สร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะรับมอบพระกรุลำพูนอายุ๕๐๐-๗๐๐ ปี

อีกพิมพ์หนึ่งคือพระร่วงประทานพร ของสุโขทัย พบเห็นที่ไหนก็อย่าลืมสังเกตตำหนิเบื้องต้นตามที่ได้แจ้งไว้ครับ

 

ก็คงจะพบเห็นได้แต่ที่นี่ละครับ ส่วนตำหนินั้นก็คงไม่ต้องจำ คอยติอย่างเดียว (deejai)

 

พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้...
http://palungjit.org/showthread.php?p=1348716#post1348716

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
เช้าวันเสาร์นี้ ผมนำพระร่วงเปิดโลก เนื้อดิน มาให้ชมอีก ๑ องค์ ให้สังเกตรอยย่นด้านหลังองค์พระ ความแห้ง คราบ เป็นศิลปะสมัยสุโขทัย อายุราว ๘๐๐ ปี เป็นองค์ที่สมบูรณ์มาก







</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
อีกพิมพ์หนึ่งคือพระร่วงประทานพร ของสุโขทัย พบเห็นที่ไหนก็อย่าลืมสังเกตตำหนิเบื้องต้นตามที่ได้แจ้งไว้ครับ







</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตั้งจิต
ก็คงจะพบเห็นได้แต่ที่นี่ละครับ ส่วนตำหนินั้นก็คงไม่ต้องจำ คอยติอย่างเดียว (deejai)


</TD></TR></TBODY></TABLE>
ลุงเพชรคับ มือผีป่าวคับ


หรือเป็นมือพ่อมดคับ




ถ้าใช่ผมขอนิมนต์คับ

.<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- sig -->

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
ยังมอบกันต่อไปอีก ๕ องค์ครับ ทั้งนี้หากท่านผู้มีวาระได้รับไปแล้ว ขอให้ระมัดระวังรักษาสัจจะที่ให้ไว้ด้วยนะครับ พระเปิดโลกจะโดดเด่นทางด้านกรรมฐานหากนำไปใช้อธิษฐานจิตขอบารมีพระพุทธเจ้าเป็นกำลังพุทธานุสสติ เป็นของหายาก และมีราคา การนำมามอบให้บุคคลทั้ง ๙ ท่าน เพื่อร่วมกันอธิษฐานจิตเป็นกรรมฐานถวายองค์พ่อหลวงในเวลาที่ตรงกัน...ขออนุโมทนา..

</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
http://palungjit.org/showthrea...118352&page=91

<TABLE class=tborder id=post1331980 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">05-07-2008, 10:29 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1804 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>:::เพชร:::<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1331980", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 09:10 PM
วันที่สมัคร: Jul 2006
อายุ: 43
ข้อความ: 4,202
Groans: 18
Groaned at 1 Time in 1 Post
ได้ให้อนุโมทนา: 4,987
ได้รับอนุโมทนา 45,413 ครั้ง ใน 4,310 โพส
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 3281





</TD><TD class=alt1 id=td_post_1331980 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ khunsa
จองค่ะ



</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขอมอบพระเปิดโลก องค์ที่ ๑ จากจำนวน ๙ องค์ ให้ Khunsa เพื่อการเจริญกรรมฐานถวายองค์พ่อหลวงเวลา ๒๑.๐๐-๒๑.๐๕ ทุกวันด้วยครับ แจ้งชื่อที่อยู่เพื่อการจัดส่ง EMS ทาง PM ผมด้วยครับ..

เพื่อนๆอีก ๒ ท่านก็ลุ้นกันในวันถัดๆไป อาจจะมีพระเปิดโลกองค์ใดที่ต้องวาระกับเราครับ



</TD></TR></TBODY></TABLE>

*******************************************

ขอถามคุณเพชรว่า การเจริญกรรมฐานถวายองค์พ่อหลวงเวลา ๒๑.๐๐-๒๑.๐๕ ทุกวัน ใช่เป็นการให้สัจจะและต้องเจริญกรรมฐานถวายองค์พ่อหลวงตลอดชีวิต หรือเพียง 9 วันตามที่ระบุการมอบพระเท่านั้น กรณีไหนครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
ท่านผู้ที่ได้รับโอกาสของพระเปิดโลกนี้แล้วทั้ง ๓ ท่าน หากเกิดความไม่สบายใจ ไม่สะดวกใจเกรงว่าจะไม่สามารถปฏิบัติได้ตลอดชีวิต ย้ำครับ ตลอดชีวิต ก็อย่าได้รับไปเลยนะครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
เรื่องการให้สัจจะต่อองค์พ่อหลวง เรื่องนี้เป็นทั้งมหากุศลและอันตรายมากในเวลาเดียวกัน

ถ้าหากเราทำได้ ก็จะเป็นมหากุศลกับตนเอง(แน่นอน ตนเองต้องได้แน่) และองค์พ่อหลวง แต่หากว่าวันใดวันหนึ่ง เกิดขี้เกียจหรือจากอุปนิสัยที่เปลี่ยนไป นั่นหมายความว่าเราผิดสัจจะต่อพระโพธิสัตว์ ซึ่งอันตรายกับตัวเราในอนาคต(ทั้งชาตินี้หรือชาติต่อๆไป ตราบใดที่ยังไม่หลุดพ้น) หากว่าเราจะกลับไปปฎิบัติอีกครั้ง จะปฎิบัติไม่ได้ หรือไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นครับ


</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
เอ! การย้ำหลายๆครั้งนี่อาจจะทำให้หลายท่านเกิดความกลัว การนำพระกรุโบราณจำนวน ๙ องค์มามอบให้แบบเปล่าๆนี้ ผมเพียงขอเงื่อนไขเดียวซึ่งได้เกริ่นไว้ในตอนต้นแล้ว คือปฏิบัติกรรมฐานถวายองค์พ่อหลวงในเวลา ๒๑.๐๐-๒๑.๐๕ น. ทุกวัน และตลอดชีวิต ผมยังเคยได้ตอบคำถามไปบ้างแล้ว กรณีหากไม่ว่าง ติดธุระ ต้องทำอย่างไร ลองย้อนกลับไปอ่านนะครับ ดังนั้นยังไม่ต้องรีบขอรับกัน ยังมีเวลา เพยงทบทวนดูวิถีปฏิบัติของตนเองว่า พอจะปรับนิสัย บางอย่างได้หรือไม่ ให้ทดลองปรับนิสัยความเคยชินซัก ๒๑ วัน

</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
เรื่องการมอบพระเปิดโลกเพื่อการเจริญกรรมฐานนี้ หากสงสัยถึงราคาทางโลกของพระเปิดโลกองค์นี้ว่ามีค่าเพียงใด ก็ลองโทรไปสอบถามเจ้าของพระเปิดโลกที่ลงโฆษณาให้บูชาในหนังสือเล่มนี้ดูนะครับ พระเปิดโลก ๙ องค์นี้ มีมูลค่าร่วม ๑๐๐,๐๐๐ บาท ผมไม่เคยนำออกให้บูชาเพื่อแลกเปลี่ยนกับปัจจัยทางโลกเลย แต่เป็นการมอบให้แบบเปล่าๆ เพียงให้ตั้งสัจจะขอปฏิบัติกรรมฐานถวายองค์ในหลวงทุกวัน ตลอดชีวิต เท่านั้นเอง เพียง ๕ นาทีต่อวันในช่วงเวลา 9.00-9.05 PM หรือ ๒๑.๐๐-๒๑.๐๕ น.

ขอบอกให้ทราบอีกครั้งครับ พระเปิดโลก ไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดความร่ำรวยทางโลก แต่เกิดผลเร่งรัดการปฏิบัติทางกรรมฐานโดยตรงครับ

มีหลายความเห็นก่อนหน้านี้ที่ผมมักจะพิมพ์ความเห็นไม่ซ้ำกัน ไม่ค่อยจะ copy ซ้ำ เพราะท่านที่ติดตามก็ไม่อยากอ่านอะไรที่ซ้ำๆ จึงอยากให้ย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระเปิดโลกก่อนโดยเฉพาะบทที่ว่าด้วยการสมาทานพระกรรมฐานของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนะครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
คืนนี้มาลองลุ้นพระเปิดโลกองค์ที่ 8 กัน ผู้มีวาสนาอย่าได้ลืมสัจจะนะครับ หากไม่แน่ใจอย่าได้กด post จอง


</TD></TR></TBODY></TABLE>

*****************************

มารอลุ้นนะครับ สำหรับพระพิมพ์องค์ต่อไปครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">

[ แนะนำเรื่องเด่น ] ​

</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอจององค์ที่ 8 ครับ

 

เอาใหม่นะ ขอเอาใจช่วย ยังมีพรุ่งนี้อีกวันนะครับ

 

ยินดีด้วยครับๆ;aa34;20:z3

 

สรุปรายชื่อของผู้จองพระเปิดโลก ๔ องค์ ตามลำดับของแต่ละวัน

องค์ที่ ๑ วันเสาร์ที่ ๕ ก.ค. คุณkhunsa(ยังไม่ได้รับที่อยู่)
องค์ที่ ๒ วันอาทิตย์ที่ ๖ ก.ค. คุณchantasakuldecha(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๓ วันจันทร์ที่ ๗ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๔ วันอังคารที่ ๘ ก.ค. คุณgnip(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๕ วันพุธที่ ๙ ก.ค. คุณkato_king(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ก.ค. คุณnaraiyana(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๗ วันศุกร์ที่ ๑๑ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๘ วันเสาร์ที่ ๑๒ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๙ วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ก.ค. ???
<!-- / message --><!-- sig -->

 

สำหรับพระร่วงหลังรางปืน เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง จำนวนเพียง ๔ องค์เวลาหลังเที่ยงคืนวันนี้ ผมจะส่งรายละเอียดเรื่องการบูชาพระร่วงหลังรางปืน เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง ไปทาง PM ของแต่ละท่าน ผมไม่สามารถจะลงอัตราการบูชาในความเห็นได้เนื่องจากจะเป็นปัญหาที่วุ่นวายในภายหลังการมอบแล้วเสร็จ และสืบเนื่องจากเป็นเพราะอัตราการบูชาที่ต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมากด้วย ซึ่งเป็นการมอบให้ผู้ที่มีสิทธิ์ตามวาระเพียง ๑๖ ท่าน แต่จะมีเพียง ๔ ท่านเท่านั้น และท่านใดไม่ประสงค์จะจองก็ได้ครับแต่ไม่สามารถจองสิทธิ์เพื่อบุคคลอื่น ซึ่งจะ post เฉพาะภาพตามลำดับเพียง ๔ วันๆละ ๑ องค์ สิ้นวันเวลา ๒๔.๐๐น. ตามเวลา GMT+7 หากไม่มีผู้นิมนต์ ผมก็จะนิมนต์กลับครับ

พิมพ์แรกคือพิมพ์ฐานสูง
พิมพ์ที่ ๒-๔ เป็นพิมพ์ฐานเตี้ย

ผมมีความประสงค์ให้ท่านที่ได้รับไปนั้น ถือเป็นสิ่งคุ้มกันภัย และถือเป็นมรดกประจำตระกูล ไม่ประสงค์ให้ท่านนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินแต่อย่างใด

 

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระปรางค์ ตั้งอยู่ที่เมืองเก่าศรีสัชนาลัย นักประวัติศาสตร์ต่างเชื่อว่า เป็นวัดที่กำเนิดมาแต่ครั้งขอมเรืองอำนาจ เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๖ แต่นักโบราณคดีได้ยึดเอาศิลปะ และโบราณสถานที่ปรากฎให้เห็นเป็นเครื่องประมาณอายุว่าอยู่ในช่วงสมัยสุโขทัย โดยวัดพระปรางค์ได้นำเอาศิลปะแบบลังกามารวมกับศิลปะของลพบุรีประยุกต์เข้าไว้ด้วยกัน เมื่อประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๙

กับการยึดเอาศิลปะ และโบราณสถานที่ปรากฎของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระปรางค์ มาเป็นตัวประมาณอายุก็เป็นสิ่งที่ไม่ผิดจากความเป็นจริง เนื่องจากในช่วงสมัยสุโขทัยได้ติดต่อรับเอาพุทธศาสนาลัมธิเถรวาทนิกายลังกาวงศ์เข้ามา เหตุนั้นอิทธิพลของศิลปะแบบลังกาจึงมีผลต่อศิลปะสุโขทัยในการประยุกต์ผสมผสานกันเข้า แต่อย่างน้อยก็คงจะปรากฎร่องรอยของการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ไว้บ้าง รากฐานเค้าโครงเดิมที่ขอมสร้างอาจถูกเปลี่ยนแปลงในสมัยสุโขทัยก็ได้เช่นกัน ด้วยปรากฎหลักฐานหลายอย่างบ่งบอกว่า โบราณสถานแห่งนี้ได้ผ่านการบูรณะปฏิสังขรณ์กันมาหลายยุคหลายสมัยนับจากอดีตจนจวบปัจจุบัน

พระปรางค์เป็นพระปรางค์องค์ใหญ่ องค์ประธานของวัดนั้นก่อด้วยศิลาฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ ๒๒.๕๐ เมตร สูง ๔๐ เมตร ด้านตะวันออกของพระปรางค์ทำเป็นมุขยื่นออกมา มีบันไดทอดขึ้นสู่พระปรางค์ พระปรางค์เป็นรูปทรงข้าวโพด มีสัดส่วนงดงาม ได้ถูกบูรณะปฏิสังขรณ์มาหลายครั้งจนปัจจุบันมีรูปทรงคล้ายปรางค์สมัยอยุธยา ด้านหลังของพระปรางค์มีพระเจดีย์ก่อด้วยศิลาแลง ไม่มียอด เรียกกันว่า "พระมุเตา" เพราะดูคล้ายเจดีย์มอญ ส่วนด้านหน้าของพระปรางค์เป็นพระวิหาร มีพระประธานปูนปั้นขนาดใหญ่ เบื้องขวาของพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางลีลา และเบื้องซ้ายเป็นพระพุทธรูปปางประทานอภัย

โบราณสถานต่างๆภายในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระปรางค์ อาจจะไม่สามารถชี้ชัดถึงยุคกำเนิดของวัดแห่งนี้ได้ แต่อย่างน้อยกับการค้นพบพระพิมพ์ที่ได้สมญานามว่า"ขุนศึกแห่งเมืองชะเลียง" หรือ"พระร่วงหลังรางปืน" ซึ่งปรากฎแตกกรุออกมาจากพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระปรางค์ นั้นก็เป็นประจักษ์พยานให้กับการกำเนิดของพระปรางค์ได้เป็นอย่างดี

พระร่วงหลังรางปืนแตกกรุมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระปรางค์ เมื่อราวปีพ.ศ. ๒๔๙๓ เกือบ ๖๐ ปีแล้ว จำนวนประมาณ ๒๐๐ องค์ เป็นศิลปะเขมรยุคบายนซึ่งมีอายุอยู่ในราว ค.ศ.๑๓ เข้าใจว่าเมื่อขอมเรืองอำนาจได้ปกครองพื้นที่ในบริเวณนี้ และได้สร้างพระพิมพ์นี้ขึ้น

พุทธลักษณะ เป็นพระยืนปางประทานพร อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว ลักษณะของยอดซุ้มเป็นลายกนกแบบซุ้มกระจังเรือนแก้ว ด้านหลังองค์พระมีร่องกดลึกลงไป ทำให้ด้านหลังเป็นร่องยาวไปตามองค์พระ มีลักษณะคล้ายร่องปืนแก๊ป จึงนำเอกลักษณ์ดังกล่าวมาตั้งเป็นชื่อพระพิมพ์ว่า"พระร่วงหลังรางปืน"

พระพิมพ์นี้สร้างด้วยเนื้อชินตะกั่วเป็นส่วนใหญ่ เนื้อชินเงินมีน้อย เนื้อชินตะกั่วสนิมแดงเป็นเนื้อที่ได้รับความนิยมสูง และเป็นเนื้อมาตรฐานของพระร่วงหลังรางปืน สนิมแดงองคืพระบางองค์เป็นสีแดงเข้ม บางองคืออกแดงแบบลูกหว้า แต่มักจะปรากฎักษณะพิเศษคือมีไขขาว

พระร่วงหลังรางปืนของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หรือวัดพระปรางค์ ศรัสัชนาลัย จ.สุโขทัยมีด้วยกัน ๕ พิมพ์

๑) พระร่วงหลังรางปืน พิมพ์ใหญ่ ฐานสูง

๒) พระร่วงหลังรางปืน พิมพ์ใหญ่ ฐานเตี้ย

๓) พระร่วงหลังรางปืน พิมพ์ใหญ่ แก้มปะ

๔) พระร่วงหลังรางปืน พิมพ์ใหญ่ หน้าหนุ่ม

๕) พระร่วงหลังรางปืน พิมพ์เล็ก

 

นำมาฝากท่านผู้อ่าน เผื่อคอแห้งครับ














ตามอัธยาศัยครับ

.
<!-- / message --><!-- sig -->

 

ผมได้ PM แจ้งเรื่องของเคล็ดการอาราธนาพระคาถาพระร่วงวาจาสิทธิ์ และคาถาถอนพระร่วงวาจาสิทธิ์ไปยังเพื่อนๆทั้ง ๑๖ ท่านแล้วนะครับ ขอให้อ่านในรายละเอียดให้เข้าใจ และจดจำวิธีการใช้ รวมถึงขั้นตอนต่างๆอีกครั้งก่อนการรับพระร่วงเจ้าในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ครับ

 

คืนวันนี้เวลา ๒๑.๐๐ น. พระเปิดโลก(ทั่วไปเรียกว่าพระร่วงเปิดโลก)องค์สุดท้ายจะเป็นของท่านใด อย่าได้ลืมสัจจะที่ให้ไว้ว่าจะเจริญกรรมฐานตลอดชีวิต เวลา ๒๑.๐๐-๒๑.๐๕ น. ทุกวันถวายองค์พ่อหลวงนะครับ

และหลังเที่ยงคืนวันนี้ พระเลือกคน หรือคนเลือกพระ คงจะได้ทราบกันว่าพระร่วงหลังรางปืน พิมพ์ใหญ่ ฐานสูง องค์ที่ ๑ จะตกอยู่กับผู้ใดใน ๑๖ ท่าน

 

สรุปรายชื่อของผู้จองพระเปิดโลก ๔ องค์ ตามลำดับของแต่ละวัน

องค์ที่ ๑ วันเสาร์ที่ ๕ ก.ค. คุณkhunsa(ยังไม่ได้รับที่อยู่)
องค์ที่ ๒ วันอาทิตย์ที่ ๖ ก.ค. คุณchantasakuldecha(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๓ วันจันทร์ที่ ๗ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๔ วันอังคารที่ ๘ ก.ค. คุณgnip(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๕ วันพุธที่ ๙ ก.ค. คุณkato_king(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ก.ค. คุณnaraiyana(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๗ วันศุกร์ที่ ๑๑ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๘ วันเสาร์ที่ ๑๒ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๙ วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ก.ค.เวลา ๒๑.๐๐ น. ???

 

ไม่มีใครนิมนต์ไปสำหรับวันนี้ครับ

.

 

นำเรื่องราวของครูบาศรีวิชัย ที่มีความเกี่ยวพันกับพระแม่จามเทวี และวัดจามเทวี จ.ลำพูนอย่างไร มาให้รับทราบเป็นความรู้ความเข้าใจ...

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#eeeeee><CENTER>ตามรอย 130 ปี นักบุญล้านนา "ครูบาศรีวิชัย" "ชีวิต-คำสอน-ศรัทธา-สถาปัตย์"</CENTER></TD></TR><TR><TD borderColorLight=white borderColorDark=white><CENTER>
</CENTER>ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เป็นปูชนียบุคคลที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในภาคเหนือตอนบน

บารมีของครูบาศรีวิชัย ยังไม่มีพระสงฆ์องค์ใดเสมอได้ ทั้งในยุคสมัยของท่าน จนมาถึงปัจจุบัน

เนื่องจากคำสอนและแรงศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนที่เคารพ นับถือครูบา คนในภาคเหนือยังให้ความเคารพนับถืออยู่เสมอ

รวมทั้งยังปรากฏสถาปัตยกรรมในอัตลักษณ์รูปแบบของครูบาศรีวิชัย ในวัดที่มีชื่อเสียงทั้งเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา และแพร่ เป็นต้น

ปี 2550 เป็นปีครบรอบ 130 ปี ครูบาศรีวิชัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย จ.ลำพูน ได้จัดการแสดงนิทรรศการพิเศษ "ครูบาเจ้าศรีวิชัย ชีวิต คำสอน ศรัทธา สถาปัตย์" ขึ้น โดยจะจัดแสดงตั้งแต่บัดนี้ ไปสิ้นสุดเดือนเมษายน 2551

เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาเรียนรู้ประวัติบุคคลสำคัญของล้านนา ที่ไม่เคยจางหายไปจากจิตใจของชาวล้านนา

ครูบาศรีวิชัย เดิมชื่ออินทร์เฟือน เกิดวันอังคารที่ 11 มิถุนายน 2421 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบุตรคนที่ 3 ใน 5 ของนายควาย และนางอุสา ครอบครัวเป็นชาวนายากจน อยู่ที่ บ้านปาง ต.แม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน ต้นตระกูลเป็นหมอคล้องช้าง ของเจ้าหลวงดาราดิเรกฤทธิ์ไพโรจน์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 7

เมื่ออายุ 18 ปีได้บวชเป็นสามเณรภายหลังอุปสมบท ได้รับฉายาว่า "สิริวิชโยภิกขุ" หรือพระสีวิไช

ครูบาศรีวิชัย มีความสนใจด้านวิปัสสนา ปฏิบัติตามแบบอย่างของพระวัดป่าอย่างเคร่งครัด ถือสันโดษ มักน้อย

อัตลักษณ์ของครูบา เวลาไปไหนมาไหนจะถือพัดใบลานและสวมลูกประคำเสมอ

ชีวิตความเป็นสงฆ์ ฉันอาหารมื้อเดียว คือ มื้อเช้า ถ้าเป็นวันพระจะไม่ฉันอาหารเลย อาหารที่ฉันเป็นมังสวิรัติ และมัชชวิรัต เว้นจากของเสพติดทั้งหมด ไม่ยึดติดกับวัตถุปัจจัย วัตถุที่มีคนถวายทานโดยเฉพาะเงิน จะไม่จับต้องเลย ทำให้ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา


อีกทั้งการออกธุดงควัตรของครูบา ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ โดยเฉพาะชาวกะเหรี่ยง ซึ่งมีบทบาทและมีความสัมพันธ์กับครูบาศรีวิชัยมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่

ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในเขต อ.แม่สะเรียง และ อ.ลี้ ขนานนามครูบาศรีวิชัยว่า "กระแฉ่บั้ง" ซึ่งคำว่า "กระแฉ่" หมายถึงผู้วิเศษที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติและเหนือวิญญาณหรือผีอื่นๆ ส่วนคำว่า "บั้ง" หมายถึง สีเหลือง คือสีจีวรที่นุ่งห่ม

ครูบาศรีวิชัย ได้จาริกแสวงบุญไปทั่วทุกสารทิศ และได้บูรณะวัดไว้มากมาย จนได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าหมวดอุปัชฌาย์ จึงทำให้มีลูกศิษย์จำนวนมาก ช่วยเสริมบารมีท่านให้แก่กล้า กระทั่งเป็นที่จับตาของคณะสงฆ์มณฑลพายัพ จึงถูกอธิกรณ์ระยะแรกจากคณะสงฆ์ล้านนา มีการดำเนินคดีความเป็นช่วงระยะเวลายาวนาน เกือบ 30 ปี คือตั้งแต่ พ.ศ.2451-2479

ส่วนระยะที่ 2 เจ้าคณะเมืองเชียงใหม่และเจ้าคณะมณฑลพายัพ กล่าวโทษว่าตั้งตัวเป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่มีใบอนุญาต และไม่อยู่ในความบังคับบัญชาของเจ้าคณะสงฆ์ รวมทั้งมีเวทมนตร์ล่อลวงประชาชน ซ่องสุมผู้คน เป็นเหตุให้ประชาชนหลงนิยม ทำให้ครูบาต้องถูกลงโทษจำกัดบริเวณ ที่วัดพระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน

อธิกรณ์ระยะที่ 3 เกิดขึ้นในช่วงที่มีการสร้างถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ คณะสงฆ์ผู้ปกครองเชียงใหม่ ไม่พอใจที่ครูบาศรีวิชัยดำเนินการโดยลำพังกับพระลูกศิษย์ และมีคณะสงฆ์บางคณะที่เห็นชอบ ขอแยกตัวมาอยู่ในการปกครองของครูบาถึง 90 วัด

ในอธิกรณ์ครั้งที่ 3 ครูบาศรีวิชัยถูกจับกุมไปกรุงเทพฯ และยอมให้รับคำรับรองต่อคณะสงฆ์ ว่าจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติลักษณ์ปกครองสงฆ์ทุกประการ แต่ข้อขัดแย้งกลับไม่ยุติยังคงดำเนินบทบาทต่อเนื่องมาจนถึงยุคสมัยลูกศิษย์คนสำคัญ คือ พระอภิชัยขาวปี หรือครูบาขาวปี

แต่ผลจากการอธิกรณ์เหล่านี้ กลับสร้างบารมีให้แก่ครูบา จนมีคำกล่าวว่า "มาร บ่ มี บารมี บ่ แก่กล้า"

ที่สุดแล้ว ไม่มีใครทำอะไรท่านได้ เพราะท่านมีลูกศิษย์ที่เป็นแนวร่วมและพร้อมจะปกป้องคุ้มครองครูบา จนทำให้เกิดภาพลักษณ์ของความเป็น "ตนบุญแห่งล้านนา" มาจนถึงปัจจุบัน

"ยุพิน เข็มมุกด์" อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงปี 2477 เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ชื่อเสียงของครูบาศรีวิชัยโด่งดังไปทั่ว คือการตกลงเป็นประธานการสร้างทางขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ จากการติดต่อขอความช่วยเหลือของ หลวงศรีประกาศ ผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งการขึ้นดอยสุเทพไปนมัสการพระธาตุสมัยก่อนเป็นไปอย่างยากลำบาก ในสมัยของพระองค์เจ้าบวรเดช อุปราช มณฑลพายัพ เคยมีความคิดจะสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ โดยใช้งบประมาณ 2 แสนบาท แต่ทางการไม่มีงบประมาณให้

ถนนขึ้นดอยสุเทพ มีระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ใช้เวลาในการก่อสร้าง 5 เดือน 22 วัน ทำพิธีเปิดทางเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2478 โดยครูบาศรีวิชัยนั่งรถเถ้าแก่โหงว จากต้นทาง คือ ห้วยแก้ว ไปถึงเชิงพระธาตุดอยสุเทพ นับเป็นความยิ่งใหญ่ที่ทางการทำไม่ได้

ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ ครูบาศรีวิชัยได้บูรณปฏิสังขรณ์ วัดวาอาราม เจดีย์ จำนวนมาก และยังได้บูรณะหอไตรเพื่อไว้เก็บคัมภีร์ที่ท่านจารขึ้น สร้างวิหารครอบพระนอน รวมถึงบูรณะซ่อมแซมอุโบสถอีกด้วย

ระยะเวลา 18 ปี ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ในภาคเหนือ คือในจังหวัดลำพูนมีประมาณ 24 แห่ง เชียงใหม่ 33 แห่ง เชียงรายและพะเยา 22 แห่ง ลำปาง 24 แห่ง สุโขทัย คือวัดกลางดง

ทุ่งเสลี่ยม ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน คือวัดน้ำรูและวัดแม่ปิง จังหวัดตาก คือวัดพระธาตุแก่งสร้อย รวมประมาณ 74 แห่ง

ขณะพำนักอยู่ที่วัดจามเทวี จ.ลำพูน ครูบาศรีวิชัยยังได้เป็นประธานสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง ระหว่างอำเภอหางดง จ.เชียงใหม่กับลำพูน

ก่อนที่ครูบาศรีวิชัยจะละสังขารท่านได้สั่งเสียกับลูกศิษย์คนใกล้ชิดว่า ท่านอยากกลับไปตายที่บ้านปาง สถานที่เกิด และสั่งให้เอาน้ำผึ้ง 1 ขวด กรอกใส่ปากท่าน เมื่อท่านสิ้นอายุขัย ศพจะได้ไม่เน่าเปื่อย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2481 ท่านได้มรณภาพลง

เมื่อข่าวการมรณภาพของครูบาศรีวิชัยแพร่กระจายออกไป ทั้งชาวลำพูนและชาวเชียงใหม่ต่างต้องการจะนำศพท่านไปประกอบพิธีกรรม แต่ด้วยสัจวาจาที่ท่านได้กล่าวไว้ว่า "ตราบใดที่แม่ปิงบ่ไหลล่องขึ้นเหนือ จะบ่ขอเหยียบย่างแผ่นดินเชียงใหม่อีก" ทำให้ชาวเชียงใหม่ยอมจำนน

ดังนั้น เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ผู้ครองนครลำพูนจึงได้ประกอบพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ 15 วัน 15 คืน ที่วัดจามเทวี ซึ่งเป็นวัดที่ท่านเคยบูรณะและสร้างวิหารไว้

หลังงานพระราชทานเพลิงศพ ได้มีการแบ่งธาตุของท่านออกเป็น 6 ส่วน ไว้ที่ วัดจามเทวี จ.ลำพูน วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ วัดพระแก้วดอนเต้า จ.ลำปาง วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา วัดพระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ และวัดบ้านปาง จ.ลำพูน

ในโอกาสครบรอบ 130 ปี ครูบาศรีวิชัย คณะศิษยานุศิษย์ ประชาชนอำเภอลี้ ได้สร้างรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยองค์ใหญ่ที่สุด ขนาดหน้าตักกว้าง 15 เมตร สูง 19 เมตร เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ วัดบ้านปาง และได้จัดสร้างวัตถุมงคล ครูบาศรีวิชัย รุ่น "ถิ่นกำเนิด" บรรจุเกศาครูบาศรีวิชัยไว้ทุกองค์

วัตถุมงคลครูบาศรีวิชัยรุ่นนี้ เปิดให้บูชาในราคาองค์ละ 399 บาท โดยเงินรายได้จะนำเป็นปัจจัยสมทบทุนจัดสร้างรูปเหมือนครูบาศรีวิชัยองค์ใหญ่ที่สุด รวมทั้งนำมาใช้ในการบูรณะซ่อมแซมหุ้มทองเจดีย์บรรจุอัฐิของครูบาศรีวิชัย และจัดสร้างพระธาตุทองคำ เจติยาพุทธานุภาพ

ความเลื่อมใสศรัทธาในตัวตนของครูบาไม่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาศาสนสถาน คำสั่งสอน ลูกหลานได้กราบไว้และยึดถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ นับเป็น "ตนบุญ" อมตะคู่แผ่นดินล้านนา

</TD></TR><TR><TD borderColorLight=white borderColorDark=white><HR align=left width=250 noShade SIZE=1>by: Brain - - 25/6/2007</TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.med.cmu.ac.th/alumni/webboard/QAview.asp?id=69

 

ขอบคุณคุณหนุ่มที่ช่วยเหลือนะครับ

สรุปรายชื่อของผู้จองพระเปิดโลก ๙ องค์ ตามลำดับของแต่ละวัน

องค์ที่ ๑ วันเสาร์ที่ ๕ ก.ค. คุณkhunsa(ยังไม่ได้รับที่อยู่)
องค์ที่ ๒ วันอาทิตย์ที่ ๖ ก.ค. คุณchantasakuldecha(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๓ วันจันทร์ที่ ๗ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๔ วันอังคารที่ ๘ ก.ค. คุณgnip(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๕ วันพุธที่ ๙ ก.ค. คุณkato_king(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ก.ค. คุณnaraiyana(ได้รับที่อยู่แล้ว)
องค์ที่ ๗ วันศุกร์ที่ ๑๑ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๘ วันเสาร์ที่ ๑๒ ก.ค. ไม่มีผู้ได้รับ
องค์ที่ ๙ วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ก.ค.ไม่มีผู้ได้รับ

ความจริงพระเปิดโลกได้เคยมอบไว้ให้จนถึงวันนี้ครบ ๑๙ ท่านแล้ว
ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นการมอบให้ผู้ที่ร่วมบุญธรรมทานจำนวน ๑๐ ท่านซึ่งได้มอบเพิ่มเติมให้เป็นกรณีพิเศษรวม ๑๐ ท่าน
๑) พี่แอ๊ว
๒) คณdragonn
๓) คุณพุทธันดร
๔) คุณdragonlord
๕) คุณnaraiyana
๖) คุณศิษย์ต่างแดน
๗) คุณประนังโชค
๘) คุณkwok
๙) คุณchaipat
๑๐)คุณPichet-m

รอบที่ ๒ มี ๑ ท่านคือ
๑๑)คุณnongnooo

รอบที่ ๓ มี ๒ ท่านคือ
๑๒)คุณ aries2947
๑๓)คุณจันทร์ใฝ่ธรรม

รอบที่ ๔ รอบสุดท้ายนี้มีผู้ที่ได้รับอีก ๕ ท่าน
๑๔)คุณkhunsa(ยังไม่ได้รับที่อยู่)
๑๕)คุณchantasakuldecha(ได้รับที่อยู่แล้ว)
๑๖)คุณgnip(ได้รับที่อยู่แล้ว)
๑๗)คุณkato_king(ได้รับที่อยู่แล้ว)
๑๘)คุณnaraiyana(ได้รับที่อยู่แล้ว)

รวม ๑๘ ท่าน(๑+๘=๙)ที่ได้รับพระเปิดโลกไป...

ขอโมทนาบุญกรรมฐานกับทุกท่านด้วยครับ