ปิดรับบริจาค รวมบันทึกการเดินทางตามรอยพระอาจารย์ ณ บึงลับแล ๒๕๕๒/ร่วมบุญใหญ่หน้า ๑๐๘

อนุโมทนาสาธุกับกัลยาณมิตรทุกท่าน

อ่านๆ แล้วเห็นได้ชัดเลยว่าพลังใจและการให้กำลังใจของชาวคณะแต่ละคนที่มีต่อกันเต็มร้อยเลยค่ะ ดูๆ แล้วทริปนี้จะอบอวลไปด้วยพลังบุญและพลังมิตรภาพของทุกคนเป็นแน่แท้

อย่างที่บอกจากประสบการณ์การเดินทางของคณะหญิง ไม่ต้องกลัวการหลงหรือทอดทิ้งกันค่ะ เพราะจะเกาะกลุ่มเดินตามกันเป็นงูกินหาง ถ้าคณะใหญ่มากเราก็จะเกาะกลุ่มกันเป็นชุดๆ มีการหยุดรอและส่งเสียงกระตุ้นให้กำลังใจกันและกันเป็นระยะๆ แถมบางคนยังมีอารมณ์ขันระหว่างทางอีก ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอนำภาพทริป ๑๐ ธค.มาร่วม (เผา) กันอีกทีว่าอารมณ์ขันของสมาชิกแต่ละคนนั้นเป็นเช่นไร

​

เส้นทางเดินออกไปสู่ประตูวัดก่อนขึ้นเขาพระพุทธบาทท่าขนุน สังเกตุว่าสถาพคล้ายๆ เมืองในหมอก จนทำให้มองไม่เห็นยอดเขาก่อนเดินทางขึ้น




ปืนสูงแค่ไหนไม่ว่า แต่ถ้าถ่ายรูปอิฉานขอยิ้มหวานไว้ก่อนค่า คริๆ



​

เพื่อนๆ คับ ปายกานก่องแระกาน แบบว่า โผ้มขอนั่งชิงช้าเล่นก่องคับ คือว่าที่บ้านม้ายมีห้ายเล่นคับ
​

​

"ไหวมั๊ยโยม มาได้ครึ่งทาง เกือบถึงแล้วจ๊ะ"
"เอ้อ! พอหวายยยยยยย เจ้า่ค่ะ แฮ่กๆๆ"
​

ช่องว่างระหว่างเรา ไม่ไกลเกินไปใช่้มั๊ย 555



​

เย้!!! ในที่สุดความสำเร็จก็เป็นของคณะเรา ๑๗ ชีวิต (โดยเฉพาะน้องแฝดมหัศจรรย์) บนยอดเขาพระพุทธบาท โปรดสังเกตุไม่ไผ่ที่ีอยู่กึ่งกลางภาพ นั่นคือเสาธงที่หลังจากกลับมา คณะฯ ก็ตั้งใจทำเสาธงใหม่พร้อมผ้าธงสามเหลี่ยมไปถวายเพื่อความแข็งแรงและสูงขึ้นเพื่อให้สามารถให้มองเห็นได้ในระยะไกล
และโปรดสังเกตุ (ซ้อน) สังเกตุว่าจะมีคนหนึ่งที่โพสท่าถ่ายรูปยิ้มหวานไ้ด้ทุกสถานการณ์ คริๆ

​

หน้ากระดานเรียงหนึ่ง ลง ปฎิบัติ

​

ภาพถ่ายหลังจากกลับลงมาสู่ด้านล่าง ยอดเขาแรกที่อยู่ทางมุมขวาของภาพนั้นคือยอดเขาพระพุทธบาทท่าขนุน

เปรียบเทียบความสูงของเขาจากภาพถ่ายบนยอดเขาพระพุทธบาทท่าขนุน กับพระพุทธเจตีย์คีรีทางมุมขวาบนของภาพ
สีส้มๆ ด้านหน้าภาพนั่นคือสถานที่ๆ จะจัดสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ๓๐ องค์ประมาณปลายปีนี้ ความยาวจะขนานไปกับแนวถนนเส้นทางไป อ.สังขละบุรีจนถึงประตูทางเข้าวัด
สีส้มด้านในภาพท่ามกลางป่าสีเขียวหน้าเขาพระพุทธเจตีย์คีรี คือสถานที่ถมดินภายในบริเวณวัดเพื่อเตรียมสร้างศาลาหลังใหม่แทนศาลาไม้หลังเดิม
​

​

 

<table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead"> <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead"> ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </td> <td class="thead" width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%">ญ.ผู้หญิง, เด็กเมื่อวานซืน, suthamma, tidtou

</td></tr></tbody></table></td> <td class="thead" width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น












​

</td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%">
</td></tr></tbody></table>แจ้งข่าว ยอดรวมผู้ร่วมเดินทางวันนี้โดยรถตู้จาก กทม. จำนวน ๑๖ คน แยกออกเป็นผู้ชาย ๙ คน ผู้หญิง ๗ คน ขอแสดงความยินดีด้วยว่ายังไงทริปนี้ผู้ชายก็ยังนำผู้หญิงอยู่ ผู้ที่จะร่วมเดินทางยังแจ้งความประสงค์เข้ามาได้เรื่อยๆ ค่ะขออีกเพียง ๙ คนจะรีบจัดรถตู้เพิ่มให้อีก ๑ คันเลยทีเดียว

อนึ่ง! สำหรับสมาชิกท่านใดที่อยู่ในช่วงทานมังสะวิรัติในช่วงนั้น ขอให้แจ้งชื่อมาด้วย เพื่อที่หญิงจะได้จัดเตรียมอาหารกระป๋องไว้ให้ค่ะ

 

ทราบมาว่าเมื่อวันที่ ๙-๑๐ มค.ที่ผ่านมา คณะของวัดท่าซุงได้ไปทำพิธีบวงสรวงพระธาตุจอมกิตติ ที่ อ.เชียงแสน และพระธาตุดอยตุง ที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งหญิงและคณะได้ไปร่วมงานฯ เมื่อปลายปีที่แล้วกับคณะของหลวงพี่สมปอง (บ้านตลิ่งชัน) จึงขอนำภาพบรรยากาศของทริปนั้นมาให้กัลยาณมิตรทุกท่านที่ยังไม่มีโอกาสไปได้ชม และอนุโมทนาบุญร่วมกันค่ะ

http://palungjit.org/showthread.php?t=161275

 

ยอดรวมผู้เดินทางจาก กทม. ๒๑ คนแล้วจ้า... รับอีก ๔ ที่นั่งเท่านั้น ตรวจสอบรายชื่อได้ที่หน้า

ขออนุโมทนาบุญกับสมาชิกที่ร่วมเดินทางโดยรถตู้จาก กทม. อีก ๕ ท่านค่ะ ดังลำดับหมายเลขต่อไปนี้

๑๗. น้องเจี๊ยบ
๑๘. น้องเจี๊ยบ
๑๙. โปตาลากา
๒๐. โปตาลากา
๒๑. มเหสี (เล็ก)

สรุป ยอดรวมผู้ร่วมเดินทางวันนี้โดยรถตู้จาก กทม. จำนวน ๒๑ คน เมื่อรวมกับคณะวัดท่าขนุน จำนวน ๔ คน

เท่ากับยอดรวมผู้เดินทางในทริปนี้ ณ.วันที่ ๑๕ มค.๕๒ จำนวน ๒๕ คน
แยกออกเป็น
- ผู้ชาย ๑๒ คน
- ผู้หญิง ๑๓ คน


ขอแสดงความยินดีด้วยว่าทริปนี้ผู้หญิงนำแล้วจ้า


และจากยอดที่ตั้งจุดมุ่งหมายไว้ว่าทริปนี้ขอเลขมงคล คือ ๒๙ เพราะฉะนั้นหญิงขอเปิดรับผู้ร่วมเดินทางอีกเพียง ๔ ท่านเท่านั้น
กัลยาณมิตรท่านใดที่มีความประสงค์จะร่วมเดินทางไปด้วยขอให้รีบแจ้งชื่อกันเข้ามา
เพราะหลังจากครบ ๒๙ ท่านจะปิดการรับ นอกจากมีสมาชิกท่านใดขอถอนตัวถึงจะจัดที่นั่งแทนให้ เพราะเหตุผลอย่างที่บอก และหญิงต้องสงวนที่นั่งไว้ให้้พี่ทิดเก๋ และพี่เอื้อมในการเดินทางไปสังขละในวันที่ ๒ ของทริปด้วย


แจ้งข่าวดีเพิ่มเิติมมาอีกว่าวัดท่าขนุนมีพระร่วมบวชในวันมาฆบูชาจากเดิมจำนวน ๒ รูป เป็น ๓ รูป เพราะฉะนั้นขอหญิงดูสรุปจำนวนคน และรายรับหลังหักค่าใช้จ่ายหลักอีกครั้ง
ถ้า.....มีเงินกองกลางรวมถึงเงินที่กัลยาณมิตรแต่ละท่านบริจาคร่วมทำบุญมาเพียงพอ หญิงจะจัดซื้อผ้าไตรไปร่วมถวายในนามคณะของเรา ๑ ชุดค่ะ



และขอฝากข่าวประชาสัมพันธ์สำหรับกัลยาณมิตรที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะเขตฝั่งธนบุรีให้ทราบว่า วัดใหม่ยายแป้น บางขุนนนท์ ได้จัดงานร่วมสาธยายพระไตรปิฎกเฉลิมพระเกียรติฯ ในหลวงทุกวัน ตั้งแต่วันที่ ๒ ธ.ค.๕๑ - ๒๐ ก.พ.๕๒ ขอให้กัลยาณมิตรที่สนใจไปร่วมงาน เข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ Link ด้านล่างที่หญิงนำมาวางได้เลยค่ะ

http://palungjit.org/showthread.php?t=161540


ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ทุกผู้ ทุกนาม ในมหาบุญครั้งนี้ด้วยเทอญ สาธุ

;aa24

 

สงสัยได้เ็ป็นลูกมือแน่ๆ เพราะวันนั้นหญิงจะให้คุณกุ้งดูแลรถตู้อีกคันหนึ่งค่ะ คริๆ


(ping)

 

​

ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ มิน่า... ท่าน ผบทบ.(ผู้บังคับบัญชาที่บ้าน) ของท่าน สว.(สูงวัย) ตั้มถึงไม่เซ็นอนุมัติทริปนี้ สรุปว่างานนี้หญิงจะกลายเป็นป้าหรืออากันแน่ค่ะนี่ ว่าแล้ว...ก็ขอส่งรูปเจ้าหลานชายตัวแสบมายั่วต่อมกิเลสท่าน สว.กับท่าน ผบทบ. ก่อน ณ.บัดนาว
(smile)

 

มีหลายท่านสอบถามเข้ามา (หลังไมค์) กันมากถึงเส้นทางเดินไปบึงลับแลว่าสภาพป่าเป็นอย่างไร ต้องปืนเขาหรือเปล่า หญิงเองก็ตอบไม่ถูกเพราะไม่เคยไป เลยต้องขออนุญาตนำภาพป่าเมืองกาญจนบุรีเมื่อปี พศ.๒๕๓๓ และ พศ.๒๕๓๔ ตอนที่คณะของพระอาจารย์ท่านได้เดินทางไปถึงเป็นครั้งแรก และน่าจะเป็นคณะแรกด้วยมาให้ทุกท่านได้ชมกันอีกครั้ง ส่วนภาพล่าสุดของป่าฯ ก็จะเป็นภาพที่น้องเบญเอามาลงให้ดูในหน้าที่ ๖ จากทีม ๑๕๐๐ ก็เลยไม่แน่ใจว่าสภาพป่าครั้งไหนจะเดินได้ง่ายกว่ากัน

อนึ่ง! เส้นทางที่พระอาจารย์ท่านจะให้พระท่านนำทางไปบึงลับแลนั้น เป็นเส้นทางที่พระวัดท่าขนุนหลายองค์ใช้เป็นเ้ส้นทางเดินกันอยู่บ่อย ประกอบกับหลวงพี่กอล์ฟและหลวงตาน้อยท่านได้ไปสำรวจเคลียร์เส้นทางให้ในเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นอะไรที่ราบรื่นและสดวกต่อการเดินทางมากขึ้นแบบไม่ต้องกลัวการพลัดหลงจากหมู่คณะ

อีกอย่างในช่วงของการเดินป่า หญิงจะให้ทุกคนสลับสับหว่างระหว่างชายหญิง จะไม่มีเพื่อนเขาเพื่อนเรา แต่ทุกคนคือเพื่อนกันทั้งหมด แบ่งกลุ่มเล็กๆ ในการดูแลกลุ่มละ ๙ คนรวม ๓ กลุ่ม มีพระนำทางและปิดท้าย ระหว่างการเดินทางให้ทุกคนช่วยกันดูแลตัวเองและดูแลคนหน้าหลัง ใครจะหยุดพักทำธุระส่วนตัุวหรืออะไรต้องมีคนอยู่รอเป็นเพื่อนและเกาะกลุ่มกันตลอด

ก็ขอให้ทุกท่านที่มีข้อสงสัยและสอบถามมาโปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน ชมภาพและตัดสินใจ กับประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้ากับการร่วมทริปตามรอยพระอาจารย์์ ณ.บึงลับแลในครั้งนี้ด้วยตัวเองเถิด

หัวหน้าสถานีวิจัยเพื่อรักษาต้นน้ำแม่กลอง คนยืนขวามือคือหัวหน้าประเดิมชัย แสงคู่วงษ์



พญาไม้ขมิ้นดำ



บึงลับแล หรือบึงน้ำทิพย์ในชื่อปัจจุบัน

ถ่ายรูปหมู่หน้าบึงลับแล



แม่เบ็ญกับต้นไผ่ยักษ์



ลงสู่บึงลับแล

​

​

แม่เบ็ญ ลูกปลา พี่มุกดา



ค้างคืนในบึงลับแล


เดินทางกลับ

ขอบคุณที่มา: http://www.grathonbook.net/wideworld/004.html
​

​