ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

สวัสดีครับ ไม่ได้เข้ามาเสียนานเลย ติด Final Exam กับ กลับบ้านต่างจังหวัด

สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างครับ

 

ออนทัวร์ สอนสมาธิบ้าง ไปกฐินบ้างครับ โปรดอภัยด้วยครับ ;aa22;aa22;aa22

 

จากข่าวข้างต้น นี่ทำให้ต้องจับตาระมัดระวังดูเขื่อน ศรีนครินทร์และเขื่อนเขาแหลมด้วยครับ

ช่วงนี้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เพิ่มระดับ ปริ่มแนวเขื่อนกั้นมาตลอด

หลายโรงแรมริมแม่น้ำตอนนี้เริ่งก่อสร้างเขื่อนให้เสริมสูงขึ้นไปอีกครับ

พอเผลออาจมีน้ำท่วมรุนแรงขึ้นได้อีก ช่วงนี้ ฝนก็ยังตกหนักอยู่ในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

 

ผมไม่เชื่อว่าจะมีภัยพิบัติใดๆ มาทำร้ายประเทศไทยเราหรอกครับ ดวงจิตผู้พิทักษ์ย่อมรักษาประเทศไทยเรา เกรงแต่ว่า ภัยภายในเท่านั้นที่จะทำให้ไทยเราเจ็บ

ความหัวดื้อและถือดี .... ผมจะเล่าเรื่องความหัวดื้อและถือดี สิ่งเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นในผู้ปฏิบัติมีญาณประจักษ์เห็นการเกิดดับของสภาวธรรมต่างๆ นับเป็นความรู้ที่วิเศษที่สามารถอยู่กับปัจจุบันขณะโดยสมบูรณ์ เห็นอารมณ์เกิดขึ้นแล้วดับไปทุกขณะสติตามกำหนดรู้อยู่ ในขั้นนี้อาจจะมีเรื่องเศร้าหมอง แทรกซ้อนได้ง่ายดาย สิ่งเหล่านี้เรียกเฉพาะว่า "วิปัสนูกิเลส" เนื่องจากวิปัสนูกิเลสอาจกลายเป็นอุปสรรคที่อันตรายมากต่อการเจริญกรรมฐาน พระไตรปิฎกกล่าวว่า มานะคือความทะนงตนมีสภาพฟูฟ่อง มีความปรารถนาสูง และกระตือรือร้นอย่างแรงกล้า ผู้ปฏิบัติจะมีพลังล้นเหลือ และถือความคิดตัวเองเป็นหลัก มีความคิดชื่นชมตนเอง เช่น "ฉันเยี่ยมมาก ไม่มีใครเทียมฉันได้"

ลักษณะเด่นของมานะก็คือ ความแข็งกระด้าง จิตจะรู้สึกกระด้าง และพองขึ้น ผู้เป็นเหยื่อของมานะจะกลายเป็นคนหัวสูง และคอแข็ง ยากที่จะก้มศีรษะทำความเคารพผู้อื่น

ที่มา ... จากหนังสือรู้แจ้งในชาตินี้ หน้าที่ 117

 

^
หัวมีไว้แย้ง ไม่ได้มีไว้คิดดี

 

วันนี้วันเดียวเกิดแผ่นดินไหวถึง 4 ประเทศ​

​

เกิดแผ่นดินไหว 6.4 ริกเตอร์ที่เกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซีย

จาการ์ตา 26 ต.ค.- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของอินโดนีเซียแจ้งว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ ที่เกาะสุลาเวสี ทางเหนือของประเทศในวันนี้ แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายด้านชีวิตและทรัพย์สิน และไม่มีการประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิ

เจ้าหน้าที่เผยว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองโกรอนตาโล ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 91 กิโลเมตร ลึกลงไป 32 กิโลเมตร แต่ทางการไม่ได้ประกาศเตือนภัยสึนามิ.-สำนักข่าวไทย

2008-10-26 19:54:37

เกิดแผ่นดินไหวปานกลาง 4.6 ริกเตอร์ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย​

วอชิงตัน 26 ต.ค.- เกิดแผ่นดินไหวปานกลาง 1 ครั้ง และขนาดเล็กอีก 1 ครั้งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐ เช้าตรู่วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายด้านชีวิตและทรัพย์สิน

ศูนย์แผ่นดินไหว สำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติของสหรัฐ แจ้งว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.6 ริกเตอร์เมื่อเวลา 02.26 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 16.26 น.วันนี้ตามเวลาในไทย ห่างจากเมืองเปโตรเลีย ในรัฐแคลิฟอร์เนียไปทางตะวันตก 30 กิโลเมตร ศูนย์กลางแผ่นดินไหวลึกลงไปใต้ดิน 17 กิโลเมตร หลังจากนั้นอีก 1 นาทีถัดมาเกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.1 ริกเตอร์ในจุดเดิม
ด้านตำรวจเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน. - สำนักข่าวไทย

2008-10-26 18:32:42

เกิดแผ่นดินไหวในอิหร่านขนาด 5 ริกเตอร์ มีผู้บาดเจ็บ 9 คน

เตหะราน 26 ต.ค. – เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5 ริกเตอร์ ในเมืองท่าทางตอนใต้ของอิหร่าน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 คน

ผู้อำนวยการหน่วยฉุกเฉินของจังหวัดโฮร์โมซกอน ระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ ที่เมืองท่าแห่งหนึ่ง ริมอ่าวเปอร์เซีย อยู่ห่างจากกรุงเตหะราน ไปทางตอนใต้ราว 1,500 กิโลเมตร และมีประชากร 15,000 คน โดยแผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินไหวที่เกิดติดต่อกันหลายระลอกในพื้นที่ดังกล่าว ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา. - สำนักข่าวไทย

2008-10-26 15:47:50

เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 5.6 ริกเตอร์ที่อัฟกานิสถาน

คาบูล 26 ต.ค. – เกิดแผ่นดินไหววัดความรุนแรงได้ 5.6 ริกเตอร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน แต่ยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ รายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ราว 08.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย) ที่จังหวัดบาดักชาน ห่างจากกรุงคาบูล ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 260 กิโลเมตร และมีศูนย์กลางลึกจากผิวโลกราว 208 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนสามารถรู้สึกได้ในกรุงคาบูล

อนึ่ง อัฟกานิสถานตั้งอยู่บนภูมิประเทศที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว และเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้งก่อนหน้านี้ มักเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

2008-10-26 13:55:06

บังกลาเทศเตือนภัยไซโคลน​

​

ธากา 26 ต.ค.- ทางการบังกลาเทศแนะท่าเรือต่าง ๆ ขึ้นสัญญาณเตือนภัยและขอให้เรือทุกลำงดออกทะเลเพราะพายุไซโคลนในอ่าวเบงกอลกำลังมุ่งหน้าขึ้นฝั่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาบังกลาเทศออกประกาศเมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้ตามเวลามาตรฐานสากล ตรงกับเวลา 10.00 น.วันนี้ตามเวลาในไทยว่า พายุอยู่ห่างจากเมืองจิตตะกอง เมืองท่าทางตะวันตกเฉียงใต้ 715 กิโลเมตร ความเร็วลมสูงสุด 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มว่าพายุจะทวีกำลังขึ้นและจะเคลื่อนที่ไปทางเหนือหรือตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะขึ้นฝั่งบังกลาเทศและอินเดีย แต่ไม่ได้ประมาณเวลาที่จะขึ้นฝั่ง คาดว่าพายุจะทำให้เกิดคลื่นชายฝั่งสูงกว่าปกติราว 2 เมตร อิทธิพลของพายุลูกนี้ทำให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกมาตั้งแต่วันศุกร์ คาดว่าจะมีผลต่อเนื่องไปอีก 2-3 วัน. - สำนักข่าวไทย

2008-10-26 14:52:40

น้ำท่วมในเยเมนยังวิกฤติมีผู้เสียชีวิตเกือบ 60 คน​

​

เยเมน 26 ต.ค.-สถานการณ์น้ำท่วมหนักในเยเมน ยังคงวิกฤติ มีผู้เสียชีวิตเกือบ 60 คนแล้ว

ภาวะน้ำท่วมหนักเป็นบริเวณกว้างในเยเมน หลังจากเกิดฝนตกหนักติดต่อกันนาน 30 ชั่วโมง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 58 คน และมีผู้สูญหายไปอีกจำนวนมาก ทำให้คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก สำหรับพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด ได้แก่ จังหวัดฮาดรามัท จังหวัดใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งถูกพายุกระหน่ำหนักที่สุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เนื่องจากบ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างขึ้นจากอิฐโคลน

นอกจากนี้มีรายงานว่า บ้านเรือนอย่างน้อย 1,700 หลัง ได้รับความเสียหาย จากน้ำท่วมฉับพลัน ในจังหวัด มูรา และฮาดรามัท ขณะนี้ทางการเยเมน ได้ประกาศให้พื้นที่ทางตะวันออกเป็นเขตภัยพิบัติ และประธานาธิบดีอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ได้เดินทางไปดูความเสียหายในบางพื้นที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

2008-10-26 12:36:42

ที่มา http://news.mcot.net

 

"แค่ชีวิตเดียวก็มีค่า ต้องบอกให้เขารู้ล่วงหน้า"​

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช​

"บางคนไม่เชื่อว่าในพม่ามีคนตายเป็นหมึ่นเป็นแสนคน เพราะไม่เห็นศพจากสื่อ มีแต่ข่าว แต่ภาพไม่มีออกมา จริงหรือแค่พายุไซโคลน คนต้องตายเป็นหมื่นเป็นแสน หมอดูอีที เตือนพม่าไว้ล่วงหน้า ขนาดทหารยังย้ายเมืองหลวงไป ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" ​

ตลอดวันกับการพูดคุย ถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านของไทยแต่ประเทศไทยมีคนนี้ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ตัวจริง ของจริง ที่พยายามออกมาพูด แม้นจะดังบ้างไม่ดังบ้าง แต่ความจริงใจกับการเตือนภัยให้คนไทยถึง 45 ปีเต็ม มันบอกได้ว่า คนไทยต้องฟังและฟังอย่าประมาท โดยเฉพาะเรื่องใกล้ๆตัว และที่สำคัญคนในเมือง ถ้าเกิดเหตุแล้วแก้ตัวไม่ได้ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ บอกว่า​

"แค่ชีวิตเดียวก็มีค่าต้องบอกให้เขารู้ล่วงหน้า ถ้าเขาตายไปโดยด้วยความไม่รู้ว่าทางที่กำลังไป เกิดพายุ หรือ ฝนตกหนัก ลูกเห็บตก รถเกิดอุบัติเหตุขึ้น ใครจะตอบญาติพี่น้องเขา แต่ถ้าเขารู้ก็จะมีข้อมูลในการตัดสินใจ "

หลังจากยื่นใบลาออกจาก ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ แล้ว ทำไมนายกไม่ยอมให้ออก เปิดใจกับ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช และเรื่องที่พูดเตือนคนไทยด้วยกัน ตั้งแต่ หลังสงกรานต์ว่าพายุเกิดแน่นอน พ.ค.นี้เป็นต้นไป เรื่องใกล้ๆตัวระวังให้จงหนัก อย่ามองข้ามแค่ขายปลาเค็ม ยังต้องฟังดินฟ้าอากาศ แล้วคุณเดินทางจะไม่ลองฟังหรือ...

คลิป คำให้สัมภาษณ์ของ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ว่าทำไมนายกสมัครไม่ให้ ดร.สมิทธ ลาออกจากผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กับเทปแรกที่เตือนอุบัติภัยใกล้ตัวกับคนไทยหลังจากรอดชีวิต และฟันธงตั้งช่องวิทยุรายงานภัยพิบัติ ให้เป็นดังสถานีสาธารณะแจ้ง และรายงานให้คนไทยตลอดทั้งวันตลอดทั้งคืน....​

ขอเชิญฟังเสียงคำให้สัมภาษณ์เปิดใจ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=253967
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

จ.ราชบุรี-กาญจนบุรีเจอฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือน​

​

ราชบุรี, กาญจนบุรี 26 ต.ค.-ภาวะฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ด้านตะวันตกของประเทศไทย ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งอพยพข้าวของและผลิตผลทางการเกษตร

ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนของจังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรี ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน หลังจากมีฝนตกหนักมาตลอดคืนที่ผ่านมา โดยน้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลของสู่แม่น้ำลำภาษี เป็นเหตุให้ราษฎรตำบลด่านทับตะโก ตำบลแก้มอัน ตำบลเบิกไพร ในอำเภอจอมบึง ซึ่งปลูกบ้านเรือนอยู่ในที่ราบลุ่ม ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย บางรายแม้ขนย้ายข้าวของไว้แล้ว แต่พืชผลทางการเกษตรก็ยังได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

ส่วนชาวบ้านที่ตำบลเจดีย์หัก ตำบลอ่างทอง อำเภอเมือง และอำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ถูกน้ำจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และส่งผลให้ปริมาณน้ำในคลองห้วยอ่างทองเพิ่มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจสภาพน้ำในพื้นที่ และตรวจสอบเครื่องเตือนภัยตามเส้นทางน้ำไหลทุกจุด และกำชับให้เฝ้าระวัง หากเกิดเหตุการณ์รุนแรง อาจต้องอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

2008-10-26 16:00:02

ราชบุรีฝนถล่มข้ามคืนท่วมฉับพลัน อ.จอมบึง​

​

26 ต.ค. - ผู้สื่อข่าวรายงานถึงฝนตกหนักตลอดคืนที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.ราชบุรี ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรี ไหลลงสู่แม่น้ำลำภาชีอย่างรวดเร็ว และล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนเกือบ 100 หลังคาเรือน ถึง 5 หมู่บ้าน 3 ตำบล ของ อ.จอมบึง คือ ตำบลด่านทับตะโก ตำบลแก้มอัน และตำบลเบิกไพร

ส่วน ต.เจดีย์หัก อ.เมือง ถูกน้ำท่วมเช่นกันจากน้ำคลองห้วยอ่างทองเอ่อล้น ทำให้แหล่งเพาะเห็ดฟาง-เห็ดหูหนู และนาข้าวได้รับความเสียหายบางส่วน ซึ่งนายสุเมธ ชัยเลิศวนิชกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กำชับให้อำเภอเร่งช่วยเหลือราษฎรทันทีในเบื้องต้น และเฝ้าระวังสถานการณ์ไว้ทุกระยะ เนื่องจากท้องฟ้ายังมืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน. - สำนักข่าวไทย

2008-10-26 15:48:45

กาญจนบุรีเฝ้าระวังน้ำป่าซ้ำ สงขลาติดป้ายเตือนเที่ยวน้ำตก​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

กาญจนบุรี, สงขลา 26 ต.ค.- นายอำเภอด่านมะขามเตี้ยห่วงน้ำป่าเทือกเขาตะนาวศรีหลากท่วมซ้ำบ้านหนองไผ่ สั่งเฝ้าระวัง 24 ชม. ด้านสงขลายังฝนตกหนัก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง เตือนท่องเที่ยวน้ำตกระวังเป็นพิเศษ พร้อมติดป้ายเตือนจุดอันตราย

นายพิพัฒน์ สังขฤกษ์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายของ 5 หมู่บ้าน ต.หนองไผ่ ซึ่งถูกน้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรี ไหลหลากฉับพลัน ท่ามกลางฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา กว่า 100 หลังคาเรือน พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นอีก และให้ราษฎรพื้นที่เสี่ยงเตรียมขนย้ายสัมภาระไว้ล่วงหน้า เนื่องจาก อ.ด่านมะขามเตี้ย มีเขตติดกับ อ.สวนผึ้ง ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรี

ด้าน นายชูศักดิ์ ศรีสุขจร นายก อบต.หนองไผ่ กล่าวว่า แม้ขณะนี้ระดับน้ำลดลงแล้ว แต่การช่วยเหลือยังต้องใช้เรือท้องแบน เพราะบางพื้นที่ยังสัญจรไม่สะดวก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ระยะนี้ยังไว้วางใจไม่ได้ เพราะอาจมีน้ำป่าและน้ำเหนือจาก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ไหลเข้ามาอีก ทาง อบต.หนองไผ่ จัดการเฝ้าระวังไว้แล้ว

น้ำตกโตนงาช้าง​

ส่วน จ.สงขลา เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง เตือนนักท่องเที่ยวที่ไปพักผ่อนตาม น้ำตก 3 แห่ง ได้แก่ น้ำตกโตนงาช้าง น้ำตกโตนปลิว และน้ำตกบริพัตร ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้ฝนตกหนักในระยะนี้ ระดับน้ำตกทั้ง 3 แห่ง เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย นักท่องเที่ยวยังเล่นน้ำได้ตามปกติ แต่ทำให้พื้นที่เกิดความลื่นขึ้น โดยขอให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามป้ายที่ปักเตือนจุดอันตรายไว้อย่างเคร่งครัด และให้เดินในเส้นทางที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะน้ำตกโตนงาช้าง น้ำตก 7 ชั้น ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปพักผ่อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือ บริเวณทางขึ้นชั้น 3 เพราะมีโขดหินลาดชัน

ทั้งนี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำตกทั้ง 3 แห่ง ไว้อย่างใกล้ชิด หากน้ำขุ่นหรือมีปริมาณมากผิดปกติ ให้รีบเตือนนักท่องเที่ยวทันที. - สำนักข่าวไทย

2008-10-26 16:45:58

ที่มา http://news.mcot.net/local/

 

ง่ะ บ้านผมอยู่ราชบุรีตอนนี้มาหาดใหญ่

นึกถึงที่พูดจัง ว่าฝนตกหนักๆ2-3วัน เขื่อนอาจจะเเตก

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">น้ำป่าถล่มแหลก 70 ชีวิต-ติดดอย [27 ต.ค. 51 - 04:13]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ต.ค. นายจำรัศ กังน้อย นอภ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งจากนายชัยวัฒน์ โตอ่อน ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ตั้งอยู่หมู่ที่ 22 ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร ว่ามีนักท่องเที่ยวติดอยู่ในบ้านพักอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และมีนักท่องเที่ยวหนีรอดออกมาได้ 1 คน หลังรับแจ้ง นอภ.โกสัมพีนคร ได้ประสานขอความช่วยเหลือไปยังนายวิญญู ภักดีอักษร ป้องกันจังหวัดกำแพงเพชร ขอกำลังอาสาป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พร้อมอุปกรณ์การช่วย เหลือเข้าพื้นที่ทันที แต่ต้องเจออุปสรรคอันใหญ่หลวง เนื่องจากน้ำข้ามคลองวังเจ้าไหลเชี่ยวกรากและรุนแรงมาก แถมฝนยังเทกระหน่ำไม่ขาดสาย และน้ำป่าไหลทะลักลง คลองอย่างต่อเนื่อง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o></o>
ส่วนนักท่องเที่ยวที่หนีรอดออกมาได้ ทราบชื่อ นายจักรพันธ์ สืบเชื้อ อายุ 44 ปี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ อยู่บ้านเลขที่ 35/275 ถนนนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ โดยนายจักรพันธ์เผยด้วยสีหน้ากังวลว่า ได้พาครอบครัวมาเที่ยวที่อุทยานคลองวังเจ้า ประกอบด้วย นางวันทนา สืบเชื้อ อายุ 44 ปี ภรรยา ด.ช.จารุวิทย์ อายุ 12 ปี ด.ญ.จิดาภา อายุ 10 ขวบ ลูกชายและลูกสาว นางสง่า ศรีศิลป์สุวรรณ์ อายุ 63 ปี แม่ยาย และยังมีเพื่อนร่วมงานอีก 3 คน ชื่อตุ๊ก อ้อย และจอย โดยเปิดบ้านพักของอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ตลอดทั้งคืนฝนตกหนักมาก พอรุ่งเช้ามีเจ้าหน้าที่ของอุทยานมาเตือนว่าให้รีบออกจากบ้านพักเพราะเกรงจะเกิดน้ำป่า<o></o>
<o></o>
“พอผมทราบรีบออกจากบ้านพักเดินข้ามสะพานข้ามคลองวังเจ้ามาฝั่งตัวอาคารอุทยานฯ เพื่อเลื่อนรถที่จอดอยู่ริมคลอง เพื่อเตรียมทุกคนออกจากอุทยานฯ ตอนนั้นน้ำในคลองยังไม่รุนแรง แต่หลังจากเลื่อนรถเสร็จ จะเดินข้ามสะพานกลับไปช่วยขนสัมภาระของครอบครัว ปรากฏว่าสะพานที่เดินข้ามมาถูกน้ำป่าซัดกระจุยไม่สามารถข้ามไปได้ ทำให้สมาชิกครอบครัวและเพื่อนที่ติดอยู่ในบ้านพักฝั˜งตรงข้าม ไม่สามารถออกมาได้ จึงรีบแจ้งให้ทางอุทยานฯช่วยเหลือและทั้งหมดต่างขวัญเสียและยังไม่ได้ รับประทานอาหารตั้งแต่เช้า<o></o>
<o></o>
ต่อมานายวันชัย อุดมสิน ผวจ.กำแพงเพชร ทราบรายงานได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเอง พร้อมสั่งระดมกำลังและหาทางช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากฝนตกหนักตลอดเวลา และกระแสน้ำป่ายังไหลเชี่ยวกรากและทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แม้เจ้าหน้าที่พยายามจะนำเรือยางข้ามคลองไปช่วยแต่ไม่สามารถข้ามไปได้ เพราะเรือยางต้านทานกระแสน้ำไม่ไหว ในที่สุดการช่วยเหลือต้องยุติลงชั่วคราว เนื่องจากกระแสน้ำรุนแรงและเป็นเวลามืดค่ำอาจเป็นอันตรายได้<o></o>
<o></o>
ส่วนที่ จ.ตาก เย็นวันเดียวกัน พ.อ.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผบ.ฉก.กรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด จ.ตาก ได้รับรายงานทางโทรศัพท์จาก ร.ท.พงศธร แสนธนันชัย หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ซึ่งได้รับคำสั่งให้นำกำลังเข้าไปคุ้มครองให้ความปลอดภัยแก่คณะอาจารย์และนักศึกษาชมรมค่ายอาสาพัฒนาวิทยาลัยการอาชีพแม่สอด ต.แม่ปะ อ.แม่สอด กว่า 60 คน ออกค่ายอาสาทำกิจกรรมพัฒนาสังคม ก่อสร้างอาคารเรียนและแจกสิ่งของให้กับชาวบ้านและนักเรียนที่โรงเรียน ตชด.บ้านแม่หละคี ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าตลอดทั้งคืน ตั้งแต่วันที่ 25-26 ต.ค. มีฝนตกหนัก ทำให้ดินจากเขาถล่มปิดทับเส้นทางและน้ำในลำห้วยสูงกว่า 2 เมตร ทำให้คณะอาจารย์และนักศึกษาไม่สามารถเดินทางกลับได้ บางคนเริ่มมีอาการป่วย หลายคนมีอาการขวัญเสีย<o></o>
<o></o>
หลังได้รับรายงาน พ.อ.ผดุงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและสั่งเตรียมเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ และประสานแพทย์และพยาบาล รพ.แม่สอด เตรียมเดินทางไปรับคณะอาจารย์และนักศึกษากลับ ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ ขณะที่นายนที จันทร ผอ.วิทยาลัยการอาชีพ เปิดเผยว่า ชมรมค่ายอาสาพัฒนาฯ จัดกิจกรรมออกค่ายอาสาติดต่อกันมาหลายปี ปีนี้ทางชมรมเสนอแผนกิจกรรมออกพัฒนามาตั้งแต่ช่วงฤดูฝน ตนเกรงว่าจะเป็นอันตรายจึงได้เลื่อนเวลาออกให้หมดฤดูฝนก่อน กระทั่งมั่นใจว่าหมดฝนแล้วจึงได้อนุมัติให้ทางชมรมฯออกค่ายได้ แต่ยังต้องผจญกับฝนถล่มจนได้<o></o>
<o></o>
ส่วนกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัยเรื่อง “หย่อมความกดอากาศต่ำในอ่าวไทยตอนบน” ฉบับที่ 5 ว่า ร่องความกดอากาศต่ำพาดจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศพม่าผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบนและชายฝั่งภาคตะวันออกเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือด้านตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีฝนตกหนาแน่น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้<o></o>
<o></o>
ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันตอนบนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงนี้ไว้ด้วย อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงได้อีก 1-2 องศา กับมีลมแรง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=109091

 

​

ปัญหาใหญ่ที่คนมักจะมองข้ามกันไปก็คือ ใต้เขื่อนในเมืองกาญจน์นั้น มีรอยเลื่อนพาดผ่าน เมื่อเขื่อนมีปริมาณน้ำเข้าเขื่อนเป็นจำนวนมาก น้ำหนักของน้ำจำนวนมหาศาลนั้น ก็จะไปกดทับพื้นแผ่นดินตรงนั้น อาจทำให้รอยเลื่อนที่พาดผ่านนั้นเคลื่อนตัวจนทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ ซึ่งถ้าเป็นแผ่นดินไหวที่เกิดจากปัญหานี้จริง ถึงจำนวนริกเตอร์จะไม่มากนัก ก็ทำให้เขื่อนแตกร้าวได้เพราะเกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นดินใต้เขื่อนโดยตรงครับ

(เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมคนเดียว ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ)

 

ฮ่องกงพบไข่จากจีนปนเปื้อนเมลามีนในระดับสูง​

​

ฮ่องกง 26 ต.ค.

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">09.09 น. อัญเชิญ หลวงพ่อทองคำ [27 ต.ค. 51 - 04:15]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

วัดไตรมิตรฯใช้ฤกษ์ 09.09 น. วันที่ 27 ต.ค.นี้ อัญเชิญ “หลวงพ่อทองคำ” พระคู่วัดขึ้นประดิษฐานบนพระมหามณฑป หลังการก่อสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์ด้วยงบประมาณกว่า 600 ล้านบาท เพื่อน้อมเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา เผยทุกขั้นตอนเคลื่อนย้ายสุดพิถีพิถันป้องกันองค์พระเสียหาย แต่ยังทำประกันภัยไว้สูงถึง 5 พันล้าน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o></o>
การเคลื่อนย้ายพระทองคำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 26 ต.ค. นายวิศิษฏ์ ลิ้มประนะ ประธานคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ โครงการจัดสร้างพระมหามณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคำวัดไตรมิตรวิทยาราม) กล่าวว่า การก่อสร้างพระมหามณฑปกว่า 1 ปี มีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าต้นปีหน้าจะเสร็จในทุกส่วน<o></o>
<o></o>
นายวิศิษฏ์กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการนี้ประชาคมนักธุรกิจเขตสัมพันธวงศ์ ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ร่วมกับวัดไตรมิตรฯ และพุทธศาสนิกชน จัดให้มีขึ้น โดยมีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธานโครงการฯ พระมหามณฑปหลังใหม่จะวิจิตรงดงามควรค่าแก่องค์หลวงพ่อทองคำ และเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสอันเป็นมหามงคลทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา มีการรวบรวมผู้มีอัจฉริยภาพทางศิลปะระดับชาติในหลากหลายสาขา มาร่วมกันสร้างสรรค์พุทธสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า ด้วยมุ่งหวังให้เป็นภูมิสถาปัตยกรรมใหม่ของย่านเยาวราชและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า<o></o>
<o></o>
นายวิศิษฏ์ยังกล่าวถึงโครงสร้างพระมหามณฑป มี 4 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่ประกอบกิจกรรมพุทธศาสนา ชั้น 2 เป็นศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช ชั้น 3 แสดงประวัติศาสตร์พุทธศาสนา ประวัติพระทองคำ ประวัติการจัดสร้างพระมหามณฑป และชั้น 4 ประดิษฐานหลวงพ่อทองคำ ดำเนินงานและควบคุมดูแลออกแบบก่อสร้างร่วมกันระหว่างกรมศิลปากร กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ใช้งบก่อสร้างกว่า 600 ล้านบาท และก่อนที่การก่อสร้างจะเสร็จสมบูรณ์ ต้องอัญเชิญหลวงพ่อทองคำขึ้นประดิษฐานภายในพระมหามณฑป ก่อนที่ช่างจะตกแต่งประตูหน้าต่างและส่วนต่างๆ ซึ่งการเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ มีความสำคัญมาก จึงขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมในพิธีเพราะจะเป็นครั้งสุดท้ายและจะประดิษฐานที่นี่ตลอดไป<o></o>
<o></o>
สำหรับฤกษ์เคลื่อนย้ายหลวงพ่อทองคำนั้น ประธานคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการฯ กล่าวว่า จะทำในวันที่ 27 ต.ค. เวลา 09.09 น. โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็นประธานสงฆ์ในพิธีบวงสรวงและอัญเชิญ การเคลื่อนย้ายใช้วิธีเจาะรูใต้ฐานปูน ใช้คานเหล็ก 5 ตัน รองรับองค์พระที่ห่อหุ้มด้วยปูนและฉีดโฟมอัดไว้เพื่อป้องกันการขยับเขยื้อน แล้วใช้ไฮดรอลิกยกขึ้น เมื่อยกจากฐานจะใช้ล้อเลื่อนไหลไปตามรางออกจากห้องวิหารเก่าชั้น 2 แล้วใช้เครนยกลงพื้นชั้นล่าง วางบนรางเคลื่อนไปยังพระมหามณฑประยะประมาณ 80 เมตร แล้วจึงใช้เครนอีกตัวยกขึ้นชั้น 4 วางบนรางเลื่อนเข้าสู่ภายใน เมื่ออัญเชิญขึ้นไปแล้วจะยังคงใช้โครงเหล็กป้องกันองค์พระเอาไว้ก่อน เพราะยังต้องตกแต่งสถานที่ และจะเปิดให้ประชาชนนมัสการได้หลังจากการก่อสร้างเสร็จแล้วราวต้นปีหน้า ซึ่งการเคลื่อนย้ายครั้งนี้มีการทำประกันภัยไว้กับบริษัทเทเวศประกันภัย เป็นวงเงินสูงถึง 5,000 ล้านบาท เพราะหลวงพ่อทองคำมีมูลค่ามหาศาล ด้วยน้ำหนัก 5,500 กก.<o></o>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ชวนคนไทยเขียน จ.ม.ถึงในหลวง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ต.ค. ที่หอประชุมมหิศร ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล ผอ.โครงการพัฒนาดอยตุง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ในปีนี้คณะกรรมการโครงการ “ปิดทองหลังพระ” ที่ประกอบด้วย ตัวแทนองคมนตรี ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมมือกันในการจัดกิจกรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธ.ค. 2551 โดยเสนอโครงการ “หนึ่งล้านกิจกรรมถวายในหลวง” ร่วมกันจัดกิจกรรมต่างๆ เน้นการดำเนินตามแนวทางพระราชดำริ ที่พระราชทานไว้ ในการแก้ไขปัญหาดิน น้ำ และป่าอย่างครบวงจร โดยใช้รากฐานของความเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ซึ่งประชาชนสามารถทำได้ในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ยังจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเขียนจดหมายส่งถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยตรงว่า หลังจากการดำเนินกิจกรรมตามแนวทางพระราชดำริแล้วชีวิตดีขึ้นอย่างไรบ้าง


ที่ผ่านในหลวงไม่เคยมีความสุข

“เมื่อทรงอ่านจดหมายที่ประชาชนส่งมาถวายพระองค์แล้ว จะได้ทรงดีพระทัย ที่เห็นประชาชนของพระองค์มีความสุข เพราะตลอดสี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ท่านทรงไม่มีความสุขเลย ทรงเสียพระมารดา เสียพระภคินี และยังมีเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองในบ้านเมืองอีก โครงการกว่าสี่พันโครงการที่ทรงตรากตรำมาโดยตลอด อยากจะถามหน่อยว่า พระองค์ทรงทำเพื่อครอบครัวของพระองค์ท่านหรือไม่ แต่ทุกอย่างทรงทำเพื่อประชาชนทุกคนของพระองค์ทั้งสิ้น และในโอกาสนี้เราทุกคนจะทำเพื่อพระองค์ท่านบ้างได้หรือไม่ ในกิจกรรมต่างๆที่เป็นประโยชน์ จะทำเป็นของขวัญให้พระองค์ในวโรกาสสำคัญบ้างไม่ได้เชียวหรือ” ม.ร.ว.ดิศนัดดากล่าว


ทำไมรัฐบาลไม่เอาแบบอย่างไปใช้

ผอ.โครงการพัฒนาดอยตุงกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ “หนึ่งล้านกิจกรรมถวายในหลวง” นี้เป็นโครงการต่อยอดจากโครงการเดิม ในโครงการปิดทองหลังพระ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา โดยการนำประชาชนในประเทศเดินทางมาเรียนรู้แนวทางในโครงการพระราช ดำริ เช่น โครงการแก้น้ำเสียที่แหลมผักเบี้ย ที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นการนำเดินทางทัวร์การศึกษา เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ วิธีแก้ไขปัญหาของพระองค์ท่าน และโครงการนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยมีเป้าให้คนมาดูจำนวนประมาณ 1 ล้านคน แต่ปรากฏว่าได้ความสำเร็จเกินคาด มีประชาชนเดินทางมาดูหลายล้านคน ทั้งนี้ การที่มีการริเริ่มโครงการเหล่านี้ เพราะคณะทำงานมีความสงสัยกันว่า ทำไมที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยมาดูแนวทางโครงการพระราชดำริของพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างเลย ว่าพระองค์ทรงใช้วิธีแก้ไขปัญหาอย่างไร ไม่เคยคิดที่จะเอาแบบอย่างที่ดีมาใช้ มุ่งแต่จะใช้งบประมาณมหาศาล เพราะหากดำเนินการตามแนวทางพระราชดำริ แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมาก

 

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">
<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">อาเพศเศียรพญานาคหัก [22 ต.ค. 51 - 10:42]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
เหตุการณ์ที่เหมือนอาเพศลางร้าย พญานาคบันไดทางขึ้นวิหารวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ถูกเหล็กนั่งร้านตกใส่จนเศียรหักสะบั้นครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 ต.ค. พระครูปลัดวิเชียร สมัตถิโก เลขานุการวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ถนนพระปกเกล้า ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวชมวัดว่า โครงเหล็กนั่งร้านที่ตั้งไว้เพื่อก่อสร้างบูรณะพระวิหารด้านหน้า ได้พังถล่มลงมาใส่รูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่บริเวณบันไดทางขึ้นวิหาร พระครูปลัดวิเชียรจึงรีบไปดูพบว่าโครงเหล็กพังลงมาทับส่วนเศียรหรือศีรษะพญานาคจนหักตกลงมา จึงรายงานให้พระราชเจติยาจารย์ รักษาการเจ้าอาวาส และพระครูโสภณกวีวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสทราบ พร้อมกับแจ้งไปทางนายสหวัฒน์ แน่นหนา ผอ.สำนักศิลปากรที่ 8 จ.เชียงใหม่ และนายตระกูล หาญทองกุล หัวหน้ากลุ่มงานอนุรักษ์โบราณสถานฯ ให้มาร่วมตรวจสอบ
<O</O
<O</O
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ไปที่วัดเจดีย์หลวงพบว่าโครงเหล็กถล่มลงมาทับพญานาคตัวทางด้านซ้าย เศียรหักตกลงมาแตกกองอยู่บนพื้น ส่วนพญานาคตัวทางขวา ปลายเศียรแตกเสียหายเล็กน้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรตรวจพบว่า วัสดุและโครงสร้างพญานาคที่ก่ออิฐฉาบปูน แกนในเป็นไม้ผุพังหมดแล้ว ทำให้ข้างใน ลำตัวพญานาคเป็นโพรง ประกอบกับอิฐที่ก่อทำเป็นช่อง เมื่อมีของหนักตกใส่ทำให้แตกหักได้ง่าย ส่วนนั่งร้านที่พังลงมาทับเป็นของบริษัทช่างรุ่งคอนสตรัคชั่น ผู้รับเหมา ประกอบโครงตั้งไว้นานแล้ว และช่วงเกิดเหตุไม่มีคนงานเข้าไปทำงานตรงจุดนี้ จึงไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดนั่งร้านจึงพังลงมา
<O</O
<O</O
พระครูโสภณกวีวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง เปิดเผยว่า พญานาคชูเศียรเหนือราวบันไดอิฐหน้าพระวิหารหลวงคู่นี้ หางกระหวัดพันกันเหนือประตูพระวิหาร ช่างโบราณสร้างได้สัดส่วนสวยงาม ลวดลายปูนปั้นเกล็ดนาคฝีมือประณีตงดงาม ว่ากันว่าเป็นพญานาคที่งามที่สุดในภาคเหนือ ซึ่งพญานาคทั้ง 2 ตัวสร้างขึ้นพร้อมพระวิหารในปี 2423 มีการบูรณะซ่อมแซมมาหลายครั้ง ล่าสุด รัฐบาลในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อนุมัติงบประมาณ 50 ล้านบาท ทำการบูรณะพระวิหารหลวงรูปทรงแบบล้านนา และมีการบูรณะพญานาคด้วย แต่ก็มาเกิดเหตุนั่งร้านเหล็กตกใส่จนเศียรหักเสียก่อน ช่วงนี้จึงต้องปิดไว้เพื่อไม่ให้ผู้ที่พบพญานาคในสภาพนี้เกิดความรู้สึกสลดสะเทือนใจ แต่เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับอาเพศหรืออาถรรพณ์ใดๆ ขอชาวเมืองอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ ส่วนการทำพิธีขอขมาตามแบบล้านนาก็คงต้องทำ
<O</O
<O</O
ด้านนายตระกูล หาญทองกุล หัวหน้ากลุ่มงานอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 8 จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การบูรณะจะบูรณะทั้งองค์ แต่จะนำของเดิมที่ตกลงมาและส่วนที่แตกมาตกแต่งใช้กาวประสาน และเสริมโครงเหล็กแทนไม้ของเดิมที่ผุพัง อัดฉีดน้ำปูนเสริมเข้าไปเพื่อให้มั่นคงแข็งแรงมากขึ้น โดยจะรักษารูปแบบเดิมไว้ทั้งหมด ใช้เวลาการบูรณะประมาณ 1 เดือน สำหรับส่วนเศียรพญานาคที่หักตกลงมานั้นมีน้ำหนักมากถึง 400 กก.
<O</O
<O</O
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดเจดีย์หลวงวรวิหารเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 700 ปี เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ มีเจดีย์หลวงโบราณ มียักษ์กุมภัณฑ์ 2 ตนปกปักรักษาเมืองเชียงใหม่ มีพญานาคโบราณที่ชาวต่างชาติระบุในหนังสือแนะนำแหล่งท่องเที่ยวว่างดงามที่สุดในประเทศไทย ทุกปีจะมีพิธีบูชาเสาอินทขิล หรือเสาหลักเมือง ซึ่งเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ และเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พระพุทธพจนวราภรณ์ หรือหลวงปู่จันทร์ กุสโล อายุ 90 ปี พระอริยสงฆ์ ที่มีลูกศิษย์อยู่ทั่วประเทศ ได้ละสังขาร ศพยังตั้งอยู่ในวิหารที่บูรณะใกล้เสร็จ แต่ก็มาเกิดเหตุสูญเสียพญานาคคู่บ้านคู่เมืองหน้าวิหารไปอีก

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top align=middle width=300><CENTER></CENTER><!--<script type="text/javascript" src="http://164.115.2.192/banner/adshow.php?zid=104"></script>--><!--<script type="text/javascript" src="http://164.115.2.192/banner/adshow.php?zid=105"></script>--><SCRIPT src="http://164.115.2.192/banner/adshow.php?zid=117" type=text/javascript></SCRIPT><IFRAME marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://ads.admaxasia.com/servlet/ajrotator/370266/0/vh?z=admaxasia2&dim=280733" frameBorder=0 noResize width=300 scrolling=no height=250><script language=JavaScript src="http://ads.admaxasia.com/servlet/ajrotator/370266/0/vj?z=admaxasia2&dim=280733&abr=$scriptiniframe"></script><noscript></noscript></IFRAME><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=link3 align=middle width=296></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
เร่งของบซ่อม เศียรพญานาค [23 ต.ค. 51 - 10:40]

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>กรณีนั่งร้านเหล็กที่ตั้งไว้เพื่อบูรณะวิหารหลวง วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ถนนพระปกเกล้า ต.พระสิงห์ อ.เมืองเชียงใหม่ ตกลงมาโดนเศียรพญานาคอายุหลายร้อยปีจนขาดกระเด็น ทำให้ชาวบ้านลืออาจเกิดอาเพศในบ้านเมืองนั้น ต่อมาเวลา 10.30 น. วันที่ 22 ต.ค. นายจำลอง กิตติศรี ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปดูความเสียหายเศียรพญานาค จากนั้นเปิดเผยภายหลังว่าจะรายงานเรื่องดังกล่าวถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อของบประมาณบูรณะต่อไป โดยวัดเจดีย์หลวงวรวิหารเป็น 1 ในพระอารามหลวงใน จ.เชียงใหม่ จากทั้งหมด 9 แห่ง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เพิ่งเดินทางมาที่วัดแห่งนี้เพื่อกราบไหว้ศพพระพุทธพจนาวราภรณ์ หรือหลวงปู่จันทร์ กุสโล เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหารที่ละสังขารและได้ฝากดูแลบูรณะวัดแห่งนี้ด้วย
<O</O
<O</O
<O</O
นายจำลองกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นอุบัติเหตุ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน ตนในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบการจ้างได้กำชับกับฝ่ายช่างของบริษัทช่างรุ่งคอนสตรัคชั่น ที่รับเหมาในการบูรณะให้ดูแลเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ผู้คนที่มาสักการะศพของหลวงปู่จันทร์หรือนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมโบราณสถาน การพังถล่มของนั่งร้านเหล็กอาจเกิดจากมีฝนตกหนักด้วยและเป็นความพลั้งเผลอของช่าง ส่วนที่หวั่นเกิดอาเพศนั้นคงไม่น่ามีปัญหา ไม่น่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร ถือว่าเป็นวัตถุที่ตั้งอยู่และดับไปเป็นไปตามธรรมชาติ คิดแบบนี้ทำให้จิตใจมีกุศลเข้มแข็งขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องการขอขมาลาโทษตามประเพณีของล้านนาก็คงต้องทำซึ่งต้องมีการประชุมกันก่อน ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ศรัทธาทุกคน
<O</O
<O</O
<O</O
พระครูโสภณกวีวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้พบรอยร้าวตามลำตัวพญานาคเป็นช่วงๆเพราะมีการเปลี่ยนโครงสร้างและแกนไม้ภายในก็ผุหมด เมื่อมีอะไรมากระทบจึงแตกหักลง ในการบูรณะทั้งตัวต้องบูรณะฟื้นฟูให้เหมือนเดิมและทำพิธีขอขมาแบบพื้นเมืองด้วย เรื่องเหล่านี้ต้องคำนึงถึงประเพณีวัฒนธรรม ศาสนธรรมและพุทธประเพณีที่ต้องทำให้เกิดความสบายใจทุกฝ่าย ส่วนการบูรณะพญานาคต้องทำเหมือนของเก่าและแบบเก่าอย่างสมบูรณ์เพราะมีภาพถ่ายและพญานาคอีกตัวที่ยังสมบูรณ์อยู่ แต่สิ่งที่ห่วงที่สุดฝีมือคนรุ่นใหม่จะถึงหรือไม่ โดยพญานาคทั้งสองตัวนี้ได้รับการบูรณะมาหลายครั้งมีการเสริมเติมแต่งจนดูอ้วนไปจากของเดิม ซึ่งของเดิมมีความงดงามมากกว่านี้
<O</O
<O</O
<O</O
ด้านเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า หากเป็นความเชื่อของคนรุ่นเก่าก็จะเกิดความกลัวเรื่องอาเพศอาถรรพณ์ต่างๆที่จะตามมา แต่หากเป็นคนรุ่นใหม่ก็จะบอกว่าเหตุเกิดจากการก่อสร้างที่สะเพร่า ทำนั่งร้านไม่แข็งแรง ถือเป็นความบกพร่องของคนงานก่อสร้าง ถ้าคิดในสิ่งที่ดีก็จะดี ในโลกนี้ต้องคิดด้วยเหตุด้วยผล ขณะนี้บ้านเมืองกำลังมีเหตุรุนแรงขอให้คิดแต่เรื่องดีๆก็จะเกิดมงคล

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ยะลามอบอุปกรณ์เตือนภัยทีมกู้ชีพ พร้อมรับเหตุอุทกภัย ​

​

ยะลา 27ต.ค. - นายเวโรจน์ สายทองแท้ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา เป็นประธานมอบอุปกรณ์แจ้งเตือน และกู้ภัย

ประกอบด้วย เครื่องไซเรนมือหมุน จำนวน 1 เครื่อง เสื้อชูชีพ เชือกกู้ภัย เชือกบุคคล รวมทั้งห่วงโรยตัว ให้แก่องค์กรปกครองส่วนตำบล ที่มีการจัดตั้งและฝึกอบรมทีมหนึ่งตำบลหนึ่งทีมกู้ภัย หรือ OTOS ในหมู่บ้านเสี่ยงภัย 14 แห่ง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือเหตุอุทกภัย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว และถูกวิธี

ทั้งนี้ ทีมหนึ่งตำบลหนึ่งทีมกู้ภัยแต่ละแห่งจะมีอาสาสมัครทีมละประมาณ 10 คน ทันทีที่เกิดเหตุการณ์อุทกภัย จะสามารถระดมทีมเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย

2008-10-27 11:52:54

ราคาสัตว์น้ำปรับตัวสูงขึ้นเหตุเรือประมงงดออกทะเล ​

​

สุราษฎร์ธานี 27 ต.ค. - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลื่นลมแรงในทะเลทำให้เรือประมงทุกชนิดในจังหวัดงดออกทะเลจับสัตว์น้ำ และนำเรือกลับเข้าฝั่งจอดหลบลมที่สะพานปลาเทศบาลนครสุราษฎร์ธานีเป็นจำนวนมาก

ทำให้อาหารทะเลขาดแคลน ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่าง ๆ ปรับราคาสูงขึ้นจากราคาเดิมกิโลกรัมละ 5-10 บาท ผู้บริโภคจึงหันไปซื้อสินค้าอื่นที่ถูกกว่าบริโภค ขณะที่ทางจังหวัดประกาศเตือนเรือประมงทุกชนิดควรงดออกจากฝั่ระยะนี้ เนื่องจากในทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร. - สำนักข่าวไทย

2008-10-27 11:11:57

สถานการณ์น้ำป่าเมืองกาญจน์ฯยังไม่น่าวางใจ​

​

กาญจนบุรี 27 ต.ค.-ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ บ้านหนองไผ่ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี เมื่อวานนี้(26 ต.ค.) ว่า ล่าสุดพบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายแล้ว 21 หลัง พืชผลทางการเกษตรเสียหาย 2,765 ไร่ ถนนทางเข้าหมู่บ้านถูกตัดขาดหลายสาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

นายชูศักดิ์ ศรีสุขจร นายก อบต.หนองไผ่ อ.ด่านมะขามเตี้ย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในขณะนี้ยังไม่น่าไว้วางใจ ยังต้องคอยเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. เนื่องจากยังมีการประกาศเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า อาจจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ของ จ.กาญจนบุรี และทำให้น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่อีกเป็นระลอกสอง เบื้องต้นได้ใช้รถแบคโฮเปิดทางเดินน้ำ เนื่องจากมีผักตบชวาปิดทางน้ำ พร้อมกับได้อพยพประชาชนผู้ประสบภัยไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว โดยได้เตรียมเรือท้องแบน 2 ลำ หากมีเหตุฉุกเฉิน ส่วนระดับน้ำจนถึงขณะนี้ยังคงทรงตัว.-สำนักข่าวไทย

2008-10-27 13:31:29

ช่วย 7 นักท่องเที่ยวติดน้ำป่าที่กำแพงเพชรได้แล้ว​

​

กำแพงเพชร 27 ต.ค. - จากเหตุที่นักท่องเที่ยว 7 คน ติดอยู่ในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า จ.กำแพงเพชร เนื่องจากน้ำไหลหลากอย่างรุนแรง ไม่สามารถออกมาได้ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือปลอดภัยทุกคนแล้ว

เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และอำเภอโกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร พร้อมหน่วยกู้ภัยจากศูนย์ป้องกันภัยเขต 8 นำเรือท้องแบนขนาดใหญ่ เข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้ง 7 คน ได้อย่างปลอดภัยเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก

จากการสอบถามเบื้องต้น นักท่องเที่ยวทั้งหมดมาจากกรุงเทพฯ จะเดินทางไปมอบของให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง และแวะที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า โดยข้ามสะพานไปพักค้างแรมที่ฝั่ง จ.ตาก แต่เกิดน้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรง ไม่สามารถกลับมาได้

ด้านนายวสันต์ โพธิ์เนียน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ไม่คาดคิด เนื่องจากเข้าช่วงหน้าหนาวแล้ว และที่ผ่านมามีการวัดระดับน้ำโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์ ทางอุทยานต้องปิดชั่วคราว 15 วัน และคาดว่าระดับน้ำจะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงนั้น. -สำนักข่าวไทย

2008-10-27 13:28:02

ที่มา http://news.mcot.net

 

เรื่องเขื่อนที่จังหวัดกาญจนบุรี
ผมขอให้เชื่อเถิดครับ ว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้จะจีรัง ยั่งยืน
เขื่อนก็เป็นสิ่งก่อสรางชนิดหนึ่ง สามารถที่จะเสื่มสลายไปได้ตามกาลเวลาครับ
มันพังแน่ครับ แต่จะยังไง เมื่อไหร่อีกเรื่องหนึ่ง บอกไม่ได้หรอกครับว่าจะพังเมื่อไหร่ แต่ประมาณได้ว่าต้องสภาพแวดล้อมที่มากระทบขนาดไหนที่เขื่อนจะพังลงมา ดังนั้นเขื่อนน่ะครับทุกเขื่อนพังแน่ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเองครับ
อืมๆๆ ทำไมถึงกลัวเขื่อนแตกมากครับ เพราะว่าเขื่อนทั้งสองนี้ถ้าจะแตกเพราะแผ่นดินไหว ผมขอบอกเลยว่าไม่น่ากลัว แต่ให้กลัวเถอะครับว่าแผ่นดินไหวที่แรงขนาดนั้น สิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นมาต่างหากครับที่จะพังก่อน คนน่ะครับจะไม่ตายเพราะเขื่อนแตกมากเท่ากับการพังทลายของที่พักอาศัยหรอกครับ เขื่อนแตกจะหลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวแล้ว และก็พาน้ำมาปัดกวาดสถานที่ให้มากกว่าครับ
กรณีนี้อยู่ที่เรื่องแผ่นดินไหวอย่างเดียวนะครับ ไม่ได้รวบรวมเรื่องอื่นๆ ปัจจัยอื่นๆนะครับ

 

เรื่องเขื่อนนะครับ
ถ้าเขาสามารถรู้ได้ว่าเขื่อนจะแตกเดือนนั้นเดือนนี้แบบที่บอกมานะคับ
ถ้ายังปล่อยให้เขื่อนแตกโดยไม่บอก คนอื่นล่ะก็ คิดว่าคนกลุ่มนั้นเป็นคนยังไง
เพราะเมื่อวันเสาร์ ผมยังขึ้นเขื่อนไปมาอยู่เลย เชื่อด้วยตาและหลักเหตุผล
ถ้าจะแตกจริงต้องแจ้งล่วงหน้าเยอะๆเพื่อเตรียมการไว้ล่วงหน้า
ไม่ใช่รู้ล่วงหน้ามานานแต่มาแจ้งก่อน วันสองวัน
แทนที่จะได้เตรียมการล่วงหน้า ทีนี้ก็เกิดการแตกตื่น ถนนที่จะใช้หลบหนี ก็มีแค่ 2สายหลัก
1 วิ่งเข้า เส้น กทม. 2วิ่งเข้าเส้นสุพรรณบุรี
ไม่อยากคิดเลยถ้าแจ้งแบบนั้นจริง จะเกิดอะไรอีกหลายๆอย่างรวมทั้งจี้ปล้นกันเอง
ที่ผมพูดนี่ไม่ใช่การเอาเท้าราน้ำนะครับ
เพียงแต่อยากให้คิดด้วยหลักเหตุและผลด้วยตัวเอง มันไม่ใช่สิ่งที่จะคาดการได้
ช่วงปีใหม่ไปแล้วที่จังหวัดกาญจน์จะไม่มีฝนตกแล้ว
สาเหตุเดียวที่จะทำให้เขื่อนแตกคือแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นอะไรที่คาดเดาล่วงหน้าไม่ได้