อาการพลังงานกลับด้าน เกิดเพราะอะไรและมีวิธีแก้อย่างไร

แล้วนี่ พี่ยอสตรอย ใช้คอม ใช้เน็ต

เหมือนกันกะ ป๋ม เป๊ะ อะเป่า


ชอบนะ มุขแช่งเอกวีร์(นิวรณ์) ช่ายล่ายเลย

 

ฮานามิ ข้าวเกรียบเกรียมรวยเพื่อน

 

วิธี อภิธรรม กำหนดรู้ ทุกข์ เจริญ แล้วเสื่อม เกิด ดับ เปนธรรมดา


พอพูดไปแล้ว ตีความตามตัวภาษา ก็เหมือนว่าเก่งก่า ทำมาเปนครู

อย่าลืมนะฮับ มันเปนเพียง ภาษาอภิธรรม ให้เด็กไม่กี่ขวด
มาพูด ก็จะเกิดความรู้สึกว่า มาข่มเหง มาตัดประโยชน์

จริงๆ หากสมาทานไป พระพุทธองค์ ท่านกล่าวว่า

จะได้ธรรมโอสถ แก้ไขได้ แถมยั่งยืน อีกต่างหาก

 

อันนี้ผมสาปแช่งคุณให้นอนหยอดน้ำข้าวต้มสักหลายวัน โทษฐานที่มากวนสันติ
ผมมากไปหน่อย คาดว่าธรรมะคงคุ้มครองรักษาคุณเอกวีร์(นิวรณ์)ให้รอดปลอดภัยได้ คำสาปแช่งคงไม่มีผลอะไร หรือจะว่าอีกทีคือ
พลังผมคงเสื่อมจนใช้การไม่ได้แล้ว ก็เห็นคุณเอกวีร์หายไปสักอาทิตย์หนึ่ง
คาดว่าคงเพราะติดธุระสำคัญ พอกลับมาก็เห็นเปลี่ยนรูปอวตารจากแมวหน้าดำ
เป็นรูปอะไรสักอย่างหนึ่ง คาดว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวอะไรกับคำสาป
แต่คงเป็นเพราะคุณเอกวีร์ชอบเปลี่ยนรูปอวตารเป็นปกติอยู่แล้วกระมัง

ตามที่กล่าวแล้ว พลังของผมมันผันผวน ถึงสาปแช่งใครไปก็ไม่มีผลอะไร
ยิ่งเป็นผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ อยู่ในศีลในธรรมแล้ว คำสาปนั้นย่อมจะทำอะไรไม่ได้ใหญ่

ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม สาธุ

 

Yostro1310 ไม่ก้าวหน้าในธรรมไม่แปลก มักโพสต์เหมือนผู้รู้ ทั้งๆ ที่รู้ไม่จริงในเรื่องสมาธิ สัมผัส ภพภูมิ ตีมาดเหมือนผู้รู้ ทำเว็บเลอะเทอะ ขอร่วมแจมออกความเห็นมโนไปทั่ว แต่ไม่มีสาระเพราะมโนปรุงแต่งเอา ไม่ได้รู้เห็นจริง ด้วยประสบการณ์-ความสามารถ แช่งใครไม่น่ากลัวเพราะพลังกาก แช่งเขามีแต่ตัวเองจะต่ำลงๆ และต่ำสุดคืออะไรก็น่าจะรู้กัน

 

เข้าใจว่า เจ้าของความเห็นนี้ คงจะเป็นคนที่เคยโดนผมตีกระจุยในกระทู้ใดกระทู้หนึ่ง ถึงได้ออกอาการขนาดนี้
ความจริง น่าจะเอา ID เดิมมาแสดงความคิดเห็นนะ จะได้รู้ตัวว่าเป็นใคร

 

แต่จริงๆ ผมเข้ามาในเว็บนี้ไม่นานนัก คนที่ผมเคยล่วงเกินจริงๆ พอจะนับตัวได้อยู่

 

ก้อในเมื่อพลังจิตพลังงานอะไรก้อแล้วแต่มันผิดปกติไป แล้วยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง และจะให้กลับมามีเป็นปกติได้อย่างไร.. เริ่มต้นปฏิบัติใหม่ดีกว่าง่ายดี อีกอย่าง จะอยากมีพลังอำนาจอะไรไว้ทำไม มันเป็นแค่ของแถมสำหรับผู้ละกิเลส ไม่ใช่อาหารเมนหลักสักหน่อย สำหรับเคสจขกท. ดิฉันไม่รู้นะว่าต้องแก้ยังไง แค่ยกเคสตัวเองมาเทียบเคียง ให้พิจารณากันเท่านั้นเอง

 

-มีไว้ประดับบารมี
-มีไว้ป้องกันตนเองไม่ให้ใครมารังแกได้
-มีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ในกรณีทีทำได้
-มีไว้เพื่อพิทักษ์ความยุติธรรม
-มีไว้เพื่อปราบมารเหล่าอธรรม
-มีไว้เพื่อปกป้องประเทศชาติ และพระศาสนา
-มีไว้เพื่อปกป้องโลกจากความวิบัติ ในกรณีที่ปกป้องได้
-มีไว้เพื่อกำราบผู้ที่เหิมเกริมและหลงไหลในอำนาจ ใช้อำนาจไปในทางที่ผิด

จุดประสงค์ของการมีพลังไว้ ก็ประมาณนี้แหละ

 

การปฏิบัติธรรมแล้วคิดเองเออเอง น่ากลัวนะคะ แล้วที่บอกว่าได้พลังอำนาจมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไรคะ การนั่งสมาธิเจริญสติควรมีครูบาอาจารย์กำกับ คือต้องหมั่นเข้าหาครูบาอาจารย์ที่สอบอารมณ์กรรมฐานและแก้อาการต่างๆให้ได้

 

มันก้อดูมีเหตุผลที่เป็นพระเอกดีอ่ะค่ะ ถ้าไม่ติดว่าออกแนวนิยายกำลังภายในไปหน่อย

 

ถูกแล้ว ส่วนเรื่องการสาปแช่งอะไรนั่น ความจริงเป็นเพียงการลงโทษพวกที่ชอบกวนโอ๊ย หรือมาสร้างความเดือดร้อนให้เราก่อนนั่นเอง ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปนั่งสาปแช่งชาวบ้านผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

 

ดิฉันว่า คุณนิวรณ์ใกล้จะได้เพื่อนไปหาหมอแล้ว. อิอิ ขำๆนะคะ ^_^

 

กรณีที่คุณนวลปรางถามนั้น ผมจะเพ่งกระแสความคิดไว้เป็นคำตอบในข้อความนี้
ถ้าหากอยากทราบ จำเป็นต้องให้ผู้ที่มีความสามารถทางอ่านกระแสจิตคนอื่นได้
มาอ่าน หรือไม่อีกที ผู้ที่มีความสามารถสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำพวกเทวดาได้
ก็สอบถามเอาจากเทวดา ก็จะทำให้ทราบว่าคืออะไร

อย่างนี้ถือว่า ปฏิบัติถูกต้องไหม กับบอร์ด อภิญญาสมาธิ

 

ไม่รู้ว่าหลังจากที่รู้ว่าโดนผมสาป คุณนิวรณ์ยังงจะถือว่าผมเป็นเพื่อน(คุย)อยู่อีกหรือเปล่า

 

สมมติ ยังงี้กลับตาลปัด ก็จากคุณนิวรณ์กลายเป็นคุนไม่นิวรณ์ หรือก็คือคนที่ละนิวรณได้แล้วนะสิ...หุๆๆ ขำๆนะครับ
ผมว่าอะไรที่สาปใครเขาไปแล้วก้ถอนคำสาปอย่าไปสาปใครเอาอีกเลยจะดีที่สุด หรือสาปไปแล้วก็ถอนคำสาปแช่งนั่นเสีย จะสาปใครไว้แล้วแต่ก้ถอนคำสาปทุกคำสาปนั้นคือขออโหสิกรรมกันไว้ แล้วเอาศีล กับสัมมาสติ มาคุมตัวเราเองน่าจะดีมากๆนะผมว่า แล้วเปลี่ยนจากมีพลังงานจากสิ่งศักดิสิทธิช่วยมาเป็นเจริญเมตตา พลังงานที่เกิดขึ้นจะมีแต่ด้านสว่างเดียว ด้านมืดแล้วกลับตาลปัตรจะไม่เกิดอีกเลย เพราะมีอภัยทานเป็นทุน เป็นกุศลจิตล้วนๆ แล้วลองอธิษฐานๆเบาๆพอ ให้วันนี้งานเสร็จ หรืออาทิตย์หน้าได้ทำบุญ หรือได้ไปทะเลไกลๆ หรือขอให้เพื่อนร่วมงานดีกับเราบ้าง หรือให้คุณนิวรณ์หายโกรธ ดูซิว่า จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไหม (เลือกอธิษฐานเฉพาะด้านดีพอ) ประมาณว่าเมื่อเรียนผูกแล้ว ก้ควรหัดเรียนแก้

อย่าว่าผมเว่อร์นะบางทีพลังงานพวกนี้ที่ติดมา อาจเพราะในอดีตกาลก่อนบางคนเคยเกิดเป็นลูกหลานพญานาค หรือเป็นเทพที่มีฤทธิ์ หรือบางท่านเปนพรหมมาก่อน ดังนั้นพลังงานพิเศษอาจติดมาด้วยก็ได้ เมือมาเกิดเป็นมนุษย์ คำอธิษฐาน คำสาป คำสั่งอะไรต่างๆบางทีเหมือนวาจาสิทธิพระร่วง

 

เชิญคุณนพต่อ ตามสะดวกครับ

ป.ล. อ่านหลายข้อความของหลายคน

แล้วมาเจ็บที่หน้าอกตนเอง

 

คุณกร๊าาาฟ พึง ทราบว่า พุทธบริษัท ที่กำหนดรู้ ทุกขสัจจ ในอริยสัจจ

เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเห็น ศัตรู เป็น ศัตรู .....เป็น อฐานะ ที่จะเป็นไป

ก็แม้นแต่ พยามาร ยังสามารถ อยู่ร่วมกันได้ ไม่โทษซึ่งกันและกัน สำหรับ
ผู้กำหนดรู้ทุกขสัจจ การหวั่นไหวเพราะกลัวถูกกลั่นแกล้ง ประทุษร้าย ย่อม
ไม่มีในจิตของผู้ อบรมจิตกำหนดเห็น ทุกขสัจจ อย่างถูกวิธี

พระพุทธองค์ตรัสว่า หาก "เราจะมีอันซึ่งเป็นไป นั่นเพราะ กรรมวิบากให้ผล"
การประจวบเหมาะ ของ ปัจจัยการ ไม่ได้เกี่ยวอะไร กับ เจ้ากรรมนายเวร
หรือ เทพเทวดา อินทร์ พรหมดลบันดาล แต่อย่างใด

ยิ่งกว่านั้น ยังจัดว่าเป็น มหากุศลด้วย หากจะปรากฏ ความสมบูรณ์ของ
การให้ผลกรรมนั้นๆ

ยกตัวอย่างเช่น นายจุณฑะ ที่เป็นคนนำ สุกรมัทวะ มาถวาย จนพระพุทธองค์
ต้องยาพิษ จนเป็นเหตุให้ กสิณไฟแตก!!!(ด้วย อนัตตาธรรม) ดับขันธ์ ปรินิพพาน


สรุปนะ พุทธบริษัทที่มีสัมมาทิฏฐิถูกต้อง เป็นไปไม่ได้ จะกล่าวเรื่อง
ไปในทำนองแบบจิตมี กามวิตก(อยากอยู่อย่างไร้อุปสรรค)
พยาบาทวิตก(กลัวการประทุษร้าย) วิหิงสาวิตก(กลัวการเบียดเบียน)




ปล. ในทาง วิทยาศาตร์ "ธาตุไฟ" ของ เซลล์ จะเรียกว่า " ไมโตรคอนเดรีย "
เวลาที่ ไมโตรคอนเดรีย เกิดการทำงานที่เรียกว่า เชอรโนบิวเอฟเฟค การระเบิด
พร้อมกัน และ จะส่งต่อการระเบิด เป็น ปฏิกริยาลูกโซ่ ภายใน วินาที ระเบิดหมดทั้ง
ร่างกาย ก็ได้ ลุกเป็นไฟท่วมกายเลยก็ได้ ....หรือ แค่ ค่อยๆ ระเบิดก็ได้ โดยจะมี
ออกซิเจน เป็น ปัจจัย พูดง่ายๆ กสิณไฟแตก และ ถ้ายิ่งหายใจ ก็จะ ตายในไม่ช้า
กระบวนการ ยับยั้งการแตกสลายของขันธ์ ในขั้นนี้ จึงอยู่ที่ การหายใจแต่น้อยๆ
(คนมีกำลังฌาณ จะหายใจผ่านขุมขน นิดเดียวพอ )

 

ถ้าคุง ยอ สตรอย เข้าใจ โน้มใจมาหา " ศาสดาเอกของโลก " หนึ่งไม่มีสอง

การที่ คุณยอ สตรอย สรรเสริญ " ธรรมรักษาผู้ประพฤติธรรม " เนี่ยะ
จะต้อง ตรึกให้ถูกส่วน มันถึงจะเข้าใจ .........

พอเข้าใจ ว่า อริยสัจจ พุทธบริษัท ที่มี สัมมาทิฏฐิที่ถูกต้อง เพราะ หมั่นสดับ
ธรรมเนืองๆ ธรรมจึงทรงไว้ในจิต เพื่อการเพ่งพิสูจน์ได้ ยกสิกขาได้ ....

พอเข้าใจ .....แล้ว คุง ยอสตรอย มีจิต แฉลบไปทาง "แช่ง" จะเบากายสบายใจ
ไม่เกิด ปริวิตก .......เพราะ เป็น อฐานะที่จะเป็นไปได้ ที่การ แช่ง จะมีผล....
หากผลมันจะปรากฏ ก็เพราะ เวรกรรมเขามี......และ แม้นกระนั้น การที่เขา
ได้รับวิบากผล โดยมีเราเป็น ปัจจัย จัดว่า เป็น มหากุศล .....เพราะ พุทธบริษัท
ท่านนั้นๆ จะอาศัย จังหวะของทุกข เพื่อ งานภาวนา ถวายเป็นพุทธบูชา สุดยอดบูชา !!!



พระพุทธองค์ จึงตรัส กถาในพระสูตรหนึ่ง สั้นๆว่า

" พุทธบริษัทของพระพุทธองค์ ไม่ใช่เต็มไปด้วยทุกข์ และ โทมนัส
แต่เต็มไป สุข และ โสมนัส แต่ส่วนเดียว "
( จำได้แบบนี้ แต่เดี๋ยวขอหา พระสูตรแท้ๆ ก่อน แต่ ภาษาแปล อาจจะ งง งวย นะ )


เน้นนะว่า เต็มไปด้วย สุข และ โสมนัส แต่ส่วนเดียว ....จิตจะร่าเริง อาจหาญมาก
เวลา เห็นทุกข ชัดๆ !!! [ เพราะจิตที่ พิจารณาอยู่ จะแสดงตัวให้เห็นว่า จิตสมาทานสิกขาได้ด้วยจิตเอง พ้นเจตนา พ้นการบีบบังคับของ มารทั้ง5ได้แค่ไหน ]

 

ถูกต้องแล้ว การสาปแช่งนั้นเป็นแค่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุจริงๆก็คือกรรมของบุคคลนั้น ตามพุทธดำรัสว่า ยาพิษย่อมไม่ซึมเข้าสู่ฝ่ามือของผู้ไม่มีบาดแผลฉันใด วิบากกรรมย่อมไม่ส่งผลต่อผู้ไม่ทำกรรมฉันนั้น
ดังนั้น คำสาปแช่งใดๆจะสัมฤทธิ์ผลได้ ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นมีวิบากกรรมที่สอดคล้องกับคำสาปแช่งนั้นนั่นเอง