กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

อ่านความฝันที่*เอก*เล่ามา
น่าจะมีความหมายบางประการซ่อนอยู่

...คล้ายๆที่ตนเองเคยฝันเห็น
ในคืนที่องค์พระธาตุพนมพังถล่มลงมา
ต่างกันตรงที่ผมฝันเห็นพญานาคหลายเศียร
แผ่พังพานอยู่หลังองค์พระประธานที่อุโบสถแห่งหนึ่ง
ซึ่งคืนนั่นมีพระภิกษุหลายรูปฝันคล้ายๆกัน
(ยืนยันจากนสพ.คอลัมนิสฉบับหนึ่งในวันต่อๆมา)
ซึ่งส่วนตัวคิดว่าน่าจะยังมีชาวพุทธอีกหลายท่าน
...ที่ฝันคล้ายกันในคืนนั่น

...เมื่อย้อนพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง(คือ ณ เช้าวันนี้)
ทำให้คลี่คลายปริศนาความฝันในครั้งนั่นได้บ้าง
(เป็นความนึกคิดส่วนตัว)
...อาจเพราะคืนนั่นพญานาคราชต้องการสื่อว่า
...เหล่าพญานาคราชได้พยายามเข้ามาปกป้อง
...เพื่อรักษาองค์พระธาตุพนม
แต่ไม่สัมฤทธิ์ผลด้วยอิทธิฤทธิ์ที่พวกตนพึงมีจำกัด

จึงทำได้เพียงแค่ให้คนที่รับกระแสได้ในห้วงเวลานั่น
...รับรู้ไว้...เพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงว่า....
ในครั้งสมัยพุทธกาลที่องค์พญามุจรินทร์นาคราช
ได้ขดลำตัว ๗ รอบ
แล้วแผ่พังพานอันใหญ่ปกป้องพระเศียร
มิให้ลมและฝนถูกพระวรกายพระพุทธองค์

เพื่อตอกย้ำพุทธประวัติที่เล่าขานสืบต่อๆกันมา
...ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง...มิต้องสงสัย

 

(อจ.นพ)
"พอๆกันครับ....เปิดเทปจะได้อานิสงค์ตรงมีภพภูมิมาฟังร่วมด้วยครับ"


ส่วนตัวคิดว่าประเด็นเรื่องเปิดเทปฟัง
...มีผู้คนสนใจมาก
ส่วนตัวผมข้องใจมานาน

บางคนบอก "ไม่มี"
บางคนบอก "มีอานิสงส์ด้วย"

ส่วนตัวผมคิดว่า "มีอานิสงส์ด้วย"
แต่ไม่มั่นใจ(นิดๆ)
คงแค่ฟังบทสวดไปเรื่อยๆ
...ในเมื่อเราเป็นผู้เปิดเทป เปิดบทสวด
ถ้าคาถาศักดิ์สิทธิ์จริง
เราควรได้อานิสงส์ด้วย...
...ถ้าไม่ไปรบกวนคนอื่น
(ผมคิดแบบดื้อๆในเรื่องนี้)

วันนี้ได้อาจารย์นพเข้ามาเติมเต็ม"ความมั่นใจ"

จะช้าอยู่ใย...เช้านี้หลังสวดมนต์เสร็จ
นั่งเครื่องคอม...เปิดฟังทันทีเลยครับ
เดี๋ยวมีรอบ3-4-5-6........
...ในวันนี้ และทุกๆวันที่ว่าง

 

ที่เล่ามามีเหตุผลมากๆครับ สาธุๆ

 

(เป็นงานบุญส่วนตัวกับเพื่อนจึงใช้บัญชีตัวเอง)
กระผมอุบาสกอสัญญี สัตตาภูมิ และอุบาสิกาปรียาภา หวังศรีตรัยผู้เป็นต้นบุญโครงการถวายพระธาตุ 1,299 วัด ทั่วประเทศ ภารกิจบุญระหว่างที่กระผมและภรรยาอัญเชิญพระพุทธบรมสารีริกธาตุประดิษฐาน วัดลำดับที่ 1,062 ณ วัดสันป่าเลียง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ท่านเจ้าอาวาสวัดสันป่าเลียง ตำแหน่งเจ้าคณะตำบลหนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ท่านพระครูสถิตสุตาภรณ์ ได้ดำริจัดสร้างพระพุทธรูปทองเหลืองอันเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า 29 พระองค์ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารหลวงเฉลิมพระเกียรติที่กำลังดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2549 นั้น ท่านพระครูสถิตสุตาภรณ์ ได้ปรึกษากระผมและภรรยาเรื่องการจัดหาอัญเชิญฯ พระบรมสารีริกธาตุที่จะบรรจุในเศียร์ พระพุทธเจ้าทั้ง 29 พระองค์ และพระพุทธรูปประจำเจ้าคณะตำบลหนองหอย1 องค์ พระพุทธรูปประจำเจ้าอาวาสวัดสันป่าเลียง 1 องค์ ร่วมทั้งหมด31 พระองค์ ดัง
รายชื่อดังนี้
1.พระตัณหังกรพุทธเจ้า
2.พระเมธังกรพุทธเจ้า
3.พระสรนังกรพุทธเจ้า
4.พระทีปังกรพุทธเจ้า
5.พระโกณฑัญญะพุทธเจ้า
6.พระมังคละพุทธเจ้า
7.พระสุมนะพุทธเจ้า
8.พระเรวตะพุทธเจ้า
9.พระโสภิตะพุทธเจ้า
10.พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
11.พระปทุมะพุทธเจ้า
12.พระนารทะพุทธเจ้า
13.พระปทุมุตระพุทธเจ้า
14.พระสุเมธะพุทธเจ้า
15.พระสุชาตะพุทธเจ้า
16.พระปิยทัสสีพุทธเจ้า
17.พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า
18.พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
19.พระสิทธัตถะพุทธเจ้า
20.พระติสสะพุทธเจ้า
21.พระปุสสะพุทธเจ้า
22.พระวิปัสสีพุทธเจ้า
23.พระสิขีพุทธเจ้า
24.พระเวสสภูพุทธเจ้า
25.พระกกุสันธะพุทธเจ้า
26.พระโกนาคมนะพุทธเจ้า
27.พระกัสสปะพุทธเจ้า
28.พระโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
29.พระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ (อนาคตพระพุทธเจ้าองค์ที่29)
30.พระพุทธรูปประจำเจ้าคณะตำบลหนองหอย
31.พระพุทธรูปประจำเจ้าอาวาสวัดสันป่าเลียง

กระผมอุบาสก อสัญญี สัตตาภูมิ และภรรยาอุบาสิกา ปรียาภา หวังศรีตรัย จึงได้ตอบรับเป็นเจ้าภาพ พระพุทธบรมสารีริกธาตุที่จะบรรจุในเศียรพระพุทธรูปทั้ง 31 พระองค์ แต่วิธีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้นด้วยช่องบรรจุบนเศียร์พระมีขนาดเล็กเท่านิ้วชี้ไม่สามารถนำผอบที่มีขนาดเล็กที่สุดบรรจุร่วมลงไปได้ ทางวัดจึงใช้วิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุลงไปในเศียรพระโดยตรงและรองพื้นด้วย ผ้าขาว นุ่น รองรับพระบรมสารีริกธาตุ และเชื่อมปิดเปลวพระรัศมีบนเศียรพระที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นการถาวร

อนึ่งกระผมพิจารณาแล้วว่า บุญนี้เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่มากๆหาโอกาสกระทำได้ยากยิ่ง แต่ปัจจัยแทบจะไม่ต้องใช้ปัจจัยอะไร..ทำอย่างไรหนอ.. ถึงจะแผ่บุญนี้ให้ญาติธรรมและคณะศรัทธาได้มีส่วนร่วมกันทำความดีสร้างบารมีอันยิ่งใหญ่นี้ อย่างไรก็แล้วแต่ ถึงจะไม่ได้ใช้ผอบบรรจุร่วมลงไปในเศียรพระ.. แต่ระหว่างอัญเชิญพระพุทธบรมสารีริกธาตุทั้ง 31 ชุดไปถวายวัดสันป่าเลียง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ถึงอย่างไรก็ต้องมี ผอบชั่วคราว 31 อัน เพื่อบรรจุพระพุทธบรมสารีริกธาตุชั่วคราวนั้นเอง…

กระผมจึงได้สั่งผอบตลับเพชรมาจำนวน 100 อัน ราคา 620 บาท กระผมจึงขอเชิญชวนคณะศรัทธาสาธุชน ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพ ผอบตลับเพชรชั่วคราวทั้ง 31 อัน (ส่วนผอบตลับเพชร ที่เหลืออีก 69 อัน กระผมขออนุญาตคณะศรัทธาทั้งหลายที่ร่วมบุญมาในครั้งนี้ นำมาใช้เอนกประสงค์ในโครงการถวายพระธาตุ 1,299 วัด ต่อไป) คณะศรัทธาญาติธรรมสามารถร่วมบุญปัจจัยซื้อ ผอบตลับเพชรชั่วคราวบรรจุพระพุทธบรมสารีริกธาตุญาติธรรมจะร่วมบุญ1 บาท,5 บาท,10 บาท,100 บาท,1,000 บาทได้ตามกำลังศรัทธาครับมีน้อยทำน้อย มีมากทำน้อย มีน้อยทำมาก มีมากทำมาก ได้หมดตามกำลังศรัทธานะครับ หากยอดปัจจัยส่วนเกินจาก 620 บาท กระผมและภรรยาผู้เป็นต้นบุญจะขออนุญาตนำปัจจัยส่วนเกินขึ้นถวาย พระครูสถิตสุตาภรณ์ เจ้าคณะตำบลหนองหอย เจ้าอาวาสวัดสันป่าเลียง จ.เชียงใหม่ เพื่อสมทบปัจจัยร่วมสร้าง วิหารหลวงเฉลิมพระเกียรติ ที่จะประดิษฐานพระประธานพุทธเจ้าทั้ง 29 พระองค์ที่กำลังก่อสร้าง วิหารแห่งนี้ใช้สำหรับเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ไหว้พระ สถานที่ทำกิจทางพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่พักของนักปฏิบัติผู้มาถือศีลภาวนา และเป็นสถานที่เวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชั้นลอยชั้นบนวิหารญาติธรรมสามารถมองเห็นวิวดอยสุเทพ หากเมื่อแล้วเสร็จ วิหารหลวงเฉลิมพระเกียรติ จะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักแสวงบุญ นักปฏิบัติ นักท่องเที่ยว ได้เข้ามากราบไหว้บูชาชมบารมีพระพุทธเจ้าทั้ง 29 พระองค์ ถือเป็นบุญเป็นกุศลสูงสุดสำหรับผู้ร่วมบุญ ผอบตลับเพชรชั่วคราวบรรจุพระพุทธบรมสารีริกธาตุ ร่วมสร้าง วิหารหลวงเฉิมพระเกียรติ แห่งนี้

ทั้งนี้ คณะกรรมการสะพานบุญงานถวายพระธาตุ 1,299 วัด ได้มอบหมายให้ คุณเอกสิทธิ์ พุ่มงาม เป็นสะพานบุญหลัก คณะศรัทธาสาธุชน สามารถร่วมบุญได้ที่ เฟสบุ๊ค เอกสิทธิ์ พุ่มงามโทรศัพท์ 096-835-8197 และต้นบุญโครงการฯ อุบาสก อสัญญี สัตตาภูมิ, อุบาสิกา ปรียาภา หวังศรีตรัย โทรศัพท์ 095-587-4232 เป็นผู้ประสานงานอัญเชิญฯ ขออนุโมทนาบุญทุกๆท่านที่ร่วมบุญครับ

ระยะเวลาร่วมบุญ
ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ถึง 9 ธันวาคม 2562

#ร่วมบุญได้ที่
บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาสี่แยกสนามจันทร์
เลขที่บัญชี 719-0-27682-3
ชื่อบัญชี นายเอกสิทธิ์ พุ่มงาม

#อนุโมทนาสาธุครับ

 

หลังไมค์ไปแล้วครับ

ขอร่วมโมทนา สาธุ

 

เช้านี้...ได้อ่านความฝัน...อีกรอบ
ปริศนาความฝันสื่อความหมายอันชัดแจ้ง
เกี่ยวกับงานกุศลที่*เอก*กำลังทำอยู่ในขณะนี้
(แทบไม่ต้องตีความ)

 

สาธุๆ

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 187 ลำดับที่#3726
วันนี้อาจารย์นพมีคติธรรมมาฝาก
แม้สั้นๆ...แต่อิ่มใจ

[QUOTE="nopphakan, post: 10947272]
เอกลักษณ์ของกุศลและอกุศล
คือมันจะไม่อยู่ร่วมกัน
เหมือนคนนั่งเก้าอี้ได้ทีละตัว

คิดอะไรดีๆไม่ออก อย่าพึ่งไปปรุงต่อ
รู้ตัวให้เร็วที่สุดและ
ให้นึกถึงพระเอาไว้

ฟ้ามืดจึงเห็นดาวสวย

ไล่สุนัขอย่าจนตรอก
อำนาจมีอย่าใช้หมด
ตัดหนทางจะสิ้นบุญ
วาสนาจะสิ้นตาม
(อจ.นพ)

 

เช้าวันนี้มาเล่าเรื่องลี้ลับบนเครื่องให้ฟัง
...กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้
ได้รับสปอนเซอร์จากปางก่อน
ให้มีโอกาสไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่นั่งอยู่บนเครื่องเวลาประมาณตีไหนไม่แน่ใจ
หลับบ้างตื่นบ้างสลับกันไป
พอเครื่อง บินเหนือหมู่เกาะญี่ปุ่น
โดยคาดคะเนจากเวลาที่ใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง
ไม่ลืมที่จะสัพเพส่งบุญไปหลายๆครั้ง
คือสัพเพซ้ำแล้ว...ซ้ำอีก...ส่งไปให้
...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น
รวมทั้งสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่มีชีวิต
และที่เหลือแต่เพียงดวงจิตวิญญาณ
.......ในสงครามโลกครั้งที่2
ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มฮิโรชิมะและนางาซากิ
ผู้คนสูญเสียชีวิตเหมือนผักปลา
(เวลาคิด คิดแค่อึดใจ...แต่เขียนซะยาว55)

หลังสวดมนต์แล้วสัพเพๆๆๆๆ
ขยันสวดเพื่อให้ง่วงด้วยประการหนึ่ง
ขณะที่กำลังจะงีบหลับ
ได้เกิดเรื่องแปลกกาย แปลกใจถึง 3 ครั้ง
ทั้งครั้งที่ 1-2-3 เหตุการณ์คล้ายๆกัน
พอเกิดครั้งที่ 4 จึงได้พยานหลักฐานแน่ชัดว่า...
ทั้ง 3ครั้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเป็นเรื่องแสนจะลี้ลับ
...มั่นใจว่าคงไม่ใช่เกิดจากลมแอร์ข้างบน
เพราะตั้งแต่บิน.....นั่งอยู่4-5 ชม.
บนหัวและใบหน้า...ไม่มีลมแอร์พัดให้รำคาญ
ส่วนเวลาผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ
หรือแอร์สาวหนุ่มเดินผ่านจะรู้สึกได้ในบางครั้ง

ทั้งเหตุการณ์1-2-3 ที่เกิดขึ้นเวลาไล่เลี่ยกันในครึ่งชม.
...ขณะที่หลับตาสบายๆเพื่อเผื่อจะงีบหลับ
...ทันใดนั่นรู้สึกว่ามีลมเบาๆพัดผ่านใบหน้าและหัว
...คิดว่าน่าจะมีใครเดินผ่าน
เมื่อเปิดตามองไปข้างหน้าไม่มีใครเดิน
หันไปมองข้างหลัง...ทางเดินว่างยาวตลอด
ส่วนคนที่นั่ง/หรือหลับทั้งใกล้ไกล...นิ่งเฉย
แต่ยังไม่วายที่จะคิดว่า...
"เออ...คงนั่งไปก่อนแล้ว"

หลังจากเกิดขึ้นครั้งที่ 2-3
ผมไม่รอช้ารีบหันหลังไปมองก่อนทันที
...เห็นทางเดินว่างยาวตลอดทั้ง 2 ครั้ง
ด้านหน้าไม่ต้องพูดถึง...
...เพราะเห็นก่อนอยู่แล้วว่าไม่มีคนเดินผ่าน
ทีนี่ขนลุกแล้วสิเรา
เออ...สัพเพ ส่งบุญได้ผลแล้ว

พอครั้งที่ 4
ในขณะที่หลับตาเพลินๆ...
เกิดความรู้สึกคล้ายๆกับครั้งที่1-2-3
คือ...มีลมเบาๆพัดผ่านใบหน้าและหัว
คิดในใจว่า...มันคงมาอีกแล้ว
จึงรีบหันหลังมอง...อย่างด่วน...
เจอตัวแล้ว...เห็นจะๆสองลูกกระตา
...เป็นแอร์หนุ่มหุ่นสมาร์ทนั่นเอง
เดินต๊อกๆห่างออกไป4-5ที่นั่ง
...แล้วค่อยๆก้าวเท้า...ไกลออกไป

แว๊บแรกที่เห็น...ทำเอาใจระทึก...
นึกว่าสัพเพแล้ว...มันมา...ขอบคุณ
.....555


เป็นนิทาน หรือนวนิยาย
ก้อสุดแท้แต่ว่า...ใครจะคิด

 

ว่าแล้วก็มาเล่าให้ฟังกันบ้างพอขำๆ เรื่องเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง...
วันนั้นตอนบ่ายได้ไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดแห่งหนึ่งจากนั้นพอกลับมาถึงที่พักได้นอนงีบไป จากนั้นพอในช่วงเคลิ้มๆ ก็ได้ลืมตามาเห็น เด็กน้อยน่าจะอายุไม่ถึง 1 ขวบด้วยซ้ำไปมานอนอยู่บนพุงเรา และก็ร้องไห้ เราก็แบบไม่ได้กลัวอะไรนะ ขอหลับตาทีหนึ่งละลืมตาดูอีกทีเผื่อแบบเรามโนไปเอง พอลืมตาขึ้นมาอีกทีเอ้ายังอยู่ ละเราก็หลับไป... พอตื่นมาระลึกนึกถึงเด็กน้อยได้ก็อุทิศบุญให้...

 

ว๊าว.....อ่านแล้วทึ่งเลย
เด็กน้อยมาปรากฏตัวแบบถ่ายทอดสดเชียวเหรอ
โอโห.....แรงมาก
ตัว "เจได".....แรงมากเช่นกัน

เรื่องแรงๆแบบนี้
คงต้องไหว้วานอาจารย์นพมาช่วยแล้วหล่ะ

 

"๑๐ เทคนิคการจัดหิ้งพระให้เป็นมงคลแก่เจ้าของ" สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง แต่ต้องรู้จักวิธี ชีวิตจะรุ่งเรือง...
Publish 2017-04-15 12:25:14
Facebook25TwitterLineShare

10 เทคนิคจัดหิ้งพระในบ้านอย่างไรให้เป็นสิริมงคลกับเจ้าของ

บ้านแต่ละหลังย่อมมีหิ้งพระ หรือมากกว่านั้นอาจจะมีหิ้งเทพ หิ้งรูปบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ แต่ก็ยังพบปัญหาว่าหลายคนไม่ทราบว่าควรจัดวาง ตั้งหิ้งพระไว้บริเวณใดของบ้านถึงเหมาะสมและเป็นมงคลกับชีวิต รวมถึงอาจเผลอวางหิ้งพระผิดที่ผิดทางจนเกิดความไม่เป็นมงคลได้

รวบรวมคำแนะนำเรื่องการจัดหิ้งพระให้เหมาะสมและเป็นมงคลต่อเจ้าของบ้าน

1.หมั่นดูแลหิ้งพระให้สะอาดอยู่เสมอ หลายจุดในบ้านเจ้าของบ้านให้ความสำคัญแต่บางครั้งหลงลืมตำแหน่งของหิ้งพระ ดังนั้นต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดองค์พระหรือรูปเทพ เพราะหากองค์พระหรือรูปเทพมีฝุ่นจับเชื่อว่าจะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วย นอกจากนั้นควรหมั่นเปลี่ยนน้ำ ดอกไม้ในแจกันบูชาเพื่อให้ชีวิตของคนในบ้านสดชื่น แจ่มใสอยู่ตลอดเวลา

2.เลือกตำแหน่งที่สงบ หิ้งพระควรตั้งอยู่ในพื้นที่ๆ สงบ ไร้เสียงรบกวน จอแจ เช่นบางบ้านประดับหิ้งพระไว้บริเวณประตูเข้า-ออก ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าคนในบ้านจะพบแต่ความวุ่นวาย

3.หิ้งพระไม่ควรติดตั้งผนังเดียวกับห้องน้ำหรือห้องครัว รวมถึงไม่ควรหันหน้าหิ้งบูชาไปตรงกับประตูห้องน้ำหรือห้องครัว เพราะจะทำให้คนในบ้านเจ็บป่วย มีเรื่องขัดแย้งหรือเงินทองรั่วไหล













4.หิ้งพระบนหลังตู้ควรสูงกว่าศีรษะ หากคุณพักอาศัยในคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์หิ้งพระควรอยู่สูงกว่าศีรษะเพราะมันเกี่ยวพันกับความเจริญก้าวหน้า อาชีพการงาน

5.ห้องพระคือห้องพระ ห้องพระก็คือห้องสำหรับตั้งบูชาพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว เราอย่าใช้ห้องพระไว้เก็บข้าวของชนิดอื่นๆ รวมทั้งห้องพระไม่ควรอยู่ติดกับห้องน้ำหรือมีประตูตรงกับห้องน้ำ

6.หิ้งพระไม่ควรตั้งอยู่ปลายเตียง หากไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรตั้งหิ้งบูชาไว้ในห้องนอน เนื่องจากเราอาจมีกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อหน้าหิ้งพระเช่นการเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือการร่วมหลับนอนของคู่สามี-ภรรยา อีกทั้งยังไม่ควรหันหน้าหิ้งพระไปยังทิศที่เตียงตั้งอยู่ด้วย






7.ห้องรับแขกไม่ใช่ที่ตั้งของหิ้งบูชา อย่างที่บอกว่าหิ้งพระควรตั้งอยู่ในห้องที่ค่อนข้างมีบรรยากาศสงบ

8.บนหิ้งพระควรมีองค์พระหรือองค์เทพเป็นจำนวนเลขคี่

9.หลีกเลี่ยงการตั้งหิ้งบูชาไว้ใต้คาน เพราะหมายถึงดวงชะตาของเจ้าของบ้านอาจถูกกดทับ และมักมีเรื่องให้ปวดหัวอยู่เสมอ

10.หิ้งพระควรตั้งอยู่ในมุมที่เป็นสัดส่วน ไม่ใช่เมื่ออยู่นอกบ้านแล้วสามารถมองเห็นหิ้งพระในบ้านอย่างชัดเจน เช่นนั้นถือว่าไม่ดี




ที่มา http://home.sanook.com


https://www.tnews.co.th

 

เมื่อคืนฝันว่าญาติผู้ใหญ่ร้องไห้เข้ามากอดบอกว่า หมดเวลาๆ แล้ว

 

ผมก็ฝันว่าพ่อมาลา

 

ผมก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่แน่ใจว่าช่วงก่อนสิ้นปี ทางนั้นเค้าทำอะไรกัน

 

เตรียมฉลองบุญสำเร็จ !!
วันศุกรฺ์และเสาร์ที่ 13-14 ธันวาคม 2562 นี้ (หลวงตาม้าเป็นองค์ประธานในพิธี)

ณ สถานอมตะธรรมพุทธพรหมปัญโญ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

ญาติธรรมร่วมบุญตามจิตศรัทธาได้ที่
003-123-7-955 ชื่อบัญชี ร่วมบุญซื้อที่ดินสร้างสถานอมตะธรรม
ธนาคาร กสิกรไทย สาขา ตาคลี



เตรียมฉลองบุญสำเร็จ !!
วันศุกรฺ์และเสาร์ที่ 13-14 ธันวาคม 2562 นี้ (หลวงตาม้าเป็นองค์ประธานในพิธี)

ณ สถานอมตะธรรมพุทธพรหมปัญโญ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

ญาติธรรมร่วมบุญตามจิตศรัทธาได้ที่
003-123-7-955 ชื่อบัญชี ร่วมบุญซื้อที่ดินสร้างสถานอมตะธรรม
ธนาคาร กสิกรไทย สาขา ตาคลี






ขออนุโมทนา สาธุ

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า 187 ลำดับที่#3729
เริ่มต้นเช้าวันใหม่
มาฟังอาจารย์นพเล่านิทานกัน

"nopphakan, post:
มีนิทาน มาโม้ พึ่งสดๆร้อนๆ จากวัด
พึ่งคุยกับท่านพระอาจารย์ มาเมื่อวานที่วัด.....
พอดีไปถามเรื่องส่วนตัว กับทริคเรื่องการปฏิบัติบางอย่าง
ที่จะทำให้ไปต่อได้ หลังจากได้ลองผิดลองถูกมาแล้ว แต่ว่ามันติด

เมื่อวาน เจอเคส คนที่แกนพลังงานกำลังจะล้มมาด้วย
เคสแบบนี้ นานๆจะเจอที แล้วดันมาเจอที่วัดพอดีๆ
จังหวะว่า หิวข้าว มาสั่งข้าวไข่เจียวกิน
แล้ว เจ้คนนี้ มีปัญหาเรื่อง ภาษาในมือถือ
ส่วนตัวเลย ได้สกิดใจแอบดู ว่า เจ้คนนี้ ทำไม
แกนพลังงาน ขยับออกจากแนวปกติ
เอะใจอะไรบ้างอย่างขึ้นมา
แต่ก็ไม่กล้าทัก เจ้ เค้าตอนนั้น
และปกติจะไม่ทัก นะครับ เพราะมันเป็นวิบากเฉพาะ
คือ ของเจ้ คนนี้ ก่อนหน้าที่จะพบพระอาจารย์
อีกประมาณซัก ๕ องศาแกนพลังงานจะล้มขนานพื้นแล้ว
(คนที่จะหมดอายุไข หรือ ใกล้จะลาโลกนี้ไป ถ้าแกนนี้ขนานพื้น
คือ ตายแน่นอน ถ้าได้ล้มไปแล้ว ยังไงก็ช่วยไม่ได้)
ดีนะว่า เจ้คนนี้ มาคนนี้มาเจอพระอาจารย์ท่านก่อน
ด้วยเหตุที่ว่า ปกติ เจ้ เป็นคนชอบทำบุญทำทาน
อยู่แล้วเป็นปกติ ส่วนตัวสังเกตุดูว่า เจ้ จะรีบกลับ
เนื่องจากติดธุระ เจ้ ก็ยังบอก คนให้หาซองให้
เพื่อจะทำบุญ เนื่องจากตอนนั้น พระอาจารย์ เข้ากุฏิ ฉันเพลพอดี

เห็นว่าต้องได้ไปถวายสังฆทาน ๗ วัด
ซื้อชุดขาวถวายไปด้วยอีก ๕๖ ชุด และอื่นๆ
ส่วนตัวเลยพอ
ไปช่วยดูได้บ้างๆ....
ไม่งั้น ถ้าแกนพลังงานล้มไปแล้ว
ใครก็ช่วยไม่ได้ และ ท่านบอกว่า
ถ้าวิบากตรงนี้ เค้าไม่คลาย จากกำลังบุญ
ที่สร้างขึ้นมาใหม่ เจ้าไปดูก็ช่วยเค้าไม่ได้
เพราะมันเป็นวิบากที่เค้าสะสมมาเฉพาะ
และกำลังเจ้าจะไม่พอในการช่วย
รวมทั้งมันจะไม่มีเหตุให้เจ้าไประลึกถึงเค้า ตั้ว...
อันนี้คือ คุยกันแบบสองต่อสองนะ

เหมือนครั้งก่อนที่ไปวัดล่าสุดนั่นหละ ที่ไปเจอ คนที่
เคยแวะมาในเวบ พลังจิตที่เป็น ช สองคน
เจอเคส ญ นำหนักมาก ที่ถูกวิญญานบรรพบุรุษมาแทรก
คือ ข้ามมาหลายรุ่น จนนับไม่ได้ว่ารุ่นไหน
เคสนี้ ต้องมารดน้ำวัน อย่างน้อย ๕ วัน
และกินอาหารตามสูตรที่พระอาจารย์บอกด้วย
เคสนี้ ไปหาหมอ มาแล้วหลายที่ หมดไปแล้วหลายแสน
หมอก็วิเคราะห์สาเหตุ ไปเรื่อยๆ แต่ไม่หายขาดซักที
รวมทั้งไปหาพระเกจิ รูปอื่นๆมาแล้ว หลายท่านแต่ก็ไม่หาย
คือ จะปวดศรีษะเรื่อยๆ และเป็นคน ที่เวลานอนปกติ
จะได้ยินเสียงบริเวณ ที่หัวใจเต้น ชัดเจน แต่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจนะ
วันนั้น ส่วนตัวกะว่า จะไปเจอพระอาจารย์แล้วกลับเลย
เพราะไปชุดเดียว แว๊นไปด้วย
เจอหน้าอาจารย์ ท่านบอก พรุ่งนี้ค่อยมาเด้อ ๕๕๕๕๕
ส่วนตัวรู้เลย ว่ามีงานแน่ตรู ๕๕๕
และก็จริงๆ ไปเจอเคสนี้ พักอยู่ที่พักเดียวกันพอดี ห้องใกล้กันอีกต่างหาก
คือเป็นห้องที่ชอบเอารถไปจอดไว้ เพราะมันร่มดี
ตอนที่ ไปช่วยดู คือ เป็นวัน ที่เค้า ผ่านพิธีมาแล้ว ๓ วัน
ตามที่พระอาจารย์แนะนำ
เคส นี้ท่านก็ว่า วิบากเค้าจะต้องคลาย
คล้ายๆ เคส เจ้ ที่แกนพลังงานล้มนั้นหละ
มันถึงจะพอมีเหตุให้เจ้า ได้ไปช่วยดูเค้า ตั้ว....
คุยกันเรื่องล่าสุด ก็ลงท้ายด้วย ตั้วๆ นี่หละ ๕๕๕๕

สรุป การสะสมบุญไว้เรื่อยๆ มันสามารถช่วยในเรื่องแบบนี้ได้
เรื่องที่เหนือธรรมชาติหน่อย เวลาเจอวิบากเข้ามา
จากหนักมันจะกลายเป็นเบาได้....
ส่วนตัวก็อาศัย การสะสมแบบนี้แระ
ถึงเวลาวิกฤษต่างๆ ก็จะมีอะไรมาคอยช่วยเหลือ
คอยสกิด คอยเตือน
คอยช่วย ให้ผ่านพ้นมาโม้ หูดับตับไหม้
ให้ฟังได้จนทุกวันนี้ ยังไงทุกคนก็ต้องเจอเรื่องวิบาก
เป็นธรรมดา ดังนั้น สะสมบุญไว้ จะเล็กๆน้อยก็ทำไป
เพื่อความไม่ประมาทดีที่สู๊ดดดดด
จบแระ นิทานขี้โม้...

 

“อีก ๑๐ ปี … ค่อยพบกัน”

คือคำที่หลวงปู่ดู่…ได้พูดทิ้งท้ายไว้ให้กับลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง
ก่อนที่ท่านจะมรณภาพไม่นาน

เรื่องราวต่อไปนี้เป็น “กรณีศึกษา” ที่มีคุณค่าไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ทันเห็นสังขารขันธ์ของหลวงปู่
ก็จะพอทำให้เห็นภาพปฏิปทาท่านชัดเจนขึ้น

ลูกศิษย์หลวงปู่คนนี้ได้มาพบหลวงปู่
และเกิดศรัทธาท่าน นับแต่ครั้งแรกที่เพื่อนพามากราบท่านที่วัดสะแก
ถ้าว่าทางโลกก็ต้องเรียกว่า “รักแรกพบ” กันเลยทีเดียว

คำพูดหลวงปู่ ที่ก้องกังวานอยู่ในใจเขาตลอดก็คือ “ภาวนาไป ๆ”
ไม่ว่าจะมีปัญหาชีวิต หรือ ประสบอุปสรรคใด ๆ
หลวงปู่ท่านก็ให้ “ภาวนา” ลูกเดียว
ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ท่านจะบอกว่าให้ไป “สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม” อะไรเทือกนั้น

เขาภาวนา…ที่บ้าน
พอมาที่วัด หลวงปู่ก็มักให้เขา “รายงานผลการปฏิบัติ” ให้ท่านฟัง
นัยว่า ให้เกิดความละอายใจ…หากขี้เกียจปฏิบัติ
เพราะถ้าไม่ได้ปฏิบัติ ก็ย่อมไม่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติ ที่จะมาสนทนากับท่านนั่นเอง
เขาปฏิบัติก้าวหน้ามาเป็นลำดับ
กระทั่งหลวงปู่ละสังขาร…จากเขาไป

เขา และ ครอบครัว…ไม่เคยคิดเลยว่า “จะมีวันที่เขาลืมหลวงปู่ไปถึง ๑๐ ปี”
ตรงตามที่หลวงปู่ได้พูดทิ้งท้าย…ก่อนมรณภาพ

นับแต่หลวงปู่ได้มรณภาพไป
ชีวิตครอบครัวของเขาพบอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย การค้าการขายก็ย่ำแย่
พอมีคนมาทักว่า ถูกคุณไสย์
เขาก็พากันไป “สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม”
กลับมาดีขึ้นไม่ทันไร เดี๋ยวก็ฝันร้ายว่า…มีเจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้อีก
ก็ต้องไป “สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม” กันอีก

ไปสะเดาะเคราะห์บางแห่ง ต้องทำบุญเทียนต้นละ ๔-๕ หมื่นบาทก็มี
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไปแก้คุณไสย์บางแห่ง ก็ถูกคุณไสย์ของใหม่เข้าให้อีก
เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสะเดาะเคราะห์แก้กรรมที่จังหวัดระยอง
เทียวไปเทียวมาทุกสัปดาห์อยู่อย่างนี้ เป็นเวลาถึง ๑๐ ปีเต็ม

“การปฏิบัติภาวนา” ไม่ต้องพูดถึง…เพราะ “ลืม” ไปสิ้น
ในหัวสมองรู้แต่ว่า ต้องไป “สะเดาะเคราะห์ แก้กรรม”
และแล้วเมื่อย่างเข้าปีที่ ๑๐ ที่เขา “ลืมหลวงปู่” ไป
…เหมือนอย่างศิษย์ไร้ครูอาจารย์ หรือ เหมือนลูกไร้พ่อแม่

ณ ที่สำนักทรงแห่งหนึ่ง
แทนที่คนทรงจะทำการรักษาเขา เหมือนที่รักษาให้คนอื่น
คนทรงคนนั้น กลับด่าเขาว่า…
“มีครูอาจารย์ดีอยู่แล้ว
ท่านคอยตามดูแลและเป็นห่วง กลับไม่สำนึก กลับลืมท่านไปได้
ให้รีบกลับไปขอขมาท่านเสีย”

ศิษย์หลวงปู่ เมื่อได้ฟังคำด่านั้นแล้ว พลันนึกถึงหลวงปู่ขึ้นมา
โอหนอ…เวลา “เวรกรรม” มันจะให้ผล มันปิดบังสติปัญญาเสียสิ้น
ทั้ง ๆ ที่หลวงปู่เตือนเขาไว้ว่า
“อย่าทิ้งการปฏิบัติ
อย่าทิ้งพุทธัง ธัมมัง สังฆัง
ถ้าแกทิ้งพุทธัง ธัมมัง สังฆัง…ชีวิตแกจะลำบาก”

ถึงขนาดนี้แล้ว…เขาก็ยังลืมไปได้

นับแต่วันนั้น เขาได้เดินทางกลับมาวัดสะแกอีก
และแม้บัดนี้ จะไม่ได้พบสังขารขันธ์ของหลวงปู่อีก
แต่เขาก็เริ่ม “รื้อฟื้นการปฏิบัติธรรม” อีกครั้ง

เขา “เพียรนั่งสมาธิภาวนา”…ทั้งที่บ้าน และ ที่วัด
พอถึงวันพระ ก็รักษาศีลแปด
ทำเช่นนี้ไม่นาน ฝันร้ายก็หายไป
ธุรกิจของเขาก็กระเตื้องขึ้นเป็นลำดับ
กระทั่งกลับมามี “ความสุข” ดังเดิม…อีกครั้ง

การกลับมาปฏิบัติธรรมครั้งนี้ มันมีคุณค่าสำหรับชีวิตเขามาก
และเขาเองก็เห็นคุณค่าแห่งการปฏิบัติ ด้วยประสบการณ์ผ่านชีวิตที่ลำเค็ญ
เพราะ “ผลอันเกิดจากการไม่ปฏิบัติ”… ดังที่หลวงปู่กล่าวเตือนไว้แล้ว

เวลาประสบทุกข์ ประสบเคราะห์ใด ๆ
คำหลวงปู่…จะก้องกังวานมาทันทีว่า… “ภาวนาไป ๆ”

การปฏิบัตินี้แหล่ะ…ตัวสะเดาะเคราะห์แก้กรรมที่ได้ผลดีที่สุด

และไม่ทำให้เขาตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ไม่ว่าพระ หรือ ฆราวาส
เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเที่ยวเดินทางไปสะเดาะเคราะห์แก้กรรม เป็นเวลาถึง ๑๐ ปีเต็ม
เสียเงินไปร่วมล้าน และมันก็ไม่จบไม่สิ้นสักที
กระทั่งหลวงปู่ไป “ดลใจคนทรง” ให้กล่าวเตือนสติเขา

เขาจึงระลึกถึง “หลวงปู่” ขึ้นมาได้
พร้อมกับคำสอนหลวงปู่…ที่ให้สะเดาะเคราะห์แก้กรรม ด้วยการ “ปฏิบัติสมาธิภาวนา”

ทุกยุคทุกสมัย พิธีการสะเดาะเคราะห์แก้กรรม ย่อมลวงคนโง่ให้ตกเป็นเหยื่อ
บัดนี้ หลวงปู่ไม่อยู่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าศิษย์ชั้นหลังจะได้รับทราบหรือไม่ว่า…
หลวงปู่ไม่เคยส่งเสริมพิธีสะเดาะเคราะห์ใด ๆ เลย มีแต่…”ภาวนาไป ๆ”

หากใครกล่าวอ้างว่า หลวงปู่ส่งเสริมสิ่งเหล่านี้
ก็ให้รู้ว่า…เขากล่าวตู่คำสอนหลวงปู่ เขาขาดความเคารพในหลวงปู่
และเขาอาจเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ต้องการทรัพย์จาก “คนที่ยังไม่มีหลักใจ”
ให้ต้องมาเสียเงินเสียทอง สะเดาะเคราะห์แก้กรรม
อันไม่ใช่ทางของการปฏิบัติ เพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง
ตามแนวทางที่หลวงปู่กล่าวสอนแต่อย่างใดเลย



*** จากบทความของ คุณสิทธิ์

แหล่งที่มา...สถานอมตะธรรม พุทธพรหมปัญโญ

 

ชื่อท่านคล้ายกันครับ คุณ 8
ที่ส่วนตัวนำมาลง อยู่ที่ภูจ้อก้อ
มุกดาหารครับ
[size=1pt]เว็บพนันบอลออนไลน์ที่ดีที่สุด[/size]
พระสงฆ์ยุคนั้น มักจะมีเรื่อง ญานวิถีในการล่วงรู้เหตุการณ์ในอดีต ในอนาคตเป็นปกติครับ ซึ่งญานวิถีเหล่านี้ มีฐานมาจาก ตาทิพย์ หูทิพย์ ครับ ความสามารถเหล่านี้เป็นบางส่วน ของศรัทธาต่างๆ นอกจากการปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบของท่านๆเหล่านั้นครับ
[size=1pt]เว็บพนันบอลดีที่สุด[/size]
และการขึ้นมาของญานวิถีมาจากการปฎิบัติ แล้วมาด้านปัญญา คือมาบรรลุธรรมภายหลัง ท่า เลยมีแบบเป็นธรรมชาติของท่านครับ สายเหนือ สายอีสาน ต่างตรงเน้นปฎิบัติได้ เกิดญานวิถี แล้วมาปัญญา กับเน้นปฎิบัติไปหนุนปัญญา แล้วมีญานวิถี สรุปมีเหมือนๆกันครับ สังเกตุง่ายๆว่าท่านใดมีวัตถุมงคล หรือมีบ้างแต่ไม่เน้นนั่นหละครับ เป็นตัวบอก พอดีไปงานรุ่นน้องที่ มุกดาหาร แว๊นไปเรื่อยๆ เลยได้แวะหลายที่หน่อยครับ
[size=1pt]พนันบอลออนไลน์อันดับ1[/size]
จังหวะวัดดังๆ จะอยู่ขอบๆจังหวัดพอดี ทั้งร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร เอาว่า เลี้ยวซ้ายนิด เลี้ยวขวาหน่อย ไปข้างหน้าหน่อยหนึ่ง ก็คนละจังหวัดแล้วครับ 55 ช่วงนี้ ไม่ร้อนมาก อากาศดี ทำให้แว๊น สบายๆ วัดดังส่วนมาก ท่านมีชื่อ ละสังขารไปหมดแล้ว อย่าวบางวัดที่มีเจดีย์ขาวทอง เช่น วัดป่าสุนทราราม เลิงนกทา ท่านอาพาธ อยู่ โรงบาลสงฆ์ ขอนแก่น มีอีกวัดที่แวะจังหวะหาที่พัก มีกฐินพระราชทาน พอดีลืมสังเกตุชื่อวัด เอาว่าตอนนั่งพักอยู่
มีบางท่านที่บอกว่าท่าน
อยู่วัดนี้มา 130 ปีแล้ว
บอกว่าวัดนี้ชื่อวัด โพนคำทอง
แต่พอออกไปเห็นป้ายบอกชื่อ
โพนคำสูง ประมานนี้ครับ
[size=1pt]เว็บพนันบอล[/size]

 

ยินดีครับคุณKsnow ที่มาเป็นเพื่อนใหม่
ที่เขียนมาทั้งหมด"น่าสนใจมากครับ"
ผมต้องค่อยๆอ่านอีกครั้ง
ด้วยมีหลายประเด็นที่น่าสนใจ
และอยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้
รบกวนช่วยขยายความให้หน่อยครับ ดังนี้

(Ksnow)
".....ชื่อท่านคล้ายกันครับ คุณ 8
ที่ส่วนตัวนำมาลง อยู่ที่ภูจ้อก้อ
มุกดาหารครับ....."

1.คุณ 8 คือท่านใดครับ ?
2.และเรื่องราวที่นำมาลง ผมอยากฟังเพิ่มเติม
(ช่วยลงให้อ่านที่นี่ได้ไหมครับ)

ญาณวิถี ที่หลายท่านพูดถึงบ่อยๆคือ sixth sense
ถ้าแปลกันลึกๆน่าจะหมายถึง ญาณวิถีพิเศษ
55...ถ้าผมมีก็ถือว่าโชคดี
...อยากมีเหมือนกัน
เพราะสนใจเรื่องสิ่งลี้ลับ
เชื่อเต็มร้อยเต็มพันว่าสิ่งเหล่านี้มีจริง
แม้เชื่อ...แต่ก็ขาดการปฏิบัติอย่างจริงจัง
เหมือนหลายๆท่านที่พยายามให้เข้าลึก เข้าถึง
ส่วนตัวผมต้องยอมรับว่า "ไม่ได้เน้นเลย"
คงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

ผมสะดุดตรงประโยคที่ว่า...
".....สังเกตุง่ายๆว่าท่านใดมีวัตถุมงคล หรือมีบ้างแต่ไม่เน้นนั่นหละครับ เป็นตัวบอก....."

ประเด็นข้างบนนี้...ชัดเจนมากครับ
เป็นไปตามนั่นจริงๆ
(ผมจะเก็บไว้เป็นTricks)

เพราะถ้าเน้นเรื่องวัตถุมงคล
ป่านนี้ผ่านมา30-40ปี
ผมคงเป็นเซียนพระดังอยู่ในวงการแล้ว
ช่วงนั่นสนใจวัตถุมงคลมาก
ประมาณมีกล้องส่องไว้ประจำตัว
เข้าสนามพระเป็นบางครั้ง
อ่านหนังสือพระเครื่องประจำ
แต่ผ่านไปแค่1-2ปี เลิกลาไปอย่างง่ายๆ
ปัจจุบันแทบไม่สนใจเลย
บางครั้งนานๆทีอาจมองบ้างเล็กน้อยแบบคนไทยทั่วๆไป


(Ksnow)
".....พอดีลืมสังเกตุชื่อวัด เอาว่าตอนนั่งพักอยู่
มีบางท่านที่บอกว่าท่าน
อยู่วัดนี้มา 130 ปีแล้ว
บอกว่าวัดนี้ชื่อวัด โพนคำทอง
แต่พอออกไปเห็นป้ายบอกชื่อ
โพนคำสูง ประมานนี้ครับ....."

ข้างบนนี้
ช่วยเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมให้หน่อยครับ
เพราะ...สนใจเป็นพิเศษ


ปล. ผมคาดว่าคุณKsnow ไม่ใช่ธรรมดา
ยิ่ง...ได้แว๊นไปจังหวัดต่างๆ
จะต้องมีเรื่องเล่ามากมาย
ว่างๆช่วยถ่ายทอดให้ฟังบ้างนะครับ
ขอบคุณครับ