เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

;hi2

ขอต้อนรับคุณ "ขันติธรรม" และคุณ"ดาวเคียงเดือน" สู่ห้องวิทย์ฯ
ยินดีต้อนรับทุกท่านด้วยความรักครับ

welcome4

 

ยินดีต้อนรับ คุณขันติธรรม คุณดาวเคียงเดือน นะครับ
มาสนทนากันบ่อยๆนะครับ

รู้สึกอุ่นใจยังไงไม่รู้ ที่มีตัวตนต่างร่าง คอยให้กำลังใจ คอยเชื่อเหลือตลอดเวลานะครับคุณ mead อิอิ เห็นแล้วจินตนาการบรรเจิดเลยครับ

รูปของลูกเกด ทั้งลายเส้น และการลงสีลงได้พริ้วไหว และอ่อนช้อยมาก แต่แฝงอะไรไว้รึเปล่าครับ กับคำถาม what's love ?

รูปที่วาด ต้องการสื่อว่า ถ้าเรามาวาดรูปโดยให้โจทย์เดียวกัน โดยจัดฉาก วิวทิวทัศน์ ทั้งก้อนเมฆรูปหัวใจ แปลงดอกไม้ที่จัดเป็นรูปหัวใจ และบรรยากาศสบายๆ
ถ้าวาดออกมาแล้ว แต่ละคนจะวาดอะไรออกมา
ภาพแรก วาดออกมาเป็นสายใยความผูกพันธ์ระหว่างแม่และลูก
ภาพที่สอง วาดออกมาเป็นความรักที่บริสุทธิ์ที่เด็กมีให้แก่กัน
ภาพที่สาม วาดวิวทิวทัศน์บรรยากาศสบายๆ ตามที่เห็น
ภาพที่สี่ วาดความรักของสัตว์ร่วมโลก
ภาพที่ห้า วาดออกมาเป็นตัวการ์ตูน ที่แทนความรักระหว่างหนุ่มสาว

ไม่ว่าจะวาดสิ่งใดออกมา ล้วนสะท้อนความเชื่อในมุมมองความรัก ตามนิยามรักที่แตกต่างกันออกไป
แล้วนิยามรักของเพื่อนๆคืออะไรครับ อิอิ

 

ขอฝากกระทู้ทำบุญ สร้างห้องสุขาที่วัดเนินอีแจนค่ะ
โครงการสร้างสุขา
ทางวัดเนินอีแจน ต.ไม้เค็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี กำลังสร้างศาลาเอนกประสงค์ใกล้เสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากยังไม่มีห้องสุขาสำหรับบริเวณชั้นล่าง มีแต่บนศาลาชั้นบน ทางวัดมีโครงการสร้างห้องน้ำสำหรับพุทธศาสนิกชนผู้มาร่วมทำบุญ และมาร่วมงานกุศลต่าง ๆ เบื้องต้นต้องการทำจำนวน 4 ห้อง งบประมาณห้องละ15,000 บาท เนื่องจากวัดนี้เป็นวัดในต่างจังหวัดอยู่ชานเมือง จึงมีงบประมาณไม่มาก และเห็นว่าสร้างในจำนวนน้อย จึงอยากบอกบุญมา โดยทางดิฉัน Cinderella2517 ได้จองขอร่วมสร้างจำนวน 1ห้อง งบประมาณ 15,000 บาท จึงอยากบอกบุญมายังกัลญาณมิตรทั้งหลาย ที่ประสงค์จะร่วมบุญ สามารถมาลงชื่อได้ที่กระทู้นี้ค่ะ โดยดิฉันจะนำหมายเลขบัญชีของวัดมาลงไว้ให้เลย เมื่อท่านต้องการโอนเงินก็โอนเข้าบัญชีวัดได้เลย ซึ่งบัญชีของวัดนี้ จะมีคณะกรรมการร่วมลงนามกันจำนวนหนึ่งและต้องลงนามพร้อมกับท่านเจ้าอาวาสในการเบิกถอน และต้องแจ้งรายการให้กับคณะกรรมการเป็นผู้รู้เห็นทุกคน จึงต้องมีการแจ้งชื่อที่มาของเงินว่า ฝากมาจากไหน เพื่อวัตถุประสงค์ใด

โครงการสร้างสุขา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทุกข์โศก สร้างเพื่อปลดทุกข์ ทุกคนจะได้หมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย

สัปดาห์นี้จะกลับไปบ้าน และจะแวะไปที่วัด เพื่อถ่ายรูปสถานที่ก่อสร้างและบรรยากาศของวัดมาให้ชมค่ะ และจะมา อัพเดทเลขที่บัญชีของวัดให้ผู้ประสงค์ร่วมสร้างสุขาได้ร่วมทำบุญโดยสะดวก

ท่านผุ้ประสงค์ร่วมบุญสามารถฝากแจ้งชื่อผู้ร่วมทำบุญไว้กระทู้นี้ ดิฉันจะเป็นธุระในการนำรายชื่อไปแจ้งยังคณะกรรมการของวัดผู้ดูแลบัญชี หากประสงค์ต้องการใบอนุโมทนาบัตรก็สามารถแจ้งได้ค่ะ

หมายเลขบัญชีของวัดเนินอีแจน สำหรับผู้สนใจร่วมสร้างห้องน้ำ โอนเงินเข้าธนาคารได้โดยตรง และมาโพสต์แจ้งชื่อไว้ที่กระทุ้นี้ได้เลยค่ะ ดิฉันจะได้นำรายชื่อแจ้งวัดให้คณะกรรมการจัดทำบัญชี หากท่านใดต้องการใบอนุโมทนาบัตร ก็ขอให้แจ้งที่อยุ่ด้วย จะได้ส่งให้ค่ะ

ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ/สาขาปราจีนบุรี เลขที่บัญชี 010-2-36821-3
ชื่อบัญชี "วัดเนินอีแจน"

รูปวัดที่นำมาลง วัดเนินอีแจน หมู่ 2 ต.ไม้เค็ด อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
เป็นวัดเล็ก ๆ ในตำบล
1. ภาพป้ายบอกชื่อวัด เนื่องจากเป็นวัดเล็ก ๆ ที่ต้องการพัฒนาอีกมาก
2. ภาพศาลา ศาลานี้สร้างใหม่เมื่อหลายปีก่อน เดิมวัดนี้เคยเกิดไฟไหม้ครั้งหนึ่ง แล้วจึงสร้างศาลานี้ขึ้นแทน เวลาพุทธศาสนิกชนมาร่วมทำบุญ ก็จะใช้ศาลานี้
3. ภาพศาลาเอนกประสงค์ ชาวบ้านเนินอีแจน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2547 เพิ่งจะเสร็จแต่ยังไม่สมบูรณ์นัก
4. ภาพป้ายศาลาเอนกประสงค์
5. ภาพห้องครัวของศาลาเอนกประสงค์ กำลังสร้างเกือบแล้วเสร็จแล้ว
6. พื้นที่สำหรับสร้างห้องน้ำ โดยจะสร้างแยกออกมาจากโรงครัว โดยจะสร้างประมาณ 4-6 ห้องก่อนเป็นขั้นต้น
7. ภาพในมุมใกล้ บริเวณที่จะสร้างห้องน้ำ (แถว ๆ ใกล้ ๆ กองหิน)
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>




</FIELDSET>
http://palungjit.org/showthread.php?p=1886533#post1886533

 

ขอขอบคุณน้องกินเครคเป็นอย่างมากสำหรับน้ำใจในการส่งแผ่นซีดีมาให้ พี่ใช้มันในการฝึกสมาธิทุกวัน มันช่วยพี่ได้มากกว่าที่น้องคิดอีก รู้ไหม ความงามเบ่งบานในหัวใจของน้องเสมอ

ภาพของน้องลูกเกดนี่เป็นอุปมาอุปมัยดีนะ ชีวิตเหมือนบทละครจริง ๆ ทุกอย่างล้วนกำลังดำเนินเรื่องเกี่ยวพันกันทั้งนั้น ส่วนคุณมี้ดไม่ต้องพูดถึง คนนี้มืออาชีพตัวจริงเสียงจริง สมกับเป็นยอดครีเอทีพ ความคิดสร้างสรรค์เนี๊ยบเหมือนเดิม ส่วนของคุณเซลล์ คนนี้อนาคตไกลเพราะจินตนาการล้ำลึกเช่นกัน ของจินต์วาดไว้ไม่ได้เอามาลงซํกที หาเวลาไปหาเครื่องแสกนยากจริง ๆ
<O></O>
เมื่อสองวันก่อนก็มานั่งคิดว่าทำไมช่วงนี้เห็นแต่สีแดงและสีขาว เลยนั่งคิดจับสีแดงมาผสมสีขาว มันก็กลายเป็นสีชมพูดูสดใสน่ารักดี พอตอนกลางคืนฝันเห็นตัวหนังสือ (ธรรมดาฝันเป็นตัวสีแดงล้วนบ้าง หรือ ขาวล้วนบ้าง) คราวนี้ตัวหนังสือมีสองสีผสมกัน แดงกับขาว ตัวหนังสือปรากฏเป็นคำว่า “ให้เอาสีแดงผสมกับสีขาว” ฮ่า ๆๆๆ เราก็ขำกลิ้งเลย<O></O>


จู่ ๆ ก็มาเจอภาพน้องลูกเกด แสดงความสัมพันธ์ของหน้ากากสีแดง และ ขาวพอดี พอเหมาะพอเจาะกับความฝันพี่จินต์อะไรอย่างงี้ ฮ่า ๆๆ เอิ๊ก

 

การดาวน์โหลดความสามารถจากจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์เป็นไปได้จริง เราคงเห็นเงื่อนงำกันแล้วจากวิธีการเขียนหนังสือชุดนี้ รวมทั้งการวาดภาพของคุณนักเขียนพวกเราเคยสังเกตุดูไหมว่าพวกเราแต่ละคนในห้องนี้ล้วนกำลังเปลี่ยนไป ต่างมีพรสวรรค์และความสามารถเพิ่มขึ้น สำหรับจินต์เห็นชัดเจน ความสามารถบางอย่างเพิ่มขึ้นมา ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้จริง ๆ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากภายในทั้งนั้นfficeffice" /><O></O>

 

I would like to tell you that I 've very well understood the meaning of your drawing picture, it mixed between white spirit and red spirit. They both based on oneness and they still one eventhough they 're standing in differrent corner. We should give love to every one without any condition ! Is that right

Sorry, my Thai 's broken again. ;aa26

 

เมื่อคืนฝันว่าขับรถเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด ระหว่างทางรถเกิดเสียงดังน้ำมันใกล้หมดก็เลยแวะเติมน้ำมันที่ปั้ม มีคนเข้ามาบอกว่าที่นี่มีช่างสามารถดูเครื่องยนต์ได้ก็เลยให้ช่างดูรถให้ปรากฏว่าเป็นพี่ที่รู้จักกันเมื่อสมัยเรียนมัธยม แล้วพี่เค้าก็เอารถไปเช็คให้ที่บ้าน เราก็ตามไปแต่แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำมัยคุณแม่ของเพื่อนอีกคนนึงถึงกลายมาเป็นคุณแม่ของพี่เค้าในความฝันก็ม่ายรู้

แล้วความคิดของตัวเองก็เปลี่ยนไปในความฝันกลายเป็นว่าตัวเองจะไปงานแต่งงานของเพื่อนอีกคนนึง เสร็จแล้วพี่ที่เอารถเราไปเช็คเค้าก็คัดเลือกปลาตัวเล็กๆ มาให้ประมาณ 3 ถุงเพื่อให้เราเอาไปฝากเพื่อน เราก็รับมาแล้วก็เดินไปได้ 2 - 3 ก้าว ก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่าเรามีปลาดีๆ ตัวโตๆ ตั้งเยอะทำมัยเราถึงเอาปลาตัวเล็กไปให้เค้า จึงกลับไปเปิดถังใบใหญ่ๆ เพื่อตักเอาปลาตัวโตๆ ซึ่งมีอยู่เต็มถังไปฝากเค้า แต่เราตักได้เพียงไม่กี่ตัวก็มีคนมาตักปลาในถังให้คนอื่นด้วยจนเกือบหมดถัง ในความรู้สึกตัวเองก็ยังไม่ค่อยพอใจที่ตักปลาไปฝากเค้าได้น้อยแล้วก็ตื่นขึ้นมา

เมื่อตื่นขึ้นมาก็มาจับความรู้สึกของตัวเองตีความฝันได้ว่าเรากะลังเดินทางกลับบ้านทางจิตวิญญาณในความรู้สึกของเรานั้นเต็มไปด้วยความเมตตาและเอื้อเฟื้อปรารถนาที่จะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้ผู้อื่น แต่ภาวะจิตของตัวเองนั้นไม่รู้จักวางอุเบกขาทำให้จิตใจของเราไม่สงบนิ่ง เราควรจะให้เท่าที่ตัวเองสามารถให้ได้เท่านั้น.. เล่าให้ฟังค่ะ..

 

รอเจ้าตัวมาเฉลยเหมือนกัน
คุณเอไขปริศนาจากภาพนี้ออกมาได้กระจ่างดีครับ
ไม่ว่าเราจะยืนอยู่คนละมุมหรือคนละสี แก่นแท้ของทุกๆคนก็ยังเป็นหนึ่งเดียวที่หลอมรวมด้วยความรักนะครับ

เที่ยวนี้มากับฝันที่มีความหมายนะครับคุณขจรวรรณ

 

ส่งงานค้า...ช้าไปสองวัน ขออภัย​

Emotion of .....LoVe​

​

วาดอยู่ สามวัน ได้แค่เนี่ย...อิอิ​

 

ใบหน้าแห่งรักบนหน้ากาก

​

มาแว้วค้า
พี่จินอุตส่าห์ตีความหมายได้มีความหมายมาก คือมากกว่าหัวสมองคนวาดจะนึกถึงค่ะ เกดเห็นด้วยกับพี่มี้ดที่ว่าแต่ละคนก็ตีความหมายของภาพวาดตามมุมมอง เกดเสริมว่าทุกความหมายถูกหมดเพราะมันเป็นศิลปะที่ผ่านสายตาของคนๆนั้น บางทีรอยยิ้มของโมนาลิซ่าอาจไม่โด่งดังเท่านี้ หากลีโอนาโด ดาวินชี่ ยังมีชีวิตอยู่ให้ตอบคำถาม

สำหรับความเป็นขาว-หรือแดงก็มีส่วนค่ะ แต่มันเป็นส่วนด้านอารมณ์ไม่ใช้คำพูด คือตอนที่ตัดสินใจใช้สีอะไรดีก็มีให้เลือกมากมาย แต่อยากได้สีที่ให้ความรู้สึกต่างกัน อีกด้านร้อนอีกด้านดูนุ่มใจดี

ส่วนความหมายของเกดนั้น เป็นการมองความรักผ่านบางมุมมอง
สิ่งที่เราเรียกว่ารัก หรือคิดว่าเป็นความรักนั้น ไม่ได้มอบความสุขและรอยยิ้มให้เราเสมอเหมือนกับเวลาที่เราสามารถมีรักแท้ๆ
จึงได้ยินบ่อยๆเลยที่ว่า "มีรักย่อมมีทุกข์"
หรือความรักเข้ามามอบความสุขให้แก่เราเพียงชั่วครู่ ไม่นานความรักก็เอาความสุขนั้นกลับไปด้วย ความรักในแบบที่เห็นทั่วไปจึงไม่ใช่รักที่เบิกบานด้านเดียว

เหมือนจะเป็นความเชื่อไปแล้ว
เกดสงสัยมาตลอด ทำไมมีรักจึงต้องมีพรากจากให้โดดเดี่ยว มีสมหวัง-อกหัก มีผิดหวัง มีโศกเศร้าระทมทุกข์อีกด้วย
ทำให้เกดเกิดคำถามสำหรับการมีคนรัก ชีวิตคู่ หรือแม้แต่ความสัมพันธ์เพื่อนของเรา เพื่อนบ้านของเรา และทุกๆคน
สงสัยเหมือนที่ถามในภาพว่า "What is love?"

โดยเฉพาะชีวิตคู่แล้วเกดก็สงสัยค่ะ ทำไมถึงเจอคนที่ทุกข์ใจจากชีวิตคู่มากจริงๆ เหมือนว่าเกดอาจรู้ แต่ก็เป็นเพียงความรู้ที่อ่านมาฟังมาและพยายามทำความเข้าใจเท่านั้น เกดอาจเข้าใจ แต่ก็ไม่แน่ใจ

ภาพวาดนี้เป็นภาพงานแต่งงานค่ะ
ตามที่คุณแม่นักเขียนเคยพูดไว้ว่า

"ความรักเป็นปัจจัยสองทาง ที่เราทุกคนสัมผัสรู้ได้ด้วยการมีสติสัมปชัญญะอันคมชัด
หากปราศจากสติสัมปชัญญะอันคมชัด
เราอาจตีความหมาย ความหลง เป็นความรัก
เราอาจตีความหมาย ความสงสาร เป็นความรัก
เราอาจตีความหมาย ความศรัทธา เป็นความรัก

ความรักที่แท้จริงย่อมเปลือยเปล่า
ปราศจากข้อแม้ ปราศจากเงื่อนไขทั้งปวง"

และเกดคิดว่าน่าจะมีสิ่งอื่นนอกจากความหลง ความสงสาร ความศรัทธา ที่ได้สร้างหน้ากากสวมครอบเราไว้โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว
ในภาพนี้เป็นการยกตัวอย่างของหน้ากาก เป็นคู่รัก
แม้จนถึงวันที่คนทั้งสองได้ตัดสินใจแต่งงาน
ที่จริงเกดไม่ได้คิดแค่คู่รักเท่านั้น เกดคิดถึงความสัมพันธ์ทุกรูปแบบเลย
แต่ก็อยากให้คุณแม่นักเขียนขยายความอีกค่ะ :-D

----------------------------------------------------


หน้ากากอันเก่าจากอดีต
ไม่ได้สร้างความสนุกเท่าวัยเด็ก
แต่กลับทำให้หายใจแผ่วเบา

จำไม่ได้แล้ว
ว่าสวมหน้ากาก..มานานเท่าไหร่
อาจเป็นตอนนั้น ที่เข้าไปกอดเจ้า Mascot ในสวนสนุก​

สวมมันมานานแล้ว
ทั้งหนาทั้งหนัก
แต่ก็อำพรางหน้าบูดบึ้งและน้ำตาได้หมดจด​

หน้ากากสำเร็จรูป เลียนแบบใบหน้าแห่งรัก
ไม่ว่าความลุมหลงหรือความสงสารจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ฉันก็แสดงตัวผ่านหน้ากากนั้น​

เมื่อเราใส่หน้ากาก
เราต่างไม่เห็นแววตาของกันและกัน
เราอาจกุมมือกันไว้ ก้าวเดินไปด้วยกัน
แต่ก็ด้วยความหวาดหวั่น
เราอาจแสดงใบหน้าแห่งรัก
ด้วยเพราะไม่อยากเหงาและโดดเดี่ยว
เราอาจพยายามเป็นในแบบที่"ควร"เป็น
แต่ไม่ใช่ความเป็นเราที่จริงแท้
และไม่ได้สัมผัสจิตวิญญาณเปล่าเปลือยไร้สิ่งอำพรางของเรามาเนิ่นนานแล้ว​

​

ถอดหน้ากาก
และกลับมาเป็นตัวเอง
ที่มีแววตาของมนุษย์...อย่างแท้จริง​

ลูกเกด​

---​

 

แปะ แปะ แปะ
ยาฮู้ เฉ็ดแล้ว
ภาพพี่เดรดลายเส้นนี่พริ้วเลยนะคะ ส่วนสีก็คุมได้อยู่หมัด(เพราะมีสองสี 55) มันดูเข้มแข็งปนอ่อนหวานในตัวเลยค่ะ

ภาพพี่เซลล์ประกายความสดใสออกมาจ้าเลยค่ะ
ส่วนพี่มี้ดเกดชอบลายเส้นมั่นๆ แต่เห็นโลกยิ้มได้แล้วนึกถึงฟักทองฮาโลวีนค่ะ
:-D
sleeping_rb

 

ขอบคุณจ้า...ฉุดฉวย อุตส่าห์ มาเป็นกองเชียร์ให้พี่เดรด ขนาดนี้
มีกองเชียร์ ประจำตัว ก็ดีไปอย่าง(จ้างแค่ ไอติมแท่งเดียว เอง นะเนี่ย...หุหุ)
อย่างนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยพี่เดรดวาดใจขาดเรย...อิอิ

ตอนแรก ก็คุยกับลูกเกด ว่าจะวาดลาย นึกถึงแต่ลายผ้า เกดเลยส่งลายพรมเปอร์เซียมาเพียบ
ก็ตั้งใจจะวาด แต่ลายเปอร์เซีย จะ ออกแนวบาลานซ์ ทำให้รู้สึกมันติดกรอบ ยังไงไม่ทราบ

เลยเปลี่ยนใจ วาดแบบไม่มีกรอบ วาดไปเรื่อย ตรงไหนว่างเป็นใส่ ลายแบบนี้ของชอบ
ส่วนการคุมโทนสี อ๋อ...แน่นอน น้อง monotone แบบนี้ สีไม่โดด ชัวร์ป้าบ( pay save อิอิ) ไม่อยู่ให้มันรู้ปาย...

ความหมาย : บอกเลยละกันค่ะ เดี๋ยวจะเดาไปใหญ่โต
เดรดให้ชื่อภาพว่า emotion ความรู้สึก และ อารมณ์ รัก
มันมักจะมาพร้อม ความรู้สึก ลุ่มหลง ไหลไปตามสายธารแห่งอารมณ์
แล้ว ก็มักมีกันอยู่แค่ สองคนนั่นแหล่ะ ไม่สนโลกเลย ถึงอยู่ในกรอบอีกทีไงค่ะ

เมื่อใดที่ยังไม่หลุดกรอบนี้ ออกมา ความรู้สึก และอารมณ์ ก็จะหมุนวน อยู่ในห้วงรัก!!!!
....อย่าง ถอนตัวไม่ขึ้น และจมไปกับมัน อย่างหลงใหล...ไม่เอาใครทั้งนั้น หรือจะมีใครค้านค่ะ ว่า ไม่จริ๊ง ไม่จริง...

อ้อ...และอีกอย่าง สีม่วง หมายถึง ความลึกลับ ความคลางแคลง ความคลุมเครือ ตามความรู้สึกเดรดนะ
เป็นการตอกย้ำว่า ในอารมณ์แบบนี้ สิ่งที่เห็น สิ่งที่รู้สึก มันกระจ่าง ชัดจริงหรือ
มีสติสัมปชัญญะ อยู่เพียงพอหรือไม่...??

แม้จะไม่ได้สวมหน้ากาก เข้าหากันชัดเจน เหมือนที่ลูกเกด สื่อ
แต่บางที เราก็เอาหน้ากากมาครอบ ไว้ที่หัวใจเราเอง...อย่างระแวด ระวัง!!!
แล้วรัก จะไร้เงื่อนไข ไปได้อย่างไร ถ้า..ยังหวาด และ ขลาดกลัว

แง่มุม ความรักมีให้ มองมากมาย แล้วแต่ใครจะให้....นิยาม
อันนี้ เป็นเพียง อีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งเดรดเลือกที่จะ แสดงผลงาน ออกมา
นี่เป็นเพียงบางส่วน และ ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ค่ะ สำหรับความรัก ?????....

 

Better Late Than Never - มาส่งความรักให้ทุกคนสาย แต่ยังดีกว่าไม่มานะคะ
ช่วงนี้งานยุ่งมาก หาเวลาตอบคำถามยังไม่ได้ แต่ตั้งใจจะตอบทุกคำถามที่ค้างไว้ค่ะ(rose)

 

หวัดดีครับพี่นักเขียนฯ
ขนาดงานเยอะยังเข้ามาทักทาย ทางนี้ไม่ต้องห่วงนะครับ

สื่อความหมายออกมาได้น่าสนใจทั้งภาพและข้อความเลยครับลูกเกด
มีแง่คิดเรื่องหน้ากากที่ต่างคนใส่กันออกมาหากัน เมื่อไหร่จะถอดกันได้จริงๆซะทีนะครับ?

ผลงานคณเดรดก็สมกับการรอคอยครับ (วาดตั้ง 3 วัน)
ดูเส้นพริ้วไหว-หนักแน่น- สีเรียบง่ายจริงใจมากๆ
แถมยังบรรยายความรู้สึกออกมาแต่ละทั่น จับใจจริงๆครับ

ผืนผ้าใบของชีวิต เราจะละเลงป้ายสียังไงก็สุดแล้วแต่นะครับ
ไม่มีผิดหรือถูกไปทั้งหมด อยู่ที่ว่าเรายืนบนเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดหรือไม่?
ความรักต้องควบคู่กับสติปัญญา แล้วจะมีความสุขสงบภายในจิตใจครับ

อย่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นอัตโนมัติ (มีสติ) ให้เลยเถิดไปทุกเรื่องก็ไม่ได้
นั่นหมายถึงตัวเราไม่มีพลังอำนาจในตนเองที่จะควบคุมสำรวมจิตให้ดีพอ
ต้องติดเบรค (สัมปชัญญะ) เพื่อไม่ให้ก่อเกิดพฤติกรรมที่เสียสมดุลย์กับใครๆ
เรื่องนี้ต้องฝึกฝนกันให้เป็นปกติครับ

ในโลกความฝันกับโลกของความจริงนี่ มันอาจไม่ได้เป็นไปเพื่อความสุขเท่านั้นครับ
แต่เป็นไปเพื่อขยายประสบการณ์จริงให้คมชัดยิ่งขึ้นผ่านเหตุการณ์ทั้งหลายรอบๆตัวเรามากกว่า
ความรัก-ความเกลียดชัง ก็อยู่กันคนละขั้ว ทำอย่างไรเราจึงจะรู้สึกไม่หวาดกลัว
ลองค่อยๆเลื่อนมาตรวัดขึ้นมาครับ ด้วยการลดแรงสั่นสะเทือนที่หยายๆให้ละเอียดจนเหมือนไร้การสั่นไหว
ไม่กระเพื่อมไปตามอารมณ์ ที่ทางพุทธเรียกว่า"อุเบกขา"คือไม่มีเงื่องไขใดๆมากระทำให้สั่นไหวได้อีก
ว่าไปพวกเราก็ยังต้องฝึกฝนกันอีกเยอะ มีอะไรช่วยกันแนะนำครับ

กว่าที่เราจะเข้าใจความรักที่ปราศจากเงื่อนไขได้อย่างสมบูรณ์
คงต้องผ่านบททดสอบกันพอสมควรหล่ะครับ ที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ...

+สั่นสะเทือนเป็นความรัก แสดงออกให้ถูกต้อง คิดดี ทำดี พูดดี
+มองให้เห็นสิ่งที่ต้องแก้ไข รักและเข้าใจตนเองให้มากที่สุดแล้วจึงจะรักผู้อื่นเป็น
+ใช้ปัญญาญาณในการตัดสินใจครับ

ตกลงเป็นนิยามความรักหรืออะไรก็ไม่รู้ครับนี่ (เหมือนเข้ามาบ่นเลย อิอิ)

 

จิตวิญญาณประสานกาย
หน้า 221 บทที่ 14 การเริ่มต้นใหม่หมดด้วยความมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

การ " ปล่อยวาง " ที่แท้จริง
คือการไว้ใจในสัญชาติญาณ
และธรรมชาติของการเป็นตัวตน​

การไว้ใจในพลังอำนาจและความแข็งแกร่ง และ " การมอบตัวตน " ของเธอให้กับพลังต้นกำเนิดของชีวิต คำว่า " การมอบตัวตน " อาจเป็นคำพูดที่ดูรุนแรงสำหรับเธอบางคน แต่ธาตุแต่ละหน่วยของธรรมชาติ มอบตัวตนของมันให้กับชีวิตทุกชีวิต เช่นเดียวกันกับที่อะตอมทุกอะตอมในร่างกายของเธอมอบตัวตนของมันให้กับชีวิตของเธอ

" การมอบตัวตน " ของเธอจึงเป็นการมอบพลังอำนาจให้กับชีวิตของเธอและตอบสนองต่อพลังอำนาจภายในอันยิ่งใหญ่ อันเป็นพลังอำนาจที่นอกเหนือไปจากพลังอำนาจ ธรรมชาติที่ให้กำเนิดแก่เธอและจักรวาล

ก้าวแรกสู่การมีสุขภาพร่างกาย - ความรู้สึกนึกคิด - อารมณ์และจิตวิญญาณที่ดีคือ " การมอบตัวตน " และการยอมรับพลังอำนาจอย่างหมดใจ
.......................
ช่วงนี้กะลังสนใจเกี่ยวกับการปล่อยวางอยู่ค่ะ จึงอยากจะถามพี่นักเขียนว่าการมอบตัวตนของเราให้กับพลังงานต้นกำเนิดนั้นหมายถึงการมอบชีวิตและและจิตวิญญาณของเราให้กับพลังงานต้นกำเนิดใช่หรือไม่? แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนั้นคือพลังงานต้นกำเนิดเป็นความรักโดยปราศจากเงื่อนไขรึปล่าว? แล้วสัญชาติญาณกับสติสัมปะชัญญะมีความหมายเหมือนกันรึปล่าวคะ?

เราคงต้องเรียนรู้ความรักโดยปราศจากเงื่อนไขผ่านประสบการณ์จริงของตัวเองมังคะคุณ Mead จึงจะสามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง.. คงไม่สายเกินไปที่จะเรียนรู้ก็จิตวิญญาณปราศจากช่องว่างระยะทางและกาลเวลานี่นา เป็นกะลังใจให้กันและกันตลอดไปค่ะ อิอิ..
;aa13

 

ความหมายในรูปลูกเกด สื่อออกมาได้ลึกซึ้งมากครับ เป็นแง่มุมนึงของความรักเช่นกัน ว่าหากเรารักใคร เราต้องหันกลับมามองว่า เราสวมหน้ากากอยู่รึเปล่า อิอิ

รูปคุณเดรด ยังไม่ทันได้ตีความ มาเห็นคำเฉลยซะก่อน อิอิ..
แต่ความรู้สึกที่โดดออกมาจากภาพ รู้สึกถึงแง่มุมความรักอีกแง่มุมนึง หากจะหามุม คงมีไม่รู้จบเลย ผลิตผลงานป้อนมาอีกนะครับ
และพอมองรูป เห็นลายเส้นที่ไม่ทำให้คม+สี และอ่านคำบรรยายที่เฉลยไปด้วย เลยคิดว่าศิลปิน ต้องการสื่อความหมายออกมา เรื่องความคลุมเครือ จากรายละเอียดของรูปรึเปล่า

อ่านข้อความของคุณ mead หัวหน้าห้องเรา ได้อะไรกลับไปเยอะเหมือนกันครับ ขอบคุณครับ

 

ขออ้างอิงกระทู้คุณขจรวรรณหน่อยครับ
สงสัยเหมือนกันครับ พี่นักเขียน เรื่องนิสัยใจคอของบุคคลในฝันที่นิสัยใจคอไม่เหมือนกับคนที่เรารู้จักเลยในปัจจุบัน

เมื่อคืน อ่านกระทู้เก่าๆที่พี่นักเขียนเคยเล่าประสบการณ์ความฝัน ตอนที่อยู่ในครรภ์มารดา
ผมเลยตั้งใจก่อนนอนว่า ต้องการรับทราบเรื่องราวเมื่อครั้งอยู่ในครรภ์มารดา
ฝันไปว่า มีผู้ชายคนนึง ไม่มีแขน ไม่มีขา แต่เค้าก็บอกว่า ถึงแม้จะไม่มีอวัยวะอื่นๆ แต่เค้าก็สามารถรับรู้ สัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างได้เหมือนกับคนปกติทั่วๆไป เพราะเค้าไม่ได้รับรู้ด้วยอวัยวะทางกายภาพ
แล้วฉากก็ตัดมาสถานที่แห่งนึง กำลังจะมีการสอบ ช่วงพักเที่ยง ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทานข้าว ผมได้เดินไปกับเพื่อนกลุ่มนึงสมัยเรียนมหาลัย แต่ไม่อยากทานอาหารที่นี่ เลยขอตัวไปทานที่อื่น แล้วก็เดินหาซื้อหนังสือการ์ตูน เพื่อจะเอาไปนั่งอ่านด้วย แต่หนังสือที่ต้องการก็ยังหาไม่พบ เลยเดินมาที่ๆนึง เป็นย่านการค้าของชาวจีน เห็นครูผู้หญิงคนนึง กำลังขายก๊วยเตี๋ยวอยู่ ที่นี่คนเยอะมาก แต่ก็ไปยืนต่อคิวเพื่อจะทานให้ได้ จนถึงคิวผม ครูก็ถามว่า จะทานอะไร ผมบอกว่า ขออาหารที่ขึ้นชื่อของที่นี่ครับ ช่วยแนะนำให้หน่อย
ครูก็เลยชี้ไปที่ปลา สีดำๆคล้ายๆปลาทอง แต่ที่กลางหลังจะมีขีดอยู่ 5 สี ครูบอกว่า เป็นปลาหางนกยูง ผมก็เถียงบอกว่า ไม่ใช่ ปลาที่ผมรู้จักไม่ใช่แบบนี้ ท่านก็บอกว่า ถ้ามีขีด 5 ขีด กลางหลัง ที่นี่เค้าเรียกว่า ปลาหางนกยูง ผมก็โอเค แล้วครูก็เอาปลาไปทำอาหารให้
ระหว่างที่คุย ก็รู้ว่ามีรุ่นน้องคนนึงนั่งทานก๊วยเตี๋ยวและมองอยู่ ก็รู้ว่าเค้าคิดอะไร
ก็บอกไปว่า มองตาปลา ก็สงสารมันนะ แต่ที่ต้องทาน ก็เพื่อความอยู่รอด แล้วก็หัวเราะ
ที่นั่นมีรุ่นน้องคนนึงที่รู้จักอยู่ด้วย (ในฝันรู้ว่าเป็นรุ่นน้องที่อยู่ในบอร์ด แต่หน้าตาไม่ใช่ที่เรารู้จัก) บอกว่า สมกับที่เป็นพี่จริงๆ แล้วก็หัวเราะ
เมื่อทานเสร็จ ก็ต้องจ่ายตังค์ ครูบอกว่า ราคา 450 บาท ผมก็เปิดกระเป๋าเงิน และก็ดูว่า จะมีจ่ายมั๊ยเนี่ย ตั้ง 450 บาท ก็เลยจ่ายเป็นค่าความทรงจำ โดยจ่ายให้เป็นสติ๊กเกอร์รูปหัวใจหลายๆแผ่น แล้วก็เรื่องราวของลูกศิษย์ครูอยู่คนนึงที่ครูคิดถึงมาก (ในฝันลูกศิษย์คนนี้ก็เป็นเพื่อนอีกกลุ่มนึง ซึ่งนิสัยใจคอก็ไม่ใช่ที่เรารู้จักในปัจจุบัน)
จากนั้นเรื่องราวก็ตัดมาที่ฉากในร้านอาหารอีกที่นึง
กำลังนั่งทานข้าวกับเพื่อนผู้ชายอีก 2 คน (เป็นเพื่อนในบอร์ดนี้ 2 ท่าน แต่รูปร่างหน้าตา อายุ นิสัยใจคอก็ไม่ใช่ที่รู้จักในปัจจุบันเช่นกัน)
ผมก็เล่าให้ฟังว่า ไปทานข้าวที่ร้านก๊วยเตี๋ยวครู และก็เล่าให้ฟังถึงเมนูปลาหางนกยูงที่แปลกๆ รวมทั้งครูเล่าให้ฟังว่า มีลูกศิษย์อีกคนนึง ต้องซ้ำชั้นปี 2 เพราะยังสอบไม่ผ่าน เนื่องจากมีพฤติกรรมบางอย่างยังไม่ผ่านเกณฑ์ และให้เราช่วยกันหาคนดูแลให้กับเพื่อนหญิงของเค้า (เป็นเพื่อนอีกกลุ่มนึงเหมือนกัน ที่นิสัยใจคอไม่เหมือนกันอีก)
เพื่อนที่นั่งทานข้าว ก็บอกว่า ผมความจำดี จำได้หมดทุกอย่างเลย
ผมก็บอกไปว่า ที่เล่ามา ผมจำได้หมดทุกอย่าง เว้นแต่ความทรงจำตอนที่อยู่ในครรภ์มารดา

ตื่นมาก็งงๆว่า นี่เราตั้งใจจะฝันถึงความรู้สึก ความทรงจำยามอยู่ในครรภ์มารดา แต่เรื่องกลับมาทิ้งท้ายว่า เราจำไม่ได้

และก็เพื่อนที่พบเจอในฝันทั้งหมด ถึงแม้จะรวมเพื่อนทั้งหมดในแต่ละช่วงวัย จำได้หมดว่าเป็นใครบ้าง แต่นิสัยใจคอไม่ใช่คนที่เรารู้จักเลยในปัจจุบันนี้ ที่เราจำกันได้นั้น เราจำบุคลิกภาพของเค้าได้ใช่มั๊ยครับ เพราะถ้าจำนิสัยใจคอ จะปวดขมองมาก เพราะไม่เหมือนกันเลย

อยากให้พี่นักเขียนช่วยอธิบาย และขยายความให้หน่อยครับ

 

ดูเหมือนเพื่อนๆแต่ละคนสนุกกับความฝันกันเพลินทีเดียวนะครับ
โลกแห่งความเป็นจริงทางจินตภาพและโลกจิตวิญญาณยังมีปริศนาให้ค้นหาได้อีกไม่รู้จบจริงๆ
ภาพที่เห็นนั้นก็ถูกคลุมทับด้วยสัญลักษณ์ทางกายภาพเข้าไปอีกชั้น
คงต้องรอพี่นักเขียนฯว่างๆสักนิดได้มาไขความรู้ให้กระจ่างเร็วๆนี้ครับ

ส่วนเรื่องความรู้สึกในครรภ์มารดานี่ ทำให้นึกถึง poster หนัง ci-fi เรื่อง 2010 ขึ้นมาเลยครับ
คงยังจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่รู้สึกจากรูปภาพเหล่านี้ได้เลาๆครับว่า..
มืดสนิท แกว่งไปมานิดๆเหมือนเปล หูก็ได้ยินเสียงวิ๊งๆๆๆที่เป็นเสียงแห่งความเงียบ แต่ก็อบอุ่นมากๆ

แต่ช่วงก่อนที่เราจะมาอยู่ในครรภ์มารดานี่ รู้สึกยังไงแทบไม่รู้จักเลยนะครับ
บางทีอาจล่องลอยอยู่ในสนามพลังงานในมิติอื่นๆที่ไร้สภาวะแรงดึงดูด..ไร้ความนึกคิด ฯลฯ
บางคนอาจถูกส่งข้ามมิติ มีจักรวาลเป็นเบ้าหล่อหลอมบุคลิกพิเศษเฉพาะตัว
ดิ่งลงมาตามแรงเหวี่ยงของโลกสู่เป้าหมายตามกฎของแรงดึงดูด
หรืออาจถูกส่งมาจากดาวดวงไหนสักแห่งก็ได้ ที่อาจไม่เรียกว่าการเดินทาง
(อ้อ อาจเป็นดาวคริปตันรึเปล่าครับคุณเซลล์ อิอิ..เพื่อนๆลองจินตนาการดูเล่นๆครับ)

 

เมื่อคืนก็ลองตั้งใจฝันเรื่องเดิมอีกที นอนสมาธิ แล้วก็นอน

ฝันเรื่องนึงว่า เป็นสถานีรถไฟหัวลำโพง มีผู้หญิงท้อง 1 คน ผู้หญิงสูงอายุ 1 คน แล้วก็ผู้หญิงอีกคน สัญลักษณ์ในฝันสวมทับเป็นตัวแทนแม่ และญาติผู้ใหญ่
แล้วสถานีรถไฟ มีอุบัติเหตุ เกิดการระเบิด และไฟลุกท่วม
ทั้งผู้หญิงท้อง และผู้หญิงสูงอายุ ได้รับบาดเจ็บ
ผู้หญิงท้องถูกไฟคลอกหมดทั้งตัว ผู้หญิงสูงอายุถูกคลอกบางส่วน
ผมสวมความรู้สึกผู้ชายคนนึง เดินเข้าไปหาผู้หญิงทั้งสอง และก็ดูว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง ในฝันไม่รู้สึกกลัวอะไร รู้แต่ว่า โชคดี ที่ผู้หญิงทั้งสองคนปลอดภัยไม่เสียชีวิต ก็ดีมากแล้ว
เมื่อเห็นดังนั้น ก็เข้าไปกอดผู้หญิงทั้งคู่ และให้กำลังใจ บอกว่าไม่เป็นไรนะครับ

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ซึมซับความรู้สึกยามอยู่ในครรภ์มารดาว่าเป็นยังไง แต่ผมเชื่อมั่นว่า หากเราต้องการมีประสบการณ์ วันใดวันหนึ่งเราก็จะสามารถซึมซับประสบการณ์ในทุกๆช่วงได้

โลกความเป็นจริงหลากมิติ ช่างยิ่งใหญ่จริงๆครับคุณ mead

ลองไปค้นคำว่า ดาวคลิปตัน ก็เลยรู้ว่า ดาวซุปเปอร์แมน นั่นเอง เอิ๊กๆ
เคยฝันถึงหัวหน้าห้องเราหลายครั้ง มักจะมาจากดาวที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง จะใช่ดาวคริปตัน รึเปล่า อิอิ

 

Mead's pic

ส่งผลงานรูปวาดหัวหน้า Mead มาให้ชมครับ หลังจากที่ห่างการวาดรูปไปนานพอสมควร
เป็นรูปที่ใช้เวลาวาดนานที่สุดแต่ไม่ค่อยพอใจในผลงานของตัวเองเท่าไหร่
ตอนแรกกะว่าจะไม่โพสต์แล้ว แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ