ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ผมไม่ได้เหยียบย่ำพระเทวทัตนะครับ แต่ที่ต้องนำภาพของพระเทวทัตมาโพสในกระทู้นี้ก็เพื่อเตือนสติให้เพื่อนๆ ในเว็บพลังจิตนี้ได้ทราบถึงกฎแห่งกรรม ว่าไม่มีผู้ใดจะหลีกเลี่ยงได้ ใครทำกรรมอย่างไรก็ต้องได้รับผลเช่นนั้น

กรรมชั่วที่พระเทวทัตได้สร้างเอาไว้คือ การทำสังฆเภท ยุยงให้พระสงฆ์แตกกันและทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิตที่พระบาท ซึ่งเป็นอนันตริยกรรมอันนำไปสู่อเวจีมหานรกครับ อนันตริยกรรมมี 5 อย่างคือ

1. มาตุฆาต ฆ่ามารดา
2. ปิตุฆาต ฆ่าบิดา
3. อรหันตฆาต ฆ่าพระอรหันต์
4. โลหิตุปบาท ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงขนาดห้อพระโลหิตขึ้นไป (เช่นพระเทวทัตที่กลิ้งหินให้ทับพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต)
5. ทำสังฆเภท ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน

กรรม 5 อย่างนี้ เป็นกรรมหนักที่สุด ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ต้องไปโลกันตมหานรกอย่างเดียว(ยกเว้นพระเทวทัต ที่ไปตกอเวจีมหานรกเพราะรู้สำนึกผิดและขอขมาพระพุทธเจ้า ได้ทันก่อนตัวเองจะสิ้นใจ)

กรรมดีของพระเทวทัต คือปรารถนาพระโพธิญาณ สร้างสมกรรมดีมามากมาย แต่มาเสียท่าพญามาร ทำให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ คิดจองล้างจองผลาญกับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ผลจึงเป็นไปอย่างที่ได้มีกล่าวเอาไว้ในพระไตรปิฎก

ก่อนที่พระเทวทัตจะสิ้นใจ ได้สำนึกผิดในการกระทำของตัวเอง ที่ได้คิดจองล้างจองผลาญกับพระพุทธเจ้า จึงได้ใช้คางของตัวเองทำการขอขมาต่อพระพุทธเจ้า ด้วยกรรมดีอันนี้จึงช่วยให้พระเทวทัตได้พ้นกรรมจากอวจีมหานรก ได้เร็วขึ้นคือลดทอนเวลาที่ต้องไปใช้วิบากกรรมในนรกให้สั้นลง เพียงสิ้นอายุของพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น

หลังจากที่พระเทวทัตได้ขึ้นมาจากอเวจีมหานรกแล้ว ผลกรรมดีที่ท่านได้สร้างสมเอาไว้ตอนที่ปรารถนาพระโพธิญาณจึงจะมีโอกาสให้ผล ให้ท่านได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หลังจากสิ้นอายุพระพุทธศาสนาของพระสมณโคดมพระพุทธเจ้านี้ไปแล้วครับ

 

เรียนท่านเกษม ...

ท่านยังไม่รู้จักพระท่านเทวทัตพอ
5 ข้อที่ท่านเกษมได้ตั้งไว้ นั้นคือสมมุติ

ที่ลงนรกนั่นคือโลกันต์ ไม่ใช่อเวจี
แต่มีผ่อนปรน นะครับท่าน แค่
ช้างแลบหู งูกระดิกลิ้น

ฮ่าๆๆๆ ใช่มั๊ย? ใช่มั๊ย?

แค่นี้ ท่านเกษม ก็ตีประเด็นผิดแหล่ะ
ไม่แจ่ม นะครับท่าน

ท่านเกษม แก้ตัวใหม่ นะครับท่าน

 

ไม่มีทาง ....สงบ........(นอกเสียจากว่า ..... )

แต่ไม่ใช่ภัยพิบัติ ......... (ไม่ใช่หมอดูแน่นอน)


ใครได้มะโน มะนึก ... มาต่อกระทู้หน่อยสิเจ้าเค๊อะ

(cry)

 

ขอคุณครับที่ทักท้วง โทษของอนัตริยกรรม ต้องไปโลกันตนรก จริงอย่างที่ท่านว่านั่นแหละ แต่ด้วยเหตุที่พระเทวทัตรู้สำนึกในความผิดของตัวเอง และได้กระทำการขอขมาต่อพระพุทธเจ้าด้วยคางของตัวเองได้ทันก่อนจะสิ้นใจ จึงได้ลดโทษลงมาคือไปตกนรกอเวจีแทนครับ

ส่วนเรื่องอนันตริยกรรมนั้น เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงเมตตา ตรัสบอกเตือนเหล่าพุทธบริษัทของพระองค์ ไม่ให้ใครกระทำอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นกรรมที่มีโทษหนักมาก ต้องไปชดใช้กรรมในโลกันตนรกทีเดียว ไม่ใช่เรื่องที่ผมสมมุติขึ้นมาเองนะครับ โปรดเข้าใจให้ถูกต้องด้วยครับ

เมื่อตัวท่านหล่อเองก็รู้ในโทษทัณฑ์ที่ทำให้ต้องไปตกนรกดีแล้ว เหตุไฉนจึงพยายามทำตัวเอง ให้ต้องไปสู่ที่อันมีแต่ความทุกข์ทรมาน อย่างนั้นอีกเล่า ขอจงละมิจฉาทิฏฐินี้เสียเถิด เพราะตอนที่ต้องไปอยู่ต่อหน้าพระยายมราช ท่านหล่อจะไม่มีโอกาสได้โต้เถียงอะไรได้อีกเลย ขนาดพระเทวทัตสร้างกรรมดีมามากมาย(ตอนที่ยังปรารถนาพระโพธิญาณ)ก็ยังต้องตกนรกเลย แล้วตัวท่านหล่อที่สร้างกรรมดีมาเพียงเท่านี้จะหนีพ้นนรกไปได้อย่างไร.....

 

ขอมอบพระบรมสารีริกธาตุเนื่องในวันปิยะมหาราช 555 ชุด


วัตถุประสงค์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีไว้สักการะบูชาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจโดยกระผมต้องการให้ทุกท่านมีไว้ให้ทั่วถึงกัน

โดยในเว็บ relicsofbuddha ขอมอบให้ 155 ชุด แบ่งเป็น

1. พระบรมสารีริกธาตุวรรณะโลหิตธาตุ 50 ชุด
2. พระบรมสารีริกธาตุสัณฐานรวม 50 ชุด
3. พระธาตุข้าวบิณฑบาตร 55 ชุด (ขนาดใหญ่)

โดยมีเงื่อนไขดังนี้

1.ลงรายชื่อเรียงตามลำดับ(กรุณาใส่ลำดับไว้ข้างหน้าชื่อ) ผู้ที่ได้ลำดับ1-50 จะได้รับพระบรมสารีริกธาตุวรรณะโลหิตธาตุ ผู้ที่ได้ลำดับ 51-100 จะได้รับพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานรวม ผู้ที่ได้ลำดับ 101-155 จะได้รับพระธาตุข้าวบิณฑบาตร(ขนาดใหญ่)

2.ส่งซองกันกระแทกจ่าหน้าถึงตัวท่านเองพร้อมติดแสตมป์ 5 บาท มาที่ ตู้ ปณ.2 ปณศ. บางบัวทอง นนทบุรี 11110

***เมื่อได้รับแล้วขอให้ท่านบูชาไว้ในที่เหมาะสมกราบไหว้บูชาทุกวันท่านและครอบครัวจะประสบแต่สิ่งดีๆตลอดไป ส่วนท่านใดที่ไม่ได้รับในโอกาสนี้ขอให้ติดตามในโอกาสวันสำคัญอื่นๆอีกต่อไปนะครับ **ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ**
ปล. พระบรมสารีริกธาตุส่วนหนึ่งกระผมได้รับมาจากพระชยภัทร ขออนุโมทนาบุญให้กับพระชยภัทรด้วยครับ



จากคุณ ปฐมฌาน [FONT=MS Sans Serif, Tahoma, sans-serif](124.121.70.227) เมื่อวันที่ 23/10/2551 0:41:23 [/FONT]





***สำหรับผู้ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมในการติดต่อ คุณปฐมฌาน สามารถกรอกรายละเอียดตามลิงก์ที่เเนบมานะคะ

ข้อมูลจาก http://www.relicsofbuddha.com/webboard/aspboard_question.asp?GID=2593





สำหรับผู้ครอบครองนะคะ >>>> บูชาพระธาตุ
<!-- / message --><!-- sig -->

 

เรียนท่านเกษม

เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าต้องตกนรกแน่นอน เพราะข้าพเจ้าไม่ยอมให้เกิดเหตุเภทภัยพิบัตินี้ กับผู้ที่ข้าพเจ้ารักทั้งหลาย ... ข้าพเจ้ายอมตกนรกหมกไหม้ในโลกันต์มหานรก ข้าพเจ้ายอมตายถวายชีวิต ดีกว่าพี่น้องเสื้อเหลือง และพี่น้องเสื้อแดงจะมาตีกัน ให้เป็นที่เอน็จอนาจ ต่อนานาอารยประเทศ เขานะครับ

เพียงเพื่อช่วยมวลมนุษย์ชาติให้พ้นจากทุกข์ เฉกเช่น พระมหาเยซูเจ้าที่ได้ยอมเสียเลือดเนื้อและชีวิตนี้ เผื่อไถ่บาปให้กับอนุชน รุ่นต่อไป หรือลูกหลานของพระองค์ท่านนั่นเอง หรือพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมี ต่อไปเพื่อเป็นพระพุทธวงศ์ อย่างน้อยๆ ก็เพียงเพื่อพระปัจเจกฯ ก็ได้

การแลกเปลี่ยนด้วยชีวิตและเลือดเนื้อนี้ แม้แต่พระอริยะ พระองค์ท่านทั้งหลายก็ทำเป็นวิสัยวัฏฏ์แห่งสังสาร ในแต่ละวัฏฏ์ เป็นนิจสินเป็นกิจวัตรในแต่ละวัฏฏ์สังข์


แล้วใครคือพระ ใครคือมาร แค่นี้ก็มองไม่ออกหรือครับว่าใครอยู่ในโลกันต์ฯ
ผมบอกแล้วว่าไม่เกิดภัยใดๆ ในสยามประเทศนี้ แค่ท่านก็ไม่เชื่อผม ใช่มั๊ย?


ผมก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร ผมยืนยัน ... แต่ท่านเกษมก็เชื่อหมอดู อยู่ร่ำไปนิ

ครับท่าน

 

ท่านเกษมก็ดีน่ะที่ท่านทั้งให้ข้อมูลข่าวสารและช่วยเตือนคน ผมก็ขออนุโมทนาด้วยครับ

 

ถึงช่วยไม่ได้ก็สามารถบรรเทาหรือยืดเวลาการเกิดเหตุก็ยังดี ตามหลักกฎแห่งกรรมท่านก็สอนอยู่แล้วว่ากรรมไหนให้ผลแรงกว่า กรรมนั้นย่อมให้ผลง่ายกว่า คนส่วนใหญ่สมัยนี้ล้วนแต่ประพฤติผิดศีลธรรมย่อมก่อให้เกิดเภทภัยได้ ตอนนี้ที่ใครทำบุญก็ไม่ขึ้นก็ด้วยกาลวิบัติส่วนนึง(ผู้ปกครองไร้ธรรมะและเศษฐกิจไม่ดี)กรรมชั่วเลยสนองง่ายกว่า มันมีตัวแปรหลายอย่างที่ท่านไม่สามารถล่วงรู้ได้หมดด้วยความรู้ระดับโลกียะ ตัวผมไม่รู้ว่าพวกเขาพูดจริงเท็จอย่างไรเพราะผมไม่มีอะไรพวกนั้นหรอกแต่อยากคุณเคารพสิทธิ์ของพวกเขามากกว่ากับตั้งหน้าตั้งตาทำดีสวดมนต์ นั่งสมาธิ คอยเตือนตัวเองและผู้อื่นดีกว่าเนอะ ตัวผมก็มีหลุดเยอะเหมือนกันก็อย่าเอาอย่างครับ = __ ="

 

คลื่นพัดถล่มถนนดอนสัก สุราษฏร์ เสียหายหนัก ​

​

สุราษฏร์ธานี 25 ต.ค.- นายไพศาล ตรีธัญญา นายอำเภอดอนสัก จ.สุราษฏร์ธานี เร่งนำเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรหนักเข้าซ่อมแซมถนนสายบ้านพอด

 

เยเมนน้ำท่วมหนัก เสียชีวิต 46 คน อีก 20,000 ไร้บ้าน​

​

ซานา 25 ตค.- หนังสือพิมพ์ในเยเมน รายงานอ้างถ้อยแถลงจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งระบุว่า พายุฝนตกหนักและน้ำท่วม ได้คร่าชีวิตชาวเยเมนไปแล้ว 46 คน และอีก 20,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย

เจ้าหน้าที่ช่วยกันอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง แต่มีอีกหลายพันคน ที่ยังติดค้างอยู่ในบ้านเรือน เพราะฝนตกลงมาหนักมาก จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทั่วถึง พายุฝนตกได้ทำลายบ้านเรือนในเยเมนไปแล้วกว่า 220 หลัง รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งยังสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่เกษตร ปศุสัตว์ที่เลี้ยงไว้ตายไปเป็นจำนวนมาก

เยเมนเป็นประเทศในแถบตะวันออกกลาง จึงไม่ค่อยได้ประสบกับพายุฝนตกหนักเช่นนี้ ฝนที่ตกในแต่ละปี วัดปริมาณน้ำฝนได้ไม่กี่นิ้วเท่านั้น แต่ภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหนนี้ เกิดจากพายุฝนที่ตกอย่างหนักตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาจากอิทธิพลของพายุ ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่ของซาอุดิอาระเบีย และทางเหนือของโซมาเลีย เกิดฝนตกหนักด้วยเช่นกัน ส่วนในเยเมนนั้น คาดว่า สภาพอากาศจะดีขึ้นในวันอาทิตย์. - สำนักข่าวไทย

2008-10-25 19:59:59

คนอเมริกัน 7 ใน 10 เห็นว่าสีผิวไม่ใช่เรื่องสำคัญในการเลือกตั้งหนนี้ ​

​

วอชิงตัน 25 ต.ค.- ผลสำรวจล่าสุดของซีเอ็นเอ็น พบว่ามีคนอเมริกันถึง 7 ใน 10 หรือ 70% ที่เห็นว่าสีผิวและเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐหนนี้ ทั้งที่การสำรวจเมื่อเดือน ก.ค.ยังมีคนอเมริกันคิดเช่นนี้แค่ 61%

ผลสำรวจล่าสุดของซีเอ็นเอ็น พบว่า มีคนอเมริกันแค่ร้อยละ 5 เท่านั้น ที่มองเรื่องสีผิวเผ่าพันธุ์เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ และมีอยู่11% ที่เห็นเรื่องสีผิวเป็นแค่ 1ในหลายประเด็นที่สำคัญ ส่วนอีก 13% เห็นว่า เรื่องสีผิวมีความสำคัญเพียงเล็กน้อย

ผลสำรวจดังกล่าวจึงทำให้นายบารัค โอบามา พอจะใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง เพราะเขาเป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน โดยมีแม่เป็นคนอเมริกัน แต่พ่อเป็นชาวเคนยา ถ้าเขาชนะการเลือกตั้ง ก็จะกลายเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐ

ส่วนเรื่องอายุของผู้สมัครว่า จะมีผลกับการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ผลสำรวจล่าสุดพบว่า คนอเมริกันเกือบครึ่งเห็นว่ามีผล เป็นตัวเลขที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากการสำรวจเมื่อเดือนกรกฎาคม โดย 3% เห็นว่า อายุของผู้สมัครเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งหนนี้ 19% เห็นว่า เป็นแค่ 1 ในหลายประเด็นที่สำคัญ และ 25% เห็นว่าเป็นประเด็นสำคัญเพียงเล็กน้อย. - สำนักข่าวไทย

2008-10-25 17:08:40

ไต้หวันหลายแสนชุมนุมต้านจีน ​

​

ไทเป 25 ตค.- ชาวไต้หวันหลายแสนคนร่วมชุมนุมต่อต้านจีนในวันนี้ โดยมีอดีตประธานาธิบดี เฉิน สุยเปี่ยนเข้าร่วมชุมนุมด้วย พวกเขาต่างไม่พอใจที่ไต้หวันไปผูกสัมพันธ์กับจีน ทั้งที่จีนพยายามจะทำลายอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน

กลุ่มผู้ประท้วงต่างสวมชุดเขียวของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือดีพีพี พวกเขาเดินขบวนกลางท้องถนนในกรุงไทเป พร้อมโบกธงและร้องตะโกนถ้อยคำต่อต้านจีน แสดงความไม่เห็นด้วยที่จีนจะส่งหัวหน้าคณะเจรจาเดินทางมายังไต้หวันต้นเดือนหน้า ทั้งยังต่อต้านสินค้าจากจีนที่มีสารเมลามีนปนเปื้อน

กลุ่มผู้ประท้วงยังกล่าวหารัฐบาลของประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่วว่า ไม่กล้าต่อกรกับจีน เรื่องผลิตภัณฑ์นมปนเปื้อนสารเมลามีน ซึ่งทำให้เด็กจีนเสียชีวิตไป 4 คน และทำให้เด็ก 3 คน รวมถึงผู้หญิงอีก 1 คนในไต้หวัน ต้องล้มป่วย

แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า มีชาวไต้หวันออกมาชุมนุมประท้วงกี่คน แต่ผู้จัดการประท้วงคาดว่า มีชาวไต้หวันออกมามากถึงครึ่งล้าน จึงน่าจะเป็นการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่สุด นับจากประธานาธิบดี หม่า ขึ้นรับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะที่ทางการไต้หวันส่งกำลังตำรวจกว่า 5,000 นาย มาดูแลความสงบเรียบร้อย. -สำนักข่าวไทย

2008-10-25 16:24:10

พ่อแม่ในสหรัฐ จ้างสุนัขมาดมกลิ่นตรวจหายาเสพติดในห้องของลูก ​

​

วอชิงตัน 25 ตค.- พ่อแม่ในสหรัฐ จ้างสุนัขตำรวจที่ปลดเกษียณแล้ว มาช่วยดมกลิ่นสืบหายาเสพติดในห้องนอนของลูก โดยเสียค่าใช้จ่ายตกชั่วโมงละ 200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6,900 บาท สำหรับการจ้างสุนัขดมกลิ่น 1 ตัว พร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุม

บริษัท สนิฟฟ์ ด็อกส์ ในรัฐนิวเจอร์ซีย์และโอไฮโอเป็นผู้ให้บริการจัดหาสุนัขตำรวจที่ปลดเกษียณแล้ว มาช่วยดมกลิ่นสืบหายาเสพติดในห้องนอนของเด็กวัยรุ่น สุนัขตำรวจที่ผ่านการฝึกมาอย่างช่ำชองจะตรวจพบกลิ่นกัญชา แม้จะอยู่ไกลออกไปถึง 5 เมตร ทั้งยังได้กลิ่นยาเสพติดหลงเหลือติดอยู่ตามที่นอน แม้เด็กวัยรุ่นจะเสพยาผ่านมาได้สองวันแล้วก็ตาม

ถ้าสุนัขได้กลิ่นยาเสพติด มันก็จะนั่งลงเพื่อบอกให้รู้ว่า มีการใช้ยาเสพติดในห้องนี้ จากนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องไปคาดคั้นเอาความจริงกับลูกต่อไป การส่งสุนัขตำรวจไปดมกลิ่นในห้องนอนของเด็กวัยรุ่นจะต้องทำอย่างเป็นความลับ โดยที่ไม่ให้เด็กรู้ตัว

บริษัท สนิฟฟ์ ด็อกส์ ก่อตั้งขึ้นโดยคุณแม่ลูกสองรายหนึ่ง ซึ่งบังเอิญไปสืบรู้ว่า ลูกชายคนโตเสพกัญชา จึงเป็นแรงดลใจให้คุณแม่รายนี้ คิดก่อตั้งบริษัทที่ไปว่าจ้างสุนัขตำรวจปลดเกษียณมาช่วยดมกลิ่นหายาเสพติดในห้องนอนของลูก จากสถิติพบว่า มีเด็กวัยรุ่นอเมริกันถึงครึ่งหนึ่งที่เคยลองเสพกัญชา และมักจะแอบเสพอยู่ภายในห้องนอนหลังกลับจากโรงเรียน. -สำนักข่าวไทย

2008-10-25 14:28:25

สหรัฐฝึกกองกำลังปากีสถานสู้ก่อการร้าย ​

​

อิสลามาบัด 25 ต.ค.

 

ผมก็ว่าดีนะครับท่าน มีข้อมูลใดๆ ก็มาดูกันที่นี่
โมทนา .. ครับท่าน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ฮุนเซน" เคาะกะลาทะเลาะไทยหาเหตุถอยขับไล่ J10?</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 ตุลาคม 2551 23:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่าเฉิงตู J10 (Chengdu J10) เครื่องบินขับไล่โจมตียุคใหม่ของจีน หน้าตาคล้ายๆ กับเอฟ16 แต่มีสมรรถนะเหนือกว่าเอฟ16 ที่มีใช้ในกองทัพไทย และอาจจะเป็นเป้าหมายของสมเด็จฯ ฮุนเซนซึ่งกำลังจะไปเยือนจีนปลายเดือน ต.ค.นี้ </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผู้จัดออนไลน์-- อาจจะมีหลายเหตุการณ์ ที่สามารถเชื่อมโยงเข้ากันได้และมีหลายเหตุผลที่สามารถใช้อธิบายการกล้าท้าทายอำนาจกองทัพไทยของผู้นำที่ทรงพลังแห่งกัมพูชาคือ สมเด็จฯ ฮุนซน ในวันจันทร์ (13 ต.ค.) ที่ผ่านมา

แต่ไม่มีผู้ใดที่เชื่อว่า ความกล้าหาญยื่น “คำขาด" ให้ไทยถอนทหารออกจากเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวอ้างสิทธิ์นั้น จะไม่มีวาระซ่อนเร้นต่างๆ อยู่เบื้องหลัง

และเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ผู้นำของกัมพูชากำลังใช้การเผชิญหน้ากับการปะทะด้วยอาวุธตามแนวชายแดนกับไทย อ้างความชอบธรรมในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งของกองทัพ

เป้าหมายการเสริมเขี้ยวเล็บของกัมพูชา ยังอาจจะรวมถึงเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบเฉิงตู J10 สักฝูงหนึ่งด้วย

ตามตัวเลขปี 2544 กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชาที่มีกำลังพลประจำการประมาณ 190,000 คน และยังคงพยายามลดลงเรื่อยเพื่อประหยัดงบประมาณรายจ่าย เทียบไม่ได้กับกองทัพไทยที่แข็งแกร่งมีกำลังพล 300,000 มีเครื่องบินรบทันสมัยเอฟ16

กองทัพบกของไทยยังมีฝูงบินเฮลิคอปเตอร์จู่โจม มียานลำเลียงพลหุ้มเกราะทันสมัยที่ผลิตในสหรัฐฯ มีกองทัพรถถังทั้งที่ผลิตในจีนและจากโลกตะวันตก มีปืนใหญ่ขนาด 155 ม.ม. และราชนาวีไทยยังมีกองเรือรบใหญ่โตคุ้มกันน่านน้ำ

ทั้งหมดนี้สำหรับผู้นำกัมพูชายังเป็นเพียงแค่ความฝัน

ปัจจุบันกองทัพกัมพูชามีอาวุธปืนประจำกายหรืออาวุธเบาต่างๆ อย่างเหลือเฟือ แต่เกือบทั้งหมดเป็นของตกค้างจากยุคสงคราม 20-30 ปีก่อน และ อยู่ในสภาพขาดแคลนอย่างหนักอาวุธที่สามารถยิงทำลายหรือยิงสนับสนุนระยะปานกลางและระยะไกล

เขี้ยวเล็บน่าเกรงขามของกองทัพกัมพูชาที่เหลืออยู่จึงมีเพียงขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานแบบ SAM7 แบบเล็งประทับบ่ายิงที่ผลิตในรัสเซียและยังไม่เคยได้ใช้การเลยในช่วง 30 ปีมานี้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>เขี้ยวเล็บผุๆ --- ภาพถ่ายวันที่ 17 ธ.ค.2550 เครื่องบินรบซึ่งเจ้าหน้าที่กัมพูชาบอกว่าเป็น มิก 21 จำนวนกว่า 10 ลำ จอดเรียงรายกันกลางแจ้งที่สนามบินทหาร ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของท่าอากาศยานโปเจินตง นักการทูตกล่าวว่ากองทัพกัมพูชากำลังแสวงหาเครื่องบินรบรุ่นใหม่และอาวุธทันสมัยยุคใหม่เข้าใช้แทนอาวุธที่ส่วนใหญ่ตกค้างมากจากยุคสงครามเย็น [SIZE=+0]</CENTER>[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>เชื่อว่าในกองทัพกัมพูชายังมีประจำการอยู่นับร้อยชุดแม้ว่าจะมีการทำลายไปแล้วกว่า 200 ชุดตั้งแต่ปี 2547 โดยการสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่เกรงว่าอาวุธร้ายแรงนี้จะตกถึงมือกลุ่มก่อการร้าย และเป็นภัยข่มขู่ต่อการบินพลเรือน

อาวุธทุกชนิดรวมทั้งอาวุธหนักเช่นปืนใหญ่ 120, 122 ม.ม. รถถังขนาดต่างๆ ที่ผลิตในรัสเซียล้วนเป็นของตกรุ่น เก่าแก่ ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพขึ้นสนิมเขรอะ

เมื่อเกิดการเผชิญหน้าทางทหารกับไทยในเขตเขาพระวิหารในเดือน ก.ค.ปีนี้ ทั่วโลกได้เห็นภาพทหารกัมพูชานั่งขัดปืนอาก้า ซึ่งเป็นอาวุธประจำที่ถูกสนิมกัดกร่อนจนชิ้นส่วนต่างๆ กลายเป็นสีแดง ทหารอีกกลุ่มหนึ่งถอดปืนกลกับปืนไร้แรงสะท้อนออกเป็นชิ้นๆ เอาน้ำมันชโลม

ทหารเหล่านั้นขัดถูสนิมและชโลมน้ำมันอย่างเร่งรีบ เพื่อให้ทันเวลาใช้งาน ขณะที่พลพรรคกว่า 1,000 คน กำลังเผชิญหน้ากับทหารไทยอีกราว 500 นายอย่างใกล้ชิดในเขตวัดแห่งหนึ่งใกล้กับปราสาทพระวิหาร

แต่สภาพเช่นนี้กำลังค่อยๆ เปลี่ยนไป

การออกทายท้าพลังอำนาจกองทัพไทยของสมเด็จฯ ฮุนเซน ยังมีขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐฯ กำลังกระชับแนบแน่น ซึ่งรวมทั้งความร่วมมือด้านกลาโหมด้วย แม้สหรัฐฯ จะยังยืนว่าสองฝ่ายไม่มีการร่วมมือใดๆ อันเกี่ยวกับอาวุธก็ตาม

ในวันที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ยื่นคำขาดทหารไทยถอนไปจากดินแดนที่กล่าวอ้างว่าเป็นของกัมพูชานั้น เรือพิฆาตมัสติน (Mustin) ของกองทัพเรือแปซิฟิกสหรัฐฯ กำลังจอดทอดสมออยู่ที่ในทะเลนอกฐานทัพเรือเรียม (Ream) เมืองสีหนุวิลล์

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพจากปี 2536 เครื่องบินขับไล่โจมตีแบบมิก (Mikoyan) ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียต เคยเป็นเขี้ยวเล็บสำคัญของกองทัพกัมพูชา ปัจจุบันสนิมเขรอะและไม่ได้ขึ้นบินมานับสิบปีแล้ว สมเด็จฯ ฮุนเซนกำลังตีเกราะเคาะไม้พยายามสร้างความชอบธรรมเพื่อหาของเล่นใหม่ในสนามรบ </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ในเดือน ก.ค. ปีนี้ สหรัฐฯ ได้มอบรถบรรทุกทหารยีเอ็มซีที่ปลดประจำการแล้วกว่า 60 ลำให้แก่กัมพูชา

ปีที่แล้วจีนได้มอบเรือลาดตระเวนชายฝั่งติดอาวุธให้กัมพูชาจำนวน 9 ลำจากทั้งหมด 19 ลำที่ซื้อในราคามิตรภาพ ก่อนหน้านั้นในปี 2549 เวียดนามได้มอบเรือตรวจการณ์ชายฝั่งที่ใหญ่กว่าจำนวน 2 ลำ โดยกล่าวว่าจะนำไปใช้ในภารกิจต่อต้านโจรสลัดและการก่อการร้ายข้ามชาติ

อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 ปีมานี้ไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับปฏิบัติการของโจรสลัด หรือการสกัดกั้นการลักลอบขนอาวุธของกลุ่มก่อการร้ายในเขตน่านน้ำกัมพูชาแม้แต่ครั้งเดียว

**จำเป็นต้องมีอาวุธทันสมัย**

กัมพูชามีบทเรียนในอดีตในปี 2522 ที่กองทัพเวียดนามยาตราข้ามพรมแดน และสามารถเข้ายึดกรุงพนมเปญได้ในเวลาเพียงแต่ 7 วัน ในยุคนั้นฝ่ายเขมรมีแต่ความยะโสโอหัง แต่ไม่มีอาวุธที่ดีพอในการรบ ต้องใช้ปืนอาก้า (AK47) ยิงเครื่องบินรบเวียดนาม

สงครามเย็นได้ผ่านพ้นไป สถานการณ์รอบบ้านก็เปลี่ยนไปมาก กัมพูชาที่ไร้หลังพิงกำลังเผชิญหน้ากับกองทัพที่ใหญ่โตกว่าทางด้านตะวันตก ขณะเดียวกันก็เผชิญกับกองทัพเวียดนามที่กำลังพัฒนาให้ทันสมัยควบคู่ไปกับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ

ในสายตาของนักยุทธศาสตร์แล้ว กัมพูชาไม่ได้มีความสำคัญกับสหรัฐฯ มากมายนักในแง่การทหาร สหรัฐฯ กำลังเร่งเสริมสร้างสัมพันธ์กับเวียดนาม ให้ประเทศนี้แข็งแกร่ง สามารถต่อรองกับจีนที่พยายามคืบคลาน แผ่อิทธิพลเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้

แต่เมื่อบริษัทเชฟรอน (Chevron Corp) จากสหรัฐฯ ประกาศการค้นพบน้ำมันดิบในแปลงสำรวจนอกชายฝั่งในต้นปี 2549 กัมพูชาได้ปรากฏตัวโดดเด่นขึ้นมาทันทีบนแผนที่โลก

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=320 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=320> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ภาพจำลองขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน SAM7 ที่ทำลายไปกว่า 200 ชุดเมื่อปี 2547 ปัจจุบัน เชื่อว่าในกองทัพกัมพูชายังมีขีปนาวุธแบบเดียวกันนี้เหลือประจำการอีกนับร้อยชุด</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>นักวิเคราะห์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจอย่างชาญฉลาดในการเลือกบริษัทน้ำมันจากสหรัฐฯ เป็นรายแรกในการเข้าสำรวจขุดเจาะในเขตน่านน้ำอ่าวไทย ในขณะที่กรณีพิพาทเรื่องน่านน้ำและดินแดนกับไทยยังไม่ได้รับการแก้ไข

อย่างไรก็ตามมหาอำนาจชาติใหม่ที่เริ่มเข้ามีอิทธิพลอย่างสูงในกัมพูชาในช่วงปีใกล้ๆ นี้กลับเป็นคอมมิวนิสต์จีน

ประเทศนี้กำลังให้การสนับสนุนทุกๆ อย่างที่รัฐบาลกัมพูชาร้องขอ ขณะที่บริษัทจีนกำลังสำรวจน้ำมันดิบในเขตนอกฝั่งสีหนุวิลล์ และบริษัทผลิตไฟฟ้าจากจีนอีกหลายบริษัทกำลังสำรวจและก่อสร้างเขื่อน 3-4 แห่งในกัมพูชาขณะนี้

บริษัทเหมืองแร่จากจีนกำลังเพ่งไปที่แหล่งแร่บอกไซต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา บริษัทลงทุนอีกแหลายแห่งได้เข้าครอบครองพื้นที่ ลงทุนก่อสร้างเขตอุตสาหกรรมในสีหนุวิลล์

ในวันเดียวกับที่ยื่นคำขาดให้ไทยถอนทหาร สมเด็จฯ ฮุนเซนได้ประกาศแผนการไปเยือนจีนในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะได้เข้าพบหารือข้อราชการกับผู้นำของจีนหลายคน และกำลังจะขอความช่วยเหลือประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ สำหรับ "โครงการพัฒนา" ที่ไม่เปิดเผย

อย่างไรก็ตามในช่วงวันสองวันหลังการปะทะกับไทยที่ชายแดนด้านภูมะเขือ ช่างภาพของสำนักข่าวต่างประเทศได้บันทึกภาพทหารกัมพูชาถือเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี “เบ41” (B41) ไม่ต่างกับปืนแรงสะท้อน 105 ม.ม.ในสภาพใหม่เอี่ยม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาวุธเหล่านี้ถูกนำเข้าประจำการในยุคหลังสงครามกลางเมือง

นักการทูตในกรุงพนมเปญเคยบอกกับ "ผู้จัดการรายวัน" ในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วว่า กัมพูชากำลังแสวงหา "อาวุธยุคใหม่" ซึ่งอาจจะรวมทั้งปืนกลสำหรับกำลังพล อาวุธยิงสนับสนุนระยะปานกลาง-ระยะไกล และอาจจะรวมถึงเครื่องบินขับไล่โจมตี J10 ซึ่งเป็นเครื่องบินรบรุ่นใหม่ที่กองทัพประชาชนจีนภาคภูมิใจด้วย

**กองทัพยุคใหม่ต้องทันสมัย **

นอกจากนั้นนักการทูตได้พูดถึงเสียงซุบซิบกันในหมู่ทูตทหารในกรุงพนมเปญที่ว่า กำลังจะมีอาวุธใหม่ทันสมัยจะไปถึงมือสมเด็จฯ ฮุนเซนในปีสองปีนี้ อาจจะรวมทั้ง"อากาศยาน" ที่ไม่มีการเปิดเผยเกี่ยวกับประเภทจากฝรั่งเศส และอาวุธรุ่นใหม่ๆ จากรัสเซียด้วย

บางคนกล่าวว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกถ้าหากรัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้ไปเซ็นความตกลงลับๆ ซื้อเฮลิคอปเตอร์จากฝรั่งเศสกับรัสเซีย โดยแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ด้านการสำรวจขุดเจาะน้ำมันในประเทศ

กัมพูชามีเฮลิคอปเตอร์ 2-3 รุ่นที่ผลิตในสหภาพโซเวียตในอดีต แต่ก็มีไม่กี่ลำที่ยังพอขึ้นบินได้ นอกจากนั้นยังมีเฮลิคอปเตอร์ที่ผลิตในฝรั่งเศสอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้งานมาตั้งแต่ยุคองค์การสหประชาชาติเข้าบริหารจัดการประเทศนี้ ก่อนจะมีการเลือกตั้งในปี 2536

เฮลิคอปเตอร์เหล่านั้นสงวนเอาไว้ใช้งานสำหรับการเดินทางของผู้นำหรือบุคคลสำคัญเท่านั้น

กองทัพกัมพูชามีเครื่องบินมิก 17 มิก 19 กับมิก 21ที่ผลิตในสหภาพโซเวียตหายสิบลำ ปัจจุบันมีกว่า 10 ลำจอดตายที่สนามบินทหาร ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของท่าอากาศยานโปเจินตง (Pochentong) เมื่อลงจากเครื่องบินที่สนามบินแห่งนี้ก็จะมองเห็นได้จากระยะไกล

เชื่อกันว่ายังมีเครื่องบินมิกรุ่นเก่านี้อีกจำนวนหนึ่งที่สนามบินพระตะบอง แต่ก็มีสภาพไม่ต่างกัน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ปี 2546-2547 มีการทำลายขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน SA3 นับร้อยลูก โดยการอุปถัมภ์ของสหรัฐฯ ปี 2547 มีการทำลายระบบขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานแบบประทับบ่ายิงจำนวน 234 ชุด โดยอุปถัมภ์ของสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>กองทัพกัมพูชาอยู่กับอาวุธที่ล้าหลังมานานกว่า 2 ทศวรรษ หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลงและมีการทำลายอาวุธชนิดต่างๆ ไปแล้วหลายร้อยตัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าระบบป้องกันของประเทศนี้ไม่เคยมีความจำเป็นในช่วงที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในแต่ละปีกัมพูชาได้ส่งทหารจำนวนมากไปฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ในจีน และในโซเวียต ขณะที่ความร่วมมือคล้ายๆ กันนี้กำลังจะเริ่มขึ้นกับกองทัพสหรัฐฯ ถึงแม้ว่าโอกาสที่จะได้อาวุธทันสมัยจากอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกจะมีอยู่น้อยมากก็ตาม

ระหว่างผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ ไปเยือนในปี 2549 สมเด็จฯ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ว่า กัมพูชามีอาวุธมากพอแล้ว และไม่ต้องการอาวุธใดๆ จากสหรัฐฯ แต่สิ่งที่ต้องการคือ อยากให้ช่วยฝึกคนที่ใช้อาวุธ

ในวันนี้ผู้นำกัมพูชาอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง

**ซื้ออาวุธทันสมัยแพง-ไม่ง่าย**

ถึงแม้ว่าพรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People's Party) ของสมเด็จฮุนเซนจะครองเสียงข้างมากถึง 90% ในสภาผู้แทนราษฎร และเป็นยรัฐบาลที่มีอำนาจเบ็จเสร็จก็ตาม แต่การหาความชอบธรรมในการซื้ออาวุธทันสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศนี้จะขยายตัวเฉลี่ยปีละกว่า 10% ในช่วงปีใกล้ๆ นี้ แต่สองในสามของประชาชน 14 ล้านคน ยังคงมีรายได้ต่ำกว่าวันละ 50 เซ็นต์ คือวันละ 10 กว่าบาทเท่านั้น

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>รถถัง T54 ที่ผลิตในโซเวียตนับร้อยคันปัจจุบันวิ่งได้อยู่ไม่กี่คัน และไม่มีอะไหล่อีกแล้ว สมเด็จฯ ฮุนเซนกำลังมองไปยังรถถังจีน? </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะผลิตข้าวได้เหลือเฟือจนส่งออกได้ปีละ 2 ล้านตัน แต่เด็กอ่อนจนถึงวัยที่เข้าเรียนระดับประถมศึกษา นับแสนๆ คนทั่วประเทศยังต้องพึ่งพาอาหารกลางวันจากองค์การระหว่างประเทศ

นอกจากนั้นในแต่ละปีกัมพูชายังต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศผู้บริจาคนับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงฐานะการเงินการคลังของประเทศ ขณะที่ยังต้องนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคเกือบทุกชนิด รวมทั้งนำเข้าไฟฟ้าจากไทยและนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปถึง 100%

ประเทศผู้บริจาคเหล่านี้คงจะไม่มีความสุข ถ้าหากทราบความจริงว่า ประเทศยากจนที่ชาวโลกกำลังช่วยเหลืออยู่นี้กำลังจะใช้เงินงบประมาณมหาศาลไปในการซื้ออาวุธ

ความชอบธรรมจึงเป็นสิ่งที่สมเด็จฯ ฮุนเซนกับรัฐบาลต้องการมาก ในการเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพ.

</TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000123820

 

<TABLE class=tborder id=post1603586 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>สันโดษ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1603586", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 03:59 AM
วันที่สมัคร: Oct 2007
ข้อความ: 5,201
ได้ให้อนุโมทนา: 18,259
ได้รับอนุโมทนา 43,120 ครั้ง ใน 6,699 โพส
พลังการให้คะแนน: 609






</TD><TD class=alt1 id=td_post_1603586 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">

<!-- icon and title -->10 ปรากฎการณ์ประหลาด จากเหตุ "โลกร้อน!" ​

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>

​

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัย "โลกร้อน" ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ อากาศร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หรือระดับน้ำทะเลโลกสูงขึ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันยังเป็นต้นเหตุของปรากฎการณ์แปลกๆ มากมาย ซึ่งเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญของทะเลสาบ โรคภูมิแพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ วิถีโคจรของดาวเทียมในอวกาศ ฯลฯ!

สารภูมิแพ้แพร่ระบาด​

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นทุกๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ นั่นคือ ประชาชนไอ จาม ป็นภูมิแพ้ และหอบหืดกันง่ายขึ้นและบ่อยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปกับสภาพมลพิษในอากาศ เป็นสาเหตุสำคัญของอาการดังกล่าว​

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า วิกฤตอุณหภูมิโลกร้อนขึ้นและมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น คือต้นเหตุทำให้พืชพรรณต่างๆ ผลิใบเร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันปริมาณละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศก็มากขึ้นเช่นกัน คนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดเมื่อสูดละอองเหล่านี้เข้าไปมากๆ อาการจึงกำเริบง่าย

สัตว์อพยพไร้ที่อยู่​

ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน ทำให้สัตว์บางชนิด เช่น กระรอก ตัวชิปมังก์ หรือแม้กระทั่งหนู ต้องอพยพหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูงขึ้น​

สัตว์ที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ ได้แก่ "หมีขั้วโลก" ที่ในอนาคตอาจมีชีวิตอยู่ในถิ่นฐานเดิมแถบอาร์กติก ขั้วโลกเหนือไม่ได้ เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว

"พืช" ขั้วโลกคืนชีพ​

ช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผลจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะโลกร้อน ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพืชและสัตว์จำนวนมาก ตามปกติ พืชแถบอาร์กติกจะถูกปกคลุมอยู่ในน้ำแข็งตลอดทั้งปี ​

แต่ปัจจุบัน เมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะในช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิต จึงทำให้พืชที่เคยถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกลายเป็นอิสระ สามารถเริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นอีก 1 ปรากฎการณ์ใหม่ของพื้นที่ขั้วโลกเหนือ

ทะเลสาบหายสาบสูญ​

เรื่องประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติก หรือ ขั้วโลกเหนือยังไม่หมดแค่นั้น มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา "ทะเลสาบ" ประมาณ 125 แห่งได้หายสาบสูญไปจากเขตอาร์กติก เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยให้เห็นว่า ภัยโลกร้อนส่งผลกระทบเร็วมากต่อสภาพแวดล้อมแถบขั้วโลก​

สาเหตุที่ทะเลสาบหายไปก็เพราะ "เพอร์มาฟรอส" ที่เป็นน้ำแข็งแข็งตัวอยู่ใต้พื้นทะเลสาบนั้นละลายหมดสิ้นไป ดังนั้น น้ำในทะเลสาบจึงซึมเข้าสู่พื้นดินข้างใต้ได้ เหมือนกับเวลาเราดึงจุกปิดน้ำออกจากอ่างอาบน้ำแล้วน้ำจึงไหลหมดไปจากอ่างนั่นเอง​

นอกจากนี้ การที่ทะเลสาบขั้วโลกหายวับไป ยังส่งผลลูกโซ่ปั่นป่วนไปถึงระบบนิเวศในพื้นที่ที่พึ่งพิงน้ำจากทะเลสาบอีกด้วย

น้ำแข็งใต้พื้นโลกละลาย​

ภาวะโลกร้อนไม่ได้เพียงแค่ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้ชั้นน้ำแข็งถาวรที่มีอยู่ใต้พื้นผิวโลกค่อยๆ ละลายลดปริมาณลงไปเช่นกัน​

ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตก็คือ จุดใต้พื้นโลก ซึ่งเคยเป็นน้ำแข็งหายไปจนเกิดเป็น "รูรั่ว" ใต้ดินขึ้นมา เมื่อเป็นเช่นนี้สภาพทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่ย่อมเปลี่ยนไป ​

สิ่งปลูกสร้าง หรือ สิ่งก่อสร้างของมนุษย์ เช่น ทางรถไฟ ถนน บ้านเรือน ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่เหนือจุดดังกล่าวมีโอกาสได้รับความเสียหายตามไปด้วย ถ้าปรากฎการณ์น้ำแข็งละลายเกิดขึ้นบนที่สูง เช่น ภูเขา จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติตามมา อาทิ หินถล่มและโคลนถล่ม เป็นต้น

ชนวนเกิดไฟป่า​

นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันทั่วโลก ว่าภัยโลกร้อนเป็นสาเหตุให้ธารน้ำแข็งละลายและพายุก่อตัวบ่อยและรุนแรงขึ้นกว่าในอดีต ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะโลกร้อนยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิด "ไฟป่า" ได้ง่ายขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ​

และชาติเมืองหนาวในซีกโลกตะวันตก ซึ่งตามปกติไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไฟป่า ก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้กันแล้ว เหตุเพราะสภาพป่าแห้งกว่าเดิม จึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี

ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงอยู่รอด​

โลกร้อนส่งผลให้หน้าหนาวหดสั้นลง และหน้าร้อนมาถึงเร็วขึ้น บรรดา"นกอพยพ" หลายสายพันธุ์ต่างมึนงง ปรับ "นาฬิกาชีวภาพ"ในตัวของมันให้เข้ากับสภาพความผันแปรของฤดูกาลที่บิดเบี้ยวไปไม่ทัน สัตว์ที่จะเอาชีวิตรอดจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนในทุกวันนี้ได้ต้องเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น ​

ในที่สุดสัตว์ที่อยู่รอดจะต้อง "กลายพันธุ์" หรือปรับพันธุกรรมในตัวมันเสียใหม่ เพื่อรับมือภัยโลกร้อนให้ได้ และมีสัตว์หลายชนิดกำลังวิวัฒนาการตัวเองเช่นนั้นอยู่

ดาวเทียมโคจรเร็วกว่าเดิม​

การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหิน ยวดยานพาหนะ ฯลฯ คือ ตัวการสำคัญของวิกฤตโลกร้อน​

ล่าสุดพบว่า เจ้าก๊าซตัวเดียวกันนี้เองที่ขึ้นไปสะสมมากขึ้นในชั้นบรรยากาศโลก ได้กลายเป็นต้นเหตุทำให้ "ดาวเทียม" ที่อยู่ในวงโคจรโลกเคลื่อนที่เร็วกว่าเดิม​

ตามปกติ อากาศในบรรยากาศชั้นนอกสุดของโลกจะเบาบาง แต่โมเลกุลของอากาศจะยังคงมีแรงดึงดูดมากพอในการทำให้ดาวเทียมโคจรช้าๆ ดังนั้น เราอาจเคยได้ยินข่าวกันมาบ้างว่า ผู้ควบคุมต้องจึดระเบิดดาวเทียมเป็นระยะๆ เพื่อให้ดาวเทียมโคจรต่อไปอย่างถูกต้อง​

อย่างไรก็ตาม เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ลอยไปสะสมในบรรยากาศชั้นล่างมากไป จะทำแรงดึงดูดของบรรยากาศชั้นนอกสุดลดกำลังลง ดาวเทียมจึงโคจรเร็วกว่าปกติ

ภูเขากระเด้งตัวเหนือพื้นโลก​

ภูเขาและเทือกเขาสูงหลายแห่งทั่วโลกกำลังขยายตัว "สูง" ขึ้น เพราะผลจากโลกร้อน! นั่นเป็นเพราะ ตามธรรมชาติที่ผ่านๆ มานับพันปี ยอดภูเขาในเขตหนาวเย็นโดยทั่วไปจะมี "น้ำแข็ง" ปกคลุมอยู่ ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตุ้มน้ำหนักที่คอยกดทับให้ฐานล่างของภูเขาทรุดต่ำลงไปใต้พื้นผิว​

เมื่อน้ำแข็งบนยอดเขามลายสูญสิ้นไป ส่วนฐานล่างที่เคยถูกกดจมดินลงไปจะค่อยๆ กระเด้งคืนตัวกลับมาเหนือผิวโลกอีกครั้ง

โบราณสถานเสียหาย​

โบราณสถาน เมืองเก่าแก่ ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ อันเป็นสิ่งแสดงถึงวัฒนธรรมอันรุ่งเรื่องของมนุษย์ในอดีตได้รับผลกระทบจากโลกร้อน
เหตุเพราะโลกร้อนทำให้อากาศทั่วโลกแปรปรวน ทั้งเกิดพายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และล้วนแต่ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับมรดกตกทอดทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมอยู่แล้ว​

โบราณสถานอายุ 600 ปีในจังหวัดสุโขทัยของประเทศไทยเรา ก็เคยเสียหายอย่างหนักเพราะภัยน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากภัยโลกร้อน มาแล้วเช่นกัน ​

ข้อมูลและภาพประกอบจาก ​

​

<!-- / message --><!-- sig -->__________________

มอบพระบรมสารีริกธาตุฟรีเนื่องในวันปิยะมหาราช 555 ชุด
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=155073

 

สธ.พบผู้ต้องขังติดเชื้อวัณโรคเกือบ 2,000 คนทั่วประเทศ​

​

นครราชสีมา 26 ต.ค.-กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ต้องขังติดเชื้อวัณโรคเกือบ 2,000 คนทั่วประเทศ เร่งควบคุมลดการแพร่เชื้อ

นพ.ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยขณะเดินทางตรวจการดำเนินงานป้องกันควบคุมวัณโรคในทัณฑสถานหญิง นครราชสีมา หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อทำให้เรือนจำทั่วประเทศปลอดจากวัณโรค โดยยังพบผู้ต้องขังติดเชื้อวัณโรคราว 1,800 คน หรือร้อยละ 10 จาก 141 เรือนจำ เพราะความแออัด ระบบระบายอากาศไม่ดี จึงได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศตรวจหาวัณโรคในผู้ต้องขังรายใหม่ทุกราย และให้กินยาจนหายขาด ทำความสะอาดฆ่าเชื้อเรือนนอนและเครื่องนอนไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

สถานการณ์วัณโรคในไทยยังเป็นพื้นที่มีปัญหาติดอันดับ 18 ใน 22 ประเทศทั่วโลก เพราะยังพบผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ปีละ 90,000 ราย ครึ่งหนึ่งยังพร้อมแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

2008-10-26 08:18:06

กรมอุตุฯ เตือนภาคกลาง-ใต้ตอนบน ระวังน้ำท่วมฉับพลัน​

​

สำนักข่าวไทย 26 ต.ค.-กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนพื้นที่ภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบนให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน เพราะฝนตกหนัก

ล่าสุดหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมอ่าวไทยตอนบนได้เคลื่อนขึ้นไปปกคลุม จ.เพชรบุรีและราชบุรีแล้ว คาดจะเคลื่อนตัวสู่ทะเลอันดามันในเช้าวันนี้ แต่ยังทำให้พื้นที่ด้านตะวันตกของภาคกลางและภาคใต้ตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมาก จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น จ.อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ระมัดระวังอันตรายจากสภาพฝนตกหนัก ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนชาวเรือให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือช่วง 1-2 วันนี้ด้วย

สำหรับความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่เสริมปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นลง 1-2 องศา และมีลมแรง ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ และฝนตกหนักบางแห่ง.-สำนักข่าวไทย

2008-10-26 07:12:50

ตรวจพบเมลามีนปนเปื้อนเกินมาตรการเพิ่มอีก 3 รายการ​

​

กรุงเทพฯ 25 ต.ค.- อย.ตรวจพบสารเมลามีนปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์ 3 รายการ คือ สตรอเบอร์รี่สติ๊ก ฮาจูกุ - พีนัทแครกเกอร์ไส้ครีม ตราจูลี่ส์ และขนมปังกรอบรูปหมีโคอะล่า เกินเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมแจ้งบริษัทนำเข้า ผู้ค้าปลีก และ สสจ.เรียกคืนสินค้าออกจากท้องตลาดแล้ว

นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า อย.ได้รับแจ้งผลการวิเคราะห์สารเมลามีนในอาหารจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปรากฏพบสารเมลามีนในปริมาณที่สูงเกินเกณฑ์ที่ อย.กำหนด 3 รายการ ได้แก่

1.สตรอเบอร์รี่สติ๊ก ตรา ฮาจูกุ เลขสารบบ อย 10-3-12535-1-1445 วันหมดอายุ 20/06/2009 ซึ่งมีลักษณะเป็นขนมปังแท่งเคลือบครีมสตรอเบอร์รี่ ผลิตที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท แพร์รี่มาร์เก็ตติ้ง จำกัด พบสารเมลามีน 5.07 มิลลิกรัม/กิโลกรัม

2.พีนัทแครกเกอร์ไส้ครีม ตราจูลี่ส์ เลขสารบบ 96-4-00136-2-0005 วันหมดอายุ 30/08/2009 ผลิตที่ประเทศมาเลเซีย นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท มาร์คกิ้นส์อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด พบสารเมลามีน 2.52 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และ

3.ขนมปังกรอบ รูปหมีโคอะล่า สอดไส้ครีมรสช็อกโกแลต ตราโคอะล่า เลขสารบบ 10-3-13241-1-0299 วันหมดอายุ 06/04/2009 ผลิตที่สาธารณรัฐประชาชนจีน นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท ซันฟู้ดส์ เทรดดิ้ง จำกัด พบสารเมลามีน 3.16 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงเกินเกณฑ์ที่ อย. กำหนด โดย อย.ได้กำหนดมาตรฐานให้พบได้ไม่เกิน 2.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม

นอกจากนี้ อย.ได้ไปตรวจสอบยังสถานที่นำเข้า และเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ฮาจูกุรุ่นอื่น ๆ มาตรวจสอบเพิ่มเติม 3 รายการ อายัดไว้ที่โกดังจำนวน 1999 ลัง ๆ ละ 72 กล่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค อีกทั้ง แจ้งบริษัทผู้นำเข้า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และผู้ค้าปลีก ให้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ ตราฮาจูกุ ทั้งหมด ที่ยังไม่ผ่านการรับรองผลการตรวจวิเคราะห์ ลงจากชั้นวางจำหน่ายก่อน จนกว่าจะได้รายงานผลตรวจวิเคราะห์ ยืนยันความปลอดภัย หากทราบผลการตรวจวิเคราะห์ อย. จะแจ้งให้ผู้บริโภคทราบต่อไป

นพ.พิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่มีกรณีสารปนเปื้อนเมลามีน อย. ได้เข้มงวดและสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ทั้งนำเข้าและส่งออกมาโดยตลอด ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจการดำเนินงานของ อย. และขอให้ติดตามข้อมูลผ่านทาง www.fda.moph.go.th ซึ่งจะมีการรายงานผลการตรวจวิเคราะห์หาสารเมลามีนในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นประจำทุกวัน .- สำนักข่าวไทย

2008-10-25 10:02:57

กรรมการสมาคมค้าทองคำมีมติไม่ขายทองแท่งในวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์​

​

กรุงเทพฯ 25 ต.ค.- นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนมีความต้องการซื้อขายทองคำแท่งล่วงหน้า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ได้แสดงให้เห็นว่าประชาชนมองว่าการฝากเงินกับสถาบันการเงินอาจประสบปัญหาในอนาคต แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกมาระบุว่า สภาพคล่องสถาบันการเงินในประเทศยังแข็งแกร่ง แต่นักลงทุน และประชาชน นำเงินฝากของตนเองมาซื้อขายทองคำล่วงหน้าเก็บไว้แทน

ล่าสุด คณะกรรมการของสมาคมค้าทองคำได้มีมติหยุดการซื้อขายทองคำแท่งในวันหยุด ซึ่งรวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งสมาคมจะประชาสัมพันธ์เหตุผลให้ประชาชนทราบ และในวันนี้ (25 ต.ค.) เป็นวันแรกที่มีประชาชนที่ไม่ทราบข่าว มาซื้อขายทองคำแท่ง แต่ทางสมาคมค้าทองคำได้ออกหนังสือชี้แจงผ่านร้านทองไปแล้ว

นายจิตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่สมาคมค้าทองคำหารือกับกระทรวงคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทุกฝ่ายมีความเห็นว่าประเทศไทยควรมีตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า เหมือนการซื้อขายหลักทรัพย์ และสินค้าเกษตรล่วงหน้า ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. ได้มีการว่าจ้างให้นักวิชาการศึกษารูปแบบการซื้อสินค้าทองคำล่วงหน้า อย่างไรก็ตาม หลังนำผลศึกษามาหารือสมาคมค้าทองคำ สมาคมฯ เห็นว่ามีจุดอ่อนหลายอย่างต้องได้รับการปรับปรุง

ดังนั้น ก.ล.ต.มอบหมายให้สมาคมฯ ช่วยพิจารณารูปแบบการขายทองคำหากประเทศไทยมีตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าก็จำเป็นต้องมีหน่วยงานที่กำกับดูแล ออกมาตรการควบคุม เพื่อไม่่ให้ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องการซื้อขายถูกกลุ่มที่มีความรู้เรื่องทองคำจากต่างประเทศที่ฉวยโอกาสเข้ามาเก็งกำไร และปั่นราคา ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยของไทยขาดทุน โดยรัฐบาลก่อนหน้านี้ ระบุว่าจะดำเนินการให้มีตลาดสินค้าทองคำล่วงหน้าปลายปีนี้ แต่เมื่อมีการหารือกับกระทรวงการคลัง และ ก.ล.ต.คาดว่าประเทศไทยจะเปิดตลาดสินค้าทองคำล่วงหน้าได้ประมาณปีหน้า.-สำนักข่าวไทย

2008-10-25 16:54:57

ที่มา http://news.mcot.net

 

โหร คมช.ฟันธง
จะมีการยุบสภาเกิดขึ้นในปี 2551 นี้​

​

นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หมอดูชื่อดังเจ้าของฉายา "โหร คมช." ได้กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ว่า อีก 2-3 วันนี้จะมีการปะทะกันของกลุ่มบุคคล เป็นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง และการแก้ไขปัญหาคือการหันหน้าเข้าหากัน ​

จะมีการปฏิวัติรัฐประหารจากเหตุปะทะกันหรือไม่ ​

นายวารินทร์ : การปฏิวัติในรูปแบบเดิมคงไม่มี แต่ทหารจะเข้ามาดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด และทุกฝ่ายต้องออกมาช่วยกัน อย่างไรก็ตาม อาจมีการปะทะกันบ้างในปีนี้ แต่สามารถป้องกันได้ บทบาทของแต่ละกลุ่มทุกกลุ่มควรจะถอยกันคนละก้าวเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ​

วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ที่กลุ่มเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นัดชุมนุม และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะปราศรัยข้ามทวีป จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ ​

นายวารินทร์ : จะต้องมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยจะเกิดการปะทะกันและมีการเปลี่ยนแปลง บางอย่าง คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงยังไม่ได้ปราศรัยข้ามประเทศ เพราะอาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่เกิดขึ้นก่อนอยู่ในช่วงสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีการปฏิรูปและหาทางออกได้ ทำให้เหตุการณ์ที่คาดการณ์กันก็จะไม่ล่วงเลยไปถึงวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ การแก้ไขปัญหาอีกทางหนึ่งคือการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาของชาติ เพราะปัจจุบันใครขึ้นมาเป็นนายกฯหรือรัฐบาลก็จะมีเรื่อง ดังนั้นคนทุกกลุ่มต้องลุกขึ้นมาช่วยกัน ​

ปีนี้จะมีการยุบสภาหรือไม่ ​

นายวารินทร์ : แน่นอน จะเกิดขึ้นในปีนี้ สถานการณ์การเมืองในปีหน้าจะค่อยๆ ดีขึ้น ​

มองเห็นผู้นำประเทศคนใหม่หรือยัง ​

นายวารินทร์ : เวลานี้ยังไม่ปรากฏที่จะมีใครขึ้นมาเป็นผู้นำ ​

คนในชาติมีการแบ่งกลุ่มเป็นสีแดงและสีเหลือง ​

นายวารินทร์ : เรื่องสีไม่ได้เกี่ยวข้องกับคน แต่ทำไมคนถึงไม่หันหน้ามาคุยกัน เอาหลักความจริงมาคุยกันดีกว่า เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาของชาติ ​

อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณถูกศาลจำคุก 2 ปี จะกลับมาเมืองไทยได้หรือไม่ ​

นายวารินทร์ : สิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรม เราก็ต้องยอมรับคำพิพากษา แต่คิดว่าใครที่สร้างกรรมขึ้นมา คนผู้นั้นต้องได้รับกรรม และกรรมในครั้งนี้ไม่มีหนทางที่จะแก้กรรมได้ ​

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
​

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/30270​

 

ประชาชนแห่ซื้อทองรูปพรรณย่านเยาวราชจำนวนมาก​

​

กรุงเทพฯ 26 ต.ค.-ประชาชนหันไปซื้อทองรูปพรรณมากขึ้น หลังจากร้านทองส่วนใหญ่งดขายทองคำแท่งในช่วงวันหยุด

หลังจากสมาคมค้าทองคำได้ออกมาตรการงดจำหน่าทองคำแท่งวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เมื่อวานนี้เป็นวันแรก ประชาชนจึงหันไปซื้อทองรูปพรรณมากขึ้น บรรยากาศการซื้อทองย่านเยาวราชวันนี้ จึงคึกคัก นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ยอดขายทองรูปพรรณขณะนี้กระเตื้องขึ้น โดยสมาคมฯ ยืนยันที่จะยังงดจำหน่ายทองคำแท่งในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ต่อไปโดยไม่มีกำหนด

เนื่องจากผู้ประกอบการหาซื้อทองคำแท่งในตลาดยากขึ้น ขณะที่ผู้ค้าหลายรายยอมรับว่า ขณะนี้ประชาชนที่หันมาซื้อทองรูปพรรณจะซื้อในปริมาณมากขึ้น ซึ่งเป็นการซื้อเพื่อเก็บสะสม ไม่ใช่เก็งกำไร ส่วนหลังจากนี้ในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์จะมีทองคำแท่งออกมาจำหน่ายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับร้านทองแต่ละแห่งว่า จะสามารถซื้อทองจากต่างประเทศได้มากน้อยเพียงใด ปัจจุบันร้านทองคำส่วนใหญ่สั่งซื้อจากตลาดฮ่องกงและนิวยอร์ก ขณะนี้ทองคำในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลง จากการเทขายของผู้ค้าทองคำในตลาดโลกจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

2008-10-26 13:14:07

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังเป็นขาลง​

​

กรุงเทพฯ 26 ต.ค. - บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 432.87 จุด ปรับลดลงร้อยละ 8.16 จาก 471.31 จุด ในสัปดาห์ก่อน และร่วงลงร้อยละ 49.55 จากสิ้นปี 2550

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์ลดลงร้อยละ 53.29 จาก 89,692.82 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 41,896.12 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ลดลงจาก 17,938.56 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 8,379.22 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 5,087.79 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 4,146.30 ล้านบาท และ 941.49 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ดัชนีปิดที่ 161.25 จุด ปรับตัวลง ร้อยละ 6.07 จาก 171.67 จุดในสัปดาห์ก่อน และร่วงลงร้อยละ 40.80 จากสิ้นปีก่อน

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลว่าปัญหาวิกฤตการเงินอาจนำมาสู่ภาวะเศรษฐกิจหดตัวทั่วโลก โดยในวันจันทร์ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจากที่ภาวะสภาพคล่องในตลาดเงินระยะสั้นเริ่มผ่อนคลายและปรับขึ้นต่อในวันอังคาร จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานและอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยหนุนตลาด ส่วนในวันพุธ ดัชนีปิดปรับตัวลดลง ตามตลาดหุ้นภูมิภาค โดยดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดนลบตลอดวัน ขณะที่มีแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยกลุ่มพลังงานและธนาคาร และดัชนีหุ้นไทยปรับลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปีในวันศุกร์ ตามตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่ร่วงลงแรง โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและธนาคาร

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนียังมีแนวโน้มปรับตัวอยู่ในกรอบขาลง แม้อาจฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง โดยมีปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญได้แก่ ความกังวลต่อวิกฤตการเงินที่อาจนำมาสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก การปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค ผลการประชุมนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตลอดจนการรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2551 ของสหรัฐ ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 370-410 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 454 - 470 จุด ตามลำดับ. - สำนักข่าวไทย

2008-10-26 09:58:38

บุรีรัมย์แมลงนูนหลวงระบาด ซ้ำยาฆ่าไม่ได้ผล​

​

บุรีรัมย์ 26 ต.ค. - นายสมบูรณ์ ซารัมย์ เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่บ้านปลื้มใต้ ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ ติดตามปัญหาแมลงนูนหลวงระบาดไร่มันสำปะหลังของเกษตรกรแล้วกว่า 500 ไร่ เนื่องจากแมลงนูนที่เป็นตัวอ่อนขนาดความยาว 2-5 เซนติเมตร จะฝังอยู่ในดินกินหัวมันตัวละ 40-50 ตัว ทำให้หัวมันเน่าเสีย เมื่อตัวแก่เต็มวัยจะกลายเป็นแมลงลงปีกแข็ง

แมลงนูนหลวงปกติอาศัยอยู่ตามธรรมชาติในป่า แต่หลังจากป่าถูกบุกรุกทำลายมากขึ้น ทำให้อพยพหนีมาอยู่ตามพืชไร่ โดยเฉพาะอ้อยและมันสำปะหลัง ที่สำคัญไม่สามารถใช้ยาฆ่าแมลงกำจัดได้ ถือเป็นเรื่องด่วนที่จะต้องรายงานให้ศูนย์บริหารศูนย์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งหาวิธีกำจัดก่อนที่ลุกลามมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นแนะให้เกษตรกรเก็บกู้มันสำปะหลังไปขายก่อนที่หัวมันจะเน่าเสียหาย หากใช้สารเคมีกำจัดเกษตรกรจะมีค่าใช้จ่ายสูงไม่คุ้มกับการลงทุน. - สำนักข่าวไทย

2008-10-26 11:43:58

เรียกร้องให้ตรวจคุณภาพน้ำในเขื่อนลำปาวหลังพบปลาตายจำนวนมาก​

​

กาฬสินธุ์ 26 ต.ค.-ผู้เลี้ยงปลาในกระชัง จังหวัดกาฬสินธุ์ เรียกร้องเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบคุณภาพน้ำในเขื่อนลำปาว หลังพบปลาในกระชังทยอยตายจำนวนมาก

นายสังเวียน ฤทธิ์มนตรี ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงปลากระชัง บ้านท่าเรือ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยหลังตรวจพบปลากระชังของเกษตรกรกว่า 100 ราย ทยอยตาย โดยเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากคุณภาพน้ำในเขื่อนลำปาว เนื่องจากมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ กลุ่มสหกรณ์ผู้เลี้ยงปลายังประสบกับปัญหาต้นทุนการผลิตสูง หัวอาหารแพงกว่าปกติถึงเท่าตัว จากเดิมถุงละ 350 บาท เพิ่มเป็น 630 บาท รวมทั้งลูกปลานิลราคาสูงถึงตัวละ 3 บาท จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างเร่งด่วน และให้ผู้เกี่ยวข้องหามาตรการควบคุมราคาอาหารปลาด้วย.-สำนักข่าวไทย

2008-10-26 10:44:43

ที่มา http://news.mcot.net/economic/

 

อนุโมทนาบุญ & อนุโมทนาบาป​

​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>อนุโมทนาบุญ หมายถึง ยินดีกับการทำความดีของคนอื่นเขา เราก็จะพลอยได้บุญไปด้วย เพราะว่าใจเราจะใส และทำให้ผู้ที่ได้ยินนั้นมีกำลังใจในการทำความดีด้วย ดังนั้นก็จะทำให้เขาได้ทำความดียิ่งๆขึ้นไป

******************************************​

​

​

อนุโมทนาบาป หมายถึง ยินดีกับการกระทำความชั่วของผู้อื่น เราก็จะพลอยได้บาปไปด้วย เพราะว่าใจจะขุ่นมัว อยากให้เขาได้รับความทุกข์อย่างสาสม ผู้ที่กำลังจะทำบาปก็พลอยมีกำลังใจในการกระทำความชั่วของตน ก็ยิ่งทำความชั่วยิ่งๆขึ้น​

ถึงแม้การทำบาปนั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง(ตามกฎหมาย) เช่นการประหารชีวิตผู้อื่น ทุกคนพากันแซ่ซ้องว่าถูกต้อง ดีแล้วตายๆไปเถอะคนเลวๆอย่างนั้น ทางโลกอาจจะถูกต้อง แต่มันไม่ถูกกฎแห่งกรรม แต่ละคนไม่มีสิทธิที่จะตัดสินประหารชีวิตใครได้ ทุกคนเกิดมาอยากเป็นคนดีทั้งนั้น เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าความดีควรจะต้องทำอย่างไร ทำชั่วแล้วจะไปเป็นอะไร เขาขาดปัญญาตรงนี้ ​

ถึงจะประหารชีวิตเขาไป มันก็ไม่ได้แก้ไขที่ตรงจุด ภพชาติต่อไปอาจมีการแก้แค้นเกิดขึ้น ไม่รู้จบสิ้น และเขาก็ยังคงเป็นผู้ไม่รู้อยู่ดี ทางแก้ที่ถูกต้องและถาวรก็คือ ต้องใช้ธรรมะสอนให้รู้ว่าคนเราเกิดมาทำไม กฎแห่งกรรมเป็นอย่างไร หยุดการจองล้างจองผลาญกัน อโหสิให้แกกันและกัน มันก็จะไปตัดวงจรการจองเวร ห้ำหั่นกันได้ในที่สุด​

เมื่อได้ยินว่ามีการประหารชีวิตเกิดขึ้นก็ต้องอุเบกขา และคิดว่ามันเป็นกรรมของสัตว์โลก อย่าไปพลอยยินดีด้วย เทียบได้กับการที่คนที่เราไม่ชอบหน้า เกิดพลาดพลั้งเสียชีวิตหรือได้รับความทุกข์ยาก ก็อย่าไปสมน้ำหน้าเขา เช่นกัน
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://leewern.diaryclub.com/20050709/0/0/blog.html​

 

เดี๋ยวนี้ผมเย็นลงไปแยะแล้วครับท่าน

เออ ... ว่าแต่ว่าเหอะ ใครมันทำนายเรื่องสตอมเซิร์จ ที่จะเกิดขึ้นภายในเดือน สค. กย. ตค. ปี 2551

มุดหัวอยู่ไหนหรือครับท่าน ออกมารับผิดชอบต่อสังคมหน่อย ก็ดีนะครับ

ผิดพลาดไม่เป็นไร แต่อย่าให้มันผิดบ่อยก็แล้วกัน นะครับท่าน