ผมไม่เคยเชื่อว่าผมโดนคุณไสย์จนกระทั่ง...

ก่อนหน้านี้ผมก็ใช้ชีวิตมาตามปกติ สังคมของผมก็ปกติซึ่งไม่ค่อยได้ใกล้หรือสัมผัสกับสิ่งลึกลับหรือคุณไสย์อะไรเลยจนกระทั่งประมาณปลายปี 2003 ผมได้ร่วมลงทุนกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ผมนับถือและรักมากคนหนึ่ง ปกติผมเป็นคนสบายๆ ง่ายๆ มองโลกในแง่ดีเสมอมา ผมก็เลยไม่ได้ทำสัญญาการลงทุน ใช้สัญญาใจกัน (ผมขอเล่าคร่าวๆ นะครับ เดี๋ยวจะเบื่อซะก่อน)
ก็เป็นธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งตัวสินค้าหรือชิ้นงานเป็นไอเดียของผม ในช่วงนั้นผมมีงานประจำอยู่ก็เลยตกลงกันให้พี่เค้าเป็นคนบริหารพร้อมกับภรรยาของพี่เค้าซึ่งเค้าก็เข้าร่วมหุ้นด้วย
ซึ่งตอนแรกก็ตกลงกันอย่างดี จนกระทั่งธุรกิจเริ่มต้นได้ดีเกินคาด เพียง 3 เดือนแรกก็ได้กำไรเป็นหลักเกือบล้านบาท ผมก็ได้รับส่วนแบ่งตามที่ตกลงกันไว้ (แต่ก็ไม่แน่ใจว่าได้ครบรึเปล่า) พอเริ่มเข้าเดือนที่ 12 จะครบปีผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ หลายๆ อย่างเช่น พี่เค้าและภรรยาเริ่มมาพูดกับผมว่าตอนนี้สินค้าเริ่มมีการ Copy กันมากขึ้นแล้วมีความจำเป็นต้องแยกกันแล้วล่ะ พอเริ่มมีการแข่งขันเรื่องราคาเค้ากลัวว่าผมจะมีความเสื่ยงด้วยก็เลยอยากให้ผมยกเลิกการเป็นหุ้นส่วน วินาทีนั้นผมก็รู้เลยว่า "ผมโดนโกงแล้ว" ผมก็เลยพยามทำใจตอนนั้นทั้งเสียใจ ทั้งแค้น ทั้งคิดสาปแช่ง แล้วผมก็เลยพูดทวงถามสิทธิ์ต่างๆ ในส่วนของผมและขอดูรายละเอียดทั้งหมดแต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยง รวมถึงการจดลิขสิทธิ์ความคิดในตัวสินค้าที่ตกลงกันว่าต้องเป็นชื่อของผม แต่ตอนแรกพี่เค้าเป็นคนไปจดทะเบียนซึ่งให้เหตุผลกับผมว่าผมคงไม่มีเวลาไปจดและบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นชื่อผมให้ตอนหลัง แต่พอผมถามถึงสิทธิบัตรซึ่งต้องดำเนินการเปลี่ยนเป็นชื่อผม พี่เค้าทั้งสองคนก็พูดเลยว่าไม่เปลี่ยนให้ (ธาตุแท้เริ่มออก) ซึ่งผมเสียเปรียบตลอดทุกอย่าง ผมเลยเริ่มคิดทำใจ โชคดีที่มีธรรมะอยู่ในใจบ้าง ตอนนั้นก็เลยคิดว่าคงเป็นกรรมเก่าของเราก็เลยทำให้สบายใจขึ้นบ้าง หลังจากนั้นพี่ๆ เค้าก็ซื้อรถใหม่ ปลูกบ้านราคาหลายสิบล้าน ออกสินค้าใหม่มากมายซึ่งตรงกันข้ามกับที่เค้าพูดว่าธุรกิจเริ่มแย่จำเป็นต้องแยกกัน
หลังจากนั้นผมก็ปลีกตัวออกมา แต่ก็ยังคงคุยกับพี่เค้าทั้งสองคนได้แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจและยังโกรธอยู่ แต่ก็งงๆ ว่าทำไมเรายังคุยกับเค้าได้อีกนะ แถมยังช่วยงานเค้าทั้งสองทุกครั้งที่เค้าเรียกใช้โดยไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย จนกระทั่งผมมีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่ 3 วันก็เลยทำให้ผมเริ่มคลายความโกรธแค้นลงจนกระทั่งแทบจะไม่เหลือเลย ก็เลยคิดแต่ว่ามันเป็นกรรมของเรา ก็เลยอโหสิกรรมให้พี่เค้าทั้ง 2 คน
จนเวลาผ่านไป 2 ปี ผมก็ได้ทราบความเคลื่อนไหวของพี่เค้าไปเรื่อยๆ ว่าธุรกิจเริ่มมีปัญหาออกสินค้ามาใหม่ก็ขายไม่ได้ เหลือค้างสต๊อก การเงินติดขัด จนบ้างครั้งก็ยังมาขอยืมผมอีก ผมก็ให้ยืมแต่พี่เค้าก็คืนนะครับ ส่วนภรรยาพี่เค้าก็เริ่มป่วยเป็นซีสต์ที่รังไข่ เข้ารพ.บ่อยมากๆ ผมก็คอยปลอบใจและให้กำลังใจพี่เค้าทั้งสอง พี่เค้าทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกัน และกู้เงินธนาคารมาทำสินค้าอีกก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกก็เลยทำให้เป็นหนี้เป็นหลักหลายล้านบาท
ก็ยิ่งทำให้ผมคิดว่าคงเป็นกรรมที่เค้าทั้งสองได้กระทำกับผม แต่ก็ได้แต่แผ่เมตตาให้เพราะผมกลัวว่าจะยังไม่หมดกรรมเดี๋ยวมาเจอกันอีก แต่ผมก็ยังคงให้ความช่วยเหลือในเรื่องงานกับพี่เค้าอีกปนกับอาการงงๆ เหมือนว่าทำไม เค้าทำกับเราหนักขนาดนี้ ทำไมเรายังใจดีกับเค้าอีกนะ
จนกระทั้งผมเริ่มได้เห็นสัจจะธรรม และกฏแห่งกรรมมากขึ้นก็เลยมีโอกาสได้ทำบุญบ่อยขึ้นๆ เรื่อยๆ และผมก็ได้พบกับกัลยาณมิตรท่านหนึ่งซึ่ง พี่คนนี้นิสัยดีมากซึ่งพี่เค้าแนะนำ
ให้รู้จักกับอาจารย์ท่านหนึ่งมีความสามารถล่วงรู้กรรมของผมได้ อาจารย์ก็ทักผมว่าผมโดนทำคุณไสย์ใส่ ในตอนแรกที่ผมเจอกับอาจารย์ท่านนี้ตัวผมร้อนมากๆ ไม่อยากคุยด้วย ก็งงเหมือนกันว่าทำไม่เป็นอย่างนี้ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อก็คิดว่างมงาย จนกระทั่งอาจารย์พูดออกมาเองว่าผมโดนหุ้นส่วนที่โกงไปจ้างฤาษีทำของใส่ผมให้ผมเชื่อ พูดอะไรก็ฟังแต่เค้า อยากช่วยเค้าทุกอย่างเค้าทำเพื่อจะเอาความคิดดีๆ จากเราเพื่อไปทำสินค้าขาย (ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังนอกจากคุณแม่)
พอถึงตรงนี้ผมเลยยอมคุยและฟังที่อาจารย์พูด อาจารย์ท่านก็บอกว่าเค้าเรียกผีให้เค้ามาสิงในร่างผม อาจารย์จะไล่ออกให้ ผมก็ยังไม่เชื่อและไม่คิดว่าจะโดนกับผมเพราะผมเคยเห็นแต่ในหนัง จนเวลาผ่านไป 2 อาทิตย์ ผมเริ่มรู้สึกผิดปกติ ว่าเราฉุนเฉียวง่าย ขับรถเร็วมาก และที่สำคัญระหว่างขับรถไปทำธุระเกือบจะเกิดอุบัติเหตุแรงๆ หลายครั้งมากจนไม่สบายใจ ก็นึกถึงอาจารย์ท่านนี้ ก็เลยไปหาท่านพอเจอปุ๊ปอาจารย์ก็พูดว่าผมจะเกิดอุบัติเหตุหลายรอบแล้ว เพราะฤาษีที่ทำคุณไสย์เริ่มรู้แล้วว่าผมเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าโดนของ เค้าจะต้องทำให้ถึงชีวิิต เพราะถ้าไม่อย่างนั้นของมันจะย้อนเข้าตัวเค้า อาจารย์ก็เลยช่วยไล่ผีที่อยู่ในตัวผมออก (ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเชื่ออยู่ดี) จนกระทั่งอาจารย์ทำพิธีง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอะไรเลยผมขออธิบายคร่าวๆ นะครับ
อาจารย์ให้ผมนอนลงกับพื้น แล้วก็พูดประมาณว่า ไล่สิ่งชั่วร้ายวิญญาณช่ัวร้ายให้ออกไปจากตัวผม ผ่านไปไม่ถึงนาที ตัวผมเริ่มกระตุก (ทั้งที่รู้สึกตัวตลอดไม่ได้หลับตา แต่ไม่สามารถ Control ตัวเองได้เลย) ระหว่างกระตุกมือผมจะหงิกและคำคล้ำเหมือนมีอะไรมาเกี่ยวมือเราไว้ ผมนอนกระตุกตั้งบ่ายโมงถึง 3 ทุ่มครึ่งเป็นเวลา 2 วัน ระหว่างนอนกระตุกผมก็สนทนากับอาจารย์ได้ด้วย จนกระทั่งวันที่สาม อาจารย์บอกว่าใกล้จะหมดแล้วเหลืออีกประมาณ 20 % พอใกล้เวลาจะเลิกผมกระตุกแล้วก็อาเจียนออกมาเป็นลิ่มเลือดเล็กๆ 2 ลิ่ม ตอนนั้นผมรู้สึกกลัวมากๆ เพราะในชีวิตไม่เคยเจออะไรแบบนี้
พอวันสุดท้ายอาจารย์ก็บอกว่า คนที่ทำก็คือพี่สองคนที่เป็นหุ้นส่วนผม เค้ากำลังจะแย่บ้านก็จะโดนยึด และจะเป็นโรคร้ายที่รักษายาก ทำอะไรก็จะไม่ขึ้นแล้ว ตอนนี้เค้าสองคนเริ่มรู้สึกกลัวกับกรรมที่เค้าได้ทำกับผมแล้ว และคนที่ทำของใส่ผมก็คือภรรยาของพี่่ที่สนิทกับผม ซึ่งภรรยาก็ทำสามีให้เชื่อเช่นกัน แล้วก็ทำกับผมด้วย ซึ่งภรรยาเค้าก็ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่รังไข่ในตอนนี้ผมก็ได้แต่อโหสิกรรมและแผ่เมตตาให้กับเค้าทั้งสองคน ตอนนี้ชีวิตผมก็เริ่มกลับมาปกติดีอีกครั้ง

ก็เลยอยากจะฝากข้อคิดนี้ไว้เพื่อเตือนใจสำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนนะครับว่าคนที่คิดจะทำคุณไสย์ว่าอย่าทำเลยนะครับเพราะเวรกรรมมันมีจริง อะไรที่ได้มาแบบง่ายๆ ไม่บริสุทธิ์ มันไม่ยังยืนหรอกครับ ไม่น่าภาคภูมิใจเลยซักนิด
ส่วนคนที่มองโลกในแง่ดีก็ ดูไว้เป็นบทเรียนนะครับ ว่าควรรอบครอบจะทำอะไรก็ควรมีสัญญา คุยกันให้ละเอียดในเรื่องของผลประโยชน์ จะได้ไม่มานั่งเสียใจเสียความรู้สึกที่หลังเหมือนที่ผมโดน มาเล่าสู่กันฟังนะครับไม่ได้มีเจตนาไม่ดีใดๆ ทั่งสิ้น
อาจารย์บอกว่าในปัจจุบันมีคนทำของคุณไสย์มากกว่าสมัยก่อนอีกเพราะคนในปัจจุบันมีความละโมบ โลภมาก อยากได้ของคนอื่น แบบง่ายๆ ก็เลยใช้วิธีแบบนี้กันเยอะก็อยากให้ทุกคนระมัดระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะครีบ

กราบขอบคุณท่านอาจารย์อิทธิ มิตรชู ที่ดีและมีเมตตากับผมมากๆ ที่ให้การช่วยเหลือในครั้งนี้ (f) (good) (||) (smile) (evil)

 

ขออนุโมทนาครับ อยากฝากไว้สำหรับเรื่องธุรกิจหรือเงินทอง ว่าไม่มีคำว่ามิตรหรือคำว่าเพื่อนกันสำหรับเรื่องนี้ ผมก็เคยโดนมากับตัวตอนเริ่มต้นทำธุรกิจ (ตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงนี้นะ แต่ดีกว่าเมื่อก่อนพอสมควร) ถ้าเริ่มต้น ให้เป็นของเราคนเดียวไปเลย อย่าเพิ่งมีหุ้นส่วน ถ้าหากขาดเงิน อย่าเพิ่งหาหุ้นส่วน กู้ได้ก็กู้ มีภาระที่เป็นต้นทุนดอกเบี้ยก็จริง แต่การมีหุ้นส่วนจะมีภาระแฝงมากมายตามมาตั้งแต่การตัดสินใจ หรือนโยบายต่างๆ ของบริษัท และที่สำคัญการที่เค้ายอมเป็นหุ้นส่วนกับเรา เพราะเค้าต้องการเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ต้องการเป็นที่ปรึกษาให้กับเราเพียงอย่างเดียว ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ ให้เริ่มทำธุรกิจคนเดียวไปก่อน ถ้าหากขาดเหลืออย่างไร หรือต้องการที่ปรึกษาเพิ่ม ให้จ้างเอาครับ แล้วพอธุรกิจเริ่มอยู่ตัวอยากขยับขยาย ค่อยพิจารณาอีกทีว่าจะกู้เพิ่มเติมหรือว่าจะหาหุ้นส่วน

ผมขออนุโมทนาบุญกับการอโหสิกรรมครับ ถือซะว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม และอย่าลืมสวดแผ่เมตตาบ่อยๆ สวดบทมหาเมตตาใหญ่ได้ยิ่งดี อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และวิญญาณตนที่เคยมาสิงเราตามอำนาจของคนบงการ ให้เค้าไปอยู่ในภพภูมิที่ดีกว่าเดิม (มีแต่ให้จริงๆ โดนเขาทำแล้วยังมีแต่ความปรารถนาดีให้เค้าอีก ^^") ทิ้งท้ายเรื่องธุรกิจว่าคนเราเกิดมาก็ต้องตาย หาให้ได้เยอะๆ ก่อนตายผมว่าดี ไม่ผิด แต่อย่าลืมพัฒนาจิตเราควบคู่ไปด้วย ที่สำคัญเงินมากๆ ที่เราหาได้มีทั้งคุณและมีทั้งโทษต่อคนที่อยูข้างหลังเราครับ เรื่องร้ายๆ ผ่านไปแล้ว ขอให้ต่อไปนี้ชีวิตเจอแต่สิ่งที่ดีนะครับ

 

อ่านแล้วขนลุกนะ การที่คุณรอดพ้น ได้พบคนที่ชี้ทางให้ และแก้ไขในสิ่งที่เกิดกับคุณได้ก็เป็นเพราะคุณเป็นคนดีมากๆ เชื่อว่าคุณจะดำเนินกิจการต่างๆที่จะทำต่อไปได้ผลดีเจริญรุ่งโรจน์ มีผลกำไร โมทนาสาธุด้วยค่ะ

 

หายแล้วก็ขอให้ยึดมั่นใน ศีล สมาธิ ปัญญา นะ

 

ธรรมะ ย่อมชนะอธรรม เสมอ
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก..
เวร ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ..

สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกนี้ ขออย่าได้มีเวร เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงเป็นผู้มีสุข พ้นทุกข์ภัยทั้งสิ้น .. กับขอจงเป็นผู้มีส่วนได้เสวยผลบุญอันเราได้กระทำแล้ว ทุกเมื่อเทอญ.. สาธุ

 

บุญรักษา นะคะ ..

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธรรมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ..

 

อนุโมทนา....สาธุ กับ จขกท. ด้วยนะครับ

เรื่องแบบนี้ใครไม่โดนเข้ากับตัวเองไม่รู้หรอก ครับ

แล้วที่ดีอีกอย่างคือ จขกท.ได้ยกอุทาหรณ์ให้ทราบด้วยว่า ผลกรรมที่คนอื่นเค้าทำคุณไสย์ใส่เราที่เป็นคนบริสุทธิ์จะได้รับโทษอย่างไร เร็วขนาดไหน หนักอย่างไร

จะได้เอาไว้เป็นแบบอย่างของผู้คิดจะทำใส่คนอื่นๆ ให้สังวรไว้

 

" ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง (ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน)
รักขันตุ สัพพะเทวะตา (ขอเหล่าเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน)
สัพพะพุทธา,ธัมมา,สังฆานุภาเวนะ (ด้วยอนุภาพแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทั้งปวง)
สะทาโสตถี ภะวะตุ เต (ขอความสวัสดีทั้งหลายจงมีแก่ท่านทุกเมื่อเทอญ)
สาธุ...สาธุ...สาธุ "

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจนะครับ ผมขอให้อาราถนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และธรรมะคุ้มครองใจและกายทุกท่านให้ปลอดภัยในทุกเรื่อง มีความสุขในทุกวันนะครับ ผมรู้สึกเกิดปิติสุขอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้รับกำลังใจแบบนี้ เพราะผมรู้ว่ามันมาจากข้างในที่บริสุทธิ์จากใจพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนจริงๆ ขออนุโมทนานะครับ

 

มีจริงสิ เรื่องแบบนี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคโบราณกาล
คนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเชื่อ เพราะว่าไม่ได้อยู่ในสภาวะนั้นๆ
ปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ว่าคนที่เก่งจริงๆ เหลือน้อยแล้ว

เพราะอาจารย์จะไม่ถ่ายทอด ส่วนใหญ่ จะเอาตำราไปโยนทิ้งในแม่น้ำหมด
เนื่องด้วย ทุกวันนี้คนมีศีลที่ครบๆ นั้นเหลือน้อยเต็มที สอนไปก็รักษาไม่ได้

เช่นนั้น

 

น่าสนใจ

 

ตอนแรกๆ ผมก็ไม่เชื่อแถมยังไปสบประมาทอาจารย์ประมาณว่า ผมว่ามีแต่ในหนังมั้งอาจารย์ ของจริงคิดว่าไม่มีหรอกนี้มันยุคไหนแล้ว แล้วยังแหย่อาจารย์ว่า "อาจารย์ช่วยถ่ายVDO ตอนที่ผมมีอาการแปลกๆ ให้ผมด้วยนะจะได้เอากลับไปให้คนที่บ้านดูด้วย" ซึ่งในตอนแรกอาจารย์ก็คงเริ่มไม่พอใจจนเกือบจะไม่ช่วยผมแล้ว เพราะผมไปแซวแก(ปากไม่ดีจริงๆ) แต่พี่ที่พาผมไปก็พูดว่า "อาจารย์ช่วยน้องเค้าเถอะอย่าไปถือเค้าเลย อาจารย์แกก็เลยช่วย แต่พอพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว ผมขำไม่ออกเลยครับต้องรีบขอโทษขอโพยอาจารย์ใหญ่เลยครับ ผมนอนกระตุกจนผมปวดหน้าท้องไปหมดเลย อาจารย์ก็เลยแซวกลับว่าตกลงจะเอากล้อง VDO หรือภาพนิ่งดี แล้วอาจารย์ก็ไม่ได้ให้ผมกินหรือดื่มอะไรเลย พิธีก็เรียบง่ายมากๆ ไม่มีหิ้งบูชาเหมือนที่เราเห็นในหนังเลยมันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณจริงๆ ผมขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงครับ (ถ้าหากท่านผู้ใดต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมทิ้ง E-mail Address ไว้นะครับผมยินดีที่จะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยครับ) หรือเพื่อนๆ พี่ๆ ท่านใดสงสัยว่ามีปัญหาอะไรกับตัวเองก็ลองตอบกระทู้ทิ้งไว้นะครับ ผมไม่อยากบอกรายละเอียดในกระทู้อ่ะครับกลัวว่าบ้างท่านอาจจะคิดว่าเป็นการมอมเมาหรือหาผลประโยชน์อ่ะครับ
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและตอบกระทู้ของผมนะครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในทุกวัน ธรรมะคุ้มครองครับ ขอบคุณครับ (f) (deejai)

 

จะจริงหรือไม่จริง ผมก็นับถือที่คุณเป็นคนดีไม่คิดอาฆาตคุณมีนิสัยเหมือนพ่อผมเลย ผมโกดแค้นมากที่มีคนมาโกงพ่อผม บ้างครั้งในหัวผมคิดจะหาวิธีเล่นงานคนที่โกงพ่อผมสาระพัดวิธีทั้งคุณไสย สาปแช่งก็เคย หรือทำร้ายก็มี แต่มันแค่ชัวแว๊ปเดียว

 

อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.

อนุโมทนาครับ.
บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
โทร.1900-222-200 6บาท/นาที​

<!-- / message -->
<!-- / message --><!-- edit note -->

 

อนุโมทนา....สาธุ

ไม่ทราบว่าบทนี้ท่านได้มาจากส่วนใดของพระไตรปิฎก...ถูกใจจริงๆ

 

ขอที่อยู่อาจาร์ยได้ไหมค่ะ tira_2007@hotmail.com

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle height=10>ไปเจอในกูเกิลมาคัฟ มีเบอร์ด้วย


</TD></TR><TR><TD align=middle height=10></TD></TR><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD align=middle height=10></TD></TR><TR><TD> โหราศาสตร์ คือศาสตร์หนึ่งที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน...หลายคนยึดถือศาสตร์นี้ดั่งตะเกียงส่องทางให้ชีวิตยามใดวิตกกังวล เคราะห์หามยามร้าย ไม่รู้จะไปพึ่งใครก็หันไปหาหมอดู ให้ช่วยทำนายทายทัก ช่วยตัดสินใจว่าควรจะหันไปทางไหนดี อ่านเรื่องการเมืองมาหลายเพลา ขออนุญาตคั่นเรื่องที่ว่าสักครั้ง

พลังจิต คือ การรวบรวมสมาธิจนถึงจุดหนึ่ง ทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีพลังจิต แต่จะมีสักกี่คนที่นำออกมาใช้ได้?

อาจารย์อิทธิ มิตรชู อายุ 39 ปี ชาวสตูล อดีตเคยทำงานด้านการตลาดบริษัทแห่งหนึ่ง ต่อมาชีวิตผกผัน เพราะเกิดอาเจียนเป็นเลือด อาการปางตาย หาหมอโรงพยาบาลไหนก็วินิจฉัยไม่ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ จึงเป็นเหตุนำพาให้เริ่มสนใจเรื่องลี้ลับเพื่อรักษาตัวเอง

เวลานั้นอาจารย์อิทธิเล่าให้ฟังว่า ญาติพี่น้องพาตระเวนหาพระดังหลายวัด กระทั่งไปที่ "วัดเขาตะเขรา" เพื่อกราบขอพร "หลวงพ่อทอง" อันศักดิ์สิทธิ์แห่ง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ตกค่ำก็เห็นผล ขณะที่กำลังพักผ่อน ก็นิมิตเห็นพระชรารูปหนึ่ง พูดกับเขาว่า "ถ้าหายแล้ว ต้องไปรักษาคนอื่น" อารามกลัวตาย อาจารย์อิทธิรีบรับปากทันที แล้วในฝัน หลวงพ่อก็เอาไม้เท้าทิ่มที่หน้าอก ปรากฏว่าตื่นเช้ามา อาการป่วยก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!!

เมื่ออาจารย์อิทธิรับปาก ก็เหมือนดั่งเป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน จากนั้นไม่นาน ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองแปลกไปจากที่เคยเป็น...เริ่มมองเห็นสิ่งที่คนปกติธรรมดาไม่มีโอกาสได้เห็น!!

"ผมเริ่มมองเห็นกรรมของคนแต่ละคน เห็นว่าเขาเป็นใคร เคยทำอะไรมาบ้าง เพียงมองเห็นเขา หรือสำหรับบางคนที่ไม่เคยเห็นหน้า ได้เห็นเพียงชื่อก็สามารถมองเห็นบาปบุญที่ทำมาได้"

ฟังแล้วเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ งมงายไร้สาระ แต่ช่วงเวลาเกือบสองปีที่อาจารย์อิทธิ ใช้เวลาช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

นายพรนพพล เกตุทอง (ชื่อเดิม นายเปลี่ยน) อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จ.เพชรบุรี อีกหนึ่งคนที่ได้สัมผัสถึงพลังลี้ลับของอาจารย์อิทธิเล่าว่า "ก่อนนี้ผมเคยประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ในอาชีพ แต่มาระยะรู้สึกว่าทำอะไรก็ติดขัด ทั้งๆ ที่ส่วนตัวก็ไม่ได้ทำอะไรผิด เลยให้เขาช่วย"

"จากนั้นเขาก็ให้ผมนอนหงาย มีหม้อดินวางอยู่ข้างๆ แล้วเริ่มพิธีปัดเป่าความชั่วร้ายให้ลงไปในหม้อดิน...ขณะทำพิธี ผมรู้สึกเจ็บตรงหน้าอกมาก เหมือนโดนมีดกรีด คุณอิทธิบอกผมว่า ผมโดนคุณไสย โดยมีตุ๊กตาที่ผ่านพิธีฝังรูปฝังรอยไปวางไว้ที่ทางสามแพร่ง ซึ่งเมื่อทำพิธีเสร็จแล้ว ก็ต้องนำหม้อดินไปบำเพ็ญกุศล แล้วเอาไปลอยน้ำ หลังจากนั้น ผมก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจเรื่อยมา"

"อีกคนก็ภรรยาผมที่มีอาการเจ็บหลังบ่อยๆ อาจารย์อิทธิ บอกว่า เป็นเพราะที่บ้านคุณพ่อภรรยามีของแหลม ซึ่งผ่านการสาปแช่งจากดวงวิญญาณอาฆาตอยู่ในบ้าน ภรรยาผมก็โทร.กลับไปที่บ้านคุณพ่อทันที เลยได้ทราบว่าคุณพ่อท่านเก็บหอกโบราณของทหารสมัยก่อนเอาไว้ในบ้าน ต้องเอาไปทำพิธีทางศาสนา อุทิศส่วนบุญให้กับเจ้าของ แล้วอาการเจ็บหลังของภรรยาผมก็ค่อยๆ ทุเลาลง!!"คุณเปลี่ยนกล่าวยืนยัน

"เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีนักธุรกิจรายหนึ่ง นัดอาจารย์อิทธิไปที่โรงแรมชื่อดังในกรุงเทพฯ ผมมีโอกาสได้ติดตามไปด้วย ผมเห็นกับตาว่าแค่อาจารย์อิทธิ เอามือไล้จากคอไปถึงท้องของคนที่โดนของโดยใช้พลังจิต ปรากฏว่ารายนั้นถึงกับวิ่งไปอาเจียนเอาสิ่งไม่ดีออกมาจนหมด คนแถวนั้นพากันประหลาดใจในปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น"

นายณภัคพงศ์ ชูช่วยชน CEO บริษัทแห่งหนึ่งเป็นอีกคนที่ตอนแรกยังลังเลว่าจะเชื่ออาจารย์อิทธิ ดีหรือไม่ พอเจออาจารย์อิทธิ ช่วยตรวจกรรมให้ถึงกับอึ้ง

"อาจารย์อิทธิ บอกว่าผมถูกวิญญาณงูเจ้าที่ติดตามอยู่ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ เพราะเท่าที่ จำได้ ผมไม่เคยไปฆ่างูที่ไหน อาจารย์อิทธิ ก็ยืนยันว่าผมเคยทำให้งูเจ้าที่ตาย ผมมานั่งนึกดูอีกที จนจำได้ว่าสมัยก่อนช่วงที่เล่นกอล์ฟ เคยเห็นงูจงอางตัวใหญ่มากในสนามกอล์ฟ เลยไปบอกให้เจ้าหน้าที่มาจัดการ เพราะเกรงว่าจะไปทำอันตรายคนที่มาเล่นกอล์ฟ"

"สรุปว่ามื้อเย็นที่สนามกอล์ฟวันนั้น ก็มีเมนูหนึ่งไม่ค่อยคุ้นตา ลักษณะเป็นท่อนๆ ผมยังทำท่าจะกินหยอกกับเพื่อนๆ เพิ่งมารู้วันต่อมาว่าเมนูประหลาดที่เล่นกันเมื่อคืน เป็นงูจงอางที่เจอตอนไปตีกอล์ฟ ผมไม่คิดเลยว่าคำพูดที่ผมพูด มันจะเป็นสาเหตุทำให้งูตัวนั้นถึงแก่ความตาย"

"อาจารย์อิทธิบอกว่า เรื่องนี้เป็นกรรมทำให้ผมถูกหลอกใช้ ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องงาน ซึ่งมันก็ตรง ผมจึงไปแก้ด้วยไข่ต้ม 16 ฟอง พร้อมบายศรี 1 คู่ และสวดคำขอขมาลาโทษงูเจ้าที่ตัวนั้นตามที่อาจารย์อิทธิบอก"

...ส่วนตัวของอาจารย์อิทธินั้น ยอมรับว่าบางครั้งก็เคยคิดอยากหยุดเส้นทางนี้เหมือนกัน ด้วยความที่อายุยังน้อย ยังอยากทำอะไรอีกมากมาย "ผมอยากใช้ชีวิตธรรมดา ไปทำธุรกิจหลายอย่าง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เหมือนเราไปปัดความรับผิดชอบที่ได้ให้สัญญาไว้กับเบื้องบนที่ท่านให้เราช่วยเหลือคนอื่น ให้หลุดพ้นจากวิบากกรรม จึงทำให้เราไม่ก้าวหน้าในงานอื่นๆ"

สำหรับวิธีดูให้บุคคลที่มาขอให้อาจารย์อิทธิช่วย เริ่มแรกอาจารย์จะให้เขียนชื่อนามสกุลลงกระดาษก่อนแล้วจึงเริ่มทำสมาธิ ใช้พลังจิตวิเศษ หลับตาลงจะเห็นภาพวิ่งวนในหัวคล้ายภาพจากฟิล์มภาพยนตร์ซึ่งรวบรวมเรื่องราวของเจ้าของชื่อนั้นเอาไว้ มองเห็นกรรมต่างๆ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวของเจ้าของชื่อ

คนที่ให้มาดูเป็นครั้งแรก ส่วนมากมักไม่เชื่อ อาจารย์อิทธิจึงต้องเริ่มต้นด้วยการทำนายอดีตที่เจ้าตัวประสบมาบางเรื่องเจ้าตัวก็หลงลืมไปแล้วตามกาลเวลา แต่พอฟังคำพูดอาจารย์อิทธิ จึงทำให้นึกขึ้นได้ ซึ่งจากวิธีนี้ก็เล่นเอาพวกลองดีหน้าหงายไปตามๆ กัน

ความแตกต่างของอาจารย์อิทธิ กับหมอดูทั่วไป คือ สามารถแนะนำวิธีแก้กรรมได้ ซึ่งวิธีแก้กรรมของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำมา...นอกจากนี้พวกโดนของ โดนผีเข้า อาจารย์อิทธิก็ปราบได้หลายราย

หลายคนสงสัยว่าชายหนุ่มอดีตพนักงานธรรมดาๆ ผู้ที่ครั้งหนึ่งไม่เคยเชื่อศาสตร์นี้มาก่อนไปเรียนรู้วิธีการเหล่านี้มาจากไหน คุณอิทธิเปิดเผยว่า "วิธีการเหล่านี้เป็นการสื่อสารระหว่างผมกับเบื้องบนมาสู่คนที่ต้องการแก้กรรมอีกที เหมือนเป็นพลังวิเศษที่คนอื่นไม่สามารถสัมผัสได้ เสมือนหนึ่งผมเป็นบุคคลที่ถูกเลือกมาจากเบื้องบน"

สำหรับผู้ที่สนใจให้คุณอิทธิช่วยพิจารณากรรมให้ สามารถติดต่อมาได้ที่อาคารแพทย์ทางเลือก ชั้น 8 เลขที่ 21/139 ซอยลาดพร้าว 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มือถือ 08-5007-5157


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แบบนี้มันทำนองเดียวกับคนมีองค์ป่าวคับ

 

ช่วงก่อนที่โดนคุณไสย คุณน้องสวดมนต์บ้างรึป่าว หรือไหว้พระหรือป่าว หรือสวดมนต์ แล้วก็ตาม ก็เอาคุณไสยไม่อยู่ อยากรู้นะ ว่ามีไรป้องกันได้บ้าง

 

ช่วงหน้าก่อนที่ผมจะทราบว่าโดนทำคุณไสย์ ผมก็ไปทำบุญบ่อยมากๆ ทั้งในกรุงเทพและตจว. สวดมนต์ทุกคืนเลยครับ ใส่บาตรเกือบทุกวันเลยครับ แต่ผมยอมรับว่าไม่ค่อยได้ทำสมาธิเท่าไหร่ นานๆ ครั้งถึงทำ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยังโดน เพราะก่อนนี้ก็เคยมีพี่คนหนึ่งก็บอกว่าถ้าเราปฏิบัติเราก็จะไม่โดนของพวกนี้อ่ะครับ แต่อาจารย์เคยแนะนำว่า มันเป็นเรื่องของพลังงานที่ไม่ดีบางทีเราก็โดนโดยไม่รู้ตัว หรือ ไม่มีใครทำ (เหมือนที่เค้าเรียกว่า ลมเพลมพัดอ่ะครับ)

ถ้าพี่มีปัญหาต้องการคำปรึกษากับอาจารย์ผมยินดีแนะนำนะครับ

ธรรมะคุ้มครองครับ Da-cho