ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เออ น่าคิด มาทำการทดลองเลยดีกว่า [​IMG]
     
  2. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752

    ....เมื่อ ประมาณ ปี ๒๕๔๑...ในฤดุร้อน....พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า(ฟ้าสาง)ที่ภาคอิสาน ประมาณ ตีสี่ครึ่ง....เป็นไปสักพักหนึ่งก็กลับสู่ภาวะปกติ...ต่อมาที่บริเวณจังหวัดตาก...ประมาณ ๒๕๔๔ เวลาประมาณ ห้าโมงเย็น...แสงแดดส่องกระทบด้านหลัง(ด้านใต้ใบไม้)ของใบไม้.....เงาของใบไม้ ที่เกิดขึ้นเหลื่อมซ้อนกัน...

    ปรากฎการณ์เหล่านี้ชี้บ่งอาการไม่ปกติของธรรมชาติในโลก ..และเป็นมานานแล้ว...ยังดีที่ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมได้....

    ...แต่หลายท่าน ยังไม่สนใจ...แม้กระทั่ง ปรากฎการณ์ พระอาทิตย์ทรงกลดสีดำ....ท่านก็มองไม่เห็น.....
     
  3. witty3011

    witty3011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +144
    ผมก็สังเกตเหมือนกันครับ ว่าช่วงนี้มึดช้า สว่างเร็ว หรือว่าเป็นเพราะฤดูกาล อันนี้ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันครับ(good):eek::eek::eek::eek:
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE class=tborder id=post1308007 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พุทธโกมุท<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1308007", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 09:47 AM
    วันที่สมัคร: May 2007
    อายุ: 33
    ข้อความ: 218
    Groans: 4
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 3,690
    ได้รับอนุโมทนา 4,057 ครั้ง ใน 218 โพส
    พลังการให้คะแนน: 298 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1308007 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ฝันน่ะครับ

    " แกนนำ พธม. โดนลักพาตัวไป 1 คน จุดชนวนขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ประชาชนลุกฮือ"
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
    พุทธโกมุท : ดอกบัวรองพระบาทของพระพุทธเจ้า เมื่อคราวประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน

    หมายเหตุ

    ฝันนี้น่าสนใจมากครับ จุดแตกหักขั้นสุดท้ายคงใกล้จะมาถึงมากแล้ว ใครที่มีเงินฝากในธนาคารมากๆ แนะนำให้รีบเปลี่ยนเป็นทองคำแท่ง มาเก็บไว้กับตัว จะดีกว่าครับ เพราะได้ข่าวมาว่ามีสมาชิกบางท่าน ได้รับนิมิตเตือนมาว่า ให้เปลี่ยนเงินในธนาคารมาเป็นทองคำแท่งได้แล้ว เพื่อเก็บเอาไว้ใช้ในยามคับขัน เมื่อระบบธนาคารใช้การไม่ได้ครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. SCJ

    SCJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +122
    ไม่ต้องไปค้นหรอกครับ เพราะไม่มี ไม่รู้ท่านหนุมาร อ่านเล่มใหนกัน(f)

    การสร้างพระ เกิดขึ้นหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพาน หลายร้อยปี
     
  6. กิตติรัตน์ นพต

    กิตติรัตน์ นพต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +363
    บรรดาขุนที่ลงมา หมายความว่าอย่างไรครับ
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE class=tborder id=post1305237 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>แม่นายมล<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1305237", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 05:59 AM
    วันที่สมัคร: Oct 2005
    สถานที่: โคราช
    อายุ: 42
    ข้อความ: 410
    Groans: 3
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,649
    ได้รับอนุโมทนา 5,040 ครั้ง ใน 392 โพส
    พลังการให้คะแนน: 453 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]






    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1305237 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->จิตจักรวาลอ่านโลก ครั้งที่ 142
    "ชะตากรรมหรือธรรมชาติ"

    ไปฟังมาพอสรุปได้ว่า ภัยพิบัติที่พม่าและจีนเป็นชะตากรรม ไม่ใช่ธรรมชาติ พม่าอดีตเคยไปล้อมเมืองคนอืีื่นกรรมจึงถูกกีดกัน จากการช่วยเหลือของต่างชาติ ผู้นำก็กลับเกิดลงโทษพม่า เพราะเคยโดยกระทำมาก่อน

    จีนสร้างเขื่อนเยอะปิดกั้นทางน้ำ หวังประโยชน์เฉพาะประเทศตน ทำให้ฮวงจุ้ยโลกเสียสมดุลย์ ก็จะเจอภัยซำ้ซากเช่นนี้

    มนุษย์ 3 จำพวก

    1. ไม่รู้ "ธรรม" ไม่รู้ "ทำ"

    2. รู้ "ธรรม" ไม่รู้ "ทำ"

    3. รู้ "ธรรม" รู้ "ทำ"

    ลองทายดูซิ ว่าบนโลกขณะนี้ มีมนุษย์ จำพวกไหนเยอะสุดตอนนี้ ?

    คำพิพากษาโลก 8 ข้อ

    พิพากษาแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะหนักหรือเบาเท่านั้น แต่แนวโน้ม ไปในทางรุนแรงเกินคำพิพากษา เพราะมนุษย์ทำตัวเอง การทำงานงานของช่างเทคนิคนั้น ไม่ได้เป็นไปตามลำดับของข้อที่พิพากษา มีหลายเรื่องที่เกิดพร้อมกันแล้วขณะนี้

    คำพิพากษาข้อ 1. ระบบเศรษฐกิจโลกจะถูกทำลาย
    คำพิพากษาข้อ 2. แหล่งผลิตอาหารของโลกจะถูกทำลาย
    คำพิพากษาข้อ 3. มนุษย์จะเจ็บป่วยล้มตายด้วยโรคร้าย
    คำพิพากษาข้อ 4. มนุษย์ต้องทำสงครามกับธรรมชาติ
    คำพิพากษาข้อ 5. มนุษย์จะต่อสู้ฆ่าฟันกันเอง
    คำพิพากษาข้อ 6. ความรักความผูกพันธ์จะสิ้นไป
    คำพิพากษาข้อ 7. จะเผชิญภัยจากนอกระบบโลก
    คำพิพากษาข้อ 8. จะเผชิญภัยแห่งการตายหมู่

    แต่ละข้อมีรายละเอียดจะมาเล่าต่อไป เมื่อมีเวลา ข่าวต่างๆที่ว่ามา อาจารย์ไม่ได้บอกเวลาเลย คงกลัวมันเลื่อน

    มีข่าวเกี่ยวกับไทยสั้นๆ
    • เรือเดินทะเลข้ามฟากจะจมเพราะพายุ
    • เครื่องบินไทยจะจมที่ต่างประเทศ เพราะบินขึ้นหนีไม่ทัน เกาะจม
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=66981&page=24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2008
  8. tubeTronix

    tubeTronix Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +52

    กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้กล่าวเอาไว้ใน ตำนานพระพุทธเจดีย์ปีพ.ศ.2518 หน้า 46 ว่า เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไปประทานเทศนาโปรดพระพุทธมารดา
    พระเจ้าประเสนชิต กรุงโกศลราฐ มีความระลึกถึงพระองค์ จึงสั่งให้ช่างทำพระพุทธรูปขึ้นด้วยไม้แก่นจันทร์แดง ประดิษฐานไว้เหนือพระอาสนะที่พระพุทธเจ้าเคยประทับ จากการศึกษาวิวัฒนาการของพระพุทธรูปในพุทธศาสนา ได้หลักฐานว่าพระพุทธรูปสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกโดยพวกโยนก(ฝรั่งชาวกรีก)
    ซึ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยเริ่มสร้างขึ้นในแคว้นคันธาราฐ ประเทศอินเดียเป็นครั้งแรกราว พ.ศ.600 มีลักษณะรูปแบบที่ผสมผสานระหว่างศิลปะกรีกกับศิลปะอินเดีย นักโบราณคดีได้จัดพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในแคว้นคันธาราฐนี้เป็นพระพุทธรูปแบบแรก
     
  9. tippavan

    tippavan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +1,583
    อยากทราบข้อมูลทำน้ำให้สะอาดทานได้ในกรณีภาวะฉุกเฉินที่ง่ายและสะดวกค่ะ เพราะไม่ได้อ่านมาโดยตลอด ขอข้อมูลด้วยค่ะ
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เมื่อกี้พี่ที่ทำงาน ก็พูดถึงว่า ตอนนี้ต้องรีบกลับบ้าน อากาศมันแปลกๆ (เค้าขึ้นทางด่วนลอยฟ้า บูรพาวิถี กลับบ้านทุกวัน) เค้าบอกว่า เดี๋ยวนี้เหมือนท้องฟ้ามันลอยมาต่ำๆ อย่างไงไม่รู้ กับพระอาทิตย์มันส่องหน้าแรงมาก เย็นๆ แล้วแสงแรงอย่างกะกลางวัน

    เลยลองเอามาเล่า สะสมข้อมูลกันดู [​IMG]
     
  11. SCJ

    SCJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +122
    Earth's Axis Tilt
    Has recently increased by an additional 26 degrees



    [​IMG]


    ปัจจุบัน

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2008
  12. SCJ

    SCJ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    201
    ค่าพลัง:
    +122
    โลกเอียงหรือเปล่าครับ ที่ทำให้กลางวันตอนนี้ ยาวมาก


    The Question

    (Submitted February 11, 1998)


    How does the earth's tilt affect the changing of the seasons, and what different angles cause those different seasons? <!--================================================================-->
    The Answer

    The bottom line for the changes from season to season is the average daytime temperature. This depends on the amount of heating that the earth receives in a single day throughout the year, and this depends on how many hours the Sun is above the horizon and exactly how long it spends at its highest elevation above the horizon. For every square meter on the surface of the earth, it will be heated by the Sun at a rate that depends on the 'cosine' of the angle of the Sun above the horizon. The higher the Sun gets, the less slanted the rays of light are that intercept each square meter, and so the efficiency with which these slanted rays can deliver energy to the surface gets better and better the higher up the Sun gets. When you add up during the daylight hours just how much heating this surface gets, it receives most of its heating from those times during the day when the Sun is the highest above the horizon. For a tilted earth, there will be some days during the year at a given latitude, where this heating rate is the highest and we call this summer. There will be other days when the Sun never gets very high above the horizon and so its heating ability is very low, and we call this winter. The details of just how hot and cold we get, and the exact dates, depend also on whether we are near water, or in the interior of a continent.

    So, seasonal changes depend on the tilt of the earth's axis because they lead to changes in the amount of heat delivered to a square meter of surface, and the fact that there are a changing number of hours in the day when the Sun is above the horizon and high enough up that it can efficiently heat the surface over the course of a typical day. (from Ask a Space Scientist) There is an activity on our StarChild website that illustrates how the earth's tilt affects the change in the seasons. Take a look at http://starchild.gsfc.nasa.gov/docs/StarChild/solar_system_level2/javascript/song.html
     
  13. Pew Pew

    Pew Pew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +1,807
    ข้อสังเกตุอีกอย่างเรื่องดินทรุด

    (ไม่รู้ว่ามีใครโพสกันหรือยัง)

    สังเกตุเห็นว่าที่จอดรถของห้างคาร์ฟู และ โลตัส หลายสาขา ตีนสะพานลอยหลายแห่ง ตอม่อมันเกยตื้นขึ้นมา ส่วนที่เป็นตอม่อรอบโคนเสามันจะไม่จมลงพร้อมกันพื้นถนน ทำให้จอดรถยาก หลายๆเสายังมีโพรง หรือเป็นรู แสดงว่าพื้นดินใต้บริเวณนั้นมีการทรุดตัวมาก (โดยเฉพาะคาร์ฟู สาขาสุขาภิบาล 3 )

    ทีแรกก็เฉยๆ แต่พอไปสาขาอื่นๆ กลับพบปัญหาเดียวกัน ก็เลยสงสัยในใจว่า มันแปลกๆ น่าจะผิดปกตินะ

    ประกอบกับในช่วงครึ่งปีมานี้ ผมรู้สึกว่าพื้นดินรอบๆบ้านมันมีร่องรอยดินยุบเป็นโพรงเล็กๆบ่อยขึ้นมากคล้ายรูหนูหรือรูงู จำได้ว่าเมื่อก่อนต้องคอยถมดินอุดรูหลุมยุบเพิ่มราว 2 - 3 ครั้งต่อปี ก็คิดว่าดินทรุดตัวเพราะโครงการหมู่บ้านเขาถมดินไม่ดี ไม่ได้อัดแน่นก่อนก่อสร้าง แต่ต้นปีมานี้ ผมต้องคอยถมดินอุดหลุมยุบแบบนี้ มากกว่า 10 ครั้งแล้ว มันก็แปลกเพราะ ตามปกติ ยิ่งปล่อยให้ดินยุบตัวไปเรื่อยๆ มันควรจะแน่นขึ้น และทรุดช้าลงเรื่อยๆด้วย แต่นี่มันทรุดเร็วและมากขึ้น ก็เลยคิดว่ามันเกี่ยวกับแผ่นดินไหว เขย่าๆ ทำให้ข้างใต้มันเซทตัว

    ก็แจ้งไว้เผื่อเป็นข้อมูลให้ช่วยกันสังเกตุครับ
     
  14. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752

    ของฝากจากคนเดินป่า...

    ....แหล่งน้ำใสสะอาด....น้ำใสใหลเย็น.... ดีกว่าน้ำนิ่ง
    ....ไม่มีกลิ่นคาว, หรือกลิ่นเหม็น...แสดงว่าปริมาณปาราสิตน้อย
    ...เมื่อฟอกสบู่แล้วเกิดฟองดี...แสดงว่า น้ำอ่อน ไม่มีความกระด้างมาก
    ...นำน้ำนี้ไปกรองด้วยผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด...กรองเอาสัตว์ตัวโต ออกก่อน
    ...แล้วต้มในกาต้มน้ำให้เดือดอย่างน้อย ๑๕ นาที..ฆ่าพยาธิ์และไข่พยาธิ์

    ....จากนี้นำไปดื่มทานได้....หากชิมแล้วมีรสเฝื่อน...หรือรสแปลกๆผิด
    ธรรมดา...อย่าทาน ให้หาแหล่งน้ำใหม่.....

    ...น้ำสะอาด....สำคัญเท่าๆกับอาหาร....อย่าลืมกาต้มน้ำและไม้ขีดไฟ หรือ ไฟแช๊ก ก็ แล้วกัน ครับ
     
  15. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif></TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 453 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6418 ข่าวสดรายวัน


    บล็อกขี้เลื่อย-เปลือกทุเรียน ไอเดียเด็ดยุววาณิชจันทบุรี


    คอลัมน์ ไอคิวทะลุฟ้า

    ปฤษณา กองวงค์



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>"บล็อกประสานมวลเบา" หรือบล็อก CO-IN ทางเลือกใหม่สำหรับคนรักสิ่งแวดล้อมและยึดมั่นในเศรษฐกิจพอเพียง

    ชื่อผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมสโลแกนเก๋ไก๋ จากบริษัท Concrete Innovation จำกัด นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ที่ผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย จากการประกวดกรุงไทยยุววาณิช ครั้งที่ 6

    สมาชิกส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาแผนกช่างก่อสร้างและบัญชีที่จับมือกันสร้างชิ้นงานขึ้นมา ประกอบด้วย นายพรชัย บรรพต ผู้จัดการ นายอภิรัตน์ พินิจพรม ฝ่ายจัดซื้อวัสดุและผลิต นายจิตติน บุญมั่น ฝ่ายการตลาดและผลิต น.ส.อทิตยา พรมบุตร ฝ่ายการเงิน นายจตุรงต์ รื่นรมย์ ฝ่ายควบคุมคุณภาพการผลิต น.ส.อิศราภรณ์ ลาภวุฒิรัตน์ ฝ่ายการตลาด และ น.ส.จุฬาลักษณ์ สุนทร ฝ่ายบัญชี

    น.ส.อทิตยา พรมบุตร หรือ ฝ้าย อายุ 18 ปี ปวส.ปี 1 คณะบริหารธุรกิจ หนึ่งในสมาชิกเล่าถึงการเลือกใช้ขี้เลื่อยมาเป็นส่วนผสมหลักในการทำบล็อกว่า ในแผนกช่างนั้นจะมีเรียนวิชางานไม้ซึ่งจะมีขี้เลื่อยเหลืออยู่เยอะ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ขยะและของเหลือใช้ จึงนำมา ทดลองทำบล็อกซึ่งจำเป็นในการก่อสร้าง ขณะเดียวกันจะช่วยลดวัตถุดิบทางธรรมชาติที่นำมาผลิตปูนซีเมนต์ เช่น หินปูน หินดินดาน ดินเหนียว ดินสอพอง อีกทั้งขี้เลื่อยยังมีคุณสมบัติป้องกันความร้อนและดูดซับเสียงได้ดี <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วิธีทำ เริ่มจากเตรียมขี้เลื่อยซึ่งเป็นวัสดุหลัก ปูน ดินร่วนสีแดงหรือดำ ซึ่งให้ผลต่างกันตรงที่สีผิวของบล็อก ทรายละเอียดและน้ำ นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากันในอัตราส่วนที่กำหนด จากนั้นนำไปเข้าแบบหล่อที่ขึ้นรูปไว้แล้ว ใส่เครื่องอัดจะได้ออกมาเป็นชิ้นงาน นำไปบ่มเพื่อให้ส่วนผสมยึดติดกัน

    จุดแข็งของผลิตภัณฑ์บล็อกประสานมวลเบา ซึ่งใช้ขี้เลื่อยเป็นส่วนผสมหลักถึงครึ่งหนึ่ง ช่วยให้งานก่อสร้างง่าย รวดเร็ว ประหยัดต้นทุนและค่าแรง โดยไม่ต้องมีเสาและการฉาบปูน ทั้งยังสร้างแบบชั่วคราวหรือถาวรได้ มีความแข็งแรง รับกำลังอัดได้ดีกว่าอิฐมอญ น้ำหนักเบากว่าท้องตลาดประมาณร้อยละ 20 เป็นฉนวนกันความร้อนและเสียงได้ดี พื้นผิวของบล็อกยังสวยงามตามธรรมชาติ แต่ข้อเสียคือเรื่องการป้องกันความชื้น

    ฝ้ายเล่าต่อว่า "บล็อกประสานมวลเบาถือเป็นนวัตกรรมที่สร้างขึ้นโดยเริ่มจากขี้เลื่อย และปัจจุบันมีการต่อยอดโดยนำทุเรียน ผลผลิตทางการเกษตร มาใช้ทำบล็อกประสานมวลเบา โดยนำเปลือกทุเรียนมาสับ ตากแดดแล้วนำไปบดเป็นผงผสมคลุกเคล้าแทนขี้เลื่อย แต่ยังอยู่ในขั้นศึกษาด้วยปัญหาการยึดเกาะ และความแข็งแรงซึ่งต่างกันกับขี้เลื่อย ส่วนแผนงานในอนาคตจะทดลองนำมังคุดมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต เพราะจังหวัดจันทบุรีมีมังคุดและเงาะจำนวนมาก แต่ไม่เลือกเงาะเพราะเมื่อแห้งแล้วเหนียวมาก กว่าจะทำได้ต้องผ่านกระบวนการมากมาย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    "เรามีข้อจำกัดในเรื่องเวลาซึ่งทุกคนต้องเรียน วันหนึ่งผลิตบล็อกได้ 200 ก้อน เดือนหนึ่งผลิตได้ 5 พันก้อน บล็อกของเรานำไปก่อสร้างกำแพงวัดพลวง จ.จันทบุรี บางรายก็นำไปจัดสวน มีทั้งที่เราขายเองและขายผ่านร้านวัสดุก่อสร้างที่เป็นพันธมิตร ยอดสั่งซื้อเฉลี่ยตกเดือนละ 3 พันก้อน เพราะสินค้ายังเป็นตัวใหม่ที่มีคู่แข่งมาก ราคาขายในท้องตลาดก้อนละ 8-20 บาท ส่วนของเราก้อนละ 7 บาท ถ้าซื้อตั้งแต่ 1 พันก้อนขึ้นไปราคา 6.50 บาท"

    สิ่งที่ได้จากการทำธุรกิจครั้งนี้ ฝ้ายบอกว่าได้เรียนรู้ที่จะเริ่มต้น ที่ผ่านมารู้แต่ในตำรา พอลงมือทำจริงๆ ต้องหาข้อมูล ต้องวิเคราะห์ และรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นในระดับหนึ่ง ไม่ค่อยมีเวลาว่างเสาร์-อาทิตย์เหมือนเพื่อนคนอื่น ต่างจากแต่ก่อนที่รู้สึกว่าเวลาว่างที่ผ่านไปสูญเปล่าและไร้ค่า วันๆ จะเล่นอินเตอร์เน็ต จับกลุ่มคุยกับเพื่อน หรือถ้ามีการบ้านก็ทำ แต่ตอนนี้ทุกนาทีมีค่ามากและเห็นประโยชน์มากขึ้น

    "อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปคือการใช้เงิน ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวของแพงต้องประหยัด ใช้แต่จำเป็น แต่ละบาทสำคัญมาก รู้สึกได้เลยว่าเวลาทำงานตอนเราผลิตก็ไม่ค่อยมีปัญหาแต่พอถึงกระบวนการขายบางครั้งต้องใช้เวลารอ เงินไม่ได้มาง่ายๆ เหมือนแบมือขอตังค์พ่อแม่ ตอนนี้เริ่มเรียนรู้ที่จะเก็บเงินมากขึ้น อยากได้อะไรต้องคิดว่ามันจะคุ้มไหมและจำเป็นแค่ไหน"

    สนใจบล็อกประสานมวลเบา ติดต่อวิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี (แผนกก่อสร้าง) 44/3 ถ.จันทคามวิถี ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี โทร. 08-1717-2465
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 24[/FONT]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif></TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 2555 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6419 ข่าวสดรายวัน


    "โอบามา"พกเครื่องราง"เทพหนุมาน"




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    นำโชคนำชัย- รูปปั้นจิ๋วรูปเทพหนุมาน และลูกปัดร้อยเป็นรูปนกอินทรี เครื่องรางที่นายบารัก โอบามา แสดงให้นักข่าวดูหลายชิ้นระหว่างนั่งเครื่องบินไปหาเสียงที่ลอสแองเจลิส ตามข่าว เมื่อ 25 มิ.ย. (เอพี)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. เอพีรายงานว่า ระหว่างที่ นายบารัก โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจากพรรคเดโมแครต นั่งเครื่องบินเดินทางจากลาสเวกัสไปลอสแองเจลิส ได้แสดงเครื่อง รางที่สะสมพกติดตัวให้ผู้สื่อข่าวดู ว่ามีมากมายหลายรูปแบบ ชาวบ้านที่เจอระหว่างหาเสียงให้มา เช่น รูปปั้นหนุมานจิ๋ว หินสลักไม้กางเขน ลูกปัดถักร้อยเป็นรูปนกอินทรี สร้อยจี้เทพฮินดู รวมแล้ว 50-100 ชิ้น

    "ประชาชนใจดีกับผมมาก และฝากความหวังไว้กับผม ของเหล่านี้ทั้งหมดประชาชนให้มา เป็นเครื่องรางนำโชคทั้งนั้น อย่างชิ้นนี้ หญิงอินเดียนแดงให้นกอินทรี เป็นเครื่องหมายนำโชค" โอบามา กล่าวระหว่างแสดงสิ่งของชิ้นเล็กๆ ที่พกใส่กระเป๋า และว่า เมื่อคนนำของมาให้ จะมีคำอวยพรมาให้ พร้อมกับคำฝากฝังให้ช่วยต่อสู้ให้พวกเขา กำชับว่าให้รับผิดชอบอย่างเต็มที่ ซึ่งตนก็ตอบรับ และใส่ใจอย่างจริงจังมาก จนตอนนี้บางวันแทบนอนไม่หลับ

    ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า วัดฮินดูในกรุงนิวเดลีประเทศอินเดีย ทำพิธีและส่งรูปปั้นเทพหนุมานมาให้โอบามา เพื่อเป็นสิ่งนำโชคให้คว้าชัยชนะในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งนักบวชฮินดูกล่าวว่า หากโอบามาได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับสหรัฐจะแนบแน่นยิ่งขึ้น

    ด้านความเคลื่อนไหวของครอบครัวคลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ บิล คลินตัน ฝากบอกผ่านโฆษกว่า ขอสนับสนุนนายโอบามาให้ชนะการเลือกตั้ง ในวันเดียวกับที่นางฮิลลารี ภริยา กลับไปรัฐสภาในฐานะวุฒิสมาชิกเป็นครั้งแรก หลังปราชัยให้กับนายโอบามา ซึ่งฮิลลารีกล่าวว่า ไม่ได้คิดจะเป็นคู่ชิงกับโอบามาในฐานะรองประธานาธิบดี เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โอบามาต้องตัดสินใจเองล้วนๆ ขณะที่โอบามากล่าวชื่นชมถึงนางฮิลลารีในงานพบปะกลุ่มดาราและคนดังของฮอลลีวู้ด ว่า การที่นางฮิลลารีลงชิงชัยด้วย ทำให้ลูกสาวสองคนเห็นว่า ผู้หญิงจะเป็นประธานาธิบดีได้
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 228 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6419 ข่าวสดรายวัน


    แฟนซียูนิเวิร์ส


    คอลัมน์ แฟชั่น



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>การประกวดนางงามจักรวาลมาถึงครึ่งทางแล้ว บรรดาสาวนานาชาติกว่า 81 คน รวมถึง น้องแก้ม กวินตรา โพธิจักร ตัวแทนจากไทย เข้าร่วมกิจกรรมของกองประกวด มีทั้งกิจกรรมการกุศล เยี่ยมเด็กกำพร้า กิจกรรมโปรโมตการท่องเที่ยวในนครโฮจิมินห์ และกิจกรรมสวยๆ งามๆ ถ่ายชุดว่ายน้ำ แต่งหน้า และขึ้นเวทีประกวดชุดแฟนซีประจำชาติ ซึ่งน้องแก้มโชว์ท่าแข็งแกร่งประกอบชุดนักมวยหญิง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สำหรับผลการประกวดชุดประจำชาติปีนี้ มีผู้ชนะถึง 10 คน แต่ละรายมีสไตล์แตกต่างกันไป ทั้งแนวหรูหราฟู่ฟ่าอิงชนเผ่าพื้นเมือง เช่น เม็กซิโก เวเนซุเอลา โคลัมเบีย เปรู แนวดัดแปลง เช่น โดมินิกันในชุดนักกีฬาเบส บอล แอฟริกาใต้ในชุดราตรีประดับขนนกยูง และชุดราตรีผ้าคลุมธงชาติของแอล เบเนีย ส่วนที่มาแนวชุด ประเพณีดั้งเดิม คือชุดสาวเจ้าภาพเวียดนาม ชุดส่าหรีของอินเดีย และชุดแต่งงานพื้นเมืองของสาวโคโซโว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ส่วนใครจะพิชิตมงกุฎมิสยูนิเวิร์สปี 2008 ที่เปลี่ยนรูปโฉมใหม่เป็นมงกุฎทองคำประดับเพชรและอัญมณีมูลค่า 120,000 ดอลลาร์ หรือเกือบ 4 ล้านบาท และสานต่อหน้าที่จาก ริโยะ โมริ สาวญี่ปุ่นเจ้า ของตำแหน่งปี 2007 ต้องติดตามไปลุ้นวันที่ 14 ก.ค.
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 25[/FONT]







    จำนวนคนอ่านล่าสุด 264 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6417 ข่าวสดรายวัน


    "อาร์โอ"กระทบน้ำธรรมชาติ




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>จากประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น จนต้องเพิ่มผลผลิตอาหาร รวมทั้งภาวะโลกร้อน ทำให้โลกต้องเผชิญกับการขาดแคลนแหล่งน้ำธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์จึงต้องคิดค้นวิธีผลิตน้ำขึ้นมา ด้วยการนำเกลือออกจากน้ำทะเลและน้ำบาดาล ด้วยเครื่องกรองน้ำแบบ "รีเวิร์สออสโมซิส" หรือ "อาร์โอ" ซึ่งน้ำที่มนุษย์ผลิต นับวันจะมีความจำเป็นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแถบตะวันออกกลาง ภาคตะวันตกของสหรัฐ ทางตอนเหนือของแอฟริกาและเอเชียกลาง

    ผศ.เอฟเนอร์ เวนกอช ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์สมุทรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยดุ๊ก กล่าวว่า "น้ำที่นำมาผ่านกระบวนการรีเวิร์สออสโมซิส เพื่อเอาความเค็มออกนั้น จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อสภาพแวดล้อม เนื่องจากน้ำประเภทนี้มีส่วนประกอบที่ไม่เหมือนกับน้ำธรรมชาติ อาจนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ระบบน้ำธรรมชาติ เคมีและนิเวศวิทยาของน้ำในชั้นหินใต้ดิน เมื่อน้ำที่ผ่านการกรองด้วยรีเวิร์ส ออสโมซิส เข้าไปในระบบของแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งเคมีที่เปลี่ยนแปลงนี้ มีทั้ง โบรอน สตรอนเทียม ออกซิเจนและไฮโดรเจน"


    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif> </TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 484 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6417 ข่าวสดรายวัน


    บีเอ็มฯเผยโฉมรถต้นแบบของอนาคตทำจากผ้า




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ค่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูอวดโฉม รถคอนเซ็ปต์ คาร์ "เดอะ จีน่า ไลต์ วิชชันนารี โมเดล (The GINA Light Visionary Model)" ซึ่งตัวถังรถทำมาจากผ้า และ GINA ย่อมาจาก "Geometry and functions In "N" Adaptions" มีคริส แบงเกิ้ล เป็นหัวหน้าทีมดีไซน์

    บีเอ็มดับเบิลยูเชื่อว่า รถที่ทำมาจากผ้าสแปนเด็กซ์เคลือบด้วยโพลีนูรีเทน จะครองใจผู้ซื้อในอีกไม่นาน เพราะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์และสีของผ้าได้ตามความพอใจ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างความรู้สึกสัมผัสระหว่างรถยนต์และผู้ขับได้ดีกว่า ทั้งยังทนสภาพภูมิอากาศไม่ว่าจะร้อนจัด-หนาวจัด ผ้าไม่ยุบตัว เวลารถเคลื่อนที่ไม่ทำให้ผ้าขาด แต่ผ้าจะยืดไปตามโครงสร้างของรถที่เคลื่อนไหว ไม่เหมือนกับตัวถังเหล็กที่แข็งกระด้าง

    อย่างไรตัวถังผ้าจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า มีความคงทน ต้านการฉีกขาด การแทงทะลุ ลดเสียงรบกวนจากภายนอก รวมทั้งผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งอย่างหลังนี้ผู้บริโภคยังสงสัยกันมากว่า อาจจะไม่ปลอดภัยกับชีวิตอย่างรถตัวถังเหล็ก
    [/FONT]


    จำนวนคนอ่านล่าสุด 424 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6417 ข่าวสดรายวัน


    กทม.เตรียมทุบทิ้งสะพานข้ามทางแยก "อโศกดินแดง-เพชรบุรีตัดใหม่"หลังตรวจพบชำรุดหนัก




    นายทรงชัย เลิศวรสิริกุล ผอ.กองควบคุมการก่อสร้าง สำนักการโยธา (สนย.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการซ่อมบำรุงสะพานข้ามทางแยกของ กทม.ทั้งในกลุ่ม A งบประมาณ 253 ล้านบาทว่า ขณะนี้ สนย.ได้เซ็นสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมา คือ บริษัท IETL จำกัด ซึ่งชนะการประมูลเข้ามาซ่อม บำรุงสะพานในกลุ่ม A แล้ว ประกอบด้วย สะพานข้ามแยกท่าพระ แยกบางพลัด แยกวงศ์สว่าง และแยกประชานุกูล อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป คือ ทางผู้รับเหมาจะต้องส่งสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบและประเมินโครงสร้างความเสียหายของแต่ละสะพานตามที่ทีโออาร์กำหนด ซึ่งขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญจากจุฬาฯ ซึ่งทางผู้รับเหมาว่าจ้างเข้าพื้นที่เพื่อเริ่มตรวจสอบสภาพความเสียหาย วิเคราะห์โครง สร้างและน้ำหนัก รวมทั้งการจัดซ่อมจุดที่ชำรุดของแต่ละสะพาน โดยเริ่มที่สะพานข้ามแยกประชานุกูลก่อน เนื่องจากมีสภาพที่ค่อนข้างชำรุดและเสียหายมากกว่าสะพานตัวอื่นๆ ซึ่งทางจุฬาฯ จะต้องดำเนินการตรวจสอบความเสียหายของสะพานในกลุ่มดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน

    นายทรงชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของการซ่อมบำรุงสะพานข้ามทางแยกกลุ่ม C งบประมาณ 292 ล้านบาท ประกอบด้วย สะพานข้ามแยกไทย-ญี่ปุ่น แยกคลองตัน (เพชรบุรี-สุขุมวิท-พัฒนาการ) แยกอโศกดินแดง-เพชรบุรีตัดใหม่ แยกรัชดาภิเษก-พระราม 9-อโศกดินแดง และแยกรามคำแหง-พระราม 9 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจร่างสัญญาเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเซ็นว่าจ้างผู้รับเหมารายเดียวกันได้ภายในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการก็จะมีลักษณะเดียวกันกับในกลุ่ม A อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจเบื้องต้นของ สนย.พบว่าสะพานในกลุ่มนี้โดยเฉพาะแยกอโศกดินแดง-เพชร บุรีตัดใหม่ อาจจะต้องทุบทิ้งเพื่อก่อสร้างใหม่ เนื่อง จากมีสภาพชำรุดและผ่านการใช้งานมานานเกิน 10 ปีไปแล้ว ดังนั้น สนย.จะรอให้ทางผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบ เพื่อประเมินโครงสร้างและความแข็งแรงสะพานดังกล่าวอีกครั้ง
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 30[/FONT]

    จำนวนคนอ่านล่าสุด 348 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6417 ข่าวสดรายวัน


    แมงกะพรุนเพิ่มบ่งโลกร้อน




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ระยะนี้แมงกะพรุนอาจปรากฏหนาตาขึ้น โดยเฉพาะที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน "พีลาเจียนอคติคูล่า" กะพรุนมีพิษที่ทำให้ผิว หนังมนุษย์ไหม้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นตามชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนในฤดูร้อนนี้ และอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวตามชายฝั่ง

    นางแจ๊กเกอลีน กอย นักสมุทรศาสตร์จากสถาบันปารีส อธิบายว่า "การที่จำนวนแมงกะพรุนมากขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากอากาศที่ร้อนจัดขึ้นแล้ว การประมงที่มากเกินไปยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งด้วย ส่วนนายริคาร์โด อาร์กีล่า ผู้อำนวยการโอเชียน่า หนึ่งในองค์กรอนุรักษ์ กล่าวว่า "การกำจัดแมงกะพรุนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะมันเข้ามาแทนที่สัตว์น้ำหลากหลายพันธุ์แล้ว"

    ตามธรรมชาติ เมื่อสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังอย่างปลาทูน่า ปลาฉลาม เต่า หายไปจากทะเล สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังอย่างแมงกะพรุนจะเข้ามาแทนที่ เนื่องจากขาดผู้ล่าและมีการแข่งขันแย่งหาอาหารน้อยลง นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถคำนวณได้ว่า แมงกะพรุนมีจำนวนเท่าใดกันแน่ เนื่องจากดาวเทียมไม่สามารถตรวจจับแมงกะพรุนได้ ไม่เหมือนกับการตรวจจับฝูงปลา ที่ดาวเทียมตรวจพบได้สบายๆ และจากการบันทึกยาวนาน 200 ปี พบว่า ทุกๆ 12 ปีจะมีแมงกะพรุนมาก อีก 4-6 ปีถัดมา จำนวนจึงคงที่และค่อยๆ ลดจำนวนลง แต่ปีนี้เป็นปีที่ 8 ติดต่อกันแล้วที่มีแมงกะพรุนมาก
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]

    จำนวนคนอ่านล่าสุด 293 คน

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif></TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 89 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6418 ข่าวสดรายวัน


    5นักวิทย์โชคร้าย


    หมุนก่อนโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    หลุยส์ สโลทิน/อเล็กซานเดอร์ บอกกานอฟ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เดอะลิสต์ยูนิเวิร์สต์ เจ้าของเว็บไซต์ http:/ listverse.com/ จัดอันดับ 5 นักวิทยาศาสตร์โชคร้ายที่สุดในโลก ที่เสียชีวิตเพราะการทดลองของตนเอง การทดลองของท่านเหล่านี้ สร้างประ โยชน์ให้กับมนุษยชาติ แม้ต้องแลกกับชีวิต

    นักวิทยาศาสตร์ที่โชคร้ายที่สุดลำดับแรกคือ นายหลุยส์ สโลทิน (1 ธันวาคม ค.ศ. 1910 - 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1946) ชาวแคนาดา ทำงานให้กับโครงการ "แมนฮัตตันโปรเจ็กต์" ขณะทำการทดลอง สโลทินทำลูกบีรีเลียมตกลงบนลูกบีรีเลียมอีกลูกหนึ่ง ทำให้เกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรงขึ้นมา เนื่องจากลูกบีรีเลียมหุ้มด้วยพลูโตเนียม ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นแสงสีฟ้าในอากาศและรู้สึกว่ามีคลื่นความร้อน สโลทินเสียชีวิตในอีก 9 วันต่อมา พบว่า รังสีที่เขาได้รับเหมือนกับยืนอยู่ห่างจากระเบิดปรมาณู 4,800 เมตรเท่านั้น <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    อลิซาเบธ แอสเชม/ เดอ โรสิเอร์

    คาร์ล สคีล

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อันดับ 2 อเล็กซานเดอร์ บอกกานอฟ (22 สิงหาคม ค.ศ. 1873 - 7 เมษายน ค.ศ. 1928) เป็นทั้งแพทย์ นักปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์ นักเขียนนวนิยายไซไฟ ชาวรัสเซีย เมื่อค.ศ. 1924 เขาทำการทดลองเรื่องการถ่ายเลือด มีตัวเองเป็นหนูทดลอง เพื่อหาวิธีสร้างความอ่อนเยาว์ และปี 1928 เขาเสียชีวิตเพราะเลือดที่ผู้บริจาคให้มามีเชื้อมาลาเรียและวัณโรค

    อันดับ 3 อลิซาเบธ แอสเชม สมรสกับน.พ.วูล์ฟ ที่มีความสนใจด้านรังสีเอกซเรย์ ทำให้เธอสนใจศาสตร์ด้านนี้ด้วย ทั้งสองซื้อเครื่องเอกซเรย์มา นับเป็นห้องทดลองเอกซเรย์แรกของนครซานฟรานซิสโก ทั้งวูล์ฟและภรรยาใช้ตนเองทดลองโดยไม่ทราบผลกระทบของรังสี ภายหลังเธอเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง

    อันดับ 4 ฌอง ฟรังซัวร์ เดอ โรสิเอร์ (30 มีนาคม ค.ศ. 1754 - 15 มิถุนายน ค.ศ. 1785) เป็นนักฟิสิกส์และนักเคมีชาวฝรั่งเศส จากการที่เขาเห็นบอลลูนลูกแรกของโลกที่ลอยขึ้นไปในท้องฟ้า ทำให้เขาอยากจะบิน หลังจากนำแกะ ไก่ เป็ดทดลองขึ้นไปบนบอลลูน เขาทำการทดลองกับตนเองโดยพยายามบินข้ามช่องแคบอังกฤษ แต่เมื่อบอลลูนขึ้นไปถึงระดับ 1,500 ฟุต ก็ตกลงมา ทำให้เขาและคู่หมั้นเสียชีวิต

    อันดับ 5 คาร์ล สคีล (19 ธันวาคม ค.ศ.1742 - 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1786) เป็นนักเคมีชาวสวีเดนและเป็นผู้ค้นพบออกซิเจน ทังสเตน แมงกานีส คลอรีน เป็นผู้มีนิสัยชอบชิมรสสารเคมีที่ค้นพบใหม่ๆ ชิมไฮโดรเจนไซยาไนด์แต่รอดชีวิตมาได้ ท้ายสุดมีอาการเหมือนกับได้รับสารปรอท
    [/FONT]

    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    [/FONT]




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ....คิดว่ายังเป็นปกติครับ....แต่เมื่อไรก็ตามที่ มีน้ำซึมขึ้นมาเอ่อเหนือผิวดินที่ยุบตัวเมื่อไร....ตอนนั้น ก็ไม่ปกติแล้วล่ะครับ
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ถูกต้องแล้วครับ อีกบริเวณหนึ่งซึ่งดินทรุดผิดปกติ ก็คือใกล้กับเดอะมอลล์ท่าพระครับ คอสะพานหลายแห่งทรุดมากผิดปกติ รวมทั้งถนนใต้สะพานลอยคนข้ามหน้าห้างด้วย

    วันก่อนเห็นปูนรองโครงสร้างสะพานพุทธร้าวมากหลายจุดจนต้องทุบแล้วเทใหม่ครับ

    ตอนนี้เทเสร็จแล้ว

    ช่วยกันรวบรวมข้อมูลครับ ผมเห็นว่าสำคัญเพราะ ทำให้เราเห็นจุดที่เปราะบางและเสี่ยงต่อเหตุการณ์แผ่นดินทรุดหรือเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่ได้ครับ
     
  18. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    มันเป็นอย่างนั้นเอง ปีก่อน ๆ ก็เป็นแบบนี้ จำได้มั้ย ปีนึงที่โรคไข้หวัดนกกำลังระบาดที่ฮ่องกง ตอนนั้น เขากลัวว่าจะมาระบาดหนักที่ไทย แต่เราโชคดี เพราะอยู่หน้าร้อนพอดี แล้วปีนั้น ก็ร้อนได้อย่างสะใจด้วย ร้อนจริง มีแดดออกตั้งแต่ก่อน 6 โมง พอตอนทุ่มก็ยังไม่มืดเลย ที่จำได้เพราะเพื่อนมาเลย์มา พาไปเที่ยวเขายังบอกเลยว่า ทำไมมันถึงฟ้าสว่างได้นานหลายชั่วโมงอย่างนี้ พอหมดหน้าฤดูกาลก็กลับมาเป้นเหมือนเดิม คือ สว่างปกติ พอตกเย็นราว 6 โมงก็มืดเหมือนเดิม

    ปีที่แล้ว ไปวิ่งสวนลุมบ่อย ก็เห็นว่ามันก็เป็นอย่างนั้น พอหน้าร้อน มันก็สว่างนาน พอหน้าหนาว มันก็มืดเร็ว

    อิอิ ...ตถตา... มันเป็นอย่างนั้นเอง (f)
     
  19. ปรสุ

    ปรสุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +838

    ขอเสริมนิดครับ ข้อมูลนี้จากสารคดีที่ดูผ่านๆมา

    ในยามฉุกเฉินไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เมื่อหาแหล่งน้ำที่ดีได้แล้ว

    ให้ขุดหลุมข้างๆแหล่งน้ำนั้นแล้วปล่อยให้น้ำซึมเข้ามา ตักน้ำขุ่นๆออก

    รอจนน้ำที่ซึมใหม่ใส (ทางที่ดีควรเป็นบ่อทราย)

    นำกางเกงยีนหนาๆมามัดปลายขาข้างหนึ่งให้แน่น

    นำถ่านไม้ที่ได้จากกองไฟใส่ลงไปในขากางเกงก่อนพอควร หลังจากนั้น

    ใส่ทรายละเอียดตามลงไปมากๆ ผ้าฝ้ายบางรองไว้บนสุด

    ค่อยๆตักน้ำใสมาเทลงด้านบน รองรับน้ำด้านล่างขากางเกงไปใช้

    นำไปต้มก่อนบริโภค

    (ข้อควรระวังไม่ควรนำน้ำที่ไม่ได้กรองก่อนมาต้ม

    เพราะสาหร่ายเซลล์เดียวหรือแบคทีเรียบางชนิด เมื่อถูกความร้อนในขณะต้ม

    จะกลายเป็นพิษมากกว่าน้ำที่ไม่ได้ต้มหรือน้ำกรองธรรมดาที่ไม่ได้ต้มด้วยซ้ำ)
     
  20. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    นึกว่ามีแต่ดิฉันคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้
    ยังโทรกลับไปคุยกับพ่อเลยว่าหมู่นี้ ถ้าวันไหนไม่มีเมฆนะ แดดตอนเช้าเจ็ดโมง อย่างกับเก้าโมงน่ะ
    ส่วนตอนเย็นทุ่มนึงแล้วยังเหมือนแค่ห้าโมงเย็นอยู่เลย
    เลยบอกที่บ้านว่า อะไรๆที่ไม่คาดคิดนั้นเกิดคิดได้เสมอ ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท (บ่ใช่ความตระหนกเด้อ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...