การวางอารมณ์เป็นกลางทำอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Pl129, 24 ธันวาคม 2020.

  1. bird180531

    bird180531 นาย Bio

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2021
    โพสต์:
    417
    ค่าพลัง:
    +324
    การวางเฉย
    ความคิดเห็นส่วนตัว(บุคคล)

    ถ้าเรารู้ว่า การวางเฉย อยู่ที่ใด คงดี
    และทำอย่างไร เราถึงรู้ว่าการวางเฉย ต่อสิ่งทั้งปวงนั้น เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
    ก่อนอื่น เราต้องดูว่า ทำไมจึงมีสิ่งของที่ต้องวาง
    ละสิ่งของเหล่านั้นมาจากไหน สิ่งของเหล่านั้น
    ก็เกิดขึ้นตามเรามา จนเรารู้สึกว่า มันหนักเกินไป
    เราจึงต้องปล่อยวาง ปล่อยวางจากอะไร ก็ปล่อยวางจากสิ่งที่เรา คิด อยากหลุดพ้น ยึดติดขั้น5(แต่ไม่ใช่การปิด)แต่เราต้องเปิดรู้ขั้น5 ละยับยั้งที่ต้นเหตุ (เพราะนี่คืออัตตา)ของเราเอง

    เหตุเพราะ (อนัตตา)ไม่ใช่ของเรา
    แต่เคยเป็นตัวเป็นตนเรามาก่อน

    เราจึงอธิบายแบบเราว่า

    ...หยุดคิด แค่ขยับไปบนหลังท้ายทอย ก็อาจจะเกิดเห็นรูปวิญญาณขึ้นมาได้ แต่มันต้องกลับมาศึกษา ว่าเหตุใดจึงไม่รู้ว่า ต้องวางตรงนั้น

    ...อยากหลุดพ้น อยากในที่นี่คือกิเลสมีความต้องการอยู่ ต้องการเป็นไปในสุข ที่สุด
    ถ้าเราต้องการเกิด ในนิพพาน นั้นก็อีกแบบ
    เราไม่สามารถเข้าใจได้หรอก (อริยสัจสี่)
    เราค่อยไต่สวรรค์ ไปทีละชั้นๆ จนถึงสูงสุด
    ละลงมาจนถึง ชั้นต้น เหมือนเดิม เราอาจจะเทศน์บอกใครได้ว่า สวรรค์ชั้นนี้ ทำไงถึงได้ไป
    แต่พอไปถึงแล้ว เราเลยได้รู้ว่า ความจริงของการเกิดขึ้นมานั้น.. ก็ปรากฎ ผลที่ปรากฎ กลับทำให้เรา อยาก...เห็นตะวันอีกครั้งนึง
    อยากหลุดพ้น เท่าใด การยึดติดมากเท่านั้น
    ถ้าเราไม่ยึดติด เราก็หลุดพ้นจากกิเลส

    ...การไม่ยึดขัน5 อันนี้เป็นความเข้าใจ
    ผิดของเราเอง ว่า (ปิดการรับรู้) แต่พอเราเปิด
    การรับรู้ว่า ขั้นทั้ง5 จึงคิดว่ามีอะไรควบคุมอยู่
    อาจจะเป็น มาร5 จิต วิญญาญ แต่อะไรล่ะ
    ..

    จิตกะตา "ตา" จิตที่มีพลังงานส่ง ออกไป
    พลังงาน(เกิด..)วิ่งไปถึงวัตถุ...สะท้อนกลับมายังจิตที่รับรู้(เกิดเป็นภาพขึ้น)ให้เราเห็น


    จิตกะหู "หู"รับ วัตถุวิ่งเข้ามา กระทบ "หู"
    (รับเกิด....)มาถึงจิตที่มีพลังงาน ส่งไปยัง
    จิตที่รับรู้ (เกิดเป็นเสียง)จึงได้ยิน

    ...จิตรับรู้ เพ่ง มากๆก็ปวด....
    .จิตมีพลังงาน.รับดิ้นได้เมื่อเจ็บ..

    จิตก็รับไปมา1.เดียวไม่ได้ มีวิญญาณคอยดูแลใกล้ชิด มิให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว มีบาป บุญในตัว

    ...มาร 5 ไปเปิดอ่านเอา หรือ แม่มด หมอผี ราคะ กิเลส 5ตน ล้วนเป็นเหตุ ทำให้เกิด กิเลส อกุศล เสียงในหัว(ไม่ใช่เสียงที่หู)การอยากต่างๆ โลภะ โทสะ โมหะ เป็น ตา หู จมูก ลิ้น (กาย)ไม่แน่ (ไม่มีใจ) กำจัดปราบให้สิ้นซาก
    ..สุดท้ายใจ (ยังสู้กะมันยู่)มันชอบดาเขา
    (แต่ไม่ใช่พยามาร)เดียวหาว่า.,......
    พยามารเดินมาปล่อย และก็จากไป


    เราหวังว่าสิ่งที่เรา ได้พบประสบเจอ อาจมีใครหลายคนเป็นเหมือนกัน ของใครก็ของคนนั้น
    ไม่เหมือนกันหรอก แต่รู้ก็คงจะ ดีกว่าไม่รู้

    ไม่งั้นเราจะรู้เรื่องราว ประวัติจากใครได้ชัดเจน
    ก็เพราะประวัติ พระพุทธเจ้า ไม่ได้ผิดเลย
    พระธรรมตรงทุกคำ ใครจะทำหน้าที่ได้ทุกอย่าง
    และใครจะ จำแนก แจกแจงให้เข้าใจได้
    แต่ตัวเรานั้น ก็ยังเข้าใจคนละแบบเลย ขั้น5
    .
    .
    .
    .
     
  2. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,611
    ค่าพลัง:
    +3,015
    เมื่อไหร่ที่ ตั้งใจจะทำให้ ใจเป็นกลาง หรือ จิตเข้าสู่อารมณ์เฉยๆ
    เมื่อนั้น จิตจะไม่เป็นกลางทันที จิตจะเอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
    เพราะ เรามัวแต่คิด ที่จะทำนั่น ทำโน่น ทำนี่ จะทำอย่างเดียว
    มันก็เลย กลายเป็น ความคิดของเรา ไป ไม่ใช่ ความเป็นกลาง

    แต่เมื่อไหร่ ที่จะไม่อยากจะทำแล้ว
    เมื่อนั้น จิตจะเป็นกลางทันที โดยอัตโนมัติ
    เพราะไม่มี
    ความคิด เข้าไปเกี่ยวข้อง
    เพราะใจมันไม่อยากจะเอาอะไรแล้ว
    จิตมันก็จะ
    ปล่อยวางเองโดยอัตโนมัติ
     
  3. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,611
    ค่าพลัง:
    +3,015

    ถูกต้องแล้วระหว่าง ไม่เพียร และ ไม่พัก
    ก็คือ ความเป็นกลางในการปฏิบัติ นั่นเอง
    ส่วนระหว่าง ความอยาก และ ไม่อยาก
    ก็คือ ความเป็นกลางของจิตใจ นั่นเอง
     
  4. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    ต้องเพียรกันไปก่อน จนกว่าจะหมดเจตนา
    ตรงนั้น คือ จิตที่เป็นกลาง
    แต่ถ้าไม่เพียรแต่แรก ไหลลงตามกิเลสแน่นอน
    เหมือนสายกีต้าร์ที่ปล่อยให้หย่อน

    จะตั้งสายกีต้าร์ ก็ไขให้ตึงก่อน
    แล้วค่อยๆคลายลงมา จนกว่าจะได้เสียงตามคีย์
    ตอนปฎิบัติก็เหมือนกัน เพียรให้รู้ว่านี่ คือ "ตึงไป"
    เพียรมีสติ จนหมดเจตนาทำเพื่อมีสติ
    จะรู้ความเป็นกลาง คือ ตรงนี้
    แล้วอาศัยความเป็นกลางของจิตนี้
    เห็นสภาวะภายในภายนอกภายนอก
    ที่เกิดขึ้น จะทำให้เห็น สภาวะได้ตามจริง

    สมดุลธรรมต้องลองปฏิบัติเองครับ ถึงรู้
    บางทีปฏิบัติก็ต้องอาศัยไหวพริบบ้าง
    หาสมดุลให้เจอ ก็เข้าใกล้มรรคผล
    ที่จริงการปฏิบัติไม่มีอะไรยุ่งยาก
    ขาดคนเอาจริง ขาดคนเพียร
    การไม่เพียร ก็เหมือนปล่อยสายกีต้าร์หย่อน
    แล้วไม่คิดจะเอื้อมมือไปบิด หมุนเพื่อปรับเสียง
    ยังไงก็ต้องอาศัยความเพียรก่อน จึงไปถึงเส้นชัย
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ธรรมชาติของใจมีความปกติเป็นกลาง
    ดังนั้น ผู้มีสติปัญญาจะปฏิบัติโดย
    ไม่ต้องปฏิบัติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...