ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ใน Trekkingthai.com ก็เริ่มพูดเรื่องนี้บ้างแล้วครับ มีคนเล่นอุปกรณ์เยอะแยะมากมาย ลองไปดูครับ
http://board.trekkingthai.com/board/...opic_id=130505

Pew Pew สมาชิก

ส่วนเครื่องปั่นไฟ ผมเคยเห็นเขาขายที่ร้าน FBT รามคำแหง และแถวคลองถม บ้านหม้อ น่าจะมีให้เลือกซื้อได้เยอะแยะ

 

ถังแก๊สซื้อได้ที่ร้านขายแก๊สที่เราโทรสั่ง เพียงบอกเขาว่าต้องการถังปุ๊กลุ้ก ปตท. 7 กก. สีเขียว ใหม่ๆ นะ เดี๋ยวเขาก็มาส่งให้เองถึงบ้านไม่ต้องไปหาซื้อจ้า (||)

ส่วนเตาแก๊ส ผมลองแบบกระป๋อง คิดว่าแพงที่ค่าแก๊ส หมดเร็วด้วย บางทีไม่ได้ใช้บ่อยๆ มันจุดไม่ค่อยติด เลยรู้สึกว่าเชื่อถือไม่ค่อยได้ อาจจะอยู้ไม่รอดถึง 49 วัน :'(

ลองไปเดินดูตามห้างมาแล้ว ผมว่าเอาแบบชัวร์ๆดีกว่า ไม่ใหญ่เกินไปที่จะขนติดรถไปด้วยได้ไม่ยากครับ ประมาณแบบนี้ครับ (||)



เคยเคยลองเปลี่ยนถังแก๊สด้วยตัวเองแล้ว ไม่ยากแฮะ พอดี เรามัน Lo-Tech เลยทำได้ ไม่รู้คุณ Falkman เป็นพวก Hi-Tech รึเปล่า อาจจะไม่คุ้นมั้ง

คิดว่าแค่นี้ ก็ทำกับข้าวได้เป็นเดือนแล้ว (||)(||)(||)

 

กทม.จำลองสถานการณ์ประสานหน่วยงานเตรียมรับน้ำท่วมใหญ่ปีนี้

​

สำนักข่าวไทย 8 ก.ค. - นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร (กทม.) เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมปี 2551 ว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ซึ่งจะมีทั้งพายุฝน น้ำเหนือ และน้ำทะเลหนุน

​

กทม.ได้ประสานการปฏิบัติงานบริหารจัดการน้ำ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมอุทกศาสตร์ และจังหวัดใกล้เคียง โดยสำนักการระบายน้ำได้จำลองสถานการณ์ หากฝนตกทั่ว กทม. ตลอด 24 ชั่วโมง ปริมาณเกิน 200 มม. พบว่าในฝั่งตะวันออกสามารถระบายน้ำได้ภายใน 40 ชั่วโมง ฝั่งตะวันตก 49 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นกรณีที่ยังไม่เคยเกิดมาก่อน

สำหรับมาตรการประกอบด้วย ระบบการเฝ้าระวังฝนและพายุที่จะเข้าสู่ประเทศไทย ระบบแจ้งเตือนประชาชน และการประเมินพื้นที่เสียหายและเร่งเข้าบรรเทาทุกข์โดยเร็วที่สุด. - สำนักข่าวไทย

2008-07-08 17:31:51

ที่มา http://news.mcot.net/

 

เขาจะย้ายเมืองหลวง กทม.หนีน้ำท่วมกันแล้ว !!!
Posted by warakorn ผู้อ่าน : 573 , เวลา 08:16:43 น.​

​

การแก้ปัญหาน้ำท่วมควรจะเป็นปัญหาระดับชาติระดับรัฐบาลที่ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแลโดยตรงนี่เป็นความเห็นของ ผู้ว่าฯ กทม.อภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ออกมาระบุ หลังจากที่นักวิชาการหลายรายออกมาคาดว่า อีกไม่เกิน 50 ปี พื้นที่ กทม.จะจมน้ำอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากมีการทรุดตัวของพื้นดินปีละ 5-10 ซม.รวมทั้งพื้นที่ กทม.อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เป็นพื้นที่ดินอ่อน และมีการทรุดตัวจากการสูบน้ำบาดาลมาใช้งาน อีกทั้งยังมีน้ำทะเลหนุนจากภาวะโลกร้อน

ทำให้หลายฝ่ายต้องออกมาเร่งหามาตราการในการป้องกัน เพราะปัจุบัน เรื่องปัญหาน้ำท่วม เป็นปัญที่ทาง กทม. กำลังเร่งแก้ไขกันเต็มที่ เพื่อสนองแนวทางตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเป็นห่วงเป็นใย เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้พระองค์พระราชทานพระราชวินิจฉัยในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ

โดยทรงมีพระราชวินิจฉัยจากข้อมูล และพระราชทานแนวคิด เรื่องการเปิด-ปิดประตูน้ำที่ต้องมีการ เปิด-ปิด ในช่วงเวลาที่เหมาะสมของสถานการณ์น้ำขึ้น-น้ำลง ในแต่ละวัน เพื่อให้มีการระบายน้ำในทางเดียวกันไม่ใช่ระบายกลับไปกลับมา ตามด้วยเรื่องของการขุดลอกคูคลอง ทางกั้นน้ำในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ การใช้ประโยชน์ของโครงการแก้มลิงต่างๆ โดยเฉพาะโครงการแก้มลิงที่คลองสนามชัย-มหาชัย และ ที่สำคัญคือ การใช้ประโยชน์จากโครงการคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการ ที่จะช่วยย่นระยะทางการระบายน้ำได้เป็นอย่างดี....นั่นคือแนวทางที่พระองค์ทรงแนะนำไว้

ภาพชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ที่ประสบปัญหาการน้ำกัดเซาะ​

แต่สำหรับความคิดเห็นของนักวิชาการที่มีมุมมองสะท้อนออกมาโดยเฉพาะที่ระบุว่ากทม. จะเผชิญกับน้ำจะท่วม อย่างหนักภายในไม่เกิน 50 ปี สร้างความตระหนกไม่น้อย แม้จะเป็นระยะเวลาอีกยาวนาน ยิ่งข้อเสนอที่จะมีการย้ายเมืองหลวงเพื่อหนีน้ำท่วมไปอยู่ที่อื่นด้วยแล้วยิ่งฟังยิ่งน่าตกจะว่า มันจะเป็นไปได้จริงๆหรือนี่ และถึงขั้นต้องย้ายเมืองหลวง .... แล้วจะย้ายไปไหนกันหละนี่.. กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ ฯ เป็นเมืองหลวงมายาวกว่า สองร้อยปี อยู่ๆจะย้ายกันเพราะหนีน้ำท่วม.....

​

แต่อย่างไรก็ตามทางผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ อย่างผู้ว่า ฯ กทม.ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ประชาชนไม่ควรวิตกกังวลหรือตื่นตระหนก แต่ควรได้รับคำชี้แจงให้เกิดความเข้าใจถึงปัญหาจะดีกว่า เช่น เดียวกับนาย สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ที่ไม่เห็นด้วยกับการย้ายเมืองหลวงจากกรุงเทพฯ ไปพื้นที่อื่น

เนื่องจากจะใช้งบประมาณสูงมาก ใช้เวลานาน ทำได้ยาก และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการป้องกันสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ อยู่ เช่น พระบรมมหาราชวัง ดังนั้น การสร้างระบบป้องกันน่าจะคุ้มค่ากว่าการย้ายเมืองหลวง และระบบป้องกันที่ว่า คือการสร้างเขื่อนป้องกันสองฝั่งเจ้าพระยา หรือ สร้างเขื่อนใหญ่ปิดปากแม่น้ำที่เชื่อมต่ออ่าวไทย แต่ก็ต้องสูบน้ำเหนือออกทะเลให้ทันด้วย ทั้งสองแนวคิดมีใช้แล้วในประเทศเนเธอร์แลนด์และอังกฤษ

ฟังอย่างนี้แล้วค่อยเริ่มสบายใจขึ้นหน่อยครับหากปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ยากลำบากจริงเราคงได้รับความเดือดร้อนแน่ งานนี้ขอสนบสนุนเต็มที่.. และหากจะทำอะไรก็ควรรีบทำไม่ว่าจะสร้างเขื่อน ขุดลอกคูคลองต่างๆ เนื่องจากว่ามีตัวอย่างให้เห็นย่าง เมือง นิวออลีน ที่โดนพายุแคทรีน่า ถล่ม จมไปทั้งเมือง เพราะเมืองนี้ก็มีเขื่อน และ ประตูน้ำ ซึ่งในระดับของอเมริการแล้ว ด้านวิศวกรของอเมริกาถือว่าเจ๋งสุดยอด แต่ก็ยังพลาดใด้ฉะนั้นก็ไม่ควรประมาท เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้

แต่หากจะย้ายกันจริงๆ ต้องพิจารณากันมากที่เดียว ทั้งงบประมาณต่างๆ หรือ ผลกระทบที่จะตามมา อย่างที่ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติว่าไว้ แต่อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องปัญหาภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติน้ำท่วมเป็นส่วนหนึ่งของผลกระทบผลกระทบจากภาวะโลกร้อน สิ่งที่เราอาจจะช่วยได้บ้าง คือ การช่วยกันลดผลกระทบที่จะทำให้เกิภาวะโลกร้อนก็คงจะดีครับ

ที่มา OK Nation.net
http://www.oknation.net/blog/warakorn/2007/09/25/entry-1

 

เกิดแผ่นดินไหว 6.0 ริกเตอร์ ที่เปรู​

​

วอชิงตัน 8 ก.ค. - ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.0 ริกเตอร์ ที่เมืองอาเรกีปา ทางภาคใต้ของเปรู ในเช้าวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น

แผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ลึกใต้พื้นดิน 74 กิโลเมตร ในเขตภูเขาห่างจากทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 53 กิโลเมตร และอยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงลิมาราว 721 กิโลเมตร ขณะนี้สถาบันธรณีฟิสิกส์เปรู ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย ซึ่งระบุแผ่นดินไหวไว้ที่ขนาด 5.5 ริกเตอร์ และระบุว่า เปรูเผชิญแผ่นดินไหวกว่า 60 ครั้ง ในปีนี้. - สำนักข่าวไทย

2008-07-08 19:38:35

กรีซเผชิญคลื่นความร้อน 41 องศา​

​

เอเธนส์ 7 กค. - เวลานี้ประชาชนในกรีซเต็มไปด้วยเหงื่อท่วมตัวจากคลื่นความร้อนระลอกแรกของฤดูร้อนนี้ ซึ่งทางการได้ขอร้องให้ประชาชนลดการใช้ไฟฟ้าขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเกือบถึงระดับสูงสุดแล้ว

อุณหภูมิในกรีซวันอังคารและวันพุธคาดว่าถึง 41 องศาเซลเซียส บริษัทการไฟฟ้ากรีซเตือนประชาชนให้ลดการใช้ไฟฟ้าลง เนื่องจากปริมาณการใช้เครื่องปรับอากาศทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่การไฟฟ้า กล่าวว่า ปริมาณการใช้พลังงานทั่วประเทศคาดว่าอาจถึง 10,200 เมกะวัตต์ในวันอังคาร โดยมีสถิติสูงสุดที่ 10,600 เมกะวัตต์เมื่อปี 2550 กระทรวงสาธารณสุข เตือนว่า คนชราและผู้มีปัญหาระบบทางเดินหายใจควรงดออกนอกบ้าน คาดว่าอุณหภูมิจะลดลงในคืนวันพุธนี้. - สำนักข่าวไทย

2008-07-08 18:49:12

เกาหลีใต้อาจควบคุมการใช้รถส่วนตัว หากราคาน้ำมันแตะ 150 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล

​

โซล 8 ก.ค. - กระทรวงยุทธศาสตร์และการคลังของเกาหลีใต้ เปิดเผยวันนี้ว่า จะพิจารณาบังคับใช้มาตรการพิเศษเพื่อประหยัดพลังงาน อาทิ การจำกัดการใช้รถส่วนบุคคล หากราคาน้ำมันในตลาดโลกแตะระดับ 150 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

เจ้าหน้าที่กระทรวงยุทธศาสตร์และการคลัง ระบุว่า นอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยังจะใช้มาตรการการปิดไฟภายนอกอาคาร และปรับลดภาษีน้ำมัน แต่มาตรการเหล่านี้ไม่ใช่มาตรการถาวร คาดว่ามาตรการเหล่านี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อราคาน้ำมันแตะระดับ 170 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้น ประธานาธิบดีลี มยอง-บัก จึงสั่งการให้ทีมเศรษฐกิจบังคับใช้มาตรการดังกล่าวเร็วขึ้นจากแผนการเดิม ขณะที่นายคัง มัน-ซู รัฐมนตรีการคลังของเกาหลีใต้ ระบุว่า รัฐบาลไม่มีปัญหาด้านกฎหมายในการบังคับใช้มาตรการควบคุมการใช้รถ

เกาหลีใต้เป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก ภาวะน้ำมันแพงทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกือบสูงสุดในรอบ 10 ปี รัฐบาลเกาหลีใต้จึงพยายามลดการใช้น้ำมันภายในประเทศ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศให้รถของราชการหยุดวิ่งเป็นบางวัน และให้ปิดเครื่องปรับอากาศ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. เป็นต้นไป ด้านกระทรวงกลาโหมก็ประกาศลดการใช้รถยนต์ในการซ้อมรบ

การควบคุมการใช้รถส่วนบุคคลของเกาหลีใต้ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2531 ที่มีการจำกัดการใช้รถ เพื่อควบคุมมลพิษทางอากาศและปัญหาจราจรติดขัด ระหว่างที่เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมโอลิมปิกกรุงโซล. - สำนักข่าวไทย

2008-07-08 17:14:08

ที่มา http://news.mcot.net

 

ผมเป็นกำลังใจให้ครับคุณหล่อ..สู้ๆครับ
แต่ลดความร้อนแรงลงนิดก็ดีครับ
อีกฝ่ายนึงจะได้ค่อยๆคิด...ไม่เกิดแรงต้านทันที
เผื่อว่าเค้าจะคิดได้กลับตัวกลับใจเสียใหม่(good)

 

ตอนนี้เวลานอนผมจะไม่นอนบนเตียงแล้วครับ ผมจะนอนที่พื้นระหว่างเตียงกับโต๊ะแทน แต่ถ้าเกิดแผ่นดินไหวในกรุงเทพเมื่อไหร่ ผมคงเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้เสียชีวิต เพราะกองหนังสือที่วางไว้บนเตียงกับโต๊ะคงไม่ปราณีผมแน่นอน เวลานอนทีไรเห็นสันหนังสือแล้วหนาวๆร้อนๆ เวลาตกกระแทกหัวคงเจ็บน่าดู...;2

 

คงจะต้องเร่งวิจัยพัฒนาเชื้อเพลิงไบโอดีเซลอย่างจริงจังและพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้ไบโอดีเซล /พลังน้ำ/พลังไฟฟ้า เลิกคิดถึงเรื่องกำไรและผลประโยชน์ส่วนตน ทฤษฏีระบบทุนนิยมสุดขั้ว แสวงหาแต่กำไร ไม่มีความรับผิดชอบ นำมาซึ่งความหายหนะของมนุษย์ชาติ

 

เอาหนังสือลงมากองที่พื้น (ใต้เตียง) สิคะ

 

FROM DOUG COPP'S ARTICLE ON
THE 'TRIANGLE OF LIFE'​

​

จากบทความของดัก คอบบ์ เรื่อง 'สามเหลี่ยมชีวิต' เรียบเรียงสำหรับการสรุปให้คณะกรรมการด้านความปลอดภัย MAA

​

ผมชื่อ ดัก คอบบ์ ผมเป็นหัวหน้าหน่วยกู้ภัยและผู้จัดการด้านพิบัติภัยของทีมกู้ภัยนานาชาติแห่งสหรัฐฯ ซึ่ง เป็นทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์มากที่สุดในโลก ข้อมูลในบทความนี้จะช่วยชีวิต คนในกรณีแผ่นดินไหว ​

ผมเคยคลานเข้าไปในตึกที่ถล่มมา 875 ตึก เคยทำงานกับหน่วยกู้ภัยจาก 60 ประเทศ ก่อตั้งหน่วยกู้ภัยในหลายประเทศ และเป็นเหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านการอพยพผู้คนกรณีเกิดพิบัติภัยขององค์การ สหประชาชาติมา 2 ปี ผมได้ทำงานกับพิบัติภัยใหญ่ๆ ในโลกมาตั้งแต่ปี 1985 ​

​

เมื่อปี 1996 เราได้ทำภาพยนต์ขึ้นมาเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้พิสูจน์ว่าวิธีการรักษาชีวิตของผมถูกต้อง เราได้ถล่มโรงเรียนและบ้านที่มีหุ่นมนุษย์ 20 ตัวอยู่ภายใน หุ่น 10 ตัว 'มุดและหาที่กำบัง' และอีกสิบตัวใช้วิธีการรักษาชีวิตแบบ 'สามเหลี่ยมชีวิต' ของผม หลังจากแผ่นดินไหวทดลอง เราคลานผ่านซากปรักหักพังและเข้าไปในตึกเพื่อถ่ายภาพและเก็บข้อมูลของผลที่เกิดขึ้น ในภาพยนต์แสดงให้เห็นว่าอัตราการอยู่รอด ของพวกที่มุดและหาที่กำบังคือศูนย์ และโอกาสรอด 100% สำหรับพวกที่ใช้วิธี 'สามเหลี่ยมชีวิต' ของผม ภาพยนต์ชุดนี้ได้ผ่านสายตาของผู้ชมโทรทัศน์เป็น ล้านๆ คนในตุรกี และส่วนที่เหลือของยุโรป เคยออกอากาศทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา คานาดา และลาตินอเมริกา​

ในเวลานั้น เด็กๆ ได้รับคำแนะนำให้หลบใต้อะไรบางอย่าง อธิบายอย่างง่ายๆ เมื่อตึกถล่ม น้ำหนักของเพดานที่ตกลงมาบนสิ่งของหรือเครื่องเรือนที่อยู่ภายในจะทับทำลายสิ่งของเหล่านั้น เหลือที่ว่างหรือ ช่องว่างข้างๆ มัน ที่ว่างเหล่านี้คือสิ่งที่ผมเรียกว่า 'สามเหลี่ยมชีวิต' สิ่งของชิ้นยิ่งใหญ่ ยิ่งแข็งแรง โอกาสถูกทับอัดยิ่งน้อย โอกาสที่สิ่งของถูกทับอัดยิ่งน้อย ช่องว่างก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น โอกาสของคนที่อาศัยช่องว่างเหล่านั้นหลบภัยจะไม่เป็นอันตรายก็ยิ่งมาก ครั้งต่อไปที่คุณดูอาคารที่ถล่มในโทรทัศน์ ลองนับ 'สามเหลี่ยม' ที่เกิดขึ้นที่คุณเห็นดู มันทีอยู่เต็มไปหมดทุกที่ เป็นรูปทรงที่เห็นได้มากที่สุดอยู่ทั่วไป ​

​

10 วิธีเพื่อความปลอดภัยยามแผ่นดินไหว ​

1) เกือบทุกคนที่ 'มุดและหาที่กำบัง' เมื่ออาคารถล่มถูกทับอัดจนตาย คนที่เข้าไปอยู่ใต้สิ่งของ อาทิ โต๊ะหรือรถยนต์ถูกอัดทับ ​

2) แมว หมา และเด็กทารก มักจะขดตัวในท่าเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา คุณควรทำเช่น กันในกรณีแผ่นดินไหว มันเป็นสัญชาตญาณเพื่อความปลอดภัย/รักษาชีวิต คุณสามารถมีชีวิตรอดในช่องว่างที่เล็กๆ ควรไปอยู่ข้างๆ สิ่งของ ข้างเก้าอี้โซฟา ข้างของหนักๆ ชิ้นใหญ่ๆ ที่จะบี้แบนไปบ้างแต่ยังเหลือที่ว่างข้างๆ มันไว้ ​

3) อาคารไม้เป็นสิ่งก่อสร้างที่ปลอดภัยที่สุด ที่จะอยู่ภายในขณะแผ่นดินไหว ไม้มีความยืดหยุ่นและเคลื่อน ตัวตามแรงของแผ่นดินไหว ถ้าอาคารไม้จะถล่มจะเกิดช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อช่วยชีวิต และอาคารไม้ ยังมีน้ำหนักทับทำลายที่เป็นอันตรายน้อยกว่า อาคารอิฐจะแตกพังเป็นก้อนอิฐมากมาย ก้อนอิฐเหล่านี้ เป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ แต่จะทับอัดร่างกายน้อยกว่าแผ่นคอนกรีต ​

4 ) หากคุณกำลังนอนอยู่บนเตียงตอนกลางคืนและเกิดแผ่นดินไหว เพียงกลิ้งลงจากเตียง ช่องว่างที่ ปลอดภัยจะเกิดรอบๆ เตียง โรงแรมจะสามารถเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวได้ โดยเพียงติดป้ายหลังประตูในทุกห้องพักบอกให้ผู้เข้าพักนอนราบกับพื้นข้างๆ ขาเตียงระหว่างแผ่นดินไหว ​

5) หากมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นและคุณไม่สามารถหนี้ออกมาง่ายๆ ทางประตูหรือหน้าต่าง ก็ให้นอนราบและขดตัวในท่าทารกในครรภ์ข้างๆ เก้าอี้โซฟาหรือเก้าอี้ตัวใหญ่ๆ ​

6) เกือบทุกคนที่อยู่ตรงช่องประตูตอนตึกถล่มไม่รอด เพราะอะไร? หากคุณยืนอยู่ตรงช่องประตูและวงกบ ประตูล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลัง คุณจะโดนเพดานด้านบนตกลงมาทับ หากวงกบประตูล้มออกด้านข้าง คุณจะถูกตัดเป็นสองท่อนโดยช่องประตู ไม่ว่ากรณีไหน คุณไม่รอดทั้งนั้น! ​

7) อย่าใช้บันไดเด็ดขาด บันไดมี 'ช่วงการเคลื่อนตัว' ที่แตกต่างไป (บันไดจะมีการแกว่งแยกจากตัวอาคาร) บันไดและส่วนที่เหลือของตัวอาคารจะชนกระแทกกันอย่างต่อเนื่อง จนเกิดปัญหากับโครงสร้างของบันได คนที่อยู่บนบันไดก่อนที่บันไดจะถล่ม ถูกตัดเป็นชิ้นโดยชั้นบันได ถูกแยกส่วนอย่างน่าสยดสยอง ถึงอาคารจะไม่ถล่มก็ควรอยู่ห่างบันไดไว้ บันไดเป็นส่วนของอาคารที่มีโอกาสถูกทำให้เสียหาย ถึงแม้แผ่นดินไหวจะไม่ได้ทำให้บันไดถล่ม มันอาจถล่มในเวลาต่อมา เมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปจากคนที่กำลังหนี มันควรได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเสมอ ถึงแม้ส่วนที่ เหลือของอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายก็ตาม ​

8) ไปอยู่ใกล้กำแพงด้านนอกของอาคารหรือออกจากอาคารถ้าเป็นไปได้ จะเป็นการดีกว่ามากที่จะอยู่ใกล้ ส่วนนอกของอาคารมากกว่าจะอยู่ที่ส่วนในของอาคาร คุณยิ่งอยู่ลึกเข้าไปหรือไกลจากบริเวณภาย นอกของอาคารมากเท่าไหร่ โอกาสที่ทางหนี้ของคุณจะถูกปิดกั้นยิ่งมีมาก ​

9) คนที่อยู่ภายในรถยนต์ถูกทับอัด เมื่อถนนด้านบนตกลงมาเพราะแผ่นดินไหวและทับรถของพวกเขานี้เป็น สิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นคอนกรีตระหว่างชั้นของถนนหลวงนิมิทซ์ ผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดจากแผ่นดินไหวที่ซานฟรานซิสโกอยู่ในรถของตัวเอง พวกเขาตายทั้งหมด พวกเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ง่ายๆ ด้วยการออกจากรถและนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างๆ รถตัวเอง คนที่ตายทุกคนอาจรอดได้ถ้าพวกเขาสามารถออกจากรถ และนั่งหรือนอนราบอยู่ข้างรถตัวเอง รถที่ถูกทับอัดทุกคันมีช่องว่างสูง 3 ฟุตอยู่ข้างๆ ยกเว้นรถที่ถูกเสาคานตกทับกลางคันรถ ​

10) ผมค้นพบ ขณะที่คลานเข้าไปในซากสำนักงานหนังสือพิมพ์และสำนักงานอื่นที่มีกระดาษจำนวนมาก ว่ากระดาษไม่อัดตัว จะพบช่องว่างขนาดใหญ่รอบๆ กองกระดาษที่เรียงทับซ้อนกัน ​

การกระจายข้อมูลนี้อาจช่วยชีวิตคนบางคน ​

Spread the word and save someone's life

ที่มา http://rapin.seedang.com/stories/25782

 

คนทำเป็นปิดโรงงานไปแล้วค่ะ หมดทุน
ใครสนใจซื้ออุปกรณ์ผลิตไบโอดีเซล วันละ ๑๒ ตัน (๑๒๐๐๐ ลิตร) ใช้ในหัวลากสแกนเนียได้สบายมาก คุณภาพส่งออกเกาหลี/ญี่ปุ่น พร้อมใบอนุญาตโรงงานติดต่อได้ค่ะ

กรมพลังงานทดแทนใช้เงินไปโครงการละล้านห้า ผลิตได้วันละ ๑๐๐ ลิตร ปิดไปหมดแล้วเพราะรถชาวบ้านพัง ของกระทรวงพลังงานที่แม่โจ้ก็ปิดไปแล้วเพราะรถพังค่ะ ตอนนี้บ.น้ำมันสั่งเข้าจากมาเลเซียลิตรละ ๔๒ บาทค่ะ

รัฐบาลนี้ไม่รู้เป็นอย่างไร อะไรผลประโยชน์ดีๆให้เพื่อนบ้านหมดเลยค่ะ

 

เฮอริเคนเบอร์ธาอ่อนกำลังลงเป็นระดับ 1

ไมอามี9ก.ค.-ศูนย์พยากรณ์อากาศสหรัฐระบุว่า พายุเฮอริเคนเบอร์ธาได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุระดับ1 แล้วเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีศูนย์กลางห่างไปทางตะวันออกถึงตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลีเวิร์ดราว1,000กม.และห่างจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของเบอร์มิวดา1,450 กม.

ความเร็วลมสูงสุดของเฮอริเคนลูกนี้ลดลงมาอยู่ที่ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงต่อไปในอีกสองวันนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าเฮอริเคนเบอร์ธาจะยังคงเคลื่อนไปยังแถบเบอร์มิวดา ซึ่งอาจทำให้เกิดคลื่นสูงในบริเวณดังกล่าวค่ำวันพุธตามเวลาท้องถิ่น และยังไม่ทราบว่าเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งเมื่อไร.-สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-07-09 09:23:05


ราคาน้ำมันลดเพราะคลายกังวลจากปัญหาพายุและเงินดอลลาร์


นิวยอร์ค 9 กค. - ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงกว่า 5 ดอลลาร์ จากการซื้อขายในวันอังคาร เนื่องจากคาดว่าเส้นทางของพายุเฮอริเคนจะไม่กระทบแหล่งผลิตน้ำมันและค่าเงินเริ่มขยับขึ้น

ราคาน้ำมันสหรัฐปรับลดลง 5.33 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่บาร์เรลละ 136.04 ดอลลาร์ ภายหลังลดลงต่ำสุดไปที่ 135.14 ดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์กรุงลอนดอนลดลง 5.44 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 141.87 ดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 145.85 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับชาติตะวันตกมากขึ้น จากเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน และความกังวลว่าพายุอาจพัดกระหน่ำในอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันราวหนึ่งในสี่ของสหรัฐ
ล่าสุดความกังวลหมดไปแล้วจากพายุเปลี่ยนเส้นทางและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดจะจับตามองปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐและรายงานขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ ที่จะนำเสนอสถานการณ์ด้านอุปสงค์และอุปทานในภาคพลังงานท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว.- สำนักข่าวไทย

 

อ.ศักดา เตือนภัยด่วน!!!....​

​

***เตือนภัยด่วน***​

ภายหลังจากมหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิแล้วนั้น ไม่ช้าจะเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงอีก โดยเฉพาะภัยจากธรรมชาติ จะเกิดแผ่นดินไหว-แผ่นดินแยก-แผ่นดินทรุด-น้ำท่วม(ระดับน้ำสูง 4-6 เมตร) เขื่อนพัง คลื่นยักษ์ ลมพายุพัดเข้าทำลายบ้านเรือน ทรัพย์สิน ชีวิต ผู้คนจำนวนมาก พร้อมทั้งจะเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรงไปทั่ว จะมีกลุ่มคนร้าย ผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ลอบวางระเบิดในที่ชุมชนและลอบทำร้าย เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินมากมาย ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัว และอย่าประมาท จะเกิดการขาดแคลนอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง และจะเกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน และทางเรือ

​

อีกทั้งจะเกิดการรบราฆ่าฟัน แย่งชิงอำนาจ แย่งชิงแผ่นดิน ทำให้ผู้คนล้มตายดุจใบไม้ร่วง

จึงขอให้ ทุกท่านอย่าได้ประมาท ให้แขวนพระศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไว้ตลอดเวลา เวลานอนให้เตรียมไฟฉายไว้ใกล้ตัว ถึเวลาเกิดไฟดับ จะได้มองเห็น สิ่งของหนักๆที่วางไว้ในห้องนอน ถ้าเกิดแผ่นดินไหวสั่นสะเทือน ของหนักนั้น อาจจะตกลงมาทับตัว ให้นำมาวางบนพื้น จัดเตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง เทียนไข ไฟแช็ก เตาแก๊สปิกนิก หม้อหุงข้าว ยารักษาโรค ของใช้ที่จำเป็น น้ำมันเชื้อเพลิง(ถ้ามียานพาหนะ ที่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิง) จัดเตรียมสำรองเอาไว้

​

เงินทองควรจะเบิกสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉิน ถ้าเกิดเหตุ อาจไม่สามารถเบิกเงินจากธนาคารมาใช้จ่ายได้ ให้ทุกคนหมั่นสวดมนต์ภาวนา รักษาศีล กินเจ ให้มีเมตตา เอื้อเฟื้อ แบ่งปันซึ่งกันและกัน อย่าเห็นแก่ตัว ยึดในหลวงฯ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เป็นหลักชัย จะทำให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวงได้

คุณมานิตย์ กาญจนภูมิ ชาวจังหวัดปัตตานี ท่านได้นำใบเซียมซีเป็นภาษาจีน ที่ท่านเสี่ยงทายได้จากศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ปัตตานี แล้วได้ไปให้ชาวจีน ที่รู้ภาษาจีนดีแปลเป็นภาษาไทย มีใจความที่แปลออกมาแล้ว มีใจความว่า "แดนสังหาร เสียงคร่ำครวญหวนไห้ดังก้อง เหมือนเสียงร้องของกบในบ่อ ร้องจนสิ้นใจ คลื่นยักษ์ถาโถมสูงเทียมเมฆ กวาดต้อนสรรพสิ่ง ลงสู่มหาสมุทร สุดจะเวทนา เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึง 7 หน 7 ครั้ง"

ใบเซียมซี จากศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่ท่านนำมาให้ข้าพเจ้าดู ขณะนี้ยังอยู่ที่ท่าน ให้ไปขอดูได้และข้าพเจ้า ก็มีนิมิตประหลาด คืนวันที่ 6 ต.ค.2548 ข้าพเจ้านิมิตเห็นงูขาวขนาดใหญ่ เลื้อยออกมาจากป่า เลื้อยมาเร็วมาก เข้ามาในหมู่บ้านเรือนผู้คน แล้วกลืนกินอาคารบ้านเรือนและชีวิตผู้คน หายไปในพริบตา เวลาเลื้อยมามีหัวเดียว แต่เวลากินบ้านเรือนผู้คนมีนับพันหัว กินเสร็จแล้ว เลื้อยกลับเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว

นิมิตนี้ เบื้องบนท่านบอกว่า จะเกิดภัยพิบัติจากดินกับน้ำ อาจจะเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุด ทำให้บ้านเรือนพร้อมชีวิตผู้คน ต้องล้มตาย บ้านเรือนพังทะลาย หรือแผ่นดินไหว ทำให้เขื่อนพัง น้ำท่วมบ้านเรือน ชีวิตผู้คนล่มสลายไปกับสายน้ำ หรือเกิดลมพายุพัด ฝนตก น้ำท่วมใหญ่ หรือเกิดคลื่นยักษ์มาพร้อมลม กวาดต้อนบ้านเรือน ผู้คนและสรรพสัตว์ทั้งหลาย หายไปในท้องทะเล.......

เหตุนี้ อาจจะเกิดที่ต่างประเทศ หรือบ้านเรา จึงขอให้ทุกท่านอย่าประมาท ให้เร่งทำความดี รักษาศีล สวดมนต์ภาวนา บทสวดมนต์ที่ควรใช้สวด คือ "อุปปาตะ สันติ หรือ มหาสันติงหลวง" เป็นคาถาดับภัยที่ศักดิ์สิทธิ์ ติดต่อขอได้ที่ โรงธรรม-โรงทานมังสวิรัติพนารักษ์ 645-647 หมู่บ้านอมรชัย 3 ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.10170 โทร.01-7862241,09-2304523,02-4412144 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น จะทำการแจกฟรีให้ทุกท่านทั่วประเทศ

การรู้รักสามัคคี ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา คือ อาวุธที่ทรงอานุภาพที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เราชนะข้าศึกศัตรูและภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงได้ และขอให้พวกเรา ดำเนินชีวิตในระบบ"เศรษฐกิจพอเพียง" เอื้อเฟื้อแบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่เลือกชนชั้น วรรณะ เชื้อชาติ และศาสนาใดๆ ยึดมั่นและกระทำตามตามพระราชดำรัสของในหลวงฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เป็นหลัก จะผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวงได้ ทำให้ประเทศชาติอยู่รอด และปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง จึงกราบเรียนมายังทุกท่าน ด้วยความรักและเป็นห่วง

อ.ศักดา สกุลพนารักษ์ และ ทสพปช. 14/10/2548

ที่มาhttp://www.buddhapoem.com/index.php?...age=1&No=99699

 

http://palungjit.org/showthread.php?t=138115


http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=169482&NewsType=1&Template=1


ไขปริศนา 'ขั้วโลกพลิก' ชวนวนเหตุแผ่นดินไหว...สึนามิ?!!

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ไขปริศนา 'ขั้วโลกพลิก' ชวนวนเหตุแผ่นดินไหว...สึนามิ?!!

​

เป็นข่าวฮือฮาสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ชอบท่องอิน เทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่องสำหรับกรณีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งออกมาประกาศชัด ใน ปี ค.ศ. 2012 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า สนามแม่เหล็กโลก และดวงอาทิตย์จะมีการพลิกกลับขั้วพร้อม ๆ กัน โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรง ทั้งแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ภูมิอากาศเลวร้าย อย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!!​

ทำนองว่าคล้าย ๆ ตัว อย่างในอดีต นั่นคือ “ช่วงเวลาสุดท้ายของไดโนเสาร์ก่อนสูญพันธุ์” ​

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เวลาที่โลกกลับขั้ว รังสีคลื่นแม่ เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะแผ่ลงมาเต็มที่ ทำให้เกิดความผิดปกติทางผิวหนังในทุกสรรพสัตว์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในโลกจะขัดข้อง คอม พิวเตอร์จะกดรีโมตให้ขีปนาวุธเดินเครื่องเอง มนุษย์ผู้ต้องการรักษาเผ่าพันธุ์จำเป็นต้องลง ไปอยู่ใต้โลกตามคำเตือนของมนุษย์ต่างดาวที่ได้ติดต่อมาอย่างลับ ๆ ​

สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันที่เราก็เห็นด้วยตา หรือไม่ก็พบเจอด้วยตัวเองกับเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ที่นับวันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น พายุลูกแล้วลูกเล่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า แม้แต่สึนามิที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากในบางประเทศก็ยังเกิดขึ้นได้ ​

​

สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบันที่เราก็เห็นด้วยตา หรือไม่ก็พบเจอด้วยตัวเองกับเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ที่นับวันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น พายุลูกแล้วลูกเล่า แผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า แม้แต่สึนามิที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากในบางประเทศก็ยังเกิดขึ้นได้ ​

งานนี้จริงเท็จแค่ไหน เชื่อถือได้หรือไม่ สุวภาคย์ อิ่มสมุทร นักธรณีวิทยา 7 สำนักทรัพยากรแร่ กรมทรัพยากรธรณี มีคำอธิบายอย่างเป็นเหตุเป็นผลที่เชื่อว่า อาจทำให้หลายคนค้นพบคำตอบสำหรับข่าวนี้ชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น​

หากจะกล่าวถึงเรื่อง ราวการสลับขั้วของแม่เหล็กโลก หลักฐานที่บ่งบอกว่าการพลิกกลับขั้วแม่เหล็กของโลกนั้นมีมาแล้วกี่ครั้งและอยู่ในช่วงเวลาใด ได้มีการศึกษาในระดับหนึ่งแล้ว โดยเป็นการศึกษาทิศทางและความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกโบราณที่ถูกผนึกไว้ในหินอัคนีหรือหินตะกอนเนื้อละเอียดยุคต่าง ๆ ของโลก ซึ่งพบว่าย้อนหลังไปจากปัจจุบันจนถึง 165 ล้านปีที่แล้ว สนามแม่เหล็กโลกมีการกลับขั้วไปมาถึง 170 ครั้ง โดยมีระยะเวลาคงอยู่ของขั้วโลกในแต่ละครั้งไม่แน่นอน ตั้งแต่ 10,000 ปี ถึง 10 ล้านปี และมีระยะเวลาในช่วงระหว่างการพลิกกลับไม่เกิน 5,000 ปี !!! ​

สรุปแล้ว สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า โลกมีการกลับขั้วมาอย่างน้อยเกือบสองร้อยครั้งแล้ว และมีโอกาสที่จะกลับขั้วได้อีก แต่ครั้งต่อไป จะเมื่อไหร่ล่ะ !!!​

​

หลายสำนักพยายามทำนายถึงช่วงเวลาในการพลิก กลับขั้วครั้งต่อไปของสนาม แม่เหล็กโลก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว โลกเป็นเสมือนปุถุชนธรรมดาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงยากที่จะบ่งชี้ได้ว่าเวลาเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กโลกครั้งต่อไปจะเริ่มเมื่อไหร่และนานเท่าใด อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการพลิกกลับขั้วครั้งสุดท้ายของโลกไม่ใช่หลายล้านปีก่อนตามข่าวที่อ้าง แต่น้อยกว่านั้นคือเพียงแค่ 730,000 ปี ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง (ซึ่งขณะนั้นมนุษย์ยังมีลักษณะคล้ายลิง จึงยังไม่สามารถจารึกประวัติศาสตร์ ใด ๆ ได้) จากข้อมูลสนามแม่เหล็กโบราณในหินบ่งชี้ได้ว่าช่วงเวลาก่อน 730,000 ปีที่ผ่านมา ทิศเหนือของโลกอยู่ที่ซีกโลกใต้และคงสภาพของ ขั้วโลกไว้ประมาณ 200,000 ปี ในช่วงเวลานั้นไม่พบหลักฐาน ที่แสดงถึงความแตกต่างทาง ภูมิอากาศเมื่อเทียบกับช่วง ขั้วทิศเหนือปัจจุบัน และเมื่อใกล้ถึงเวลาของการพลิกกลับขั้ว ความแรงของสนามแม่เหล็กโลกได้ค่อย ๆ ลดลง จากเดิมและมีความปั่นป่วนขึ้น เกิดช่วงเวลาของการปลอดสนามแม่เหล็กและสุดท้าย ทิศเหนือจะเปลี่ยนทิศทางไป ที่ซีกโลกเหนือและค่อย ๆ เพิ่มความเข้มสนามแม่เหล็กจนเป็นปกติ ​

เหตุการณ์ที่มีสภาพของขั้วแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิงและอ่อนแรงในช่วงรอยต่อ 730,000 ปีที่ผ่านมา ได้มีการศึกษาอย่างละเอียดเพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงผลลัพธ์ของเหตุการณ์ในขณะนั้น ผลการศึกษาค่อนข้างน่า วิตกในระดับหนึ่ง นั่นคือ ได้พบลักษณะที่แสดงถึงความรุนแรงของการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกและพบการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในทะเลจำนวน 5 สายพันธุ์ อย่างไรก็ตาม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมดที่ถือกำเนิดมาก่อนเหตุการณ์นั้น ต่างก็ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่คาดว่าจะเป็น “วิกฤติล้างโลก” นี้มาได้ โดยมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสายพันธุ์ไปบ้างตามความเหมาะสม​

ความเลวร้ายของภูมิอากาศและการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของเปลือกโลกในช่วงพลิกกลับขั้ว นักธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์กลับเชื่อว่าไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เกิดการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตบางสายพันธุ์ แต่ผู้ร้ายตัวจริงน่าจะเป็นลมสุริยะจากดวงอาทิตย์มากกว่า​

​

อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปถึงคำถามอันเป็นปริศนาที่ว่า ในปี ค.ศ. 2012 จะเกิดการพลิกกลับขั้วแม่เหล็กโลกและมหันตภัยร้ายแรงจริงหรือ คงตอบได้ว่า ทุกอย่างที่ได้กล่าวขึ้น ดูเหมือนเป็นการบอกว่า มนุษยชาติจะถึงกาลอวสานแล้ว !!! จริงอยู่ที่ถ้าแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกขั้ว มนุษย์จะต้องยอมรับถึงผลกระทบจากความรุนแรงทางธรรมชาติของมหันตภัยพิบัติมากมายที่ถาโถมเข้ามา อีกทั้งรังสีคอสมิกที่แผ่เข้ามาอย่างรุนแรงในทุก ๆ 11-12 ปี แต่ความรุนแรงจะถึงขนาดที่มนุษย์จะรับไม่ได้หรือ นั่นเป็นคำถามเมื่อกลับไปนึกถึงการรอดของเผ่าพันธุ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจากการกลับขั้วครั้งสุดท้าย และไดโนเสาร์เองก็ผ่านช่วงการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกมาไม่น้อยกว่า 5 ครั้งโดยที่ไม่ได้สูญพันธุ์แต่อย่างใด ​

เมื่อพิจารณาถึงมหันตภัยดังที่ทำนายไว้ ข้อลบล้างที่ชัดเจนที่สุดคงเป็น “โอกาสที่จะเกิดการพลิกกลับของขั้ว แม่เหล็ก” ที่ “ผู้ที่ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้อง” มีข้อสังเกตมากมายและน่าเชื่อถือ ประการแรกคือ ความเข้มสนามแม่เหล็ก ณ ปัจจุบัน ถึงแม้จะลดค่าลง เมื่อเทียบกับอดีตที่เคยมีการจดบันทึกไว้ แต่ก็ลดด้วยอัตราที่ช้ามาก และมีหลายครั้งที่มีการเพิ่มของแรงแม่เหล็ก ซึ่งไม่ตรงกับลักษณะการลดลงอย่างต่อเนื่องของความเข้มสนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นในช่วงของการพลิกกลับขั้วครั้งสุดท้าย ดังนั้นจึงถือไม่ได้เลยว่าสนามแม่เหล็กได้ลดลง เพื่อเข้าไปสู่การกลับขั้วแม่เหล็กในระยะเวลาอัน ใกล้นี้ ​

​

เท่ากับว่า การกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกเกิดขึ้นแน่ แต่คงไม่ใช่ช่วงอายุของ มนุษยชาติอย่างแน่นอน !!! ​

แถมท้าย สำหรับข้อสังเกตบางอย่างที่จะบ่งชี้ให้ เราเห็นว่า สนามแม่เหล็กโลก ของเราใกล้จะหมดพลังหรือยัง ข้อแรก ก็คือให้สังเกตดูเข็มทิศหรือเครื่องมืออื่น ๆ ที่ใช้พลังสนามแม่เหล็ก ถ้ายังทำงานอยู่ก็เบาใจได้เลย เพราะอีกนานเป็นร้อย ๆ ปีขึ้นไป กว่าสนามแม่เหล็กจะไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอที่จะเหนี่ยวนำเครื่องมือดังกล่าว นอกจากนี้ก็ลองติดตามถึงปรากฏการณ์ Quebec ณ จุดของโลกที่มีความอ่อนไหวต่อการเข้าถึงของรังสีคอสมิก ในช่วงก่อนปีที่มีการทำนาย ถึงการพลิกกลับสัก 1-2 ปี เพราะถ้าพื้นที่แถบนั้นไม่มีปัญหาเรื่องการทะลุผ่านของสนามแม่เหล็ก พื้นที่บริเวณอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร​

เรียกได้ว่าอารยธรรมมนุษย์ยังคงอยู่และจะผ่าน ปี ค.ศ. 2012 อย่างแน่นอน นี่คือบทสรุปทางวิทยาศาสตร์​

ได้ทราบดังนี้ เห็นทีจะหายใจทั่วท้องไปตาม ๆ กัน.​

 

แนะนำอีกที่ครับ
เป็นอุปกรณ์ เตาแคมป์ปิ้ง และตะเกียง จากเกาหลี คุณภาพดี ราคาถูก
ใน กทม. สั่งซื้อ ส่งถึงที่ ภายใน 2 วัน
http://www.thaifirestorm.com/default.asp

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"Triage Training" เกมจำลองช่วยฝึกกู้ภัย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>8 กรกฎาคม 2551 15:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=398 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=398> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาลูกหนึ่งในย่านการค้าธุรกิจ แน่นอนว่าย่อมมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากต้องการความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว แต่การที่ไม่มีความรู้พอและไม่สามารถลำดับขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง ย่อมไม่เป็นผลดีสำหรับผู้บาดเจ็บแน่ ด้วยเหตุนี้จึงมีการคิดสร้างเกมจำลองเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมา เพื่อให้ความรู้กันแบบน่าสนใจกว่าในตำรา

โลกเสมือนในภาวะฉุกเฉินนี้จะถูกใช้ในการฝึกฝนสำหรับหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและนักผจญเพลิง ในโครงการที่เรียกว่า "serious game" วิดีโอเกมในลักษณะใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริง ด้วยการจำลองเหตุการณ์มาให้ผู้เล่นได้เรียนรู้และฝึกฝนก่อนจะไปเจอสถานการณ์จริง โดยเจ้าเกมนี้มีชื่อว่า "Triage Training" วิดีโอเกมที่พัฒนาจาก TruSim หนึ่งในทีมงานของค่ายบลิทซ์ เกมส์ สตูดิโอที่อยู่ในเมืองโคเวนทรี อังกฤษ

จากรายงานข่าวได้ยกตัวอย่างว่า เมื่อมีชายคนหนึ่งร้องขึ้นมาว่า “ช่วยผมด้วย” ท่ามกลางเศษกระจกแตกและถังขยะล้มกระจุยกระจาย ผู้เล่นจะต้องปฏิบัติการช่วยชีวิตอย่างรวดเร็ว ด้วยการตรวจสอบว่าไม่มีอะไรขัดขวางการหายใจ และตรวจชีพจรการเต้นของหัวใจ และในเกมก็จะมีข้อควรปฏิบัติในการสังเกตการบาดเจ็บจากอาการที่หลากหลายให้ผู้เล่นได้ทำตามขั้นตอนกู้ภัยเบื้องต้น จากนั้นผู้เล่นจึงค่อยย้ายไปช่วยผู้บาดเจ็บคนอื่นๆต่อไป

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=372 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=372> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> “แมรี่ แมตทิวส์ “ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาของ TruSim บอกว่า ตัวเกมจะเป็นแบบเรียลไทม์ หากคุณไม่ได้เข้าไปช่วยคนเจ็บอย่างทันท่วงที พวกเขาก็จะเสียชีวิตลง เกมนี้พัฒนากันมาเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของ Serious Games Institute (SGI) ที่มหาวิทยาลัย University of Coventry และได้มีการทดสอบแล้วในโลกแห่งความจริง ด้าน David Wortley หัวหน้าจาก SGI กล่าวเสริมว่า เกมนี้เป็นในลักษณะของการฝึกการตัดสินใจ และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าในการฝึกจากสถานที่จริง

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ในทำนองเดียวกันจากหลายๆแห่ง อย่างที่มหาวิทยาลัย Stanford University ก็มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เหล่าทีมศัลยแพทย์และพยาบาลได้ฝึกฝนการร่วมงานกันในโลกจำลอง และกองทัพสหรัฐอเมริกาก็เคยหนุนการพัฒนาเกม America's Army ในปี 2002 เพื่อดึงดูดใจให้เด็กวัยรุ่นสนใจสมัครเข้ามาเป็นทหารมากขึ้น และช่วยฝึกทหารใหม่ก่อนจะไปปฏิบัติในสถานที่จริงอีกด้วย นอกจากนี้ ทาง SGI ก็เคยทำโลกจำลองของอาณาจักรโรมโบราณเพื่อนำไปใช้ในการท่องเที่ยวภายในชั้นเรียน ขณะที่นายธันยวัต สมใจทวีพร คนไทยที่ไปร่ำเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย “แอสตัน ยูนิเวอร์ซิตี้” ได้พัฒนาเกมแนวเดอะ ซิมส์ เวอร์ชันโรงงาน ซึ่งเคยเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน

ข้อมูลและภาพประกอบจาก...
สำนักข่าว AFP
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

80 วิธี.แก้ปัญหาโลกร้อนครับ



1.ลดการใช้พลังงานในบ้านด้วยการปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ได้ใช้งาน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้นับ 1 พันปอนด์ต่อปี

2.ลดการสูญเสียพลังงานในโหมดสแตนด์บาย เครื่องเสียงระบบไฮไฟ โทรทัศน์ เครื่องบันทึกวิดีโอ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและอุปกรณ์พ่วงต่างๆ ที่ติดมาด้วยการดึงปลั๊กออก หรือใช้ปลั๊กเสียบพ่วงที่ตัดไฟด้วยตัวเอง

3.เปลี่ยนหลอดไฟ เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานแบบขดที่เรียกว่า Compact Fluorescent Lightbulb (CFL) เพราะจะกินไฟเพียง 1 ใน 4 ของหลอดไฟเดิม และมีอายุการใช้งานได้นานกว่าหลายปีมาก

4.เปลี่ยนไปใช้ไฟแบบหลอด LED จะได้ไฟที่สว่างกว่าและประหยัดกว่าหลอดปกติ 40% สามารถหาซื้อหลอดไฟ LED ที่ใช้สำหรับโคมไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้นได้ด้วย จะเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการให้มีแสงสว่างส่องทาง เช่น ริมถนนหน้าบ้าน การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี

5.ช่วยกันออกความเห็นหรือรณรงค์ให้รัฐบาลพิจารณาข้อดีข้อเสียของการเรียกเก็บภาษีคาร์บอนกับภาคการผลิต ตามอัตราการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลรูปแบบต่างๆ หรือการใช้ก๊าซโซลีน เป็นรูปแบบการใช้ภาษีทางตรงที่เชื่อว่า หากโรงงานต้องจ่ายค่าภาษีแพงขึ้นก็จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิตลง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อย CO2 ลงได้ประมาณ 5%

6.ขับรถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง ด้วยการปั่นจักรยาน ใช้รถโดยสารประจำทาง หรือใช้การเดินแทนเมื่อต้องไปทำกิจกรรมหรือธุระใกล้ๆ บ้าน เพราะการขับรถยนต์น้อยลง หมายถึงการใช้น้ำมันลดลง และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย เพราะน้ำมันทุกๆ แกลลอนที่ประหยัดได้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 20 ปอนด์

7.ไปร่วมกันประหยัดน้ำมันแบบ Car Pool นัดเพื่อนร่วมงานที่มีบ้านอาศัยใกล้ๆ นั่งรถยนต์ไปทำงานด้วยกัน ช่วยประหยัดน้ำมัน และยังเป็นการลดจำนวนรถติดบนถนน ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อมด้วย

8.จัดเส้นทางรถรับส่งพนักงาน ถ้าในหน่วยงานมีพนักงานจำนวนมากอาศัยอยู่ในเส้นทางใกล้ๆ กัน ควรมีสวัสดิการจัดหารถรับส่งพนักงานตามเส้นทางสำคัญๆ เป็น Car Pool ระดับองค์กร

9.เปิดหน้าต่างรับลมแทนเปิดเครื่องปรับอากาศ ลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ

10.มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพราะการจะได้ใบรับรองนั้น จะต้องมีการประเมินสินค้าตั้งแต่เริ่มต้นหาวัตถุดิบ
<TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD>คำสั่ง โหวต 4 คะแนน โดย บังรอน เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
หมดไฟแล้ว
11.ไปตลาดสดแทนซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ซื้อผัก ผลไม้ หมู ไก่ ปลา ในตลาดสดใกล้บ้าน แทนการช็อปปิ้งในซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ที่อาหารสดทุกอย่างมีการ***บห่อด้วยพลาสติกและโฟม ทำให้เกิดขยะจำนวนมาก

12.เลือกซื้อเลือกใช้ เมื่อต้องซื้อรถยนต์ใช้ในบ้าน หรือรถยนต์ประจำสำนักงานก็หันมาเลือกซื้อรถประหยัดพลังงาน รวมทั้งเลือกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟ ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน

13.เลือกซื้อรถยนต์ที่มีขนาดตามความจำเป็น โดยพิจารณาจากขนาดครอบครัวและประโยชน์การใช้งาน รวมทั้งพิจารณารุ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อเปรียบเทียบราคา

14.ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเลือกรถโฟว์วีลขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ เพราะกินน้ำมันมาก และตะแกรงขนสัมภาระบนหลังคารถก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะเป็นการเพิ่มน้ำหนักรถให้เปลืองน้ำมัน

15.ขับรถอย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะทางไกลการขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตันต่อรถยนต์แต่ละคันที่ใช้งานราว 3 หมื่นกิโลเมตรต่อปี

16.ขับรถเที่ยวไปลดคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมกัน เพราะมีบริษัทเช่ารถใหญ่ๆ 2-3 รายมีรถรุ่นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใช้เอทานอล หรือน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นๆ ด้วย ลองสอบถามบริษัทรถเช่าเมื่อเดินทางไปถึง

17.เลือกใช้บริการโรงแรมที่มีสัญลักษณ์สิ่งแวดล้อม เช่น มีมาตรการประหยัดน้ำ ประหยัดพลังงาน และมีระบบจัดการของเสีย มองหาป้ายสัญลักษณ์ เช่น โรงแรมใบไม้สีเขียว มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพ

18 เช็กลมยาง การขับรถที่ยางลมมีน้อยอาจทำให้เปลืองน้ำมันได้ถึง 3% จากภาวะปกติ

19.เปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล ให้มากขึ้น

20 โละทิ้งตู้เย็นรุ่นเก่า ตู้เย็นที่ผลิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เพราะใช้ไฟฟ้ามากเป็น 2 เท่าของตู้เย็นสมัยใหม่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟลงได้มาก และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กิโลกรัมต่อปี </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD>คำสั่ง โหวต 4 คะแนน โดย บังรอน เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
หมดไฟแล้ว
21.ยืดอายุตู้เย็นด้วยการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานให้ตู้เย็นด้วยการใช้อย่างฉลาด ไม่นำอาหารร้อนเข้าตู้เย็น หลีกเลี่ยงการนำถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นจ่ายความเย็นได้ไม่ทั่วถึงอาหาร ควรย้ายตู้เย็นออกจากห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ละลายน้ำแข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็นประจำ เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้นเมื่อมีน้ำแข็งเกาะ และทำความสะอาดตู้เย็นทุกสัปดาห์

22.ริเริ่มใช้พลังงานทางเลือกในอาคารสำนักงาน เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเฉพาะจุด

23.ใช้แสงแดดให้เป็นประโยชน์ ในการตากเสื้อผ้าที่ซักแล้วให้แห้ง ไม่ควรใช้เครื่องปั่นผ้าแห้งหากไม่จำเป็น เพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้า

24.ใช้น้ำประปาอย่างประหยัด เพราะระบบการผลิตน้ำประปาของเทศบาลต่างๆ ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการทำให้น้ำสะอาด และดำเนินการจัดส่งไปยังอาคารบ้านเรือน

25.ติดตั้งฝักบัวอาบน้ำที่ปรับความแรงน้ำต่ำๆ ได้ เพื่อจะได้เปลืองน้ำอุ่นน้อยๆ (เหมาะทั้งในบ้านและโรงแรม)

26.ติดตั้งเครื่องตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากโรงผลิตกระแสไฟฟ้า

27.สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดพลังงานในการกำจัดขยะ ลดมลพิษและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกำจัด

28.ป้องกันการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ ด้วยการแยกขยะอินทรีย์ เช่น เศษผัก เศษอาหาร ออกจากขยะอื่นๆ ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์

29.ทาหลังคาบ้านด้วยสีอ่อน เพื่อช่วยลดการดูดซับความร้อน

30.นำแสงธรรมชาติมาใช้ในอาคารบ้านเรือน โดยใช้การออกแบบบ้าน และตำแหน่งของช่องแสงเป็นปัจจัย ซึ่งจะช่วยลดจำนวนหลอดไฟและพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้ </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD>คำสั่ง โหวต 3 คะแนน โดย บังรอน เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
หมดไฟแล้ว
31.ปลูกต้นไม้ในสวนหน้าบ้าน ต้นไม้ 1 ต้น จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ตลอดอายุของมัน

32.ปลูกไผ่แทนรั้ว ต้นไผ่เติบโตเร็ว เป็นรั้วธรรมชาติที่สวยงาม และยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี

33.ใช้ร่มเงาจากต้นไม้ช่วยลดความร้อนในตัวอาคารสำนักงานหรือบ้านพักอาศัย ทำให้สามารถลดความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นการลดการใช้ไฟฟ้า

34.ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีในสวนไม้ประดับที่บ้าน แต่ขอให้เลือกใช้ปุ๋ยหมักจากธรรมชาติแทน

35.ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก เพราะถุงพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และการเผากำจัดในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธีต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ

36.เลือกซื้อสินค้าที่มี***ห่อน้อยๆ ***ห่อหลายชั้นหมายถึงการเพิ่มขยะอีกหลายชิ้นที่จะต้องนำไปกำจัด เป็นการเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศโดยไม่จำเป็น

37.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเติมใหม่ได้ เพื่อเป็นการลดขยะจาก***บห่อของบรรจุภัณฑ์

38.ใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า เพราะกระบวนการผลิตกระดาษแทบทุกขั้นตอนใช้พลังงานจากน้ำมันและไฟฟ้าจำนวนมาก

39.เลือกใช้กระดาษรีไซเคิล กระดาษรีไซเคิลช่วยลดขั้นตอนหลายขั้นตอนในกระบวนการผลิตกระดาษ

40.ตั้งเป้าลดการผลิตขยะของตัวเองให้ได้ 1 ใน 4 ส่วน หรือมากกว่า เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรและลดก๊าซเรือนกระจกได้อีกจำนวนมาก เมื่อลองคูณ 365 วัน กับจำนวนปีที่เหลือก่อนเกษียณ </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD>คำสั่ง โหวต 3 คะแนน โดย บังรอน เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
หมดไฟแล้ว
41.สนับสนุนสินค้าและผลิตผลจากเกษตรกรในท้องถิ่นใกล้บ้าน ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ไม่ต้องขนส่งผลิตผลให้พ่อค้าคนกลางนำไปขายในพื้นที่ไกลๆ

42.บริโภคเนื้อวัวให้น้อยลง ทานผัก (ปลอดสารพิษ) ให้มากขึ้น ฟาร์มเลี้ยงวัว คือ แหล่งหลักในการปลดปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ หันมารับประทานผักให้มากขึ้น ทานเนื้อวัวให้น้อยลง

43.ทานสเต๊กและแฮมเบอร์เกอร์ในร้านใหญ่ๆ ให้น้อยลง เพราะอุตสาหกรรมเนื้อระดับนานาชาติ ผลิตก๊าซเรือนกระจกถึง 18% สาเหตุหลักก็คือไนตรัสออกไซด์จากมูลวัวและมีเทน ซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากลักษณะทางธรรมชาติของวัวที่ย่อยอาหารได้ช้า (มีกระเพาะอาหาร 4 ตอน) มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า ในขณะที่ไนตรัสออกไซด์ก่อผลได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ 296 เท่า

44.ชักชวนคนอื่นๆ รอบข้างให้ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาภาวะโลกร้อน ให้ความรู้ความเข้าใจและชักชวนคนใกล้ตัว รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบๆ ตัวคุณ เพื่อขยายเครือข่ายผู้ร่วมหยุดโลกร้อนให้กว้างขวางขึ้น

45.ร่วมกิจกรรมรณรงค์สิ่งแวดล้อมในชุมชน แล้วลองเสนอกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้และกระตุ้นให้เกิดการร่วมมือ เพื่อลงมือทำกิจกรรมสิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่อง และส่งผลให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

46.เลือกโหวตแต่พรรคการเมืองที่มีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน จริงใจ และตั้งใจทำจริง เพราะนักการเมืองคือคนที่เราส่งไปเป็นตัวแทนทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร โปรดใช้ประโยชน์จากพวกเขาตามสิทธิที่คุณมี ด้วยการเลือกนักการเมืองจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลดปัญหาโลกร้อน

47.ซื้อให้น้อยลง แบ่งปันให้มากขึ้น อยู่อย่างพอเพียง



เกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา

ก็สามารถช่วยได้ด้วยการ

48.ลดการเผาป่าหญ้า ไม้ริมทุ่ง และต้นไม้ชายป่า เพื่อกำจัดวัชพืชและเปิดพื้นที่ทำการเกษตร เพราะเป็นการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศจำนวนมาก นอกจากนั้นการตัดและเผาทำลายป่ายังเป็นการทำลายแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สำคัญ

49.ปลูกพืชผักให้หลากหลายและปลูกตามฤดูกาลในท้องถิ่น เป็นการลดการปลูกพืชผักนอกฤดูกาลที่ต้องใช้พลังงานเพื่อถนอมอาหาร และผ่านกระบวนการบรรจุเป็นอาหารกระป๋อง

50.รวมกลุ่มสร้างตลาดผู้บริโภค-ผู้ผลิตโดยตรงในท้องถิ่น เพื่อลดกระบวนการขนส่งผ่านพ่อค้าคนกลาง ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำมันในการคมนาคมขนส่งพืชผักผลไม้ไปยังตลาด </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD>คำสั่ง โหวต 3 คะแนน โดย บังรอน เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
หมดไฟแล้ว
51.ลดการใช้สารเคมีในการเกษตร นอกจากจะเป็นการลดปัญหาการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่บรรยากาศโลกแล้ว ในระยะยาวยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต และทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น โปรดปรึกษาและเรียนรู้จากกลุ่มเกษตรกรทางเลือกที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย


52.ออกแบบพิมพ์เขียวบ้านพักอาศัยที่สามารถช่วย “หยุดโลกร้อน” การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยคิดถึงการติดตั้งระบบการใช้พลังงานที่ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสูงๆ แต่ใช้งานได้จริง ลองคิดถึงวิธีการที่คนรุ่นปู่ย่าใช้ในการสร้างบ้านสมัยก่อน ซึ่งมีการพึ่งพาทิศทางลม การดูทิศทางการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานในบ้านได้ถึง 40%

53.ช่วยออกแบบสร้างบ้านหลังเล็ก บ้านหลังเล็กใช้พลังงานน้อยกว่าบ้านหลังใหญ่ และใช้วัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างน้อยกว่า
54.ใช้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเพื่อให้ความรู้ และสร้างความตระหนักกับสาธารณชนเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อน และทำให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นของท้องถิ่น

55.สร้างความสนใจกับสาธารณชน เพื่อทำให้ประเด็นโลกร้อนอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง

56.ช่วยกันเล่าความจริงเรื่องโลกร้อน โปรดช่วยกันสื่อสารให้ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น

57.เป็นผู้นำกระแสของสังคมเรื่องชีวิตที่พอเพียง ต้นตอหนึ่งของปัญหาโลกร้อนก็คือกระแสการบริโภคของผู้คน ทำให้เกิดการบริโภคทรัพยากรจำนวนมหาศาล ชีวิตที่ยึดหลักของความพอเพียง โดยมีฐานของความรู้และคุณธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงน่าจะเป็นหนทางป้องกันและลดปัญหาโลกร้อนที่สังคมโลกกำลังเผชิญหน้าอยู่

58.ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อร่วมรับผิดชอบสังคม ออกแบบงานโฆษณาที่สอดแทรกประเด็นปัญหาของภาวะโลกร้อนอย่างมีรสนิยม เรื่องที่เป็นจริงและไม่โกหก


59.สอนเด็กๆ ในขั้นเรียน เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน

60.ใช้เทคนิคการเรียนรู้หลากหลายจากกิจกรรม ดีกว่าสอนโดยให้เด็กฟังครูพูดและท่องจำอย่างเดียว

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD>คำสั่ง โหวต 3 คะแนน โดย บังรอน เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
หมดไฟแล้ว
61ค้นคว้าวิจัยหาแนวทางและเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

62.ศึกษาและทำวิจัยในระดับพื้นที่ เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อพื้นที่เสี่ยงของประเทศไทย

63.ประสานและทำงานร่วมกับนักสื่อสารและโฆษณา เพื่อแปลงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปสู่การรับรู้และเข้าใจของประชาชนในสังคมวงกว้าง

64.นำก๊าซมีเทนจากกองขยะมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ด้วยการลงทุนพัฒนาให้เป็นพลังงานทดแทนที่มีประสิทธิภาพ แต่มีต้นทุนต่ำ

65.สนับสนุนนักวิจัยในองค์กร ค้นคว้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีประสิทธิภาพในการลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

66.เป็นผู้นำของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม หากยังไม่มีใครเริ่มต้นโครงการที่ช่วยหยุดปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง ก็จงเป็นผู้นำเสียเอง

67.สร้างแบรนด์องค์กรที่เน้นการดูแลและใส่ใจโลก ไม่ใช่แค่การสร้างภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความรับผิดชอบที่มาจากภายในองค์กร
68.วางแผนการจัดหาพลังงานในอนาคต รัฐจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อมุ่งจัดการแก้ไขปัญหาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่มองไปข้างหน้าอย่างน้อยที่สุด 50 ปี

69.สนับสนุนให้มีการพัฒนาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งการสนับสนุนงบประมาณในการวิจัย และการพัฒนาระบบให้มีต้นทุนต่ำและคุ้มค่าในการใช้งาน

70.สนับสนุนกลไกต่างๆ สำหรับพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับปรุงเทคโนโลยีและการลดต้นทุน </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD>คำสั่ง โหวต 2 คะแนน โดย บังรอน เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว
หมดไฟแล้ว
71.สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน รัฐบาลควรหามาตรการที่ชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เพื่อให้สามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมพลังงานอื่นๆ ที่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เป็นสาเหตุหลักของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ

72.มีนโยบายทางการเมืองที่ชัดเจนในการสนับสนุนการ “หยุดภาวะโลกร้อน” เสนอต่อประชาชน

73.สนับสนุนโครงสร้างทางกายภาพ เมื่อประชาชนตระหนักและต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น จัดการให้มีโครงข่ายทางจักรยานที่ปลอดภัยให้กับประชาชนในเมืองสามารถขับขี่จักรยาน ลดการใช้รถยนต์

74.ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนถนนในกรุงเทพมหานครอย่างจริงจัง ด้วยการสนับสนุนระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ

75.ส่งเสริมเครือข่ายการตลาดให้กับกลุ่มเกษตรกรทางเลือก เกษตรกรจำนวนมากเป็นตัวอย่างที่ดีของการลดปัญหาโลกร้อน ด้วยการลดและเลิกการใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่บรรยากาศโลก ซึ่งการส่งเสริมการตลาดสีเขียวด้วยการสร้างเครือข่ายการตลาดที่กระจายศูนย์ไปสู่กลุ่มจังหวัดหรือภูมิภาค จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการขนส่งผลผลิตไปยังตลาดไกลๆ อีกด้วย

76.ริเริ่มอย่างกล้าหาญกับระบบพลังงานแบบกระจายศูนย์ เพื่อลงทุนกับทางเลือกและทางรอดในระยะยาว

77.พิจารณาใช้กฎหมายการเก็บภาษีเป็นเครื่องมือในการควบคุมปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น การเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) สำหรับภาคอุตสาหกรรม

78.เปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บภาษี นั่นคือการสร้างระบบการจัดเก็บภาษีที่สามารถสะท้อนให้เห็นต้นทุนทางอ้อมจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งทำให้สังคมต้องแบกรับภาระนั้นอย่างชัดเจน เช่น ภาษีที่เรียกเก็บจากถ่านหิน ก็จะต้องรวมถึงต้นทุนในการดูแลรักษาสุขภาพที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากปัญหามลพิษ และต้นทุนความเสียหายจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป

79.ปฏิรูปภาษีสิ่งแวดล้อม เป็นก้าวต่อไปที่ท้าทายของนักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างใหญ่หลวงในการปรับเปลี่ยนและสร้างจิตสำนึกใหม่ให้สังคม การเพิ่มการจัดเก็บภาษีสำหรับกิจกรรมที่มีผลทำลายสภาพแวดล้อมให้สูงขึ้นเป็นการชดเชย เช่น กิจกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอน ภาษีจากกองขยะ ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ หลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปตะวันตกนำแนวคิดนี้ไปใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ปัจจุบันนี้ประเทศใหญ่ๆ ในสหภาพยุโรปก็ร่วมดำเนินการด้วย และพบว่าการปรับเปลี่ยนระบบการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ไม่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนระดับการจัดเก็บภาษี หากแต่มีผลกับโครงสร้างของระบบภาษีเท่านั้น

80.กำหนดทิศทางประเทศให้มุ่งสู่แนวทางของการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ที่สามารถยืนหยัดอยู่รอดอย่างเข้มแข็งในสังคมโลก เริ่มต้นด้วยการใส่ประโยคที่ว่า ประเทศไทยจะต้องยึดหลักเศรษฐกิจตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแกนหลักของการพัฒนาประเทศไว้ในรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ </TD></TR></TBODY></TABLE>แก้ปัญหาโลกร้อนครับ

 

สนใจอุปกรณ์ชุดนี้ ครับ

ไม่ทราบว่าจะติดต่อ ขอข้อมูลเชิงลึกได้อย่างไร
อันนี้เราจะต้องเตรียมเผชิญวิกฤตการณ์ด้านพลังงานให้เต็มที่ น่ะครับ
ไม่ใช่ถึงวิกฤตแล้วมานั่งคิดกัน ไม่ทันแน่

(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)

 

อยากทราบว่า คำว่า "สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ " หมายถึงอะไรครับ ? เกิดจากอะไร ? มีวิธีใดที่จะป้องกันและต่อสู้ได้ไหมครับ
เกี่ยวข้องกับการเกิดภัยพิบัติหรือไม่ครับ