เรื่องเด่น ครั้งแรกเมื่อข้าพเจ้าได้รู้จักพระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์....."กัสสปมุนี"..

เกือบยี่สิบปีแล้วครับที่ผมได้รู้จักหลวงพ่อกัสสปมุนี.....ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อนี้จากคุณพ่อของเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย คุณพ่อท่านแขวนรูปใบเล็กๆเป็นรูปพระนั่งอยู่หน้าเจดีย์ จำได้ว่าท่านถามผมว่าชอบพระเครื่องเหรอ ผมตอบว่าครับท่านจึงควักรูปที่เลี่ยมทองในคอแล้วถามผมว่ารู้จักองค์นี้ไหม ตอนนั้นยังไม่รู้จักเลยตอบไปว่าไม่รู้จักครับ ท่านจึงบอกว่านี่คือ "หลวงพ่อกัสสปมุนี" ท่านอยู่ระยองเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อท่านก็แปลกใจว่าชื่อแปลกๆดี ผมจึงถามท่านว่าหลวงพ่อท่านเก่งอย่างไร คุณพ่อท่านจึงเล่าให้ฟังว่า ท่านรู้วาระจิตคนที่ไปหา ท่านมีอำนาจจิตที่อัศจรรย์ และสามารถเหาะเหิรเดินอากาศได้จริง....ผมได้ยินเเค่นี้หูผึ่งเลยทีเดียวครับ จึงถามท่านต่อว่าคุณพ่อรู้จักหลวงพ่อกัสสปมุนีได้อย่างไร ท่านจึงเมตตาเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งมีเพื่อนชวนท่านไปพบหลวงพ่อที่บ้านของศิษย์ท่านหนึ่งที่กทม.เพราะหลวงพ่อจะลงมาจากระยองมาโปรดญาติโยมที่นั่น ซึ่งตอนนั้นท่านประสบปัญหามากมายเรื่องธุรกิจ จึงหาที่พึ่งดังนั้นจึงเดินทางไปกับเพื่อนเพื่อพบหลวงพ่อ เมื่อไปถึงมีคนเยอะพอควรหลวงพ่อท่านเป็นคนพูดเบาๆแต่เสียงหนักแน่นดีท่านว่าอย่างนั้น และก่อนออกบ้านไปคุณพ่อท่านก็อธิษฐานจิตไว้ว่า "ถ้าหลวงพ่อกัสสปมุนีเป็นพระอรหันต์ขอเมตตาช่วยเหลือให้ผ่าพ้นวิกฤตครั้งนี้ด้วยเถิด"......เมื่อถึงคิวท่านกับเพื่อนเข้าพบหลวงพ่อเพื่อนท่านได้เตรียมสังฆทานไปถวายหลวงพ่อด้วย ก็ยกถวายหลวงพ่อ ท่านรับก็ให้พรตามธรรมเนียม เมื่อให้พรแล้ว ท่านก็พูดตามมาด้วยว่าคนเรามีปัญหาชีวิตกันทั้งนั้น บางคนก็เรื่องหนี้สินจนจะล้มละลาย ให้เชื่อมั่นในอำนาจพระรัตนตรัย ให้เชื่อในเรื่องอำนาจแห่งทาน จะช่วยได้จริง เพราะสิ่งที่ต้องประสบล้วนเป็นกรรมเก่าส่งผล แล้วหันมามองคุณพ่อแล้วบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า เดี๋ยวก็พ้น คุณพ่อท่านฉงนในใจมากมากเพราะไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเลยแต่หลวงพ่อท่านพูดออกมาเองหมด ก่อนจะปลีกตัวจากหลวงพ่อท่านทั้งสองได้รับรูปใบเล็กๆคนละใบด้านหลังเป็นยันต์พุทธเกษตร คุณพ่อจึงเรียนถามหลวงพ่อว่า "ผมอธิษฐานขอหลวงพ่อช่วยได้ไหมครับ" หลวงพ่อยิ้มน้อยๆแล้วตอบมาว่า "ตามวาสนานะ" แล้วท่านจึงลาหลวงพ่อกลับ ตอนกลับตัวคุณพ่อท่านเชื่อมั่นในองค์หลวงพ่อมากว่าท่านต้องเมตตาช่วยเหลือแน่นอนและเชื่อมั่นขนาดเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์แน่นอน พร้อมกันนั้นเพื่อนของท่านก็ได้มอบชิ้นผ้าจีวรผืนเล็กๆขนาดประมาณฝ่ามือให้และบอกว่าเอาไปบูชาอธิษฐานเอาเถอะเพราะได้พบหลวงพ่อแล้วถือว่ามีบุญและได้บอกบทอาราธนาถึงหลวงพ่อกัสสปมุนีมาด้วย....พ่อก็รับมา หลังจากวันนั้นมาท่านก็เริ่มสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิทุกวันแล้วอธิษฐานกับรูปและจีวรปืนสั้น ท่านบอกผมว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหลังจากอธิษฐานกับรูปและจีวรของหลวงพ่อกัสสปมุนีได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็มีคนมาช่วยเหลือท่านหลายคนเลยทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ขอความช่วยเหลือไปทุกคนต่างเงียบกริบ แต่อยู่ดีๆก็ยื่นมือมาช่วยจนท่านผ่านวิกฤตินั้นมาได้อย่างอัศจรรย์ใจ และอีกเรื่องที่ทำให้คุณพ่อท่านศรัทธาในองค์หลวงพ่อมากก็คือ ผ้าจีวรผืนนั้นช่วยให้อาม่าที่ตาฝ้ามัวใกล้จะบอดกลับมามองเห็นอีกครั้ง เรื่องก็คืออาม่าท่านตาเป็นต้อครับรักษามาก็ไม่เห็นผลมีแต่จะริบหรี่ลงไปเรื่อยๆจนเห็นแค่แสงน้อยๆคุณพ่อท่านเล่าเรื่องหลวงพ่อกัสสปมุนีให้อาม่าฟังจนเกิดศรัทธา และได้ความคิดว่า ให้อาม่าอธิษฐานถึงหลวงพ่อกัสสปมุนีแล้วเอาจีวรปิดตาไว้ขอให้ท่านรักษาตาให้มองเห็น อาม่าด้วยศรัทธาท่านก็เอาจีวรมาปิดตาแล้วสวดมนต์อธิษฐานทุกวัน....จนวันหนึ่งตอนเช้าอาม่ามาบอกกับคุณพ่อว่า ฝันเห็นพระตัวผอมๆมาเป่าตาให้ คุณพ่อท่านบอกว่าท่านแน่ใจสุดว่าคือหลวงพ่อกัสสปมุนีเป็นแน่แท้ คุณพ่อจึงถามอาม่าว่า แล้วพระท่านว่าไง อาม่าบอกว่า "อีมาเป่าให้เฉยๆเป่าสามที" เชื่อหรือไม่ครับว่าหลังจากนั้นตาของอาม่าก็เริ่มดีขึ้น จนสามารถมองเห็นได้อย่างเหลือเชื่อแม้จะไม่100%แต่ก็มองเห็นถึงกับบอกว่าหลวงพ่อกัสสปมุนีเป็นเซียนครับ.....และเมื่อพอมองเห็นได้คุณพ่อจึงนำเอารูปหลวงพ่อกัสสปมุนีมาให้อาม่าดู อาม่าบอกเลยว่า นี่แหละนี่แหละที่มาเป่าตาให้ คุณพ่อจึงเอารูปให้อาม่าบูชาติดตัว และท่านก็เอาติดตัวจนกระทั่งเสียชีวิต เพื่อนผมเวลามีปัศหาเรื่องต่างๆชอบคุยกะอาม่า และอาม่ามักจะบอกเสมอว่า มีอะไรก็ให้ขอให้บอกหลวงพ่อกัสสปะมุนีเสมอ......นี่แหละครับคือครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับพระอรหันต์พระนามว่า "กัสสปมุนี"จนปีนี้ได้มีโอกาสได้วัตถุมงคลของหลวงพ่อมามากมายอย่างเหลือเลื่อและได้ปวารณาตัวในใจขอเผยแพร่วัตถุมงคลของหลวงพ่อครับ....แล้วท่านผู้อ่านละครับรู้จักหลวงพ่อกัสสปมุนีครั้งแรกจากไหน อย่างไรครับ เล่าสู่กันฟังทีครับ อีกเรื่องน้ำมนต์เดือดจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ

 

ประสบการณ์ตรงอีกอย่างจากวัตถุมงคลของหลวงพ่อกัสสปมุนีที่ผมลองมากับตัวเองแล้วก็คือ ให้ผลส่งเสริมเรื่องการปฏิบัติธรรมครับ ผมลองนำวัตถุมงคลของหลวงพ่อ(ผ้าจีวรและรูปที่ท่านลงอักขระไว้)มากำไว้ตอนนั่งสมาธิ จิตรวมตัวอย่างรวดเร็วมากครับ ถึงจะฟุ้งซ่านตอนแรกแต่จิตกลับนิ่งอย่างรวดเร็วและยังรู้สึกหนักแน่นดีมากครับ แต่ต้องอาราธนาบารมีของหลวงพ่อก่อนนะครับ มีครั้งหนึ่งก่อนออกจากสมาธิผมดึงลมลึกๆสามสี่ครั้ง ในหูผมได้ยินเสียงวิ๊งๆๆๆแล้วผมรู้สึกซ่านที่มือที่กำผ้าจีวรและรูปหลวงพ่อไว้แล้วความรู้สึกจากมือก็ขึ้นมาที่ใบหน้าลงมาท้ายทอยไหลลงมาที่หลังแล้วขนก็ลุกไปทั้งตัวสามสี่รอบ ผมนั่งดูความรู้สึกนั้นสักครู่แล้วก็หายไป สักพักเหมือนมีลมดันออกมาจนผมเรอออกมาสองครั้งแล้วหายไปผมจึงออกจากสมาธิแผ่เมตตา ลืมตาขึ้นเวลาผ่านไปสี่สิบห้านาที แต่ผมรู้สึกเหมือนแป๊บเดียวจริง และวันนั้นทั้งสันผมรู้สึกเบาสบายตัวและใจก็เบาสบายอย่างไม่อคยรู้สึมาก่อน ผมจึงเชื่อว่า ของที่หลวงพ่อท่านทำไว้ให้นั้นล้วนมีพลังของสมาบัติอย่างเต็มเปี่ยมเพราะทุกชิ้นล้วนผ่านการเข้านิโรธสมาบัติมาแล้วทั้งสิ้นซึ่งจะหาวัตถุมงคลแบยนี้คงไม่ง่ายแล้วครับ.....ดีใจมากที่หลวงพ่อเลือกผมให้เป็นผู้เผยแพร่สัตถุมงคลของท่านในตอนนี้ ท่านที่มีวัตถุมงคลของท่านขอให้ภูมิใจเถิดว่าท่านมีของดีที่หาได้ยากยิ่งและทรงคุณวิเศษอย่างมหาศาลไว้บูชาขอจงใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนและสัตว์โลกนะครับ.....และขอยืนยันว่าทุกชิ้นส่งเสริม้รื่องการปฏิบัติธรรมได้จริงครับ......ส่วนเรื่องน้ำมนต์เดือดจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ

 

สาธุ สาธุ สาธุ อยากได้มาปฏิบัติบ้างถ้าวาสนามี ตอนนี้ ก็ปฏิบัติบ่อย แต่ก็มีด้านขี้เกียจบ้างครับ แต่ตั้งใจว่าจะปฏิบัติยึดมั่นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ไปจนตายแหละครับ สาธุครับ

 

เข้าไปดูได้ที่ห้องพระเครื่องวัตถุมงคลได้ครับ

 

การรู้จักหลวงพ่อของดิฉันก็เป็นเรื่องอัศจรรย์เช่นกันค่ะ
ดังที่ดิฉันเคยได้โพสต์รูปหลวงพ่อที่มีอยู่ในกระทู้ก่อนหน้าของคุณเพชรฉลูกัน (ซึ่งจะขออนุญาตเล่ารายละเอียดในกระทู้นี้อีกครั้งหนึ่ง) อยู่มาวันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ดิฉันได้พบรูปหลวงพ่อองค์หนึ่งนั่งหน้าเจดีย์ในที่กล่องใส่พระของพ่อดิฉัน เห็นรูปก็สงสัยว่าท่านคือใคร ขณะจับรูปท่านรู้สึกว่าท่านต้องไม่ธรรมดาเพราะได้รับกระแสพลังงานส่งผ่านตัวซึ่งเป็นกระแสที่ทำให้รู้สึกหัวโล่งไปหมดเลยจากที่ก่อนหน้ารู้สึกมึนหัว

พอวันรุ่งขึ้นก็มาเจอกระทู้ของคุณเพชรฉลูกันโพสต์รูปเดียวกันกับที่ดิฉันมี จึงได้ทราบว่าท่านชื่อหลวงพ่อกัสสปมุนี

สองสามวันหลังจากนั้นจึงนำรูปท่านมากำนั่งสมาธิและพบว่าเห็นท่านในนิมิตนั่งอยู่ข้างหน้าดิฉัน แล้วท่านก็ลุกมาหาดิฉัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นภาพที่ดิฉันใส่บาตรตรงหน้าท่านในป่าแห่งหนึ่ง จากนั้นดิฉันจึงสนทนากับท่านค่ะ...เรื่องต่อจากนี้ขออนุญาตไม่เล่าในกระทู้นะคะเพราะเป็นเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับบุพกรรมของตัวดิฉันกับท่าน และหลังจากนั้นก็ได้มาพบกับเรื่องบุพกรรมของคนในครอบครัวดิฉันที่เกี่ยวพันกับพญานาคที่วัดท่าน (ได้ถ่ายรูปพญานาคที่วัดท่านไว้ด้วยค่ะ ซึ่งตอนนี้ตั้งค่าเป็นรูป profile ไว้)
ซึ่งถ้าคนที่ไม่เคยสัมผัสเรื่องทำนองนี้ด้วยตนเอง และไม่เชื่อเรื่องแบบนี้มาอ่านคงจะไม่ดี และสิ่งที่ดิฉันเห็นทั้งหมดอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ค่ะ (อาจจะเป็นอุปาทานก็ได้ค่ะ^^)

แต่เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ดิฉันศรัทธาในตัวท่านมาก ทุกวันนี้ท่านจึงเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการปฏิบัติธรรมของดิฉันและทำให้ตั้งแต่วันแรกที่ดิฉันเห็นท่านในสมาธิจนวันนี้ดิฉันก็นั่งสมาธิทุกวัน และตั้งใจเจริญสติในระหว่างวันเท่าที่จะระลึกได้ เลยมาเขียนกระทู้แชร์ประสบการณ์ค่ะ

อนุโมทนาบุญกับคุณเพชรฉลูกันด้วยนะคะ ที่เป็นผู้ทำให้ดิฉันได้รู้จักท่านจนเกิดประสบการณ์หลายอย่างกับตนเองที่ทำให้ดิฉันสนใจธรรมมะยิ่งขึ้น

ขอบารมีสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกพระองค์ และพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ โปรดน้อมนำอานิสงส์ของบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้จากการเจริญสติภาวนาในทุกๆวันให้มีแด่คุณเพชรฉลูกันและครอบครัว และเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่านในเว็บพลังจิต เสมือนทุกๆท่านได้ทำด้วยตนเองค่ะ _/|\_

 

ขออนุโมทนาอย่างยิ่งครับ...ขอจงตั้งมั่นปฏิบัติต่อไปนะครับ