สาเหตุของไข้หวัดนกและวิธีป้องกันรักษา
โดยคุณจีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ
องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคและสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายล้วนมีพื้นฐานมาจากอุบายวิปัสสนาทั้งสิ้น พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ประยุกต์วิธีการของการเจริญสติและการหมุนธรรมจักรให้เป็นการกระตุ้นเซลล์เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย, การระบายของเสีย และการจัดเรียงโมเลกุลใหม่
เมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2534 จนถึงปีพ.ศ.2542 เป็นช่วงเวลาที่โรคเอดส์ได้แพร่ระบาดอย่างรุนแรง วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์กำลังถึงทางตัน ไม่มียารักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จึงได้มีโอกาสเข้ามาช่วยเหลือสังคมด้วยการนำหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ วัดดอยเกิ้งจึงเป็นวัดที่สังคมรับรู้กันดีว่าเป็นวัดที่สอนวิธีบำบัดให้แก่ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV หลังจากนั้นกองควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ให้เงินช่วยเหลือแก่วัดดอยเกิ้งเป็นเวลา 8 ปี ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ได้เรียนรู้การใช้พลังจิตของตนเองเพื่อสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้เป็นปกติหรือเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้อย่างคนปกติ ไม่เสียชีวิตด้วยเชื้อไวรัส HIV
ปัจจุบันนี้มนุษย์กำลังตื่นกลัวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส H5N1 หรือที่เรียกกันว่า "ไข้หวัดนก" เป็นผลทำให้สัตว์เลี้ยง เช่น ไก่ เป็ด หมู ฯลฯ ถูกฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์กำลังจะถึงทางตันอีกครั้งหรือไม่ แทบทุกคนต่างมีคำถามที่คล้ายๆกันคือ ไก่ เป็ด หมู ฯลฯ เป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดเชื้อ ไข้หวัดนกไปสู่สัตว์ชนิดอื่นๆ ตลอดจนมนุษย์ได้หรือไม่
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ใช้พลังจิตศึกษาถึงเหตุและผลของการเกิดและวิธีแก้ไข "ไข้หวัดนก" มาตั้งแต่ต้นปีพ.ศ. 2547 ดังนั้นจึงอยากเสนอความรู้ที่รู้ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ทางจิตให้เป็นข้อเปรียบเทียบและเป็นทางเลือกของสุขภาพแก่สังคม พลังงานบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับองค์ความรู้ เป็นพลังงานที่ละเอียดไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ แต่สามารถสัมผัสได้ด้วย "จิต" การพิสูจน์องค์ความรู้สามารถทำได้โดยการนำผู้ป่วยมาฝึกทดลองปฏิบัติรักษากันจริงและใช้วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เข้ามาตรวจเช็คร่างกายผู้ป่วยภายหลังการทดลอง 3 วัน 7 วัน
พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณให้ความรู้ไว้ว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดนก ไม่ใช่สาเหตุเบื้องต้นของการเสียชีวิตของไก่ เป็ด หมู ฯลฯ ตลอดจนมนุษย์แต่อย่างใด แต่สาเหตุสำคัญเกิดมาจากก๊าซพิษสีเขียวตองอ่อน ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่เกิดมาจากควันน้ำมันที่ลอยปกคลุมอยู่ทั่วทั้งชั้นบรรยากาศ ก๊าซพิษได้ไหลซึมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์และสัตว์อยู่ตลอดเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และก๊าซพิษนี้มีโทษทำลายเซลล์ ฉะนั้นเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่อ่อนกว่า เช่น ปอด หัวใจ ตับ จะถูกทำลายก่อนเป็นลำดับแรก และเมื่อถูกทำลายมากขึ้นๆเซลล์เหล่านั้นจะเกิดการเน่าตามมาในลำดับต่อไป เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อโรคที่เป็นเชื้อไวรัส (ไข้หวัดนก, ไข้หวัดใหญ่) หรือเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆอีกใน ภายหลัง จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดหนักมากขึ้นและเสียชีวิต เนื่องจากอวัยวะหลักที่สำคัญของร่างกายเช่น ปอด หัวใจ ตับ ได้ถูกก๊าซพิษสีเขียวตองอ่อนที่เกิดจากควันน้ำมันทำลายเซลล์จนเน่า ไม่สามารถรักษาเยียวยาได้อีก และเมื่อตรวจพบเชื้อโรคไม่ว่าชนิดใดๆในร่างกายของผู้ป่วย ทำให้เข้าใจผิดว่าผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่บ้าง เชื้อไวรัสไข้หวัดนกบ้าง ฯลฯ ทั้งๆที่ไก่ เป็ด หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆทุกชนิดไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคร้ายเลย เพียงแต่สัตว์เลี้ยงเหล่านั้นมีภูมิต้านทานร่างกายที่ต่ำกว่ามนุษย์ จึงต้องเสียชีวิตจากการทำลายของก๊าซพิษสีเขียวตองอ่อนไปก่อนมนุษย์
วิธีป้องกันและรักษาผู้ป่วย
ก๊าซพิษสีเขียวตองอ่อนที่เกิดขึ้นไม่สามารถทำลายได้ด้วยวิธีใดๆทั้งสิ้น นอกจากหยุดการใช้พลังงานน้ำมัน การกระตุ้นเซลล์และการเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย จึงเป็นทางเลือกที่สำคัญที่สุดในขณะนี้การป้องกันและรักษาผู้ป่วยทำได้โดยการใช้พลังจิต, พลังงานจากธรรมชาติ และพลังพีระมิด พลังจิต คือ ความรู้สึก หรือความต้องการอยากหายจากโรคร้ายที่ผู้ป่วยกำลังเป็นอยู่
พลังงานจากธรรมชาติที่จะนำมาใช้มี 2 ชนิด ชนิดที่ 1 เรียกว่า "แสงกลางวัน" เป็นพลังงานที่ธรรมชาติ ให้แก่มนุษย์และสัตว์อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อเป็นภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในปัจจุบันนี้ "แสงกลางวัน" ไม่สามารถไหลแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์และสัตว์ได้ตามปกติ เนื่องมาจากสภาพบรรยากาศชั้นโอโซนโหว่ จึงจำเป็นต้องใช้พลังจิตนึกดึงนำพลังงานที่สำคัญนี้เข้าสู่ร่างกายโดยอาศัยการจินตนาการนึกถึงความสว่างที่มีอยู่รอบๆตัวเรา เป็นความสว่างที่มีอยู่ในบรรยากาศทั้งกลางวันและกลางคืนที่สำคัญที่สุดคือแสงกลางวันนี้ไม่ใช่แสงของดวงอาทิตย์ ดังนั้นในขณะที่กำลังฝึก ห้ามนึกถึงดวงอาทิตย์ พลังงานอีกชนิดหนึ่งคือพลังกระแสลมปราณ ซึ่งเป็นพลังงานเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย และพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้ใช้พลังจิตเชื่อมโยงพลังกระแสลมปราณเข้าสู่ก้อนสามเหลี่ยมพีระมิดทุกก้อนที่ท่านใช้เป็นอุปกรณ์ของการฝึกเรียบร้อยแล้ว
พลังพีระมิด เป็นพลังงานที่ได้ประโยชน์จากการหักเหของรูปทรงสามเหลี่ยมพีระมิด เพราะรูปทรงสามเหลี่ยมพีระมิดไม่มีศูนย์กลางของนิวเคลียส จึงทำให้ความเจ็บปวดและของเสียถูกผลักดันออกมา ไม่ตกค้างอยู่ภายในร่างกาย ประกอบกับก้อนพีระมิดของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ทำขึ้นมาจากวัตถุธาตุที่เรียกว่า แร่มโนธาตุ จึงช่วยให้ผู้ป่วยคลายจากอาการเจ็บปวด อักเสบ มีไข้สูง ฯลฯ ได้รวดเร็วขึ้น และให้สังเกตว่าก้อนพีระมิดถูกเจาะเป็นรูไว้ 1 รู
วิธีฝึกเพื่อการกระตุ้นเซลล์
1. วางก้อนพีระมิดลงบนมือหรือใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับไว้ที่ฐานของก้อนพีระมิด จะวางมือลงบน ตัก บนหน้าอก หรือท้องตามความสะดวก ขอเพียงแต่ให้ก้อนพีระมิดได้สัมผัสกับร่างกายโดยตรง ไม่มีฉนวนเช่น เสื้อผ้ากั้นอยู่ และหันด้านที่มีรูเจาะเข้าหาลำตัว
2. นึกความรู้สึก (จิต) ส่งไปให้ถึงหรือชนรูเจาะที่ก้อนพีระมิดเป็นจังหวะๆ พร้อมทั้งนับตัวเลข 1-2-3- 100 (การนับตัวเลขเป็นการป้องกันไม่ให้จิตฟุ้งซ่านส่งความรู้สึกออกไปหาสิ่งอื่นๆ) ในระหว่างฝึก ผู้ป่วยอาจจะ รู้สึกเจ็บปวดตามร่างกาย โดยเฉพาะที่ปอดและหัวใจ หรือความร้อนภายในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ฉะนั้นความรู้สึก (จิต) ของผู้ฝึก ผู้ป่วยในขณะนั้นต้องตั้งมั่นอยู่กับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ไม่หันมาสนใจอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกาย พลังงานที่เกิดขึ้นจากการชนของพลังจิตกับแร่มโนธาตุ (พีระมิด) จะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปกระตุ้นฟื้นฟูปอด หัวใจ ฯลฯ ให้ทำงานดีขึ้นตามลำดับจนกระทั่งหายเป็นปกติ ผู้ป่วยควรได้ฝึกอย่างน้อยวันละ 4-5 ครั้ง แต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 20 นาที (ผู้ป่วยหนักสามารถนอนฝึกได้) ถ้ามีเสมหะ น้ำลายให้บ้วนทิ้งลงในถุงพลาสติกและ ทิ้งให้ถูกสุขลักษณะ
วิธีฝึกเพื่อดูดของเสียออกจากร่างกาย
1. วางก้อนพีระมิด (เหมือนวิธีฝึกเพื่อการกระตุ้นเซลล์) แต่ในครั้งนี้ให้หันด้านที่มีรูเจาะออกไปด้าน นอกลำตัว
2. นึกความรู้สึก (จิต) ส่งไปให้ถึงหรือชนรูเจาะที่ก้อนพีระมิดเป็นจังหวะ (เหมือนวิธีฝึกเพื่อการกระตุ้น เซลล์) แต่ในครั้งนี้พลังจิตและพลังแร่มโนธาตุ (พีระมิด) จะช่วยคลายความเจ็บปวด เสมหะ น้ำลาย เลือดเสีย จะถูกขับออกมา ให้บ้วนทิ้ง (รวมทั้งปัสสาวะ อุจจาระ)
วิธีฝึกเพื่อช่วยเหลือตนเองเมื่อรู้สึกตัวตื่น นอนไม่หลับหรือรู้สึกหายใจอึดอัดในเวลากลางดึก
ในเวลาหลังเที่ยงคืน ในช่วงระหว่างเวลาประมาณ 01.00-05.00 น. (06.00น.) จะเป็นช่วงเวลาที่ชั้นบรรยากาศกดทับลงมาหนาแน่นมากที่สุด ทำให้มลภาวะและของเสียจากชั้นบรรยากาศทุกชนิด รวมทั้งก๊าซพิษ สีเขียวตองอ่อน ไหลแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายมนุษย์และสัตว์มากที่สุด และทำให้ผู้ที่มีภูมิต้านทานร่างกายสูงรู้สึกตัวตื่นขึ้นบ่อยครั้งหรือนอนหลับได้ยาก และผู้ที่มีภูมิต้านทานร่างกายต่ำจะรู้สึกหายใจอึดอัด แน่นหน้าอก อาจจะถึงกับเสียชีวิตเพราะไม่สามารถแก้ไขได้ทันการณ์ เช่นเดียวกับไก่ ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีภูมิต้านทานต่ำ จึงเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ
วิธีฝึก
1. วางก้อนพีระมิดให้สัมผัสกับร่างกายตามความสะดวก โดยหันด้านที่มีรูเจาะออกไปนอกลำตัว
2. ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย จินตนาการนึก "แสงกลางวัน" (อ่านลักษณะของแสงกลางวัน) เข้าไปในรูเจาะให้ทะลุ ผ่านก้อนพีระมิดเข้าสู่ร่างกาย นึกทำช้าๆอย่างต่อเนื่อง (ไม่ต้องนับตัวเลข) ให้แสงกลางวันคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะปอด หัวใจ ตับ เมื่อทำไปสักระยะหนึ่งจะนอนหลับได้ หรือถ้าไม่หลับก็ไม่ควรวิตกหรือบังคับให้หลับ (ชั้นบรรยากาศที่กดทับลงมาจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น) พีระมิดเพียง 1 ก้อนและเรียนรู้การใช้พลังจิตตามวิธีการที่แนะนำให้สามารถทำได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกอิริยาบถ สามารถช่วยให้ชีวิตปลอดภัยจากก๊าซพิษสีเขียวตองอ่อนที่เกิดจากควันน้ำมันได้ ผู้ที่สนใจสามารถขอรับก้อนพีระมิด 1 ก้อน พร้อมคำแนะนำวิธีฝึกปฏิบัติได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยการส่งจดหมายพร้อมทั้งแนบซองจดหมายจ่าหน้าถึงตัวท่านเองและติดแสตมป์มูลค่า 5 บาท มาที่ศูนย์ฝึกอบรมสวนบูรณะรักษ์ธรรม ต.บ้านป่าม่วง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 50180 หรือที่ คุณจีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ 34/352 ถนน โชคชัย 4 ซอย 36 เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230
อนึ่ง สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการทรุดหนักหรืออยู่ในสภาพที่ไม่รู้สึกตัว สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้พลังพีระมิดชุด 11 ก้อน เพื่อควบคุมคลื่นพลังงาน, สภาพของบรรยากาศและเพิ่มพลังกระแสลมปราณเข้าสู่ร่างกาย จนกระทั่งผู้ป่วยรู้สึกตัวและสามารถฝึกเรียนรู้การใช้พลังจิตช่วยรักษาตนเองในโอกาสต่อไป ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สวนบูรณะรักษ์ธรรม ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ 053-861267 หรือ คุณจีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ 0-2538-2341
คัดลอกมาจาก http://www.geocities.com/healthmeditation/update/bird.htm