บทความ : คุณเชื่อหรือไม่ว่าสุดปลายแห่งสายน้ำคือทะเลอันกว้างใหญ่

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย จันทร์เจ้า, 16 ธันวาคม 2008.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ก็เดี๋ยวนี้ มันย้อนยุค ไดโน อีกแระ นะ

    ธรรมะ บริสุทธิ์ คนไม่ค่อยสนใจ มันไม่มีแสงสี เสียง ไม่เร้าใจ ซะงั้น

    ชอบไปทางอื่น ที่ไม่ใช่พุทธ แล้วมาอ้างเป็น พุทธ เป็น โพธิ

    สงสัยว่าเราจะเป็น ชนส่วนน้อย ไปซะแล้ว

    เห็นกระทู้ไหน ไปทางอย่างว่า มีแต่คนกระโจน เข้าใส่ หวังจะให้ผู้วิเศษ ช่วยเหลือกันทั้งนั้น

    เห็นแล้ว ก็ได้แต่ปลง แหละ เนอะ ชอบทางไหน ก็ไปทางนั้น รอวันที่เป็นฟ้าใส เมื่อไร ก็ไม่รุ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>นิวรณ์*, รักไร้พ่าย, k.kwan </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    วิชชามันไม่เกิด วิชชามันรู้โทษไม่หมด วิชชามันยังแพ้อยู่ สู้อวิชชาไม่ได้ มันก็ต้องลงเวทนาอยู่ดี^-^
     
  4. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    ท่านเข้าใจเราคลาดเคลื่อนไปเสียแล้ว
    คงเป็นสัญญาที่จัดให้เราไปรวมกับกลุ่มพวกชอบทำสมถะสิท่า
    การทำสมาธิ ไม่จำเป็นต้องนั่ง หรือมีรูปแบบตายตัว
    การเจริญสติที่ทำๆ กันอยู่นี่ ก็ได้ทั้งสมาธิ และ วิปัสสนา ไปในตัว
    การแบ่งเวลาว่า เวลานี้เป็นเวลาปฏิบัติ แล้วก็ไปนั่งสมาธิเป็นชั่วโมง เดินจงกรมอีกชั่งโมง
    และ เวลานี้ไม่ใช่เวลาปฏิบัติ แล้วก็ไปนั่งดูทีวี คุยโทรศัพท์ หรือทำสิ่งที่ไม่ใช่การฝึกจิต
    อย่างนี้ย่อมไม่ใช่ทาง
    ทำให้ยิ่งเนิ่นช้ามากมาย
    ไตรลักษณ์ปรากฏอยู่ให้เห็นได้ทุกขณะจิต พอๆกับนิพพานนั่นแหล่ะ
    การปฏิบัติจึงควรทำให้มาก ไม่จำกัดกาลสถานที่ เป็นอกาลิโก
    เรื่องแค่นี้ เป็นสิ่งพื้นฐานเท่านั้น ที่นักเดินทางสายดูจิตควรเข้าใจตั้งแต่แรกเริ่ม
    ดังนั้น เราท่านยังเข้าใจตรงกันอยู่ในเรื่องนี้
    ส่วนพวกที่เห็นจิตเป็นดวง เห็นแสง เห็นสี เกิดดับ วูบว๊าบ จิตสุข สงบ เบา สบาย แล้วคิดว่าได้ปัญญาเหนือสามัญวิสัย
    ทางนั้น ไม่ใช่ทางเรา...
     
  5. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    ก็กิเลสมันให้ความสุขได้แบบทันตาเห็น และเห็นได้ชัดหน่ะสิ
    เราจึงต้องวางอุเบกขาในบ้างครั้ง แทรกแซงอะไรก็ไม่ได้ อาจมีโดน มิใช่น้อย
    สุขจากธรรมสัมผัสได้ยาก มันดูเหมือนไม่มีอะไร ไม่เห็นเป็นรูปธรรม
    ชนส่วนมากมีหรือจะสนใจ
    จักรวาลกว้างใหญ่เพียงใด กิเลสตัญหาภายในใจก็กว้างใหญ่เพียงนั้น...
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ดี

    งั้น ก็อย่าชูประเด็นเรื่องทวนกระแส เพราะนั้นคือ การน้อม หรือ การช่วยคิด
    หรือ การทำสมถะอย่างหนึ่ง (ซึ่งมีประโยชน์ในแง่ของการเป็นสมถะสมาธิ
    เพื่อความสงบ แต่ไม่ใช่เพื่อปัญญาตรงๆ ต้องแยกให้ออกอย่างละเอียด)

    หากออกไปทวน ให้รู้ว่า ได้แบ่งเวลาออกไปทำสมถะเสียแล้ว แต่มันห้าม
    ไม่ได้ก็ต้องดูไปเฉยๆ จนกว่าจะเห็นเหตุ ไม่มีเวลาไหนจะว่างเว้นในการ
    ทำการเห็น วิปัสสนา

    คนที่เห็นแสง เห็นนิมิต เห็นดวง ก็เพราะนั่งทำสมาธิแบบแบ่งเวลา แต่หาก
    เห็นแสง เห็นดวง ก็ชื่อว่า ยังทำการเห็นอยู่ หากไม่ยึด ไม่ถือ ก็ไม่ติดสุข
    ติดปิติ สภาวะที่ออกมาก็จะเป็นฌาณ2 มีเอโกธิภาวะเอามาวิปัสสนา ปัญญา
    จึงเป็นเรื่องอยู่ข้างนอก ถ้าเห็นแต่แสงวับๆ ในสมาธิ ก็เรียกว่า อยู่ข้างใน ก็
    เป็นการไปเก็บกำลังมาทำการเห็น

    ดังนั้น การเห็นจึงอยู่นอกๆ เห็นรูปธรรม และนามธรรมพร้อมกัน โดยไม่ยึด ไม่ถือ
    ยังทำการเห็นห่างๆ นี่คือ ตรงกลาง ทางสายกลาง

    ดังนั้น หากทำถูก ก็ล้วนอยู่ตรงจุดเดียวกัน จึงไม่มีใครเห็นอะไรมากกว่าใคร เสมอ
    ด้วยธรรม แต่ส่วนที่ไม่เป็นธรรม(เผลอไปยึด) ตรงนั้นแหละส่วนที่ไม่เสมอ

    การเห็นไม่ว่าจะอย่างจินนี่ อย่างคุณขวัญ ก็ล้วนเห็นอยู่ตรงจุดเดียวกัน ไม่มีอะไร
    มากไปกว่าการเห็นทุกขสัจจเนืองๆ ใบไม้มีเพียงสี่ใบในกำมือที่ต้องเห็นแจ้ง
     
  7. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    ผึ้งขออนุญาตร่วมสนทนาด้วยนะคะ

    การทำสมถะ กับเจริญวิปัสสนา นั้นต้องไปคู่กัน การทำสมถะไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิเป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมง หรือเป็นการแบ่งเวลา ว่านี่เป็นเวลาปฏิบัตินะ อันนี้ไม่ถูกต้อง แต่การทำสมถะนั้น จะทำได้ ทั้งหลับตาและลืมตา สามารถเข้าฌานได้ ในขณะลืมตา และหลับตา ไม่ว่าจะอิริยาบถไหน แต่อยู่ที่ว่า การเจริญวิปัสสนา เพื่อให้รู้วาระจิต ว่า นี่จิตหลบเข้าไปทำสมถะแล้วนะ เพื่อที่จิตจะได้ไม่ถลำลึกเข้าไปในสมถะ เพราะความไม่รู้ เมื่อรู้แล้วมันก็ดับเอง มันก็จะออกจากฌานเอง เพราะฌานจะสามารถเข้าออกได้เอง จนชำนาญ ส่วนชีวิตประจำวัน คือการเจริญวิปัสสนา ก็ดูวาระจิตไปเหมือนเดิม เป็นธรรมชาติ คือรู้สึกตัว มีสติ รู้ว่าหลงคิด ก็รู้ ตัวที่คิดก็ดับ ผู้รู้ก็เกิดขึ้น มันจะไม่มีการแบ่งแยกออกนะ เพราะเราต้องอยู่ในสังคม และเราเป็นคนปกติธรรมดานี่แหล่ะ และไม่จำเป็นต้องไปนั่งนานเป็นชั่วโมงหรอก นอกจากว่า เราต้องการความสงบ มีเวลาว่างก็นั่งสมาธิเท่านั้นเอง สิ่งนี้จะทำให้เราไม่มีปัญหาอย่างอื่นตามมาเลย

    ;aa14
     
  8. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    จริง ๆ คนที่มีกำลังสมถะมาจากของเก่าก็มีนะ แต่ปัจจุบัน ต้องการวิปัสสนาก็ได้ เพียงแต่ เมื่อจิตมันทำสมถะ ก็ต้องรู้สึกได้นะ ถ้าไม่รู้หล่ะแย่เลย มันต้องไม่สุดโต่งไปข้างใดข้างหนึ่ง มันต้องเป็นทางสายกลาง การเจริญวิปัสสนาเพื่อให้รู้วาระจิต และรู้การเข้าฌาน นั้นควบคู่กันไป การจะรู้ว่าจิตหลบเข้าฌานนั้น ก็ต้องรู้ก่อน คือต้องทำสมถะก่อน เพื่อให้รู้ว่าสภาวะสมถะนั้นเป็นอย่างไร เท่านั้นเอง เมื่อรู้แล้วจะหยุดทำก็ได้ แล้วแต่ มันเป็นของคู่กัน เพียงเพื่อต้องการให้แยกแยะออกได้ว่า นี่คือสมถะเท่านั้นเอง
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เห็นด้วยแหละ ท่าน พอดี เราก็ยังเอาตัวไม่รอด

    ถ้ารู้จริงเมื่อไร ค่อยตัดสินเลือก ชะตากรรม ของตัวเอง

    ตอนนี้รู้แต่ว่า ควรทำกิจส่วนตนให้ รู้แจ้ง รู้ชัด ก่อน ค่อยไปเรื่องอื่น

    ยังตาบอดอยู่ จะไปคิดช่วยคนอื่น ก็จะพาเขาลงเหวลึก โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

    ก็ได้ทำทางเฉพาะตัว ไป แค่ไม่ให้ตัวเราเป็นกระทงหลงทาง ก็ยาก แระนะ

    จะไปช่วยคนอื่น ก็ช่วยได้เท่าที่รู้ เจตนาดีแต่บางทีก็กลายเป็นร้าย ไปก็มี

    แต่แค่ได้มาเจอ คนที่คุยแล้วรู้เรื่อง เข้าใจเรา ก็ดีใจมากแล้ว

    ถ้าเข้ามาแล้วเจอแต่คนอย่างว่า ก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน นะ
     
  10. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    ตามสมควรแก่กาลและบุคคล
    จะบอกว่าเรายังไม่บรรลุ จึงไม่ควรไปสอนใคร แบบนี้ยังไม่เหมาะนะ
    ไหนๆก็มีสัมมาทิฏฐิอยู่ไม่น้อย
    หากจะแนะนำเด็กใหม่ๆ ให้น้อมมาทางสัมมาปฏิปทา ก็คงเป็นกุศลอย่างยิ่งยวด ทั้งกับตนเอง และ วงการพุทธจักร
    สรุปว่า ตามสมควรแล้วกัน ใช้ปัญญาแยกแยะไป ใครเหมาะแก่ธรรมชั้นไหน แสดงไปตามนั้น ใครไม่ถึงเวลา ก็ไม่ต้องกล่าวถึง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2008
  11. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    คุณผึ้งทฤษฎีแน่น แต่ยังอ่อนปฏิบัติ
    คงไม่ว่ากะไรหากเราจะพูดตรงๆ
    ดูอย่างคุณขวัญและคุณนิวรณ์ เห็นได้ชัดว่า กล่าวธรรมที่มาจากการปฏิบัติ
    คุณผึ้งพอจะมองออกไหม
    ที่ผมไม่ได้สนทนาด้วยนัก อย่าน้อยใจ
    เป็นเพราะเรื่องมันละเอียดเกินไปที่จะต้องไปรู้มันตอนนี้...
     
  12. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230

    จะว่าอย่างนั้นก็ไม่น้อยใจหรอกค่ะ เพราะผึ้งปฏิบัติเอง สิ่งที่พูดล้วนมาจากการปฏิบัติทั้งหมดค่า สุดแล้วแต่จะพิจารณาค่า 55
    ;aa14
     
  13. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    มะต้องหลอกให้บอกสิ่งที่ผึ้งปฏิบัติหรอกค่า บอกมะได้ ปัจจัตตัง 55
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ธรรมะ นี่แปลกนะ จริงๆมันปรากฏตลอดเวลา ต้องอาศัยการสดับ จึงเห็น

    ดังนั้น เมื่อเห็นธรรมแล้ว ก็เรียกคนที่เห็นทาง ตกกระแสว่า โสดาบัน ซึ่ง
    ก็มาจาก สุตะ ที่แปลว่า ฟัง สดับ

    ธรรมะ สดับไว้นะดี เพียงแต่ต้องไม่ปรุง พอปรุงหรือตีความ ให้เห็นว่า
    ใช้คิด พอเห็นว่าใช้คิด มันก็เห็นความแสบ แต่ก็ต้องอาศัยคิด มันห้าม
    ได้ที่ไหน อ่านแล้วไม่คิด ก็ตลก ... แต่เบื้องลึกก็คือ วาสนา

    การทำงานของวาสนา จึงไม่จำเป็นต้องรอให้พร้อมรับ แล้วจึงฟัง แต่
    เพราะว่า สภาวะมันพร้อมจะเห็น วาสนาที่เก็บไว้ก็ถ่ายทอดทันที ตรงนี้
    ก็แล้วแต่อนุสัย(อวิชชา)ของแต่ละคนว่าจะถ่ายถอดแบบไหนจึงจะมันส์
    มีความสุข บางคนจึงเห็นเป็นพระ เป็นเสียง เป็นแสง แล้วแต่คน อย่าง
    ผมนี่เห็นเป็นแสง ไม่รู้ว่ามีความหมายอะไร แต่เมื่อไหร่เห็นแสง ก็มักจะ
    เห็นธรรมที่รอการเห็น เลยรู้ว่าอนุสัยตัวเองนั้นชอบแสง(เห็นอนุสัยรอให้
    ถอดถอนในภายหน้าอีก)

    * * * *

    คนที่เป็นอนาคามี พอจะเห็นธรรมเกิดอะไร ก็อนุสัยที่ชอบทวนกระแสนั้นแหละ
    ตัวปัญหา มันจะผุดออกมา ห้ามไม่ได้ พระอภิธรรมจึงเรียกว่า ติดอุธัจจะสังโยชน์

    มาถึงตรงนี้ ก็จะเห็นว่า ไม่มีทางอื่นๆ นอกจาก ดูเฉยๆ พอไปทวนกระแสก็
    เท่ากับไปช่วยมันปรุง ยิ่งยุ่งใหญ่ การภาวนาของอนาคามีจึงผลิกเป็นด้านตรง
    ข้าม

    แต่กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะเห็นเนืองๆจนอิ่มของมันเอง

    นิพพาน จึงพ้นจากเจตนาทั้งปวง ไม่มีใครทำนิพพานให้แจ้งได้ด้วยการทำ
    ด้วยการคิด ถ้าทำได้ ทวนหาได้ ก็เรียกว่าไม่พ้นอุธธัจจะ

    * * * *

    ส่วนสำนวนที่พูดว่า ทวนเข้าหานิพพาน นั้นต้องดูดี นั้นคือภาวะการปลงสังขาร
    ของพระอรหันต์ อย่าไปเอามาปนการเห็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2008
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พูดถึงอวิชชา นี้ มันมีประเภทไหม แบบว่า

    อวิชชา น่ารัก น่าชัง มีเสน่ห์ ให้ความสุข

    อวิชชา น่าเกลียด น่ากลัว โทสะแรง ให้ความทุกข์

    อวิชชา หลงมัวเมา อัตตามากมาย มหาศาล ให้ยึดมั่นถือมั่น

    มีแบบนี้ไหม อยากรู้ว่า เรามีอวิชชา กันทุกคน แล้วแต่ละคน มีเท่ากันไหม
     
  16. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    คิดเกินไปแล้ว
    เราพูดไปตรงๆ
    และหากการปฏิบัติผ่านมาเป็นลำดับ ย่อมสามารถอธิบายได้
    ส่วนเรื่องผลจะเป็นเช่นไร เป็นปัจจัตตัง
    นี่เราคุยกันถึงเรื่องการปฏิบัติอยู่นะ เพราะนี่คือเรื่องสำคัญ
    นิพพานจะเป็นอย่างไร หน้าตาอย่างไร เป็นแดนเป็นวิมานชั้นไหน เราไม่สนใจเลย
    คำพูดคุณผึ้งมันเหมือนฟังอ่านและผสมการปฏิบัตินิดหน่อยแล้วกรั่นกรองออกมา
    ที่เรารู้สึกเช่นนั้นเพราะเราก็เป็นเช่นนั้น
    ที่เป็นแบบนั้นเพราะรู้สึกว่าตัวเรามีปัญญามากขึ้น อยากจะพูด อยากจะบอก
    ถึงตอนนี้ให้ดูไปที่ตัวตัณหาที่มันดันออกมา...
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พอดีมันนึกเรื่อง พูดหรือเห็นอย่างเดียวกัน (โพสท์)

    แต่ละคน ก็เห็นเหมือนกัน แต่เข้าใจไปคนละอย่าง เพราะ อวิชชา รึป่าว

    อวิชชา ของแต่ละคนมัน ผลักดันให้เกิด ความคิด ความเห็น จิตสังขาร ไปคนละอย่าง
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    อวิชชา น้อย เบาบาง วิชชา ก็มากขึ้น มันผกผัน กัน ใช่ไม๊

    เหมือนว่า ช่องว่างมีพอๆ กัน แต่สิ่งที่มาครอง มีคุณสมบัติต่างกัน

    อวิชชา คือ สิ่งแปดเปื้อน กิเลส ตัณหา อัตตา ยึดมั่น แรงยึด ความเห็นผิด ความไม่รู้ ...

    วิชชา คือ ความบริสุทธิ์

    เรา คิดเพ้อเจ้อ ไปมาก รึป่าวเนี่ย
     
  19. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    จี้ใหญ่เลยนะ ประเด็นเรื่องทวนกระแสเนี่ย
    ที่เรากล่าวนั้นคือ ทวนกระแสปฏิจจสมุปบาท ให้ดูกระบวนการของการเกิดที่ตั้งต้นมาจากอวิชชา
    ไม่ได้ให้ไปทวนหานิพพาน แบบนั้นมันทวนไม่ได้
    คิด สร้าง นิพพาน ไม่ได้
    การทวนก็ไม่ใช่การคิด แต่เป็นการตามรู้ ต้นสายปลายเหตุ
    "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ ตถาคตตรัสเหตุและการดับแห่งธรรมเหล่านั้น"
    ในประวัติหลวงปู่มั่น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลวงปู่มั่นน้อมจิตไปดูการพิจารณาธรรมของท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์
    นี่ก็เป็นการทวนธรรมให้มุมมองของเรา

    เรื่องทวนเข้าหานิพพาน ทวนกระแสปฏิจจสมุปบาท พิจารณาไตรลักษณ์หรือธรรมอื่นๆ และการคิดปรุงแต่งในทางธรรม
    อย่าเอามาปนกัน แยกแยะให้ดี...
     
  20. หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ

    หัตถ์เทพหมื่นวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    347
    ค่าพลัง:
    +22
    อย่าเอาตรรกะ ความเข้าใจทางโลกมาสร้างตรรกะทางความคิดในแง่ของธรรมมะ
    ฟุ้งไปแล้ว คิดเพ้อเจ้อไปแล้วครับ...

    มีสิ่งที่มาครองพื้นที่ว่างๆอยู่
    ฟังดูแปร่งๆไหมครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...