เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

ขอร่วมบุญค่ะ

 

มอบเทพเจ้าสามเหลี่ยมมรกตกลับคืน
แผ่นดินที่ราบสูงหนึ่งองค์ โมทนาน้องศิวะ

 

เทพเจ้านาจะหลวยเป็นมงคลกับคนภาคกลาง
องค์สุดท้ายมอบให้และโมทนากับน้องเสฯครับ

 

ขอบพระคุณมากครับคุณอา
แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ส่วนที่เกิน ขอร่วมทำบุญตามที่คุณอาเห็นสมควรครับ

 

เหรียญหนึ่งเดียว"เปียกทอง"หนึ่งหน้า-รมดำหนึ่งหน้า หากรรมวิธีทำอย่างนี้ไม่เจอแล้วในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นพระสร้างด้วยเครื่องจักรทันสมัย ไม่ต้องการความเชื่องช้าเสียเวลาทำมาหากิน และปริมาณน้อยๆก็ไม่พอค่าแรงค่าจ้าง

ผิดกับยุคเก่า ทุกชิ้นล้วนสร้างด้วยหัวใจเต็มเปี่ยมเรื่องสิริมงคล เรื่องศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังมาก่อนการพุทธพาณิชย์ ไม่คิดทำพระขาย นอกจากมอบให้กับผู้ร่วมบุญ คนทำบุญมากหน่อยก็เอาองค์พิเศษ หรือชุดพิเศษไป ไม่กำหนดกะเกณฑ์ราคา

พระยุคเก่าด้วยเจตนาดั่งนี้ จึงเป็นโลกุตระไม่มีวันเสื่อม ผนวกกับสุดยอดปรมาจารย์ของแท้ก็ยิ่งเป็นที่สุดแห่งวัตถุมงคล

และโปรดจำไว้สักนิดว่า...หลวงพ่อทวดทุกรุ่นหากมีอาจารย์ทิม วัดช้างให้ เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นหัวเรือสร้างหรือร่วมปลุกเสก ต้องเรียก"หลวงพ่อทวด"สถานเดียว

ส่วนวัดอื่น อาจารย์อื่นจะสร้างและเรียก"หลวงพ่อ"บ้าง-หลวงปู่ทวดบ้างก็ไม่ว่ากัน!

โมทนากับหนูภัสครับ...แถมความรู้อีกนิด ในปี05นี้ เมื่อทางเบตงมีการสร้าง รูปหล่อก้นตัวเลขหลวงพ่อทวดชุดแรก ซึ่งราคาหลักล้านทุกองค์ในวันนี้...ผู้ที่ปลุกเสกอธิษฐานจิตท่านแรกตั้งแต่เนื้อชนวนทั้งหมดคือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี จากนั้นเมื่อปั้มเสร็จก่อนนำลงไปทำพิธีปักษ์ใต้ หลวงปู่ก็เมตตาอธิษฐานจิตซ้ำร่วมกับอาจารย์ทิม วัดช้างไห้

องค์ล่าสุด หลวงพ่อทวดเบตงหมายเลข4 -ขายไปให้ชาวมาเลเซียเมื่อ3ปีที่แล้ว 40ล้านบาท...อย่าตกใจว่าพิมพ์ผิดเติมศูนย์เพิ่มขึ้นมา ราคานั้นจริงๆ นี่แหละ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กับ อาจารย์ทิม วัดช้างไห้!!!

 

น้องโต้ดว่องไวตามเคย
ต้องจัดส่งพรุ่งนี้ โมทนา
กับบุญ+ทานบารมีครับ

 

วันนี้มาดึกต้องขอเปลี่ยนจากกราบสวัสดี เป็นกราบราตรีสวัสดิ์คุณอาวันวิที่เคารพและชาวคณะนักขุดกรุฯทุกท่านนะคะ^^

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็พึ่งจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนองค์หลวงพ่อทวด ที่วัดประสาทบุญญาวาสมาค่ะ มีองค์หลวงพ่อทวดประทับเด่นสง่าที่ด้านหน้าโบสถ์ ขอบารมีองค์หลวงพ่อทวดเมตตาปกปักรักษาคุ้มครองคุณอาวันวิและครอบครัว และสมาชิกทุกท่านให้แคล้วคลาดปลอดภัย อยู่ที่ใดก็เป็นสุข สุขทั้งกาย วาจา และใจ สาธุสาธุสาธุ

พร้อมแจ้งร่วมบุญชุดเหรียญวัดบุพพาราม และเหรียญหลวงพ่อทวด วัดโพธิ์ ส่วนต่างขอร่วมบุญต่างๆกับคุณอานะคะ

 

วันที่ ๒ ตุลาตม พ.ศ. ๒๕๖๒ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน
เช้าวันนี้ใส่บาตร ๕ รูป
โมทนาบุญร่วมกันครับ

 

สวัสดีคุณอาวันวิและแฟนคลับทุกท่าน

 

เดือนตุลา มาประเดิมบุญต้นน้ำให้มีความสุขกับพระดี-ปีลึกฯคึกคักสโมสร ตารางบุญสีรุ้งมาว่องไวไม่ต้องบันทึกความจำมาก อาศัยเอาจากน้องต้อดบันทึกไว้ให้ ขอบคุณหลายๆครับ ขอให้มีความสุขมากๆ

 

ชมเวลาที่เคาะมา ดึกเอาการจริงๆสำหรับผมช่วงนี้ หยอดน้ำตาเทียมแล้วนอนตั้งแต่สี่ทุ่ม หนูภัสได้ไปกราบหลวงพ่อทวดวัดประสาทฯเป็นสิริมงคลยอดเยี่ยมทั้งครอบครัว ลืมถ่ายรูปมาให้ชมหรือเปล่า ถ้ามีก็ส่งมาแบ่งปันกันบ้าง ไม่ได้ไปนับสิบปีแล้ว ไม่รู้วัดเป็นอย่างไรบ้าง? แต่ก็ได้กราบท่านเจ้าอาวาสเมื่อ4-5ปีที่แล้ว คราวงานศพเพื่อนรักที่วัดภคินีนาถ ใกล้ๆกัน ท่านมานั่งเป็นประธานให้ทุกคืนเห็นแล้วชื่นใจ

งั้นต้องโมทนาม้วนเดียวทั้งการไปกราบพระ การส่งปัจจัยร่วมบุญ+ทาน และพรดีเลิศประเสริฐศรีที่มอบให้มาด้วยหัวใจทองคำ ทุกประการนั้นจงตอบแทนกลับไปให้ครอบครัวอบอุ่น มีความสุขเป็น แฮปปี้ แฟมิลี่ อย่าได้รู้คลายเทอญ

 

เก็บทักน้องปรายฯก่อน
มีธุระมาคั่นเป็นพักๆ

 

เข้ากลางสัปดาห์มิช้าที
กับโลกสีเขียวใบนี้...

เขียวเข้าข้อง...ผองแผ่นพื้น
ดอกดวงดื่น.....แลรื่นร่าย
หมายมองไม้...ไร้เลอะกราย
โลกเลวร้าย.....มลายมล(พิษ)!

 

หนีฝุ่นพิษยามอรุณ
ชำระล้างด้วยธรรมะ
พระภิกษุผู้งามสงบ...

## พุทธวจนะในธรรมบท ##
แปลโดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
=================

@@"สำรวมทางตา เป็นการดี
สำรวมทางหู เป็นการดี
สำรวมทางจมูก เป็นการดี
สำรวมทางลิ้น เป็นการดี"@@

Good is restraint in the eye.
Good is restraint in the ear.
Good is restraint in the nose.
Good is restraint in the tongue.

จกฺขุนา สํวโร สาธุ
สาธุ โสเตน สํวโร
ฆาเนน สํวโร สาธุ
สาธุ ชิวฺหาย สํวโร ฯ ๓๖๐ ฯ

 

เลขจัดส่งวันนี้
--EI 1711 8377 2 TH ทศพร จตุจักร
--EI 1711 8378 6 TH นภัสนัน ยานนาวา

 

========= เดือนตุลาคม =========

เป็นเดือนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญของประเทศ และเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองที่ผ่านมาชนิดต้องจารึกเป็นประวัติศาสตร์มากมาย

รวบรวมเตือนความจำเฉพาะ "บิ๊ก เดย์" จริงๆ ดังนี้ ;

### สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ##
***สมเด็จพระสังฆราชฯองค์ที่19 หรือ"สมเด็จพระญาณฯ***

--ประสูติ 3 ตุลาคม 2456
-- สิ้นพระชนม์ 24 ตุลาคม 2556
--เป็นพระสังฆราชองค์แรกที่มีพระชันษา 100ปี 21 วัน

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

*** สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(สมเด็จย่า)***

--พระราชสมภพ 21 ตุลาคม 2443

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

*** พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"ภูมิพลมหาราช" ***

--เสด็จสวรรคต วันพฤหัสบดี 13 ตุลาคม 2559
-- ถวายพระเพลิงพระบรมศพ 26 ตุลาคม 2560

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

*** พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"พระปิยมหาราช"

--เสด็จสวรรคต 23 ตุลาคม 2453 หรือ"วันปิยฯ"ของชาวไทยทุกปี

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

นั่นเป็นมหาเหตุการณ์ระดับสูงส่ง ส่วนความเป็นไปของประเทศในเดือนนี้ก็มีที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้แต่ละปีหลากหลาย อย่านำรวมกับเบื้องบน-เบื้องสูง ไปชม(อ่าน)โพสท์ถัดไป

 

เดือนตุลาคม(ต่อ)
============

"วันมหาวิปโยค"...14 ตุลาคม 2516 ...46 ปีที่ผ่านมา การรวมตัวของนิสิตนักศึกษาประชาชนเพื่อขับไล่เผด็จการ จอมพลถนอม-ประภาส และพันเอกณรงค์ กิตติขจร ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมหาประชาชนยุคแรก และนำมาซึ่งทหารต้องยอมหลีกทางลี้ภัยออกนอกประเทศ และประเทศได้ลิ้มรส"ประชาธิปไตย"เคลือบยาพิษที่แสนอลเวง นำประเทศไปสู่ความวุ่นวายไม่รู้จบอีก2-3ปีต่อมา

แต่เหตุการณ"วันมหาวิปโยค"ซึ่งนักศึกษา-ประชาชน-ช่างกลฯ หลั่งเลือดไม่น้อย ได้จบลงด้วยพระมหากรุณาธิคุณ กับพระปรีชาขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เลือดที่ทำท่าจะท่วมท้องช้างนองแผ่นดินจึงไหลนองแค่ถนนราชดำเนิน โดยเฉพาะสะพานผ่านฟ้าลีลาศซึ่งมากที่สุด กับได้เกิด"วีรบุรุษมัฆวาฬ"คือ ร้อยเอก อาทิตย์ กำลังเอก ซึ่งกลายมาเป็น"บิ๊กซัน"เวลาต่อมา จากการห้ามมิให้ทหารลั่นไกปืนใส่นักศึกษา

วีรชนที่แท้จริงแห่ง 14 ตุลาฯ นี่แหละสมควรได้รับการจารึกและรำลึกถึงมากกว่า วีรชนจอมปลอม อีกมากมายในเวลาต่อมา พวกวีรชนจอมปลอมที่ขี่คลื่นจากหยาดเลือด หยดเหงื่อ นักศึกษา ประชาชนผู้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตตัวจริง ส่วนจอมปลอมหลายคนได้ดิบได้ดีมากมายในทางการเมือง ทั้งที่บทบาทจริงในเหตุการณ์อาจเป็นแค่"สวะ"ไหลไปตามกระแสธารประชาธิปไตยเท่านั้น

ผู้เสียสละเรียกร้องหลั่งเลือดตัวจริงด้วยดวงใจบริสุทธิ์ พวกเขาและเธอเหล่านั้น ไม่เคยออกมารับรางวัลหรืออวดอ้างความดีความชอบกันเลย

สวะกับกาฝากประชาธิปไตยจึงมีทุกยุค ทุกสมัย อย่าได้แปลกใจเลยว่า ทำไมประชาธิปไตยจอมปลอมในประเทศนี้ เบ่งบานมากกว่าประชาธิปไตยที่แท้ ก็เพราะมันมีแต่คนแย่ๆหน้าด้านที่ร่ำร้องหาประชาธิปไตยและแอบอ้างรับรางวัลเหมือนไอ้พวกอนาคตหมด ที่กระสันอยากจนตัวสั่น ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศนี้ ตามที่พวกมันฝันเฟื่องและไม่เคยคิดถึงบุญคุณของน้ำข้าวแผ่นดินที่ทำให้พวกมันมีชีวิตเติบใหญ่

((( ยังมีต่อ)))

 

เดือนตุลาคม(ต่อ)
=============

6 ตุลาคม 2519...การเรียกร้องประชาธิปไตยและกำชัยชนะของนักศึกษาในปี 16 นำมาซึ่งความวุ่นวายเพราะปรากฏ"มือที่มองไม่เห็น"มากมายเข้ามาแทรกแซงเพื่อใช้พลังบริสุทธิ์ของนักศึกษาในทางการเมือง แปรเปลี่ยนพลังบริสุทธิ์ให้แปดเปื้อนมัวหมอง อันเป็นกิเลสธรรมดาของมนุษย์เมื่อได้ลิ้มรสชัยชนะหอมหวานก็ไม่เคยเพียงพอกับน้ำผึ้งรวงเดียว แต่อยากจะเหมาน้ำผึ้งหมดทั้งป่า

ความวุ่นวายทางการเมืองจึงดำเนินไปอีก2-3ปี กลางความกดดันและแรงต่อต้านนิสิตนักศึกษา จากผู้เรียกร้องประชาธิปไตย กลับกลายเป็นผู้ถูกไล่ล่าในเวลาต่อมา เมื่อเหตุการณ์สารพัดถูกปั่นจนสุกงอมก็ระเบิดไปสู่"วันตุลาทมิฬ"ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519

รัฐบาลตัดสินใจระดมกำลังเข้าปิดล้อมและปราบ นักศึกษา-ปชช.บางส่วน ใน ม.ธรรมศาสตร์,ท่าพระจันทร์,ท้องสนามหลวง ในการนี้มีกองกำลังติดอาวุธกลุ่มโน้น กลุ่มนี้เข้าผสมโรงด้วย เหตุการณ์เลวร้ายมากมีการ เผา แขวนคอ ข่มขืน ทุบตีทำร้ายทารุณ นักศึกษาที่หลบหนีไม่ทันมากมาย ส่วนที่หนีทันก็กลายเป็น"นักสู้ในป่า"ในเวลาต่อมา เป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการบันทึกว่า ส่งนักศึกษาเข้าป่ามากที่สุดยิ่งกว่าเหตุการณ์ใด

ที่สุดแล้ว 6 ตุลาคม 2519 ก็เป็น"รอยด่างประชาธิปไตย"อีกแบบหนึ่ง แล้วแต่มุมมองของผู้เกี่ยวข้องจะทำความเข้าใจ ทุกวันนี้คนในป่าก็กลับเป็นคนในเมือง หลายคนก็ฟูเฟื่องเป็นนักการเมืองอาชีพ เป็นรัฐมนตรี เป็นนักธุรกิจ นักเขียนมีชื่อ ส่วนใหญ่ได้ดิบได้ดี เพราะชีวิตป่าสอนให้พวกเขาและเธอแกร่งทรหด แต่จะช่วยสร้างประชาธิปไตยให้แข็งแกร่งจริงตามที่เคยเรียกร้องกันได้หรือไม่?...

คำตอบของคำถามนี้ น่าจะลอยไปในสายลมไกลแสนไกล!

นี่คือบริบทของเดือนตุลาคม แต่ก่อนจบก็มีอีกเล็กๆน้อยๆเพิ่มเติม...

--13 ตุลาคม วันตำรวจ

--และเล็กที่สุด ไร้ความหมายที่สุด 11 ตุลาคม 2560 กำเนิดกระทู้"เรื่องเล่า-นักขุดกรุฯ" ในเว็ปพลังจิต