ชาวญี่ปุ่นได้กว้านซื้อเนื้อหมูไปให้ทหารกิน ทำให้ตลาดขาดแคลนเนื้อหมู พ่อค้าจึงใช้ไข่เจียวแทน รวมถึงมีการนำใยสับปะรดมาทำเป็นด้ายเย็บผ้า ใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันก๊าด เป็นต้น

    ดร.ปริตตา เฉลิมเผ่า กออนันตกูล ผู้อำนวยการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร กล่าวว่า ปัจจุบันใครก็พูด ถึงเรื่องเศรษฐกิจ เนื่องจากมีผลกระทบต่อชีวิต ภาวะวิกฤตไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะปัจจุบัน ในอดีตได้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว โดยนิทรรศการจะมีเหตุการณ์ต่างๆ ให้ได้เรียนรู้ว่ามีการปรับตัวอย่างไร อีกทั้งยังมีมุมที่ให้เขียนถึงการปรับตัวของผู้เข้าร่วมงานด้วยว่า มีวิธีการอย่างไร เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันกัน และหากมองถึงความแตกต่างของคำว่าข้าวยากหมากแพง สำหรับยุคอดีตและยุคปัจจุบัน จะเห็นว่ายุคปัจจุบันไม่ใช่ข้าวที่ขาดแคลนแต่เป็นเงิน จึงเรียกว่าเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ

    ผศ.มยุรี วีระประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า ภายในงานมีการจำหน่ายเสื้อยืดสีเขียวที่ได้อัญเชิญลายฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพฯ ชื่อภาพ "รวงข้าว" นอกจากนี้ ยังมีกระเป๋าหนังสีดำและ สีน้ำตาล พิมพ์ลายฝีพระหัตถ์เป็นรูปช้าง รวมถึงข้าวเพื่อสุขภาพ และอื่นๆ รายได้จากการจำหน่ายสินค้าทั้งหมด นำไปช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป ผู้สนใจนิทรรศการนี้ ชมได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 พ.ค. ที่ร้านภูฟ้าผสมผสาน ชั้น 4 สยามพารากอน เวลา 11.00-19.00 น. สอบถามโทร.0-2129-4556

    [FONT=Tahoma,]หน้า 25[/FONT]
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ชนชาติกับศาสนาพุทธ ****

    คนสำคัญ...มาเกิดทุกยุคสมัย
    เพื่อทำหน้าที่กอบกู้ชาติบ้านเมือง และ สานต่อศาสนาพุทธ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    เกือบไปคุณอ๋อ อธิฐานสะเดาะเคราะห์ไปด้วยเลยครับ ตอนนี้เขาเก็บเล็กเก็บน้อย ใช้ดอกเบี้ยไปเล็กๆน้อยๆตามวาระกรรมของแต่ละท่านครับ

    เร่งทำบุญกันเอาไว้ด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...