1. ชื่อ เพกา
2. ชื่ออื่น ลิ้นฟ้า ลิ้นไม้ ลิ้นช้าง มะลดไม้ มะลิ้นไม้ ลิดไม้ หมากลิ้นฟ้า บักลิ้นฟ้า บักลิ้นงู หมากลิ้นก้าง กาโด้โด้ง ดอกะ ด๊อกกะ ดุแก เบโก
3. ชื่อวิทยาศาสตร์ Oroxylum indicum Vent.
4. วงศ์ BIGNONIACEAE
5. ชื่อสามัญ Indian Trumpet Flower
6. แหล่งที่พบ พบทั่วไปทุกภาค
7. ประเภทไม้ ไม้ยืนต้น
8. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น ไม้ยืนต้นสูงประมาณ 3-20เมตร แตกกิ่งก้านน้อยกิ่งเปราะหักง่าย เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีเทา บางครั้งพบแตกเป็นร่องตื้นเพียงเล็กน้อย มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่เกิดจาก
รอยร่วงหล่นของใบ ลำต้นและกิ่งก้านมีรูระบายอากาศ (lenticel) อยู่กระจัดกระจายทั่วไป
ใบ ประกอบแบบขนนก 3 ชั้น ใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ใบเรียงตรงข้างชิดกันเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง ก้านใบยาว 30-200 ซม.
ใบย่อยรูปไข่หรือรูปไข่แกมวงรี กว้าง 4-8 ซม. ยาว 6-12 ซม. โคนใบสอบกลมหรือรูปไตมักเบี้ยว ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม แผ่นใบสีเขียวเข้ม ก้านใบย่อยยาว
ดอก ดอกช่อแบบ rapsule ออกที่ปลายยอดมีขนาดใหญ่ ก้านช่อดอกยาว 50-150 ซม. มีดอกย่อย 20-35 ดอก กลีบดอกสีนวลแกมเขียว โคนกลีบเป็นหลอดสีม่วง
แดงหนาย่น บานกลางคืนร่วงตอนเช้า
ผล ผลแบบ capsule มีลักษณะเป็นฝักแบนยาวคล้ายรูปดาบห้อยลง (pendulous) อยู่เหนือเรือนยอดฝัก ฝักกว้างประมาณ 5-6 ซม. ยาวประมาณ 60-120 ซม.
ภายในฝักมีเมล็ดจำนวนมาก รูปร่างแบนบาง มีปีกที่บางใสหรือมีเยื่อบางๆ อยู่ล้อมรอบ เมล็ดกว้างประมาณ 4-6 ซม. ยาวประมาณ 7-10 ซม. ไม่มี endosperm
9. ส่วนที่ใช้บริโภค ฝักอ่อน ดอกอ่อน ยอดอ่อน
10. การขยายพันธุ์ เมล็ด
11. สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด โดยเฉพาะดินร่วนมีการระบายน้ำดี
12. ฤดูกาลที่ใช้ประโยชน์ ฝัก (ทุกฤดู) ดอกอ่อน เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม
13. คุณค่าทางอาหาร คุณค่าทางอาหารในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม ประกอบด้วย
Cal | Moist ure | Protein | Fat | CHO | Fibre | Ash . | Ca | P | Feย | A.I.U | B1ย | B2 | Niacin | C | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Unit | % | Gm. | Gm. | Gm. | Gm. | Gm | mg. | mg. | mg. | mg. | mg. | mg. | mg. | ||
ฝักอ่อน | - | - | 0.23 | 0.51 | 14.3 | 4.3 | - | 13 | 4 | - | 8221 | - | - | - | 484 |
14. การปรุงอาหาร ดอกอ่อน นำมาลวกหรือต้มให้สุกรับประทานเป็นผักร่วมกับน้ำพริก ยอดอ่อน รับประทาน เป็นผักสด ฝักอ่อน มีรสขมใช้วิธีเผาไฟให้สุกเพื่อลดรสขม
โดยการเผาไฟให้ผิวนอกไหม้เกรียม และขูดผิวที่ไหม้ไฟออก นำไปรับประทานเป็นผักร่วมกับน้ำพริก ลาบ ก้อย ยำ หรือนำไปหั่น เป็นฝอยตามขวางเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วคั้นน้ำทิ้ง
หลายๆ ครั้งนำไปปรุงอาหารได้ เช่น แกง ผัด ยำ
15. ลักษณะพิเศษ ฝักเพกา มีรสขมอมหวาน สรรพคุณช่วยขับผายลม ขับเสมหะ
16. ข้อควรระวัง กินมากเกินไปอาจเกิดต้อเนื้อ
17. เอกสารอ้างอิง
คณะอนุกรรมการประสานงานวิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้และไม้โตเร็วอเนกประสงค์. 2540. ไม้อเนกประสงค์ กินได้ 486 หน้า.
เต็ม สมิตินันทน์. 2523. ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (ชื่อพฤกษศาสตร์-ชื่อพื้นเมือง). กรมป่าไม้ 379 หน้า.
วัชรี ประชาศรัยสรเดช. 2542. ผักพื้นเมือง เหนือ อีสาน ใต้. 81 หน้า.
สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2542. ผักพื้นบ้านภาคกลาง 279 หน้า.
สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2542. ผักพื้นบ้านภาคเหนือ 280 หน้า.
สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2542. ผักพื้นบ้านภาคอีสาน 302 หน้า.
สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรสกลนคร สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล กระทรวงศึกษาธิการ. ผลการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการผักพื้นบ้านอาหารธรรมชาติอีสาน ครั้งที่ 2. 177 หน้า.
สำนักงานคณะกรรมการการสาธารณสุขมูลฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2538. ผักพื้นบ้าน : ความหมายและภูมิปัญญาของสามัญชนไทย 261 หน้า.
ที่มา