การถนอมอาหารโดยวิธีตากแห้ง เป็นกระบวนการลดน้ำ หนักของอาหารทำให้อาหารมีน้ำหนักเบาขึ้น โดยใช้ตัวกลางทำหน้าที่ถ่ายเท ความร้อนจากบรรยากาศไปสู่อาหารที่มีความชื้นอยู่โดยวิธีใดวิธีหนึ่ง แล้วรับ ความชื้นจากอาหารระเหยไปสู่บรรยากาศภายนอกอาหาร ทำให้อาหารมี ความชื้นลดลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดแห้งเป็นอาหารแห้ง โดยทั่ว ๆ ไปอากาศ จะมีบทบาทสำคัญ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อนและความ ชื้นดังกล่าว หลักเกณฑ์การถนอมอาหารตากแห้งคือ จะต้องลด ยับยั้ง และป้องกันปฏิกิริยาทางเคมีทั้งหลายและการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ทุกชนิด เพื่อให้ได้อาหารตากแห้งที่เก็บได้นาน ไม่บูดเน่าเพราะการเจริญเติบโตของ จุลินทรีย์ หรือไม่มีสารเคมีตกค้างเนื่องจากปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างกรรมวิธี เตรียมการผลิต หรือระหว่างการเก็บ เช่น ผักหรือผลไม้ต้องลวกน้ำร้อนก่อน นำไปตากแห้ง เพื่อหยุดปฏิกิริยาเอนไซม์และลดปริมาณแบคทีเรียที่มีอยู่ เป็นต้น อาหารตากแห้งทำได้สองวิธีด้วยกันคือ
วิธีนี้เป็นวิธีที่เก่าแก่ที่สุด ทำกันมาตั้งแต่ สมัยโบราณและยังคงทำกันอยู่ จนถึงปัจจุบัน เพราะว่าวิธีนี้เสียค่าใช้จ่ายน้อย ใช้อุปกรณ์น้อย และกรรมวิธีตากแห้งก็ง่าย จึงยังคง เป็นวิธีที่เหมาะสม สำหรับอุตสาหกรรมในครัวเรือนซึ่งปัจจุบันมีเตาอบพลังแสงอาทิตย์ ที่สะดวกและปลอดภัยจากการไต่ตอมของแมลงขณะตาก ด้วยตู้อบแสงอาทิตย์ใช้ในครัวเรือน มาตราส่วน 1:20
เครื่องมือที่ใช้ในการตากแห้ง ชนิดต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะใช้หลักการนำและการพาความร้อนในการตากแห้ง เช่น
คุณค่าทางอาหารของอาหารตากแห้งจะสูญเสียไปในระหว่างการ ตากแห้งบ้าง เช่น เนื้อตากแห้ง จะมีวิตามินน้อยกว่าเนื้อสดเล็กน้อย ส่วน โปรตีนนั้นขึ้นอยู่กับวิธีตากแห้ง
อาหารตากแห้งมีน้ำหนักเบากว่าน้ำหนักอาหารสด ง่ายต่อการ ขนส่ง และอายุการเก็บนานขึ้น เพราะอาหารตากแห้งมีสารอาหารที่เข้มข้น ขึ้น ความชื้นต่ำกว่าอาหารสด อาหารตากแห้งแต่ละชนิดจะมีความชื้นจำกัด อยู่ในขอบเขต เช่น ผลไม้แห้งมีความชื้นร้อยละ 4 และเนื้อตากแห้งมีความ ชื้นอยู่ร้อยละ 4 เป็นต้น อาหารตากแห้งที่มีคุณภาพดีจะไม่มีราขึ้นบนผิวอาหาร ไม่มีน้ำตาล เกาะอาหาร เวลาคืนรูปเป็นอาหารสดใช้เวลาคืนรูปภายใน 20 นาที มีอัตรา ส่วนของความหวานต่อความเป็นกรดหรือที่เรียกว่าความอร่อยอยู่ในเกณฑ์ ที่กำหนดของมาตรฐานอาหารตากแห้งแต่ละชนิด ไม่มีปริมาณซัลเฟอร์ได-ออกไซด์หรือสารกันหืนเกินกว่าที่อนุญาตไว้ในกฎหมายอาหาร และต้องเป็น อาหารแห้งที่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคด้วย
การถนอมอาหารตากแห้งต้องคำนึงถึงภาชนะที่ใช้เก็บรักษา อาหารแห้ง ซึ่งต้องเป็นภาชนะปิดสนิท เก็บไว้ในที่ไม่อับชื้น แต่เป็นที่เย็น เพื่อยืดอายุการเก็บ
ส่วนผสม
1.กล้วยน้ำว้าสุก 3 หวี 2.เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ 3.น้ำ 10 ถ้วย
วิธีทำ
1. ตัดกล้วยออกจากหวีเป็นลูก ตัดหัวตัดท้าย ปอกเปลือกล้วย ดึงเสันใยที่ลูกออก วางเรียงบนตะแกรง ตากแดดประมาณ 6-7 วัน
2. เมื่อตากกล้วยจนครบ 5 วันแล้ว ทำน้ำเกลือ โดยใส่เกลือกับน้ำลงในหม้อเคลือบ ตั้งไฟกลางให้เดือด และเกลือละลาย ยกลง ทิ้งไว้ให้อุ่น
3. นำกล้วยที่ตากมาคลึงให้แบน โดยวางกล้วยบนใบตองแล้ววางใบตองทับข้างบน ใช้มีัดกดเบา ๆ คลึงด้วยขวด จนกล้วยแบน ทำจนหมด แล้วล้างกล้วยด้วยน้ำเกลือที่ต้ม เรียงบนตะแกรง นำไปตากแดดอีกครั้งจนครบ 7 วัน หมั่นคอยกลับให้กล้วยแห้งทั้ง 2 ด้าน
4. เรียงกล้วยที่ตากลงในภาชนะที่มีฝาปิด ค้างไว้ 1 คืน กล้วยจะมีน้ำตาลซึมออกมา ทำให้กล้วยเป็นเงางามไม่แห้ง
***หมายเหตุ***
การตากกล้วย ถ้ายังไม่แห้งให้เก็บใส่ถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้แน่นเพื่อไม่ให้กล้วยดำ และเพื่อไม่ให้แมลงตอม พอวันรุ่งขึ้น
จึงเรียงกล้วยนำไปตากอีกจนครบ 5 วัน แรก ในขณะตากกล้วย ต้องคอยกลับกล้วยให้ถูกแดดทั่วถึง
การบ่มกล้วยก่อนตาก ถ้าใช้กล้วยสุกงอมจากต้น กล้วยจะมีสีไม่สวย จะมีสีเข้มคล้ำ ถ้าใช้กล้วยที่บุมสุก ตากแบบเดียวกัน
สีจะสวยกว่า โดยใช้กล้วยที่แก่จัด มาวางเรียงบนใบตอง แล้ววางใบตองปิดทับข้างบน ปิดด้วยกระสอบอีกครั้ง บ่มให้สุก
ส่วนผสม
1.ข้าวสวยตากแห้ง 10 ถ้วย 2.น้ำตาลมะำพร้าว หรือน้ำตาลปี๊บ 500 กรัม 3.มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม 4.น้ำ 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. นำข้าวสวยที่ตากแห้งมาคั่วให้เหลืองกรอบและหอม บดให้ละเอียด ตวงให้ได้ 4 ถ้วย
2. ใส่น้ำกับน้ำตาลในกระทะทอง ตั้งไฟกลางให้เดือด พอน้ำตาลละลายยกลง กรองด้วยผ้าขาวบาง ตั้งไฟอีกครั้ง ใส่มะพร้าวขูดลงกวนจนเหนียว ยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น
3. ค่อย ๆ ใส่ข้าวคั่วลงคลุกเคล้าให้เข้ากันจนปั้นได้ เมื่อข้าวคั่วถูกน้ำตาลจะพอง อมน้ำตาลและนิ่ม
4. ปั้นเป็นรูปใข่ หรือจะอัดใส่พิมพ์ที่มีอยู่ แล้วค่อย ๆ เคาะออกก็ได้ ให้ทำจนหมด
5. อบด้วยควันเทียน เก็บใส่ขวดโหล ปิดฝาให้สนิท
ส่วนผสม
1.ปลาช่อน 4 ตัว 2.เกลือป่น 1 ถ้วย
วิธีทำ
1. ขอดเกล็ดปลา ตัดหัว ควักใส้ทิ้ง แล่เอาครีบหลังออกแล้วแบะตัวปลาออก ใช้มีดกรีดตัวปลาตามยาว
2. ทาเกลือด้านเนื้อปลาให้ทั่ว ขยำปลาเบา ๆ เพื่อให้เกลือซึมทั่วตัวปลา หมักไว้ 1 คืน
3. ล้างปลาให้สะอาด นำไปเรียงบนตะแกรงให้ห่างกันพอประมาณ ตากแดดจนปลาแห้ง หมั่นกลับปลาจนแห้งทั้งสองด้าน
ส่วนผสม
1.ปลาสลิด 1 กิโลกรัม 2.เกลือป่น 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
1. ขอดเกล็ดปลา ตัดหัว ควักใส้ออก ถ้ามีไข่ก็เอาออก ล้างให้สะอาด
2. เคล้าปลากับเกลือให้ทั่ว หมักไว้ 1 คืน
3. ล้างปลาให้สะอาด เรียงบนตะแกรง นำไปตากแดดให้แห้งทั้ง 2 ด้าน
***หมายเหตุ***
เวลาผึ่งแดดให้รีดครีบ รีดหางให้แผ่ออก
ส่วนผสม
1.หมูสันใน 1 กิโลกรัม 2.น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ 3.เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ 4.น้ำปลา 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ หรือหั่นเป็นเส้น
2. เคล้าเนื้อหมูกับเกลือ น้ำปลา น้ำตาลให้ทั่ว หมักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง
3. เรียงเนื้อหมูลงในถาด ทิ้งไว้พอหมาด นำมาเรียงบนตะแกรง ผึ่งแดดจัด ๆ สัก 1 แดดพอแห้งทั้ง 2 ด้าน
4. เมื่อจะรับประทาน นำหมูเค็มมาทอดในน้ำมันร้อน ๆ ไฟกลาง ให้สุกหอม ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
***หมายเหตุ***
การตากหมูควรจะตากในถาดก่อนเพื่อไม่ให้น้ำเลือดในเนื้อหมูออกหมด เนื้อหมูจะหวานด้วยน้ำเลือดที่เหลืออยู่
ส่วนผสม
1. เนื้อวัว 1 ก.ก 2. เกลือป่น 1 1/2 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง 4. ลูกผักชี 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ล้างเนื้อให้สะอาด แล่เป็นชิ้นบางมาก ๆ พักไว้
2. คั่วลูกผักชีพอเหลือง แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งป่นให้ละเอียด อีกส่วนบุบพอแตก เคล้ากับเนื้อให้ทั่ว ใส่น้ำตาลทราย เกลือ คนให้เข้ากัน หมักไว้ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
3. หมักเนื้อได้ที่แล้ว แผ่บนตะแกรงตาถึ่ ๆ ผึ่งแดด พอหมาดจึงกลับอีกด้าน ผึ่งจนแห้ง จัดเป็นชิ้นตามความต้องการ
4. ทอดในน้ำมันสุก ใส่ภาชนะปิดฝาให้สนิท
ส่วนผสม
1. เนื้อวัว 1 กก. 2. ดินประสิว 2 กรัม 3. น้ำตาลทรายขาว 120 กรัม 4. ลูกผักชีป่น 6 กรัม 5. อบเชยป่น 1 กรัม 6. น้ำปลา 60 กรัม
วิธีทำ
1. แล่เนื้อวัวเป็นแผ่นบาง ๆ ขนาด 5-6 นิ้ว
2. เคล้าส่วนผสมทั้งหมดด้วยกัน หมักนาน 30 นาที
3. นำเนื้อที่คลี่เป็นแผ่นตากแดด หรืออบในตู้อบ อุณหภูมิ 50-60 องศาเซลเซียส จนแห้งพอควร
ส่วนผสม
1. เนื้อหมูติดมันเล็กน้อย 1 กก. 2. น้ำตาลทราย 150 กรัม 3. พริกไทยป่น 1 กรัม 4. ซีอิ้วขาวหรือน้ำปลาอย่างดี 130 กรัม 5. ผงพะโล้ 1 กรัม
วิธีทำ
1.เนื้อหมูหั่นบาง ๆ ชิ้นขนาด 4 นิ้วฟุต (แช่เนื้อหมูในช่องแช่แข็ง พอแข็งตัวจะหั่นได้ง่ายขึ้น)
2.คลุกหมูด้วยพริกไทย ผงพะโล้ น้ำตาลทรายและน้ำปลาหรือซีอิ้ว หมักไว้ 30 นาที
3.นำหมูไปตากบนตะแกรง หรืออบในตู้อบอุณหภูมิ 50-60 องศาเซลเซียส จนแห้งพอควร
ส่วนผสม
1. ข้าวสารข้าวกล้อง 5 ถ้วย 2. งาดำคั่ว 1 ถ้วย 3. น้ำตาลปี๊บ 3 1/2 ถ้วย 4. มะพร้าวทึนทึก 1 ลูก 5. เกลืือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ 6. น้ำ 5 ถ้วย
วิธีทำ
1. กะเทาะกะลามะพร้าวออก ฝานเนื้อมะพร้าวเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วซอยเป็นเส้นเล็ก
2. ซาวข้าวสารข้าวกล้องทิ้งน้ำ 1 ครั้ง แช่ทิ้งไว้ 1 คืน นำไปโม่กับน้ำให้หมดน้ำ และข้าวสาร ไม่ต้องทับน้ำ ตวงให้ได้ 5 ถ้วย
3. ผสมข้าวสารกล้องที่โม่กับน้ำตาล นวดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายหมด ใส่มะพร้าว งาดำ เกลือ คนให้เข้ากัน
4. นำไปละเลงให้เป็นแผ่นกลมในถาด ทิ้งไว้สักครู่ พอแห้งแซะออกจากถาด เรียงบนตะแกรง นำไปตากแดดจนแห้งสนิท เก็บใส่ขวดโหล ปิดฝาให้สนิท และหมั่นเอาออกตากแดด
5. เมื่อจะรับประทาน นำมาปิ้งไฟอ่อน ๆ จนสุกหอม
ส่วนผสม
1. ปลานิล 1 กิโลกรัม 2. เกลือ 3 ขีด
วิธีทำ 1. นำปลามาล้างน้ำให้สะอาด เอาเหงือกและไส้ออก ล้างน้ำให้สะอาด
2. นำปลาที่ได้มาแช่ในน้ำเกลือ โดยใช้เกลือท่วมบนตัวปลา
3. นำไปผึ่งแดดประมาร 2-3 วัน
***วิธีการเก็บรักษา***
บรรจุในถุงพลาสติกที่ปิดมิดชิดเพื่อกันแมลง
ปลาแผ่นสวรรค์ มีลักษณะกลิ่นและรสคล้ายเนื้อสวรรค์ แต่มีราคาถูกรับประทานเล่นๆ หรือท่านกับข้าวได้ดี
ส่วนผสม
1. เนื้อปลา 1 กิโลกรัม(ปลาที่ใช้ควรเป็นปลาที่มีเนื้อมากพอสมควร) 2. ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ 3. ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนชา 4. น้ำตาลทราย 1 ขีด 5. ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ 6. ยี่หร่า 1 ช้อนชา 7. พริกไทย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำปลามาล้างเมือกออกให้หมด ตัดหัวผ่าท้องเอาไส้ออกล้างเลือดให้หมด แล้วชำแหละเนื้อปลาเป็นชิ้นๆ ตามความยาวของตัวปลา
2. นำเนื้อปลาที่แล่ตามยาวมาตัดครึ่งแล้วใช้มีดคมๆ แล่เนื้อปลาตามยาวให้เป็นแผ่นบางๆ
3. ล้างเนื้อปลาด้วยน้ำเกลือความเข้มข้น 4% (เกลือ 4 กรัม/น้ำ 95 กรัม)นำขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
4. ชั่งส่วนผสมตามที่กำหนด เทส่วนผสมเคล้ากับเนื้อปลาจนเข้ากันดี หมักไว้ 20 นาที
5. นำปลาที่หมักไปเรียงบนแผงตากปลา และนำไปผึ่งแดดประมาณหนึ่งแดด ถ้าแดดดีหรือนำไปอบด้วยความร้อยที่อุณหภูมิ 55 - 60 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมง
***วิธีเก็บรักษา***
ควรเก็บไว้ในถุงพลาสติก
ปลาหยอง มีลักษณะ กลิ่น และรสคล้ายกับหมูหนองมาก แต่เนื่องจากทำด้วยเนื้อปลาจึงสามารถผลิตได้ในราคาที่ย่อมเยาและจำหน่ายได้ในราคาถูกกว่าหมูหยองมาก นอกจากนี้การทำให้แห้ดียังสามารถเก็บไว้ได้เป็นระยะเวลานาน ไม่มีกลิ่นหืนเช่นในกรณีของหมูหยอง ปลาหยองมีรสหวานเค็มใช้รับประทานเปล่าๆ หรือโรยข้าวและขนมปังก็ได้
วัตถุดิบ
ปลาที่ใช้ทำควรเลือกปลาที่มีเนื้อปลาเส้น เช่น ปลากระเบน จนเป็นปลาที่มีเนื้อสีขาวหรือแดงก็ได้ แต่ควรเป็นปลาที่มีคาคาถูกและมีอัตราส่วนของเนื้อปลามาก ปลาน้ำจืดบางชนิดก็ใช้ทำได้ปลาทะเลที่เคยทดลองใช้ทำมาแล้ว คือ ปลากระเบน ปลากะพง และปลาแดง
ส่วนผสม
1. เนื้อปลาที่นึ่งสุกแล้ว 1 กิโลกรัม 2. ซีอิ๊วขาว 6 ช้อนโต๊ะ 3. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ 4. น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ 5. น้ำ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. นำปลามาขอดเกล็ด ล้างเมือกออกให้หมด ตัวหัวผ่าท้องเอาไส้ออกล้างเลือดออกให้หมดชำแหละปลาเป็นชิ้นๆ จะมีก้างติดอยู่ก็ได้ ถ้าเป็นปลาเล็กนึ่งทั้งตัว
2. ล้างปลาด้วยน้ำเกลือ 4 % (น้ำ 1 ลิตร เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ นำขึ้นให้สะเด็ดน้ำ) จะช่วยกำจัดกลิ่นคาวของเนื้อปลา
3. นำเนื้อปลาที่ล้างน้ำเกลือแล้วมาต้มหรือนึ่งให้สุกซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที
4. แยกเนื้อปลาออกจากก้างและหนังให้ได้แต่เนื้อล้วนๆ
5. ชั่งส่วนผสมตามที่กำหนดใส่กระทะตั้งไฟคนให้ละลายเข้ากันดีเอาเนื้อปลาใส่ลงไปคนให้เข้ากัน แล้วยีต่อไปจนแห้งดีหรือนำเข้าตู้อบ อบให้แห้งประมาณ 1 - 1 ? ชั่วโมง โดยใช้ความร้อนเริ่มต้นประมาณ 50 องศาเซลเซียส ต่อจากนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 60-70 องศาเซลเซียส แล้วนำปลามายีให้ฟู ปลาแห้งดีมีลักษณะเป็นปลาหยอง
6. ทิ้งไวให้เย็นบรรจุในภาชนะที่กันความชื้นได้ เช่น ขวดหรือถุงพลาสติกปิดหรือผนึกให้สนิทจะเก็บไว้ได้นานพอสมควร ในระหว่างเก็บถ้าเห็นว่าปลาชื้นให้นำออกผึ่งแดดอีก ก็จะเก็บไว้ได้นานขึ้น
ส่วนผสม
1. แอปเปิ้ล 5 กิโลกรัม (ล้าง แล้วคว้านตรงกลางทิ้ง และตัดเป็นชิ้น ๆ ) 2. น้ำ 5 ถ้วย หรือ น้ำแอปเปิ้ล (apple cider)
วิธีทำ
1. เตรียมหม้อไว้ ปอกเปลือกแอปเปิ้ลหรือไม่ปลอกเปลือกก็ได้ ใส่ลงไปในหม้อตามด้วย น้ำหรือ น้ำแอปเปิ้ล ตามขนาดที่ระบุไว้ ต้มให้เดือด หลังจากเดือดแล้วให้หรี่ไฟ อ่อน ตั้งไฟอีกประมาณ 20 นาที หรือจนกระทั่ง แอปเปิ้ลนิ่ม
2. ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น หลังจากนั้นก็นำมาปั่นแบบ puree จนกระทั่ง smooth
- add Lemon juice 6 ช้อนโต๊ะ to - 4 cup (1 ลิตร) warm water ****ผสมให้เข้ากัน****
- ผสม Honey 1 ถ้วย กับ - น้ำตาล 1 ถ้วย และ - น้ำอีก 1 ถ้วย
ลงในหม้อเคลือบ คนให้ละลายเข้าด้วยกันด้วยไฟอ่อน ๆ จนน้ำตาลละลายดีแล้ว จากนั้นให้เร่งไฟแรง จนเดือด ประมาณ 1-2 นาที ยกลงจากเตา ทิ้งไว้ให้เย็น
----การอบแห้ง Pineapple (Dip in Honey) อบแห้งประมาณ 10-14 ชั่วโมง (or more) ----การอบแห้ง Apple (Dip in Acidulated water) อบแห้งประมาณ 6-8 ชั่วโมง (or more) ----การอบแห้ง Banana (Dip in Acidulated water) อบแห้งประมาณ 8-10 ชั่วโมง (or more) ----การอบแห้ง Pear (Dip in Acidulated water) อบแห้งประมาณ 12 ชั่วโมง (or more) ----การอบแห้ง Strawberry (Dip in Honey) อบแห้งประมาณ 8-10 ชั่วโมง (or more)
1. (Plum Tomato) chopped 1 กิโลกรัม 2. Pear chopped 750 กรัม 3. Apple chopped 250 กรัม 4. Lemon (มะนาวลูกสีเหลือง) chopped 1 ลูก 5. น้ำ 2 ถ้วย 6. น้ำตาลละเอียด (granulated) 7. พริกไทยดำป่น 1/2 ช้อนชา 8. เมล็ดผักชีป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ใส่ มะเขือเทศ ลูกแพร แอ๊ปเปิ้ล มะนาว น้ำ ลงในหม้อ เร่งไปให้เดือน สัก 1-2 นาที
2. ลดไฟลง (Simmer) ประมาณ 30 นาที หรือจนกว่า ผลไม้จะนุ่ม
3. หลังจากนั้น นำผลไม้ที่ได้ มาปั่นรวมแบบ Puree เสร็จแล้ว นำกลับไปลงหม้อเคี่ยวต่อ และเติมส่วนผสม น้ำผึ้ง หรือน้ำตาล 1 1/2 ถ้วย ต่อ ผลไม้ปั่นแบบ Puree 2 ถ้วย (ให้คำนวณดูว่า ถ้าปั่นผลไม้จนกลายเป็น Puree แล้ว จะผลิตได้กี่ถ้วย.... จากนั้นจึงใส่น้ำตาลตามปริมาณลงไป) เร่งไฟให้เดือด
4. หลังจากนั้นก็หรี่ไฟอ่อน ๆ (Simmer) ไว้ประมาณ 1- 1 1/2 ชั่วโมง จนกระทั่งส่วนผสมทั้งหมดเหนียวข้นได้ที่
5. เทลงในถาด ทิ้งไว้ให้เย็น จัด เป็นชิ้น ๆ หุ้มด้วยพสาสติก Wrap เก็บใส่ภาชนะ ปิดฝาให้มิดชิด
**** สามารถเก็บไว้ได้ประมาณ 2 ปี (ในตู้เย็น)
ส่วนผสม
1. มะม่วงสุก 2 กิโลกรัม 2. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ 3. น้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะ หรือ มากกว่านั้น ถ้าต้องการเพิ่มรสชาด
วิธีทำ
1. ปอกเปลือกมะม่วง ปั่นให้ละเอียด ใส่น้ำมะนาวและน้ำผึ้งลงไป คนให้เข้ากัน ชิมรสเปรี้ยวหรือหวานตามชอบ
2. เตรียมถาด เคลือบด้วยน้ำมันพืช (เคลือบบาง ๆ ให้ทั่ว..) หลังจากนั้น เทลงในถาดที่จะอบแห้ง
3. อบแห้งประมาณ 8-10 ชั่วโมง
4. ม้วนหรือ พับเก็บด้วยกระดาษ waxed เก็บไว้ในภาชนะ ปิดฝาให้สนิท
****เก็บไว้ได้ ประมาณ 2 ปี ในภาชนะที่ปิดมิดชิด****
---- Cut-up fresh, thawed Frozen, drained can fruit เช่น สัปรดกระป๋อง ลิ้นจี่กระป๋อง ฯลฯ ใช้ประมาณ 1 กิโล ---- Frozen Orange juice, thawed (concentrate) ใช้ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ---- น้ำ ตา่มต้องการ ----( 24 oz.) applesauce
วิธีทำ
1. ถ้าใช้ผลไม้แช่แข็ง หรือผลไม้สด ให้ Cook ก่อน โดยการใส่ผลไม้ และน้ำส้มเข้นข้นแช่แข็ง และน้ำพอประมาณ ให้ ท่วมผลไม้
2. นำไป Cook Medium heat จนกระทั่ง ผลไม้สุกนุ่ม ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็น
3. หลังจากนั้น ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงใน เครื่องปั่น (ปั่นแบบ puree จนกระทั่ง smooth)
4. เติม applesauce ลงไป แล้วปั่นต่ออีกหน่อยให้เข้ากัน (ถ้าเราใช้ผลไม้กระป๋อง ให้ผสมส่วนผสมทุกอย่างทีเดียวเลย และใส่ลงไปในเครื่องปั่น)
5. ชิมรส ตามชอบ / ปรุงตามชอบ
6. ต่อจากนั้น ให้เตรียมถาด (Fruit roll up sheet) สเปรย์น้ำมันเคลือบก่อน ทุกครั้ง เช็ดด้วย กระดาษ (paper Towel) ให้ทาเคลือบบนถาดบาง ๆ
7. เทส่วนผสมที่ puree เสร็จแล้วลงไปในถาด กระจาย ๆ ออกให้สม่ำเสมอกัน ใช้เวลาในการอบแห้งประมาณ 8-12 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น จนกว่าจะแห้ง
ส่วนผสม:
1. โยเกิต..(รสธรรมชาติ) plain nonfat yogurt 1 ถ้วย 2. 1 cup applesauce or 1 cup cook peachs or pear or 1 cup fresh carrot juice or 1 cup pineapplesauce (สัปรดปั่นละเอียด)..... ****กรุณาเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น***
****และในกรณีที่เราจะใช้โยเกิตแบบรสผสมผลไม้ที่มีขายอยู่ตามท้องตลาด...ก็สามารถทำไ้ด้เลย... โดยไม่ต้องใช้ส่วนผสมใด ๆ อีก....เทโยเกิตของในถาดอบแห้งเลยค่ะ...ประมาณ 2-2 1/2 ถ้วยต่อ 1 ถาด...)
วิธีทำ : เหมือนกันทุกอย่างกับสูตรวิธีทำ applesauce ที่ได้กล่าวไว้แล้ว (กรุณาย้อนกลับไปดูด้วยค่ะ....)
****เก็บไว้ในตู้เย็นก่อนนะคะ...ช่วงที่ยังไม่ได้ใช้...เมื่อจะใช้ค่อยนำออกมา...สามารถเก็บไว้ได้เป็นปี ๆ ค่ะ...)
ส่วนผสม :
1. ฟักทองนึ่งสุกแล้ว 2 ถ้วย 2. นมข้นหวาน (กระป๋อง) 1 ถ้วย 3. ผลไม้ปั่นละเีอียด (สัปรดปั่นละเอียดละกันค่ะ...ง่ายดี...หาง่ายด้วย...) 2 ถ้วย 4. น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย 5. ลูกเกดแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ : นำส่วนผสมทั้งหมด มาปั่น puree รวมกัน ชิมรส เทลงในถาดอบแห้ง (อย่าลืมเคลือบผิวด้วยน้ำมันพืชก่อนทุกครั้ง...) ใช้เวลาในการอบประมาณ12-18 ชั่วโมง (มั่นค่อยเช็คความแห้ง...ของอาหาร...อย่าให้แห้งมาจนเกินไป...เผื่อว่าเมื่ออาหารเย็นแล้วจะจับความแข็งเพิ่มมากยิ่งขึ้น...)
***สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปี ๆ เช่นเดียวกันค่ะ