(ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งของดี) บริจาคปัจจัย 599 บาท เพื่อร่วมสร้างศาลาเอนกประสงค์กับพระป่าสุปฏิปันโน รับ "สมเด็จปู่เฒ่า" สุดยอดวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของหลวง

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย lekjingjing, 10 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    (ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งของดี) บริจาคปัจจัย 599 บาท เพื่อร่วมสร้างศาลาเอนกประสงค์กับพระป่าสุปฏิ

    ขอเชิญสมาชิกผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันทำบุญกับ "หลวงปู่บุญจันทร์ อุชุโก" พระป่าสุปฏิปันโน พระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต รายได้ทั้งหมด(ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น) เพื่อนำไปสร้างศาลาเอนกประสงค์ให้กับ วัดโกสิยคุณ(โกสีย์) ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

    โดยผมขอมอบ "สมเด็จปู่เฒ่า" ที่ผมได้ทำบุญบูชามาจากวัดสีลสุภาราม ให้กับสมาชิกที่ร่วมทำบุญกับหลวงปู่ในครั้งนี้ครับ

    สำหรับวัตถุมงคลทั้งหมดที่ผมนำมามอบเป็นของที่ระลึกสำหรับสมาชิกที่ร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อช่วยหลวงปู่สร้างศาลาเอนกประสงค์ในครั้งนี้ เป็นวัตถุมงคล "ส่วนตัว"ของผม ที่ผมสะสมไว้เองทั้งสิ้นครับ





    รายการวัตถุมงคลที่นำมามอบเป็นของที่ระลึกในการทำบุญ

    --- สมเด็จปู่เฒ่าสีเหลืองอมน้ำตาล ---
    (มอบเป็นที่ระลึกสำหรับท่านที่ทำบุญตั้งแต่ 599 บาท ขึ้นไป)

    พระมหาปิยะ 1 องค์ --โอนเงินแล้ว (ร่วมทำบุญ 700 บาท)
    คุณสิงโตหิน 1 องค์ --โอนเงินแล้ว (ร่วมทำบุญ 599 บาท)
    คุณJantip 2 องค์ -- โอนเงินแล้ว (ร่วมทำบุญ 1600 บาท)
    คุณหนึ่ง1 1 องค์ -- โอนเงินแล้ว (ร่วมทำบุญ 1199.99 บาท)
    คุณ BKKNAJA 1 องค์ --โอนเงินแล้ว (ร่วมทำบุญ 1699 บาท)
    คุณyurirun 1 องค์ --โอนเงินแล้ว (ร่วมทำบุญ 1000 บาท)
    คุณหน้าใสใส 1 องค์ --โอนเงินแล้ว (ร่วมทำบุญ 1058.88 บาท)
    คุณzero3 1 องค์ --- โอนเงินแล้ว 3600 บาท (ยกยอดไปรอบ2)



    --- เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่บุญจันทร์ อุชุโก เนื้อทองแดง ---
    (มอบสำหรับท่านที่ทำบุญ 199 บาท ขึ้นไป)
    **มีทั้งหมด 23 เหรียญ**

    คุณKikhoh 1 เหรียญ --(โอนเงินแล้ว - ร่วมทำบุญ 200 บาท)
    คุณBKKNAJA 5 เหรียญ --(โอนเงินแล้ว)
    คุณyurirun 1 เหรียญ --(โอนเงินแล้ว)
    คุณzero3 1 เหรียญ --(โอนเงินแล้ว)
    คุณหนึ่ง1 1 เหรียญ --(โอนเงินแล้ว)
    คุณหน้าใสใส 2 เหรียญ --(โอนเงินแล้ว)
    คุณJantip 2 เหรียญ --(โอนเงินแล้ว)
    (รวม 11 เหรียญ , เหลือ 12 เหรียญ)


    --- รายชื่อผู้ร่วมบริจาคปัจจัยเพื่อสร้างศาลาเอนกประสงค์ ---

    คุณlekjingjing ร่วมบริจาค 500 บาท
    คุณธนัย เทียนใส และครอบครัว (สักกะ) ร่วมบริจาค 500 บาท
    คุณpoo5349 & คุณมงคลเก้า ร่วมบริจาค 500 บาท




    รวมยอดเงินทั้งสิ้น 8356.88 บาท



    (ตอนนี้กำลังดูวัตถุมงคลอย่างอื่นเพิ่มเติมอยู่ครับ จะทะยอยนำรูปและรายการมาลงให้ได้ร่วมทำบุญกันเร็วๆนี้)



    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2008
  2. สิงโตหิน

    สิงโตหิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +209
    ขอทำบุญบริจาคปัจจัย 599 บาท และขอรับวัตถุมงคลหลวงปู่สุภา 1 องค์ครับ

    ต้องการโอนเงินที่กสิกรไทย ทางอินเตอร์เนท รบกวนขอสาขาด้วยครับ

    ขอบคุณครับ
     
  3. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมได้โทรไปคุยกับหลวงปู่บุญจันทร์ อุชุโก (ขออนุญาตเรียกท่านว่าหลวงปู่จันทร์นะครับ) เพื่อถามสารทุกข์สุขดิบของท่าน จึงทำให้ทราบว่าปัจจุบันท่านได้ย้ายจากสำนักสงฆ์แห่งเดิมที่เป็นป่าช้าเก่าใน จ.ศีรษะเกษ มาจำพรรษาอยู่ยัง วัดป่าโกสิยคุณ ต.นาเมือง จ.ร้อยเอ็ด เนื่องจากลูกศิษย์และลูกหลานของท่านเห็นว่าท่านมีอายุมากแล้ว อยากให้ท่านมาอยู่ใกล้ๆเพื่อที่จะดูแลท่านได้อย่างสะดวก จึงนิมนต์ท่านมาจำพรรษาที่วัดโกสิยคุณ เพราะเป็นวัดที่ลูกหลานของท่านบริจาคที่ดินสร้างเป็นวัดเพื่อให้ท่านมาจำพรรษาอยู่ใกล้ๆในบั้นปลายของชีวิต

    จากการที่ได้คุยกับหลวงปู่ในครั้งนั้น ทำให้ทราบว่าที่วัดแห่งนี้ยังขาดเสนาสนะอีกหลายอย่าง หลวงปู่จึงมีดำริที่จะสร้าง "ศาลาเอนกประสงค์" ขึ้นมา เพื่อให้พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนได้ใช้ในงานของพระพุทธศาสนา โดยท่านบอกว่า ศาลาแห่งนี้ พระสามารถใช้เป็นหอฉันก็ได้ เป็นสถานที่แสดงธรรม อบรมสั่งสอนชาวบ้านก็ได้ ใช้เป็นที่รับประเคน ทอดผ้าป่า หรืองานบุญต่างๆก็ได้ ส่วนชาวบ้านก็ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม นั่งฟังเทศน์ฟังธรรม หรือ พักผ่อนเวลาจะมานอนค้างที่วัดก็ได้ ท่านบอกกับผมว่า "ท่านจะสร้างศาลาแห่งนี้เป็นชิ้นสุดท้าย ที่จะฝากไว้ในบวรพระพุทธศาสนา และฝากไว้ในแผ่นดินให้ได้เอาไว้ใช้ประโยชน์กัน"

    แต่การจะสร้างศาลาเอนกประสงค์ในครั้งนี้ ติดปัญหาตรงที่ "ไม่มีปัจจัย" ที่จะนำมาสร้าง เพราะชาวบ้านละแวกวัดก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านจนๆ ทำไร่ทำนากันตามประสา ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะบริจาคปัจจัยมาซื้อ เสา อิฐ หิน ปูน ทราย ต่างๆ แต่ชาวบ้านยินดีที่จะช่วยในการ "ออกแรง" สำหรับก่อสร้าง

    หลังจากที่ผมคุยกับหลวงปู่แล้วก็เลยตั้งใจว่าจะหาปัจจัยไปช่วยหลวงปู่สร้างศาลาให้ได้ แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะหามาจากไหนดี ได้แต่แอบหวังลึกๆว่าถ้ามีโชคมีลาภก็คงจะดี จะได้นำเงินไปช่วยหลวงปู่สร้างศาลา แล้วผมก็ได้นำเรื่องนี้มาปรึกษากับรุ่นน้องของผม รุ่นน้องของผมจึงแนะนำว่าให้ผมนำวัตถุมงคลที่ผมมีอยู่ออกมาให้ร่วมทำบุญกัน แล้วเอาเงินที่ได้นี้ไปช่วยหลวงปู่สร้างศาลา ซึ่งผมก็เห็นดีด้วย

    หลังจากนั้นผมก็โทรไปหาหลวงปู่อีกครั้งเพื่อแจ้งถึงวัตถุประสงค์และสิ่งที่คิดจะทำให้ท่านทราบ พร้อมทั้งขออนุญาตท่านว่า ผมขออนุญาตเปิดบัญชีขึ้นมาใหม่ 1 บัญชี(เนื่องจากหลวงปู่ไม่มีบัญชีส่วนตัว และ ทางวัดก็ไม่มีบัญชีเงินฝากของทางวัด) โดยจะให้ผู้ที่ต้องการร่วมทำบุญโอนเงินเข้าบัญชีนี้บัญชีเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ เพราะผมเองก็กลัวคนจะเข้าใจผิดในตัวผมเหมือนกัน ผมจึงอยากทำให้ทุกอย่างโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันข้อครหาต่างๆ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็อนุญาตให้ผมเปิดบัญชีได้ พร้อมทั้งบอกว่า "ปู่อนุญาตให้อ้วนจัดการได้(ท่านเรียกผมว่าอ้วน) ปู่อนุโมทนาด้วย แต่ถ้าใครที่เค้าไม่เชื่อหรือเค้าไม่สบายใจ อ้วนให้เค้าโทรมาหาปู่ก็ได้นะ ปู่จะช่วยยืนยันให้ เค้าจะได้ทำบุญอย่างสบายใจ ได้อานิสงค์อย่างเต็มที่" พร้อมทั้งกำชับว่า "ที่ท่านต้องสร้างเพราะทางวัดขาดแคลนจริงๆ ไม่ใช่สร้างเพื่อให้ใหญ่โตหรือสวยงามหรือสร้างไปเพื่ออวดใครเค้า เพราะศาลาที่จะสร้างก็จะสร้างแบบเรียบๆง่ายๆ ให้ประหยัดที่สุด ที่ต้องสร้างเพราะมันไม่มีใช้และจำเป็นจริงๆ"
     
  4. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    ขออนุโมทนากับคุณสิงโตหิน ด้วยครับ
    ธ.กสิกรไทย สาขาย่อย เซ็นทรัลลาดพร้าวครับ

    (เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของผม และให้ง่ายกับการตรวจสอบว่ายอดเงินทำบุญที่ผมนำไปถวายให้หลวงปู่จันทร์ ตรงกับ ยอดเงินทำบุญทั้งหมดที่มีการบริจาคเข้ามา ผมขออนุญาตถอนเงินที่คุณสิงโตหินโอนเข้ามายังบัญชีส่วนตัวของผม ไปใส่ไว้ในอีกบัญชีที่ผมจะเปิดไว้เป็นการเฉพาะสำหรับร่วมทำบุญในครั้งนี้นะครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2008
  5. Jantip

    Jantip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +772
    ร่วมทำบุญด้วยคนครับ

    ...ร่วมทำบุญด้วย 1 องค์ครับ....ขอสาขาของ ธนาคาร SCB ด้วยครับผม...
     
  6. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    SCB สาขาย่อยมาบุญครอง ครับ

    (เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของผม และให้ง่ายกับการตรวจสอบว่ายอดเงินทำบุญที่ผมนำไปถวายให้หลวงปู่จันทร์ ตรงกับ ยอดเงินทำบุญทั้งหมดที่มีการบริจาคเข้ามา ผมขออนุญาตถอนเงินที่มีการโอนเข้ามายังบัญชีส่วนตัวของผม ไปใส่ไว้ในอีกบัญชีที่ผมจะเปิดไว้เป็นการเฉพาะสำหรับร่วมทำบุญในครั้งนี้นะครับ)

    ขออนุโมทนา และ ขอบคุณมากๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2008
  7. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    เนื่องจากหลวงปู่ท่านไม่อนุญาตให้ลงประวัติของท่าน ท่านให้บอกแต่เพียงว่า ท่านเป็นพระป่าธรรมยุต สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นศิษย์ของหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด เดินธุดงค์กับหลวงปู่ศรี มหาวีโร อยู่หลายปี สุดท้ายหลวงปู่ศรี ก็มอบหมายให้ท่านมาบูรณะวัดร้างที่ อ.เมยวดี จ.ร้อยเอ็ด ชื่อวัดป่าบ้านโป่ง(หนองแคน) หลังจากบูรณะวัดป่าบ้านโป่ง(หนองแคน)เสร็จ ท่านก็ย้ายมาสร้างสำนักสงฆ์ที่ป่าช้าบ้านโคกสูง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และปัจจุบันท่านก็มาอยู่ที่ วัดป่าโกสิยคุณ(โกสีย์) ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

    เพื่อให้สมาชิกได้รู้จักหลวงปู่จันทร์มากขึ้น ผมขออนุญาตนำเรื่องราวบางส่วนของหลวงปู่จันทร์ที่ผมได้สัมผัสมา มาบันทึกไว้ให้สมาชิกที่ต้องการร่วมทำบุญกับหลวงปู่ ได้รู้จักตัวหลวงปู่มากขึ้นนะครับ


    ครั้งแรกที่ได้พบกับหลวงปู่

    ครั้งแรกที่ผมได้ไปกราบหลวงปู่จันทร์ (เราเรียกกันสั้นๆว่าหลวงปู่จันทร์ แต่ชื่อเต็มท่านจริงๆคือ หลวงปู่บุญจันทร์ ฉายา อุชุโก) จำได้ว่าช่วงนั้นผมกำลังไฟแรงอยากจะหาที่บวชก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกา ซึ่งวัดในอุดมคติที่ผมคิดไว้คือวัดในสายของพระป่าทางแถบภาคอีสาน

    ช่วงนั้นบังเอิญผมได้รู้จักกับพี่คนนึง ซึ่งเค้าเป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์ พี่เค้าได้ทราบว่าผมอยากหาที่บวช เค้าก็เลยอาสาที่จะพาผมไปตระเวณหาวัดแถวบ้านเค้า หนึ่งในวัดที่พี่เค้าพาไปก็คือวัดป่าบ้านโป่ง(หนองแคน) จ.ร้อยเอ็ด ที่หลวงปู่จันทร์ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่

    ผมยังจำได้ว่าก่อนที่จะไปถึงวัด พี่คนที่พาไปได้เล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับหลวงปู่ให้ฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัตรปฏิบัติต่างๆ เรื่องซองจดหมายของหลวงปู่ เรื่องเกี่ยวกับการทำนายทายทักต่างๆ เรื่องรู้ใจคน เรื่องรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า และเรื่องของวัตถุมงคลต่างๆ ซึ่งผมบอกตรงๆว่าได้ฟังแล้วรู้สึกอยากเจอหลวงปู่มากๆ ภาพของหลวงปู่จันทร์ที่ผมวาดไว้ตอนนั้นคือ พระป่าแก่ๆผมหงอกสีขาว รูปร่างใหญ่ ผิวขาวดูใจดี แต่ปรากฏว่าพอได้เจอหลวงปู่แล้วแทบทุกอย่างตรงกันข้ามกันแทบทั้งสิ้น คือ ท่านเป็นพระรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ ดูยังไม่แก่ ไม่มีผมหงอกเลย แต่ก็ดูใจดี คุยเล่นสนุกสนานเฮฮา เป็นกันเองกับทุกคนที่ไปกราบมากๆ


    ตะกรุดคู่

    ในคณะที่เดินทางไปด้วยครั้งนั้นนอกจากจะมีผมกับพี่ที่พาไปแล้ว ก็ยังมีรุ่นน้องผมไปด้วยอีกคนนึง วันนั้นจำได้ว่าพอไปเจอหลวงปู่แล้วพวกเราก็พากันเข้าไปกราบท่าน แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันเลยท่านก็บอกว่ามากันเหนื่อยๆให้ไปหาอะไรทานกันให้อิ่มก่อนแล้วค่อยมานั่งคุยกัน ว่าแล้วท่านก็ชี้มือไปที่โรงครัวพร้อมทั้งบอกว่าลองไปดูกันในนั้นเลย ถ้าทานอาหารอีสานไม่ได้ก็มีพวกมาม่าต้มทานกันได้เลยไม่ต้องเกรงใจ พูดเสร็จท่านก็บอกให้พี่คนที่พาผมไปพาพวกผมไปที่โรงครัว

    หลังจากทานข้าวกันเสร็จแล้ว พวกเราก็กลับไปกราบหลวงปู่อีกครั้ง
    แล้วก็นั่งคุยกับท่าน ตอนนี้พี่ที่พาไปก็บอกท่านว่าน้องคนนี้เค้าอยากหาวัดบวช
    อยากได้วัดที่สงบๆที่เป็นสายกรรมฐาน ก็เลยลองพามาที่นี่ดู หลวงปู่ท่านก็มองหน้าผมแล้วบอกว่าถ้าชอบแล้วอยากจะมาบวชที่นี่ก็ได้้ แต่สงสัยคนที่อยากจะบวชอาจจะไม่ได้บวชน่ะสิ คนที่ไม่อยากบวชคงจะได้บวชแทน ท่านพูดยิ้มๆแล้วก็มองไปที่รุ่นน้องของผมที่เดินทางไปด้วย พวกผมก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าท่านคงพูดเล่นๆ (ในตอนหลังปรากฏว่าผมไม่ได้บวชจริงๆ เพราะต้องเดินทางไปอเมริกาก่อน ส่วนรุ่นน้องผมคนนั้นก็ได้บวชและช่วงที่บวชก็ไปจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่)

    คุยกับท่านไปสักพัก ก็ลาท่านกลับเพราะว่าเริ่มเย็นแล้ว
    ก่อนจะกลับ ผมกับรุ่นน้องที่ไปด้วยกันก็เลยเอาแผ่นตะกั่วนิ่มๆ
    (ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าเรียกว่าตะกั่วน้ำนมรึเปล่า เพราะว่ามันนิ่มมากๆ
    จับมาพับ จับมาขยำให้เป็นก้อนด้วยมือเปล่าได้เลย ) ขอให้ท่านช่วยทำตะกรุดให้ ท่านก็บอกว่าไว้ให้ทิ้งไว้กับท่านก่อน ก่อนกลับค่อยแวะมารับไป
    ผมก็งง เพราะตอนแรกนึกว่าท่านจะทำให้เลย ท่านก็บอกว่าต้องทิ้งไว้ก่อนเดี๋ยวปู่จะนั่งเสก นั่งทำให้ แล้วท่านก็ถามผมกับรุ่นน้องว่าแต่ละคนเกิดวันอะไร แล้วท่านก็จดเอาไว้ ผมก็ถามหลวงปู่ว่าต้องใช้วันเกิดด้วยเหรอครับ ท่านก็บอกว่า จะได้ดูให้ว่าจะใช้ยันต์อะไรดี ทำให้ของใครของมัน

    จนถึงวันที่ผมจะเดินทางกลับกรุงเทพ ก็พากันไปหาท่านอีกครั้งนึง
    คราวนี้ท่านเรียกผมกับรุ่นน้องเข้าไปหาทีละคน พร้อมกับส่งตะกรุด
    ที่ท่านทำเสร็จแล้วให้ (จำไม่ได้เหมือนกันว่าท่านเรียกเข้าไปรับ
    หรือว่าท่านคาดเอวมาให้เลย) ผมได้ตะกรุดมาแล้วก็ประทับใจมากๆ
    เพราะตอนแรกคิดว่าท่านจะจารและม้วนทำเป็นตะกรุดให้เฉยๆ แต่ท่านกลับทำเป็นตะกรุดคู่ เอาสายยางมาหุ้มตะกรุดแล้วก็ร้อยเชือกมาให้พร้อมสำหรับที่จะนำไปคาดได้เลย

    ท่านบอกว่าที่ทำยากน่ะ ก็ไอ้ตรงเอาตะกรุดใส่สายยางนี่แหละ
    เพราะว่าสายยางมันเล็ก ตะกรุดก็นิ่ม เวลาใส่ตะกรุดเข้าไปในสายยางก็ต้อง
    เอาน้ำมันหยอดไปด้วยให้มันลื่นๆจะได้เข้าง่ายๆ ค่อยๆใส่ค่อยๆหยอดไปเรื่อยๆไม่งั้นดันตะกรุดเข้าสายยางไม่ได้

    พอผมได้ตะกรุดมาแล้วก็ไม่คิดอะไร จนรุ่นน้องผมมาคุยกับผมทีหลังแล้วถามผมว่า ตะกรุดพี่คาดได้พอดีป่าว ผมก็บอกไปว่าพอดี เค้าเลยถามผมอีกว่า พี่ไม่แปลกใจเหรอ ว่าตะกรุดที่หลวงปู่ทำให้น่ะ เชือกมันพอดีกับเอวของแต่ละคนเลยนะ เพราะของผมก็พอดีเหมือนกัน (หุ่นผมกับรุ่นน้องคนละเรื่องกันเลยครับ ผมเอว 38 ส่วนรุ่นน้องผม ผอม บาง) ท่านรู้ได้ยังไงว่าใครเอวขนาดไหน
     
  8. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    สีผึ้งของหลวงปู่

    ครั้งนั้นนอกจากผมกับรุ่นน้องจะได้ตะกรุดคู่จากท่านแล้ว แต่ละคนยังได้สีผึ้งของท่านมาอีกคนละตลับ สำหรับสีผึ้งของท่านนี้พี่คนที่พาผมไปกราบหลวงปู่
    ได้กำชับกับผมและรุ่นน้องว่าไปถึงเนี่ย อย่าลืมขอสีผึ้งจากท่านนะ
    เพราะว่าสีผึ้งท่านนี่เด็ดมาก เมตตามหานิยมดีสุดยอด แต่ว่าใครที่อยากได้สีผึ้งของท่าน ต้องเตรียมเอากระปุกไปเอง

    ช่วงที่นั่งคุยกับท่านอยู่ พี่คนที่พาไปก็บอกหลวงปู่ว่าน้องสองคนนี้
    เค้าอยากได้สีผึ้งของหลวงปู่ไปบูชา ท่านก็บอกว่าได้ๆๆ เผอิญช่วงนั้นท่านมีสีผึ้งไว้ให้บูชาในตู้วัตถุมงคล แล้วมีเหลืออยู่นิดหน่อย ท่านจึงส่งกุญแจตู้วัตถุมงคลให้ แล้วบอกให้ไปหยิบกันเองเลย ซึ่งตู้วัตถุมงคลที่ว่านี่ก็ไม่ใช่ตู้ใหญ่อะไรนะครับ มันก็คือตู้กับตู้กับข้าวที่มีฝาตู้เป็นกระจกเปิดปิดแบบบานพับด้านหน้า เหมือนตามบ้านในชนบททั่วๆไปพวกผมก็ไปหยิบกันมาคนละตลับ หยิบมาเสร็จท่านก็ให้เอามาให้ท่านแล้วท่านก็ประสิทธิ์ให้แต่ละคนเพิ่มเข้าไปอีก

    ผมนั่งดูตอนที่ท่านประสิทธิ์ให้ โดยเริ่มจากของรุ่นน้องผมก่อน
    หลวงปู่ท่านเอาของอย่างนึงใส่เพิ่มลงไปในตลับสีผึ้งของรุ่นน้องผม
    สิ่งที่ท่านใส่เข้าไปเพิ่มให้นี่คือ "รกแมว" ท่านบอกว่ารกแมวอันนี้เพิ่งได้มาเมื่อวันก่อนเอง พอดีแมวที่วัดออกลูก พอออกลูกเสร็จแม่แมวก็คาบเอารกของลูกมันมาวางทิ้งไว้บนหมอนที่ท่านนอน (สงสัยแมวคงเอามาให้ท่าน) ท่านก็เลยเก็บไว้เอาไว้ ท่านบอกว่าที่ใส่รกแมวให้รุ่นน้องผมคนนี้เพราะว่าต่อไปเค้าต้องทำงานเกี่ยว กับการติดต่อเจรจา หรือไม่ก็ทำงานกลางคืนอะไรทำนองนั้น (ซึ่งปัจจุบันรุ่นน้องของผมคนนี้ก็ทำงานเกี่ยวกับการติดต่อเจรจาจริงๆ)

    ส่วนของผมท่านล้วงมือไปหยิบกระปุกสีผึ้งของท่านเองมา จากในย่าม
    แล้วก็แบ่งเอาสีผึ้งในตลับของผมออกไปครึ่งนึง แล้วเอาสีผึ้งในกระปุกท่าน
    มาใส่ให้แทน พร้อมทั้งแบ่งเอาหัวอะไรสักอย่างก็ไม่ทราบสีดำ ซึ่งคล้ายๆว่าจะเป็นหัวพืช หรือต้นอะไรสักอย่างที่ท่านเอาใส่ไว้ในตลับสีผึ้งของ แบ่งมาใส่ให้
    ในตลับสีผึ้งของผม เสร็จแล้วท่านก็เอาตลับสีผึ้งของผมกับของท่านไปวางประกบไว้คู่กันแล้วก็เสกๆๆ เสร็จแล้วก็ส่งให้ผม (ตอนหลังผมมีโอกาสสอบถามท่าน จึงได้รู้ว่าชิ้นสีดำๆที่ท่านแบ่งจากของท่านมาใส่ตลับของผม เป็นว่านชนิดหนึ่งที่อยู่ในป่าแถวๆวัด ท่านเรียกว่า ว่านสารพัดนึก ผมเลยถามท่านว่าอยู่แถวไหนท่านก็ไม่ยอมบอก เอาแต่หัวเราะอย่างเดียว แล้วก็บอกว่าหายากหายังไงก็ไม่เจอหรอกอ้วน เพราะว่านนี่ย้ายที่ได้ เดี๋ยวก็อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็อยู่ตรงนั้น

    ผมเคยถามหลวงปู่ว่าสีผึ้งท่านทำยากมั้ย ท่านบอกว่า นานๆถึงจะทำได้ทีนึง เพราะว่าหาสีผึ้งตามตำราได้ยาก ท่านว่าต้องใช้สีผึ้งที่อยู่ยอดบนสุด ที่เกาะอยู่ที่กิ่งที่ชี้ไปทางทิศตะวันออกจึงจะเอามาทำสีผึ้งตามตำราของท่านได้ (รู้สึกว่าในตำราจะมีมากกว่านี้แต่ผมลืมไปแล้วครับ)
    <!-- / message -->
     
  9. seata

    seata ธานุวัฒน์ พรมจันทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    375
    ค่าพลัง:
    +500
    พี่พอจะมีรูปของหลวงปู่จันทร์ มั้ยครับอยากเห็นครับ
     
  10. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    ซองจดหมายของหลวงปู่

    นอกจากเรื่องของสีผึ้งแล้ว พี่คนที่พาผมไปกราบหลวงปู่ยังได้เล่าให้ฟังว่า ถ้าไปกราบท่านแล้ว ท่านให้ซองจดหมายกลับมาถือว่าเป็นโชคดีมาก แสดงว่าเรากำลังมีโชคท่านถึงได้ให้มา และในครั้งนั้น พอผมกราบท่านเสร็จ ก็ได้ลาท่านกลับ ซึ่งทุกคนขึ้นรถไปหมดแล้วรวมทั้งผมด้วย แต่ผมรู้สึกแปลกๆ รู้สึกเหมือนอยากอยู่กับท่านต่อยังไงชอบกล ก็เลยวิ่งลงจากรถ แล้วก็กลับเข้าไปกราบเท้าท่านใหม่อีกครั้ง พร้อมบอกท่านว่า ยังไงๆผมก็จะกราบมากราบหลวงปู่อีกครั้ง และถ้ามีโอกาสจะขอมาอยู่กับหลวงปู่สักพัก

    ซึ่งก็แปลกเหมือนกัน เหมือนท่านจะรู้ว่าผมจะต้องกลับลงไปหาท่านอีก
    เพราะพอผมกลับไปกราบท่าน แล้วเงยหน้าขึ้นมาปุ๊บ ท่านก็ส่งของสองอย่างที่ท่านถือไว้ในมืออยู่แล้วให้กับผม
    - อย่างแรกคือซองจดหมายที่ถูกเอาที่เย็บกระดาษ เย็บเอาไว้เต็มไปหมด ท่านกำชับว่าให้เอาไปเก็บไว้ให้ดี ห้ามเปิดเด็ดขาด จนกว่าจะถึงวันที่ 31 (เดือนนั้นมี 31 วัน) ผมก็รับมาแล้วก็ใจจดใจจ่อรอให้ถึงวันที่ 31 เพราะอยากรู้ว่าข้างในจะมีอะไร (แต่จริงๆก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าที่ท่านให้มาน่ะ คืออะไร [​IMG] ) จนถึงวันที่ 31 ผมก็เปิดซองจดหมายออกมาดู ปรากฏว่ามีเลขอยู่สองตัว เขียนสั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความว่า 27 ล่าง ปรากฏว่าผลที่ออกมาคือเป็นตามที่เขียนเอาไว้ในซองจริงๆทุกประการ (เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเคยถามหลวงปู่ในตอนที่นำปัจจัยไปทำบุญกับท่านว่าเขียนแบบนี้ไม่ผิดเหรอครับ ท่านบอกว่า คนที่ให้เขียนน่ะไม่ใช่หลวงปู่ แต่ว่ามีคนมาบอกหลวงปู่ว่าให้เขียนเลขนี้ให้อ้วน(ท่านจะเรียกผมว่าอ้วน) เพราะอ้วนมีโชค หลวงปู่ก็เลยเขียนไปตามที่เค้าบอกมา (เค้าที่ว่าของหลวงปู่ หมายถึงเจ้าที่ที่วัดนั้นครับ)

    หมายเหตุ:ปกติหลวงปู่ท่านจะไม่พูดเรื่องแนวนี้กับใครตอนแรกๆท่านก็ไม่ค่อยจะคุยเรื่องแบบนี้กับผม แต่ผมหน้าด้านชอบถามท่าน ท่านก็เลยเล่าให้ฟัง
    แต่จะเล่าเวลาที่อยู่กันส่วนตัวเท่านั้น ถ้ามีคนเยอะท่านจะไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้เลย

    - ของอีกอย่างนึงที่ผมได้จากหลวงปู่ในวันนั้นก็คือ ดอกว่านเสน่หา
    เนื่องจากหลวงปู่ท่านชอบปลูกว่าน ต้นว่านที่วัดของท่าน ท่านจะขึงสายสิญจน์ล้อมรอบไว้ ห้ามเดินข้ามเด็ดขาด ที่น่าแปลกคือว่านที่ท่านปลูกไว้จะออกดอกดีมาก ถ้าใครที่เคยลองศึกษาเรื่องว่านจะรู้ว่าถ้าว่านที่ปลูกไว้ให้ดอก จะถือว่าดีมาก บางคนปลูกว่านอย่างดีดูแลอย่างดี แต่ว่าไม่มีดอกเลยก็มี

    พี่ที่พาไปเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยหนุ่มๆก่อนที่หลวงปู่จะบวช ท่านกินไพลดำเข้าไป ทุกวันนี้เวลาที่ท่านสรงน้ำ น้ำที่ท่านสรงจะไม่ใช่น้ำเย็น แต่จะเป็นน้ำที่นำมาต้มด้วยว่านต่างๆให้ร้อน เคี่ยวให้น้ำว่านออกมาแล้วจึงนำไปผสมกับน้ำเย็นอาบ
    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมท่านถึงต้องสรงน้ำแบบนั้น แต่เคยอ่านเจอใน
    หนังสือเค้าบอกไว้ว่า คนที่กินว่าน เล่นว่าน หรือสักน้ำมัน เวลาหนาวนั้น
    จะหนาวกว่าคนอื่น คือหนาวถึงกระดูก ถ้าอาบน้ำโดนน้ำเย็นๆเข้าไปจะยิ่ง
    หนาวมากก็เลยสันนิษฐานว่าคงจะเป็นด้วยสาเหตุนี้ก็ได้ ท่านจึงสรงน้ำ
    ด้วยน้ำเคี่ยวกับว่านต่างๆ

    ตอนที่ท่านให้ดอกว่านเสน่หากับผมท่านบอกว่าเก็บไว้ให้ดีนะวาสนาของเรา

    หมายเหตุ:ที่ผมไปในครั้งนั้น ผมกับรุ่นน้องและพี่คนที่พาไป ได้พากันไปขึ้นเขาที่จังหวัดกาฬสินธุ์เพื่อหาว่าน ซึ่งว่านที่ได้มาเยอะที่สุดคือ ว่านสาวหลง และ ที่ได้มาอย่างแปลกพิศดารที่สุดคือ เครือเขาหลงที่ลักษณะเป็นเส้นๆคล้ายกับเส้นผม พอได้มาแล้วก็นำไปให้หลวงปู่จันทร์ท่านปลุกเสกให้ซึ่งว่านทั้งสองอย่างนี้ รวมถึงดอกว่านเสน่หาที่ได้มาจากหลวงปู่จันทร์ ได้มอบส่วนหนึ่ง
    นำไปเป็นมวลสารในการสร้างพระขุนแผนสาริกาเนื้อว่าน ถวายหลวงปู่สุภาไปเรียบร้อยแล้วครับ
     
  11. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอบคุณมากครับ
    ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ใส่รูปหลวงปู่

    ผมขออนุญาตนำรูปหลวงปู่มาใส่ไว้ที่กระทู้บนสุดนะครับ
     
  12. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    RCA น่ะอย่าไปบ่อยนะ มันไม่ดี

    หลังจากผมไปกราบหลวงปู่บ่อยขึ้น ก็มีรุ่นน้องผมบางคน อยากตามไปกราบหลวงปู่กันบ้าง หนึ่งในนั้นมีรุ่นน้องผู้หญิงคนนึงขอตามไปกราบท่านด้วย แล้วก็ขอให้ท่านดูดวงให้ หลังจากท่านดูดวงให้รุ่นน้องของผมคนนี้เสร็จแล้ว ท่านก็บอกรุ่นน้องผมว่า

    "RCA น่ะอย่าไปนะ ไปบ่อยๆมันไม่ดีหรอก เห็นเค้าไปเต้นกัน ไปเมากัน แค่กินเหล้ามันก็ไม่ดีแล้ว ไปแต่ละทีน่ะมันก็สนุกแต่ก็ต้องห้ามใจหน่อยนะ สิ่งยั่วยุมันเยอะ ให้ตั้งใจเรียนก่อน" รุ่นน้องผมฟังแล้วก็อึ้งไปพอสมควร ว่าทำไมท่านถึงทักแบบนี้ แต่กับคนอื่นท่านไม่เห็นทักเรื่อง RCA เลย

    ในความคิดของผม ผมว่าท่านคงรู้แน่ๆเลย ว่ารุ่นน้องผมคนนี้เนี่ยชอบไปเที่ยว RCA เป็นชีวิตจิตใจ เพราะอาทิตย์นึงมี 7 วัน คุณเธอไปเที่ยวไม่ต่ำกว่าอาทิตย์ละ 5 วัน บางอาทิตย์ก็ไปซะ 7 วันเลย แถมบางทีวันพรุ่งนี้จะสอบอยู่แล้ว คุณเธอก็ยังอุตส่าห์จะไปเที่ยวอีก แล้วค่อยกลับมาอ่านหนังสือเตรียมสอบ

    เรื่องที่หลวงปู่ทักแบบนี้ ผมเองก็เคยเจอเหมือนกันครับ เรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อก่อนตอนที่ผมยังไม่ไปอเมริกา ผมเป็นคนที่ไม่กินเหล้าเลย หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่กิน ไปกราบท่านแต่ละทีท่านก็ไม่เคยทักเรื่องกินเหล้า จนผมเดินทางไปอเมริกา มีช่วงนึงผมเริ่มลองกินเหล้าแล้วช่วงนั้นผมกินบ่อยมาก เหล้าเบียร์กินซะจนเป็นเรื่องปกติ

    จนวันนึงผมโทรไปทางไกลไปหาท่าน จู่ๆท่านก็บอกผมมาว่า "อ้วนอย่าไปกินเหล้านะอ้วนนะ มันไม่ดีนะอ้วน" ผมเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมท่านถึงทักแบบนั้น เพราะปกติท่านไม่เคยทักผมเรื่องกินเหล้าเลย แต่พอผมเริ่มกินท่านกลับทักแบบนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่าอะไรท่านรู้ว่าผมกินเหล้ากันแน่ (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ)
     
  13. punyawat

    punyawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +183
    [​IMG]

    อนุโมทนาครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
    _________
    "...กรรมเก่าไม่มีใครลบล้างได้ กรรมปัจุบันจะช่วยเจ้าเอง..."

    -------------------หลวงปู่โต พรหมรังสี--------------------
     
  14. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    ตะกรุดพระเจ้าห้าพระองค์

    ตะกรุดเส้นนี้ผมได้จากหลวงปู่มาหลายปีแล้ว ตอนแรกผมเองก็ยังแปลกใจอยู่
    ว่าท่านรู้ในสิ่งที่ผมอธิษฐาน หรือว่าเป็นการบังเอิญกันแน่ เรื่องมีอยู่ว่า...


    หลังจากที่ผมไปกราบหลวงปู่แล้ว จำได้ว่ามีอยู่ปีหนึ่ง(จำปีไม่ได้จริงๆครับ) จะมีวันเสาร์ห้าอยู่หนึ่งวัน ซึ่งจากที่ผมได้ยินมาเค้าว่ากันว่า วันเสาร์ห้าในปีนั้นเป็นวันเสาร์ห้าที่ดีมาก พอผมรู้ว่าปีนั้นมีวันเสาร์ห้าในใจก็นึกอยากให้หลวงปู่ท่านทำวัตถุมงคลให้สักชิ้นนึง ซึ่งวัตถุมงคลที่ผมชอบที่สุดก็คือพวกเครื่องราง ซึ่งก็คือตะกรุด ในใจก็แอบฝันลึกๆว่ายิ่งถ้าเป็นตะกรุดที่ทำในวันเสาร์ห้าด้วยแล้วยิ่งดียิ่งขึ้นไปอีกแน่ๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้จะติดต่อหลวงปู่ยังไง จะเขียนจดหมายก็ไม่กล้า จะโทรไปหาท่านก็ไม่มีโทรศัพท์ ก็เลยได้แต่นั่งนึกอยากได้และอธิษฐานเอา ขอท่านว่าถ้าท่านรับรู้อยากให้ท่านทำตะกรุดในวันเสาร์ห้าให้หนึ่งดอก

    จนเวลาผ่านไปหลังจากวันเสาร์ห้าผ่านไปไม่นาน ผมมีโอกาสขึ้นไปกราบท่านที่ร้อยเอ็ด พอกราบท่านเสร็จก็เดินไปดูตู้วัตถุมงคลเพราะอยากรู้ว่าปัจจุบันที่วัดหลวงปู่มีวัตถุมงคลอะไรให้ทำบุญบ้าง ปรากฏว่าในตู้วัตถุมงคลมีตะกรุดอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีเส้นนึงที่ท่านทำเป็นตะกรุด 5 ดอกถักเชือกหุ้มตะกรุดไว้อย่างดี แล้วก็เอาตะกรุดทั้ง 5 ดอก ร้อยไว้ในเส้นเดียวกันแล้วก็ถักเชือกหุ้มสายคาดตะกรุดจนกลายเป็นสายคาดเอวที่มีตะกรุด 5 ดอกอยู่ในเส้นเดียวกัน ผมเห็นแล้วชอบตะกรุดเส้นนี้มากๆ แต่ในใจก็คิดว่าอาจจะมีคนมาขอให้ท่านทำให้แน่ๆ เพราะปกติหลวงปู่จะไม่ทำตะกรุดแบบนี้

    ด้วยความอยากรู้ และความอยากได้ จึงกลับไปเรียนถามหลวงปู่ว่าตะกรุดเส้นที่อยู่ในตู้วัตถุมงคลมีคนมาขอให้หลวงปู่ทำให้หรือเปล่า ถ้าไม่มีเจ้าของผมจะขอทำบุญบูชาตะกรุดเส้นนั้น หลวงปู่ท่านยิ้มแล้วก็หัวเราะพร้อมกับบอกว่าไปหาข้าวหาปลาทานให้อิ่มกันก่อน เพิ่งมากันเหนื่อยๆแล้วเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน ด้วยความที่อยากได้มากๆ ผมก็ยังบอกท่านอีกว่า ถ้าไม่มีของใครผมขอบูชาจริงๆนะครับหลวงปู่ ท่านก็บอกว่าไม่ต้องห่วงหรอกไปทานข้าวให้เสร็จก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุยกัน ของในตู้น่ะของเรากันเองทั้งนั้นแหละ

    หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็ไปกราบท่าน ท่านก็ให้กุญแจตู้วัตถุมงคลมาไข
    แล้วก็บอกว่าไปเลือกเอาว่าชอบอันไหน ผมก็ไปเลือกเอาเส้นที่ผมเล็งเอาไว้ เพราะเห็นแล้วชอบเส้นนี้มากๆ แล้วก็นำมาส่งให้หลวงปู่บอกว่าผมขอบูชาเส้นนี้ครับ หลวงปู่ท่านก็เอาไปเสกให้อีกรอบนึงแล้วก็ให้ผมคุกเข่าอยู่ข้างหน้าท่าน แล้วท่านก็เอาตะกรุดเส้นนั้นมาคาดให้ที่เอวของผม ซึ่งก็น่าแปลกตรงที่ว่าตะกรุดเส้นนั้นคาดได้พอดีกับเอวผมเป๊ะเลย (เอว 38 ครับ)

    ผมแปลกใจมากๆ เพราะเชือกร้อยตะกรุดที่ท่านถักไว้นี่ ต้องใส่เฉพาะตัวเลยไม่สามารถปรับเชือกให้ยาวขึ้นหรือสั้นลงให้เท่ากับรอบเอวได้ หลังจากที่คาดเสร็จแล้วหลวงปู่เสกให้อีกทีนึง ท่านพูดยิ้มๆว่าตอนที่ทำตะกรุดเส้นนี้น่ะ ยังนึกแปลกใจเลยว่าใครจะได้ไป เพราะเส้นใหญ่ขนาดนี้จะมีใครใส่ได้

    ตอนหลังผมมีโอกาสถามท่าน จึงได้รับคำตอบว่าตะกรุดชุดนี้ท่านทำในวันเสาร์ห้านั่นแหละ แล้วก็เอามาถักเชือกทีหลัง ผมพยายามถามท่านหลายครั้งว่าท่านรู้เหรอว่าผมอยากได้ถึงได้ทำไว้ ท่านก็ตอบเลี่ยงๆว่าอยากทำให้เฉยๆ ซึ่งก็น่าแปลกเหมือนกัน

    ผมเคยเจอเหตุการณ์แนวๆเลยทำให้พาลคิดไปว่าท่านน่าจะรู้ในสิ่งที่ผมอธิษฐานแต่ท่านก็จะไม่ยอมบอกว่าท่านรู้ ท่านมักจะแกล้งทำเหมือนกับเป็นเรื่องบังเอิญซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่นครั้งนึงที่ผมไปกราบท่านพร้อมกับเพื่อนๆ โดยการไปของผมครั้งนั้นไม่ได้บอกให้หลวงปู่ท่านทราบก่อน ซึ่งผมเดินทางไปถึงก็เกือบๆเที่ยงแล้ว พอไปถึงท่านก็เรียกผมเข้าไปหาแล้วบอกให้ผมไปที่กุฏิท่าน ที่เสากุฏิจะมีถุงกับข้าวแขวนเอาไว้อยู่ให้เอามาแบ่งกันทาน
    พอผมไปเอามาแล้วก็มาแบ่งกันทาน ซึ่งกับข้าวในถุงนั้นก็จะเป็นพวกข้าวเหนียวเนื้อ ไก่ย่าง ส้ม ข้าวต้มมัด ซึ่งเป็นอาหารที่คนภาคกลางสามารถทานกันได้ทั้งนั้นเลย

    ผมก็ชักเอะใจเพราะปกติหลวงปู่ท่านจะไม่เก็บของที่เหลือฉันเอาไว้เลย ท่านจะแจกจ่ายไปจนหมด แล้วของที่ท่านเก็บไว้คราวนี้เหมือนท่านตั้งใจเก็บไว้ให้จริงๆ เพราะจะเก็บของที่คนทางภาคกลางทานกันได้ง่ายๆไว้ ผมเลยลองถามท่านดูว่าหลวงปู่รู้เหรอครับว่าพวกผมจะมากราบหลวงปู่วันนี้ ท่านก็บอกผมว่าป่าวหรอก แค่คิดอยากเก็บขึ้นมาเฉยๆ ถามเท่าไหร่ท่านก็ไม่ยอมบอก ท่านบอกแต่ว่าคิดอยากเก็บเฉยๆแค่นั้นเอง จนหลายเดือนผ่านไป ผมกลับไปหาหลวงปู่อีกครั้งแล้วลองถามท่านถึงเรื่่องนี้ ท่านก็บอกแต่ว่าก็อธิษฐานถึงไม่ใช่เหรอ

    หมายเหตุ :
    - เรื่องทั้งหมดที่พิมพ์มานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังครับ
    - ปัจจุบันเวลาผมจะไม่ถามอะไรท่านตรงๆแบบนี้อีกแล้วครับ เพราะกลัวจะบาปและท่านจะอาบัติ แต่ผมจะชอบพูดเล่นกับท่านเวลาที่เจออะไรแบบนี้ว่า เหมือนหลวงปู่จะรู้เลยนะครับเนี่ยว่าผมจะมา บังเอิญจริงๆ ท่านก็จะยิ้มๆไม่พูดอะไร
     
  15. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    ตรงนี้สวยมั้ย

    ครั้งนึงที่ผมกับรุ่นน้องไปกราบหลวงปู่ ในครั้งนั้นหลวงปู่ได้พาผมกับรุ่นน้องไปชม "เจดีย์ชัยมงคล" ที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร อาจารย์ของหลวงปู่ท่านสร้างขึ้นที่ผาน้ำย้อย(ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ผาน้ำทิพย์)

    เรื่องนี้รุ่นน้องของผมได้มาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า ระหว่างที่เดินชมเจดีย์อยู่นั้นหลวงปู่ก็ได้ถามรุ่นน้องผมเป็นระยะๆเวลาเปลี่ยนไปชมแต่ละจุดว่า "ตรงนี้สวยมั้ย" , "ตรงนี้ดีมั้ย" ซึ่งท่านถามอยู่แบบนี้หลายรอบ แต่รุ่นน้องของผมไม่ได้คิดอะไร จนสุดท้ายท่านก็บอกว่า งั้นเอาตรงนี้ละกันนะ แล้วท่านก็ให้รุ่นน้องของผม ถ่ายรูปคู่กับท่านตรงนั้น บอกว่าให้ถ่ายรูปคู่กับท่านเอาไปให้แม่ของรุ่นน้องของผมดู

    ส่วนสาเหตุที่รุ่นน้องมาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังนั้นก็เพราะว่า ก่อนที่จะเดินทางไปกราบหลวงปู่ แม่ของรุ่นน้องผมได้บอกกับรุ่นน้องของผมว่า ไปกราบหลวงปู่ก็หลายทีแล้ว ไม่เคยเห็นรูปหลวงปู่สักที ถ้าไปคราวนี้ก็ถ่ายรูปกับหลวงปู่มาให้แม่ดูหน่อยนะ แม่อยากเห็นว่าหลวงปู่ท่านเป็นยังไง...ซึ่งเรื่องนี้รุ่นน้องของผมก็ไม่ได้บอกใคร(รวมถึงหลวงปู่ด้วย) แล้วก็ต้องมาแปลกใจที่จู่ๆหลวงปู่ก็ชวนถ่ายรูปคู่ด้วย แถมยังบอกว่าให้เอาไปให้แม่ดูอีกต่างหาก
     
  16. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    เสียงนกร้อง ???

    เมื่อราวๆเดือน มี.ค.ปี 50 ช่วงนั้นผมยังบวชอยู่ ก่อนที่ผมจะสึกผมก็เดินทางไปหาหลวงปู่ เพื่อขออยู่กับท่านระยะหนึ่ง ตอนที่อยู่กับท่าน ก็จะเห็นญาติโยมมากมายมากราบ มาขอบารมีให้ท่านช่วยซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาให้ท่านช่วย
    ดูดวง-ทำนายทายทักให้ แล้วก็ขอของดีพวกตะกรุด สีผึ้ง หรือพระเครื่อง ต่างๆ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่หลังจากฉันเช้าไปจนถึงเวลาประมาณ 4-5 โมงเย็น ท่านจึงไปสรงน้ำและพักผ่อน แต่บางวันก็อาจจะถึง 2-3 ทุ่ม เนื่องจากญาติโยมยังไม่หมดท่านก็จะสงเคราะห์ไปจนหมด

    กิจวัตรของท่านจะเป็นแบบนี้เรื่อยๆ โดยที่ญาติโยมอาจจะไม่ทราบว่าหลวงปู่ท่านมีเวลาพักผ่อนน้อยมาก เพราะกลางวันท่านสงเคราะห์ญาติโยม ส่วนตอนกลางคืนท่านก็จะปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งโดยส่วนมากหลังจากที่ท่านสงเคราะห์ญาติโยมแล้ว ท่านก็จะสรงน้ำและทำวัตรเย็น พักผ่อนประมาณ 3-4 ชั่วโมง แล้วก็ตื่นขึ้นมาปฏิบัติกรรมฐาน จนถึงประมาณตี 4 ท่านก็จะทำวัตรเช้า สวดมนต์ปฏิบัติธรรมของท่านไปเรื่อยๆ แล้วก็ออกบิณฑบาต กิจวัตรของท่านจะเป็นแบบนี้ทุกๆวัน

    ในช่วงที่ผมอยู่กับหลวงปู่ หลวงปู่ท่านก็จะให้ปฏิบัติเองถ้าติดขัดตรงไหนก็ไปถามท่าน โดยท่านจะบอกกับผมว่าถ้าวันไหนที่จะคุยกับปู่ก็ให้บอกปู่ก่อนนะ ปู่จะได้หลีก จะได้เลี่ยง จะได้กันญาติโยมให้ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่มีเวลาคุยกันแน่ๆเพราะญาติโยมจะมากันตลอดทั้งวัน

    จนถึงวันที่ผมสึกออกมาแล้ว ปรากฏว่าวันนั้นทั้งวันไม่มีญาติโยมมาหาหลวงปู่เลย ผมเองก็แปลกใจมาก เพราะปกติทุกวันจะมีญาติโยมมาเต็มไปหมด มานั่งรอให้หลวงปู่สงเคราะห์ให้หลังจากฉันเช้าเสร็จไปจนถึงเย็นเลย

    วันนั้นผมจึงมีโอกาสนั่งคุยกับหลวงปู่ได้อย่างเต็มที่ ถามท่านเรื่องนู้นเรื่องนี้เสร็จ ผมก็เหลือบไปเห็นขันใส่สีผึ้งของหลวงปู่ ที่ท่านทำเอาไว้แจกญาติโยมที่มาขอ(ให้ฟรีๆนะครับ ไม่ได้ตั้งราคาค่าบูชาแต่อย่างใด) ผมก็เลยเอ่ยปากขอสีผึ้งของหลวงปู่ เพราะสีผึ้งตลับเก่าที่ท่านเคยให้ผมมาหมดไปตั้งนานแล้ว

    วันนั้นพอเอ่ยปากขอสีผึ้งจากท่าน ท่านก็บอกว่า
    เอาๆๆ อ้วน ... เดี๋ยวปู่ทำให้ แล้วท่านก็เดินเข้าไปในห้องสักพักหนึ่ง
    แล้วก็ออกมาพร้อมกับตลับโลหะกลมๆสีเหลืองเก่าๆ (ผมจำได้ว่าตลับนี้
    เป็นตลับที่ท่านใส่สีผึ้งเอาไว้ใช้ส่วนตัว ผมเคยเห็นตลับนี้เมื่อตอน 8 ปีก่อน
    ตั้งแต่ตอนที่ผมไปขอสีผึ้งท่านครั้งแรก ซึ่งตลับที่หลวงปู่เอามาใส่สีผึ้งนี้
    จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรหรอกครับ เป็นตลับโลหะธรรมดาที่เค้าใช้สำหรับใส่ลูกอมแก้เจ็บคอ ที่มีขายตามร้านทั่วๆไป พอลูกอมหมดแล้วหลวงปู่ท่านก็เอาตลับมาทำเป็นตลับสีผึ้ง)

    พอผมเห็นท่านถือตลับนี้ออกมา ก็แอบนึกในใจว่าท่านจะให้ตลับนี้เลยเหรอ
    เพราะตลับนี้มีขนาดใหญ่พอสมควร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 ซม.ได้

    ท่านกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับตลับสีผึ้งอันเก่าของท่าน แล้วก็ผมว่าระหว่างสมเด็จ กับ นางกวัก อ้วนชอบอะไรผมก็เลยบอกว่าเอานางกวักแล้วกันครับ เพราะสมเด็จผมมีแล้ว ท่านก็หัวเราะแล้วก็หยิบนางกวักงาแกะองค์เล็กๆขึ้นมา แล้วก็บอกว่า เข้าใจเลือกนะอ้วน นางกวักเนี่ย เหลือแค่สององค์ สุดท้ายแล้ว แล้วท่านก็เอาใส่ลงไปในตลับสีผึ้งที่ท่านจะให้ผม เสร็จแล้วท่านก็หยิบขันที่ใส่สีผึ้งที่ท่านทำไว้แจกให้ญาติโยมขึ้นมา ท่านเอามือลงไปล้วงอะไรบางอย่างจากก้นขันขึ้นมาแล้วก็ถามผมว่าสีแดง กับ สีขาว อ้วนชอบสีอะไร ผมก็เลยบอกว่า เอาสีขาวแล้วกันครับหลวงปู่ ท่านก็เลยหยิบเอาลูกแก้วสีขาวๆ
    ที่อยู่ก้นขันสีผึ้งมาใส่ให้ในตลับของผม (ก้นขันสีผึ้งมีลูกแก้วอยู่สองลูก สีขาว กับ แดง) แล้วท่านก็หยิบราหูกะลาตาเดียวจากในขันสีผึ้งใหญ่ พระสมเด็จงาแกะองค์เล็ก แล้วก็กาฝากอะไรสักอย่างนึง(จำชื่อไม่ได้) มาใส่ไว้ในตลับ แล้วก็เอาสีผึ้งจากในขันมาใส่ให้ในตลับจนเต็ม เสร็จแล้วท่านก็นั่งหลับตา กำตลับสีผึ้งไว้ในมือ เสกกำกับตลับสีผึ้งให้อีกทีนึง

    หลวงปู่ท่านนั่งอยู่บนพื้นยกสูง โดยมีผมนั่งอยู่ที่พื้นด้านหน้าท่าน(ต่ำกว่าท่าน) โดยตอนนั้นมีแค่ท่านกับผมเพียงสองคน ผมนั่งดูหลวงปู่ท่านเสกสีผึ้งให้ โดยหลวงปู่ท่านกำตลับสีผึ้งไว้ในมือข้างนึง หลับตาลงแล้วก็เสกโดยที่ท่านไม่ได้ใช้คาถาอะไรเลย เหมือนเป็นการอวยพรซะมากกว่า เท่าที่ผมจำได้ก็มีประมาณว่าแม่น้ำไนล์ แม่น้ำแยงซีเกียง แม่น้ำหวงโฮ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำโขง แม่น้ำคงคา ให้พากันหลั่งไหลมา ให้เงินไหลนอง ให้ทองไหลมา ให้หนี้ไหลหนี จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง โดยในขณะที่ท่านพูดชื่อแม่น้ำแต่ละสาย ท่านก็จะเอามืออีกข้างที่ไม่ได้ถือตลับสีผึ้งอยู่ กวาดไปในอากาศแล้วก็วนมาจบที่ตลับสีผึ้ง คล้ายๆกับเหมือนให้แม่น้ำแต่ละสายไหลมาที่ตลับนี้ ผมฟังดูแล้วก็ได้แต่งงว่าหลวงปู่ท่านเสก แบบนี้จริงๆหรือว่าท่านอวยพรให้เฉยๆ ? ท่านไม่ได้ใช้คาถาอะไรเลยเหรอ? แล้วแบบนี้จะขลังจริงเหรอ? (ยังแอบคิดในใจว่าหลวงปู่ท่านเล่นรึเปล่า)

    ผมนั่งคิดอยู่แบบนี้สักพัก เสียงหลวงปู่ก็เงียบไป แล้วท่านก็เอามือสองข้างมากุมตลับสีผึ้ง ก้มตัวลงมาเอาตลับสีผึ้งไปจรดไว้ตรงหน้าผากท่าน สักพักก็มีเสียงนกร้องดังขึ้นมาทีนึงจากในป่าด้านหลังกุฏิที่ผมกับหลวงปู่นั่งอยู่ โดยไม่เห็นตัวนกที่ร้องแล้วก็หยุดไป ซึ่งตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่วัดนี้ผมไม่เคยได้ยินเสียงนกชนิดนี้ร้องมาก่อนเลย ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรกับเสียงนกที่ร้อง ผมยังคงนั่งมองหลวงปู่ที่ตอนนี้นั่งหลับตา กำตลับสีผึ้งไว้ในมือทั้งสองข้าง แล้วก็เอาตลับสีผึ้งมาจรดไว้ใกล้ๆหน้าผาก แล้วจู่ๆท่านก็พูดว่า "อีก" ปรากฏว่าเสียงนกที่เพิ่งจะหยุดร้องไปเมื่อกี้นี้ก็ร้องขึ้นมาอีกทีหนึ่งแล้วก็หยุดไป พอเสียงนกหยุดร้อง หลวงปู่ก็พูดว่า "อีก" เช่นเดิม แล้วนกก็ร้องขึ้นมาอีก เป็นแบบนี้ไปสักพัก หลวงปู่ก็พูดว่า "เร็วขึ้น" ปรากฏว่าเสียงนกที่ร้องอยู่เมื่อกี้เพิ่มจังหวะการร้องที่เร็วขึ้นตามที่หลวงปู่พูด แล้วหลวงปู่ก็พูดว่า "เร็วขึ้นอีก" คราวนี้ตัวนั้นก็ร้องรัวเลย ร้องรัวอยู่นานมาก โดยที่หลวงปู่ก็นั่งหลับตากำตลับสีผึ้งด้วยสองมือ ก้มตัวเอาสีผึ้งจรดไว้ใกล้ๆหน้าผากเหมือนเดิม เสียงนกก็ร้องไปเรื่อยๆ สักพักเสียงนกก็หยุดร้อง พอเสียงนกหยุดร้องหลวงปู่ก็ลืมตาขึ้นมา แล้วก็ส่งตลับสีผึ้งมาให้ผมพร้อมกับยิ้มๆบอกว่า เสร็จแล้วอ้วน ผมมองหน้าหลวงปู่ด้วยอาการอึ้งๆ ขนลุกไปทั้งตัวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาสดๆร้อนๆเมื่อกี้

    หลวงปู่ท่านก็คงจะดูอาการผมออก ท่านยิ้มนิดๆแบบอารมณ์ดี ผมรีบบอกหลวงปู่ว่า สุดๆเลยครับหลวงปู่ ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน นกที่ร้องเป็นนกอะไรเหรอครับ ท่านก็ตอบกลับมาว่า นกฮูก น่ะอ้วน ไม่มีอะไรหรอก ผมเลยถามท่านว่าทำไมนกถึงร้องล่ะครับ แถมร้องตามที่ท่านบอกด้วย ท่านก็ว่า..ไม่รู้เป็นอะไรเสกด้วยบทนี้ทีไร นกมันร้องแบบนี้ทุกที แต่บทนี้ปู่ไม่ค่อยได้เสกบ่อยหรอกนะ แล้วท่านก็ยิ้มๆ ผมก็เลยชวนท่านคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ต่อไป พอคุยกับท่านเรียบร้อยแล้วสักพักก็มีญาติโยมมากราบท่าน ผมก็เลยออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ญาติโยมได้คุยกับท่านอย่างสะดวก

    จนตอนเย็นวันนั้น ลูกศิษย์ท่านก็มารับผมไปส่งที่ท่ารถ เพื่อจะขึ้นรถกลับกรุงเทพก่อนจะกลับหลวงปู่ยังถามผมอีกว่ามีค่ารถรึเปล่าอ้วน ถ้าไม่มีเอาที่ปู่ก็ได้นะเดี๋ยวปู่ออกค่ารถให้............หลวงปู่ยังคงเมตตากับลูกศิษย์เหมือนเดิม
     
  17. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    ประสบการณ์เหรียญรุ่นแรก

    หลวงปู่มีดำริให้จัดสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้น ในปี 2548 ซึ่งในครั้งนั้นผมกับรุ่นน้องของผม(คุณโจ้) จึงร่วมกันเป็นเจ้าภาพบริจาคปัจจัยเพื่อจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกถวายแด่หลวงปู่ตามที่ท่านมีดำริให้จัดสร้างกันขึ้นมา โดยเหรียญรุ่นนี้มีการจัดสร้างทั้งหมด 3 เนื้อด้วยกัน คือ
    - เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ (ไม่ตัดขอบ) จำนวน 20 เหรียญ
    - เนื้อเงิน จำนวน 50 เหรียญ (คุณโจ้เป็นเจ้าภาพ ออกค่าใช้จ่ายในการทำเหรียญเงิน)
    - เนื้อทองแดง จำนวน 5000 เหรียญ (ผมเป็นเจ้าภาพ ออกค่าใช้จ่ายในการทำเหรียญทองแดง)

    โดยเหรียญทั้งหมด หลวงปู่ได้อธิษฐานจิตเดี่ยวตลอดไตรมาส โดยในครั้งนั้นคุณโจ้ได้ขอเหรียญทองแดงกลับมาจากหลวงปู่จำนวน 50 เหรียญ และ เหรียญเงิน 20 เหรียญ ส่วนที่เหลือได้ถวายให้หลวงปู่ไว้แจกจ่ายจนหมด

    สำหรับประสบการณ์ของเหรียญรุ่นแรกที่มีผู้นำไปบูชาแล้วมาเล่าให้หลวงปู่ฟัง คือ...



    กระสุนปืนวิ่งอ้อมศีรษะ

    เรื่องนี้มีชาวบ้านที่ได้รับแจกเหรียญจากหลวงปู่ไป มาเล่าให้หลวงปู่ฟังว่า เค้าไปถูกคนร้ายจ่อยิงที่ขมับในระยะเผาขน ปรากฏว่าพอคนร้ายยิงออกมา กระสุนเจาะทะลุไปใต้ผิวหนังของเค้า แล้วกระสุนก็วิ่งใต้ผิวหนังอ้อมจากขมับด้านหนึ่งขึ้นไล่ขึ้นไปบนกระหม่อมด้านบน แล้วก็ไปตุงอยู่ใต้ผิวหนังของขมับอีกด้านหนึ่ง

    (เรื่องนี้ผมว่า คงจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เพราะจากที่กระสุนต้องทะลุศีรษะก็กลายเป็นทะลุแค่ผิวหนังแล้วก็วิ่งอ้อมไปอีกด้านนึงแทน)



    มอเตอร์ไซด์ล้อติด

    เรื่องนี้ก็มีชาวบ้านมาเล่าให้หลวงปู่ฟังเช่นกันครับ เรื่องก็คือชาวบ้านที่ได้รับแจกเหรียญไปคนนึง นำเหรียญนี้ไปให้ลูกของเค้าห้อยบูชาติดตัว ปรากฏว่าวันนั้นเด็กคนนี้ไปนั่งเล่นอยู่กลางถนนในหมู่บ้าน แล้วจู่ๆก็มีมอเตอร์ไซด์วิ่งมาด้วยความเร็วสูง และเบรคไม่อยู่ ซึ่งคนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ามอเตอร์ไซด์ต้องชนเด็กคนนี้แน่ๆ แต่ปรากฏว่ามอเตอร์ไซด์มาหยุดอยู่ที่หน้าเด็กคนนั้น เพราะว่าจู่ๆโช๊คของมอเตอร์ไซด์ก็ค้าง ทำให้ตัวถังไปเบียดอยู่กับล้อ จนรถวิ่งต่อไปไม่ได้ แล้วก็มาหยุดอยู่ที่หน้าของเด็กคนนั้น

    หมายเหตุ: เรื่องราวทั้งหมดผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ได้รับฟังมาจากหลวงปู่โดยตรงครับ ซึ่งหลวงปู่ท่านไม่ได้มองว่าเป็นปาฏิหาริย์อะไรนะครับ ท่านเล่าไปก็บอกว่า แปลกดีเหมือนกัน แล้วก็บอกว่า มันบังเอิญน่ะอ้วน....
     
  18. lekjingjing

    lekjingjing สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +20
    ต้องขอชี้แจงว่า ที่ผมนำเรื่องราวต่างๆ(บางส่วน) ของหลวงปู่จันทร์มาบันทึกไว้ให้สมาชิกได้ทราบกันนั้น มิได้มีจุดประสงค์เพื่อจะโอ้อวดหรืออวดอุตริแต่ประการใด

    ผมเพียงแค่อยากให้สมาชิกได้ร่วมอนุโมทนา และ หากใครมีกำลังพอ ก็อยากขอให้ร่วมกันบริจาคปัจจัยเพื่อช่วยหลวงปู่ในการสร้าง "ศาลาเอนกประสงค์" ให้แล้วเสร็จตามที่หลวงปู่ตั้งใจ เพราะผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า หลวงปู่ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นเนื้อนาบุญที่ดี ข้อวัตรปฏิบัติของท่านไม่เคยบกพร่อง

    ปัจจัยทั้งหลายที่ท่านได้ร่วมกันบริจาคนั้นจะถูกนำไปใช้ในการสร้าง "ศาลาเอนกประสงค์" เพื่อใช้ประโยชน์ในบวรพระพุทธศาสนาจริงๆครับ ซึ่งผมเองก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนแก่ท่านทั้งหลายที่จะร่วมกันบริจาคปัจจัยเข้ามา ก็เลยนำวัตถุมงคลส่วนตัวที่ผมเก็บสะสมไว้ ออกมามอบเป็นของตอบแทนเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำบุญร่วมกันในครั้งนี้

    สำหรับสมาชิกทุกท่านที่ร่วมกันบริจาคปัจจัยเข้ามา ผมจะนำรายชื่อของทุกท่านไปถวายแด่หลวงปู่จันทร์ โดยระบุให้ท่านทราบว่าใครร่วมบริจาคปัจจัยในครั้งนี้บ้าง นอกจากนี้หากท่านใดประสงค์ที่จะได้ใบอนุโมทนาบัตร หลวงปู่ก็ยินดีออกใบอนุโมทนาบัตรให้เช่นกันครับ

    รายชื่อของผู้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ จะเป็นรายชื่อของสมาชิกแต่ละท่านที่ร่วมกันบริจาคปัจจัยจริงๆครับ ส่วนผมเป็นเพียงแค่สื่อกลางที่นำข่าวสารมาบอก และขอมอบวัตถุมงคลของผมที่เก็บสะสมไว้ เพื่อเป็นของที่ระลึกให้กับสมาชิกที่ร่วมทำบุญกันในครั้งนี้เท่านั้นครับ

    เมื่อวานนี้ ผมได้ส่งปัจจัยส่วนตัว จำนวน 20,000 บาท ไปถวายแด่หลวงปู่เพื่อใช้เป็นเงินก้อนแรกในการสั่งซื้อเสา และ วัสดุต่างๆที่จะต้องใช้ในการก่อสร้างศาลาเอนกประสงค์ครั้งนี้แล้ว ซึ่งผมจะพยายามรวบรวมเงินและส่งไปอีกครั้งในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ เพื่อจะได้เอาเงินที่ได้จากการรับบริจาคในครั้งนี้ ไปร่วมสมทบกองกฐินที่วัดของหลวงปู่ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ครับ

    ขออนุโมทนากับสมาชิกทุกท่าน ที่ร่วมกันทำบุญในครั้งนี้ครับ

    หมายเหตุ:
    เพื่อให้สมาชิกสามารถตรวจสอบการร่วมทำบุญในครั้งนี้ได้ ผมจะนำหลักฐานในการส่งเงินไปทำบุญกับหลวงปู่จันทร์มาลงให้สมาชิกได้รับทราบกัน และจะนำยอดเงินในบัญชีที่มีสมาชิกโอนเข้ามาร่วมทำบุญกัน มาให้สมาชิกได้รับทราบยอดกัน เพื่อให้โปร่งใสและตรวจสอบได้นะครับ (ไม่ได้มีเจตนาจะโอ้อวดในการทำบุญนะครับ เพียงแค่ต้องการให้สมาชิกสบายใจ และตรวจสอบได้ว่ามียอดเงินบริจาคส่งไปให้หลวงปู่เท่าไหร่แล้ว)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fff.jpg
      fff.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32 KB
      เปิดดู:
      67
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2008
  19. หนึ่ง1

    หนึ่ง1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,639
    ทำไมต้องจำนวนเงินทำบุญถูกจังครับ สมเด็จปู่เฒ่าที่วัดตั้งค่าบูชาไว้ที่ 999 บาท น่าจะอัพขึ้นนะครับ
     
  20. สักกะ

    สักกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    3,405
    ค่าพลัง:
    +12,015
    โมทนาด้วยครับคุณอ้วน ท่านเมตตาคุณอ้วนมากๆเลย

    อยากมีโอกาสคุยกับท่านบ้าง ขอเบอร์ท่านหน่อยได้ป่าวคับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...